Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๒๗. โคตมพุทฺธวํสวณฺณนา

    27. Gotamabuddhavaṃsavaṇṇanā

    ทูเรนิทานกถา

    Dūrenidānakathā

    ‘‘อิทานิ ยสฺมา อมฺหากํ, พุทฺธวํสสฺส วณฺณนา;

    ‘‘Idāni yasmā amhākaṃ, buddhavaṃsassa vaṇṇanā;

    อนุกฺกเมน สมฺปตฺตา, ตสฺมายํ ตสฺส วณฺณนา’’ฯ

    Anukkamena sampattā, tasmāyaṃ tassa vaṇṇanā’’.

    ตตฺถ อมฺหากํ โพธิสโตฺต ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก อธิการํ กโรโนฺต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ อาคโตฯ กสฺสปสฺส ปน ภควโต โอรภาเค ฐเปตฺวา อิมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อโญฺญ พุโทฺธ นาม นตฺถิฯ อิติ ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ปน โพธิสโตฺต เยเนน –

    Tattha amhākaṃ bodhisatto dīpaṅkarādīnaṃ catuvīsatiyā buddhānaṃ santike adhikāraṃ karonto kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni āgato. Kassapassa pana bhagavato orabhāge ṭhapetvā imaṃ sammāsambuddhaṃ añño buddho nāma natthi. Iti dīpaṅkarādīnaṃ catuvīsatiyā buddhānaṃ santike laddhabyākaraṇo pana bodhisatto yenena –

    ‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

    ‘‘Manussattaṃ liṅgasampatti, hetu satthāradassanaṃ;

    ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

    Pabbajjā guṇasampatti, adhikāro ca chandatā;

    อฎฺฐธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติฯ (พุ. วํ. ๒.๕๙) –

    Aṭṭhadhammasamodhānā, abhinīhāro samijjhatī’’ti. (bu. vaṃ. 2.59) –

    อิเม อฎฺฐ ธเมฺม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาเรน ‘‘หนฺท, พุทฺธกเร ธเมฺม, วิจินามิ อิโต จิโต’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา ‘‘วิจินโนฺต ตทาทกฺขิํ, ปฐมํ ทานปารมิ’’นฺติ ทานปารมิตาทโย พุทฺธการกธมฺมา ทิฎฺฐา, เต ปูเรโนฺต ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา อาคมิ, อาคจฺฉโนฺต จ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ อานิสํสา สํวณฺณิตา –

    Ime aṭṭha dhamme samodhānetvā dīpaṅkarapādamūle katābhinīhārena ‘‘handa, buddhakare dhamme, vicināmi ito cito’’ti ussāhaṃ katvā ‘‘vicinanto tadādakkhiṃ, paṭhamaṃ dānapārami’’nti dānapāramitādayo buddhakārakadhammā diṭṭhā, te pūrento yāva vessantarattabhāvā āgami, āgacchanto ca ye te katābhinīhārānaṃ bodhisattānaṃ ānisaṃsā saṃvaṇṇitā –

    ‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

    ‘‘Evaṃ sabbaṅgasampannā, bodhiyā niyatā narā;

    สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฎิสเตหิปิฯ

    Saṃsaraṃ dīghamaddhānaṃ, kappakoṭisatehipi.

    ‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;

    ‘‘Avīcimhi nuppajjanti, tathā lokantaresu ca;

    นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาฬกญฺชิกาฯ

    Nijjhāmataṇhā khuppipāsā, na honti kāḷakañjikā.

    ‘‘น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปฺปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคติํ;

    ‘‘Na honti khuddakā pāṇā, uppajjantāpi duggatiṃ;

    ชายมานา มนุเสฺสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เตฯ

    Jāyamānā manussesu, jaccandhā na bhavanti te.

    ‘‘โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;

    ‘‘Sotavekallatā natthi, na bhavanti mūgapakkhikā;

    อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยญฺชนปณฺฑกาฯ

    Itthibhāvaṃ na gacchanti, ubhatobyañjanapaṇḍakā.

    ‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

    ‘‘Na bhavanti pariyāpannā, bodhiyā niyatā narā;

    มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจราฯ

    Muttā ānantarikehi, sabbattha suddhagocarā.

    ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิํ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;

    ‘‘Micchādiṭṭhiṃ na sevanti, kammakiriyadassanā;

    วสมานาปิ สเคฺคสุ, อสญฺญํ นูปปชฺชเรฯ

    Vasamānāpi saggesu, asaññaṃ nūpapajjare.

    ‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;

    ‘‘Suddhāvāsesu devesu, hetu nāma na vijjati;

    เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;

    Nekkhammaninnā sappurisā, visaṃyuttā bhavābhave;

    จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติฯ (ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; อป. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทานกถา; จริยา. อฎฺฐ. ปกิณฺณกกถา);

    Caranti lokatthacariyāyo, pūrenti sabbapāramī’’ti. (dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; apa. aṭṭha. 1.dūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.dūrenidānakathā; cariyā. aṭṭha. pakiṇṇakakathā);

    เต อานิสํเส อธิคนฺตฺวาว อาคโตฯ เอวํ อาคจฺฉโนฺต เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ฐิโต –

    Te ānisaṃse adhigantvāva āgato. Evaṃ āgacchanto vessantarattabhāve ṭhito –

    ‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิญฺญาย สุขํ ทุขํ;

    ‘‘Acetanāyaṃ pathavī, aviññāya sukhaṃ dukhaṃ;

    สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติฯ (จริยา. ๑.๑๒๔) –

    Sāpi dānabalā mayhaṃ, sattakkhattuṃ pakampathā’’ti. (cariyā. 1.124) –

    เอวํ มหาปถวิกมฺปนาทีนิ มหาปุญฺญานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน ตโต จวิตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติฯ

    Evaṃ mahāpathavikampanādīni mahāpuññāni katvā āyupariyosāne tato cavitvā tusitapure nibbatti.

    อวิทูเรนิทานกถา

    Avidūrenidānakathā

    ตุสิตปุเร วสมาเนเยว ปน โพธิสเตฺต พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิฯ โลกสฺมิญฺหิ ตีณิ โกลาหลานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ เสยฺยถิทํ – กปฺปโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติฯ ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฎฺฐานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมุขา อสฺสูนิ หเตฺถหิ ปุญฺฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ – ‘‘มาริสา, มาริสา, อิโต วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฎฺฐานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุโทฺทปิ อุสฺสุสฺสิสฺสติ, อยญฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฑยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ, มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ, มาริสา, ภาเวถ, มาตรํ ปิตรํ อุปฎฺฐหถ, กุเล เชฎฺฐาปจายิโน โหถา’’ติฯ อิทํ กปฺปโกลาหลํ นามฯ

    Tusitapure vasamāneyeva pana bodhisatte buddhakolāhalaṃ nāma udapādi. Lokasmiñhi tīṇi kolāhalāni uppajjanti. Seyyathidaṃ – kappakolāhalaṃ, buddhakolāhalaṃ, cakkavattikolāhalanti. Tattha ‘‘vassasatasahassassa accayena kappuṭṭhānaṃ bhavissatī’’ti lokabyūhā nāma kāmāvacaradevā muttasirā vikiṇṇakesā rudamukhā assūni hatthehi puñchamānā rattavatthanivatthā ativiya virūpavesadhārino hutvā manussapathe vicarantā evaṃ ārocenti – ‘‘mārisā, mārisā, ito vassasatasahassassa accayena kappuṭṭhānaṃ bhavissati, ayaṃ loko vinassissati, mahāsamuddopi ussussissati, ayañca mahāpathavī sineru ca pabbatarājā uḍḍayhissanti vinassissanti, yāva brahmalokā lokavināso bhavissati, mettaṃ, mārisā, bhāvetha, karuṇaṃ muditaṃ upekkhaṃ, mārisā, bhāvetha, mātaraṃ pitaraṃ upaṭṭhahatha, kule jeṭṭhāpacāyino hothā’’ti. Idaṃ kappakolāhalaṃ nāma.

    ‘‘วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน ปน สพฺพญฺญุพุโทฺธ โลเก อุปชฺชิสฺสตี’’ติ โลกปาลเทวตา – ‘‘อิโต, มาริสา, วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน พุโทฺธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุโคฺฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติฯ อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นามฯ

    ‘‘Vassasahassassa accayena pana sabbaññubuddho loke upajjissatī’’ti lokapāladevatā – ‘‘ito, mārisā, vassasahassassa accayena buddho loke uppajjissatī’’ti ugghosentiyo āhiṇḍanti. Idaṃ buddhakolāhalaṃ nāma.

    ‘‘วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เทวตา – ‘‘อิโต, มาริสา, วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุโคฺฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติฯ อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม (ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๕.มงฺคลปญฺหสมุฎฺฐานกถา; อป. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา)ฯ

    ‘‘Vassasatassa accayena cakkavattirājā uppajjissatī’’ti devatā – ‘‘ito, mārisā, vassasatassa accayena cakkavattirājā uppajjissatī’’ti ugghosentiyo āhiṇḍanti. Idaṃ cakkavattikolāhalaṃ nāma (khu. pā. aṭṭha. 5.maṅgalapañhasamuṭṭhānakathā; apa. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā).

    เตสุ พุทฺธโกลาหลสทฺทํ สุตฺวา สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกโต สนฺนิปติตฺวา – ‘‘อสุโก นาม สโตฺต พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อายาจนฺติ, อายาจมานา จ ตสฺส ปุพฺพนิมิเตฺตสุ อุปฺปเนฺนสุ อายาจนฺติฯ ตทา ปน สพฺพาปิ ตา เอเกกจกฺกวาเฬ จตุมหาราช-สกฺก-สุยาม-สนฺตุสิต-สุนิมฺมิต-วสวตฺติ-มหาพฺรเหฺมหิ สทฺธิํ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา ตุสิตภวเน อุปฺปนฺนจุตินิมิตฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา – ‘‘มาริส, ตุเมฺหหิ ทส ปารมิโย ปูริตา, ปูเรเนฺตหิ จ น สกฺกพฺรหฺมสมฺปตฺติอาทิกํ สมฺปตฺติํ ปเตฺถเนฺตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน โว สพฺพญฺญุตํ ปเตฺถเนฺตหิ ปริปูริตา พุทฺธตฺตาย –

    Tesu buddhakolāhalasaddaṃ sutvā sakaladasasahassacakkavāḷadevatā ekato sannipatitvā – ‘‘asuko nāma satto buddho bhavissatī’’ti ñatvā upasaṅkamitvā āyācanti, āyācamānā ca tassa pubbanimittesu uppannesu āyācanti. Tadā pana sabbāpi tā ekekacakkavāḷe catumahārāja-sakka-suyāma-santusita-sunimmita-vasavatti-mahābrahmehi saddhiṃ ekacakkavāḷe sannipatitvā tusitabhavane uppannacutinimittassa bodhisattassa santikaṃ gantvā – ‘‘mārisa, tumhehi dasa pāramiyo pūritā, pūrentehi ca na sakkabrahmasampattiādikaṃ sampattiṃ patthentehi pūritā, lokanittharaṇatthāya pana vo sabbaññutaṃ patthentehi paripūritā buddhattāya –

    ‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

    ‘‘Kālo kho te mahāvīra, uppajja mātukucchiyaṃ;

    สเทวกํ ตารยโนฺต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติฯ (พุ. วํ. ๑.๖๗) –

    Sadevakaṃ tārayanto, bujjhassu amataṃ pada’’nti. (bu. vaṃ. 1.67) –

    ยาจิํสุฯ

    Yāciṃsu.

    อถ มหาสโตฺต เทวตาหิ เอวํ อายาจิยมาโน เทวตานํ ปฎิญฺญํ อทตฺวาว กาล-ทีป-เทส-กุล-ชเนตฺติอายุปริเจฺฉทวเสน ปญฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกสิฯ ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, น กาโล’’ติ ปฐมํ กาลํ วิโลเกสิฯ ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติฯ กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปญฺญายนฺติ, พุทฺธานญฺจ ธมฺมเทสนา ติลกฺขณมุตฺตา นาม นตฺถิ, เตสํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ ‘‘กิํ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตพฺพํ น สทฺธาตพฺพํ มญฺญนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมิํ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติฯ ตสฺมา โส อกาโลฯ วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล น โหติฯ กสฺมา? ตทา สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานญฺจ ทิโนฺนวาโท โอวาทฎฺฐาเน น ติฎฺฐติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติฯ ตสฺมา โสปิ อกาโลฯ วสฺสสตสหสฺสโต ปน ปฎฺฐาย เหฎฺฐา วสฺสสตโต ปฎฺฐาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นามฯ ตทา ปน วสฺสสตกาโล อโหสิฯ อถ มหาสโตฺต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิฯ

    Atha mahāsatto devatāhi evaṃ āyāciyamāno devatānaṃ paṭiññaṃ adatvāva kāla-dīpa-desa-kula-janettiāyuparicchedavasena pañca mahāvilokanāni vilokesi. Tattha ‘‘kālo nu kho, na kālo’’ti paṭhamaṃ kālaṃ vilokesi. Tattha vassasatasahassato uddhaṃ vaḍḍhitaāyukālo kālo nāma na hoti. Kasmā? Tadā hi sattānaṃ jātijarāmaraṇāni na paññāyanti, buddhānañca dhammadesanā tilakkhaṇamuttā nāma natthi, tesaṃ ‘‘aniccaṃ dukkhamanattā’’ti kathentānaṃ ‘‘kiṃ nāmetaṃ kathentī’’ti neva sotabbaṃ na saddhātabbaṃ maññanti, tato abhisamayo na hoti, tasmiṃ asati aniyyānikaṃ sāsanaṃ hoti. Tasmā so akālo. Vassasatato ūnaāyukālopi kālo na hoti. Kasmā? Tadā sattā ussannakilesā honti, ussannakilesānañca dinnovādo ovādaṭṭhāne na tiṭṭhati, udake daṇḍarāji viya khippaṃ vigacchati. Tasmā sopi akālo. Vassasatasahassato pana paṭṭhāya heṭṭhā vassasatato paṭṭhāya uddhaṃ āyukālo kālo nāma. Tadā pana vassasatakālo ahosi. Atha mahāsatto ‘‘nibbattitabbakālo’’ti kālaṃ passi.

    ตโต ทีปํ โอโลเกโนฺต สปริวาเร จตฺตาโร มหาทีเป โอโลเกตฺวา – ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิฯ

    Tato dīpaṃ olokento saparivāre cattāro mahādīpe oloketvā – ‘‘tīsu dīpesu buddhā na nibbattanti, jambudīpeyeva nibbattantī’’ti dīpaṃ passi.

    ตโต ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา, ทสโยชนสหสฺสปริมาโณฯ กตรสฺมิํ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ โอกาสํ โอโลเกโนฺต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิฯ ‘‘กปิลวตฺถุ นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ นิฎฺฐมคมาสิฯ

    Tato ‘‘jambudīpo nāma mahā, dasayojanasahassaparimāṇo. Katarasmiṃ nu kho padese buddhā nibbattantī’’ti okāsaṃ olokento majjhimadesaṃ passi. ‘‘Kapilavatthu nāma nagaraṃ, tattha mayā nibbattitabba’’nti niṭṭhamagamāsi.

    ตโต กุลํ วิโลเกโนฺต – ‘‘พุทฺธา นาม เวสฺสกุเล วา สุทฺทกุเล วา น นิพฺพตฺตนฺติฯ โลกสมฺมเต ปน ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา นิพฺพตฺตนฺติ, เอตรหิ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ สุโทฺธทโน นาม ราชา ปิตา เม ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิฯ

    Tato kulaṃ vilokento – ‘‘buddhā nāma vessakule vā suddakule vā na nibbattanti. Lokasammate pana khattiyakule vā brāhmaṇakule vā nibbattanti, etarahi khattiyakulaṃ lokasammataṃ, tattha nibbattissāmi suddhodano nāma rājā pitā me bhavissatī’’ti kulaṃ passi.

    ตโต มาตรํ วิโลเกโนฺต – ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปน ปูริตปารมี ชาติโต ปฎฺฐาย อขณฺฑปญฺจสีลาเยว โหติฯ อยญฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสี, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ, กิตฺตกํ ปนสฺสา อายูติ, ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิฯ

    Tato mātaraṃ vilokento – ‘‘buddhamātā nāma lolā surādhuttā na hoti, kappasatasahassaṃ pana pūritapāramī jātito paṭṭhāya akhaṇḍapañcasīlāyeva hoti. Ayañca mahāmāyā nāma devī edisī, ayaṃ me mātā bhavissati, kittakaṃ panassā āyūti, dasannaṃ māsānaṃ upari satta divasānī’’ti passi.

    อิติ อิมํ ปญฺจวิธํ มหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา – ‘‘กาโล เม, มาริสา, พุทฺธภาวายา’’ติ เทวานํ ปฎิญฺญํ ทตฺวา – ‘‘คจฺฉถ ตุเมฺห’’ติ ตา เทวตา อุโยฺยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิฯ สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยวฯ ตตฺร นํ เทวตา – ‘‘อิโต จุโต สุคติํ คจฺฉา’’ติ ปุเพฺพ กตกุสลกโมฺมกาสํ สารยมานา วิจรนฺติฯ โส เอวํ ตาหิ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺร วิจรโนฺตว จวิตฺวา มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขเตฺตน ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ มหาปุริสสฺส ปน มาตุ กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิคฺคณฺหนกฺขเณ เอกปฺปหาเรเนว สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปิฯ ทฺวตฺติํส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํฯ

    Iti imaṃ pañcavidhaṃ mahāvilokanaṃ viloketvā – ‘‘kālo me, mārisā, buddhabhāvāyā’’ti devānaṃ paṭiññaṃ datvā – ‘‘gacchatha tumhe’’ti tā devatā uyyojetvā tusitadevatāhi parivuto tusitapure nandanavanaṃ pāvisi. Sabbadevalokesu hi nandanavanaṃ atthiyeva. Tatra naṃ devatā – ‘‘ito cuto sugatiṃ gacchā’’ti pubbe katakusalakammokāsaṃ sārayamānā vicaranti. So evaṃ tāhi devatāhi kusalaṃ sārayamānāhi parivuto tatra vicarantova cavitvā mahāmāyāya deviyā kucchismiṃ uttarāsāḷhanakkhattena paṭisandhiṃ gaṇhi. Mahāpurisassa pana mātu kucchismiṃ paṭisandhiggaṇhanakkhaṇe ekappahāreneva sakaladasasahassilokadhātu saṅkampi. Dvattiṃsa pubbanimittāni pāturahesuṃ.

    เอวํ คหิตปฎิสนฺธิกสฺส โพธิสตฺตสฺส เจว โพธิสตฺตมาตุยา จ อุปทฺทวนิวารณตฺถํ ขคฺคหตฺถา จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ คณฺหิํสุฯ โพธิสตฺตสฺส มาตุ ปุริเสสุ ราคจิตฺตํ นุปฺปชฺชิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา จ สา อโหสิ สุขินี อกิลนฺตกายาฯ โพธิสตฺตญฺจ อตฺตโน กุจฺฉิคตํ วิปฺปสเนฺน มณิรตเน อาวุตปณฺฑุสุตฺตํ วิย ปสฺสติฯ ยสฺมา โพธิสเตฺตน วสิตกุจฺฉิ นาม เจติยคพฺภสทิสา โหติ, น สกฺกา อเญฺญน สเตฺตน อาวสิตุํ วา ปริภุญฺชิตุํ วา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา สตฺตาหชาเต โพธิสเตฺต กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติฯ ยถา ปน อญฺญา อิตฺถิโย ทส มาเส อปฺปตฺวาปิ อติกฺกมิตฺวาปิ นิสินฺนาปิ นิปนฺนาปิ วิชายนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตมาตาฯ โพธิสตฺตมาตา ปน โพธิสตฺตํ ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ฐิตาว วิชายติฯ อยํ โพธิสตฺตมาตุ ธมฺมตา

    Evaṃ gahitapaṭisandhikassa bodhisattassa ceva bodhisattamātuyā ca upaddavanivāraṇatthaṃ khaggahatthā cattāro devaputtā ārakkhaṃ gaṇhiṃsu. Bodhisattassa mātu purisesu rāgacittaṃ nuppajji, lābhaggayasaggappattā ca sā ahosi sukhinī akilantakāyā. Bodhisattañca attano kucchigataṃ vippasanne maṇiratane āvutapaṇḍusuttaṃ viya passati. Yasmā bodhisattena vasitakucchi nāma cetiyagabbhasadisā hoti, na sakkā aññena sattena āvasituṃ vā paribhuñjituṃ vā, tasmā bodhisattamātā sattāhajāte bodhisatte kālaṃ katvā tusitapure nibbatti. Yathā pana aññā itthiyo dasa māse appatvāpi atikkamitvāpi nisinnāpi nipannāpi vijāyanti, na evaṃ bodhisattamātā. Bodhisattamātā pana bodhisattaṃ dasa māse kucchinā pariharitvā ṭhitāva vijāyati. Ayaṃ bodhisattamātu dhammatā.

    มหามายาปิ เทวี ทส มาเส กุจฺฉินา โพธิสตฺตํ ปริหริตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา ญาติฆรํ คนฺตุกามา สุโทฺธทนมหาราชสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, มหาราช, เทวทหนครํ คนฺตุ’’นฺติฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา กปิลวตฺถุโต ยาว เทวทหนครา อญฺชสํ สมํ กาเรตฺวา กทลิปุณฺณฆฎกมุกธชปฎากาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา นวกนกสิวิกาย นิสีทาเปตฺวา มหติยา วิภูติยา มหตา ปริวาเรน เปเสสิฯ ทฺวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนํ ปริโภคารหํ ลุมฺพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ, ตํ ตสฺมิํ สมเย มูลโต ยาว อคฺคสาขา สพฺพํ เอกผาลิผุลฺลํ อโหสิฯ สาขนฺตเรหิ เจว ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปรมรติกรมธุรมโนรมวิรุตาหิ มทมุทิตาหิ อนุภุตฺตปญฺจราหิ ปรภตมธุกรวธูหิ อุปคียมานสุรนนฺทนนนฺทนวนสทิสโสภํ วนํ ทิสฺวา เทวิยา สาลวนกีฬมนุภวิตุํ จิตฺตมุปฺปชฺชิ (อป. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา)ฯ

    Mahāmāyāpi devī dasa māse kucchinā bodhisattaṃ pariharitvā paripuṇṇagabbhā ñātigharaṃ gantukāmā suddhodanamahārājassa ārocesi – ‘‘icchāmahaṃ, mahārāja, devadahanagaraṃ gantu’’nti. Rājā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā kapilavatthuto yāva devadahanagarā añjasaṃ samaṃ kāretvā kadalipuṇṇaghaṭakamukadhajapaṭākādīhi alaṅkārāpetvā navakanakasivikāya nisīdāpetvā mahatiyā vibhūtiyā mahatā parivārena pesesi. Dvinnaṃ pana nagarānaṃ antare ubhayanagaravāsīnaṃ paribhogārahaṃ lumbinīvanaṃ nāma maṅgalasālavanaṃ atthi, taṃ tasmiṃ samaye mūlato yāva aggasākhā sabbaṃ ekaphāliphullaṃ ahosi. Sākhantarehi ceva pupphantarehi ca paramaratikaramadhuramanoramavirutāhi madamuditāhi anubhuttapañcarāhi parabhatamadhukaravadhūhi upagīyamānasuranandananandanavanasadisasobhaṃ vanaṃ disvā deviyā sālavanakīḷamanubhavituṃ cittamuppajji (apa. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā).

    ‘‘วิภูสิตา พาลชนาติจาลินี, วิภูสิตงฺคี วนิเตว มาลินี;

    ‘‘Vibhūsitā bālajanāticālinī, vibhūsitaṅgī vaniteva mālinī;

    สทา ชนานํ นยนาลิมาลินี, วิลุมฺปินีวาติวิโรจิ ลุมฺพินี’’ฯ

    Sadā janānaṃ nayanālimālinī, vilumpinīvātiviroci lumbinī’’.

    อมจฺจา รโญฺญ อาโรเจตฺวา เทวิํ คเหตฺวา ตํ ลุมฺพินีวนํ ปวิสิํสุฯ สา มงฺคลสาลมูลํ คนฺตฺวา ตสฺส อุชุสมวฎฺฎกฺขนฺธสฺส ปุปฺผผลปลฺลวสมลงฺกตสฺส ยํ สาขํ คณฺหิตุกามา อโหสิ, สา สาลสาขา อพลา ชนหทยโลลา สยเมว วิลมฺพมานา หุตฺวา ตสฺสา กรตลสฺมิํ สมุปคตาฯ อถ สา ตํ สาลสาขํ ตมฺพตุงฺคนขุชฺชเลน กมลทลวตฺติวฎฺฎงฺคุลินา นวกนกกฎวลยโสภินา ทกฺขิเณน ปรมรติกเรน กเรน อคฺคเหสิฯ สา ตํ สาลสาขํ คเหตฺวา ฐิตา อสิตชลธรวิวรคตา พาลจนฺทเลขา วิย จ อจิรฎฺฐิติกา อจฺจิปภา วิย จ นนฺทนวนชาตา เทวี วิย จ เทวี วิโรจิตฺถฯ ตาวเทว จสฺสา กมฺมชวาตา จลิํสุฯ อถสฺสา สาณิปาการํ ปริกฺขิปิตฺวา มหาชโน ปฎิกฺกมิฯ สา สาลสาขํ คเหตฺวา ติฎฺฐมานาย เอว ตสฺสา คพฺภวุฎฺฐานํ อโหสิฯ

    Amaccā rañño ārocetvā deviṃ gahetvā taṃ lumbinīvanaṃ pavisiṃsu. Sā maṅgalasālamūlaṃ gantvā tassa ujusamavaṭṭakkhandhassa pupphaphalapallavasamalaṅkatassa yaṃ sākhaṃ gaṇhitukāmā ahosi, sā sālasākhā abalā janahadayalolā sayameva vilambamānā hutvā tassā karatalasmiṃ samupagatā. Atha sā taṃ sālasākhaṃ tambatuṅganakhujjalena kamaladalavattivaṭṭaṅgulinā navakanakakaṭavalayasobhinā dakkhiṇena paramaratikarena karena aggahesi. Sā taṃ sālasākhaṃ gahetvā ṭhitā asitajaladharavivaragatā bālacandalekhā viya ca aciraṭṭhitikā accipabhā viya ca nandanavanajātā devī viya ca devī virocittha. Tāvadeva cassā kammajavātā caliṃsu. Athassā sāṇipākāraṃ parikkhipitvā mahājano paṭikkami. Sā sālasākhaṃ gahetvā tiṭṭhamānāya eva tassā gabbhavuṭṭhānaṃ ahosi.

    ตงฺขณํเยว จตฺตาโร วิสุทฺธจิตฺตา มหาพฺรหฺมาโน สุวณฺณชาลํ อาทาย อาคนฺตฺวา เตน สุวณฺณชาเลน โพธิสตฺตํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา มาตุ ปุรโต ฐเปตฺวา – ‘‘อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ, มเหสโกฺข เต ปุโตฺต อุปฺปโนฺน’’ติ อาหํสุฯ ยถา ปน อเญฺญ สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา ปฎิกฺกูเลน อสุจินา มกฺขิตา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสโตฺตฯ โพธิสโตฺต ปน เทฺว หเตฺถ เทฺว ปาเท ปสาเรตฺวา ฐิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโตว สุโทฺธ วิสโท กาสิกวเตฺถ นิกฺขิตฺตมณิรตนํ วิย วิโรจมาโน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ เอวํ สเนฺตปิ โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สกฺการตฺถํ อากาสโต เทฺว อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส จ มาตุยา จ สรีเร อุตุํ คาหาเปสุํฯ

    Taṅkhaṇaṃyeva cattāro visuddhacittā mahābrahmāno suvaṇṇajālaṃ ādāya āgantvā tena suvaṇṇajālena bodhisattaṃ sampaṭicchitvā mātu purato ṭhapetvā – ‘‘attamanā, devi, hohi, mahesakkho te putto uppanno’’ti āhaṃsu. Yathā pana aññe sattā mātukucchito nikkhamantā paṭikkūlena asucinā makkhitā nikkhamanti, na evaṃ bodhisatto. Bodhisatto pana dve hatthe dve pāde pasāretvā ṭhitakova mātukucchisambhavena kenaci asucinā amakkhitova suddho visado kāsikavatthe nikkhittamaṇiratanaṃ viya virocamāno mātukucchito nikkhami. Evaṃ santepi bodhisattassa ca bodhisattamātuyā ca sakkāratthaṃ ākāsato dve udakadhārā nikkhamitvā bodhisattassa ca mātuyā ca sarīre utuṃ gāhāpesuṃ.

    อถ นํ สุวณฺณชาเลน ปฎิคฺคเหตฺวา ฐิตานํ พฺรหฺมานํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน มงฺคลสมฺมตาย สุขสมฺผสฺสาย อชินปฺปเวณิยา คณฺหิํสุ, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฎเกน คณฺหิํสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐาย ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํฯ ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธปุปฺผมาลาทีหิ ปูชยมานา – ‘‘มหาปุริส, ตุเมฺหหิ สทิโส เอตฺถ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุฯ เอวํ ทส ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา อุตฺตรทิสาภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิฯ คจฺฉโนฺต จ ปถวิยา เอว คโต, นากาเสนฯ อเจลโกว คโต, น สเจลโกฯ ทหโรว คโต, น โสฬสวสฺสุเทฺทสิโกฯ มหาชนสฺส ปน อากาเสน คจฺฉโนฺต วิย อลงฺกตปฎิยโตฺต วิย จ โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก วิย จ อโหสิฯ ตโต สตฺตเม ปเท ฐตฺวา ‘‘อโคฺคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติอาทิกํ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) อาสภิํ วาจํ นิจฺฉาเรโนฺต สีหนาทํ นทิฯ

    Atha naṃ suvaṇṇajālena paṭiggahetvā ṭhitānaṃ brahmānaṃ hatthato cattāro mahārājāno maṅgalasammatāya sukhasamphassāya ajinappaveṇiyā gaṇhiṃsu, tesaṃ hatthato manussā dukūlacumbaṭakena gaṇhiṃsu, manussānaṃ hatthato muccitvā pathaviyaṃ patiṭṭhāya puratthimaṃ disaṃ olokesi, anekāni cakkavāḷasahassāni ekaṅgaṇāni ahesuṃ. Tattha devamanussā gandhapupphamālādīhi pūjayamānā – ‘‘mahāpurisa, tumhehi sadiso ettha natthi, kuto uttaritaro’’ti āhaṃsu. Evaṃ dasa disā anuviloketvā attanā sadisaṃ adisvā uttaradisābhimukho sattapadavītihārena agamāsi. Gacchanto ca pathaviyā eva gato, nākāsena. Acelakova gato, na sacelako. Daharova gato, na soḷasavassuddesiko. Mahājanassa pana ākāsena gacchanto viya alaṅkatapaṭiyatto viya ca soḷasavassuddesiko viya ca ahosi. Tato sattame pade ṭhatvā ‘‘aggohamasmi lokassā’’tiādikaṃ (dī. ni. 2.31; ma. ni. 3.207) āsabhiṃ vācaṃ nicchārento sīhanādaṃ nadi.

    โพธิสโตฺต หิ ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมโตฺตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ มโหสธตฺตภาเว, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว, อิมสฺมิํ อตฺตภาเวติฯ มโหสธตฺตภาเว กิรสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺตเสฺสว สโกฺก เทวราชา อาคนฺตฺวา จนฺทนสารํ หเตฺถ ฐเปตฺวา คโต, ตํ มุฎฺฐิยํ กตฺวาว นิกฺขโนฺตฯ อถ นํ มาตา – ‘‘ตาต, ตฺวํ กิํ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘โอสธํ, อมฺมา’’ติฯ อิติ โอสธํ คเหตฺวา อาคตตฺตา ‘‘โอสธกุมาโร’’เตฺววสฺส นามมกํสุฯ

    Bodhisatto hi tīsu attabhāvesu mātukucchito nikkhantamattova vācaṃ nicchāresi mahosadhattabhāve, vessantarattabhāve, imasmiṃ attabhāveti. Mahosadhattabhāve kirassa mātukucchito nikkhantamattasseva sakko devarājā āgantvā candanasāraṃ hatthe ṭhapetvā gato, taṃ muṭṭhiyaṃ katvāva nikkhanto. Atha naṃ mātā – ‘‘tāta, tvaṃ kiṃ gahetvā āgatosī’’ti pucchi. ‘‘Osadhaṃ, ammā’’ti. Iti osadhaṃ gahetvā āgatattā ‘‘osadhakumāro’’tvevassa nāmamakaṃsu.

    เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมโตฺตว ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา – ‘‘อตฺถิ นุ โข, อมฺม, กิญฺจิ เคหสฺมิํ ธนํ, ทานํ ทสฺสามี’’ติ วทโนฺต นิกฺขมิฯ อถสฺส มาตา – ‘‘สธเน กุเล นิพฺพโตฺตสิ, ตาตา’’ติ ปุตฺตสฺส หตฺถํ อตฺตโน หตฺถตเล กตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ ฐเปสิฯ

    Vessantarattabhāve pana mātukucchito nikkhantamattova dakkhiṇahatthaṃ pasāretvā – ‘‘atthi nu kho, amma, kiñci gehasmiṃ dhanaṃ, dānaṃ dassāmī’’ti vadanto nikkhami. Athassa mātā – ‘‘sadhane kule nibbattosi, tātā’’ti puttassa hatthaṃ attano hatthatale katvā sahassatthavikaṃ ṭhapesi.

    อิมสฺมิํ ปน อตฺตภาเว อิมํ สีหนาทํ นทีติ เอวํ โพธิสโตฺต ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมโตฺตว วาจํ นิจฺฉาเรสิฯ ชาตกฺขเณปิสฺส ทฺวตฺติํส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํฯ ยสฺมิํ ปน สมเย อมฺหากํ โพธิสโตฺต ลุมฺพินีวเน ชาโต ตสฺมิํเยว สมเย ราหุลมาตา เทวี อานโนฺท ฉโนฺน กาฬุทายี อมโจฺจ กณฺฑโก อสฺสราชา มหาโพธิรุโกฺข จตโสฺส นิธิกุมฺภิโย จ ชาตา, ตตฺถ เอโก คาวุตปฺปมาโณ เอโก อฑฺฒโยชนปฺปมาโณ เอโก ติคาวุตปฺปมาโณ เอโก โยชนปฺปมาโณ อโหสิฯ อิเม สตฺต สหชาตา นาม โหนฺติฯ

    Imasmiṃ pana attabhāve imaṃ sīhanādaṃ nadīti evaṃ bodhisatto tīsu attabhāvesu mātukucchito nikkhantamattova vācaṃ nicchāresi. Jātakkhaṇepissa dvattiṃsa pubbanimittāni pāturahesuṃ. Yasmiṃ pana samaye amhākaṃ bodhisatto lumbinīvane jāto tasmiṃyeva samaye rāhulamātā devī ānando channo kāḷudāyī amacco kaṇḍako assarājā mahābodhirukkho catasso nidhikumbhiyo ca jātā, tattha eko gāvutappamāṇo eko aḍḍhayojanappamāṇo eko tigāvutappamāṇo eko yojanappamāṇo ahosi. Ime satta sahajātā nāma honti.

    อุภยนครวาสิโน มหาปุริสํ คเหตฺวา กปิลวตฺถุปุรเมว อคมํสุฯ ตํทิวสเมว – ‘‘กปิลวตฺถุนคเร สุโทฺธทนมหาราชสฺส ปุโตฺต โพธิมูเล นิสีทิตฺวา พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ ตาวติํสภวเน หฎฺฐตุฎฺฐา เทวสงฺฆา เจลุเกฺขปาทีนิ ปวเตฺตนฺตา กีฬิํสุฯ ตสฺมิํ สมเย สุโทฺธทนมหาราชสฺส กุลูปโก อฎฺฐสมาปตฺติลาภี กาฬเทวโล นาม ตาปโส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย ตาวติํสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน ตา เทวตา ตุฎฺฐมานสา กีฬนฺติโย ทิสฺวา ‘‘กิํการณา ตุฎฺฐมานสา ปมุทิตหทยา กีฬถ, มยฺหํ ตํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ตโต เทวตา อาหํสุ – ‘‘มาริส, สุโทฺธทนรโญฺญ ปุโตฺต ชาโต, โส โพธิมเณฺฑ นิสีทิตฺวา พุโทฺธ หุตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสฺสติ, ตสฺส ‘อนนฺตรูปํ พุทฺธลีฬํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสามา’ติ อิมินา การเณน ตุฎฺฐมฺหา’’ติฯ

    Ubhayanagaravāsino mahāpurisaṃ gahetvā kapilavatthupurameva agamaṃsu. Taṃdivasameva – ‘‘kapilavatthunagare suddhodanamahārājassa putto bodhimūle nisīditvā buddho bhavissatī’’ti tāvatiṃsabhavane haṭṭhatuṭṭhā devasaṅghā celukkhepādīni pavattentā kīḷiṃsu. Tasmiṃ samaye suddhodanamahārājassa kulūpako aṭṭhasamāpattilābhī kāḷadevalo nāma tāpaso bhattakiccaṃ katvā divāvihāratthāya tāvatiṃsabhavanaṃ gantvā tattha divāvihāraṃ nisinno tā devatā tuṭṭhamānasā kīḷantiyo disvā ‘‘kiṃkāraṇā tuṭṭhamānasā pamuditahadayā kīḷatha, mayhaṃ taṃ kāraṇaṃ kathethā’’ti pucchi. Tato devatā āhaṃsu – ‘‘mārisa, suddhodanarañño putto jāto, so bodhimaṇḍe nisīditvā buddho hutvā dhammacakkaṃ pavattessati, tassa ‘anantarūpaṃ buddhalīḷaṃ passituṃ labhissāmā’ti iminā kāraṇena tuṭṭhamhā’’ti.

    อถ ตาปโส ตาสํ เทวตานํ วจนํ สุตฺวา ปรมทสฺสนียรตนาวโลกโต เทวโลกโต โอรุยฺห นรปตินิเวสนํ ปวิสิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ ตโต กตปฎิสนฺถารํ ราชานํ – ‘‘ปุโตฺต กิร เต, มหาราช, ชาโต, ตํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาหฯ ราชา อลงฺกตปฎิยตฺตํ ตนยํ อาหราเปตฺวา เทวลตาปสํ วนฺทาเปตุํ อภิหริฯ มหาปุริสสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา วิชฺชุลตา วิย อสิตชลธรกูเฎสุ ตาปสสฺส ชฎาสุ ปติฎฺฐหิํสุฯ โพธิสเตฺตน หิ เตนตฺตภาเวน วนฺทิตโพฺพ นาม อโญฺญ นตฺถิฯ ตโต ตาปโส อุฎฺฐายาสนา โพธิสตฺตสฺส อญฺชลิํ ปคฺคเหสิฯ ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วนฺทิฯ ตาปโส โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺติํ ทิสฺวา – ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข พุโทฺธ, อุทาหุ น ภวิสฺสตี’’ติ อาวเชฺชตฺวา อุปธาเรโนฺต – ‘‘นิสฺสํสยํ พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ อนาคตํสญาเณน ญตฺวา – ‘‘อจฺฉริยปุริโส อย’’นฺติ สิตํ อกาสิฯ

    Atha tāpaso tāsaṃ devatānaṃ vacanaṃ sutvā paramadassanīyaratanāvalokato devalokato oruyha narapatinivesanaṃ pavisitvā paññatte āsane nisīdi. Tato katapaṭisanthāraṃ rājānaṃ – ‘‘putto kira te, mahārāja, jāto, taṃ passissāmā’’ti āha. Rājā alaṅkatapaṭiyattaṃ tanayaṃ āharāpetvā devalatāpasaṃ vandāpetuṃ abhihari. Mahāpurisassa pādā parivattitvā vijjulatā viya asitajaladharakūṭesu tāpasassa jaṭāsu patiṭṭhahiṃsu. Bodhisattena hi tenattabhāvena vanditabbo nāma añño natthi. Tato tāpaso uṭṭhāyāsanā bodhisattassa añjaliṃ paggahesi. Rājā taṃ acchariyaṃ disvā attano puttaṃ vandi. Tāpaso bodhisattassa lakkhaṇasampattiṃ disvā – ‘‘bhavissati nu kho buddho, udāhu na bhavissatī’’ti āvajjetvā upadhārento – ‘‘nissaṃsayaṃ buddho bhavissatī’’ti anāgataṃsañāṇena ñatvā – ‘‘acchariyapuriso aya’’nti sitaṃ akāsi.

    ตโต ‘‘อหํ อิมํ พุทฺธภูตํ ทฎฺฐุํ ลภิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ อุปธาเรโนฺต – ‘‘น ลภิสฺสามิ, อนฺตราเยว กาลํ กตฺวา พุทฺธสเตนปิ พุทฺธสหเสฺสนปิ คนฺตฺวา โพเธตุํ อสกฺกุเณเยฺย อรูปภเว นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ทิสฺวา – ‘‘เอวรูปํ นาม อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฎฺฐุํ น ลภิสฺสามิ, มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’’ติ ปโรทิฯ มนุสฺสา ปน ทิสฺวา – ‘‘อมฺหากํ อโยฺย อิทาเนว หสิตฺวา ปุน โรทิตุมารภิ, กิํ นุ โข, ภเนฺต, อมฺหากํ อยฺยปุตฺตสฺส โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ตาปโส อาห – ‘‘นเตฺถตสฺส อนฺตราโย, นิสฺสํสเยน พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘อถ กสฺมา ตุเมฺห ปโรทิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวรูปํ อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฎฺฐุํ น ลภิสฺสามิ, มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตีติ อตฺตานํ อนุโสจโนฺต โรทามี’’ติ อาหฯ

    Tato ‘‘ahaṃ imaṃ buddhabhūtaṃ daṭṭhuṃ labhissāmi nu kho, no’’ti upadhārento – ‘‘na labhissāmi, antarāyeva kālaṃ katvā buddhasatenapi buddhasahassenapi gantvā bodhetuṃ asakkuṇeyye arūpabhave nibbattissāmī’’ti disvā – ‘‘evarūpaṃ nāma acchariyapurisaṃ buddhabhūtaṃ daṭṭhuṃ na labhissāmi, mahatī vata me jāni bhavissatī’’ti parodi. Manussā pana disvā – ‘‘amhākaṃ ayyo idāneva hasitvā puna roditumārabhi, kiṃ nu kho, bhante, amhākaṃ ayyaputtassa koci antarāyo bhavissatī’’ti pucchiṃsu. Tāpaso āha – ‘‘natthetassa antarāyo, nissaṃsayena buddho bhavissatī’’ti. ‘‘Atha kasmā tumhe paroditthā’’ti? ‘‘Evarūpaṃ acchariyapurisaṃ buddhabhūtaṃ daṭṭhuṃ na labhissāmi, mahatī vata me jāni bhavissatīti attānaṃ anusocanto rodāmī’’ti āha.

    ตโต โพธิสตฺตํ ปญฺจเม ทิวเส สีสํ นฺหาเปตฺวา – ‘‘นามํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ราชภวนํ จตุชฺชาติกคเนฺธน อุปลิมฺปิตฺวา ลาชปญฺจมานิ กุสุมานิ วิกิริตฺวา อสมฺภินฺนปายาสํ ปจาเปตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคเต อฎฺฐสเต พฺราหฺมเณ นิมเนฺตตฺวา ราชภวเน นิสีทาเปตฺวา มธุปายาสํ โภเชตฺวา สกฺการํ กตฺวา – ‘‘กิํ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ลกฺขณานิ ปริคฺคาหาเปสุํฯ เตสุ รามาทโย อฎฺฐ พฺราหฺมณปณฺฑิตา ลกฺขณปริคฺคาหกา อเหสุํฯ เตสุ สตฺต ชนา เทฺว องฺคุลิโย อุกฺขิปิตฺวา เทฺวธา พฺยากริํสุ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสโนฺต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชมาโน พุโทฺธ’’ติฯ เตสํ ปน สพฺพทหโร โคเตฺตน โกณฺฑโญฺญ นาม พฺราหฺมโณ โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณวรสมฺปตฺติํ ทิสฺวา – ‘‘เอตสฺส อคารมเชฺฌ ฐานการณํ นตฺถิ, เอกเนฺตเนว วิวฎจฺฉโท พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลิํ อุกฺขิปิตฺวา เอกํสพฺยากรณํ พฺยากาสิฯ อถสฺส นามํ คณฺหนฺตา สพฺพโลกตฺถสิทฺธิกรตฺตา สิทฺธโตฺถติ นามมกํสุฯ

    Tato bodhisattaṃ pañcame divase sīsaṃ nhāpetvā – ‘‘nāmaṃ gaṇhissāmā’’ti rājabhavanaṃ catujjātikagandhena upalimpitvā lājapañcamāni kusumāni vikiritvā asambhinnapāyāsaṃ pacāpetvā tiṇṇaṃ vedānaṃ pāraṅgate aṭṭhasate brāhmaṇe nimantetvā rājabhavane nisīdāpetvā madhupāyāsaṃ bhojetvā sakkāraṃ katvā – ‘‘kiṃ nu kho bhavissatī’’ti lakkhaṇāni pariggāhāpesuṃ. Tesu rāmādayo aṭṭha brāhmaṇapaṇḍitā lakkhaṇapariggāhakā ahesuṃ. Tesu satta janā dve aṅguliyo ukkhipitvā dvedhā byākariṃsu – ‘‘imehi lakkhaṇehi samannāgato agāraṃ ajjhāvasanto rājā hoti cakkavattī, pabbajamāno buddho’’ti. Tesaṃ pana sabbadaharo gottena koṇḍañño nāma brāhmaṇo bodhisattassa lakkhaṇavarasampattiṃ disvā – ‘‘etassa agāramajjhe ṭhānakāraṇaṃ natthi, ekanteneva vivaṭacchado buddho bhavissatī’’ti ekameva aṅguliṃ ukkhipitvā ekaṃsabyākaraṇaṃ byākāsi. Athassa nāmaṃ gaṇhantā sabbalokatthasiddhikarattā siddhatthoti nāmamakaṃsu.

    อถ เต พฺราหฺมณา อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุเตฺต อามเนฺตตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘อเมฺห มหลฺลกา, สุโทฺธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพญฺญุตํ ปตฺตํ สมฺภาเวยฺยาม วา โน วา, ตุเมฺห ปน ตสฺมิํ ปพฺพชิตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปเตฺต ตสฺส สาสเน ปพฺพชถา’’ติฯ ตโต สตฺตปิ ชนา ยาวตายุกํ ฐตฺวา ยถากมฺมํ คตาฯ โกณฺฑญฺญมาณโว อโรโค อโหสิฯ ตทา ปน ราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา – ‘‘กิํ ทิสฺวา มม ปุโตฺต ปพฺพชิสฺสตี’’ติ เต ปุจฺฉิฯ ‘‘จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานิ, เทวา’’ติฯ ‘‘กตรญฺจ กตรญฺจา’’ติ? ‘‘ชิณฺณํ พฺยาธิตํ มตํ ปพฺพชิต’’นฺติฯ ราชา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย เอวรูปานํ มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ อาคมิตุํ มา อทตฺถา’’ติ วตฺวา กุมารสฺส จกฺขุปเถ ชิณฺณปุริสาทีนํ อาคมนนิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ คาวุตคาวุตฎฺฐาเน อารกฺขํ ฐเปสิฯ ตํทิวสํ มงฺคลฎฺฐาเน สนฺนิปติเตสุ อสีติยา ญาติกุลสหเสฺสสุ เอกเมโก เอกเมกํ ปุตฺตํ ปฎิชานิ – ‘‘อยํ พุโทฺธ วา โหตุ ราชา วา, มยํ เอกเมกํ ปุตฺตํ ทสฺสาม, สเจ พุโทฺธ ภวิสฺสติ, ขตฺติยสมเณเหว ปริวุโต วิจริสฺสติฯ สเจ ราชา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ, ขตฺติยกุมาเรเหว ปริวุโต วิจริสฺสตี’’ติฯ อถ ราชา มหาปุริสสฺส ปรมรูปสมฺปนฺนา วิคตสพฺพโทสา จตุสฎฺฐิ ธาติโย อทาสิฯ โพธิสโตฺต อนเนฺตน ปริวาเรน มหตา สิริสมุทเยน วฑฺฒิฯ

    Atha te brāhmaṇā attano gharāni gantvā putte āmantetvā evamāhaṃsu – ‘‘amhe mahallakā, suddhodanamahārājassa puttaṃ sabbaññutaṃ pattaṃ sambhāveyyāma vā no vā, tumhe pana tasmiṃ pabbajitvā sabbaññutaṃ patte tassa sāsane pabbajathā’’ti. Tato sattapi janā yāvatāyukaṃ ṭhatvā yathākammaṃ gatā. Koṇḍaññamāṇavo arogo ahosi. Tadā pana rājā tesaṃ vacanaṃ sutvā – ‘‘kiṃ disvā mama putto pabbajissatī’’ti te pucchi. ‘‘Cattāri pubbanimittāni, devā’’ti. ‘‘Katarañca katarañcā’’ti? ‘‘Jiṇṇaṃ byādhitaṃ mataṃ pabbajita’’nti. Rājā ‘‘ito paṭṭhāya evarūpānaṃ mama puttassa santikaṃ āgamituṃ mā adatthā’’ti vatvā kumārassa cakkhupathe jiṇṇapurisādīnaṃ āgamananivāraṇatthaṃ catūsu disāsu gāvutagāvutaṭṭhāne ārakkhaṃ ṭhapesi. Taṃdivasaṃ maṅgalaṭṭhāne sannipatitesu asītiyā ñātikulasahassesu ekameko ekamekaṃ puttaṃ paṭijāni – ‘‘ayaṃ buddho vā hotu rājā vā, mayaṃ ekamekaṃ puttaṃ dassāma, sace buddho bhavissati, khattiyasamaṇeheva parivuto vicarissati. Sace rājā cakkavattī bhavissati, khattiyakumāreheva parivuto vicarissatī’’ti. Atha rājā mahāpurisassa paramarūpasampannā vigatasabbadosā catusaṭṭhi dhātiyo adāsi. Bodhisatto anantena parivārena mahatā sirisamudayena vaḍḍhi.

    อเถกทิวสํ รโญฺญ วปฺปมงฺคลํ นาม อโหสิฯ ตํทิวสํ ราชา มหติยา วิภูติยา มหตา ปริวาเรน นครโต นิกฺขมโนฺต ปุตฺตมฺปิ คเหตฺวาว อคมาสิฯ กสิกมฺมฎฺฐาเน เอโก ชมฺพุรุโกฺข ปรมรมณีโย ฆนสนฺทจฺฉาโย อโหสิฯ ตสฺส เหฎฺฐา กุมารสฺส สยนํ ปญฺญาเปตฺวา อุปริ วรกนกตาราขจิตํ รตฺตเจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อารกฺขํ ฐเปตฺวา ราชา สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา อมจฺจคณปริวุโต นงฺคลกรณฎฺฐานมคมาสิฯ ตตฺถ ราชา ปรมมงฺคลํ สุวณฺณนงฺคลํ คณฺหาติ, อมจฺจาทโย รชตนงฺคลาทีนิ คณฺหนฺติฯ ตํทิวสํ นงฺคลสหสฺสํ โยชียติฯ โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ธาติโย – ‘‘รโญฺญ สมฺปตฺติํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อโนฺตสาณิโต พหิ นิกฺขนฺตาฯ

    Athekadivasaṃ rañño vappamaṅgalaṃ nāma ahosi. Taṃdivasaṃ rājā mahatiyā vibhūtiyā mahatā parivārena nagarato nikkhamanto puttampi gahetvāva agamāsi. Kasikammaṭṭhāne eko jamburukkho paramaramaṇīyo ghanasandacchāyo ahosi. Tassa heṭṭhā kumārassa sayanaṃ paññāpetvā upari varakanakatārākhacitaṃ rattacelavitānaṃ bandhitvā sāṇipākārena parikkhipāpetvā ārakkhaṃ ṭhapetvā rājā sabbālaṅkāraṃ alaṅkaritvā amaccagaṇaparivuto naṅgalakaraṇaṭṭhānamagamāsi. Tattha rājā paramamaṅgalaṃ suvaṇṇanaṅgalaṃ gaṇhāti, amaccādayo rajatanaṅgalādīni gaṇhanti. Taṃdivasaṃ naṅgalasahassaṃ yojīyati. Bodhisattaṃ parivāretvā nisinnā dhātiyo – ‘‘rañño sampattiṃ passissāmā’’ti antosāṇito bahi nikkhantā.

    อถ โพธิสโตฺต อิโต จิโต จ โอโลเกโนฺต กิญฺจิ อทิสฺวา สหสา อุฎฺฐาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปาเน ปริคฺคเหตฺวา ปฐมชฺฌานํ นิพฺพเตฺตสิฯ ธาติโย ขชฺชโภชฺชนฺตเร วิจรนฺติโย โถกํ จิรายิํสุฯ เสสรุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ตสฺส ปน ชมฺพุรุกฺขสฺส ฉายา ปริมณฺฑลา หุตฺวา ตเตฺถว อฎฺฐาสิฯ ธาติโต ปนสฺส ‘‘อยฺยปุโตฺต เอกโกวา’’ติ เวเคน สาณิปาการํ อุกฺขิปิตฺวา ปริเยสนฺติโย สิริสยเน ปลฺลเงฺกน นิสินฺนํ ตญฺจ ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา เวเคน อาคนฺตฺวา ตํ ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ โว, ตาต, ทุติยวนฺทนา’’ติ ปุตฺตํ วนฺทิฯ

    Atha bodhisatto ito cito ca olokento kiñci adisvā sahasā uṭṭhāya pallaṅkaṃ ābhujitvā ānāpāne pariggahetvā paṭhamajjhānaṃ nibbattesi. Dhātiyo khajjabhojjantare vicarantiyo thokaṃ cirāyiṃsu. Sesarukkhānaṃ chāyā nivattā, tassa pana jamburukkhassa chāyā parimaṇḍalā hutvā tattheva aṭṭhāsi. Dhātito panassa ‘‘ayyaputto ekakovā’’ti vegena sāṇipākāraṃ ukkhipitvā pariyesantiyo sirisayane pallaṅkena nisinnaṃ tañca pāṭihāriyaṃ disvā gantvā taṃ pavattiṃ rañño ārocesuṃ. Rājā vegena āgantvā taṃ pāṭihāriyaṃ disvā – ‘‘ayaṃ vo, tāta, dutiyavandanā’’ti puttaṃ vandi.

    อถ มหาปุริโส อนุกฺกเมน โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก อโหสิฯ ราชา โพธิสตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก รมฺม-สุรมฺม-สุภนามเก ตโย ปาสาเท กาเรสิฯ เอกํ นวภูมิกํ เอกํ สตฺตภูมิกํ เอกํ ปญฺจภูมิกํฯ ตโยปิ ปาสาทา อุเพฺพเธน สมปฺปมาณา อเหสุํฯ ภูมิกาสุ ปน นานตฺตํ อโหสิฯ

    Atha mahāpuriso anukkamena soḷasavassuddesiko ahosi. Rājā bodhisattassa tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavike ramma-suramma-subhanāmake tayo pāsāde kāresi. Ekaṃ navabhūmikaṃ ekaṃ sattabhūmikaṃ ekaṃ pañcabhūmikaṃ. Tayopi pāsādā ubbedhena samappamāṇā ahesuṃ. Bhūmikāsu pana nānattaṃ ahosi.

    อถ ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘ปุโตฺต เม วยปฺปโตฺต ฉตฺตมสฺส อุสฺสาเปตฺวา รชฺชสิริํ ปสฺสิสฺสามี’’ติฯ โส สากิยานํ ปณฺณานิ ปหิณิ ‘‘ปุโตฺต เม วยปฺปโตฺต, รเชฺช นํ ปติฎฺฐาเปสฺสามิ, สเพฺพ อตฺตโน เคเหสุ วยปฺปตฺตา ทาริกา อิมํ เคหํ เปเสนฺตู’’ติฯ เต รโญฺญ สาสนํ สุตฺวา – ‘‘กุมาโร เกวลํ รูปสมฺปโนฺน, น กิญฺจิ สิปฺปํ ชานาติ, ทารภรณํ กาตุํ น สกฺขิสฺสติ, น มยํ ธีตโร ทสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ ราชา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ปุตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ โพธิสโตฺต – ‘‘กิํ สิปฺปํ ทเสฺสตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ ‘‘สหสฺสตฺถามํ ธนุํ อาโรเปตุํ วฎฺฎติ, ตาตา’’ติฯ ‘‘เตน หิ อาหราเปถา’’ติ อาหฯ ราชา อาหราเปตฺวา อทาสิฯ ตํ ธนุํ ปุริสสหสฺสํ อาโรเปติ, ปุริสสหสฺสํ โอโรเปติฯ มหาปุริโส ตํ สราสนํ อาหราเปตฺวา ปลฺลเงฺกน นิสิโนฺนว ชิยํ ปาทงฺคุฎฺฐเก เวฐาเปตฺวา กฑฺฒโนฺต ปาทงฺคุฎฺฐเกเนว ธนุํ อาโรเปตฺวา วาเมน หเตฺถน ทเณฺฑ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน กฑฺฒิตฺวา ชิยํ โรเปสิฯ สกลนครํ อุปฺปตฺตนาการปฺปตฺตํ อโหสิ ฯ ‘‘กิํ เอโส สโทฺท’’ติ จ วุเตฺต ‘‘เทโว คชฺชตี’’ติ อาหํสุฯ อถเญฺญ ‘‘ตุเมฺห น ชานาถ, น เทโว คชฺชติ, องฺคีรสสฺส กุมารสฺส สหสฺสตฺถามํ ธนุํ อาโรเปตฺวา ชิยํ โปเฐนฺตสฺส ชิยปฺปหารสโทฺท เอโส’’ติ อาหํสุฯ สากิยา ตํ สุตฺวา ตาวตเกเนว อารทฺธจิตฺตา ตุฎฺฐมานสา อเหสุํฯ

    Atha rājā cintesi – ‘‘putto me vayappatto chattamassa ussāpetvā rajjasiriṃ passissāmī’’ti. So sākiyānaṃ paṇṇāni pahiṇi ‘‘putto me vayappatto, rajje naṃ patiṭṭhāpessāmi, sabbe attano gehesu vayappattā dārikā imaṃ gehaṃ pesentū’’ti. Te rañño sāsanaṃ sutvā – ‘‘kumāro kevalaṃ rūpasampanno, na kiñci sippaṃ jānāti, dārabharaṇaṃ kātuṃ na sakkhissati, na mayaṃ dhītaro dassāmā’’ti āhaṃsu. Rājā taṃ pavattiṃ sutvā puttassa santikaṃ gantvā tamatthaṃ ārocesi. Bodhisatto – ‘‘kiṃ sippaṃ dassetuṃ vaṭṭatī’’ti āha. ‘‘Sahassatthāmaṃ dhanuṃ āropetuṃ vaṭṭati, tātā’’ti. ‘‘Tena hi āharāpethā’’ti āha. Rājā āharāpetvā adāsi. Taṃ dhanuṃ purisasahassaṃ āropeti, purisasahassaṃ oropeti. Mahāpuriso taṃ sarāsanaṃ āharāpetvā pallaṅkena nisinnova jiyaṃ pādaṅguṭṭhake veṭhāpetvā kaḍḍhanto pādaṅguṭṭhakeneva dhanuṃ āropetvā vāmena hatthena daṇḍe gahetvā dakkhiṇena hatthena kaḍḍhitvā jiyaṃ ropesi. Sakalanagaraṃ uppattanākārappattaṃ ahosi . ‘‘Kiṃ eso saddo’’ti ca vutte ‘‘devo gajjatī’’ti āhaṃsu. Athaññe ‘‘tumhe na jānātha, na devo gajjati, aṅgīrasassa kumārassa sahassatthāmaṃ dhanuṃ āropetvā jiyaṃ poṭhentassa jiyappahārasaddo eso’’ti āhaṃsu. Sākiyā taṃ sutvā tāvatakeneva āraddhacittā tuṭṭhamānasā ahesuṃ.

    อถ มหาปุริโส – ‘‘กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ อฎฺฐงฺคุลพหลํ อโยปฎฺฎํ กเณฺฑน วิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติ ฯ ตํ วิชฺฌิตฺวา – ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ จตุรงฺคุลพหลํ อสนผลกํ วิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติฯ ตมฺปิ วิชฺฌิตฺวา – ‘‘อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ วิทตฺถิพหลํ อุทุมฺพรผลกํ วิชฺฌิตุํ วฎฺฎตีติฯ ตมฺปิ วิชฺฌิตฺวา อญฺญํ กิํ กาตุํ วฎฺฎตีติฯ ตโต ‘‘วาลุกสกฎานี’’ติ อาหํสุฯ มหาสโตฺต วาลุกสกฎมฺปิ ปลาลสกฎมฺปิ วินิวิชฺฌิตฺวา อุทเก เอกูสภปฺปมาณํ กณฺฑํ เปเสสิ ถเล อฎฺฐอุสภปฺปมาณํฯ อถ นํ ‘‘วาติงฺคณสญฺญาย วาลํ วิชฺฌิตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหํสุฯ ‘‘เตน หิ โยชนมตฺตํ วาติงฺคณํ พนฺธาเปถา’’ติ วตฺวา โยชนมตฺตเก วาติงฺคณสญฺญาย วาลํ พนฺธาเปตฺวา รตฺตนฺธกาเร เมฆปฎเลหิ ฉนฺนาสุ ทิสาสุ กณฺฑํ ขิปิฯ ตํ คนฺตฺวา โยชนมตฺตเก วาลํ ผาเลตฺวา ปถวิํ ปาวิสิฯ น เกวลํ เอตฺตกเมว, ตํทิวสํ มหาปุริโส โลเก วตฺตมานํ สิปฺปํ สพฺพเมว ทเสฺสสิฯ

    Atha mahāpuriso – ‘‘kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Aṭṭhaṅgulabahalaṃ ayopaṭṭaṃ kaṇḍena vijjhituṃ vaṭṭatīti . Taṃ vijjhitvā – ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Caturaṅgulabahalaṃ asanaphalakaṃ vijjhituṃ vaṭṭatīti. Tampi vijjhitvā – ‘‘aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti āha. Vidatthibahalaṃ udumbaraphalakaṃ vijjhituṃ vaṭṭatīti. Tampi vijjhitvā aññaṃ kiṃ kātuṃ vaṭṭatīti. Tato ‘‘vālukasakaṭānī’’ti āhaṃsu. Mahāsatto vālukasakaṭampi palālasakaṭampi vinivijjhitvā udake ekūsabhappamāṇaṃ kaṇḍaṃ pesesi thale aṭṭhausabhappamāṇaṃ. Atha naṃ ‘‘vātiṅgaṇasaññāya vālaṃ vijjhituṃ vaṭṭatī’’ti āhaṃsu. ‘‘Tena hi yojanamattaṃ vātiṅgaṇaṃ bandhāpethā’’ti vatvā yojanamattake vātiṅgaṇasaññāya vālaṃ bandhāpetvā rattandhakāre meghapaṭalehi channāsu disāsu kaṇḍaṃ khipi. Taṃ gantvā yojanamattake vālaṃ phāletvā pathaviṃ pāvisi. Na kevalaṃ ettakameva, taṃdivasaṃ mahāpuriso loke vattamānaṃ sippaṃ sabbameva dassesi.

    อถ สากิยา อตฺตโน ธีตโร อลงฺกริตฺวา เปสยิํสุฯ จตฺตาลีสสหสฺสา นาฎกิตฺถิโย อเหสุํฯ ราหุลมาตา ปน เทวี อคฺคมเหสี อโหสิฯ มหาปุริโส เทวกุมาโร วิย สุรยุวตีหิ ปริวุโต นรยุวตีหิ ปริวุโต นิปฺปุริเสหิ ตุริเยหิ ปริจาริยมาโน มหาสมฺปตฺติํ อนุภวมาโน อุตุวาเรน อุตุวาเรน เตสุ ตีสุ ปาสาเทสุ วิหรติฯ อเถกทิวสํ โพธิสโตฺต อุยฺยานภูมิํ คนฺตุกาโม สารถิํ อามเนฺตตฺวา – ‘‘รถํ โยเชหิ อุยฺยานภูมิํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา มหารหํ วรรุจิรถิรกุพฺพรวรตฺตํ ถิรตรเนมินาภิํ วรกนกรชตมณิรตนขจิตอีสามุขํ นวกนกรชตตารกขจิตเนมิปสฺสํ สโมสริตวิวิธสุรภิกุสุมทามสสฺสิริกํ รวิรถสทิสทสฺสนียํ วรรถํ สมลงฺกริตฺวา สสิกุมุทสทิสวเณฺณ อนิลครุฬชเว อาชานีเย จตฺตาโร มงฺคลสินฺธเว โยเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปฎิเวเทสิฯ โพธิสโตฺต เทววิมานสทิสํ ตํ รถวรมารุยฺห อุยฺยานาภิมุโข ปายาสิฯ

    Atha sākiyā attano dhītaro alaṅkaritvā pesayiṃsu. Cattālīsasahassā nāṭakitthiyo ahesuṃ. Rāhulamātā pana devī aggamahesī ahosi. Mahāpuriso devakumāro viya surayuvatīhi parivuto narayuvatīhi parivuto nippurisehi turiyehi paricāriyamāno mahāsampattiṃ anubhavamāno utuvārena utuvārena tesu tīsu pāsādesu viharati. Athekadivasaṃ bodhisatto uyyānabhūmiṃ gantukāmo sārathiṃ āmantetvā – ‘‘rathaṃ yojehi uyyānabhūmiṃ passissāmī’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā mahārahaṃ vararucirathirakubbaravarattaṃ thirataraneminābhiṃ varakanakarajatamaṇiratanakhacitaīsāmukhaṃ navakanakarajatatārakakhacitanemipassaṃ samosaritavividhasurabhikusumadāmasassirikaṃ ravirathasadisadassanīyaṃ vararathaṃ samalaṅkaritvā sasikumudasadisavaṇṇe anilagaruḷajave ājānīye cattāro maṅgalasindhave yojetvā bodhisattassa paṭivedesi. Bodhisatto devavimānasadisaṃ taṃ rathavaramāruyha uyyānābhimukho pāyāsi.

    อถ เทวตา ‘‘สิทฺธตฺถกุมารสฺส อภิสมฺพุชฺฌนกาโล อาสโนฺน, ปุพฺพนิมิตฺตมสฺส ทเสฺสสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ ชราชชฺชรสรีรํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วงฺกคตฺตํ ทณฺฑหตฺถํ ปเวธมานํ กตฺวา ทเสฺสสุํฯ ตํ โพธิสโตฺต เจว สารถิ จ ปสฺสนฺติฯ ตโต โพธิสโตฺต – ‘‘สารถิ โก นาเมส ปุริโส เกสาปิสฺส น ยถา อเญฺญส’’นฺติ มหาปทานสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๔๓ อาทโย) อาคตนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา – ‘‘ธิรตฺถุ วต, โภ, ชาติ, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปญฺญายิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๕, ๔๗) สํวิคฺคหทโย ตโตว ปฎินิวตฺติตฺวา ปาสาทเมว อภิรุหิฯ

    Atha devatā ‘‘siddhatthakumārassa abhisambujjhanakālo āsanno, pubbanimittamassa dassessāmā’’ti ekaṃ devaputtaṃ jarājajjarasarīraṃ khaṇḍadantaṃ palitakesaṃ vaṅkagattaṃ daṇḍahatthaṃ pavedhamānaṃ katvā dassesuṃ. Taṃ bodhisatto ceva sārathi ca passanti. Tato bodhisatto – ‘‘sārathi ko nāmesa puriso kesāpissa na yathā aññesa’’nti mahāpadānasutte (dī. ni. 2.43 ādayo) āgatanayeneva pucchitvā tassa vacanaṃ sutvā – ‘‘dhiratthu vata, bho, jāti, yatra hi nāma jātassa jarā paññāyissatī’’ti (dī. ni. 2.45, 47) saṃviggahadayo tatova paṭinivattitvā pāsādameva abhiruhi.

    ราชา ‘‘กิํการณา มม ปุโตฺต ปฎินิวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ชิณฺณปุริสํ ทิสฺวา, เทวา’’ติฯ ตโต กมฺปมานมานโส ราชา อฑฺฒโยชเน อารกฺขํ ฐเปสิฯ ปุเนกทิวสํ โพธิสโตฺต อุยฺยานํ คจฺฉโนฺต ตาหิ เอว เทวตาหิ นิมฺมิตํ พฺยาธิตญฺจ ปุริสํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย นิวตฺติตฺวา ปาสาทเมว อภิรุหิฯ ราชา ปุจฺฉิตฺวา นาฎกานิ วิสฺสเชฺชสิฯ ‘‘ปพฺพชฺชาย มานสํ อสฺส ภินฺนํ กริสฺส’’นฺติ อารกฺขํ วเฑฺฒตฺวา สมนฺตโต ติคาวุตปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ ฐเปสิฯ

    Rājā ‘‘kiṃkāraṇā mama putto paṭinivattī’’ti pucchi. ‘‘Jiṇṇapurisaṃ disvā, devā’’ti. Tato kampamānamānaso rājā aḍḍhayojane ārakkhaṃ ṭhapesi. Punekadivasaṃ bodhisatto uyyānaṃ gacchanto tāhi eva devatāhi nimmitaṃ byādhitañca purisaṃ disvā purimanayeneva pucchitvā saṃviggahadayo nivattitvā pāsādameva abhiruhi. Rājā pucchitvā nāṭakāni vissajjesi. ‘‘Pabbajjāya mānasaṃ assa bhinnaṃ karissa’’nti ārakkhaṃ vaḍḍhetvā samantato tigāvutappamāṇe padese ārakkhaṃ ṭhapesi.

    ปุนปิ โพธิสโตฺต เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉโนฺต ตเถว เทวตาหิ นิมฺมิตํ กาลงฺกตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย นิวตฺติตฺวา ปาสาทมภิรุหิฯ ราชา นิวตฺตนการณํ ปุจฺฉิตฺวา ปุน อารกฺขํ วเฑฺฒตฺวา โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ ฐเปสิฯ

    Punapi bodhisatto ekadivasaṃ uyyānaṃ gacchanto tatheva devatāhi nimmitaṃ kālaṅkataṃ disvā purimanayeneva pucchitvā saṃviggahadayo nivattitvā pāsādamabhiruhi. Rājā nivattanakāraṇaṃ pucchitvā puna ārakkhaṃ vaḍḍhetvā yojanappamāṇe padese ārakkhaṃ ṭhapesi.

    ปุนปิ โพธิสโตฺต เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉโนฺต ตเถว เทวตาหิ นิมฺมิตํ สุนิวตฺถํ สุปารุตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา – ‘‘โก นาเมโส, สมฺม, สารถี’’ติ สารถิํ ปุจฺฉิฯ สารถิ กิญฺจาปิ พุทฺธุปฺปาทสฺส อภาวา ปพฺพชิตํ วา ปพฺพชิตคุเณ วา น ชานาติ, เทวตานุภาเวน ปน ‘‘ปพฺพชิโต นามายํ เทวา’’ติ วตฺวา ปพฺพชฺชาย คุณํ ตสฺส วเณฺณสิฯ

    Punapi bodhisatto ekadivasaṃ uyyānaṃ gacchanto tatheva devatāhi nimmitaṃ sunivatthaṃ supārutaṃ pabbajitaṃ disvā – ‘‘ko nāmeso, samma, sārathī’’ti sārathiṃ pucchi. Sārathi kiñcāpi buddhuppādassa abhāvā pabbajitaṃ vā pabbajitaguṇe vā na jānāti, devatānubhāvena pana ‘‘pabbajito nāmāyaṃ devā’’ti vatvā pabbajjāya guṇaṃ tassa vaṇṇesi.

    ตโต โพธิสโตฺต ปพฺพชฺชาย รุจิํ อุปฺปาเทตฺวา ตํทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิฯ ทีฆายุกา โพธิสตฺตา วสฺสสเต วสฺสสเต อติกฺกเนฺต ชิณฺณาทีสุ เอเกกํ อทฺทสํสุฯ อมฺหากํ ปน โพธิสโตฺต อปฺปายุกกาเล อุปฺปนฺนตฺตา จตุนฺนํ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อุยฺยานํ คจฺฉโนฺต อนุกฺกเมน เอเกกํ อทฺทสฯ ทีฆภาณกา ปนาหุ – ‘‘จตฺตาริ นิมิตฺตานิ เอกทิวเสเนว ทิสฺวา อคมาสี’’ติฯ ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา อุยฺยานรสมนุภวิตฺวา มงฺคลโปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย มงฺคลสิลาตเล นิสีทิ อตฺตานํ อลงฺการาเปตุกาโมฯ อถสฺส จิตฺตาจารมญฺญาย สเกฺกน เทวานมิเนฺทน อาณโตฺต วิสฺสกโมฺม นาม เทวปุโตฺต อาคนฺตฺวา ตเสฺสว กปฺปกสทิโส หุตฺวา ทิเพฺพหิ อลงฺกาเรหิ อลงฺกริฯ อถสฺส สพฺพาลงฺการสมลงฺกตสฺส สพฺพตาลาวจเรสุ สกานิ สกานิ ปฎิภานานิ ทสฺสยเนฺตสุ พฺราหฺมเณสุ จ ‘‘ชย นนฺทา’’ติอาทิวจเนหิ สุตมงฺคลิกาทีสุ นานปฺปกาเรหิ มงฺคลวจนตฺถุติโฆเสหิ สมฺภาเวเนฺตสุ สพฺพาลงฺการสมลงฺกตํ รถวรํ อภิรุหิฯ ตสฺมิํ สมเย – ‘‘ราหุลมาตา ปุตฺตํ วิชาตา’’ติ สุตฺวา สุโทฺธทนมหาราชา – ‘‘ปุตฺตสฺส เม ตุฎฺฐิํ นิเวเทถา’’ติ สาสนํ ปหิณิฯ โพธิสโตฺต ตํ สุตฺวา – ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาหฯ ราชา – ‘‘กิํ เม ปุโตฺต อวจา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย เม นตฺตา ‘ราหุลกุมาโร’เตฺวว นามํ โหตู’’ติ อาหฯ

    Tato bodhisatto pabbajjāya ruciṃ uppādetvā taṃdivasaṃ uyyānaṃ agamāsi. Dīghāyukā bodhisattā vassasate vassasate atikkante jiṇṇādīsu ekekaṃ addasaṃsu. Amhākaṃ pana bodhisatto appāyukakāle uppannattā catunnaṃ catunnaṃ māsānaṃ accayena uyyānaṃ gacchanto anukkamena ekekaṃ addasa. Dīghabhāṇakā panāhu – ‘‘cattāri nimittāni ekadivaseneva disvā agamāsī’’ti. Tattha divasabhāgaṃ kīḷitvā uyyānarasamanubhavitvā maṅgalapokkharaṇiyaṃ nhatvā atthaṅgate sūriye maṅgalasilātale nisīdi attānaṃ alaṅkārāpetukāmo. Athassa cittācāramaññāya sakkena devānamindena āṇatto vissakammo nāma devaputto āgantvā tasseva kappakasadiso hutvā dibbehi alaṅkārehi alaṅkari. Athassa sabbālaṅkārasamalaṅkatassa sabbatālāvacaresu sakāni sakāni paṭibhānāni dassayantesu brāhmaṇesu ca ‘‘jaya nandā’’tiādivacanehi sutamaṅgalikādīsu nānappakārehi maṅgalavacanatthutighosehi sambhāventesu sabbālaṅkārasamalaṅkataṃ rathavaraṃ abhiruhi. Tasmiṃ samaye – ‘‘rāhulamātā puttaṃ vijātā’’ti sutvā suddhodanamahārājā – ‘‘puttassa me tuṭṭhiṃ nivedethā’’ti sāsanaṃ pahiṇi. Bodhisatto taṃ sutvā – ‘‘rāhu jāto, bandhanaṃ jāta’’nti āha. Rājā – ‘‘kiṃ me putto avacā’’ti pucchitvā taṃ vacanaṃ sutvā ‘‘ito paṭṭhāya me nattā ‘rāhulakumāro’tveva nāmaṃ hotū’’ti āha.

    โพธิสโตฺตปิ ตํ รถวรมารุยฺห มหตา ปริวาเรน อติมโนรเมน สิริโสภเคฺคน นครํ ปาวิสิฯ ตสฺมิํ สมเย รูปสิริยา คุณสมฺปตฺติยา จ อกิสา กิสาโคตมี นาม ขตฺติยกญฺญา อุปริปาสาทวรตลคตา นครํ ปวิสนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส รูปสิริํ ทิสฺวา สญฺชาตปีติโสมนสฺสา หุตฺวา –

    Bodhisattopi taṃ rathavaramāruyha mahatā parivārena atimanoramena sirisobhaggena nagaraṃ pāvisi. Tasmiṃ samaye rūpasiriyā guṇasampattiyā ca akisā kisāgotamī nāma khattiyakaññā uparipāsādavaratalagatā nagaraṃ pavisantassa bodhisattassa rūpasiriṃ disvā sañjātapītisomanassā hutvā –

    ‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;

    ‘‘Nibbutā nūna sā mātā, nibbuto nūna so pitā;

    นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติฯ (ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.สาริปุตฺตเตฺถรวตฺถุ; อป. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา) –

    Nibbutā nūna sā nārī, yassāyaṃ īdiso patī’’ti. (dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; dha. pa. aṭṭha. 1.sāriputtattheravatthu; apa. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā) –

    อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Imaṃ udānaṃ udānesi.

    โพธิสโตฺต ตํ สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ เม สุสฺสวนํ วจนํ สาเวสิ, อหญฺหิ นิพฺพานํ คเวสโนฺต วิจรามิ, อเชฺชว มยา ฆราวาสํ ฉเฑฺฑตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา นิพฺพานํ คเวสิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ‘‘อยํ อิมิสฺสา อาจริยภาโค โหตู’’ติ มุตฺตาหารํ กณฺฐโต โอมุญฺจิตฺวา กิสาโคตมิยา สตสหสฺสคฺฆนิกํ ปรมรติกรํ มุตฺตาหารํ เปเสสิฯ สา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยิ ปฎิพทฺธหทโย หุตฺวา ปณฺณาการํ เปเสสี’’ติ โสมนสฺสชาตา อโหสิฯ

    Bodhisatto taṃ sutvā cintesi – ‘‘ayaṃ me sussavanaṃ vacanaṃ sāvesi, ahañhi nibbānaṃ gavesanto vicarāmi, ajjeva mayā gharāvāsaṃ chaḍḍetvā nikkhamma pabbajitvā nibbānaṃ gavesituṃ vaṭṭatī’’ti. ‘‘Ayaṃ imissā ācariyabhāgo hotū’’ti muttāhāraṃ kaṇṭhato omuñcitvā kisāgotamiyā satasahassagghanikaṃ paramaratikaraṃ muttāhāraṃ pesesi. Sā ‘‘siddhatthakumāro mayi paṭibaddhahadayo hutvā paṇṇākāraṃ pesesī’’ti somanassajātā ahosi.

    โพธิสโตฺตปิ มหตา สิริสมุทเยน ปรมรมณียํ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สิริสยเน นิปชฺชิฯ ตาวเทว นํ ปริปุณฺณรชนิกรสทิสรุจิรวรวทนา พิมฺพผลสทิสทสนวสนา สิตวิมลสมสํหิตาวิรฬวรทสนา อสิตนยนเกสปาสา สุชาตญฺชนาตินีลกุฎิลภมุกา สุชาตหํสสมสํหิตปโยธรา รติกรนวกนกรชตวิรจิตวรมณิเมขลา ปริคตวิปุลฆนชฆนตฎา กริกรสนฺนิโภรุยุคลา นจฺจคีตวาทิเตสุ กุสลา สุรยุวติสทิสรูปโสภา วรยุวติโย มธุรรวานิ ตุริยานิ คเหตฺวา มหาปุริสํ สมฺปริวาเรตฺวา รมาปยนฺติโย นจฺจคีตวาทิตานิ ปโยชยิํสุฯ โพธิสโตฺต ปน กิเลเสสุ วิรตฺตจิตฺตตาย นจฺจคีตาทีสุ อนภิรโต มุหุตฺตํ นิทฺทํ โอกฺกมิฯ

    Bodhisattopi mahatā sirisamudayena paramaramaṇīyaṃ pāsādaṃ abhiruhitvā sirisayane nipajji. Tāvadeva naṃ paripuṇṇarajanikarasadisaruciravaravadanā bimbaphalasadisadasanavasanā sitavimalasamasaṃhitāviraḷavaradasanā asitanayanakesapāsā sujātañjanātinīlakuṭilabhamukā sujātahaṃsasamasaṃhitapayodharā ratikaranavakanakarajataviracitavaramaṇimekhalā parigatavipulaghanajaghanataṭā karikarasannibhoruyugalā naccagītavāditesu kusalā surayuvatisadisarūpasobhā varayuvatiyo madhuraravāni turiyāni gahetvā mahāpurisaṃ samparivāretvā ramāpayantiyo naccagītavāditāni payojayiṃsu. Bodhisatto pana kilesesu virattacittatāya naccagītādīsu anabhirato muhuttaṃ niddaṃ okkami.

    ตา ตํ ทิสฺวา ‘‘ยสฺสตฺถาย นจฺจาทีนิ มยํ ปโยเชม, โส นิทฺทํ อุปคโต, อิทานิ กิมตฺถํ กิลมามา’’ติ คหิตานิ ตุริยานิ อโชฺฌตฺถริตฺวา นิปชฺชิํสุ, คนฺธเตลปฺปทีปา จ ฌายนฺติฯ โพธิสโตฺต ปพุชฺฌิตฺวา สยนปิเฎฺฐ ปลฺลเงฺกน นิสิโนฺน อทฺทส ตา อิตฺถิโย ตุริยภณฺฑานิ อวตฺถริตฺวา นิทฺทายนฺติโย ปคฺฆริตลาลา กิลินฺนกโปลคตฺตา, เอกจฺจา ทเนฺต ขาทนฺติโย, เอกจฺจา กากจฺฉนฺติโย, เอกจฺจา วิปฺปลปนฺติโย, เอกจฺจา วิวฎมุขา, เอกจฺจา อปคตวสนรสนา , ปากฎพีภจฺฉสมฺพาธฎฺฐานา, เอกจฺจา วิมุตฺตากุลสิโรรุหา สุสานรูปรูปํ ธารยมานา สยิํสุฯ มหาสโตฺต ตาสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย กาเมสุ วิรตฺตจิโตฺต อโหสิฯ ตสฺส ปน อลงฺกตปฎิยตฺตํ ทสสตนยนภวนสทิสํ รุจิรโสภมฺปิ ปาสาทวรตลํ อปวิทฺธมตสรีรกุณปภริตํ อามกสุสานมิว ปรมปฎิกฺกูลํ อุปฎฺฐาสิฯ ตโยปิ ภวา อาทิตฺตภวนสทิสา หุตฺวา อุปฎฺฐหิํสุฯ ‘‘อุปทฺทุตํ วต, โภ, อุปสฺสฎฺฐํ วต โภ’’ติ จ วาจํ ปวเตฺตสิฯ อติวิย ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิฯ

    Tā taṃ disvā ‘‘yassatthāya naccādīni mayaṃ payojema, so niddaṃ upagato, idāni kimatthaṃ kilamāmā’’ti gahitāni turiyāni ajjhottharitvā nipajjiṃsu, gandhatelappadīpā ca jhāyanti. Bodhisatto pabujjhitvā sayanapiṭṭhe pallaṅkena nisinno addasa tā itthiyo turiyabhaṇḍāni avattharitvā niddāyantiyo paggharitalālā kilinnakapolagattā, ekaccā dante khādantiyo, ekaccā kākacchantiyo, ekaccā vippalapantiyo, ekaccā vivaṭamukhā, ekaccā apagatavasanarasanā , pākaṭabībhacchasambādhaṭṭhānā, ekaccā vimuttākulasiroruhā susānarūparūpaṃ dhārayamānā sayiṃsu. Mahāsatto tāsaṃ taṃ vippakāraṃ disvā bhiyyosomattāya kāmesu virattacitto ahosi. Tassa pana alaṅkatapaṭiyattaṃ dasasatanayanabhavanasadisaṃ rucirasobhampi pāsādavaratalaṃ apaviddhamatasarīrakuṇapabharitaṃ āmakasusānamiva paramapaṭikkūlaṃ upaṭṭhāsi. Tayopi bhavā ādittabhavanasadisā hutvā upaṭṭhahiṃsu. ‘‘Upaddutaṃ vata, bho, upassaṭṭhaṃ vata bho’’ti ca vācaṃ pavattesi. Ativiya pabbajjāya cittaṃ nami.

    โส ‘‘อเชฺชว มยา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุํ วฎฺฎตี’’ติ สิริสยนโต อุฎฺฐาย ทฺวารสมีปํ คนฺตฺวา – ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาหฯ อุมฺมาเร สีสํ กตฺวา นิปโนฺน ฉโนฺน อาห – ‘‘อหํ, อยฺยปุตฺต, ฉโนฺน’’ติฯ อถ มหาปุริโส – ‘‘อหํ อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม, น กญฺจิ ปฎิเวทิตฺวา สีฆเมกํ อติชยํ สินฺธวํ กเปฺปหี’’ติฯ โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ อสฺสภณฺฑกํ คเหตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา คนฺธเตลปฺปทีเปสุ ชลเนฺตสุ สุมนปฎฺฎวิตานสฺส เหฎฺฐา ปรมรมณีเย ภูมิภาเค ฐิตํ อริมนฺถกํ กณฺฑกํ ตุรงฺควรํ ทิสฺวา – ‘‘อชฺช มยา อยฺยปุตฺตสฺส นิกฺขมนตฺถาย อิมเมว มงฺคลหยํ กเปฺปตุํ วฎฺฎตี’’ติ กณฺฑกํ กเปฺปสิฯ โส กปฺปิยมาโนว อญฺญาสิ – ‘‘อยํ กปฺปนา อติคาฬฺหา, อเญฺญสุ ทิวเสสุ อุยฺยานกีฬํ คมนกาเล กปฺปนา วิย น โหติฯ นิสฺสํสยํ อเชฺชว อยฺยปุโตฺต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสตี’’ติฯ ตโต ตุฎฺฐมานโส มหาหสิตํ หสิฯ โส นาโท ตํ สกลกปิลวตฺถุปุรํ อุนฺนาทํ กเรยฺย, เทวตา ปน สนฺนิรุมฺภิตฺวา น กสฺสจิ โสตุํ อทํสุฯ

    So ‘‘ajjeva mayā mahābhinikkhamanaṃ nikkhamituṃ vaṭṭatī’’ti sirisayanato uṭṭhāya dvārasamīpaṃ gantvā – ‘‘ko etthā’’ti āha. Ummāre sīsaṃ katvā nipanno channo āha – ‘‘ahaṃ, ayyaputta, channo’’ti. Atha mahāpuriso – ‘‘ahaṃ ajja mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitukāmo, na kañci paṭiveditvā sīghamekaṃ atijayaṃ sindhavaṃ kappehī’’ti. So ‘‘sādhu, devā’’ti assabhaṇḍakaṃ gahetvā assasālaṃ gantvā gandhatelappadīpesu jalantesu sumanapaṭṭavitānassa heṭṭhā paramaramaṇīye bhūmibhāge ṭhitaṃ arimanthakaṃ kaṇḍakaṃ turaṅgavaraṃ disvā – ‘‘ajja mayā ayyaputtassa nikkhamanatthāya imameva maṅgalahayaṃ kappetuṃ vaṭṭatī’’ti kaṇḍakaṃ kappesi. So kappiyamānova aññāsi – ‘‘ayaṃ kappanā atigāḷhā, aññesu divasesu uyyānakīḷaṃ gamanakāle kappanā viya na hoti. Nissaṃsayaṃ ajjeva ayyaputto mahābhinikkhamanaṃ nikkhamissatī’’ti. Tato tuṭṭhamānaso mahāhasitaṃ hasi. So nādo taṃ sakalakapilavatthupuraṃ unnādaṃ kareyya, devatā pana sannirumbhitvā na kassaci sotuṃ adaṃsu.

    โพธิสโตฺต ‘‘ปุตฺตํ ตาว ปสฺสิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ฐิตฎฺฐานโต อุฎฺฐาย ราหุลมาตุยา วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา คพฺภทฺวารํ วิวริฯ ตสฺมิํ ขเณ อโนฺตคเพฺภ คนฺธเตลปฺปทีโป ฌายติฯ ราหุลมาตา สุมนมลฺลิกาทีนํ อมฺพณมเตฺตน อตฺติปฺปกิเณฺณ วรสยเน ปุตฺตสฺส มตฺถเก หตฺถํ ฐเปตฺวา นิทฺทายติฯ โพธิสโตฺต อุมฺมาเร ปาทํ ฐเปตฺวา ฐิตโกว โอโลเกตฺวา – ‘‘สจาหํ เทวิยา หตฺถํ อปเนตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิสฺสามิ, เทวี ปพุชฺฌิสฺสติ, เอวํ เม อภินิกฺขมนสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสติฯ พุโทฺธ หุตฺวาว อาคนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปาสาทตลโต โอตริตฺวา อสฺสสฺส สมีปํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘ตาต กณฺฑก, ตฺวํ อชฺช เอกรตฺติํ มํ ตารย, อหํ ตํ นิสฺสาย พุโทฺธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ ตาเรสฺสามี’’ติฯ ตโต อุลฺลงฺฆิตฺวา กณฺฑกสฺส ปิฎฺฐิํ อภิรุหิฯ กณฺฑโก คีวโต ปฎฺฐาย อายามโต อฎฺฐารสหโตฺถ โหติ ตทนุรูเปน อุเพฺพเธน สมนฺนาคโต รูปคฺคชวพลสมฺปโนฺน สพฺพเสโต โธตสงฺขสทิสทสฺสนียวโณฺณฯ ตโต โพธิสโตฺต วรตุรงฺคปิฎฺฐิคโต ฉนฺนํ อสฺสสฺส วาลธิํ คาหาเปตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย นครสฺส มหาทฺวารํ สมฺปโตฺตฯ

    Bodhisatto ‘‘puttaṃ tāva passissāmī’’ti cintetvā ṭhitaṭṭhānato uṭṭhāya rāhulamātuyā vasanaṭṭhānaṃ gantvā gabbhadvāraṃ vivari. Tasmiṃ khaṇe antogabbhe gandhatelappadīpo jhāyati. Rāhulamātā sumanamallikādīnaṃ ambaṇamattena attippakiṇṇe varasayane puttassa matthake hatthaṃ ṭhapetvā niddāyati. Bodhisatto ummāre pādaṃ ṭhapetvā ṭhitakova oloketvā – ‘‘sacāhaṃ deviyā hatthaṃ apanetvā mama puttaṃ gaṇhissāmi, devī pabujjhissati, evaṃ me abhinikkhamanassa antarāyo bhavissati. Buddho hutvāva āgantvā puttaṃ passissāmī’’ti cintetvā pāsādatalato otaritvā assassa samīpaṃ gantvā evamāha – ‘‘tāta kaṇḍaka, tvaṃ ajja ekarattiṃ maṃ tāraya, ahaṃ taṃ nissāya buddho hutvā sadevakaṃ lokaṃ tāressāmī’’ti. Tato ullaṅghitvā kaṇḍakassa piṭṭhiṃ abhiruhi. Kaṇḍako gīvato paṭṭhāya āyāmato aṭṭhārasahattho hoti tadanurūpena ubbedhena samannāgato rūpaggajavabalasampanno sabbaseto dhotasaṅkhasadisadassanīyavaṇṇo. Tato bodhisatto varaturaṅgapiṭṭhigato channaṃ assassa vāladhiṃ gāhāpetvā aḍḍharattasamaye nagarassa mahādvāraṃ sampatto.

    ตทา ปน ราชา ปุเพฺพว โพธิสตฺตสฺส คมนปฎิเสธนตฺถาย ทฺวีสุ ทฺวารกวาเฎสุ เอเกกํ ปุริสสหเสฺสน วิวริตพฺพํ กาเรตฺวา ตตฺถ พหุปุริเส อารกฺขํ ฐเปสิฯ โพธิสโตฺต กิร ปุริสคณนาย โกฎิสตสหสฺสสฺส พลํ ธาเรสิ, หตฺถิคณนาย โกฎิสหสฺสสฺสฯ ตสฺมา โส จิเนฺตสิ – ‘‘ยทิ ทฺวารํ น วิวรียติ, อชฺช กณฺฑกสฺส ปิเฎฺฐ นิสิโนฺน ฉนฺนํ วาลธิํ คาหาเปตฺวา เตน สทฺธิํเยว กณฺฑกํ อูรูหิ นิปฺปีเฬตฺวา อฎฺฐารสหตฺถํ ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกเมยฺย’’นฺติฯ ฉโนฺน จิเนฺตสิ – ‘‘สเจ ทฺวารํ น อุคฺฆาปยติ, อหํ อยฺยปุตฺตํ ขเนฺธ กตฺวา กณฺฑกํ ทกฺขิณหเตฺถน ปริกฺขิปโนฺต อุปกจฺฉเก กตฺวา อุปฺปติตฺวา ปาการํ อติกฺกมิสฺสามี’’ติฯ กณฺฑโก จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ ทฺวาเร อวิวริยมาเน ยถานิสินฺนเมว อยฺยปุตฺตํ คหิตวาลธินา ฉเนฺนน สทฺธิํ อุปฺปติตฺวา ปาการสฺส ปุรโต ปติฎฺฐหิสฺสามี’’ติฯ เอวเมว ตโย ปุริสา จินฺตยิํสุฯ ทฺวาเร อธิวตฺถา เทวตา มหาทฺวารํ วิวริํสุฯ

    Tadā pana rājā pubbeva bodhisattassa gamanapaṭisedhanatthāya dvīsu dvārakavāṭesu ekekaṃ purisasahassena vivaritabbaṃ kāretvā tattha bahupurise ārakkhaṃ ṭhapesi. Bodhisatto kira purisagaṇanāya koṭisatasahassassa balaṃ dhāresi, hatthigaṇanāya koṭisahassassa. Tasmā so cintesi – ‘‘yadi dvāraṃ na vivarīyati, ajja kaṇḍakassa piṭṭhe nisinno channaṃ vāladhiṃ gāhāpetvā tena saddhiṃyeva kaṇḍakaṃ ūrūhi nippīḷetvā aṭṭhārasahatthaṃ pākāraṃ uppatitvā atikkameyya’’nti. Channo cintesi – ‘‘sace dvāraṃ na ugghāpayati, ahaṃ ayyaputtaṃ khandhe katvā kaṇḍakaṃ dakkhiṇahatthena parikkhipanto upakacchake katvā uppatitvā pākāraṃ atikkamissāmī’’ti. Kaṇḍako cintesi – ‘‘ahaṃ dvāre avivariyamāne yathānisinnameva ayyaputtaṃ gahitavāladhinā channena saddhiṃ uppatitvā pākārassa purato patiṭṭhahissāmī’’ti. Evameva tayo purisā cintayiṃsu. Dvāre adhivatthā devatā mahādvāraṃ vivariṃsu.

    ตสฺมิํ ขเณ มาโร ปาปิมา ‘‘มหาสตฺตํ นิวเตฺตสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา คคนตเล ฐตฺวา อาห –

    Tasmiṃ khaṇe māro pāpimā ‘‘mahāsattaṃ nivattessāmī’’ti āgantvā gaganatale ṭhatvā āha –

    ‘‘มา นิกฺขม มหาวีร, อิโต เต สตฺตเม ทิเน;

    ‘‘Mā nikkhama mahāvīra, ito te sattame dine;

    ทิพฺพํ ตุ จกฺกรตนํ, อทฺธา ปาตุ ภวิสฺสติฯ –

    Dibbaṃ tu cakkaratanaṃ, addhā pātu bhavissati. –

    ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรสฺสสิ, นิวตฺต, มาริสา’’ติฯ มหาปุริโส อาห ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติฯ อหํ วสวตฺตีติฯ

    Dvisahassaparittadīpaparivārānaṃ catunnaṃ mahādīpānaṃ rajjaṃ kāressasi, nivatta, mārisā’’ti. Mahāpuriso āha ‘‘kosi tva’’nti. Ahaṃ vasavattīti.

    ‘‘ชานามหํ มหาราช, มยฺหํ จกฺกสฺส สมฺภวํ;

    ‘‘Jānāmahaṃ mahārāja, mayhaṃ cakkassa sambhavaṃ;

    อนตฺถิโกหํ รเชฺชน, คจฺฉ ตฺวํ มาร มา อิธฯ

    Anatthikohaṃ rajjena, gaccha tvaṃ māra mā idha.

    ‘‘สกลํ ทสสหสฺสมฺปิ, โลกธาตุมหํ ปน;

    ‘‘Sakalaṃ dasasahassampi, lokadhātumahaṃ pana;

    อุนฺนาเทตฺวา ภวิสฺสามิ, พุโทฺธ โลเก วินายโก’’ติฯ –

    Unnādetvā bhavissāmi, buddho loke vināyako’’ti. –

    อาหฯ โส ตเตฺถวนฺตรธายิฯ

    Āha. So tatthevantaradhāyi.

    มหาสโตฺต เอกูนตฺติํสวสฺสกาเล หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปโกฺข ฉเฑฺฑตฺวา จกฺกวตฺติสิรินิวาสภูตา ราชภวนา นิกฺขมิตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อุตฺตราสาฬฺหนกฺขเตฺต วตฺตมาเน นครโต นิกฺขมิตฺวา นครํ อปโลเกตุกาโม อโหสิฯ วิตกฺกสมนนฺตรเมว จสฺส กุลาลจกฺกํ วิย โส ภูมิปฺปเทโส ปริวตฺติฯ ยถาฐิโตว มหาสโตฺต กปิลวตฺถุปุรํ ทิสฺวา ตสฺสิํ ภูมิปฺปเทเส กณฺฑกนิวตฺตนํ นาม เจติยฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวา คนฺตพฺพมคาภิมุขํเยว กณฺฑกํ กตฺวา ปายาสิ มหตา สกฺกาเรน อุฬาเรน สิริสมุทเยนฯ ตทา มหาสเตฺต คจฺฉเนฺต ตสฺส ปุรโต เทวตา สฎฺฐิ อุกฺกาสตสหสฺสานิ ธารยิํสุ, ตถา ปจฺฉโต สฎฺฐิ ทกฺขิณโต สฎฺฐิ อุกฺกาสตสหสฺสานิ, ตถา วามปสฺสโตฯ อปรา เทวตา สุรภิกุสุมมาลาทามจนฺทนจุณฺณจามรธชปฎากาหิ สกฺกโรนฺติโย ปริวาเรตฺวา อคมํสุฯ ทิพฺพานิ สงฺคีตานิ อเนกานิ จ ตุริยานิ วชฺชิํสุฯ

    Mahāsatto ekūnattiṃsavassakāle hatthagataṃ cakkavattirajjaṃ kheḷapiṇḍaṃ viya anapekkho chaḍḍetvā cakkavattisirinivāsabhūtā rājabhavanā nikkhamitvā āsāḷhipuṇṇamāya uttarāsāḷhanakkhatte vattamāne nagarato nikkhamitvā nagaraṃ apaloketukāmo ahosi. Vitakkasamanantarameva cassa kulālacakkaṃ viya so bhūmippadeso parivatti. Yathāṭhitova mahāsatto kapilavatthupuraṃ disvā tassiṃ bhūmippadese kaṇḍakanivattanaṃ nāma cetiyaṭṭhānaṃ dassetvā gantabbamagābhimukhaṃyeva kaṇḍakaṃ katvā pāyāsi mahatā sakkārena uḷārena sirisamudayena. Tadā mahāsatte gacchante tassa purato devatā saṭṭhi ukkāsatasahassāni dhārayiṃsu, tathā pacchato saṭṭhi dakkhiṇato saṭṭhi ukkāsatasahassāni, tathā vāmapassato. Aparā devatā surabhikusumamālādāmacandanacuṇṇacāmaradhajapaṭākāhi sakkarontiyo parivāretvā agamaṃsu. Dibbāni saṅgītāni anekāni ca turiyāni vajjiṃsu.

    อิมินา สิริสมุทเยน คจฺฉโนฺต โพธิสโตฺต เอกรเตฺตเนว ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมฺม ติํสโยชนิกํ มคฺคํ คนฺตฺวา อโนมานทีตีรํ สมฺปาปุณิฯ อถ โพธิสโตฺต นทีตีเร ฐตฺวา ฉนฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา นามายํ นที’’ติ? ‘‘อโนมา นาม, เทวา’’ติฯ ‘‘อมฺหากมฺปิ ปพฺพชฺชา อโนมา ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺหิยา อสฺสํ ฆเฎฺฎโนฺต อสฺสสฺส สญฺญํ อทาสิฯ อโสฺส อุลฺลงฺฆิตฺวา อฎฺฐอุสภวิตฺถาราย นทิยา ปาริมตีเร อฎฺฐาสิฯ โพธิสโตฺต อสฺสปิฎฺฐิโต โอรุยฺห มุตฺตราสิสทิเส วาลุกาปุลิเน ฐตฺวา ฉนฺนํ อามเนฺตสิ – ‘‘สมฺม ฉนฺน, ตฺวํ มยฺหํ อาภรณานิ เจว กณฺฑกญฺจ อาทาย คจฺฉ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ ฉโนฺน, ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ โพธิสโตฺต อาห – ‘‘น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุํ, คเจฺฉว ตฺว’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ นิวาเรตฺวา อาภรณานิ เจว กณฺฑกญฺจ ปฎิจฺฉาเปตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อิเม มยฺหํ เกสา สมณสารุปฺปา น โหนฺติ, เต ขเคฺคน ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ทกฺขิเณน หเตฺถน ปรมนิสิตมสิวรํ คเหตฺวา วามหเตฺถน โมฬิยา สทฺธิํ จูฬํ คเหตฺวา ฉินฺทิ, เกสา ทฺวงฺคุลมตฺตา หุตฺวา ทกฺขิณโต อาวฎฺฎมานา สีเส อลฺลียิํสุฯ เตสํ ปน เกสานํ ยาวชีวํ ตเทว ปมาณํ อโหสิ, มสฺสุ จ ตทนุรูปํ, ปุน เกสมสฺสุโอหารณกิจฺจมฺปิสฺส นาโหสิฯ โพธิสโตฺต สห โมฬิยา จูฬํ คเหตฺวา – ‘‘สจาหํ พุโทฺธ ภวิสฺสามิ, อากาเส ติฎฺฐตุ, โน เจ, ภูมิยํ ปตตู’’ติ อากาเส ขิปิฯ ตํ จูฬามณิพนฺธนํ โยชนปฺปมาณํ ฐานํ คนฺตฺวา อากาเส อฎฺฐาสิฯ

    Iminā sirisamudayena gacchanto bodhisatto ekaratteneva tīṇi rajjāni atikkamma tiṃsayojanikaṃ maggaṃ gantvā anomānadītīraṃ sampāpuṇi. Atha bodhisatto nadītīre ṭhatvā channaṃ pucchi – ‘‘kā nāmāyaṃ nadī’’ti? ‘‘Anomā nāma, devā’’ti. ‘‘Amhākampi pabbajjā anomā bhavissatī’’ti paṇhiyā assaṃ ghaṭṭento assassa saññaṃ adāsi. Asso ullaṅghitvā aṭṭhausabhavitthārāya nadiyā pārimatīre aṭṭhāsi. Bodhisatto assapiṭṭhito oruyha muttarāsisadise vālukāpuline ṭhatvā channaṃ āmantesi – ‘‘samma channa, tvaṃ mayhaṃ ābharaṇāni ceva kaṇḍakañca ādāya gaccha, ahaṃ pabbajissāmī’’ti. Channo, ‘‘ahampi, deva, pabbajissāmī’’ti. Bodhisatto āha – ‘‘na labbhā tayā pabbajituṃ, gaccheva tva’’nti tikkhattuṃ nivāretvā ābharaṇāni ceva kaṇḍakañca paṭicchāpetvā cintesi – ‘‘ime mayhaṃ kesā samaṇasāruppā na honti, te khaggena chindissāmī’’ti dakkhiṇena hatthena paramanisitamasivaraṃ gahetvā vāmahatthena moḷiyā saddhiṃ cūḷaṃ gahetvā chindi, kesā dvaṅgulamattā hutvā dakkhiṇato āvaṭṭamānā sīse allīyiṃsu. Tesaṃ pana kesānaṃ yāvajīvaṃ tadeva pamāṇaṃ ahosi, massu ca tadanurūpaṃ, puna kesamassuohāraṇakiccampissa nāhosi. Bodhisatto saha moḷiyā cūḷaṃ gahetvā – ‘‘sacāhaṃ buddho bhavissāmi, ākāse tiṭṭhatu, no ce, bhūmiyaṃ patatū’’ti ākāse khipi. Taṃ cūḷāmaṇibandhanaṃ yojanappamāṇaṃ ṭhānaṃ gantvā ākāse aṭṭhāsi.

    อถ สโกฺก เทวราชา ทิเพฺพน จกฺขุนา โอโลเกโนฺต โยชนิเกน รตนจโงฺกฎเกน ตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ตาวติํสภวเน ติโยชนํ สตฺตรตนมยํ จูฬามณิเจติยํ นาม ปติฎฺฐาเปสิฯ ยถาห –

    Atha sakko devarājā dibbena cakkhunā olokento yojanikena ratanacaṅkoṭakena taṃ paṭiggahetvā tāvatiṃsabhavane tiyojanaṃ sattaratanamayaṃ cūḷāmaṇicetiyaṃ nāma patiṭṭhāpesi. Yathāha –

    ‘‘เฉตฺวาน โมฬิํ วรคนฺธวาสิตํ, เวหายสํ อุกฺขิปิ อคฺคปุคฺคโล;

    ‘‘Chetvāna moḷiṃ varagandhavāsitaṃ, vehāyasaṃ ukkhipi aggapuggalo;

    สหสฺสเนโตฺต สิรสา ปฎิคฺคหิ, สุวณฺณจโงฺกฎวเรน วาสโว’’ติฯ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๒๒; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๑๒; อป. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา);

    Sahassanetto sirasā paṭiggahi, suvaṇṇacaṅkoṭavarena vāsavo’’ti. (ma. ni. aṭṭha. 1.222; saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.12; apa. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā);

    ปุน โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อิมานิ กาสิกวตฺถานิ มหคฺฆานิ, น มยฺหํ สมณสารุปฺปานี’’ติฯ อถสฺส กสฺสปพุทฺธกาเล ปุราณสหายโก ฆฎิการมหาพฺรหฺมา เอกํ พุทฺธนฺตรํ วินาสภาวาปฺปเตฺตน มิตฺตภาเวน จิเนฺตสิ – ‘‘อชฺช เม สหายโก มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขโนฺต, สมณปริกฺขารมสฺส คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติฯ

    Puna bodhisatto cintesi – ‘‘imāni kāsikavatthāni mahagghāni, na mayhaṃ samaṇasāruppānī’’ti. Athassa kassapabuddhakāle purāṇasahāyako ghaṭikāramahābrahmā ekaṃ buddhantaraṃ vināsabhāvāppattena mittabhāvena cintesi – ‘‘ajja me sahāyako mahābhinikkhamanaṃ nikkhanto, samaṇaparikkhāramassa gahetvā gacchissāmī’’ti.

    ‘‘ติจีวรญฺจ ปโตฺต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;

    ‘‘Ticīvarañca patto ca, vāsi sūci ca bandhanaṃ;

    ปริสฺสาวนญฺจ อเฎฺฐเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๑๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๙๔; ๒.๓๔๙; อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔.๑๙๘; ปารา. อฎฺฐ. ๑.๔๕ ปทภาชนียวณฺณนา; อป. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; มหานิ. อฎฺฐ. ๒๐๖) –

    Parissāvanañca aṭṭhete, yuttayogassa bhikkhuno’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 1.215; ma. ni. aṭṭha. 1.294; 2.349; a. ni. aṭṭha. 2.4.198; pārā. aṭṭha. 1.45 padabhājanīyavaṇṇanā; apa. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.avidūrenidānakathā; mahāni. aṭṭha. 206) –

    อิเม อฎฺฐ สมณปริกฺขาเร อาหริตฺวา อทาสิฯ มหาปุริโส อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา อุตฺตมํ ปพฺพชฺชาเวสํ คเหตฺวา สาฎกยุคลํ อากาเส ขิปิฯ ตํ มหาพฺรหฺมา ปฎิคฺคเหตฺวา พฺรหฺมโลเก ทฺวาทสโยชนิกํ สพฺพรตนมยํ เจติยํ กตฺวา ตํ อโนฺต ปกฺขิปิตฺวา ฐเปสิฯ อถ นํ มหาสโตฺต – ‘‘ฉนฺน, มม วจเนน มาตาปิตูนํ อาโรคฺยํ วเทหี’’ติ วตฺวา อุโยฺยเชสิฯ ตโต ฉโนฺน มหาปุริสํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ กณฺฑโก ปน ฉเนฺนน สทฺธิํ มนฺตยมานสฺส โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุณโนฺต ฐตฺวา – ‘‘นตฺถิ ทานิ มยฺหํ ปุน สามิโน ทสฺสน’’นฺติ จกฺขุปถมสฺส วิชหโนฺต วิโยคทุกฺขมธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา สุรริปุทุรภิภวเน ตาวติํสภวเน กณฺฑโก นาม เทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส อุปฺปตฺติ วิมลตฺถวิลาสินิยา วิมานวตฺถุฎฺฐกถาย คเหตพฺพาฯ ฉนฺนสฺส ปฐมํ เอโกว โสโก อโหสิฯ โส กณฺฑกสฺส กาลกิริยาย ทุติเยน โสเกน ปีฬิยมาโน โรทโนฺต ปริเทวโนฺต ทุเกฺขน อคมาสิฯ

    Ime aṭṭha samaṇaparikkhāre āharitvā adāsi. Mahāpuriso arahaddhajaṃ nivāsetvā uttamaṃ pabbajjāvesaṃ gahetvā sāṭakayugalaṃ ākāse khipi. Taṃ mahābrahmā paṭiggahetvā brahmaloke dvādasayojanikaṃ sabbaratanamayaṃ cetiyaṃ katvā taṃ anto pakkhipitvā ṭhapesi. Atha naṃ mahāsatto – ‘‘channa, mama vacanena mātāpitūnaṃ ārogyaṃ vadehī’’ti vatvā uyyojesi. Tato channo mahāpurisaṃ vanditvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Kaṇḍako pana channena saddhiṃ mantayamānassa bodhisattassa vacanaṃ suṇanto ṭhatvā – ‘‘natthi dāni mayhaṃ puna sāmino dassana’’nti cakkhupathamassa vijahanto viyogadukkhamadhivāsetuṃ asakkonto hadayena phalitena kālaṃ katvā suraripudurabhibhavane tāvatiṃsabhavane kaṇḍako nāma devaputto hutvā nibbatti. Tassa uppatti vimalatthavilāsiniyā vimānavatthuṭṭhakathāya gahetabbā. Channassa paṭhamaṃ ekova soko ahosi. So kaṇḍakassa kālakiriyāya dutiyena sokena pīḷiyamāno rodanto paridevanto dukkhena agamāsi.

    โพธิสโตฺตปิ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมิํเยว ปเทเส อนุปิยํ นาม อมฺพวนํ อตฺถิ, ตเตฺถว สตฺตาหํ ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมตฺวา ตโต ปจฺฉา สญฺฌาปฺปภานุรญฺชิตสลิลธรสํวุโต สรทสมเย ปริปุณฺณรชนิกโร วิย กาสาววรสํวุโต เอกโกปิ อเนกชนปริวุโต วิย วิโรจมาโน ตํ วนวาสิมิคปกฺขีนํ นยนามตปานมิว กโรโนฺต เอกจโร สีโห วิย นรสีโห มตฺตมาตงฺควิลาสคามี สมสฺสาเสโนฺต วิย วสุนฺธรํ ปาทตเลหิ เอกทิวเสเนว ติํสโยชนิกํ มคฺคํ คนฺตฺวา อุตฺตุงฺคตรงฺคภงฺคํ อสงฺคํ คงฺคํ นทิํ อุตฺตริตฺวา รตนชุติวิสรวิราชิตวรรุจิรราชคหํ ราชคหํ นาม นครํ ปาวิสิฯ ปวิสิตฺวา จ ปน สปทานํ ปิณฺฑาย จริฯ สกลํ ปน ตํ นครํ โพธิสตฺตสฺส รูปทสฺสเนน ธนปาลเก ปวิเฎฺฐ ตํ นครํ วิย อสุริเนฺท ปวิเฎฺฐ เทวนครํ วิย สโงฺขภมคมาสิฯ ปิณฺฑาย จรเนฺต มหาปุริเส นครวาสิโน มนุสฺสา มหาสตฺตสฺส รูปทสฺสเนน สญฺชาตปีติโสมนสฺสา ชาตวิมฺหิตา โพธิสตฺตสฺส รูปทสฺสนาวชฺชิตหทยา อเหสุํฯ

    Bodhisattopi pabbajitvā tasmiṃyeva padese anupiyaṃ nāma ambavanaṃ atthi, tattheva sattāhaṃ pabbajjāsukhena vītināmetvā tato pacchā sañjhāppabhānurañjitasaliladharasaṃvuto saradasamaye paripuṇṇarajanikaro viya kāsāvavarasaṃvuto ekakopi anekajanaparivuto viya virocamāno taṃ vanavāsimigapakkhīnaṃ nayanāmatapānamiva karonto ekacaro sīho viya narasīho mattamātaṅgavilāsagāmī samassāsento viya vasundharaṃ pādatalehi ekadivaseneva tiṃsayojanikaṃ maggaṃ gantvā uttuṅgataraṅgabhaṅgaṃ asaṅgaṃ gaṅgaṃ nadiṃ uttaritvā ratanajutivisaravirājitavararucirarājagahaṃ rājagahaṃ nāma nagaraṃ pāvisi. Pavisitvā ca pana sapadānaṃ piṇḍāya cari. Sakalaṃ pana taṃ nagaraṃ bodhisattassa rūpadassanena dhanapālake paviṭṭhe taṃ nagaraṃ viya asurinde paviṭṭhe devanagaraṃ viya saṅkhobhamagamāsi. Piṇḍāya carante mahāpurise nagaravāsino manussā mahāsattassa rūpadassanena sañjātapītisomanassā jātavimhitā bodhisattassa rūpadassanāvajjitahadayā ahesuṃ.

    เตสํ มนุสฺสานํ อญฺญตโร อญฺญตรเมวมาห – ‘‘กินฺนุ ยํ, โภ, ราหุภเยน นิคูฬฺหกิรณชาโล ปุณฺณจโนฺท มนุสฺสโลกมาคโต’’ติฯ ตมโญฺญ สิตํ กตฺวา เอวมาห – ‘‘กิํ กเถสิ, สมฺม, กทา นาม ตยา ปุณฺณจโนฺท มนุสฺสโลกมาคโต ทิฎฺฐปุโพฺพ, นนุ เอส กุสุมเกตุกามเทโว เวสนฺตรมาทาย อมฺหากํ มหาราชสฺส นาครานญฺจ ปรมลีฬาวิภูติํ ทิสฺวา กีฬิตุมาคโต’’ติฯ ตมโญฺญ สิตํ กตฺวา เอวมาห – ‘‘กิํ, โภ, ตฺวํ อุมฺมโตฺตสิ, นนุ กาโม อิสฺสรโกธหุตาสนปริทฑฺฒสรีโร สุรปติทสสตนยโน เอโส อมรปุรสญฺญาย อิธาคโต’’ติ! ตมโญฺญ อีสกํ หสิตฺวา – ‘‘กิํ วเทสิ, โภ, เต ปุพฺพาปรวิโรธํ, กุโต ปนสฺส ทสสตนยนานิ, กุโต วชิรํ, กุโต เอราวโณฯ อทฺธา พฺรหฺมา เอส พฺราหฺมณชนํ ปมตฺตํ ญตฺวา เวทเวทงฺคาทีสุ นิโยชนตฺถาย อาคโต’’ติฯ เต สเพฺพปิ อปสาเทตฺวา อโญฺญ ปณฺฑิตชาติโก เอวมาห – ‘‘เนวายํ ปุณฺณจโนฺท , น จ กามเทโว, นาปิ ทสสตนยโน, น จาปิ พฺรหฺมา, สพฺพโลกนายโก สตฺถา เอส อจฺฉริยมนุโสฺส’’ติฯ

    Tesaṃ manussānaṃ aññataro aññataramevamāha – ‘‘kinnu yaṃ, bho, rāhubhayena nigūḷhakiraṇajālo puṇṇacando manussalokamāgato’’ti. Tamañño sitaṃ katvā evamāha – ‘‘kiṃ kathesi, samma, kadā nāma tayā puṇṇacando manussalokamāgato diṭṭhapubbo, nanu esa kusumaketukāmadevo vesantaramādāya amhākaṃ mahārājassa nāgarānañca paramalīḷāvibhūtiṃ disvā kīḷitumāgato’’ti. Tamañño sitaṃ katvā evamāha – ‘‘kiṃ, bho, tvaṃ ummattosi, nanu kāmo issarakodhahutāsanaparidaḍḍhasarīro surapatidasasatanayano eso amarapurasaññāya idhāgato’’ti! Tamañño īsakaṃ hasitvā – ‘‘kiṃ vadesi, bho, te pubbāparavirodhaṃ, kuto panassa dasasatanayanāni, kuto vajiraṃ, kuto erāvaṇo. Addhā brahmā esa brāhmaṇajanaṃ pamattaṃ ñatvā vedavedaṅgādīsu niyojanatthāya āgato’’ti. Te sabbepi apasādetvā añño paṇḍitajātiko evamāha – ‘‘nevāyaṃ puṇṇacando , na ca kāmadevo, nāpi dasasatanayano, na cāpi brahmā, sabbalokanāyako satthā esa acchariyamanusso’’ti.

    เอวํ สลฺลปเนฺตสุ เอว นาคเรสุ ราชปุริสา คนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ รโญฺญ พิมฺพิสารสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, เทโว วา คนฺธโพฺพ วา อุทาหุ นาคราชา วา ยโกฺข วา โก นุ วา อมฺหากํ นคเร ปิณฺฑาย จรตี’’ติฯ ราชา ตํ สุตฺวา อุปริปาสาทตเล ฐตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ราชปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, ตํ วีมํสถ, สเจ อมนุโสฺส ภวิสฺสติ, นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรธายิสฺสติ, สเจ เทวตา ภวิสฺสติ, อากาเสน คมิสฺสติ, สเจ นาคราชา ภวิสฺสติ, ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คมิสฺสติ, สเจ มนุโสฺส ภวิสฺสติ, ยถาลทฺธํ ภิกฺขํ ปริภุญฺชิสฺสตี’’ติฯ

    Evaṃ sallapantesu eva nāgaresu rājapurisā gantvā taṃ pavattiṃ rañño bimbisārassa ārocesuṃ – ‘‘deva, devo vā gandhabbo vā udāhu nāgarājā vā yakkho vā ko nu vā amhākaṃ nagare piṇḍāya caratī’’ti. Rājā taṃ sutvā uparipāsādatale ṭhatvā mahāpurisaṃ disvā acchariyabbhutacittajāto rājapurise āṇāpesi – ‘‘gacchatha, bhaṇe, taṃ vīmaṃsatha, sace amanusso bhavissati, nagarā nikkhamitvā antaradhāyissati, sace devatā bhavissati, ākāsena gamissati, sace nāgarājā bhavissati, pathaviyaṃ nimujjitvā gamissati, sace manusso bhavissati, yathāladdhaṃ bhikkhaṃ paribhuñjissatī’’ti.

    มหาปุริโสปิ สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส รูปโสภาย มหาชนสฺส นยนานิ อากเฑฺฒโนฺต วิย ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน มิสฺสกภตฺตํ ยาปนมตฺตํ สํหริตฺวา ปวิฎฺฐทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา อาหารํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิพฺพิกาโร ปริภุญฺชิฯ ตโต ราชปุริสา คนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ตโต ทูตวจนํ สุตฺวา มคธาธิปติ ราชา พาลชเนหิ ทุรนุสาโร เมรุมนฺทารสาโร สตฺตสาโร พิมฺพิสาโร โพธิสตฺตสฺส คุณสฺสวเนเนว สญฺชาตทสฺสนกุตูหโล เวเคน นครโต นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตาภิมุโข คนฺตฺวา ยานา โอรุยฺห โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน กตานุโญฺญ พนฺธุชนสิเนหสีตเล สิลาตเล นิสีทิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา กตปฎิสนฺถาโร นามโคตฺตาทีนิ ปุจฺฉิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สพฺพํ อิสฺสริยํ นิยฺยาเตสิฯ โพธิสโตฺต – ‘‘มยฺหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ วา กิเลสกาเมหิ วา อโตฺถ นตฺถิฯ อหญฺหิ ปรมาภิสโมฺพธิํ ปตฺถยโนฺต นิกฺขโนฺต’’ติ อาหฯ ราชา อเนกปฺปกาเรน ยาจโนฺตปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา – ‘‘อทฺธา พุโทฺธ ภวิสฺสติ, พุทฺธภูเตน ปน ตยา ปฐมํ มม วิชิตํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา นครํ ปวิโฎฺฐฯ

    Mahāpurisopi santindriyo santamānaso rūpasobhāya mahājanassa nayanāni ākaḍḍhento viya yugamattaṃ pekkhamāno missakabhattaṃ yāpanamattaṃ saṃharitvā paviṭṭhadvāreneva nagarā nikkhamitvā paṇḍavapabbatacchāyāya puratthābhimukho nisīditvā āhāraṃ paccavekkhitvā nibbikāro paribhuñji. Tato rājapurisā gantvā taṃ pavattiṃ rañño ārocesuṃ. Tato dūtavacanaṃ sutvā magadhādhipati rājā bālajanehi duranusāro merumandārasāro sattasāro bimbisāro bodhisattassa guṇassavaneneva sañjātadassanakutūhalo vegena nagarato nikkhamitvā paṇḍavapabbatābhimukho gantvā yānā oruyha bodhisattassa santikaṃ gantvā tena katānuñño bandhujanasinehasītale silātale nisīditvā bodhisattassa iriyāpathe pasīditvā katapaṭisanthāro nāmagottādīni pucchitvā bodhisattassa sabbaṃ issariyaṃ niyyātesi. Bodhisatto – ‘‘mayhaṃ, mahārāja, vatthukāmehi vā kilesakāmehi vā attho natthi. Ahañhi paramābhisambodhiṃ patthayanto nikkhanto’’ti āha. Rājā anekappakārena yācantopi tassa cittaṃ alabhitvā – ‘‘addhā buddho bhavissati, buddhabhūtena pana tayā paṭhamaṃ mama vijitaṃ āgantabba’’nti vatvā nagaraṃ paviṭṭho.

    ‘‘อถ ราชคหํ วรราชคหํ, นรราชวเร นครํ ตุ คเต;

    ‘‘Atha rājagahaṃ vararājagahaṃ, nararājavare nagaraṃ tu gate;

    คิริราชวโร มุนิราชวโร, มิคราชคโต สุคโตปิ คโต’’ฯ

    Girirājavaro munirājavaro, migarājagato sugatopi gato’’.

    อถ โพธิสโตฺต อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน อาฬารญฺจ กาลามํ อุทกญฺจ รามปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา – ‘‘นายํ มโคฺค โพธิยา’’ติ ตํ สมาปตฺติภาวนํ อนลงฺกริตฺวา มหาปธานํ ปทหิตุกาโม อุรุเวลํ คนฺตฺวา – ‘‘รมณีโย วตายํ ภูมิภาโค’’ติ ตเตฺถว วาสํ อุปคนฺตฺวา มหาปธานํ ปทหิฯ ลกฺขณปริคฺคาหกพฺราหฺมณานํ จตฺตาโร ปุตฺตา โกณฺฑโญฺญ พฺราหฺมโณ จาติ อิเม ปญฺจ ชนา ปฐมํเยว ปพฺพชิตา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาจริยํ จรนฺตา ตตฺถ โพธิสตฺตํ สมฺปาปุณิํสุฯ อถ นํ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตํ – ‘‘อิทานิ พุโทฺธ ภวิสฺสติ, อิทานิ พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเวณสมฺมชฺชนาทิกาย วตฺตปฎิปตฺติยา อุปฎฺฐหมานา สนฺติกาวจราวสฺส อเหสุํฯ โพธิสโตฺตปิ – ‘‘โกฎิปฺปตฺตํ ทุกฺกรํ กริสฺสามี’’ติ เอกติลตณฺฑุลาทีหิ วีตินาเมสิฯ สพฺพโสปิ อาหารุปเจฺฉทํ อกาสิฯ เทวตาปิ โลมกูเปหิ ทิโพฺพชํ อุปหารยมานา ปกฺขิปิํสุฯ

    Atha bodhisatto anupubbena cārikaṃ caramāno āḷārañca kālāmaṃ udakañca rāmaputtaṃ upasaṅkamitvā aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā – ‘‘nāyaṃ maggo bodhiyā’’ti taṃ samāpattibhāvanaṃ analaṅkaritvā mahāpadhānaṃ padahitukāmo uruvelaṃ gantvā – ‘‘ramaṇīyo vatāyaṃ bhūmibhāgo’’ti tattheva vāsaṃ upagantvā mahāpadhānaṃ padahi. Lakkhaṇapariggāhakabrāhmaṇānaṃ cattāro puttā koṇḍañño brāhmaṇo cāti ime pañca janā paṭhamaṃyeva pabbajitā gāmanigamarājadhānīsu bhikkhācariyaṃ carantā tattha bodhisattaṃ sampāpuṇiṃsu. Atha naṃ chabbassāni mahāpadhānaṃ padahantaṃ – ‘‘idāni buddho bhavissati, idāni buddho bhavissatī’’ti pariveṇasammajjanādikāya vattapaṭipattiyā upaṭṭhahamānā santikāvacarāvassa ahesuṃ. Bodhisattopi – ‘‘koṭippattaṃ dukkaraṃ karissāmī’’ti ekatilataṇḍulādīhi vītināmesi. Sabbasopi āhārupacchedaṃ akāsi. Devatāpi lomakūpehi dibbojaṃ upahārayamānā pakkhipiṃsu.

    อถสฺส ตาย นิราหารตาย ปรมกิสภาวปฺปตฺตกายสฺส สุวณฺณวโณฺณ กาโย กาฬวโณฺณ อโหสิ, ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ ปฎิจฺฉนฺนานิ อเหสุํฯ อถ โพธิสโตฺต ทุกฺกรการิกาย อนฺตํ คนฺตฺวา – ‘‘นายํ มโคฺค โพธิยา’’ติ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตุํ คามนิคเมสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหารํ อาหริฯ อถสฺส ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ ปากติกานิ อเหสุํ, กาโย สุวณฺณวโณฺณ อโหสิฯ อถ ปญฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรโนฺตปิ สพฺพญฺญุตํ ปฎิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ คามนิคมราชธานีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหริยมาโน กิํ สกฺขิสฺสติ, พาหุลฺลิโก เอส ปธานวิพฺภโนฺต, กิํ โน อิมินา’’ติ มหาปุริสํ ปหาย พาราณสิยํ อิสิปตนํ อคมํสุฯ

    Athassa tāya nirāhāratāya paramakisabhāvappattakāyassa suvaṇṇavaṇṇo kāyo kāḷavaṇṇo ahosi, dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni paṭicchannāni ahesuṃ. Atha bodhisatto dukkarakārikāya antaṃ gantvā – ‘‘nāyaṃ maggo bodhiyā’’ti oḷārikaṃ āhāraṃ āhāretuṃ gāmanigamesu piṇḍāya caritvā āhāraṃ āhari. Athassa dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni pākatikāni ahesuṃ, kāyo suvaṇṇavaṇṇo ahosi. Atha pañcavaggiyā bhikkhū taṃ disvā – ‘‘ayaṃ chabbassāni dukkarakārikaṃ karontopi sabbaññutaṃ paṭivijjhituṃ nāsakkhi, idāni gāmanigamarājadhānīsu piṇḍāya caritvā oḷārikaṃ āhāraṃ āhariyamāno kiṃ sakkhissati, bāhulliko esa padhānavibbhanto, kiṃ no iminā’’ti mahāpurisaṃ pahāya bārāṇasiyaṃ isipatanaṃ agamaṃsu.

    อถ มหาปุริโส วิสาขปุณฺณมาย อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนากุฎุมฺพิกสฺส เคเห นิพฺพตฺตา สุชาตา นาม ทาริกา อโหสิ ฯ ตาย สมฺปสาทนชาตาย ทินฺนํ ปกฺขิตฺตทิโพฺพชํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สุวณฺณปาติํ คเหตฺวา เนรญฺชราย ปฎิโสตํ ขิปิตฺวา กาฬนาคราชํ สุปนฺตํ โพเธสิฯ อถ โพธิสโตฺต เนรญฺชราตีเร สุรภิกุสุมสมลงฺกเต นีโลภาเส มโนรเม สาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย เทวตาหิ อลงฺกเตน มเคฺคน โพธิรุกฺขาภิมุโข ปายาสิฯ เทวนาคยกฺขสิทฺธาทโย ทิเพฺพหิ มาลาคนฺธวิเลปเนหิ ปูชยิํสุฯ ตสฺมิํ สมเย โสตฺถิโย นาม ติณหารโก ติณํ อาทาย ปฎิปเถ อาคจฺฉโนฺต มหาปุริสสฺส อาการํ ญตฺวา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย อทาสิฯ โพธิสโตฺต ติณํ คเหตฺวา อสิตญฺชนคิริสงฺกาสํ อาจรนฺตมิว ทินกรชาลํ สกหทยมิว กรุณาสีตลํ สีตจฺฉายํ วิวิธวิหคคณสมฺปาตวิรหิตํ มนฺทมารุเตริตาย ฆนสาขาย สมลงฺกตํ นจฺจนฺตมิว ปีติยา รญฺชมานมิว จ ตรุคณานํ วิโรจมานวิชยตรุมสฺสตฺถโพธิรุกฺขมูลมุปคนฺตฺวา อสฺสตฺถทุมราชํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุพฺพุตฺตรทิสาภาเค ฐิโต ตานิ ติณานิ อเคฺค คเหตฺวา จาเลสิฯ ตาวเทว จุทฺทสหโตฺถ ปลฺลโงฺก อโหสิฯ ตานิ จ ติณานิ จิตฺตกาเรน เลขาคหิตานิ วิย อเหสุํฯ โพธิสโตฺต ตตฺถ จุทฺทสหเตฺถ ติณสนฺถเร ติสนฺธิปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยํ อธิฎฺฐหิตฺวา สุวณฺณปีเฐ ฐปิตรชตกฺขนฺธํ วิย จ ปญฺญาสหตฺถํ โพธิกฺขนฺธํ ปิฎฺฐิโต กตฺวา อุปริ มณิฉเตฺตน วิย โพธิสาขาหิ ธาริยมาโน นิสีทิฯ สุวณฺณวเณฺณ ปนสฺส จีวเร โพธิองฺกุรา ปตมานา สุวณฺณปเฎฺฎ ปวาฬา วิย นิกฺขิตฺตา วิโรจยิํสุฯ

    Atha mahāpuriso visākhapuṇṇamāya uruvelāyaṃ senānigame senākuṭumbikassa gehe nibbattā sujātā nāma dārikā ahosi . Tāya sampasādanajātāya dinnaṃ pakkhittadibbojaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā suvaṇṇapātiṃ gahetvā nerañjarāya paṭisotaṃ khipitvā kāḷanāgarājaṃ supantaṃ bodhesi. Atha bodhisatto nerañjarātīre surabhikusumasamalaṅkate nīlobhāse manorame sālavane divāvihāraṃ katvā sāyanhasamaye devatāhi alaṅkatena maggena bodhirukkhābhimukho pāyāsi. Devanāgayakkhasiddhādayo dibbehi mālāgandhavilepanehi pūjayiṃsu. Tasmiṃ samaye sotthiyo nāma tiṇahārako tiṇaṃ ādāya paṭipathe āgacchanto mahāpurisassa ākāraṃ ñatvā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo adāsi. Bodhisatto tiṇaṃ gahetvā asitañjanagirisaṅkāsaṃ ācarantamiva dinakarajālaṃ sakahadayamiva karuṇāsītalaṃ sītacchāyaṃ vividhavihagagaṇasampātavirahitaṃ mandamāruteritāya ghanasākhāya samalaṅkataṃ naccantamiva pītiyā rañjamānamiva ca tarugaṇānaṃ virocamānavijayatarumassatthabodhirukkhamūlamupagantvā assatthadumarājaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā pubbuttaradisābhāge ṭhito tāni tiṇāni agge gahetvā cālesi. Tāvadeva cuddasahattho pallaṅko ahosi. Tāni ca tiṇāni cittakārena lekhāgahitāni viya ahesuṃ. Bodhisatto tattha cuddasahatthe tiṇasanthare tisandhipallaṅkaṃ ābhujitvā caturaṅgasamannāgatavīriyaṃ adhiṭṭhahitvā suvaṇṇapīṭhe ṭhapitarajatakkhandhaṃ viya ca paññāsahatthaṃ bodhikkhandhaṃ piṭṭhito katvā upari maṇichattena viya bodhisākhāhi dhāriyamāno nisīdi. Suvaṇṇavaṇṇe panassa cīvare bodhiaṅkurā patamānā suvaṇṇapaṭṭe pavāḷā viya nikkhittā virocayiṃsu.

    โพธิสเตฺต ปน ตตฺถ นิสิเนฺนเยว วสวตฺติมาโร เทวปุโตฺต – ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มม วิสยมติกฺกมิตุกาโม, น ทานาหมติกฺกมิตุมสฺส ทสฺสามี’’ติ มารพลสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา มารพลมาทาย นิกฺขมิฯ สา กิร มารเสนา มารสฺส ปุรโต ทฺวาทสโยชนา อโหสิ, ตถา ทกฺขิณโต จ วามปสฺสโต จ, ปจฺฉโต ปน จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ฐิตา, อุทฺธํ นวโยชนุเพฺพธา อโหสิฯ ยสฺสา ปน อุนฺนทนฺติยา สโทฺท นวโยชนสหสฺสโต ปฎฺฐาย ปถวิอุนฺทฺริยนสโทฺท วิย สุยฺยติฯ ตสฺมิํ สมเย สโกฺก เทวราชา วิชยุตฺตรํ นาม สงฺขํ ธมมาโน อฎฺฐาสิฯ โส กิร สโงฺข วีสหตฺถสติโก อโหสิฯ ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต ติคาวุตายตํ เพฬุวปณฺฑุวีณํ อาทาย วาทยมาโน มงฺคลยุตฺตานิ คีตานิ คายมาโน อฎฺฐาสิฯ สุยาโม เทวราชา ติคาวุตายตํ สรทสมยรชนิกรสสฺสิริกํ ทิพฺพจามรํ คเหตฺวา มนฺทํ มนฺทํ พีชยมาโน อฎฺฐาสิฯ พฺรหฺมา จ สหมฺปติ ติโยชนวิตฺถตํ ทุติยมิว ปุณฺณจนฺทํ เสตจฺฉตฺตํ ภควโต อุทฺธํ ธาเรตฺวา อฎฺฐาสิฯ มหากาโฬปิ นาคราชา อสีติยา นาคนาฎกสหเสฺสหิ ปริวุโต ถุติสงฺคีตานิ ปวเตฺตโนฺต มหาสตฺตํ นมสฺสมาโน อฎฺฐาสิฯ ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ เทวตาโย นานาวิเธหิ สุรภิกุสุมทามธูปจุณฺณาทีหิ ปูชยมานา สาธุการํ ปวตฺตยมานา อฎฺฐํสุฯ

    Bodhisatte pana tattha nisinneyeva vasavattimāro devaputto – ‘‘siddhatthakumāro mama visayamatikkamitukāmo, na dānāhamatikkamitumassa dassāmī’’ti mārabalassa tamatthaṃ ārocetvā mārabalamādāya nikkhami. Sā kira mārasenā mārassa purato dvādasayojanā ahosi, tathā dakkhiṇato ca vāmapassato ca, pacchato pana cakkavāḷapariyantaṃ katvā ṭhitā, uddhaṃ navayojanubbedhā ahosi. Yassā pana unnadantiyā saddo navayojanasahassato paṭṭhāya pathaviundriyanasaddo viya suyyati. Tasmiṃ samaye sakko devarājā vijayuttaraṃ nāma saṅkhaṃ dhamamāno aṭṭhāsi. So kira saṅkho vīsahatthasatiko ahosi. Pañcasikho gandhabbadevaputto tigāvutāyataṃ beḷuvapaṇḍuvīṇaṃ ādāya vādayamāno maṅgalayuttāni gītāni gāyamāno aṭṭhāsi. Suyāmo devarājā tigāvutāyataṃ saradasamayarajanikarasassirikaṃ dibbacāmaraṃ gahetvā mandaṃ mandaṃ bījayamāno aṭṭhāsi. Brahmā ca sahampati tiyojanavitthataṃ dutiyamiva puṇṇacandaṃ setacchattaṃ bhagavato uddhaṃ dhāretvā aṭṭhāsi. Mahākāḷopi nāgarājā asītiyā nāganāṭakasahassehi parivuto thutisaṅgītāni pavattento mahāsattaṃ namassamāno aṭṭhāsi. Dasasu cakkavāḷasahassesu devatāyo nānāvidhehi surabhikusumadāmadhūpacuṇṇādīhi pūjayamānā sādhukāraṃ pavattayamānā aṭṭhaṃsu.

    อถ มาโร เทวปุโตฺต ทิยฑฺฒโยชนสติกํ หิมคิริสิขรสทิสํ ปรมรุจิรทสฺสนํ คิริเมขลํ นาม รตนขจิตวรวารณํ อริวารณวารณํ อภิรุหิตฺวา พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา อคฺคหิตคฺคหเณน นานาวุธานิ อคฺคหาเปสิฯ มารปริสาปิ อสิผรสุสรสตฺติสพลา สมุสฺสิตธนุมุสล-ผาล-สงฺกุ-กุนฺต-โตมร-อุปล-ลคุฬ-วลย-กณย-กปฺปณ-จกฺกกฎกธารารุรุ- สีห-ขคฺค-สรภ-วราห-พฺยคฺฆ-วานโรรค-มชฺชาโรลูกวทนา มหิํส-ปสท-ตุรงฺค-ทิรทาทิวทนา จ นานาภีมวิรูปพีภจฺฉกายา มนุสฺสยกฺขปิสาจสทิสกายา จ มหาสตฺตํ โพธิสตฺตํ โพธิมูเล นิสินฺนํ อโชฺฌตฺถรมานา คนฺตฺวา ปริวารยิตฺวา มารสฺส สเนฺทสํ สมุทิกฺขมานา อฎฺฐาสิฯ

    Atha māro devaputto diyaḍḍhayojanasatikaṃ himagirisikharasadisaṃ paramaruciradassanaṃ girimekhalaṃ nāma ratanakhacitavaravāraṇaṃ arivāraṇavāraṇaṃ abhiruhitvā bāhusahassaṃ māpetvā aggahitaggahaṇena nānāvudhāni aggahāpesi. Māraparisāpi asipharasusarasattisabalā samussitadhanumusala-phāla-saṅku-kunta-tomara-upala-laguḷa-valaya-kaṇaya-kappaṇa-cakkakaṭakadhārāruru- sīha-khagga-sarabha-varāha-byaggha-vānaroraga-majjārolūkavadanā mahiṃsa-pasada-turaṅga-diradādivadanā ca nānābhīmavirūpabībhacchakāyā manussayakkhapisācasadisakāyā ca mahāsattaṃ bodhisattaṃ bodhimūle nisinnaṃ ajjhottharamānā gantvā parivārayitvā mārassa sandesaṃ samudikkhamānā aṭṭhāsi.

    ตโต มารพเล โพธิมณฺฑมุปสงฺกมเนฺตเยว เตสํ สกฺกาทีนํ เอโกปิ ฐาตุํ นาสกฺขิฯ สมฺมุขสมฺมุขฎฺฐาเนเนว ปลายิํสุฯ สโกฺก ปน เทวราชา ตํ วิชยุตฺตรสงฺขํ ปิฎฺฐิยํ กตฺวา ปลายิตฺวา จกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ อฎฺฐาสิฯ มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ จกฺกวาฬโกฎิยํ ฐเปตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิฯ กาโฬ นาคราชา สพฺพนาฎกานิ ฉเฑฺฑตฺวา ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ปญฺจโยชนสติกํ มเญฺชริกนาคภวนํ คนฺตฺวา หเตฺถน มุขํ ปิทหิตฺวา นิปชฺชิฯ เอกเทวตาปิ ตตฺถ ฐาตุํ สมตฺถา นาม นาโหสิฯ มหาปุริโส ปน สุญฺญวิมาเน มหาพฺรหฺมา วิย เอกโกว นิสีทิฯ ‘‘อิทานิ มาโร อาคมิสฺสตี’’ติ ปฐมเมว อเนกรูปานิ อนิฎฺฐานิ ทุนฺนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํฯ

    Tato mārabale bodhimaṇḍamupasaṅkamanteyeva tesaṃ sakkādīnaṃ ekopi ṭhātuṃ nāsakkhi. Sammukhasammukhaṭṭhāneneva palāyiṃsu. Sakko pana devarājā taṃ vijayuttarasaṅkhaṃ piṭṭhiyaṃ katvā palāyitvā cakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ aṭṭhāsi. Mahābrahmā setacchattaṃ cakkavāḷakoṭiyaṃ ṭhapetvā brahmalokameva agamāsi. Kāḷo nāgarājā sabbanāṭakāni chaḍḍetvā pathaviyaṃ nimujjitvā pañcayojanasatikaṃ mañjerikanāgabhavanaṃ gantvā hatthena mukhaṃ pidahitvā nipajji. Ekadevatāpi tattha ṭhātuṃ samatthā nāma nāhosi. Mahāpuriso pana suññavimāne mahābrahmā viya ekakova nisīdi. ‘‘Idāni māro āgamissatī’’ti paṭhamameva anekarūpāni aniṭṭhāni dunnimittāni pāturahesuṃ.

    ‘‘ปมตฺตพนฺธุสฺส จ ยุทฺธกาเล, ติโลกพนฺธุสฺส จ วตฺตมาเน;

    ‘‘Pamattabandhussa ca yuddhakāle, tilokabandhussa ca vattamāne;

    อุกฺกา สมนฺตา นิปติํสุ โฆรา, ธูมนฺธการา จ ทิสา อเหสุํฯ

    Ukkā samantā nipatiṃsu ghorā, dhūmandhakārā ca disā ahesuṃ.

    ‘‘อเจตนายมฺปิ สเจตนา ยถา, คตา วิโยคํ ปติเนว กามินี;

    ‘‘Acetanāyampi sacetanā yathā, gatā viyogaṃ patineva kāminī;

    ลเตว วาตาภิหตา สสาครา, ปกมฺปิ นานาสธรา ธรา มหีฯ

    Lateva vātābhihatā sasāgarā, pakampi nānāsadharā dharā mahī.

    ‘‘อเหสุมุทฺธูตชลา สมุทฺทา, วหิํสุ นโชฺช ปฎิโลมเมว;

    ‘‘Ahesumuddhūtajalā samuddā, vahiṃsu najjo paṭilomameva;

    กูฎานิ นานาตรุสงฺฆฎานิ, เภตฺวา คิรีนํ ปถวิํ ภชิํสุฯ

    Kūṭāni nānātarusaṅghaṭāni, bhetvā girīnaṃ pathaviṃ bhajiṃsu.

    ‘‘ปวายิ วาโต ผรุโส สมนฺตา, นิฆฎฺฎสโทฺท ตุมุโล อโหสิ;

    ‘‘Pavāyi vāto pharuso samantā, nighaṭṭasaddo tumulo ahosi;

    ภชิตฺถ โฆรํ รวิรนฺธการํ, กพนฺธรูปํ คคเน จริตฺถฯ

    Bhajittha ghoraṃ ravirandhakāraṃ, kabandharūpaṃ gagane carittha.

    ‘‘เอวํปการํ อสิวํ อนิฎฺฐํ, อากาสคํ ภูมิคตญฺจ โฆรํ;

    ‘‘Evaṃpakāraṃ asivaṃ aniṭṭhaṃ, ākāsagaṃ bhūmigatañca ghoraṃ;

    อเนกรูปํ กิร ทุนฺนิมิตฺตํ, อโหสิ มาราคมเน สมนฺตาฯ

    Anekarūpaṃ kira dunnimittaṃ, ahosi mārāgamane samantā.

    ‘‘ตํ เทวเทวํ อภิหนฺตุกามํ, กามํ ตุ ทิสฺวา ปน เทวสงฺฆา;

    ‘‘Taṃ devadevaṃ abhihantukāmaṃ, kāmaṃ tu disvā pana devasaṅghā;

    หาหาติ สทฺทํ อนุกมฺปมานา, อกํสุ สทฺธิํ อมรงฺคนาหิฯ

    Hāhāti saddaṃ anukampamānā, akaṃsu saddhiṃ amaraṅganāhi.

    ‘‘ปจฺฉาปิ ปสฺสิํสุ สุทนฺตรูปํ, ทิสาวิทิสาสุ ปลายมานํ;

    ‘‘Pacchāpi passiṃsu sudantarūpaṃ, disāvidisāsu palāyamānaṃ;

    สอนฺตกํ ตํ สพลํ อเนกํ, หเตฺถ จ ถรู จ ปาตา ตยิํสุฯ

    Saantakaṃ taṃ sabalaṃ anekaṃ, hatthe ca tharū ca pātā tayiṃsu.

    ‘‘วิหงฺคมานํ ครุโฬว มเชฺฌ, มเชฺฌ มิคานํ ปรโมว สีโห;

    ‘‘Vihaṅgamānaṃ garuḷova majjhe, majjhe migānaṃ paramova sīho;

    มหายโส มารพลสฺส มเชฺฌ, วิสารโท วีตภโย นิสีทิ’’ฯ

    Mahāyaso mārabalassa majjhe, visārado vītabhayo nisīdi’’.

    อถ มาโร – ‘‘สิทฺธตฺถํ ภิํสาเปตฺวา ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตวสฺสํ ปหรณวสฺสํ ปาสาณวสฺสํ ปุน องฺคารกุกฺกุฬวาลุกกลลนฺธการวุฎฺฐีหิ นวหิ มารอิทฺธีหิ โพธิสตฺตํ ปลาเปตุํ อสโกฺกโนฺต กุทฺธมานโส – ‘‘กิํ, ภเณ, ติฎฺฐถ, อิมํ สิทฺธตฺถมสิทฺธตฺถํ กโรถ, คณฺหถ หนถ ฉินฺทถ พนฺธถ น มุญฺจถ ปลาเปถา’’ติ มารปริสํ อาณาเปตฺวา สยญฺจ คิริเมขลสฺส ขเนฺธ นิสีทิตฺวา เอเกน กเรน สรํ ภมยโนฺต โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘โภ สิทฺธตฺถ, อุฎฺฐห ปลฺลงฺกา’’ติ อาหฯ มารปริสาปิ มหาสตฺตสฺส อติโฆรํ ปีฬมกาสิฯ อถ มหาปุริโส – ‘‘กทา เต ปูริตา, มาร, ปลฺลงฺกตฺถาย ปารมี’’ติอาทีนิ วจนานิ วตฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปถวิํ นินฺนาเมสิฯ ตงฺขณเญฺญว จุทฺทสสหสฺสาธิกานิ ทสสตสหสฺสโยชนพหลานิ ปถวิสนฺธารกานิ วาตุทกานิ ปฐมํ กเมฺปตฺวา ตทนฺตรํ จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี ฉธา ปกมฺปิตฺถฯ อุปริ อากาเส อเนกสหสฺสานิ วิชฺชุลตา จ อสนี จ ผลิํสุฯ อถ คิริเมขลทิรโท ชณฺณุเกน ปติฯ มาโร คิริเมขลกฺขเนฺธ นิสิโนฺน ภูมิยํ ปติฯ มารปริสาปิ ทิสาวิทิสาสุ ภุสมุฎฺฐิ วิย วิกิริํสุฯ

    Atha māro – ‘‘siddhatthaṃ bhiṃsāpetvā palāpessāmī’’ti vātavassaṃ paharaṇavassaṃ pāsāṇavassaṃ puna aṅgārakukkuḷavālukakalalandhakāravuṭṭhīhi navahi māraiddhīhi bodhisattaṃ palāpetuṃ asakkonto kuddhamānaso – ‘‘kiṃ, bhaṇe, tiṭṭhatha, imaṃ siddhatthamasiddhatthaṃ karotha, gaṇhatha hanatha chindatha bandhatha na muñcatha palāpethā’’ti māraparisaṃ āṇāpetvā sayañca girimekhalassa khandhe nisīditvā ekena karena saraṃ bhamayanto bodhisattaṃ upasaṅkamitvā – ‘‘bho siddhattha, uṭṭhaha pallaṅkā’’ti āha. Māraparisāpi mahāsattassa atighoraṃ pīḷamakāsi. Atha mahāpuriso – ‘‘kadā te pūritā, māra, pallaṅkatthāya pāramī’’tiādīni vacanāni vatvā dakkhiṇahatthaṃ pathaviṃ ninnāmesi. Taṅkhaṇaññeva cuddasasahassādhikāni dasasatasahassayojanabahalāni pathavisandhārakāni vātudakāni paṭhamaṃ kampetvā tadantaraṃ catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalā ayaṃ mahāpathavī chadhā pakampittha. Upari ākāse anekasahassāni vijjulatā ca asanī ca phaliṃsu. Atha girimekhaladirado jaṇṇukena pati. Māro girimekhalakkhandhe nisinno bhūmiyaṃ pati. Māraparisāpi disāvidisāsu bhusamuṭṭhi viya vikiriṃsu.

    อถ มหาปุริโสปิ ตํ สมารํ มารพลํ ขนฺติเมตฺตาวีริยปญฺญาทีนํ อตฺตโน ปารมีนมานุภาเวน วิทฺธํเสตฺวา ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺจูสสมเย สพฺพพุทฺธานํ อาจิเณฺณ ปจฺจยากาเร ญาณํ โอตาเรตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตเมว ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อธิคเตน จตุตฺถมเคฺคน สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา สพฺพพุทฺธคุเณ ปฎิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺธาจิณฺณํ –

    Atha mahāpurisopi taṃ samāraṃ mārabalaṃ khantimettāvīriyapaññādīnaṃ attano pāramīnamānubhāvena viddhaṃsetvā paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussaritvā majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhetvā paccūsasamaye sabbabuddhānaṃ āciṇṇe paccayākāre ñāṇaṃ otāretvā ānāpānacatutthajjhānaṃ nibbattetvā tameva pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā maggapaṭipāṭiyā adhigatena catutthamaggena sabbakilese khepetvā sabbabuddhaguṇe paṭivijjhitvā sabbabuddhāciṇṇaṃ –

    ‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

    ‘‘Anekajātisaṃsāraṃ, sandhāvissaṃ anibbisaṃ;

    คหการํ คเวสโนฺต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํฯ

    Gahakāraṃ gavesanto, dukkhā jāti punappunaṃ.

    ‘‘คหการก ทิโฎฺฐสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

    ‘‘Gahakāraka diṭṭhosi, puna gehaṃ na kāhasi;

    สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฎํ วิสงฺขตํ;

    Sabbā te phāsukā bhaggā, gahakūṭaṃ visaṅkhataṃ;

    วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) –

    Visaṅkhāragataṃ cittaṃ, taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti. (dha. pa. 153-154) –

    อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Udānaṃ udānesi.

    สนฺติเกนิทานกถา

    Santikenidānakathā

    อุทานํ อุทาเนตฺวา นิสินฺนสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อหํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส การณา สนฺธาวิํ, อยํ เม ปลฺลโงฺก วิชยปลฺลโงฺก มงฺคลปลฺลโงฺก, เอตฺถ เม นิสินฺนสฺส ยาว สงฺกโปฺป น ปริปุโณฺณ, น ตาว อิโต วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อเนกโกฎิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย สมาปชฺชโนฺต สตฺตาหํ ตเตฺถว นิสีทิฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลเงฺกน นิสีทิ วิมุตฺติสุขปฎิสํเวที’’ติ (มหาว. ๑)ฯ

    Udānaṃ udānetvā nisinnassa bhagavato etadahosi – ‘‘ahaṃ kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni imassa pallaṅkassa kāraṇā sandhāviṃ, ayaṃ me pallaṅko vijayapallaṅko maṅgalapallaṅko, ettha me nisinnassa yāva saṅkappo na paripuṇṇo, na tāva ito vuṭṭhahissāmī’’ti anekakoṭisatasahassasaṅkhā samāpattiyo samāpajjanto sattāhaṃ tattheva nisīdi. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘atha kho bhagavā sattāhaṃ ekapallaṅkena nisīdi vimuttisukhapaṭisaṃvedī’’ti (mahāva. 1).

    อเถกจฺจานํ เทวตานํ – ‘‘อชฺชาปิ ตาว นูน สิทฺธตฺถสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิฯ ปลฺลงฺกสฺมิญฺหิ อาลยํ น วิชหตี’’ติ ปริวิตโกฺก อุทปาทิฯ อถ สตฺถา เทวตานํ วิตกฺกํ ญตฺวา ตาสํ วิตกฺกูปสมนตฺถํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฎิหาริยํ ทเสฺสสิฯ เอวํ อิมินา ปาฎิหาริเยน เทวตานํ วิตกฺกํ วูปสเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ฐตฺวา – ‘‘อิมสฺมิํ วต เม ปลฺลเงฺก สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิทฺธ’’นฺติ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลาธิคมนฎฺฐานํ ปลฺลงฺกญฺจ โพธิรุกฺขญฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ ฐานํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํฯ

    Athekaccānaṃ devatānaṃ – ‘‘ajjāpi tāva nūna siddhatthassa kattabbakiccaṃ atthi. Pallaṅkasmiñhi ālayaṃ na vijahatī’’ti parivitakko udapādi. Atha satthā devatānaṃ vitakkaṃ ñatvā tāsaṃ vitakkūpasamanatthaṃ vehāsaṃ abbhuggantvā yamakapāṭihāriyaṃ dassesi. Evaṃ iminā pāṭihāriyena devatānaṃ vitakkaṃ vūpasametvā pallaṅkato īsakaṃ pācīnanissite uttaradisābhāge ṭhatvā – ‘‘imasmiṃ vata me pallaṅke sabbaññutaññāṇaṃ paṭividdha’’nti cattāri asaṅkhyeyyāni kappasatasahassañca pūritānaṃ pāramīnaṃ phalādhigamanaṭṭhānaṃ pallaṅkañca bodhirukkhañca animisehi akkhīhi olokayamāno sattāhaṃ vītināmesi, taṃ ṭhānaṃ animisacetiyaṃ nāma jātaṃ.

    อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ฐิตฎฺฐานสฺส จ อนฺตรา จงฺกมํ มาเปตฺวา ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมโนฺต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ ฐานํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํฯ

    Atha pallaṅkassa ca ṭhitaṭṭhānassa ca antarā caṅkamaṃ māpetvā puratthimapacchimato āyate ratanacaṅkame caṅkamanto sattāhaṃ vītināmesi, taṃ ṭhānaṃ ratanacaṅkamacetiyaṃ nāma jātaṃ.

    จตุเตฺถ ปน สตฺตาเห โพธิโต ปจฺฉิมุตฺตรทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยิํสุฯ ตตฺถ ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฎกํ วิจินโนฺต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ ปน ฐานํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํฯ

    Catutthe pana sattāhe bodhito pacchimuttaradisābhāge devatā ratanagharaṃ māpayiṃsu. Tattha pallaṅkena nisīditvā abhidhammapiṭakaṃ vicinanto sattāhaṃ vītināmesi, taṃ pana ṭhānaṃ ratanagharacetiyaṃ nāma jātaṃ.

    เอวํ ภควา โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปญฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิโคฺรโธ เตนุปสงฺกมิฯ ตตฺราปิ ธมฺมํ วิจินโนฺต วิมุตฺติสุขญฺจ ปฎิสํเวเทโนฺต นิสีทิฯ

    Evaṃ bhagavā bodhisamīpeyeva cattāri sattāhāni vītināmetvā pañcame sattāhe bodhirukkhamūlā yena ajapālanigrodho tenupasaṅkami. Tatrāpi dhammaṃ vicinanto vimuttisukhañca paṭisaṃvedento nisīdi.

    สตฺถา ตตฺถ สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา มุจลินฺทมูลํ อคมาสิฯ ตตฺถ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุปฺปนฺนาย สีตาทิปฎิพาหนตฺถํ มุจลิเนฺทน นาคราเชน สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิโตฺต อสมฺพาธาย คนฺธกุฎิยา วิหรโนฺต วิย วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวทิยมาโน ตตฺถ สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ราชายตนมูลํ อุปสงฺกมิฯ ตตฺถปิ วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวทิยมาโนว สตฺตาหํ นิสีทิฯ เอตฺตาวตา สตฺต สตฺตาหานิ ปริปุณฺณานิฯ เอตฺถนฺตเร ภควโต เนว มุขโธวนํ น สรีรปฎิชคฺคนํ นาหารกิจฺจํ อโหสิ, ผลสุเขเนว วีติวเตฺตสิฯ อถ สตฺตสตฺตาหมตฺถเก เอกูนปญฺญาสติเม ทิวเส สเกฺกน เทวานมิเนฺทน อุปนีเตน นาคลตาทนฺตกเฎฺฐน จ อโนตตฺตทโหทเกน จ มุขํ โธวิตฺวา ตเตฺถว ราชายตนมูเล นิสีทิฯ

    Satthā tattha sattāhaṃ vītināmetvā mucalindamūlaṃ agamāsi. Tattha sattāhavaddalikāya uppannāya sītādipaṭibāhanatthaṃ mucalindena nāgarājena sattakkhattuṃ bhogehi parikkhitto asambādhāya gandhakuṭiyā viharanto viya vimuttisukhaṃ paṭisaṃvediyamāno tattha sattāhaṃ vītināmetvā rājāyatanamūlaṃ upasaṅkami. Tatthapi vimuttisukhaṃ paṭisaṃvediyamānova sattāhaṃ nisīdi. Ettāvatā satta sattāhāni paripuṇṇāni. Etthantare bhagavato neva mukhadhovanaṃ na sarīrapaṭijagganaṃ nāhārakiccaṃ ahosi, phalasukheneva vītivattesi. Atha sattasattāhamatthake ekūnapaññāsatime divase sakkena devānamindena upanītena nāgalatādantakaṭṭhena ca anotattadahodakena ca mukhaṃ dhovitvā tattheva rājāyatanamūle nisīdi.

    ตสฺมิํ สมเย ตปุสฺสภลฺลิกา นาม เทฺว วาณิชา ญาติสาโลหิตาย เทวตาย สตฺถุ อาหารทาเน อุสฺสาหิตา มนฺถญฺจ มธุปิณฺฑิกญฺจ อาทาย – ‘‘ปฎิคฺคณฺหาตุ ภควา อิมํ อาหารํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อฎฺฐํสุฯ ภควา ปายาสปฎิคฺคหณทิวเสเยว เทวทตฺติยสฺส ปตฺตสฺส อนฺตรหิตตฺตา – ‘‘น โข ตถาคตา หเตฺถสุ อาหารํ ปฎิคฺคณฺหนฺติ, กิมฺหิ นุ โข อหํ อิมํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย’’นฺติ จิเนฺตสิฯ อถสฺส ภควโต อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา จตูหิ ทิสาหิ จตฺตาโร มหาราชาโน อินฺทนีลมณิมเย จตฺตาโร ปเตฺต อุปนาเมสุํฯ ภควา เต ปฎิกฺขิปิฯ ปุน มุคฺควเณฺณ สิลามเย จตฺตาโร ปเตฺต อุปนาเมสุํฯ ภควา เตสํ จตุนฺนมฺปิ เทวปุตฺตานํ อนุกมฺปํ อุปาทาย ปฎิคฺคเหตฺวา เอกีภาวํ อุปเนตฺวา ตสฺมิํ ปจฺจเคฺฆ เสลมเย ปเตฺต อาหารํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิตฺวา อนุโมทนมกาสิฯ เต เทฺว ภาตโร วาณิชา พุทฺธญฺจ ธมฺมญฺจ สรณํ คนฺตฺวา เทฺววาจิกา อุปาสกา อเหสุํฯ

    Tasmiṃ samaye tapussabhallikā nāma dve vāṇijā ñātisālohitāya devatāya satthu āhāradāne ussāhitā manthañca madhupiṇḍikañca ādāya – ‘‘paṭiggaṇhātu bhagavā imaṃ āhāraṃ anukampaṃ upādāyā’’ti satthāraṃ upasaṅkamitvā aṭṭhaṃsu. Bhagavā pāyāsapaṭiggahaṇadivaseyeva devadattiyassa pattassa antarahitattā – ‘‘na kho tathāgatā hatthesu āhāraṃ paṭiggaṇhanti, kimhi nu kho ahaṃ imaṃ paṭiggaṇheyya’’nti cintesi. Athassa bhagavato ajjhāsayaṃ viditvā catūhi disāhi cattāro mahārājāno indanīlamaṇimaye cattāro patte upanāmesuṃ. Bhagavā te paṭikkhipi. Puna muggavaṇṇe silāmaye cattāro patte upanāmesuṃ. Bhagavā tesaṃ catunnampi devaputtānaṃ anukampaṃ upādāya paṭiggahetvā ekībhāvaṃ upanetvā tasmiṃ paccagghe selamaye patte āhāraṃ paṭiggahetvā paribhuñjitvā anumodanamakāsi. Te dve bhātaro vāṇijā buddhañca dhammañca saraṇaṃ gantvā dvevācikā upāsakā ahesuṃ.

    อถ สตฺถา ปุน อชปาลนิโคฺรธเมว คนฺตฺวา นิโคฺรธมูเล นิสีทิฯ อถสฺส ตตฺถ นิสินฺนมตฺตเสฺสว อธิคตสฺส ธมฺมสฺส คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิโณฺณ – ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธโมฺม’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๖๔; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗) ปเรสํ ธมฺมํ อเทเสตุกามตาการปฺปโตฺต ปริวิตโกฺก อุทปาทิฯ อถ พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๖; ม. นิ. ๑.๒๘๒; ๒.๓๓๘; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๘) ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ สกฺกสุยามสนฺตุสิตนิมฺมานรติปรนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺมาโน จ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา – ‘‘เทเสตุ, ภเนฺต, ภควา ธมฺม’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๒.๖๖; ม. นิ. ๑.๒๘๒; ๒.๓๓๘; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๘) นเยน ธมฺมเทสนํ อายาจิฯ

    Atha satthā puna ajapālanigrodhameva gantvā nigrodhamūle nisīdi. Athassa tattha nisinnamattasseva adhigatassa dhammassa gambhīrataṃ paccavekkhantassa sabbabuddhānaṃ āciṇṇo – ‘‘adhigato kho myāyaṃ dhammo’’tiādinā (dī. ni. 2.64; ma. ni. 1.281; 2.337; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 7) paresaṃ dhammaṃ adesetukāmatākārappatto parivitakko udapādi. Atha brahmā sahampati ‘‘nassati vata bho loko, vinassati vata bho loko’’ti (dī. ni. 2.66; ma. ni. 1.282; 2.338; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 8) dasasu cakkavāḷasahassesu sakkasuyāmasantusitanimmānaratiparanimmitavasavattimahābrahmāno ca gahetvā satthu santikaṃ āgantvā – ‘‘desetu, bhante, bhagavā dhamma’’ntiādinā (dī. ni. 2.66; ma. ni. 1.282; 2.338; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 8) nayena dhammadesanaṃ āyāci.

    อถ สตฺถา ตสฺส ปฎิญฺญํ ทตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จิเนฺตโนฺต อาฬารุทกานํ กาลงฺกตภาวํ ญตฺวา – ‘‘พหูปการา โข เม ปญฺจวคฺคิยา ภิกฺขู’’ติ ปญฺจวคฺคิเย อารพฺภ มนสิการํ กตฺวา – ‘‘กหํ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อาวเชฺชโนฺต – ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ ญตฺวา – ‘‘ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสฺสามี’’ติ กติปาหํ โพธิมณฺฑสามเนฺตเยว ปิณฺฑาย จรโนฺต วิหริตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมิยํ พาราณสิํ คมิสฺสามี’’ติ ปตฺตจีวรมาทาย อฎฺฐารสโยชนมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ อนฺตรามเคฺค หฎฺฐตุปคํ อุปกํ นาม อาชีวกํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตํทิวสํเยว สายนฺหสมเย อิสิปตนํ อคมาสิฯ

    Atha satthā tassa paṭiññaṃ datvā – ‘‘kassa nu kho ahaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’’nti cintento āḷārudakānaṃ kālaṅkatabhāvaṃ ñatvā – ‘‘bahūpakārā kho me pañcavaggiyā bhikkhū’’ti pañcavaggiye ārabbha manasikāraṃ katvā – ‘‘kahaṃ nu kho te etarahi viharantī’’ti āvajjento – ‘‘bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye’’ti ñatvā – ‘‘tattha gantvā dhammacakkaṃ pavattessāmī’’ti katipāhaṃ bodhimaṇḍasāmanteyeva piṇḍāya caranto viharitvā āsāḷhipuṇṇamiyaṃ bārāṇasiṃ gamissāmī’’ti pattacīvaramādāya aṭṭhārasayojanamaggaṃ paṭipajji. Antarāmagge haṭṭhatupagaṃ upakaṃ nāma ājīvakaṃ disvā tassa attano buddhabhāvaṃ ācikkhitvā taṃdivasaṃyeva sāyanhasamaye isipatanaṃ agamāsi.

    ปญฺจวคฺคิยา ปน ตถาคตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ, อาวุโส, สมโณ โคตโม ปจฺจยพาหุลฺลาย อาวโตฺต ปริปุณฺณกาโย ปีณินฺทฺริโย สุวณฺณวโณฺณ หุตฺวา อาคจฺฉติ, อิมสฺส อภิวาทนาทีนิ น กริสฺสาม, อาสนมตฺตํ ปน ปญฺญาเปยฺยามา’’ติ กติกํ อกํสุฯ ภควา เตสํ จิตฺตาจารํ ญตฺวา สพฺพสเตฺตสุ อโนธิสฺสกวเสน ผรณสมตฺถํ เมตฺตจิตฺตํ สํขิปิตฺวา โอธิสฺสกวเสน เมตฺตจิเตฺตน ผริฯ เต ภควโต เมตฺตจิเตฺตน ผุฎฺฐา ตถาคเต อุปสงฺกมเนฺต สกาย กติกาย สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตา อภิวาทนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ อกํสุฯ วิตฺถารกถา วินยมหาวคฺคาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ

    Pañcavaggiyā pana tathāgataṃ dūratova āgacchantaṃ disvā – ‘‘ayaṃ, āvuso, samaṇo gotamo paccayabāhullāya āvatto paripuṇṇakāyo pīṇindriyo suvaṇṇavaṇṇo hutvā āgacchati, imassa abhivādanādīni na karissāma, āsanamattaṃ pana paññāpeyyāmā’’ti katikaṃ akaṃsu. Bhagavā tesaṃ cittācāraṃ ñatvā sabbasattesu anodhissakavasena pharaṇasamatthaṃ mettacittaṃ saṃkhipitvā odhissakavasena mettacittena phari. Te bhagavato mettacittena phuṭṭhā tathāgate upasaṅkamante sakāya katikāya saṇṭhātuṃ asakkontā abhivādanādīni sabbakiccāni akaṃsu. Vitthārakathā vinayamahāvaggādīsu vuttanayeneva veditabbā.

    อถ ภควา อตฺตโน พุทฺธภาวํ เต ญาเปตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเค วตฺตมาเน อฎฺฐารสหิ พฺรหฺมโกฎีหิ ปริวุโต ปญฺจวคฺคิเย เถเร อามเนฺตตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ เทเสสิฯ เตสุ อญฺญาสิโกณฺฑโญฺญ เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสโนฺต สุตฺตปริโยสาเน อฎฺฐารสหิ พฺรหฺมโกฎีหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha bhagavā attano buddhabhāvaṃ te ñāpetvā paññattavarabuddhāsane nisīditvā uttarāsāḷhanakkhattayoge vattamāne aṭṭhārasahi brahmakoṭīhi parivuto pañcavaggiye there āmantetvā dhammacakkappavattanasuttantaṃ desesi. Tesu aññāsikoṇḍañño desanānusārena ñāṇaṃ pesento suttapariyosāne aṭṭhārasahi brahmakoṭīhi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘อหเมตรหิ สมฺพุโทฺธ, โคตโม สกฺยวฑฺฒโน;

    ‘‘Ahametarahi sambuddho, gotamo sakyavaḍḍhano;

    ปธานํ ปทหิตฺวาน, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํฯ

    Padhānaṃ padahitvāna, patto sambodhimuttamaṃ.

    .

    2.

    ‘‘พฺรหฺมุนา ยาจิโต สโนฺต, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิํ;

    ‘‘Brahmunā yācito santo, dhammacakkaṃ pavattayiṃ;

    อฎฺฐารสนฺนํ โกฎีนํ, ปฐมาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Aṭṭhārasannaṃ koṭīnaṃ, paṭhamābhisamayo ahū’’ti.

    ตตฺถ อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติฯ เอตรหีติ อสฺมิํ กาเลฯ สกฺยวฑฺฒโนติ สากิยกุลวฑฺฒโนฯ ‘‘สกฺยปุงฺคโว’’ติปิ ปาโฐฯ ปธานนฺติ วีริยํ วุจฺจติฯ ปทหิตฺวานาติ ฆเฎตฺวา วายมิตฺวา, ทุกฺกรการิกํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อฎฺฐารสนฺนํ โกฎีนนฺติ พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตกถาย อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรปฺปมุขานํ อฎฺฐารสนฺนํ พฺรหฺมโกฎีนํ ปฐมาภิสมโย อโหสีติ อโตฺถฯ

    Tattha ahanti attānaṃ niddisati. Etarahīti asmiṃ kāle. Sakyavaḍḍhanoti sākiyakulavaḍḍhano. ‘‘Sakyapuṅgavo’’tipi pāṭho. Padhānanti vīriyaṃ vuccati. Padahitvānāti ghaṭetvā vāyamitvā, dukkarakārikaṃ katvāti attho. Aṭṭhārasannaṃ koṭīnanti bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye dhammacakkappavattanasuttantakathāya aññāsikoṇḍaññattherappamukhānaṃ aṭṭhārasannaṃ brahmakoṭīnaṃ paṭhamābhisamayo ahosīti attho.

    อิทานิ ภควา อตีตํ กเถตฺวา อนาคตํ อภิสมยํ กเถโนฺต –

    Idāni bhagavā atītaṃ kathetvā anāgataṃ abhisamayaṃ kathento –

    .

    3.

    ‘‘ตโต ปรญฺจ เทเสเนฺต, นรเทวสมาคเม;

    ‘‘Tato parañca desente, naradevasamāgame;

    คณนาย น วตฺตโพฺพ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติฯ – อาทิมาห;

    Gaṇanāya na vattabbo, dutiyābhisamayo ahū’’ti. – ādimāha;

    ตตฺถ นรเทวสมาคเมติ ตโต อปเรน สมเยน มหามงฺคลสมาคเม ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ เทวมนุสฺสานํ มเชฺฌ มงฺคลสุตฺตปริโยสาเน (ขุ. ปา. ๕.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๖๑ อาทโย) คณนปถํ วีติวตฺตานํ นรเทวานํฯ ทุติยาภิสมโย อหูติ เหสฺสตีติ อโตฺถฯ อนาคตวจเน วตฺตเพฺพ โสตปติตตฺตา ‘‘อหู’’ติ อตีตวจนํ วุตฺตํ, กาลวิปริยายวเสน วาฯ เอส นโย อิโต ปเรสุ อีทิเสสุ วจเนสุ จฯ ปุน ราหุโลวาทสุตฺตนฺตเทสนาย (ม. นิ. ๓.๔๑๖ อาทโย) คณนปถวีติวเตฺต สเตฺต อภิสมยามตปานํ ปาเยสิฯ อยํ ตติยาภิสมโยฯ เตน วุตฺตํ –

    Tattha naradevasamāgameti tato aparena samayena mahāmaṅgalasamāgame dasasu cakkavāḷasahassesu devamanussānaṃ majjhe maṅgalasuttapariyosāne (khu. pā. 5.1 ādayo; su. ni. 261 ādayo) gaṇanapathaṃ vītivattānaṃ naradevānaṃ. Dutiyābhisamayo ahūti hessatīti attho. Anāgatavacane vattabbe sotapatitattā ‘‘ahū’’ti atītavacanaṃ vuttaṃ, kālavipariyāyavasena vā. Esa nayo ito paresu īdisesu vacanesu ca. Puna rāhulovādasuttantadesanāya (ma. ni. 3.416 ādayo) gaṇanapathavītivatte satte abhisamayāmatapānaṃ pāyesi. Ayaṃ tatiyābhisamayo. Tena vuttaṃ –

    .

    4.

    ‘‘อิเธวาหํ เอตรหิ, โอวทิํ มม อตฺรชํ;

    ‘‘Idhevāhaṃ etarahi, ovadiṃ mama atrajaṃ;

    คณนาย น วตฺตโพฺพ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Gaṇanāya na vattabbo, tatiyābhisamayo ahū’’ti.

    ภควโต กิร เอโกว สาวกสนฺนิปาโต อโหสิฯ อุรุเวลกสฺสปาทีนํ ชฎิลานํ สหสฺสํ, ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อฑฺฒตฺติยสตานีติ อิเมสํ อฑฺฒเตฬสสตานํ สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Bhagavato kira ekova sāvakasannipāto ahosi. Uruvelakassapādīnaṃ jaṭilānaṃ sahassaṃ, dvinnaṃ aggasāvakānaṃ aḍḍhattiyasatānīti imesaṃ aḍḍhateḷasasatānaṃ sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    5.

    ‘‘เอโกสิ สนฺนิปาโต เม, สาวกานํ มเหสินํ;

    ‘‘Ekosi sannipāto me, sāvakānaṃ mahesinaṃ;

    อฑฺฒเตฬสสตานํ, ภิกฺขูนาสิ สมาคโม’’ติฯ

    Aḍḍhateḷasasatānaṃ, bhikkhūnāsi samāgamo’’ti.

    ตตฺถ เอโกสีติ เอโกว อาสิฯ อฑฺฒเตฬสสตานนฺติ มม สาวกานํ ปญฺญาสาธิกานํ ทฺวาทสสตานํฯ ภิกฺขูนาสีติ ภิกฺขูนํ อาสิ ฯ เตสํ ปน มชฺฌคโต ภควา จตุรงฺคสนฺนิปาเต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิฯ

    Tattha ekosīti ekova āsi. Aḍḍhateḷasasatānanti mama sāvakānaṃ paññāsādhikānaṃ dvādasasatānaṃ. Bhikkhūnāsīti bhikkhūnaṃ āsi . Tesaṃ pana majjhagato bhagavā caturaṅgasannipāte pātimokkhaṃ uddisi.

    อถ ภควา อตฺตโน ปวตฺติํ ทเสฺสโนฺต –

    Atha bhagavā attano pavattiṃ dassento –

    .

    6.

    ‘‘วิโรจมาโน วิมโล, ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺฌโค;

    ‘‘Virocamāno vimalo, bhikkhusaṅghassa majjhago;

    ททามิ ปตฺถิตํ สพฺพํ, มณีว สพฺพกามโท’’ติฯ – อาทิมาห;

    Dadāmi patthitaṃ sabbaṃ, maṇīva sabbakāmado’’ti. – ādimāha;

    ตตฺถ วิโรจมาโนติ อนนฺตพุทฺธสิริยา วิโรจมาโนฯ วิมโลติ วิคตราคาทิกิเลสมโลฯ มณีว สพฺพกามโทติ จินฺตามณิ วิย สพฺพกามทโท อหมฺปิ อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ สพฺพํ โลกิยโลกุตฺตรสุขวิเสสํ เทมีติ อโตฺถฯ

    Tattha virocamānoti anantabuddhasiriyā virocamāno. Vimaloti vigatarāgādikilesamalo. Maṇīva sabbakāmadoti cintāmaṇi viya sabbakāmadado ahampi icchitaṃ patthitaṃ sabbaṃ lokiyalokuttarasukhavisesaṃ demīti attho.

    อิทานิ ปตฺถิตปตฺถนํ ทเสฺสโนฺต –

    Idāni patthitapatthanaṃ dassento –

    .

    7.

    ‘‘ผลมากงฺขมานานํ, ภวจฺฉนฺทชเหสินํ;

    ‘‘Phalamākaṅkhamānānaṃ, bhavacchandajahesinaṃ;

    จตุสจฺจํ ปกาเสมิ, อนุกมฺปาย ปาณิน’’นฺติฯ – อาทิมาห;

    Catusaccaṃ pakāsemi, anukampāya pāṇina’’nti. – ādimāha;

    ตตฺถ ผลนฺติ โสตาปตฺติผลาทิกํ จตุพฺพิธํ ผลํฯ ภวจฺฉนฺทชเหสินนฺติ ภวตณฺหาปหายินํ, ภวตณฺหํ ปชหิตุกามานํฯ อนุกมฺปายาติ อนุทฺทยายฯ

    Tattha phalanti sotāpattiphalādikaṃ catubbidhaṃ phalaṃ. Bhavacchandajahesinanti bhavataṇhāpahāyinaṃ, bhavataṇhaṃ pajahitukāmānaṃ. Anukampāyāti anuddayāya.

    . อิทานิ จตุสจฺจปฺปกาสเน, อภิสมยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทสวีสสหสฺสาน’’นฺติ อาทิมาหฯ

    8. Idāni catusaccappakāsane, abhisamayaṃ dassento ‘‘dasavīsasahassāna’’nti ādimāha.

    ตตฺถ ทสวีสสหสฺสานนฺติ ทสสหสฺสานญฺจ วีสติสหสฺสานญฺจฯ เอกทฺวินฺนนฺติอาทินา นเยนาติ อโตฺถฯ นวมทสมคาถา อุตฺตานตฺถาวฯ

    Tattha dasavīsasahassānanti dasasahassānañca vīsatisahassānañca. Ekadvinnantiādinā nayenāti attho. Navamadasamagāthā uttānatthāva.

    ๑๑-๑๒. เอกาทสมทฺวาทสมคาถาสุ อิทาเนตรหีติ อุโภปิ เอกตฺถา, เวเนยฺยวเสน ปุริสปุคฺคลา วิย วุตฺตาฯ อถ วา อิทานีติ มยิ อุปฺปเนฺนฯ เอตรหีติ มยิ ธมฺมํ เทเสเนฺตฯ อปตฺตมานสาติ อปฺปตฺตอรหตฺตผลาฯ อริยญฺชสนฺติ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํฯ โถมยนฺตาติ ปสํสนฺตาฯ พุชฺฌิสฺสนฺตีติ อนาคเต จตุสจฺจธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ สํสารสริตนฺติ สํสารสาครํฯ

    11-12. Ekādasamadvādasamagāthāsu idānetarahīti ubhopi ekatthā, veneyyavasena purisapuggalā viya vuttā. Atha vā idānīti mayi uppanne. Etarahīti mayi dhammaṃ desente. Apattamānasāti appattaarahattaphalā. Ariyañjasanti ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ. Thomayantāti pasaṃsantā. Bujjhissantīti anāgate catusaccadhammaṃ paṭivijjhissantīti attho. Saṃsārasaritanti saṃsārasāgaraṃ.

    อิทานิ อตฺตโน ชาตนคราทิํ ทเสฺสโนฺต –

    Idāni attano jātanagarādiṃ dassento –

    ๑๓.

    13.

    ‘‘นครํ กปิลวตฺถุ เม, ราชา สุโทฺธทโน ปิตา;

    ‘‘Nagaraṃ kapilavatthu me, rājā suddhodano pitā;

    มยฺหํ ชเนตฺติกา มาตา, มายาเทวีติ วุจฺจติฯ

    Mayhaṃ janettikā mātā, māyādevīti vuccati.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘เอกูนติํสวสฺสานิ, อคารํ อชฺฌหํ วสิํ;

    ‘‘Ekūnatiṃsavassāni, agāraṃ ajjhahaṃ vasiṃ;

    รโมฺม สุรโมฺม สุภโก, ตโย ปาสาทมุตฺตมาฯ

    Rammo surammo subhako, tayo pāsādamuttamā.

    ๑๕.

    15.

    ‘‘จตฺตาลีสสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Cattālīsasahassāni, nāriyo samalaṅkatā;

    ภทฺทกญฺจนา นาม นารี, ราหุโล นาม อตฺรโชฯ

    Bhaddakañcanā nāma nārī, rāhulo nāma atrajo.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘นิมิเตฺต จตุโร ทิสฺวา, อสฺสยาเนน นิกฺขมิํ;

    ‘‘Nimitte caturo disvā, assayānena nikkhamiṃ;

    ฉพฺพสฺสํ ปธานจารํ, อจริํ ทุกฺกรํ อหํฯ

    Chabbassaṃ padhānacāraṃ, acariṃ dukkaraṃ ahaṃ.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน, จกฺกํ ปวตฺติตํ มยา;

    ‘‘Bārāṇasiyaṃ isipatane, cakkaṃ pavattitaṃ mayā;

    อหํ โคตมสมฺพุโทฺธ, สรณํ สพฺพปาณินํฯ

    Ahaṃ gotamasambuddho, saraṇaṃ sabbapāṇinaṃ.

    ๑๘.

    18.

    ‘‘โกลิโต อุปติโสฺส จ, เทฺว ภิกฺขู อคฺคสาวกา;

    ‘‘Kolito upatisso ca, dve bhikkhū aggasāvakā;

    อานโนฺท นามุปฎฺฐาโก, สนฺติกาวจโร มม;

    Ānando nāmupaṭṭhāko, santikāvacaro mama;

    เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, ภิกฺขุนี อคฺคสาวิกาฯ

    Khemā uppalavaṇṇā ca, bhikkhunī aggasāvikā.

    ๑๙.

    19.

    ‘‘จิโตฺต หตฺถาฬวโก จ, อคฺคุปฎฺฐากุปาสกา;

    ‘‘Citto hatthāḷavako ca, aggupaṭṭhākupāsakā;

    นนฺทมาตา จ อุตฺตรา, อคฺคุปฎฺฐากุปาสิกาฯ

    Nandamātā ca uttarā, aggupaṭṭhākupāsikā.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘อหํ อสฺสตฺถมูลมฺหิ, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํ;

    ‘‘Ahaṃ assatthamūlamhi, patto sambodhimuttamaṃ;

    พฺยามปฺปภา สทา มยฺหํ, โสฬสหตฺถมุคฺคตาฯ

    Byāmappabhā sadā mayhaṃ, soḷasahatthamuggatā.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘อปฺปํ วสฺสสตํ อายุ, อิทาเนตรหิ วิชฺชติ;

    ‘‘Appaṃ vassasataṃ āyu, idānetarahi vijjati;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโนหํ, ตาเรมิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamānohaṃ, tāremi janataṃ bahuṃ.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘ฐปยิตฺวาน ธมฺมุกฺกํ, ปจฺฉิมํ ชนโพธนํ;

    ‘‘Ṭhapayitvāna dhammukkaṃ, pacchimaṃ janabodhanaṃ;

    อหมฺปิ น จิรเสฺสว, สทฺธิํ สาวกสงฺฆโต;

    Ahampi na cirasseva, saddhiṃ sāvakasaṅghato;

    อิเธว ปรินิพฺพิสฺสํ, อคฺคีวาหารสงฺขยา’’ติฯ – อาทิมาห;

    Idheva parinibbissaṃ, aggīvāhārasaṅkhayā’’ti. – ādimāha;

    มม ปน รมฺมสุรมฺมสุภนามกา ตโย ปาสาทา นวภูมิกสตฺตภูมิกปญฺจภูมิกา, จตฺตาลีสสหสฺสา นาฎกิตฺถิโย, ยโสธรา นาม มม อคฺคมเหสี , โสหํ จตฺตาโร นิมิเตฺต ทิสฺวา อสฺสยาเนน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิํฯ ตโต ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปทหิตฺวา วิสาขปุณฺณมาย อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนากุฎุมฺพิกสฺส ธีตาย สมฺปสาทชาตาย สุชาตาย นาม ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย โสตฺถิเยน นาม ติณหารเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา อสฺสตฺถโพธิรุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา ตตฺถ มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา สโมฺพธิํ ปโตฺตสฺมีติ สพฺพํ พฺยากาสิฯ

    Mama pana rammasurammasubhanāmakā tayo pāsādā navabhūmikasattabhūmikapañcabhūmikā, cattālīsasahassā nāṭakitthiyo, yasodharā nāma mama aggamahesī , sohaṃ cattāro nimitte disvā assayānena mahābhinikkhamanaṃ nikkhamiṃ. Tato chabbassāni padhānaṃ padahitvā visākhapuṇṇamāya uruvelāyaṃ senānigame senākuṭumbikassa dhītāya sampasādajātāya sujātāya nāma dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā sālavane divāvihāraṃ katvā sāyanhasamaye sotthiyena nāma tiṇahārakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā assatthabodhirukkhamūlaṃ upagantvā tattha mārabalaṃ viddhaṃsetvā sambodhiṃ pattosmīti sabbaṃ byākāsi.

    ตตฺถ สทฺธิํ สาวกสงฺฆโตติ สทฺธิํ สาวกสเงฺฆนฯ ปรินิพฺพิสฺสนฺติ ปรินิพฺพายิสฺสามิฯ อคฺคีวาหารสงฺขยาติ อคฺคิ วิย อินฺธนกฺขเยน ยถา อคฺคิ นิรุปาทาโน นิพฺพายติ, เอวํ อหมฺปิ นิรุปาทาโน ปรินิพฺพายิสฺสามีติ อโตฺถฯ

    Tattha saddhiṃ sāvakasaṅghatoti saddhiṃ sāvakasaṅghena. Parinibbissanti parinibbāyissāmi. Aggīvāhārasaṅkhayāti aggi viya indhanakkhayena yathā aggi nirupādāno nibbāyati, evaṃ ahampi nirupādāno parinibbāyissāmīti attho.

    ๒๓-๔.

    23-4.

    ตานิ จ อตุลเตชานีติ อคฺคสาวกยุคาทีนิ ตานิ อสทิสเตชานิฯ อิมานิ จ ทสพลานีติ เอตานิ จ สารีรทสพลานิ คุณธารโณ เทโหติ ฉอสาธารณญาณาทิคุณธโร อยํ เทโห จฯ ตมนฺตรหิสฺสนฺตีติ สพฺพานิ เอตานิ วุตฺตปฺปการานิ อนฺตรธายิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติฯ นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขาราติ เอตฺถ นนูติ อยํ อนุมติอเตฺถ นิปาโตฯ ริตฺตาติ นิจฺจสารธุวสารรหิตตฺตา ตุจฺฉา, สพฺพเมว ปน สงฺขตํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมํ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจํ, อุปฺปาทาทิปฎิปีฬิตตฺตา ทุกฺขํ, อวสวตฺตนโต อนตฺตาฯ ตสฺมา สงฺขาเรสุ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อมตมสงฺขตํ อจฺจุตํ นิพฺพานํ อธิคจฺฉถฯ อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี อิทํ อมฺหากํ สาสนํ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติฯ เทสนาปริโยสาเน กิร เทวตานํ โกฎิสตสหสฺสสฺส อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสุฯ เสสมคฺคผเลสุ ปติฎฺฐิตา ปน คณนปถํ วีติวตฺตา อเหสุํฯ

    Tāni ca atulatejānīti aggasāvakayugādīni tāni asadisatejāni. Imāni cadasabalānīti etāni ca sārīradasabalāni guṇadhāraṇo dehoti chaasādhāraṇañāṇādiguṇadharo ayaṃ deho ca. Tamantarahissantīti sabbāni etāni vuttappakārāni antaradhāyissanti vinassissanti. Nanu rittā sabbasaṅkhārāti ettha nanūti ayaṃ anumatiatthe nipāto. Rittāti niccasāradhuvasārarahitattā tucchā, sabbameva pana saṅkhataṃ khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammaṃ hutvā abhāvato aniccaṃ, uppādādipaṭipīḷitattā dukkhaṃ, avasavattanato anattā. Tasmā saṅkhāresu lakkhaṇattayaṃ āropetvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā amatamasaṅkhataṃ accutaṃ nibbānaṃ adhigacchatha. Ayaṃ vo amhākaṃ anusāsanī idaṃ amhākaṃ sāsanaṃ appamādena sampādethāti. Desanāpariyosāne kira devatānaṃ koṭisatasahassassa anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsu. Sesamaggaphalesu patiṭṭhitā pana gaṇanapathaṃ vītivattā ahesuṃ.

    เอวํ ภควา กปฺปนามชาติอาทิววตฺถิตํ สกลมฺปิ พุทฺธวํสํ อากาเส รตนจงฺกเม จงฺกมโนฺตว กเถตฺวา ญาติชนํ วนฺทาเปตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิฯ เอวํ นิสิเนฺน ปน ภควติ โลกนาเถ สิขาปฺปโตฺต ญาติสมาคโม อโหสิฯ สเพฺพ เอกคฺคจิตฺตา นิสีทิํสุ ฯ ตโต มหาเมโฆ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิฯ ตงฺขเณ อุทกํ เหฎฺฐา วิรวนฺตํ คจฺฉติฯ เตเมตุกาโมว เตเมติ, อเตมิตุกามสฺส สรีเร เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ น ปตติฯ ตํ ทิสฺวา สเพฺพ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา หุตฺวา – ‘‘อโห อจฺฉริยํ, อโห อพฺภุต’’นฺติ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํฯ ตํ สุตฺวา สตฺถา – ‘‘น อิทาเนว มยฺหํ ญาติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ, อตีเตปิ วสฺสี’’ติ อิมิสฺสา อฎฺฐุปฺปตฺติยา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถสิฯ สา ธมฺมเทสนา สาตฺถิกา ชาตาฯ ตโต ภควา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ

    Evaṃ bhagavā kappanāmajātiādivavatthitaṃ sakalampi buddhavaṃsaṃ ākāse ratanacaṅkame caṅkamantova kathetvā ñātijanaṃ vandāpetvā ākāsato otaritvā paññattavarabuddhāsane nisīdi. Evaṃ nisinne pana bhagavati lokanāthe sikhāppatto ñātisamāgamo ahosi. Sabbe ekaggacittā nisīdiṃsu . Tato mahāmegho pokkharavassaṃ vassi. Taṅkhaṇe udakaṃ heṭṭhā viravantaṃ gacchati. Temetukāmova temeti, atemitukāmassa sarīre ekabindumattampi na patati. Taṃ disvā sabbe acchariyabbhutacittajātā hutvā – ‘‘aho acchariyaṃ, aho abbhuta’’nti kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ. Taṃ sutvā satthā – ‘‘na idāneva mayhaṃ ñātisamāgame pokkharavassaṃ vassi, atītepi vassī’’ti imissā aṭṭhuppattiyā vessantarajātakaṃ (jā. 2.22.1655 ādayo) kathesi. Sā dhammadesanā sātthikā jātā. Tato bhagavā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.

    อิติ มธุรตฺถวิลาสินิยา พุทฺธวํสฎฺฐกถาย

    Iti madhuratthavilāsiniyā buddhavaṃsaṭṭhakathāya

    โคตมพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Gotamabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต ปญฺจวีสติโม พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito pañcavīsatimo buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๒๗. โคตมพุทฺธวํโส • 27. Gotamabuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact