Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๖. โคปาลวิมานวณฺณนา
6. Gopālavimānavaṇṇanā
ทิสฺวาน เทวํ ปฎิปุจฺฉิ ภิกฺขูติ โคปาลวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเนฯ เตน สมเยน ราชคหวาสี อญฺญตโร โคปาลโก ปาตราสตฺถาย ปิโลติกาย ปุฎพทฺธํ กุมฺมาสํ คเหตฺวา นครโต นิกฺขมิตฺวา คาวีนํ จรณฎฺฐานภูตํ โคจรภูมิํ สมฺปาปุณิฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ‘‘อยํ อิทาเนว กาลํ กริสฺสติ, มยฺหญฺจ กุมฺมาสํ ทตฺวา ตาวติํเสสุ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ จ ญตฺวา ตสฺส สมีปํ อคมาสิฯ โส เวลํ โอโลเกตฺวา เถรสฺส กุมฺมาสํ ทาตุกาโม อโหสิฯ เตน จ สมเยน คาวิโย มาสเกฺขตฺตํ ปวิสนฺติฯ อถ โส โคปาโล จิเนฺตสิ ‘‘กิํ นุ โข เถรสฺส กุมฺมาสํ ทเทยฺยํ, อุทาหุ คาวิโย มาสเกฺขตฺตโต นีหเรยฺย’’นฺติฯ อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘มาสสามิกา มํ ยํ อิจฺฉนฺติ, ตํ กโรนฺตุ, เถเร ปน คเต กุมฺมาสทานนฺตราโย เม สิยา, หนฺทาหํ ปฐมํ อยฺยสฺส กุมฺมาสํ ทสฺสามี’’ติ ตํ เถรสฺส อุปเนสิฯ ปฎิคฺคเหสิ เถโร อนุกมฺปํ อุปาทายฯ
Disvānadevaṃ paṭipucchi bhikkhūti gopālavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā rājagahe viharati veḷuvane. Tena samayena rājagahavāsī aññataro gopālako pātarāsatthāya pilotikāya puṭabaddhaṃ kummāsaṃ gahetvā nagarato nikkhamitvā gāvīnaṃ caraṇaṭṭhānabhūtaṃ gocarabhūmiṃ sampāpuṇi. Taṃ āyasmā mahāmoggallāno ‘‘ayaṃ idāneva kālaṃ karissati, mayhañca kummāsaṃ datvā tāvatiṃsesu uppajjissatī’’ti ca ñatvā tassa samīpaṃ agamāsi. So velaṃ oloketvā therassa kummāsaṃ dātukāmo ahosi. Tena ca samayena gāviyo māsakkhettaṃ pavisanti. Atha so gopālo cintesi ‘‘kiṃ nu kho therassa kummāsaṃ dadeyyaṃ, udāhu gāviyo māsakkhettato nīhareyya’’nti. Athassa etadahosi ‘‘māsasāmikā maṃ yaṃ icchanti, taṃ karontu, there pana gate kummāsadānantarāyo me siyā, handāhaṃ paṭhamaṃ ayyassa kummāsaṃ dassāmī’’ti taṃ therassa upanesi. Paṭiggahesi thero anukampaṃ upādāya.
อถ นํ คาวิโย นิวเตฺตตุํ ปริสฺสยํ อโนโลเกตฺวา เวเคน อุปธาวนฺตํ ปาเทน ผุโฎฺฐ อาสีวิโส ฑํสิฯ เถโรปิ ตํ อนุกมฺปมาโน ตํ กุมฺมาสํ ปริภุญฺชิตุํ อารภิฯ โคปาลโกปิ คาวิโย นิวเตฺตตฺวา อาคโต เถรํ กุมฺมาสํ ปริภุญฺชนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทโนฺต นิสีทิฯ ตาวเทวสฺส สกลสรีรํ วิสํ อโชฺฌตฺถริฯ มุหุตฺตเมว เวเค มุทฺธปเตฺต กาลมกาสิ, กาลกโต จ ตาวติํเสสุ ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ทิสฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปฎิปุจฺฉิ –
Atha naṃ gāviyo nivattetuṃ parissayaṃ anoloketvā vegena upadhāvantaṃ pādena phuṭṭho āsīviso ḍaṃsi. Theropi taṃ anukampamāno taṃ kummāsaṃ paribhuñjituṃ ārabhi. Gopālakopi gāviyo nivattetvā āgato theraṃ kummāsaṃ paribhuñjantaṃ disvā pasannacitto uḷāraṃ pītisomanassaṃ paṭisaṃvedento nisīdi. Tāvadevassa sakalasarīraṃ visaṃ ajjhotthari. Muhuttameva vege muddhapatte kālamakāsi, kālakato ca tāvatiṃsesu dvādasayojanike kanakavimāne nibbatti. Taṃ āyasmā mahāmoggallāno disvā imāhi gāthāhi paṭipucchi –
๑๑๕๙.
