Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๓. โคตมกเจติยสุตฺตวณฺณนา
3. Gotamakacetiyasuttavaṇṇanā
๑๒๖. ตติเย สมฺพหุลาติ ปญฺจสตมตฺตาฯ ปญฺจสตา กิร พฺราหฺมณา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อปรภาเค ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขเมฺม จ อานิสํสํ ปสฺสมานา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา น จิรเสฺสว สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริยตฺติํ นิสฺสาย มานํ อุปฺปาเทสุํ – ‘‘ยํ ยํ ภควา กเถติ, ตํ ตํ มยํ ขิปฺปเมว ชานามฯ ภควา หิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ตีณิ ลิงฺคานิ, นามาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ, ปฐมาทโย สตฺต วิภตฺติโย มุญฺจิตฺวา น กิญฺจิ กเถติ, เอวํ กถิเต จ อมฺหากํ คณฺฐิปทํ นาม นตฺถี’’ติ, เต ภควติ อคารวา หุตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ภควโต อุปฎฺฐานมฺปิ ธมฺมสฺสวนมฺปิ อภิณฺหํ น คจฺฉนฺติฯ เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สมฺพหุลา กิร พฺราหฺมณปพฺพชิตา…เป.… ธมฺมสฺสวนํ น คจฺฉนฺตี’’ติฯ มุขปฎิญฺญํ คเหตฺวาติ ‘‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว’’ติอาทินา ตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ เตหิ ภิกฺขูหิ วุตฺตํ ปฎิวจนํ คเหตฺวาฯ ตญฺหิ อตฺตโน มุเขเนว ปฎิญฺญาตตฺตา ‘‘มุขปฎิญฺญา’’ติ วุจฺจติฯ
126. Tatiye sambahulāti pañcasatamattā. Pañcasatā kira brāhmaṇā tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū aparabhāge bhagavato dhammadesanaṃ sutvā kāmesu ādīnavaṃ nekkhamme ca ānisaṃsaṃ passamānā bhagavato santike pabbajitvā na cirasseva sabbaṃ buddhavacanaṃ uggaṇhitvā pariyattiṃ nissāya mānaṃ uppādesuṃ – ‘‘yaṃ yaṃ bhagavā katheti, taṃ taṃ mayaṃ khippameva jānāma. Bhagavā hi itthiliṅgādīni tīṇi liṅgāni, nāmādīni cattāri padāni, paṭhamādayo satta vibhattiyo muñcitvā na kiñci katheti, evaṃ kathite ca amhākaṃ gaṇṭhipadaṃ nāma natthī’’ti, te bhagavati agāravā hutvā tato paṭṭhāya bhagavato upaṭṭhānampi dhammassavanampi abhiṇhaṃ na gacchanti. Te sandhāya vuttaṃ ‘‘sambahulā kira brāhmaṇapabbajitā…pe… dhammassavanaṃ na gacchantī’’ti. Mukhapaṭiññaṃ gahetvāti ‘‘saccaṃ kira tumhe, bhikkhave’’tiādinā tamatthaṃ paṭipucchitvā ‘‘saccaṃ bhagavā’’ti tehi bhikkhūhi vuttaṃ paṭivacanaṃ gahetvā. Tañhi attano mukheneva paṭiññātattā ‘‘mukhapaṭiññā’’ti vuccati.
เนว อาคตฎฺฐานํ น คตฎฺฐานํ อทฺทสํสุฯ กสฺมา? อญฺญาณโตฯ เต กิร ตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถํ น ชานิํสุฯ เตสญฺหิ ตสฺมิํ สมเย วิจิตฺรนยํ เทสนาวิลาสยุตฺตมฺปิ ตํ สุตฺตํ ฆนปุถุเลน ทุสฺสปเฎฺฎน มุขํ พทฺธํ กตฺวา ปุรโต ฐปิตมนุญฺญโภชนํ วิย อโหสิฯ นนุ จ ภควา อตฺตนา เทสิตํ ธมฺมํ ปเร ญาเปตุํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, โส กสฺมา ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา เทเสตีติ? เตสํ มานภญฺชนตฺถํฯ ภควา หิ ‘‘อภพฺพา อิเม อิมํ มานขิลํ อนุปหจฺจ มคฺคํ วา ผลํ วา สจฺฉิกาตุ’’นฺติ เตสํ สุตปริยตฺติํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา เทสนากุสโล มานภญฺชนตฺถํ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทินา มูลปริยายสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑) อภาสิฯ
Nevaāgataṭṭhānaṃ na gataṭṭhānaṃ addasaṃsu. Kasmā? Aññāṇato. Te kira tassa suttassa atthaṃ na jāniṃsu. Tesañhi tasmiṃ samaye vicitranayaṃ desanāvilāsayuttampi taṃ suttaṃ ghanaputhulena dussapaṭṭena mukhaṃ baddhaṃ katvā purato ṭhapitamanuññabhojanaṃ viya ahosi. Nanu ca bhagavā attanā desitaṃ dhammaṃ pare ñāpetuṃ kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkheyyāni pāramiyo pūretvā sabbaññutaṃ patto, so kasmā yathā te na jānanti, tathā desetīti? Tesaṃ mānabhañjanatthaṃ. Bhagavā hi ‘‘abhabbā ime imaṃ mānakhilaṃ anupahacca maggaṃ vā phalaṃ vā sacchikātu’’nti tesaṃ sutapariyattiṃ nissāya uppannaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā desanākusalo mānabhañjanatthaṃ ‘‘sabbadhammamūlapariyāya’’ntiādinā mūlapariyāyasuttaṃ (ma. ni. 1.1) abhāsi.
สมฺมาสมฺพุโทฺธ ‘‘มยฺหํ กถา นิยฺยาตี’’ติ มุขสมฺปตฺตเมว กเถตีติ จินฺตยิํสูติ อิทํ องฺคุตฺตรภาณกานํ วฬญฺชนกตนฺตินีหาเรน วุตฺตํฯ มชฺฌิมภาณกา ปน เอวํ วทนฺติ – เอวํ มานภญฺชนตฺถํ เทสิตญฺจ ปน ตํ สุตฺตํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ‘‘ตํเยว กิร ปถวิํ ทิฎฺฐิคติโก สญฺชานาติ, เสโขปิ อรหาปิ ตถาคโตปิ อภิชานาติ, กิ นามิทํ กถํ นามิท’’นฺติ จิเนฺตนฺตา ‘‘ปุเพฺพ มยํ ภควตา กถิตํ ยํกิญฺจิ ขิปฺปเมว ชานาม, อิทานิ ปนิมสฺส มูลปริยายสฺส อนฺตํ วา โกฎิํ วา น ชานาม น ปสฺสาม, อโห พุทฺธา นาม อปฺปเมยฺยา อตุลา’’ติ อุทฺธตทาฐา วิย สปฺปา นิมฺมทา หุตฺวา พุทฺธูปฎฺฐานญฺจ ธมฺมสฺสวนญฺจ สกฺกจฺจํ อคมํสุฯ เตน สมเยน ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู ‘‘อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, เต นามพฺราหฺมณปพฺพชิตา ตถา มานมทมตฺตา ภควตา มูลปริยายเทสนาย นิหตมานา กตา’’ติ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํฯ ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ อหํ เอวํ อิเม มานปคฺคหิตสีเส จรเนฺต นิหตมาเน อกาสิ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหรโนฺต ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อญฺญตโร ทิสาปาโมโกฺข พฺราหฺมโณ พาราณสิยํ ปฎิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฎุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, โส ปญฺจมตฺตานิ มาณวกสตานิ มเนฺต วาเจติฯ ปณฺฑิตมาณวกา พหุญฺจ คณฺหนฺติ ลหุญฺจ, สุฎฺฐุ จ อุปธาเรนฺตี’’ติอาทินา ชาตกํ กเถสิฯ
Sammāsambuddho‘‘mayhaṃ kathā niyyātī’’ti mukhasampattameva kathetīti cintayiṃsūti idaṃ aṅguttarabhāṇakānaṃ vaḷañjanakatantinīhārena vuttaṃ. Majjhimabhāṇakā pana evaṃ vadanti – evaṃ mānabhañjanatthaṃ desitañca pana taṃ suttaṃ sutvā te bhikkhū ‘‘taṃyeva kira pathaviṃ diṭṭhigatiko sañjānāti, sekhopi arahāpi tathāgatopi abhijānāti, ki nāmidaṃ kathaṃ nāmida’’nti cintentā ‘‘pubbe mayaṃ bhagavatā kathitaṃ yaṃkiñci khippameva jānāma, idāni panimassa mūlapariyāyassa antaṃ vā koṭiṃ vā na jānāma na passāma, aho buddhā nāma appameyyā atulā’’ti uddhatadāṭhā viya sappā nimmadā hutvā buddhūpaṭṭhānañca dhammassavanañca sakkaccaṃ agamaṃsu. Tena samayena dhammasabhāyaṃ sannisinnā bhikkhū ‘‘aho buddhānaṃ ānubhāvo, te nāmabrāhmaṇapabbajitā tathā mānamadamattā bhagavatā mūlapariyāyadesanāya nihatamānā katā’’ti kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ. Taṃ sutvā bhagavā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi ahaṃ evaṃ ime mānapaggahitasīse carante nihatamāne akāsi’’nti vatvā atītaṃ āharanto ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave, aññataro disāpāmokkho brāhmaṇo bārāṇasiyaṃ paṭivasati tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇṭukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo, so pañcamattāni māṇavakasatāni mante vāceti. Paṇḍitamāṇavakā bahuñca gaṇhanti lahuñca, suṭṭhu ca upadhārentī’’tiādinā jātakaṃ kathesi.
ตํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ‘‘ปุเพฺพปิ มยํ มาเนเนว อุปหตา’’ติ ภิโยฺยโสมตฺตาย นิหตมานา หุตฺวา อตฺตโน อุปการกมฺมฎฺฐานปรายณา อเหสุํฯ ตโต ภควา เอกํ สมยํ ชนปทจาริกํ จรโนฺต เวสาลิํ ปตฺวา โคตมเก เจติเย วิหรโนฺต อิเมสํ ปญฺจสตานํ ภิกฺขูนํ ญาณปริปากํ วิทิตฺวา อิทํ โคตมกสุตฺตํ กเถสิฯ อิทญฺจ สุตฺตํ สุตฺวา เต ปญฺจสตา ภิกฺขู ตสฺมิํเยว อาสเน สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิํสูติฯ
Taṃ sutvā te bhikkhū ‘‘pubbepi mayaṃ māneneva upahatā’’ti bhiyyosomattāya nihatamānā hutvā attano upakārakammaṭṭhānaparāyaṇā ahesuṃ. Tato bhagavā ekaṃ samayaṃ janapadacārikaṃ caranto vesāliṃ patvā gotamake cetiye viharanto imesaṃ pañcasatānaṃ bhikkhūnaṃ ñāṇaparipākaṃ viditvā idaṃ gotamakasuttaṃ kathesi. Idañca suttaṃ sutvā te pañcasatā bhikkhū tasmiṃyeva āsane saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇiṃsūti.
อภิญฺญายาติ กุสลาทิเภทํ ขนฺธาทิเภทญฺจ เทเสตพฺพํ ธมฺมํ, เวเนยฺยานญฺจ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิเภทํ, ตสฺส จ เนสํ เทเสตพฺพปฺปการํ ยาถาวโต อภิชานิตฺวาติ อโตฺถฯ อิเม ปญฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานีติอาทิ ปเนตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สปฺปจฺจยนฺติ สการณํ, เวเนยฺยานํ อชฺฌาสเยน วา ปุจฺฉาย วา อฎฺฐุปฺปตฺติยา วา สนิมิตฺตํ เหตูทาหรณสหิตญฺจาติ อโตฺถฯ ราคาทีนํ ปฎิหรณํ ปฎิหาริยํ, ตเทว ปาฎิหาริยํ, สห ปาฎิหาริเยนาติ สปฺปาฎิหาริยํฯ ราคาทิปฺปฎิเสธนวเสเนว หิ สตฺถา ธมฺมํ เทเสติฯ เตนาห ‘‘ปจฺจนีกปฎิหรเณน สปฺปาฎิหาริยเมว กตฺวา’’ติฯ อปเร ปน ‘‘ยถารหํ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิปาฎิหาริยสหิต’’นฺติ วทนฺติ อนุสาสนิปาฎิหาริยรหิตา เทสนา นตฺถีติ กตฺวาฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Abhiññāyāti kusalādibhedaṃ khandhādibhedañca desetabbaṃ dhammaṃ, veneyyānañca āsayānusayacariyādhimuttiādibhedaṃ, tassa ca nesaṃ desetabbappakāraṃ yāthāvato abhijānitvāti attho. Ime pañcakkhandhā dvādasāyatanānītiādi panettha nidassanamattaṃ vuttanti veditabbaṃ. Sappaccayanti sakāraṇaṃ, veneyyānaṃ ajjhāsayena vā pucchāya vā aṭṭhuppattiyā vā sanimittaṃ hetūdāharaṇasahitañcāti attho. Rāgādīnaṃ paṭiharaṇaṃ paṭihāriyaṃ, tadeva pāṭihāriyaṃ, saha pāṭihāriyenāti sappāṭihāriyaṃ. Rāgādippaṭisedhanavaseneva hi satthā dhammaṃ deseti. Tenāha ‘‘paccanīkapaṭiharaṇena sappāṭihāriyameva katvā’’ti. Apare pana ‘‘yathārahaṃ iddhiādesanānusāsanipāṭihāriyasahita’’nti vadanti anusāsanipāṭihāriyarahitā desanā natthīti katvā. Sesamettha uttānameva.
โคตมกเจติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gotamakacetiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. โคตมกเจติยสุตฺตํ • 3. Gotamakacetiyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. โคตมกเจติยสุตฺตวณฺณนา • 3. Gotamakacetiyasuttavaṇṇanā