Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. ทุติยปณฺณาสกํ
2. Dutiyapaṇṇāsakaṃ
(๖) ๑. โคตมีวโคฺค
(6) 1. Gotamīvaggo
๑-๓. โคตมีสุตฺตาทิวณฺณนา
1-3. Gotamīsuttādivaṇṇanā
๕๑-๕๓. ฉฎฺฐสฺส ปฐเม (สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๔๐๒) โคตมีติ โคตฺตํฯ นามกรณทิวเส ปนสฺสา ลทฺธสกฺการา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ ธีตรํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติรโญฺญ มเหสี ภวิสฺสติฯ สเจ ปุตฺตํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตีติ อุภยถาปิ มหตีเยวสฺสา ปชา ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริํสุฯ อถสฺสา ‘‘มหาปชาปตี’’ติ นามํ อกํสุฯ เตนาห ‘‘ปุตฺตปชาย เจว ธีตุปชาย จ มหนฺตตฺตา เอวํลทฺธนามา’’ติฯ
51-53. Chaṭṭhassa paṭhame (sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.402) gotamīti gottaṃ. Nāmakaraṇadivase panassā laddhasakkārā brāhmaṇā lakkhaṇasampattiṃ disvā ‘‘sace ayaṃ dhītaraṃ labhissati, cakkavattirañño mahesī bhavissati. Sace puttaṃ labhissati, cakkavattirājā bhavissatīti ubhayathāpi mahatīyevassā pajā bhavissatī’’ti byākariṃsu. Athassā ‘‘mahāpajāpatī’’ti nāmaṃ akaṃsu. Tenāha ‘‘puttapajāya ceva dhītupajāya ca mahantattā evaṃladdhanāmā’’ti.
‘‘อตฺตทณฺฑา ภยํ ชาตํ, ชนํ ปสฺสถ เมธคํ;
‘‘Attadaṇḍā bhayaṃ jātaṃ, janaṃ passatha medhagaṃ;
สํเวคํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา สํวิชิตํ มยา’’ติฯ (สุ. นิ. ๙๔๑; มหานิ. ๑๗๐) –
Saṃvegaṃ kittayissāmi, yathā saṃvijitaṃ mayā’’ti. (su. ni. 941; mahāni. 170) –
อาทินา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ กเถสิฯ ตํตํปโลภนกิริยา กายวาจาหิ ปรกฺกมนฺติโย อุกฺกณฺฐนฺตูติ สาสนํ เปเสนฺติ นามาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สาสนํ เปเสตฺวา’’ติฯ กุณาลทหนฺติ กุณาลทหตีรํฯ อนภิรติํ วิโนเทตฺวาติ อิตฺถีนํ โทสทสฺสนมุเขน กามานํ โวการสํกิเลสวิภาวเนน อนภิรติํ วิโนเทตฺวาฯ
Ādinā attadaṇḍasuttaṃ kathesi. Taṃtaṃpalobhanakiriyā kāyavācāhi parakkamantiyo ukkaṇṭhantūti sāsanaṃ pesenti nāmāti katvā vuttaṃ ‘‘sāsanaṃ pesetvā’’ti. Kuṇāladahanti kuṇāladahatīraṃ. Anabhiratiṃ vinodetvāti itthīnaṃ dosadassanamukhena kāmānaṃ vokārasaṃkilesavibhāvanena anabhiratiṃ vinodetvā.
อาปาทิกาติ สํวทฺธกา, ตุมฺหากํ หตฺถปาเทสุ กิจฺจํ อสาเธเนฺตสุ หเตฺถ จ ปาเท จ วเฑฺฒตฺวา ปฎิชคฺคิตาติ อโตฺถฯ โปสิกาติ ทิวสสฺส เทฺว ตโย วาเร นหาเปตฺวา โภเชตฺวา ปาเยตฺวา ตุเมฺห โปเสสิฯ ถญฺญํ ปาเยสีติ นนฺทกุมาโร กิร โพธิสตฺตโต กติปาเหเนว ทหโร, ตสฺมิํ ชาเต มหาปชาปตี อตฺตโน ปุตฺตํ ธาตีนํ ทตฺวา สยํ โพธิสตฺตสฺส ธาติกิจฺจํ สาธยมานา อตฺตโน ถญฺญํ ปาเยสิฯ ตํ สนฺธาย เถโร เอวมาหฯ ทหโรติ ตรุโณฯ ยุวาติ โยพฺพเญฺญ ฐิโตฯ มณฺฑนกชาติโกติ อลงฺการสภาโวฯ ตตฺถ โกจิ ตรุโณปิ ยุวา น โหติ ยถา อติตรุโณฯ โกจิ ยุวาปิ มณฺฑนกชาติโก น โหติ ยถา อุปสนฺตสภาโว, อาลสิยพฺยสนาทีหิ วา อภิภูโตฯ อิธ ปน ทหโร เจว ยุวา จ มณฺฑนกชาติโก จ อธิเปฺปโต, ตสฺมา เอวมาหฯ อุปฺปลาทีนิ มณฺฑนกชาติโก จ โลกสมฺมตตฺตา วุตฺตานิฯ
Āpādikāti saṃvaddhakā, tumhākaṃ hatthapādesu kiccaṃ asādhentesu hatthe ca pāde ca vaḍḍhetvā paṭijaggitāti attho. Posikāti divasassa dve tayo vāre nahāpetvā bhojetvā pāyetvā tumhe posesi. Thaññaṃ pāyesīti nandakumāro kira bodhisattato katipāheneva daharo, tasmiṃ jāte mahāpajāpatī attano puttaṃ dhātīnaṃ datvā sayaṃ bodhisattassa dhātikiccaṃ sādhayamānā attano thaññaṃ pāyesi. Taṃ sandhāya thero evamāha. Daharoti taruṇo. Yuvāti yobbaññe ṭhito. Maṇḍanakajātikoti alaṅkārasabhāvo. Tattha koci taruṇopi yuvā na hoti yathā atitaruṇo. Koci yuvāpi maṇḍanakajātiko na hoti yathā upasantasabhāvo, ālasiyabyasanādīhi vā abhibhūto. Idha pana daharo ceva yuvā ca maṇḍanakajātiko ca adhippeto, tasmā evamāha. Uppalādīni maṇḍanakajātiko ca lokasammatattā vuttāni.
มาตุคามสฺส ปพฺพชิตตฺตาติ อิทํ ปญฺจวสฺสสตโต อุทฺธํ อฎฺฐตฺวา ปญฺจสุเยว วสฺสสเตสุ สทฺธมฺมฎฺฐิติยา การณนิทสฺสนํฯ ปฎิสมฺภิทาปเภทปฺปตฺตขีณาสววเสเนว วุตฺตนฺติ เอตฺถ ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตขีณาสวคฺคหเณน ฌานานิปิ คหิตาเนว โหนฺติฯ น หิ นิชฺฌานกานํ สพฺพปฺปการสมฺปตฺติ อิชฺฌตีติ วทนฺติฯ สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน วสฺสสหสฺสนฺติอาทินา จ ยํ วุตฺตํ, ตํ ขนฺธกภาณกานํ มเตน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ วินยฎฺฐกถายมฺปิ (จูฬว. อฎฺฐ. ๔๐๓) อิมินาว นเยน วุตฺตํฯ
Mātugāmassa pabbajitattāti idaṃ pañcavassasatato uddhaṃ aṭṭhatvā pañcasuyeva vassasatesu saddhammaṭṭhitiyā kāraṇanidassanaṃ. Paṭisambhidāpabhedappattakhīṇāsavavaseneva vuttanti ettha paṭisambhidāppattakhīṇāsavaggahaṇena jhānānipi gahitāneva honti. Na hi nijjhānakānaṃ sabbappakārasampatti ijjhatīti vadanti. Sukkhavipassakakhīṇāsavavasena vassasahassantiādinā ca yaṃ vuttaṃ, taṃ khandhakabhāṇakānaṃ matena vuttanti veditabbaṃ. Vinayaṭṭhakathāyampi (cūḷava. aṭṭha. 403) imināva nayena vuttaṃ.
ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๖๑) ปน ‘‘ปฎิสมฺภิทาปฺปเตฺตหิ วสฺสสหสฺสํ อฎฺฐาสิ, ฉฬภิเญฺญหิ วสฺสสหสฺสํ, เตวิเชฺชหิ วสฺสสหสฺสํ, สุกฺขวิปสฺสเกหิ วสฺสสหสฺสํ, ปาติโมเกฺขน วสฺสสหสฺสํ อฎฺฐาสี’’ติ วุตฺตํฯ อิธาปิ สาสนนฺตรธานกถายํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๓๐) ‘‘พุทฺธานญฺหิ ปรินิพฺพานโต วสฺสสหสฺสเมว ปฎิสมฺภิทา นิพฺพเตฺตตุํ สโกฺกนฺติ, ตโต ปรํ ฉ อภิญฺญา, ตโต ตาปิ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตา ติโสฺส วิชฺชา นิพฺพเตฺตนฺติ, คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล ตาปิ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตา สุกฺขวิปสฺสกา โหนฺติฯ เอเตเนว อุปาเยน อนาคามิโน, สกทาคามิโน, โสตาปนฺนา’’ติ วุตฺตํฯ
Dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.161) pana ‘‘paṭisambhidāppattehi vassasahassaṃ aṭṭhāsi, chaḷabhiññehi vassasahassaṃ, tevijjehi vassasahassaṃ, sukkhavipassakehi vassasahassaṃ, pātimokkhena vassasahassaṃ aṭṭhāsī’’ti vuttaṃ. Idhāpi sāsanantaradhānakathāyaṃ (a. ni. aṭṭha. 1.1.130) ‘‘buddhānañhi parinibbānato vassasahassameva paṭisambhidā nibbattetuṃ sakkonti, tato paraṃ cha abhiññā, tato tāpi nibbattetuṃ asakkontā tisso vijjā nibbattenti, gacchante gacchante kāle tāpi nibbattetuṃ asakkontā sukkhavipassakā honti. Eteneva upāyena anāgāmino, sakadāgāmino, sotāpannā’’ti vuttaṃ.
สํยุตฺตนิกายฎฺฐกถายํ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๑๕๖) ปน ‘‘ปฐมโพธิยญฺหิ ภิกฺขู ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตา อเหสุํฯ อถ กาเล คจฺฉเนฺต ปฎิสมฺภิทา ปาปุณิตุํ น สกฺขิํสุ, ฉฬภิญฺญา อเหสุํฯ ตโต ฉ อภิญฺญา ปตฺตุํ อสโกฺกนฺตา ติโสฺส วิชฺชา ปาปุณิํสุฯ อิทานิ กาเล คจฺฉเนฺต ติโสฺส วิชฺชา ปาปุณิตุํ อสโกฺกนฺตา อาสวกฺขยมตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา อนาคามิผลํ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา สกทาคามิผลํ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตา โสตาปตฺติผลํ, คจฺฉเนฺต กาเล โสตาปตฺติผลมฺปิ ปตฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺมา เจตํ สพฺพํ อญฺญมญฺญปฺปฎิวิรุทฺธํ, ตสฺมา เตสํ เตสํ ภาณกานํ มตเมว อาจริเยน ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํฯ อญฺญถา หิ อาจริยเสฺสว ปุพฺพาปรวิโรธปฺปสโงฺค สิยาติฯ
Saṃyuttanikāyaṭṭhakathāyaṃ (saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.156) pana ‘‘paṭhamabodhiyañhi bhikkhū paṭisambhidāppattā ahesuṃ. Atha kāle gacchante paṭisambhidā pāpuṇituṃ na sakkhiṃsu, chaḷabhiññā ahesuṃ. Tato cha abhiññā pattuṃ asakkontā tisso vijjā pāpuṇiṃsu. Idāni kāle gacchante tisso vijjā pāpuṇituṃ asakkontā āsavakkhayamattaṃ pāpuṇissanti, tampi asakkontā anāgāmiphalaṃ, tampi asakkontā sakadāgāmiphalaṃ, tampi asakkontā sotāpattiphalaṃ, gacchante kāle sotāpattiphalampi pattuṃ na sakkhissantī’’ti vuttaṃ. Yasmā cetaṃ sabbaṃ aññamaññappaṭiviruddhaṃ, tasmā tesaṃ tesaṃ bhāṇakānaṃ matameva ācariyena tattha tattha dassitanti gahetabbaṃ. Aññathā hi ācariyasseva pubbāparavirodhappasaṅgo siyāti.
ตานิเยวาติ ตานิเยว ปญฺจวสฺสสหสฺสานิฯ ปริยตฺติมูลกํ สาสนนฺติ อาห ‘‘น หิ ปริยตฺติยา อสติ ปฎิเวโธ อตฺถี’’ติอาทิฯ ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฎิปตฺติอนฺตรธายติ, ปฎิปตฺติยา อนฺตรหิตาย อธิคโม อนฺตรธายติฯ กิํการณา? อยญฺหิ ปริยตฺติ ปฎิปตฺติยา ปจฺจโย โหติ, ปฎิปตฺติ อธิคมสฺสฯ อิติ ปฎิปตฺติโตปิ ปริยตฺติเยว ปมาณํฯ ทุติยตติเยสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํฯ
Tāniyevāti tāniyeva pañcavassasahassāni. Pariyattimūlakaṃ sāsananti āha ‘‘na hi pariyattiyāasati paṭivedho atthī’’tiādi. Pariyattiyā hi antarahitāya paṭipattiantaradhāyati, paṭipattiyā antarahitāya adhigamo antaradhāyati. Kiṃkāraṇā? Ayañhi pariyatti paṭipattiyā paccayo hoti, paṭipatti adhigamassa. Iti paṭipattitopi pariyattiyeva pamāṇaṃ. Dutiyatatiyesu natthi vattabbaṃ.
โคตมีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gotamīsuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya
๑. โคตมีสุตฺตํ • 1. Gotamīsuttaṃ
๒. โอวาทสุตฺตํ • 2. Ovādasuttaṃ
๓. สํขิตฺตสุตฺตํ • 3. Saṃkhittasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)
๑. โคตมีสุตฺตวณฺณนา • 1. Gotamīsuttavaṇṇanā
๒. โอวาทสุตฺตวณฺณนา • 2. Ovādasuttavaṇṇanā
๓. สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา • 3. Saṃkhittasuttavaṇṇanā