1159.
‘‘ทิสฺวาน เทวํ ปฎิปุจฺฉิ ภิกฺขุ, อุเจฺจ วิมานมฺหิ จิรฎฺฐิติเก;
‘‘Disvāna devaṃ paṭipucchi bhikkhu, ucce vimānamhi ciraṭṭhitike;
อามุตฺตหตฺถาภรณํ ยสสฺสิํ, ทิเพฺพ วิมานมฺหิ ยถาปิ จนฺทิมาฯ
Āmuttahatthābharaṇaṃ yasassiṃ, dibbe vimānamhi yathāpi candimā.
๑๑๖๐.
1160.
‘‘อลงฺกโต มลฺยธโร สุวโตฺถ, สุกุณฺฑลี กปฺปิตเกสมสฺสุ;
‘‘Alaṅkato malyadharo suvattho, sukuṇḍalī kappitakesamassu;
อามุตฺตหตฺถาภรโณ ยสสฺสี, ทิเพฺพ วิมานมฺหิ ยถาปิ จนฺทิมาฯ
Āmuttahatthābharaṇo yasassī, dibbe vimānamhi yathāpi candimā.
๑๑๖๑.
1161.
‘‘ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ; อฎฺฐฎฺฐกา สิกฺขิตา สาธุรูปา;
‘‘Dibbā ca vīṇā pavadanti vagguṃ; Aṭṭhaṭṭhakā sikkhitā sādhurūpā;
ทิพฺพา จ กญฺญา ติทสจรา อุฬารา, นจฺจนฺติ คายนฺติ ปโมทยนฺติฯ
Dibbā ca kaññā tidasacarā uḷārā, naccanti gāyanti pamodayanti.
๑๑๖๒.
1162.
‘‘เทวิทฺธิปโตฺตสิ มหานุภาโว…เป.…
‘‘Deviddhipattosi mahānubhāvo…pe…
วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
โสปิ ตสฺส พฺยากาสิ –
Sopi tassa byākāsi –
๑๑๖๓. ‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน…เป.…ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
1163. ‘‘So devaputto attamano…pe…yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๑๑๖๔.
1164.
‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูโต, สงฺคมฺม รกฺขิสฺสํ ปเรสํ เธนุโย;
‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūto, saṅgamma rakkhissaṃ paresaṃ dhenuyo;
ตโต จ อาคา สมโณ มมนฺติเก, คาโว จ มาเส อคมํสุ ขาทิตุํฯ
Tato ca āgā samaṇo mamantike, gāvo ca māse agamaṃsu khādituṃ.
๑๑๖๕.
1165.
‘‘ทฺวยชฺช กิจฺจํ อุภยญฺจ การิยํ, อิเจฺจวหํ ภเนฺต ตทา วิจินฺตยิํ;
‘‘Dvayajja kiccaṃ ubhayañca kāriyaṃ, iccevahaṃ bhante tadā vicintayiṃ;
ตโต จ สญฺญํ ปฎิลทฺธ โยนิโส, ‘ททามิ ภเนฺต’ติ ขิปิํ อนนฺตกํฯ
Tato ca saññaṃ paṭiladdha yoniso, ‘dadāmi bhante’ti khipiṃ anantakaṃ.
๑๑๖๖.
1166.
‘‘โส มาสเขตฺตํ ตุริโต อวาสริํ, ปุรา อยํ ภญฺชติ ยสฺสิทํ ธนํ;
‘‘So māsakhettaṃ turito avāsariṃ, purā ayaṃ bhañjati yassidaṃ dhanaṃ;
ตโต จ กโณฺห อุรโค มหาวิโส, อฑํสิ ปาเท ตุริตสฺส เม สโตฯ
Tato ca kaṇho urago mahāviso, aḍaṃsi pāde turitassa me sato.
๑๑๖๗.
1167.
‘‘สฺวาหํ อโฎฺฎมฺหิ ทุเกฺขน ปีฬิโต, ภิกฺขุ จ ตํ สามํ มุญฺจิตฺวานนฺตกํ;
‘‘Svāhaṃ aṭṭomhi dukkhena pīḷito, bhikkhu ca taṃ sāmaṃ muñcitvānantakaṃ;
อหาสิ กุมฺมาสํ มมานุกมฺปยา, ตโต จุโต กาลกโตมฺหิ เทวตาฯ
Ahāsi kummāsaṃ mamānukampayā, tato cuto kālakatomhi devatā.
๑๑๖๘.
1168.
‘‘ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยา, สุขญฺจ กมฺมํ อนุโภมิ อตฺตนา;
‘‘Tadeva kammaṃ kusalaṃ kataṃ mayā, sukhañca kammaṃ anubhomi attanā;
ตยา หิ ภเนฺต อนุกมฺปิโต ภุสํ, กตญฺญุตาย อภิวาทยามิ ตํฯ
Tayā hi bhante anukampito bhusaṃ, kataññutāya abhivādayāmi taṃ.
๑๑๖๙.
1169.
‘‘สเทวเก โลเก สมารเก จ, อโญฺญ มุนิ นตฺถิ ตยานุกมฺปโก;
‘‘Sadevake loke samārake ca, añño muni natthi tayānukampako;
ตยา หิ ภเนฺต อนุกมฺปิโต ภุสํ, กตญฺญุตาย อภิวาทยามิ ตํฯ
Tayā hi bhante anukampito bhusaṃ, kataññutāya abhivādayāmi taṃ.
๑๑๗๐.
1170.
‘‘อิมสฺมิํ โลเก ปรสฺมิํ วา ปน, อโญฺญ มุนี นตฺถิ ตยานุกมฺปโก;
‘‘Imasmiṃ loke parasmiṃ vā pana, añño munī natthi tayānukampako;
ตยา หิ ภเนฺต อนุกมฺปิโต ภุสํ, กตญฺญุตาย อภิวาทยามิ ต’’นฺติฯ
Tayā hi bhante anukampito bhusaṃ, kataññutāya abhivādayāmi ta’’nti.
อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อตฺตนา จ เทวตาย จ กถิตนิยาเมเนว ตํ ภควโต อาโรเจสิฯ สตฺถา ตมตฺถํ ปจฺจนุภาสิตฺวา ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสตุํ ‘‘ทิสฺวาน เทวํ ปฎิปุจฺฉิ ภิกฺขู’’ติอาทิมาหฯ
Athāyasmā mahāmoggallāno attanā ca devatāya ca kathitaniyāmeneva taṃ bhagavato ārocesi. Satthā tamatthaṃ paccanubhāsitvā taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desetuṃ ‘‘disvāna devaṃ paṭipucchi bhikkhū’’tiādimāha.
๑๑๕๙. ตตฺถ เทวนฺติ โคปาลเทวปุตฺตํฯ ภิกฺขูติ อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ สนฺธาย สตฺถา วทติฯ โส หิ สพฺพโส ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุฯ วิมานสฺส พหุกาลาวฎฺฐายิตาย กปฺปฎฺฐิติกตาย เอว วา ‘‘จิรฎฺฐิติเก’’ติ วุตฺตํ, ‘‘จิรฎฺฐิติก’’นฺติปิ เกจิ ปฐนฺติฯ ตญฺหิ ‘‘เทว’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ โสปิ หิ สฎฺฐิสตสหสฺสาธิกา ติโสฺส วสฺสโกฎิโย ตตฺถ อวฎฺฐานโต ‘‘จิรฎฺฐิติเก’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภติฯ ยถาปิ จนฺทิมาติ ยถา จนฺทิมา เทวปุโตฺต กนฺตสีตลมโนหรกิรณชาลสมุชฺชเล อตฺตโน ทิเพฺพ วิมานมฺหิ วิโรจติ, เอวํ วิโรจมานนฺติ วจนเสสาฯ
1159. Tattha devanti gopāladevaputtaṃ. Bhikkhūti āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ sandhāya satthā vadati. So hi sabbaso bhinnakilesatāya bhikkhu. Vimānassa bahukālāvaṭṭhāyitāya kappaṭṭhitikatāya eva vā ‘‘ciraṭṭhitike’’ti vuttaṃ, ‘‘ciraṭṭhitika’’ntipi keci paṭhanti. Tañhi ‘‘deva’’nti iminā sambandhitabbaṃ. Sopi hi saṭṭhisatasahassādhikā tisso vassakoṭiyo tattha avaṭṭhānato ‘‘ciraṭṭhitike’’ti vattabbataṃ labhati. Yathāpi candimāti yathā candimā devaputto kantasītalamanoharakiraṇajālasamujjale attano dibbe vimānamhi virocati, evaṃ virocamānanti vacanasesā.
๑๑๖๐. อลงฺกโตติอาทิ ตสฺส เทวปุตฺตสฺส เถเรน ปุจฺฉิตาการทสฺสนํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวฯ
1160.Alaṅkatotiādi tassa devaputtassa therena pucchitākāradassanaṃ, taṃ heṭṭhā vuttatthameva.
๑๑๖๔. สงฺคมฺมาติ สงฺคเมตฺวา, สงฺคมฺมาติ วา สงฺคเหตฺวาฯ เหตฺวโตฺถปิ หิ อิธ อโนฺตนีโต, พหู เอกโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ อาคาติ อาคญฺฉิฯ มาเสติ มาสสสฺสานิฯ
1164.Saṅgammāti saṅgametvā, saṅgammāti vā saṅgahetvā. Hetvatthopi hi idha antonīto, bahū ekato hutvāti attho. Āgāti āgañchi. Māseti māsasassāni.
๑๑๖๕. ทฺวยชฺชาติ ทฺวยํ อชฺช เอตรหิ กิจฺจํ กาตพฺพํฯ อุภยญฺจ การิยนฺติ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ปริยายวจนํฯ สญฺญนฺติ ธมฺมสญฺญํฯ เตนาห ‘‘โยนิโส’’ติ ปฎิลทฺธาติ ปฎิลภิตฺวาฯ ขิปินฺติ ปนิคฺคาหาปนวเสน หเตฺถ ขิปิํฯ อนนฺตกนฺติ นนฺตกํ กุมฺมาสํ ปกฺขิปิตฺวา พนฺธิตฺวา ฐปิตํ ปิโลติกํฯ อ-กาโร เจตฺถ นิปาตมตฺตํฯ
1165.Dvayajjāti dvayaṃ ajja etarahi kiccaṃ kātabbaṃ. Ubhayañca kāriyanti vuttassevatthassa pariyāyavacanaṃ. Saññanti dhammasaññaṃ. Tenāha ‘‘yoniso’’ti paṭiladdhāti paṭilabhitvā. Khipinti paniggāhāpanavasena hatthe khipiṃ. Anantakanti nantakaṃ kummāsaṃ pakkhipitvā bandhitvā ṭhapitaṃ pilotikaṃ. A-kāro cettha nipātamattaṃ.
๑๑๖๖. โสติ โส อหํฯ ตุริโตติ ตุริโต สมฺภมโนฺตฯ อวาสรินฺติ อุปคจฺฉิ, ปาวิสิํ วาฯ ปุรา อยํ ภญฺชติ ยสฺสิทํ ธนนฺติ ยสฺส เขตฺตสามิกสฺส อิทํ มาสสสฺสํ ธนํ, ตํ อยํ โคคโณ ภญฺชติ ปุรา ตสฺส ภญฺชนโต, อามทฺทนโต ปุเรตรเมวาติ อโตฺถฯ ตโตติ ตตฺถฯ ตุริตสฺส เม สโตติ สมฺภมนฺตสฺส เม สมานสฺส, สหสา คมเนน มเคฺค กณฺหสปฺปํ อโนโลเกตฺวา คตสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ
1166.Soti so ahaṃ. Turitoti turito sambhamanto. Avāsarinti upagacchi, pāvisiṃ vā. Purā ayaṃ bhañjati yassidaṃ dhananti yassa khettasāmikassa idaṃ māsasassaṃ dhanaṃ, taṃ ayaṃ gogaṇo bhañjati purā tassa bhañjanato, āmaddanato puretaramevāti attho. Tatoti tattha. Turitassa me satoti sambhamantassa me samānassa, sahasā gamanena magge kaṇhasappaṃ anoloketvā gatassāti adhippāyo.
๑๑๖๗. อโฎฺฎมฺหิ ทุเกฺขน ปีฬิโตติ เตน อาสีวิสฑํสเนน อโฎฺฎ อฎฺฎิโต อุปทฺทุโต มรณทุเกฺขน พาธิโต ภวามิฯ อหาสีติ อโชฺฌหริ, ปริภุญฺชีติ อโตฺถฯ ตโต จุโต กาลกโตมฺหิ เทวตาติ ตโต มนุสฺสตฺตภาวโต จุโต มรณกาลปฺปตฺติยา, ตตฺถ วา อายุสงฺขารสฺส เขปนสงฺขาตสฺส กาลสฺส กตตฺตา กาลกโต, ตทนนฺตรเมว จ อมฺหิ เทวตา เทวตฺตภาวปฺปตฺติยา เทวตา โหมีติ อโตฺถฯ
1167.Aṭṭomhi dukkhena pīḷitoti tena āsīvisaḍaṃsanena aṭṭo aṭṭito upadduto maraṇadukkhena bādhito bhavāmi. Ahāsīti ajjhohari, paribhuñjīti attho. Tato cuto kālakatomhi devatāti tato manussattabhāvato cuto maraṇakālappattiyā, tattha vā āyusaṅkhārassa khepanasaṅkhātassa kālassa katattā kālakato, tadanantarameva ca amhi devatā devattabhāvappattiyā devatā homīti attho.
๑๑๖๙. ตยาติ ตยา สทิโส อโญฺญ มุนิ โมเนยฺยคุณยุโตฺต อิสิ นตฺถิฯ ตยาติ วา นิสฺสเกฺก อิทํ กรณวจนํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
1169.Tayāti tayā sadiso añño muni moneyyaguṇayutto isi natthi. Tayāti vā nissakke idaṃ karaṇavacanaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.
โคปาลวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gopālavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๖. โคปาลวิมานวตฺถุ • 6. Gopālavimānavatthu