Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๗. โคปาลสุตฺตวณฺณนา

    7. Gopālasuttavaṇṇanā

    ๑๗. สตฺตเม ติโสฺส กถาติ ติโสฺส อฎฺฐกถา, ติวิธา สุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนาติ อโตฺถฯ เอเกกํ ปทํ นาฬํ มูลํ เอติสฺสาติ เอวํสญฺญิตา เอกนาฬิกาฯ เอเกกํ วา ปทํ นาฬํ อตฺถนิคฺคมนมโคฺค เอติสฺสาติ เอกนาฬิกาฯ เตนาห ‘‘เอเกกสฺส ปทสฺส อตฺถกถน’’นฺติฯ จตฺตาโร อํสา ภาคา อตฺถสลฺลกฺขณูปายา เอติสฺสาติ จตุรสฺสาฯ เตนาห ‘‘จตุกฺกํ พนฺธิตฺวา กถน’’นฺติฯ นิยมโต นิสินฺนสฺส อารทฺธสฺส วโตฺต สํวโตฺต เอติสฺสา อตฺถีติ นิสินฺนวตฺติกา, ยถารทฺธสฺส อตฺถสฺส วิสุํ วิสุํ ปริโยสาปิกาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปณฺฑิตโคปาลกํ ทเสฺสตฺวา’’ติอาทิฯ เอเกกสฺสปิ ปทสฺส ปิณฺฑตฺถทสฺสนวเสน พหูนํ ปทานํ เอกชฺฌํ อตฺถํ อกเถตฺวา เอกเมกสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนา อยํ สพฺพตฺถ ลพฺภติฯ จตุกฺกํ พนฺธิตฺวาติ กณฺหปเกฺข อุปโมปเมยฺยทฺวยํ, ตถา สุกฺกปเกฺขติ อิทํ จตุกฺกํ โยเชตฺวาฯ อยํ เอทิเสสุ เอว สุเตฺตสุ ลพฺภติฯ ปริโยสานคมนนฺติ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘กณฺหปเกฺข อุปมํ ทเสฺสตฺวา อุปมา จ นาม ยาวเทว อุปเมยฺยสมฺปฎิปาทนตฺถาติ อุปเมยฺยตฺถํ อาหริตฺวา สํกิเลสปกฺขนิเทฺทโส จ โวทานปกฺขวิภาวนตฺถายาติ สุกฺกปกฺขมฺปิ อุปโมปเมยฺยวิภาเคน อาหริตฺวา สุตฺตตฺถสฺส ปริโยสาปนํฯ กณฺหปเกฺข อุปเมยฺยํ ทเสฺสตฺวา ปริโยสานคมนาทีสุปิ เอเสว นโย’’ติฯ อปเร ปน ‘‘กณฺหปเกฺข, สุกฺกปเกฺข จ ตํตํอุปมูปเมยฺยตฺถานํ วิสุํ วิสุํ ปริโยสาเปตฺวาว กถนํ ปริโยสานคมน’’นฺติ วทนฺติฯ อยนฺติ นิสินฺนวตฺติกาฯ อิธาติ อิมสฺมิํ โคปาลกสุเตฺตฯ สพฺพาจริยานํ อาจิณฺณาติ สเพฺพหิปิ ปุพฺพาจริเยหิ อาจริตา สํวณฺณิตา, ตถา เจว ปาฬิ ปวตฺตาติฯ

    17. Sattame tisso kathāti tisso aṭṭhakathā, tividhā suttassa atthavaṇṇanāti attho. Ekekaṃ padaṃ nāḷaṃ mūlaṃ etissāti evaṃsaññitā ekanāḷikā. Ekekaṃ vā padaṃ nāḷaṃ atthaniggamanamaggo etissāti ekanāḷikā. Tenāha ‘‘ekekassa padassa atthakathana’’nti. Cattāro aṃsā bhāgā atthasallakkhaṇūpāyā etissāti caturassā. Tenāha ‘‘catukkaṃ bandhitvā kathana’’nti. Niyamato nisinnassa āraddhassa vatto saṃvatto etissā atthīti nisinnavattikā, yathāraddhassa atthassa visuṃ visuṃ pariyosāpikāti attho. Tenāha ‘‘paṇḍitagopālakaṃ dassetvā’’tiādi. Ekekassapi padassa piṇḍatthadassanavasena bahūnaṃ padānaṃ ekajjhaṃ atthaṃ akathetvā ekamekassa padassa atthavaṇṇanā ayaṃ sabbattha labbhati. Catukkaṃ bandhitvāti kaṇhapakkhe upamopameyyadvayaṃ, tathā sukkapakkheti idaṃ catukkaṃ yojetvā. Ayaṃ edisesu eva suttesu labbhati. Pariyosānagamananti keci tāva āhu ‘‘kaṇhapakkhe upamaṃ dassetvā upamā ca nāma yāvadeva upameyyasampaṭipādanatthāti upameyyatthaṃ āharitvā saṃkilesapakkhaniddeso ca vodānapakkhavibhāvanatthāyāti sukkapakkhampi upamopameyyavibhāgena āharitvā suttatthassa pariyosāpanaṃ. Kaṇhapakkhe upameyyaṃ dassetvā pariyosānagamanādīsupi eseva nayo’’ti. Apare pana ‘‘kaṇhapakkhe, sukkapakkhe ca taṃtaṃupamūpameyyatthānaṃ visuṃ visuṃ pariyosāpetvāva kathanaṃ pariyosānagamana’’nti vadanti. Ayanti nisinnavattikā. Idhāti imasmiṃ gopālakasutte. Sabbācariyānaṃ āciṇṇāti sabbehipi pubbācariyehi ācaritā saṃvaṇṇitā, tathā ceva pāḷi pavattāti.

    องฺคียนฺติ อวยวภาเวน ญายนฺตีติ องฺคานิ, โกฎฺฐาสาฯ ตานิ ปเนตฺถ ยสฺมา สาวชฺชสภาวานิ, ตสฺมา อาห ‘‘อเงฺคหีติ อคุณโกฎฺฐาเสหี’’ติฯ โคมณฺฑลนฺติ โคสมูหํฯ ปริหริตุนฺติ รกฺขิตุํฯ ตํ ปน ปริหรณํ ปริคฺคเหตฺวา วิจรณนฺติ อาห ‘‘ปริคฺคเหตฺวา วิจริตุ’’นฺติฯ วฑฺฒินฺติ คุนฺนํ พหุภาวํ พหุโครสตาสงฺขาตํ ปริวุทฺธิํฯ ‘‘เอตฺตกมิท’’นฺติ รูปียตีติ รูปํ, ปริมาณปริเจฺฉโทปิ สรีรรูปมฺปีติ อาห ‘‘คณนโต วา วณฺณโต วา’’ติฯ น ปริเยสติ วินฎฺฐภาวเสฺสว อชานนโตฯ นีลาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถฯ เตน เสตสพลาทิวณฺณํ สงฺคณฺหาติฯ

    Aṅgīyanti avayavabhāvena ñāyantīti aṅgāni, koṭṭhāsā. Tāni panettha yasmā sāvajjasabhāvāni, tasmā āha ‘‘aṅgehīti aguṇakoṭṭhāsehī’’ti. Gomaṇḍalanti gosamūhaṃ. Pariharitunti rakkhituṃ. Taṃ pana pariharaṇaṃ pariggahetvā vicaraṇanti āha ‘‘pariggahetvā vicaritu’’nti. Vaḍḍhinti gunnaṃ bahubhāvaṃ bahugorasatāsaṅkhātaṃ parivuddhiṃ. ‘‘Ettakamida’’nti rūpīyatīti rūpaṃ, parimāṇaparicchedopi sarīrarūpampīti āha ‘‘gaṇanato vā vaṇṇato vā’’ti. Na pariyesati vinaṭṭhabhāvasseva ajānanato. Nīlāti ettha iti-saddo ādiattho. Tena setasabalādivaṇṇaṃ saṅgaṇhāti.

    ธนุสตฺติสูลาทีติ เอตฺถ อิสฺสาสาจริยานํ คาวีสุ กตํ ธนุลกฺขณํฯ กุมารภตฺติคณานํ คาวีสุ กตํ สตฺติลกฺขณํฯ อิสฺสรภตฺติคณานํ คาวีสุ กตํ สูลลกฺขณนฺติ โยชนาฯ อาทิ-สเทฺทน รามวาสุเทวคณาทีนํ คาวีสุ กตํ ผรสุจกฺกาทิลกฺขณํ สงฺคณฺหาติฯ

    Dhanusattisūlādīti ettha issāsācariyānaṃ gāvīsu kataṃ dhanulakkhaṇaṃ. Kumārabhattigaṇānaṃ gāvīsu kataṃ sattilakkhaṇaṃ. Issarabhattigaṇānaṃ gāvīsu kataṃ sūlalakkhaṇanti yojanā. Ādi-saddena rāmavāsudevagaṇādīnaṃ gāvīsu kataṃ pharasucakkādilakkhaṇaṃ saṅgaṇhāti.

    นีลมกฺขิกาติ ปิงฺคลมกฺขิกา, ขุทฺทกมกฺขิกา เอว วาฯ สฎติ รุชติ เอตายาติ สาฎิกา, สํวฑฺฒา สาฎิกา อาสาฎิกาฯ เตนาห ‘‘วฑฺฒนฺตี’’ติอาทิฯ หาเรตาติ อปเนตาฯ

    Nīlamakkhikāti piṅgalamakkhikā, khuddakamakkhikā eva vā. Saṭati rujati etāyāti sāṭikā, saṃvaḍḍhā sāṭikā āsāṭikā. Tenāha ‘‘vaḍḍhantī’’tiādi. Hāretāti apanetā.

    วาเกนาติ วากปเฎฺฎนฯ จีรเกนาติ ปิโลติเกนฯ อโนฺตวเสฺสติ วสฺสกาลสฺส อพฺภนฺตเรฯ นิคฺคาหนฺติ สุสุมาราทิคฺคาหรหิตํฯ ปีตนฺติ ปานียสฺส ปีตภาวํฯ สีหพฺยคฺฆาทิปริสฺสเยน สาสโงฺก สปฺปฎิภโย

    Vākenāti vākapaṭṭena. Cīrakenāti pilotikena. Antovasseti vassakālassa abbhantare. Niggāhanti susumārādiggāharahitaṃ. Pītanti pānīyassa pītabhāvaṃ. Sīhabyagghādiparissayena sāsaṅko sappaṭibhayo.

    ปญฺจ อหานิ เอกสฺสาติ ปญฺจาหิโก, โส เอว วาโรติ, ปญฺจาหิกวาโรฯ เอวํ สตฺตาหิกวาโรปิ เวทิตโพฺพฯ จิณฺณฎฺฐานนฺติ จริตฎฺฐานํ โคจรคฺคหิตฎฺฐานํฯ

    Pañca ahāni ekassāti pañcāhiko, so eva vāroti, pañcāhikavāro. Evaṃ sattāhikavāropi veditabbo. Ciṇṇaṭṭhānanti caritaṭṭhānaṃ gocaraggahitaṭṭhānaṃ.

    ปิติฎฺฐานนฺติ ปิตรา กาตพฺพฎฺฐานํ, ปิตรา กาตพฺพกิจฺจนฺติ อโตฺถฯ ยถารุจิํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตีติ คุนฺนํ รุจิอนุรูปํ โคจรภูมิํ วา นทิปารํ วา คเหตฺวา คจฺฉนฺติฯ โคภตฺตนฺติ กปฺปาสฎฺฐิกาทิมิสฺสํ โคภุญฺชิตพฺพํ ภตฺตํฯ ภตฺตคฺคหเณเนว ยาคุปิ สงฺคหิตาฯ

    Pitiṭṭhānanti pitarā kātabbaṭṭhānaṃ, pitarā kātabbakiccanti attho. Yathāruciṃ gahetvā gacchantīti gunnaṃ rucianurūpaṃ gocarabhūmiṃ vā nadipāraṃ vā gahetvā gacchanti. Gobhattanti kappāsaṭṭhikādimissaṃ gobhuñjitabbaṃ bhattaṃ. Bhattaggahaṇeneva yāgupi saṅgahitā.

    ทฺวีหากาเรหีติ วุตฺตํ อาการทฺวยํ ทเสฺสตุํ ‘‘คณนโต วา สมุฎฺฐานโต วา’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ ปาฬิยํ อาคตาติ ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ ชาติํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา หทยวตฺถุํ อคฺคเหตฺวา ทสายตนานิ ปญฺจทส สุขุมรูปานีติ เอวํ รูปกณฺฑปาฬิยํ (ธ. ส. ๖๖๖) อาคตาฯ ปญฺจวีสติ รูปโกฎฺฐาสาติ สลกฺขณโต อญฺญมญฺญสงฺกราภาวโต รูปภาคาฯ รูปโกฎฺฐาสาติ วา วิสุํ วิสุํ อปฺปวตฺติตฺวา กลาปภาเวเนว ปวตฺตนโต รูปกลาปาฯ โกฎฺฐาสาติ จ อํสา อวยวาติ อโตฺถฯ โกฎฺฐนฺติ วา สรีรํ, ตสฺส อํสา เกสาทโย โกฎฺฐาสาติ อเญฺญปิ อวยวา โกฎฺฐาสา วิย โกฎฺฐาสาฯ

    Dvīhākārehīti vuttaṃ ākāradvayaṃ dassetuṃ ‘‘gaṇanato vā samuṭṭhānato vā’’ti vuttaṃ. Evaṃ pāḷiyaṃ āgatāti ‘‘upacayo santatī’’ti jātiṃ dvidhā bhinditvā hadayavatthuṃ aggahetvā dasāyatanāni pañcadasa sukhumarūpānīti evaṃ rūpakaṇḍapāḷiyaṃ (dha. sa. 666) āgatā. Pañcavīsati rūpakoṭṭhāsāti salakkhaṇato aññamaññasaṅkarābhāvato rūpabhāgā. Rūpakoṭṭhāsāti vā visuṃ visuṃ appavattitvā kalāpabhāveneva pavattanato rūpakalāpā. Koṭṭhāsāti ca aṃsā avayavāti attho. Koṭṭhanti vā sarīraṃ, tassa aṃsā kesādayo koṭṭhāsāti aññepi avayavā koṭṭhāsā viya koṭṭhāsā.

    เสยฺยถาปีติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํฯ ตตฺถ รูปํ ปริคฺคเหตฺวาติ ยถาวุตฺตํ รูปํ สลกฺขณโต ญาเณน ปริคฺคณฺหิตฺวาฯ อรูปํ ววตฺถเปตฺวาติ ตํ รูปํ นิสฺสาย อารมฺมณญฺจ กตฺวา ปวตฺตมาเน เวทนาทิเก จตฺตาโร ขเนฺธ อรูปนฺติ ววตฺถเปตฺวาฯ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวาติ ปุน ตตฺถ ยํ รูปฺปนลกฺขณํ, ตํ รูปํฯ ตทญฺญํ อรูปํฯ อุภยวินิมุตฺตํ กิญฺจิ นตฺถิ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ เอวํ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวาฯ ตทุภยญฺจ อวิชฺชาทินา ปจฺจเยน สปจฺจยนฺติ ปจฺจยํ สลฺลเกฺขตฺวา, อนิจฺจตาทิลกฺขณํ อาโรเปตฺวา โย กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน กมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สโกฺกติ, โส น วฑฺฒตีติ โยชนาฯ

    Seyyathāpītiādi upamāsaṃsandanaṃ. Tattha rūpaṃ pariggahetvāti yathāvuttaṃ rūpaṃ salakkhaṇato ñāṇena pariggaṇhitvā. Arūpaṃ vavatthapetvāti taṃ rūpaṃ nissāya ārammaṇañca katvā pavattamāne vedanādike cattāro khandhe arūpanti vavatthapetvā. Rūpārūpaṃ pariggahetvāti puna tattha yaṃ rūppanalakkhaṇaṃ, taṃ rūpaṃ. Tadaññaṃ arūpaṃ. Ubhayavinimuttaṃ kiñci natthi attā vā attaniyaṃ vāti evaṃ rūpārūpaṃ pariggahetvā. Tadubhayañca avijjādinā paccayena sapaccayanti paccayaṃ sallakkhetvā, aniccatādilakkhaṇaṃ āropetvā yo kalāpasammasanādikkamena kammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpetuṃ na sakkoti, so na vaḍḍhatīti yojanā.

    เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฎฺฐานนฺติ จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสินฺทฺริยํ, ชีวิตินฺทฺริยนฺติ อฎฺฐวิธํ กมฺมวเสน; กายวิญฺญตฺติ, วจีวิญฺญตฺตีติ อิทํ ทฺวยํ จิตฺตวเสนาติ เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฎฺฐานํฯ สทฺทายตนเมกํ อุตุจิตฺตวเสน ทฺวิสมุฎฺฐานํฯ รูปสฺส ลหุตา, มุทุตา, กมฺมญฺญตาติ เอตฺตกํ รูปํ อุตุจิตฺตาหารวเสน ติสมุฎฺฐานํฯ รูปายตนํ, คนฺธายตนํ, รสายตนํ, โผฎฺฐพฺพายตนํ, อากาสธาตุ, อาโปธาตุ, กพฬีกาโร อาหาโรติ เอตฺตกํ รูปํ อุตุจิตฺตาหารกมฺมวเสน จตุสมุฎฺฐานํฯ อุปจโย, สนฺตติ, ชรตา, รูปสฺส อนิจฺจตาติ เอตฺตกํ รูปํ น กุโตจิ สมุฎฺฐาตีติ น ชานาติฯ สมุฎฺฐานโต รูปํ อชานโนฺตติอาทีสุ วตฺตพฺพํ ‘‘คณนโต รูปํ อชานโนฺต’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Ettakaṃ rūpaṃ ekasamuṭṭhānanti cakkhāyatanaṃ, sotāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, itthindriyaṃ, purisindriyaṃ, jīvitindriyanti aṭṭhavidhaṃ kammavasena; kāyaviññatti, vacīviññattīti idaṃ dvayaṃ cittavasenāti ettakaṃ rūpaṃ ekasamuṭṭhānaṃ. Saddāyatanamekaṃ utucittavasena dvisamuṭṭhānaṃ. Rūpassa lahutā, mudutā, kammaññatāti ettakaṃ rūpaṃ utucittāhāravasena tisamuṭṭhānaṃ. Rūpāyatanaṃ, gandhāyatanaṃ, rasāyatanaṃ, phoṭṭhabbāyatanaṃ, ākāsadhātu, āpodhātu, kabaḷīkāro āhāroti ettakaṃ rūpaṃ utucittāhārakammavasena catusamuṭṭhānaṃ. Upacayo, santati, jaratā, rūpassa aniccatāti ettakaṃ rūpaṃ na kutoci samuṭṭhātīti na jānāti. Samuṭṭhānato rūpaṃ ajānantotiādīsu vattabbaṃ ‘‘gaṇanato rūpaṃ ajānanto’’tiādīsu vuttanayeneva veditabbaṃ.

    กมฺมลกฺขโณติ อตฺตนา กตํ ทุจฺจริตกมฺมํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ กมฺมลกฺขโณ, พาโลฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิฯ กตมานิ ตีณิ? ทุจฺจินฺติตจินฺตี โหติ, ทุพฺภาสิตภาสี, ทุกฺกฎกมฺมการี ฯ อิมานิ โข…เป.… ลกฺขณานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๖; อ. นิ. ๓.๓)ฯ อตฺตนา กตํ สุจริตกมฺมํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ กมฺมลกฺขโณ, ปณฺฑิโตฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิฯ กตมานิ ตีณิ? สุจินฺติตจินฺตี โหติ, สุภาสิตภาสี, สุกตกมฺมการีฯ อิมานิ โข…เป.… ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๓; อ. นิ. ๓.๓)ฯ เตนาห ‘‘กุสลากุสลกมฺมํ ปณฺฑิตพาลลกฺขณ’’นฺติฯ

    Kammalakkhaṇoti attanā kataṃ duccaritakammaṃ lakkhaṇaṃ etassāti kammalakkhaṇo, bālo. Vuttañhetaṃ – ‘‘tīṇimāni, bhikkhave, bālassa bālalakkhaṇāni. Katamāni tīṇi? Duccintitacintī hoti, dubbhāsitabhāsī, dukkaṭakammakārī . Imāni kho…pe… lakkhaṇānī’’ti (ma. ni. 3.246; a. ni. 3.3). Attanā kataṃ sucaritakammaṃ lakkhaṇaṃ etassāti kammalakkhaṇo, paṇḍito. Vuttampi cetaṃ ‘‘tīṇimāni, bhikkhave, paṇḍitassa paṇḍitalakkhaṇāni. Katamāni tīṇi? Sucintitacintī hoti, subhāsitabhāsī, sukatakammakārī. Imāni kho…pe… paṇḍitalakkhaṇānī’’ti (ma. ni. 3.253; a. ni. 3.3). Tenāha ‘‘kusalākusalakammaṃ paṇḍitabālalakkhaṇa’’nti.

    พาเล วเชฺชตฺวา ปณฺฑิเต น เสวตีติ ยํ พาลปุคฺคเล วเชฺชตฺวา ปณฺฑิตเสวนํ อตฺถกาเมน กาตพฺพํ, ตํ น กโรติฯ ตถาภูตสฺส จ อยมาทีนโวติ ทเสฺสตุํ ปุน ‘‘พาเล วเชฺชตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ ภควตา ‘‘อิทํ โว กปฺปตี’’ติ อนุญฺญาตํ, ตทนุโลมเญฺจ, ตํ กปฺปิยํฯ ยํ ‘‘อิทํ โว น กปฺปตี’’ติ ปฎิกฺขิตฺตํ, ตทนุโลมเญฺจ, ตํ อกปฺปิยํฯ ยํ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ กุสลํ, ตปฺปฎิปกฺขํ อกุสลํฯ ตเทว สาวชฺชํ, กุสลํ อนวชฺชํฯ อาปตฺติโต อาทิโต เทฺว อาปตฺติกฺขนฺธา ครุกํ, ตทญฺญํ ลหุกํฯ ธมฺมโต มหาสาวชฺชํ ครุกํ, อปฺปสาวชฺชํ ลหุกํฯ สปฺปฎิการํ สเตกิจฺฉํ, อปฺปฎิการํ อเตกิจฺฉํฯ ธมฺมตานุคตํ การณํ, อิตรํ อการณํฯ ตํ อชานโนฺตติ กปฺปิยากปฺปิยํ, ครุก-ลหุกํ, สเตกิจฺฉาเตกิจฺฉํ อชานโนฺต สุวิสุทฺธํ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สโกฺกติฯ กุสลากุสลํ, สาวชฺชานวชฺชํ, การณาการณํ อชานโนฺต ขนฺธาทีสุ อกุสลตาย รูปารูปปริคฺคหมฺปิ กาตุํ น สโกฺกติ, กุโต ตสฺส กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วฑฺฒนาฯ เตนาห ‘‘กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วเฑฺฒตุํ น สโกฺกตี’’ติฯ

    Bāle vajjetvā paṇḍite na sevatīti yaṃ bālapuggale vajjetvā paṇḍitasevanaṃ atthakāmena kātabbaṃ, taṃ na karoti. Tathābhūtassa ca ayamādīnavoti dassetuṃ puna ‘‘bāle vajjetvā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yaṃ bhagavatā ‘‘idaṃ vo kappatī’’ti anuññātaṃ, tadanulomañce, taṃ kappiyaṃ. Yaṃ ‘‘idaṃ vo na kappatī’’ti paṭikkhittaṃ, tadanulomañce, taṃ akappiyaṃ. Yaṃ kosallasambhūtaṃ, taṃ kusalaṃ, tappaṭipakkhaṃ akusalaṃ. Tadeva sāvajjaṃ, kusalaṃ anavajjaṃ. Āpattito ādito dve āpattikkhandhā garukaṃ, tadaññaṃ lahukaṃ. Dhammato mahāsāvajjaṃ garukaṃ, appasāvajjaṃ lahukaṃ. Sappaṭikāraṃ satekicchaṃ, appaṭikāraṃ atekicchaṃ. Dhammatānugataṃ kāraṇaṃ, itaraṃ akāraṇaṃ. Taṃ ajānantoti kappiyākappiyaṃ, garuka-lahukaṃ, satekicchātekicchaṃ ajānanto suvisuddhaṃ katvā sīlaṃ rakkhituṃ na sakkoti. Kusalākusalaṃ, sāvajjānavajjaṃ, kāraṇākāraṇaṃ ajānanto khandhādīsu akusalatāya rūpārūpapariggahampi kātuṃ na sakkoti, kuto tassa kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhanā. Tenāha ‘‘kammaṭṭhānaṃ gahetvā vaḍḍhetuṃ na sakkotī’’ti.

    โควณสทิเส อตฺตภาเว อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต มิจฺฉาวิตกฺกา อาสาฎิกา วิยาติ อาสาฎิกาติ อาห ‘‘อกุสลวิตกฺกํ อาสาฎิกํ อหาเรตฺวา’’ติฯ

    Govaṇasadise attabhāve uppajjitvā tattha dukkhuppattihetuto micchāvitakkā āsāṭikā viyāti āsāṭikāti āha ‘‘akusalavitakkaṃ āsāṭikaṃ ahāretvā’’ti.

    ‘‘คโณฺฑติ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจเนฺนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๐๓; อ. นิ. ๘.๕๖; ๙.๑๕) วจนโต ฉหิ วณมุเขหิ วิสฺสนฺทมานยูโส คโณฺฑ วิย ปิโลติกาขเณฺฑน ฉทฺวาเรหิ วิสฺสนฺทมานกิเลสาสุจิ อตฺตภาววโณ สติสํวเรน ปิทหิตโพฺพ, อยํ ปน เอวํ น กโรตีติ อาห ‘‘ยถา โส โคปาลโก วณํ น ปฎิจฺฉาเทติ, เอวํ สํวรํ น สมฺปาเทตี’’ติฯ

    ‘‘Gaṇḍoti kho, bhikkhave, pañcannetaṃ upādānakkhandhānaṃ adhivacana’’nti (saṃ. ni. 4.103; a. ni. 8.56; 9.15) vacanato chahi vaṇamukhehi vissandamānayūso gaṇḍo viya pilotikākhaṇḍena chadvārehi vissandamānakilesāsuci attabhāvavaṇo satisaṃvarena pidahitabbo, ayaṃ pana evaṃ na karotīti āha ‘‘yathā so gopālako vaṇaṃ na paṭicchādeti, evaṃ saṃvaraṃ na sampādetī’’ti.

    ยถา ธูโม อินฺธนํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมาโน สโณฺห สุขุโม, ตํ ตํ วิวรํ อนุปวิสฺส พฺยาเปโนฺต สตฺตานํ ฑํสมกสาทิปริสฺสยํ วิโนเทติ, อคฺคิชาลาสมุฎฺฐานสฺส ปุพฺพงฺคโม โหติ, เอวํ ธมฺมเทสนาญาณสฺส อินฺธนภูตํ รูปารูปธมฺมชาตํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมานา สณฺหา สุขุมา ตํ ตํ ขนฺธนฺตรํ อายตนนฺตรญฺจ อนุปวิสฺส พฺยาเปติ, สตฺตานํ มิจฺฉาวิตกฺกาทิปริสฺสยํ วิโนเทติ, ญาณคฺคิชาลาสมุฎฺฐาปนสฺส ปุพฺพงฺคโม โหติ, ตสฺมา ธูโม วิยาติ ธูโมติ อาห ‘‘โคปาลโก ธูมํ วิย ธมฺมเทสนาธูมํ น กโรตี’’ติฯ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส กาตพฺพา ตทนุจฺฉวิกา ธมฺมกถา อุปนิสินฺนกกถาฯ กตสฺส ทานาทิปุญฺญสฺส อนุโมทนกถา อนุโมทนาฯ ตโตติ ธมฺมกถาทีนํ อกรณโตฯ ‘‘พหุสฺสุโต คุณวาติ น ชานนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ อตฺตโน ชานาปนตฺถํ ธมฺมกถาทิ น กาตพฺพเมวาติ? สจฺจํ น กาตพฺพเมว, สุทฺธาสเยน ปน ธเมฺม กถิเต ตสฺส คุณชานนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เตนาห ภควา –

    Yathā dhūmo indhanaṃ nissāya uppajjamāno saṇho sukhumo, taṃ taṃ vivaraṃ anupavissa byāpento sattānaṃ ḍaṃsamakasādiparissayaṃ vinodeti, aggijālāsamuṭṭhānassa pubbaṅgamo hoti, evaṃ dhammadesanāñāṇassa indhanabhūtaṃ rūpārūpadhammajātaṃ nissāya uppajjamānā saṇhā sukhumā taṃ taṃ khandhantaraṃ āyatanantarañca anupavissa byāpeti, sattānaṃ micchāvitakkādiparissayaṃ vinodeti, ñāṇaggijālāsamuṭṭhāpanassa pubbaṅgamo hoti, tasmā dhūmo viyāti dhūmoti āha ‘‘gopālako dhūmaṃ viya dhammadesanādhūmaṃ na karotī’’ti. Attano santikaṃ upagantvā nisinnassa kātabbā tadanucchavikā dhammakathā upanisinnakakathā. Katassa dānādipuññassa anumodanakathā anumodanā. Tatoti dhammakathādīnaṃ akaraṇato. ‘‘Bahussuto guṇavāti na jānantī’’ti kasmā vuttaṃ? Nanu attano jānāpanatthaṃ dhammakathādi na kātabbamevāti? Saccaṃ na kātabbameva, suddhāsayena pana dhamme kathite tassa guṇajānanaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tenāha bhagavā –

    ‘‘นาภาสมานํ ชานนฺติ, มิสฺสํ พาเลหิ ปณฺฑิตํ;

    ‘‘Nābhāsamānaṃ jānanti, missaṃ bālehi paṇḍitaṃ;

    ภาสเย โชตเย ธมฺมํ, ปคฺคเณฺห อิสินํ ธช’’นฺติฯ

    Bhāsaye jotaye dhammaṃ, paggaṇhe isinaṃ dhaja’’nti.

    ตรนฺติ โอตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, นทิตฬากาทีนํ นหานปานาทิอตฺถํ โอตรณฎฺฐานํฯ ยถา ปน ตํ อุทเกน โอติณฺณสตฺตานํ สรีรมลํ ปวาเหติ, ปริสฺสมํ วิโนเทติ, วิสุทฺธิํ อุปฺปาเทติ, เอวํ พหุสฺสุตา อตฺตโน สมีปํ โอติณฺณสตฺตานํ ธโมฺมทเกน จิตฺตมลํ ปวาเหนฺติ, ปริสฺสมํ วิโนเทนฺติ, วิสุทฺธิํ อุปฺปาเทนฺติ, ตสฺมา เต ติตฺถํ วิยาติ ติตฺถํฯ เตนาห ‘‘ติตฺถภูเต พหุสฺสุตภิกฺขู’’ติฯ พฺยญฺชนํ กถํ โรเปตพฺพนฺติ, ภเนฺต, อิทํ พฺยญฺชนํ อยํ สโทฺท กถํ อิมสฺมิํ อเตฺถ โรเปตโพฺพ, เกน ปกาเรน อิมสฺส อตฺถสฺส วาจโก ชาโตฯ ‘‘นิรูเปตพฺพ’’นฺติ วา ปาโฐ, นิรูเปตพฺพํ อยํ สภาวนิรุตฺติ กถเมตฺถ นิรูฬฺหาติ อธิปฺปาโยฯ อิมสฺส ภาสิตสฺส โก อโตฺถติ สทฺทตฺถํ ปุจฺฉติฯ อิมสฺมิํ ฐาเนติ อิมสฺมิํ ปาฬิปฺปเทเสฯ ปาฬิ กิํ วทตีติ ภาวตฺถํ ปุจฺฉติฯ อโตฺถ กิํ ทีเปตีติ ภาวตฺถํ วา? สเงฺกตตฺถํ วาฯ น ปริปุจฺฉตีติ วิมติเจฺฉทนปุจฺฉาวเสน สพฺพโส ปุจฺฉํ น กโรติฯ น ปริปญฺหตีติ ปริ ปริ อตฺตโน ญาตุํ อิจฺฉํ น อาจิกฺขติ, น วิภาเวติฯ เตนาห ‘‘น ชานาเปตี’’ติฯ เตติ พหุสฺสุตภิกฺขูฯ วิวรณํ นาม อตฺถสฺส วิภชิตฺวา กถนนฺติ อาห ‘‘ภาเชตฺวา น เทเสนฺตี’’ติฯ อนุตฺตานีกตนฺติ ญาเณน อปากฎีกตํ คุยฺหํ ปฎิจฺฉนฺนํฯ น อุตฺตานิํ กโรนฺตีติ สิเนรุปาทมูเล วาลิกํ อุทฺธรโนฺต วิย ปถวีสนฺธาโรทกํ วิวริตฺวา ทเสฺสโนฺต วิย จ อุตฺตานํ น กโรนฺติฯ

    Taranti otaranti etthāti titthaṃ, naditaḷākādīnaṃ nahānapānādiatthaṃ otaraṇaṭṭhānaṃ. Yathā pana taṃ udakena otiṇṇasattānaṃ sarīramalaṃ pavāheti, parissamaṃ vinodeti, visuddhiṃ uppādeti, evaṃ bahussutā attano samīpaṃ otiṇṇasattānaṃ dhammodakena cittamalaṃ pavāhenti, parissamaṃ vinodenti, visuddhiṃ uppādenti, tasmā te titthaṃ viyāti titthaṃ. Tenāha ‘‘titthabhūte bahussutabhikkhū’’ti. Byañjanaṃ kathaṃ ropetabbanti, bhante, idaṃ byañjanaṃ ayaṃ saddo kathaṃ imasmiṃ atthe ropetabbo, kena pakārena imassa atthassa vācako jāto. ‘‘Nirūpetabba’’nti vā pāṭho, nirūpetabbaṃ ayaṃ sabhāvanirutti kathamettha nirūḷhāti adhippāyo. Imassa bhāsitassa ko atthoti saddatthaṃ pucchati. Imasmiṃ ṭhāneti imasmiṃ pāḷippadese. Pāḷi kiṃ vadatīti bhāvatthaṃ pucchati. Attho kiṃ dīpetīti bhāvatthaṃ vā? Saṅketatthaṃ vā. Na paripucchatīti vimaticchedanapucchāvasena sabbaso pucchaṃ na karoti. Na paripañhatīti pari pari attano ñātuṃ icchaṃ na ācikkhati, na vibhāveti. Tenāha ‘‘na jānāpetī’’ti. Teti bahussutabhikkhū. Vivaraṇaṃ nāma atthassa vibhajitvā kathananti āha ‘‘bhājetvā na desentī’’ti. Anuttānīkatanti ñāṇena apākaṭīkataṃ guyhaṃ paṭicchannaṃ. Na uttāniṃ karontīti sinerupādamūle vālikaṃ uddharanto viya pathavīsandhārodakaṃ vivaritvā dassento viya ca uttānaṃ na karonti.

    เอวํ ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน พหุสฺสุตา ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุตฺตา ปริยายโตฯ อิทานิ ตเมว ธมฺมํ นิปฺปริยายโต ‘‘ติตฺถ’’นฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ธโมฺม หิ ตรนฺติ โอตรนฺติ เอเตน นิพฺพานํ นาม ตฬากนฺติ ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุจฺจติฯ เตนาห ภควา สุเมธภูโต –

    Evaṃ yassa dhammassa vasena bahussutā ‘‘tittha’’nti vuttā pariyāyato. Idāni tameva dhammaṃ nippariyāyato ‘‘tittha’’nti dassetuṃ ‘‘yathā vā’’tiādi vuttaṃ. Dhammo hi taranti otaranti etena nibbānaṃ nāma taḷākanti ‘‘tittha’’nti vuccati. Tenāha bhagavā sumedhabhūto –

    ‘‘เอวํ กิเลสมลโธวํ, วิชฺชเนฺต อมตนฺตเฬ;

    ‘‘Evaṃ kilesamaladhovaṃ, vijjante amatantaḷe;

    น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ’’ติฯ (พุ. วํ. ๒.๑๔) –

    Na gavesati taṃ taḷākaṃ, na doso amatantaḷe’’ti. (bu. vaṃ. 2.14) –

    ธมฺมเสฺสว นิพฺพานโสฺสตรณติตฺถภูตสฺส โอตรณาการํ อชานโนฺต ‘‘ธมฺมติตฺถํ น ชานาตี’’ติ วุโตฺตฯ

    Dhammasseva nibbānassotaraṇatitthabhūtassa otaraṇākāraṃ ajānanto ‘‘dhammatitthaṃ na jānātī’’ti vutto.

    ปีตาปีตนฺติ โคคเณ ปีตํ อปีตญฺจ โครูปํ น ชานาติ, น วินฺทติฯ อวินฺทโนฺต หิ ‘‘น ลภตี’’ติ วุโตฺตฯ ‘‘อานิสํสํ น วินฺทตี’’ติ วตฺวา ตสฺส อวินฺทนาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ธมฺมสฺสวนคฺคํ คนฺตฺวา’’ติอาทิมาหฯ

    Pītāpītanti gogaṇe pītaṃ apītañca gorūpaṃ na jānāti, na vindati. Avindanto hi ‘‘na labhatī’’ti vutto. ‘‘Ānisaṃsaṃ na vindatī’’ti vatvā tassa avindanākāraṃ dassento ‘‘dhammassavanaggaṃ gantvā’’tiādimāha.

    อยํ โลกุตฺตโรติ ปทํ สนฺธายาห ‘‘อริย’’นฺติฯ ปจฺจาสตฺติญาเยน อนนฺตรสฺส หิ วิปฺปฎิเสโธ วาฯ อริยสโทฺท วา นิโทฺทสปริยาโย ทฎฺฐโพฺพฯ อฎฺฐงฺคิกนฺติ จ วิสุํ เอกชฺฌญฺจ อฎฺฐงฺคิกํ อุปาทาย คเหตพฺพํ, อฎฺฐงฺคตา พาหุลฺลโต จฯ เอวญฺจ กตฺวา สตฺตงฺคสฺสปิ อริยมคฺคสฺส สงฺคโห สิโทฺธ โหติฯ

    Ayaṃ lokuttaroti padaṃ sandhāyāha ‘‘ariya’’nti. Paccāsattiñāyena anantarassa hi vippaṭisedho vā. Ariyasaddo vā niddosapariyāyo daṭṭhabbo. Aṭṭhaṅgikanti ca visuṃ ekajjhañca aṭṭhaṅgikaṃ upādāya gahetabbaṃ, aṭṭhaṅgatā bāhullato ca. Evañca katvā sattaṅgassapi ariyamaggassa saṅgaho siddho hoti.

    จตฺตาโร สติปฎฺฐาเนติอาทีสุ อวิเสเสน สติปฎฺฐานา วุตฺตาฯ ตตฺถ กายเวทนาจิตฺตธมฺมารมฺมณา สติปฎฺฐานา โลกิยา, ตตฺถ สโมฺมหวิทฺธํสนวเสน ปวตฺตา นิพฺพานารมฺมณา โลกุตฺตราติ เอวํ ‘‘อิเม โลกิยา, อิเม โลกุตฺตรา’’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ

    Cattāro satipaṭṭhānetiādīsu avisesena satipaṭṭhānā vuttā. Tattha kāyavedanācittadhammārammaṇā satipaṭṭhānā lokiyā, tattha sammohaviddhaṃsanavasena pavattā nibbānārammaṇā lokuttarāti evaṃ ‘‘ime lokiyā, ime lokuttarā’’ti yathābhūtaṃ nappajānāti.

    อนวเสสํ ทุหตีติ ปฎิคฺคหเณ มตฺตํ อชานโนฺต กิสฺมิญฺจิ ทายเก สทฺธาหานิยา, กิสฺมิญฺจิ ปจฺจยหานิยา อนวเสสํ ทุหติฯ วาจาย อภิหาโร วาจาภิหาโรฯ ปจฺจยานํ อภิหาโร ปจฺจยาภิหาโร

    Anavasesaṃ duhatīti paṭiggahaṇe mattaṃ ajānanto kismiñci dāyake saddhāhāniyā, kismiñci paccayahāniyā anavasesaṃ duhati. Vācāya abhihāro vācābhihāro. Paccayānaṃ abhihāro paccayābhihāro.

    ‘‘อิเม อเมฺหสุ ครุจิตฺตีการํ น กโรนฺตี’’ติ อิมินา นวกานํ ภิกฺขูนํ สมฺมาปฎิปตฺติยา อภาวํ ทเสฺสติ อาจริยุปชฺฌาเยสุ ปิตุเปมสฺส อนุปฎฺฐาปนโต, เตน จ สิกฺขาคารวตาภาวทีปเนน สงฺคหสฺส อภาชนภาวํ, เตน เถรานํ เตสุ อนุคฺคหาภาวํฯ น หิ สีลาทิคุเณหิ สาสเน ถิรภาวปฺปตฺตา อนนุคฺคเหตเพฺพ สพฺรหฺมจารี อนุคฺคณฺหนฺติ, นิรตฺถกํ วา อนุคฺคหํ กโรนฺติฯ เตนาห ‘‘นวเก ภิกฺขู’’ติอาทิฯ ธมฺมกถาพนฺธนฺติ ปเวณิอาคตํ ปกิณฺณกธมฺมกถามคฺคํฯ สจฺจสตฺตปฺปฎิสนฺธิปจฺจยาการปฺปฎิสํยุตฺตํ สุญฺญตาทีปนํ คุฬฺหคนฺถํฯ วุตฺตวิปลฺลาสวเสนาติ ‘‘น รูปญฺญู’’ติอาทีสุ วุตฺตสฺส ปฎิเสธสฺส ปฎิเกฺขปวเสน อคฺคหณวเสนฯ โยเชตฺวาติ ‘‘รูปญฺญู โหตีติ คณนโต วา วณฺณโต วา รูปํ ชานาตี’’ติอาทินา, ‘‘ตสฺส โคคโณปิ น ปริหายติ, ปญฺจโครสปริโภคโตปิ น ปริพาหิโร โหตี’’ติอาทินา จ อตฺถํ โยเชตฺวาฯ เวทิตโพฺพติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปเท ยถารหํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    ‘‘Imeamhesu garucittīkāraṃ na karontī’’ti iminā navakānaṃ bhikkhūnaṃ sammāpaṭipattiyā abhāvaṃ dasseti ācariyupajjhāyesu pitupemassa anupaṭṭhāpanato, tena ca sikkhāgāravatābhāvadīpanena saṅgahassa abhājanabhāvaṃ, tena therānaṃ tesu anuggahābhāvaṃ. Na hi sīlādiguṇehi sāsane thirabhāvappattā ananuggahetabbe sabrahmacārī anuggaṇhanti, niratthakaṃ vā anuggahaṃ karonti. Tenāha ‘‘navake bhikkhū’’tiādi. Dhammakathābandhanti paveṇiāgataṃ pakiṇṇakadhammakathāmaggaṃ. Saccasattappaṭisandhipaccayākārappaṭisaṃyuttaṃ suññatādīpanaṃ guḷhaganthaṃ. Vuttavipallāsavasenāti ‘‘na rūpaññū’’tiādīsu vuttassa paṭisedhassa paṭikkhepavasena aggahaṇavasena. Yojetvāti ‘‘rūpaññū hotīti gaṇanato vā vaṇṇato vā rūpaṃ jānātī’’tiādinā, ‘‘tassa gogaṇopi na parihāyati, pañcagorasaparibhogatopi na paribāhiro hotī’’tiādinā ca atthaṃ yojetvā. Veditabboti tasmiṃ tasmiṃ pade yathārahaṃ attho veditabbo. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    โคปาลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Gopālasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Iti manorathapūraṇiyā aṅguttaranikāya-aṭṭhakathāya

    เอกาทสกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตาฯ

    Ekādasakanipātavaṇṇanāya anuttānatthadīpanā samattā.

    นิฎฺฐิตา จ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Niṭṭhitā ca manorathapūraṇiyā aṅguttaranikāya-aṭṭhakathāya

    อนุตฺตานตฺถปทวณฺณนาฯ

    Anuttānatthapadavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. โคปาลสุตฺตํ • 7. Gopālasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. โคปาลสุตฺตวณฺณนา • 7. Gopālasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact