Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. โคปาลสุตฺตวณฺณนา

    7. Gopālasuttavaṇṇanā

    ๑๗. สตฺตเม ติโสฺส กถา เอกนาฬิกา จตุรสฺสา นิสินฺนวตฺติกาติฯ ตตฺถ ปาฬิํ วตฺวา เอเกกสฺส ปทสฺส อตฺถกถนํ เอกนาฬิกา นาม ฯ อปณฺฑิตโคปาลกํ ทเสฺสตฺวา, อปณฺฑิตภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวา, ปณฺฑิตโคปาลกํ ทเสฺสตฺวา, ปณฺฑิตภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวาติ จตุกฺกํ พนฺธิตฺวา กถนํ จตุรสฺสา นามฯ อปณฺฑิตโคปาลกํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนํ, อปณฺฑิตภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนํ, ปณฺฑิตโคปาลกํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนํ, ปณฺฑิตภิกฺขุํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนนฺติ อยํ นิสินฺนวตฺติกา นามฯ อยํ อิธ สพฺพาจริยานํ อาจิณฺณาฯ

    17. Sattame tisso kathā ekanāḷikā caturassā nisinnavattikāti. Tattha pāḷiṃ vatvā ekekassa padassa atthakathanaṃ ekanāḷikā nāma . Apaṇḍitagopālakaṃ dassetvā, apaṇḍitabhikkhuṃ dassetvā, paṇḍitagopālakaṃ dassetvā, paṇḍitabhikkhuṃ dassetvāti catukkaṃ bandhitvā kathanaṃ caturassā nāma. Apaṇḍitagopālakaṃ dassetvā pariyosānagamanaṃ, apaṇḍitabhikkhuṃ dassetvā pariyosānagamanaṃ, paṇḍitagopālakaṃ dassetvā pariyosānagamanaṃ, paṇḍitabhikkhuṃ dassetvā pariyosānagamananti ayaṃ nisinnavattikā nāma. Ayaṃ idha sabbācariyānaṃ āciṇṇā.

    เอกาทสหิ , ภิกฺขเว, อเงฺคหีติ เอกาทสหิ อคุณโกฎฺฐาเสหิฯ โคคณนฺติ โคมณฺฑลํฯ ปริหริตุนฺติ ปริคฺคเหตฺวา วิจริตุํฯ ผาติํ กาตุนฺติ วฑฺฒิํ อาปาเทตุํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ น รูปญฺญู โหตีติ คณนโต วา วณฺณโต วา รูปํ น ชานาติฯ คณนโต น ชานาติ นาม อตฺตโน คุนฺนํ สตํ วา สหสฺสํ วาติ สงฺขฺยํ น ชานาติ, โส คาวีสุ หฎาสุ วา ปลาตาสุ วา โคคณํ คเณตฺวา ‘‘อชฺช เอตฺตกา น ทิสฺสนฺตี’’ติ เทฺว ตีณิ คามนฺตรานิ วา อฎวิํ วา วิจรโนฺต น ปริเยสติฯ อเญฺญสํ คาวีสุ อตฺตโน โคคณํ ปวิฎฺฐาสุปิ โคคณํ คเณตฺวา ‘‘อิมา เอตฺติกา คาโว น อมฺหาก’’นฺติ ยฎฺฐิยา โปเถตฺวา น นีหรติฯ ตสฺส นฎฺฐา คาวิโย นฎฺฐาว โหนฺติฯ ปรคาวิโย คเหตฺวา จรติฯ โคสามิกา ทิสฺวา ‘‘อยํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ เธนู ทุหี’’ติ ตเชฺชตฺวา อตฺตโน คาวิโย คเหตฺวา คจฺฉนฺติฯ ตสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปญฺจ โครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ วณฺณโต น ชานาติ นาม ‘‘เอตฺติกา คาวี เสตา, เอตฺติกา รตฺตา, เอตฺติกา กาฬา, เอตฺติกา โอทาตา, เอตฺติกา กพรา, เอตฺติกา นีลา’’ติ น ชานาติฯ โส คาวีสุ หฎาสุ วา ปลาตาสุ วา…เป.… ปญฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Ekādasahi, bhikkhave, aṅgehīti ekādasahi aguṇakoṭṭhāsehi. Gogaṇanti gomaṇḍalaṃ. Pariharitunti pariggahetvā vicarituṃ. Phātiṃ kātunti vaḍḍhiṃ āpādetuṃ. Idhāti imasmiṃ loke. Na rūpaññū hotīti gaṇanato vā vaṇṇato vā rūpaṃ na jānāti. Gaṇanato na jānāti nāma attano gunnaṃ sataṃ vā sahassaṃ vāti saṅkhyaṃ na jānāti, so gāvīsu haṭāsu vā palātāsu vā gogaṇaṃ gaṇetvā ‘‘ajja ettakā na dissantī’’ti dve tīṇi gāmantarāni vā aṭaviṃ vā vicaranto na pariyesati. Aññesaṃ gāvīsu attano gogaṇaṃ paviṭṭhāsupi gogaṇaṃ gaṇetvā ‘‘imā ettikā gāvo na amhāka’’nti yaṭṭhiyā pothetvā na nīharati. Tassa naṭṭhā gāviyo naṭṭhāva honti. Paragāviyo gahetvā carati. Gosāmikā disvā ‘‘ayaṃ ettakaṃ kālaṃ amhākaṃ dhenū duhī’’ti tajjetvā attano gāviyo gahetvā gacchanti. Tassa gogaṇopi parihāyati, pañca gorasaparibhogatopi paribāhiro hoti. Vaṇṇato na jānāti nāma ‘‘ettikā gāvī setā, ettikā rattā, ettikā kāḷā, ettikā odātā, ettikā kabarā, ettikā nīlā’’ti na jānāti. So gāvīsu haṭāsu vā palātāsu vā…pe… pañcagorasaparibhogatopi paribāhiro hoti.

    น ลกฺขณกุสโลติ คาวีนํ สรีเร กตํ ธนุสตฺติสูลาทิเภทํ ลกฺขณํ น ชานาติฯ โส คาวีสุ หฎาสุ วา ปลาตาสุ วา ‘‘อชฺช อสุกลกฺขณา อสุกลกฺขณา จ คาโว น ทิสฺสนฺตี’’ติ…เป.… ปญฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na lakkhaṇakusaloti gāvīnaṃ sarīre kataṃ dhanusattisūlādibhedaṃ lakkhaṇaṃ na jānāti. So gāvīsu haṭāsu vā palātāsu vā ‘‘ajja asukalakkhaṇā asukalakkhaṇā ca gāvo na dissantī’’ti…pe… pañcagorasaparibhogatopi paribāhiro hoti.

    น อาสาฎิกํ หาเรตาติ คุนฺนํ ขาณุกณฺฎกาทีหิ ปหฎฎฺฐาเนสุ วโณ โหติฯ ตตฺถ นีลมกฺขิกา อณฺฑกานิ ฐเปนฺติ, เตสํ อาสาฎิกาติ นามํฯ ตานิ ทณฺฑเกน อปเนตฺวา เภสชฺชํ ทาตพฺพํ โหติ, พาโล โคปาลโก ตถา น กโรติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘น อาสาฎิกํ หาเรตา โหตี’’ติฯ ตสฺส คุนฺนํ วณา วฑฺฒนฺติ, คมฺภีรา โหนฺติ, ปาณกา กุจฺฉิํ ปวิสนฺติ, คาโว เคลญฺญาภิภูตา เนว ยาวทตฺถํ ติณํ ขาทิตุํ น ปานียํ ปาตุํ สโกฺกนฺติฯ ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ, โคณานํ ชโว หายติ, อุภเยสมฺปิ ชีวิตนฺตราโย โหติฯ เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ…เป.… ปญฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na āsāṭikaṃ hāretāti gunnaṃ khāṇukaṇṭakādīhi pahaṭaṭṭhānesu vaṇo hoti. Tattha nīlamakkhikā aṇḍakāni ṭhapenti, tesaṃ āsāṭikāti nāmaṃ. Tāni daṇḍakena apanetvā bhesajjaṃ dātabbaṃ hoti, bālo gopālako tathā na karoti. Tena vuttaṃ – ‘‘na āsāṭikaṃ hāretā hotī’’ti. Tassa gunnaṃ vaṇā vaḍḍhanti, gambhīrā honti, pāṇakā kucchiṃ pavisanti, gāvo gelaññābhibhūtā neva yāvadatthaṃ tiṇaṃ khādituṃ na pānīyaṃ pātuṃ sakkonti. Tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati, goṇānaṃ javo hāyati, ubhayesampi jīvitantarāyo hoti. Evamassa gogaṇopi parihāyati…pe… pañcagorasatopi paribāhiro hoti.

    น วณํ ปฎิจฺฉาเทตา โหตีติ คุนฺนํ วุตฺตนเยเนว สญฺชาโต วโณ เภสชฺชํ ทตฺวา วาเกน วา จีรเกน วา พนฺธิตฺวา ปฎิจฺฉาเทตโพฺพ โหติฯ พาลโคปาลโก ตํ น กโรติฯ อถสฺส คุนฺนํ วเณหิ ยูสา ปคฺฆรนฺติ, ตา อญฺญมญฺญํ นิฆํสนฺติฯ เตน อเญฺญสมฺปิ วณา ชายนฺติฯ เอวํ คาโว เคลญฺญาภิภูตา เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vaṇaṃ paṭicchādetā hotīti gunnaṃ vuttanayeneva sañjāto vaṇo bhesajjaṃ datvā vākena vā cīrakena vā bandhitvā paṭicchādetabbo hoti. Bālagopālako taṃ na karoti. Athassa gunnaṃ vaṇehi yūsā paggharanti, tā aññamaññaṃ nighaṃsanti. Tena aññesampi vaṇā jāyanti. Evaṃ gāvo gelaññābhibhūtā neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ…pe… paribāhiro hoti.

    น ธูมํ กตฺตา โหตีติ อโนฺตวเสฺส ฑํสมกสาทีนํ อุสฺสนฺนกาเล โคคเณ วชํ ปวิเฎฺฐ ตตฺถ ตตฺถ ธูโม กาตโพฺพ โหติฯ อปณฺฑิตโคปาลโก ตํ น กโรติ, โคคโณ สพฺพรตฺติํ ฑํสาทีหิ อุปทฺทุโต นิทฺทํ อลภิตฺวา ปุนทิวเส อรเญฺญ ตตฺถ ตตฺถ รุกฺขมูลาทีสุ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายติฯ เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na dhūmaṃ kattā hotīti antovasse ḍaṃsamakasādīnaṃ ussannakāle gogaṇe vajaṃ paviṭṭhe tattha tattha dhūmo kātabbo hoti. Apaṇḍitagopālako taṃ na karoti, gogaṇo sabbarattiṃ ḍaṃsādīhi upadduto niddaṃ alabhitvā punadivase araññe tattha tattha rukkhamūlādīsu nipajjitvā niddāyati. Neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ…pe… paribāhiro hoti.

    น ติตฺถํ ชานาตีติ ติตฺถมฺปิ สมนฺติ วา วิสมนฺติ วา สคาหนฺติ วา นิคฺคาหนฺติ วา น ชานาติฯ โส อติเตฺถน คาวิโย โอตาเรติฯ ตาสํ วิสมติเตฺถ ปาสาณาทีนิ อกฺกมนฺตีนํ ปาทา ภิชฺชนฺติฯ สคาหํ คมฺภีรํ ติตฺถํ โอติเณฺณ กุมฺภีลาทโย คาโว คณฺหนฺติ, ‘‘อชฺช เอตฺติกา คาโว นฎฺฐา, อชฺช เอตฺติกา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชนฺติฯ เอวมสฺส โค คโณปิ ปริหายติ…เป.… ปญฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na titthaṃ jānātīti titthampi samanti vā visamanti vā sagāhanti vā niggāhanti vā na jānāti. So atitthena gāviyo otāreti. Tāsaṃ visamatitthe pāsāṇādīni akkamantīnaṃ pādā bhijjanti. Sagāhaṃ gambhīraṃ titthaṃ otiṇṇe kumbhīlādayo gāvo gaṇhanti, ‘‘ajja ettikā gāvo naṭṭhā, ajja ettikā’’ti vattabbataṃ āpajjanti. Evamassa go gaṇopi parihāyati…pe… pañcagorasatopi paribāhiro hoti.

    น ปีตํ ชานาตีติ ปีตมฺปิ อปีตมฺปิ น ชานาติฯ โคปาลเกน หิ ‘‘อิมาย คาวิยา ปีตํ, อิมาย น ปีตํ, อิมาย ปานียติเตฺถ โอกาโส ลโทฺธ, อิมาย น ลโทฺธ’’ติ เอวํ ปีตาปีตํ ชานิตพฺพํ โหติฯ อยํ ปน ทิวสภาเค อรเญฺญ โคคณํ รกฺขิตฺวา ‘‘ปานียํ ปาเยสฺสามี’’ติ นทิํ วา ตฬากํ วา โอคาเหตฺวา คจฺฉติฯ ตตฺถ มหาอุสภา จ อนุสภา จ พลวคาวิโย จ ทุพฺพลานิ เจว มหลฺลกานิ จ โครูปานิ สิเงฺคหิ วา ผาสุกาหิ วา ปหริตฺวา อตฺตโน โอกาสํ กตฺวา อูรุปฺปมาณํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ยถากามํ ปิวนฺติฯ อวเสสา โอกาสํ อลภมานา ตีเร ฐตฺวา กลลมิสฺสกํ อุทกํ ปิวนฺติ วา อปีตา เอว วา โหนฺติฯ อถ โส โคปาลโก ปิฎฺฐิยํ ปหริตฺวา ปุน อรญฺญํ ปเวเสติฯ ตตฺถ อปีตา คาวิโย ปิปาสาย สุสฺสมานา ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ น สโกฺกนฺติฯ ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติฯ โคณานํ ชโว หายติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na pītaṃ jānātīti pītampi apītampi na jānāti. Gopālakena hi ‘‘imāya gāviyā pītaṃ, imāya na pītaṃ, imāya pānīyatitthe okāso laddho, imāya na laddho’’ti evaṃ pītāpītaṃ jānitabbaṃ hoti. Ayaṃ pana divasabhāge araññe gogaṇaṃ rakkhitvā ‘‘pānīyaṃ pāyessāmī’’ti nadiṃ vā taḷākaṃ vā ogāhetvā gacchati. Tattha mahāusabhā ca anusabhā ca balavagāviyo ca dubbalāni ceva mahallakāni ca gorūpāni siṅgehi vā phāsukāhi vā paharitvā attano okāsaṃ katvā ūruppamāṇaṃ udakaṃ pavisitvā yathākāmaṃ pivanti. Avasesā okāsaṃ alabhamānā tīre ṭhatvā kalalamissakaṃ udakaṃ pivanti vā apītā eva vā honti. Atha so gopālako piṭṭhiyaṃ paharitvā puna araññaṃ paveseti. Tattha apītā gāviyo pipāsāya sussamānā yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ na sakkonti. Tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati. Goṇānaṃ javo hāyati…pe… paribāhiro hoti.

    น วีถิํ ชานาตีติ ‘‘อยํ มโคฺค สโม เขโม, อยํ วิสโม สาสโงฺก สปฺปฎิภโย’’ติ น ชานาติฯ โส สมํ เขมํ มคฺคํ วเชฺชตฺวา โคคณํ อิตรมคฺคํ ปฎิปาเทติฯ ตตฺถ คาโว สีหพฺยคฺฆาทีนํ คเนฺธน โจรปริสฺสเยน จ อภิภูตา ภนฺตมิคสปฺปฎิภาคา คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ติฎฺฐนฺติ , เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทนฺติ, น ปานียํ ปิวนฺติฯ ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vīthiṃ jānātīti ‘‘ayaṃ maggo samo khemo, ayaṃ visamo sāsaṅko sappaṭibhayo’’ti na jānāti. So samaṃ khemaṃ maggaṃ vajjetvā gogaṇaṃ itaramaggaṃ paṭipādeti. Tattha gāvo sīhabyagghādīnaṃ gandhena coraparissayena ca abhibhūtā bhantamigasappaṭibhāgā gīvaṃ ukkhipitvā tiṭṭhanti , neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādanti, na pānīyaṃ pivanti. Tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati…pe… paribāhiro hoti.

    โคจรกุสโล โหตีติ โคปาลเกน หิ โคจรกุสเลน ภวิตพฺพํ, ปญฺจาหิกจาโร วา สตฺตาหิกจาโร วา ชานิตโพฺพฯ เอกทิสาย โคคณํ จาเรตฺวา ปุนทิวเส ตตฺถ น จาเรตโพฺพฯ มหตา หิ โคคเณน จิณฺณฎฺฐานํ เภริตลํ วิย สุทฺธํ โหติ นิตฺติณํ, อุทกมฺปิ อาลุลียติฯ ตสฺมา ปญฺจเม วา สตฺตเม วา ทิวเส ปุน ตตฺถ จาเรตุํ วฎฺฎติฯ เอตฺตเกน หิ ติณมฺปิ ปฎิวิรุหติ, อุทกมฺปิ ปสีทติ, อยํ ปน อิมํ ปญฺจาหิกจารํ วา สตฺตาหิกจารํ วา น ชานาติ, ทิวเส ทิวเส รกฺขิตฎฺฐาเนเยว รกฺขติฯ อถสฺส โคคโณ หริตติณํ น ลภติ, สุกฺขติณํ ขาทโนฺต กลลมิสฺสกํ อุทกํ ปิวติฯ ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Nagocarakusalo hotīti gopālakena hi gocarakusalena bhavitabbaṃ, pañcāhikacāro vā sattāhikacāro vā jānitabbo. Ekadisāya gogaṇaṃ cāretvā punadivase tattha na cāretabbo. Mahatā hi gogaṇena ciṇṇaṭṭhānaṃ bheritalaṃ viya suddhaṃ hoti nittiṇaṃ, udakampi ālulīyati. Tasmā pañcame vā sattame vā divase puna tattha cāretuṃ vaṭṭati. Ettakena hi tiṇampi paṭiviruhati, udakampi pasīdati, ayaṃ pana imaṃ pañcāhikacāraṃ vā sattāhikacāraṃ vā na jānāti, divase divase rakkhitaṭṭhāneyeva rakkhati. Athassa gogaṇo haritatiṇaṃ na labhati, sukkhatiṇaṃ khādanto kalalamissakaṃ udakaṃ pivati. Tattha gunnaṃ khīraṃ chijjati…pe… paribāhiro hoti.

    อนวเสสโทหี จ โหตีติ ปณฺฑิตโคปาลเกน หิ ยาว วจฺฉกสฺส มํสโลหิตํ สณฺฐาติ, ตาว เอกํ เทฺว ถเน ฐเปตฺวา สาวเสสโทหินา ภวิตพฺพํฯ อยํ วจฺฉกสฺส กิญฺจิ อนวเสเสตฺวา ทุหติฯ ขีรปโก วโจฺฉ ขีรปิปาสาย สุสฺสติ, สณฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต กมฺปมาโน มาตุ ปุรโต ปติตฺวา กาลํ กโรนฺติฯ มาตา ปุตฺตกํ ทิสฺวา, ‘‘มยฺหํ ปุตฺตโก อตฺตโน มาตุขีรํ ปาตุํ น ลภตี’’ติ ปุตฺตโสเกน เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ น ปานียํ ปาตุํ สโกฺกติ, ถเนสุ ขีรํ ฉิชฺชติฯ เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ…เป.… ปญฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Anavasesadohī ca hotīti paṇḍitagopālakena hi yāva vacchakassa maṃsalohitaṃ saṇṭhāti, tāva ekaṃ dve thane ṭhapetvā sāvasesadohinā bhavitabbaṃ. Ayaṃ vacchakassa kiñci anavasesetvā duhati. Khīrapako vaccho khīrapipāsāya sussati, saṇṭhātuṃ asakkonto kampamāno mātu purato patitvā kālaṃ karonti. Mātā puttakaṃ disvā, ‘‘mayhaṃ puttako attano mātukhīraṃ pātuṃ na labhatī’’ti puttasokena neva yāvadatthaṃ tiṇāni khādituṃ na pānīyaṃ pātuṃ sakkoti, thanesu khīraṃ chijjati. Evamassa gogaṇopi parihāyati…pe… pañcagorasatopi paribāhiro hoti.

    คุนฺนํ ปิติฎฺฐานํ กโรนฺตีติ โคปิตโรฯ คาโว ปริณายนฺติ ยถารุจิํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตีติ โคปริณายกาฯ เต น อติเรกปูชายาติ ปณฺฑิโต หิ โคปาลโก เอวรูเป อุสเภ อติเรกปูชาย ปูเชติ, ปณีตํ โคภตฺตํ เทติ, คนฺธปญฺจงฺคุลิเกหิ มเณฺฑติ, มาลํ ปิฬเนฺธติ, สิเงฺคสุ สุวณฺณรชตโกสเก จ ธาเรติ, รตฺติํ ทีปํ ชาเลตฺวา เจลวิตานสฺส เหฎฺฐา สยาเปติฯ อยํ ปน ตโต เอกสกฺการมฺปิ น กโรติฯ อุสภา อติเรกปูชํ อลภมานา โคคณํ น รกฺขนฺติ, ปริสฺสยํ น วาเรนฺติฯ เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ…เป.… ปญฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Gunnaṃ pitiṭṭhānaṃ karontīti gopitaro. Gāvo pariṇāyanti yathāruciṃ gahetvā gacchantīti gopariṇāyakā. Te naatirekapūjāyāti paṇḍito hi gopālako evarūpe usabhe atirekapūjāya pūjeti, paṇītaṃ gobhattaṃ deti, gandhapañcaṅgulikehi maṇḍeti, mālaṃ piḷandheti, siṅgesu suvaṇṇarajatakosake ca dhāreti, rattiṃ dīpaṃ jāletvā celavitānassa heṭṭhā sayāpeti. Ayaṃ pana tato ekasakkārampi na karoti. Usabhā atirekapūjaṃ alabhamānā gogaṇaṃ na rakkhanti, parissayaṃ na vārenti. Evamassa gogaṇopi parihāyati…pe… pañcagorasatopi paribāhiro hoti.

    อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ น รูปญฺญู โหตีติ ‘‘จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ รูปํ ทฺวีหากาเรหิ น ชานาติ คณนโต วา สมุฎฺฐานโต วาฯ คณนโต น ชานาติ นาม – ‘‘จกฺขายตนํ โสตายตนํ ฆานายตนํ ชิวฺหากายรูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพายตนํ, อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยํ กายวิญฺญตฺติ วจีวิญฺญตฺติ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปสฺส ลหุตา, มุทุตา, กมฺมญฺญตา, อุปจโย, สนฺตติ, ชรตา, รูปสฺส อนิจฺจตา, กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ (ธ. ส. ๖๕๗-๖๖๕) เอวํ ปาฬิยา อาคตา ปญฺจวีสติ รูปโกฎฺฐาสาติ น ชานาติฯ เสยฺยถาปิ โส โคปาลโก คณนโต คุนฺนํ รูปํ น ชานาติ, ตถูปโม อยํ ภิกฺขุฯ โส คณนโต รูปํ อชานโนฺต รูปํ ปริคฺคเหตฺวา อรูปํ ววตฺถเปตฺวา รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา ปจฺจยํ สลฺลเกฺขตฺวา ลกฺขณํ อาโรเปตฺวา กมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สโกฺกติฯ โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน สีลสมาธิวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพาเนหิ น วฑฺฒติฯ ยถา จ โส โคปาลโก ปญฺจหิ โครเสหิ ปริพาหิโร โหติ , เอวเมวายํ อเสเขน สีลกฺขเนฺธน อเสเขน สมาธิปญฺญาวิมุตฺติ วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธนาติ ปญฺจหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Idhāti imasmiṃ sāsane. Na rūpaññū hotīti ‘‘cattāri mahābhūtāni catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpa’’nti evaṃ vuttaṃ rūpaṃ dvīhākārehi na jānāti gaṇanato vā samuṭṭhānato vā. Gaṇanato na jānāti nāma – ‘‘cakkhāyatanaṃ sotāyatanaṃ ghānāyatanaṃ jivhākāyarūpasaddagandharasaphoṭṭhabbāyatanaṃ, itthindriyaṃ purisindriyaṃ jīvitindriyaṃ kāyaviññatti vacīviññatti ākāsadhātu āpodhātu rūpassa lahutā, mudutā, kammaññatā, upacayo, santati, jaratā, rūpassa aniccatā, kabaḷīkāro āhāro’’ti (dha. sa. 657-665) evaṃ pāḷiyā āgatā pañcavīsati rūpakoṭṭhāsāti na jānāti. Seyyathāpi so gopālako gaṇanato gunnaṃ rūpaṃ na jānāti, tathūpamo ayaṃ bhikkhu. So gaṇanato rūpaṃ ajānanto rūpaṃ pariggahetvā arūpaṃ vavatthapetvā rūpārūpaṃ pariggahetvā paccayaṃ sallakkhetvā lakkhaṇaṃ āropetvā kammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpetuṃ na sakkoti. So yathā tassa gopālakassa gogaṇo na vaḍḍhati, evaṃ imasmiṃ sāsane sīlasamādhivipassanāmaggaphalanibbānehi na vaḍḍhati. Yathā ca so gopālako pañcahi gorasehi paribāhiro hoti , evamevāyaṃ asekhena sīlakkhandhena asekhena samādhipaññāvimutti vimuttiñāṇadassanakkhandhenāti pañcahi dhammakkhandhehi paribāhiro hoti.

    สมุฎฺฐานโต น ชานาติ นาม – ‘‘เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ ทฺวิสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ ติสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ จตุสมุฎฺฐานํ, เอตฺตกํ นกุโตจิ สมุฎฺฐาตี’’ติ น ชานาติฯ เสยฺยถาปิ โส โคปาลโก วณฺณโต คุนฺนํ รูปํ น ชานาติ, ตถูปโม อยํ ภิกฺขุฯ โส สมุฎฺฐานโต รูปํ อชานโนฺต รูปํ ปริคฺคเหตฺวา…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Samuṭṭhānatona jānāti nāma – ‘‘ettakaṃ rūpaṃ ekasamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ dvisamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ tisamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ catusamuṭṭhānaṃ, ettakaṃ nakutoci samuṭṭhātī’’ti na jānāti. Seyyathāpi so gopālako vaṇṇato gunnaṃ rūpaṃ na jānāti, tathūpamo ayaṃ bhikkhu. So samuṭṭhānato rūpaṃ ajānanto rūpaṃ pariggahetvā…pe… paribāhiro hoti.

    น ลกฺขณกุสโล โหตีติ ‘‘กมฺมลกฺขโณ พาโล, กมฺมลกฺขโณ ปณฺฑิโต’’ติ เอวํ วุตฺตํ กุสลากุสลกมฺมํ ปณฺฑิตพาลลกฺขณนฺติ น ชานาติฯ โส เอวํ อชานโนฺต พาเล วเชฺชตฺวา ปณฺฑิเต น เสวติฯ พาเล วเชฺชตฺวา ปณฺฑิเต อเสวโนฺต กปฺปิยากปฺปิยํ กุสลากุสลํ สาวชฺชานวชฺชํ ครุกลหุกํ สเตกิจฺฉาเตกิจฺฉํ การณาการณํ น ชานาติฯ ตํ อชานโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติฯ โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน ยถาวุเตฺตหิ สีลาทีหิ น วฑฺฒติฯ โส โคปาลโก วิย จ ปญฺจหิ โครเสหิ, ปญฺจหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ ปริพาหิโร โหติฯ

    Na lakkhaṇakusalo hotīti ‘‘kammalakkhaṇo bālo, kammalakkhaṇo paṇḍito’’ti evaṃ vuttaṃ kusalākusalakammaṃ paṇḍitabālalakkhaṇanti na jānāti. So evaṃ ajānanto bāle vajjetvā paṇḍite na sevati. Bāle vajjetvā paṇḍite asevanto kappiyākappiyaṃ kusalākusalaṃ sāvajjānavajjaṃ garukalahukaṃ satekicchātekicchaṃ kāraṇākāraṇaṃ na jānāti. Taṃ ajānanto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti. So yathā tassa gopālakassa gogaṇo na vaḍḍhati, evaṃ imasmiṃ sāsane yathāvuttehi sīlādīhi na vaḍḍhati. So gopālako viya ca pañcahi gorasehi, pañcahi dhammakkhandhehi paribāhiro hoti.

    น อาสาฎิกํ หาเรตา โหตีติ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติ เอวํ วุเตฺต กามวิตกฺกาทโย น วิโนเทติฯ โส อิมํ อกุสลวิตกฺกํ อาสาฎิกํ อหาเรตฺวา วิตกฺกวสิโก หุตฺวา วิจรโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติฯ โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na āsāṭikaṃ hāretā hotīti ‘‘uppannaṃ kāmavitakka’’nti evaṃ vutte kāmavitakkādayo na vinodeti. So imaṃ akusalavitakkaṃ āsāṭikaṃ ahāretvā vitakkavasiko hutvā vicaranto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti. So yathā tassa gopālakassa…pe… paribāhiro hoti.

    น วณํ ปฎิจฺฉาเทตา โหตีติ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหตี’’ติอาทินา นเยน สพฺพารมฺมเณสุ นิมิตฺตํ คณฺหโนฺต ยถา โส โคปาลโก วณํ น ปฎิจฺฉาเทติ, เอวํ สํวรํ น สมฺปาเทติฯ โส วิวฎทฺวาโร วิจรโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vaṇaṃ paṭicchādetā hotīti ‘‘cakkhunā rūpaṃ disvā nimittaggāhī hotī’’tiādinā nayena sabbārammaṇesu nimittaṃ gaṇhanto yathā so gopālako vaṇaṃ na paṭicchādeti, evaṃ saṃvaraṃ na sampādeti. So vivaṭadvāro vicaranto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น ธูมํ กตฺตา โหตีติ โส โคปาลโก ธูมํ วิย ธมฺมเทสนาธูมํ น กโรติ, ธมฺมกถํ วา สรภญฺญํ วา อุปนิสินฺนกกถํ วา อนุโมทนํ วา น กโรติ, ตโต นํ มนุสฺสา ‘‘พหุสฺสุโต คุณวา’’ติ น ชานนฺติฯ เต คุณาคุณํ อชานโนฺต จตูหิ ปจฺจเยหิ สงฺคหํ น กโรนฺติฯ โส ปจฺจเยหิ กิลมมาโน พุทฺธวจนํ สชฺฌายํ กาตุํ วตฺตปฎิวตฺตํ ปูเรตุํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na dhūmaṃ kattā hotīti so gopālako dhūmaṃ viya dhammadesanādhūmaṃ na karoti, dhammakathaṃ vā sarabhaññaṃ vā upanisinnakakathaṃ vā anumodanaṃ vā na karoti, tato naṃ manussā ‘‘bahussuto guṇavā’’ti na jānanti. Te guṇāguṇaṃ ajānanto catūhi paccayehi saṅgahaṃ na karonti. So paccayehi kilamamāno buddhavacanaṃ sajjhāyaṃ kātuṃ vattapaṭivattaṃ pūretuṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    ติตฺถํ ชานาตีติ ติตฺถภูเต พหุสฺสุตภิกฺขู น อุปสงฺกมติฯ อนุปสงฺกมโนฺต ‘‘อิทํ, ภเนฺต, พฺยญฺชนํ กถํ โรเปตพฺพํ? อิมสฺส ภาสิตสฺส โก อโตฺถ? อิมสฺมิํ ฐาเน ปาฬิ กิํ วทติ? อิมสฺมิํ ฐาเน อโตฺถ กิํ ทีเปตี’’ติ เอวํ น ปริปุจฺฉติ น ปริปญฺหติ, น ชานาเปตีติ อโตฺถฯ ตสฺส เต เอวํ อปริปุจฺฉิตา อวิวฎเญฺจว น วิวรนฺติ, ภาเชตฺวา น ทเสฺสนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ น อุตฺตานิํ กโรนฺติ, อปากฎํ น ปากฎํ กโรนฺติฯ อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฐานิเยสุ ธเมฺมสูติ อเนกวิธาสุ กงฺขาสุ เอกกงฺขมฺปิ น ปฎิวิโนเทนฺติฯ กงฺขาเยว หิ กงฺขาฐานิยา ธมฺมา นามฯ ตตฺถ เอกํ กงฺขมฺปิ น นีหรนฺตีติ อโตฺถฯ โส เอวํ พหุสฺสุตติตฺถํ อนุปสงฺกมิตฺวา สกโงฺข กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติฯ ยถา วา โส โคปาลโก ติตฺถํ น ชานาติ, เอวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ ธมฺมติตฺถํ น ชานาติฯ อชานโนฺต อวิสเย ปญฺหํ ปุจฺฉติ, อาภิธมฺมิกํ อุปสงฺกมิตฺวา กปฺปิยากปฺปิยํ ปุจฺฉติ, วินยธรํ อุปสงฺกมิตฺวา รูปารูปปริเจฺฉทํ ปุจฺฉติฯ เต อวิสเย ปุฎฺฐา กเถตุํ น สโกฺกนฺติฯ โส อตฺตนา สกโงฺข กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Natitthaṃ jānātīti titthabhūte bahussutabhikkhū na upasaṅkamati. Anupasaṅkamanto ‘‘idaṃ, bhante, byañjanaṃ kathaṃ ropetabbaṃ? Imassa bhāsitassa ko attho? Imasmiṃ ṭhāne pāḷi kiṃ vadati? Imasmiṃ ṭhāne attho kiṃ dīpetī’’ti evaṃ na paripucchati na paripañhati, na jānāpetīti attho. Tassa te evaṃ aparipucchitā avivaṭañceva na vivaranti, bhājetvā na dassenti, anuttānīkatañca na uttāniṃ karonti, apākaṭaṃ na pākaṭaṃ karonti. Anekavihitesu ca kaṅkhāṭhāniyesu dhammesūti anekavidhāsu kaṅkhāsu ekakaṅkhampi na paṭivinodenti. Kaṅkhāyeva hi kaṅkhāṭhāniyā dhammā nāma. Tattha ekaṃ kaṅkhampi na nīharantīti attho. So evaṃ bahussutatitthaṃ anupasaṅkamitvā sakaṅkho kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti. Yathā vā so gopālako titthaṃ na jānāti, evaṃ ayampi bhikkhu dhammatitthaṃ na jānāti. Ajānanto avisaye pañhaṃ pucchati, ābhidhammikaṃ upasaṅkamitvā kappiyākappiyaṃ pucchati, vinayadharaṃ upasaṅkamitvā rūpārūpaparicchedaṃ pucchati. Te avisaye puṭṭhā kathetuṃ na sakkonti. So attanā sakaṅkho kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    ปีตํ ชานาตีติ ยถา โส โคปาลโก ปีตาปีตํ น ชานาติ, เอวํ ธมฺมูปสญฺหิตํ ปาโมชฺชํ น ชานาติ น ลภติฯ สวนมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุํ นิสฺสาย อานิสํสํ น วินฺทติ, ธมฺมสฺสวนคฺคํ คนฺตฺวา สกฺกจฺจํ น สุณาติ, นิสิโนฺน นิทฺทายติ, กถํ กเถติ, อญฺญวิหิตโก โหติฯ โส สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อสฺสุณโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Napītaṃ jānātīti yathā so gopālako pītāpītaṃ na jānāti, evaṃ dhammūpasañhitaṃ pāmojjaṃ na jānāti na labhati. Savanamayaṃ puññakiriyavatthuṃ nissāya ānisaṃsaṃ na vindati, dhammassavanaggaṃ gantvā sakkaccaṃ na suṇāti, nisinno niddāyati, kathaṃ katheti, aññavihitako hoti. So sakkaccaṃ dhammaṃ assuṇanto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น วีถิํ ชานาตีติ โส โคปาลโก มคฺคามคฺคํ วิย ‘‘อยํ โลกิโย, อยํ โลกุตฺตโร’’ติ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อชานโนฺต โลกิยมเคฺค อภินิวิสิตฺวา โลกุตฺตรํ นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na vīthiṃ jānātīti so gopālako maggāmaggaṃ viya ‘‘ayaṃ lokiyo, ayaṃ lokuttaro’’ti ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. Ajānanto lokiyamagge abhinivisitvā lokuttaraṃ nibbattetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    น โคจรกุสโล โหตีติ โส โคปาลโก ปญฺจาหิกสตฺตาหิกจาเร วิย จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ‘‘อิเม โลกิยา, อิเม โลกุตฺตรา’’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อชานโนฺต สุขุมฎฺฐาเนสุ อตฺตโน ญาณํ จราเปตฺวา โลกิยสติปฎฺฐาเน อภินิวิสิตฺวา โลกุตฺตรํ นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Na gocarakusalo hotīti so gopālako pañcāhikasattāhikacāre viya cattāro satipaṭṭhāne ‘‘ime lokiyā, ime lokuttarā’’ti yathābhūtaṃ nappajānāti. Ajānanto sukhumaṭṭhānesu attano ñāṇaṃ carāpetvā lokiyasatipaṭṭhāne abhinivisitvā lokuttaraṃ nibbattetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    อนวเสสโทหี โหตีติ ปฎิคฺคหเณ มตฺตํ อชานโนฺต อนวเสสํ ทุหติฯ นิเทฺทสวาเร ปนสฺส อภิหฎฺฐุํ ปวาเรนฺตีติ อภิหริตฺวา ปวาเรนฺติฯ เอตฺถ เทฺว อภิหารา วาจาภิหาโร จ, ปจฺจยาภิหาโร จฯ วาจาภิหาโร นาม มนุสฺสา ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘วเทยฺยาถ, ภเนฺต, เยนโตฺถ’’ติ ปวาเรนฺติฯ ปจฺจยาภิหาโร นาม วตฺถาทีนิ วา สปฺปินวนีตผาณิตาทีนิ วา คเหตฺวา ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต, ยาวตเกน อโตฺถ’’ติ วทนฺติฯ ตตฺร ภิกฺขุ มตฺตํ น ชานาตีติ ภิกฺขุ เตสุ ปจฺจเยสุ ปมาณํ น ชานาติฯ ‘‘ทายกสฺส วโส เวทิตโพฺพ, เทยฺยธมฺมสฺส วโส เวทิตโพฺพ, อตฺตโน ถาโม เวทิตโพฺพ’’ติ อิมินา นเยน ปมาณยุตฺตกํ อคฺคเหตฺวา ยํ อาหรนฺติ, ตํ สพฺพํ คณฺหาตีติ อโตฺถฯ มนุสฺสา วิปฺปฎิสาริโน น ปุน อภิหริตฺวา ปวาเรนฺติฯ โส ปจฺจเยหิ กิลมโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกติ…เป.… ปริพาหิโร โหติฯ

    Anavasesadohīhotīti paṭiggahaṇe mattaṃ ajānanto anavasesaṃ duhati. Niddesavāre panassa abhihaṭṭhuṃ pavārentīti abhiharitvā pavārenti. Ettha dve abhihārā vācābhihāro ca, paccayābhihāro ca. Vācābhihāro nāma manussā bhikkhussa santikaṃ gantvā ‘‘vadeyyātha, bhante, yenattho’’ti pavārenti. Paccayābhihāro nāma vatthādīni vā sappinavanītaphāṇitādīni vā gahetvā bhikkhussa santikaṃ gantvā ‘‘gaṇhatha, bhante, yāvatakena attho’’ti vadanti. Tatra bhikkhu mattaṃ na jānātīti bhikkhu tesu paccayesu pamāṇaṃ na jānāti. ‘‘Dāyakassa vaso veditabbo, deyyadhammassa vaso veditabbo, attano thāmo veditabbo’’ti iminā nayena pamāṇayuttakaṃ aggahetvā yaṃ āharanti, taṃ sabbaṃ gaṇhātīti attho. Manussā vippaṭisārino na puna abhiharitvā pavārenti. So paccayehi kilamanto kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkoti…pe… paribāhiro hoti.

    เต น อติเรกปูชาย ปูเชตา โหตีติ โส โคปาลโก มหาอุสเภ วิย เถเร ภิกฺขู อิมาย อาวิ เจว รโห จ เมตฺตากายกมฺมาทิกาย อติเรกปูชาย น ปูเชติฯ ตโต เถรา ‘‘อิเม อเมฺหสุ ครุจิตฺตีการํ น กโรนฺตี’’ติ นวเก ภิกฺขู ทฺวีหิ สงฺคเหหิ น สงฺคณฺหนฺติ, เนว ธมฺมสงฺคเหน สงฺคณฺหนฺติ, น อามิสสงฺคเหน, จีวเรน วา ปเตฺตน วา ปตฺตปริยาปเนฺนน วา วสนฎฺฐาเนน วา กิลมเนฺตปิ นปฺปฎิชคฺคนฺติ, ปาฬิํ วา อฎฺฐกถํ วา ธมฺมกถาพนฺธํ วา คุฬฺหคนฺถํ วา น สิกฺขาเปนฺติฯ นวกา เถรานํ สนฺติกา สพฺพโส อิเม เทฺว สงฺคเห อลภมานา อิมสฺมิํ สาสเน ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกนฺติฯ ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ สีลาทีหิ น วฑฺฒนฺติฯ ยถา จ โส โคปาลโก ปญฺจหิ โครเสหิ, เอวํ ปญฺจหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ ปริพาหิรา โหนฺติฯ สุกฺกปโกฺข กณฺหปเกฺข วุตฺตวิปลฺลาสวเสน โยเชตฺวา เวทิตโพฺพฯ

    Te na atirekapūjāya pūjetā hotīti so gopālako mahāusabhe viya there bhikkhū imāya āvi ceva raho ca mettākāyakammādikāya atirekapūjāya na pūjeti. Tato therā ‘‘ime amhesu garucittīkāraṃ na karontī’’ti navake bhikkhū dvīhi saṅgahehi na saṅgaṇhanti, neva dhammasaṅgahena saṅgaṇhanti, na āmisasaṅgahena, cīvarena vā pattena vā pattapariyāpannena vā vasanaṭṭhānena vā kilamantepi nappaṭijagganti, pāḷiṃ vā aṭṭhakathaṃ vā dhammakathābandhaṃ vā guḷhaganthaṃ vā na sikkhāpenti. Navakā therānaṃ santikā sabbaso ime dve saṅgahe alabhamānā imasmiṃ sāsane patiṭṭhātuṃ na sakkonti. Yathā tassa gopālakassa gogaṇo na vaḍḍhati, evaṃ sīlādīhi na vaḍḍhanti. Yathā ca so gopālako pañcahi gorasehi, evaṃ pañcahi dhammakkhandhehi paribāhirā honti. Sukkapakkho kaṇhapakkhe vuttavipallāsavasena yojetvā veditabbo.

    อนุสฺสติวโคฺค ทุติโยฯ

    Anussativaggo dutiyo.

    มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Manorathapūraṇiyā aṅguttaranikāya-aṭṭhakathāya

    เอกาทสกนิปาตสฺส สํวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekādasakanipātassa saṃvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. โคปาลสุตฺตํ • 7. Gopālasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. โคปาลสุตฺตวณฺณนา • 7. Gopālasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact