Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. ทุติยปณฺณาสกํ
2. Dutiyapaṇṇāsakaṃ
(๖) ๑. โคตมีวโคฺค
(6) 1. Gotamīvaggo
๑. โคตมีสุตฺตํ
1. Gotamīsuttaṃ
๕๑. เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ อถ โข มหาปชาปตี 1 โคตมี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข มหาปชาปตี โคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต, ลเภยฺย มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ ‘‘อลํ, โคตมิ! มา เต รุจฺจิ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชา’’ติฯ
51. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Atha kho mahāpajāpatī 2 gotamī yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mahāpajāpatī gotamī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, bhante, labheyya mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti. ‘‘Alaṃ, gotami! Mā te rucci mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajjā’’ti.
ทุติยมฺปิ โข มหาปชาปตี โคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต, ลเภยฺย มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ ‘‘อลํ, โคตมิ! มา เต รุจฺจิ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชา’’ติฯ ‘‘ตติยมฺปิ โข มหาปชาปตี โคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ ภเนฺต, ลเภยฺย มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ ‘‘อลํ, โคตมิ! มา เต รุจฺจิ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชา’’ติฯ
Dutiyampi kho mahāpajāpatī gotamī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, bhante, labheyya mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti. ‘‘Alaṃ, gotami! Mā te rucci mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajjā’’ti. ‘‘Tatiyampi kho mahāpajāpatī gotamī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu bhante, labheyya mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti. ‘‘Alaṃ, gotami! Mā te rucci mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajjā’’ti.
อถ โข มหาปชาปตี โคตมี ‘‘น ภควา อนุชานาติ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติ ทุกฺขี ทุมฺมนา อสฺสุมุขี รุทมานา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
Atha kho mahāpajāpatī gotamī ‘‘na bhagavā anujānāti mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti dukkhī dummanā assumukhī rudamānā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
อถ โข ภควา กปิลวตฺถุสฺมิํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน เวสาลี เตน จาริกํ ปกฺกามิ ฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน เวสาลี ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฎาคารสาลายํ ฯ อถ โข มหาปชาปตี โคตมี เกเส เฉทาเปตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา สมฺพหุลาหิ สากิยานีหิ สทฺธิํ เยน เวสาลี เตน ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน เยน เวสาลี มหาวนํ กูฎาคารสาลา เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข มหาปชาปตี โคตมี สูเนหิ ปาเทหิ รโชกิเณฺณน คเตฺตน ทุกฺขี ทุมฺมนา อสฺสุมุขี รุทมานา พหิทฺวารโกฎฺฐเก อฎฺฐาสิฯ
Atha kho bhagavā kapilavatthusmiṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena vesālī tena cārikaṃ pakkāmi . Anupubbena cārikaṃ caramāno yena vesālī tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ . Atha kho mahāpajāpatī gotamī kese chedāpetvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā sambahulāhi sākiyānīhi saddhiṃ yena vesālī tena pakkāmi. Anupubbena yena vesālī mahāvanaṃ kūṭāgārasālā tenupasaṅkami. Atha kho mahāpajāpatī gotamī sūnehi pādehi rajokiṇṇena gattena dukkhī dummanā assumukhī rudamānā bahidvārakoṭṭhake aṭṭhāsi.
อทฺทสา โข อายสฺมา อานโนฺท มหาปชาปติํ โคตมิํ สูเนหิ ปาเทหิ รโชกิเณฺณน คเตฺตน ทุกฺขิํ ทุมฺมนํ อสฺสุมุขิํ รุทมานํ พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิตํฯ ทิสฺวาน มหาปชาปติํ โคตมิํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ ตฺวํ, โคตมิ, สูเนหิ ปาเทหิ รโชกิเณฺณน คเตฺตน ทุกฺขี ทุมฺมนา อสฺสุมุขี รุทมานา พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิตา’’ติ? ‘‘ตถา หิ ปน, ภเนฺต อานนฺท, น ภควา อนุชานาติ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ตฺวํ, โคตมิ, มุหุตฺตํ อิเธว ตาว โหหิ, ยาวาหํ ภควนฺตํ ยาจามิ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ
Addasā kho āyasmā ānando mahāpajāpatiṃ gotamiṃ sūnehi pādehi rajokiṇṇena gattena dukkhiṃ dummanaṃ assumukhiṃ rudamānaṃ bahidvārakoṭṭhake ṭhitaṃ. Disvāna mahāpajāpatiṃ gotamiṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu tvaṃ, gotami, sūnehi pādehi rajokiṇṇena gattena dukkhī dummanā assumukhī rudamānā bahidvārakoṭṭhake ṭhitā’’ti? ‘‘Tathā hi pana, bhante ānanda, na bhagavā anujānāti mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti. ‘‘Tena hi tvaṃ, gotami, muhuttaṃ idheva tāva hohi, yāvāhaṃ bhagavantaṃ yācāmi mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอสา, ภเนฺต, มหาปชาปตี โคตมี สูเนหิ ปาเทหิ รโชกิเณฺณน คเตฺตน ทุกฺขี ทุมฺมนา อสฺสุมุขี รุทมานา พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิตา – ‘น ภควา อนุชานาติ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’นฺติฯ สาธุ, ภเนฺต, ลเภยฺย มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ ‘‘อลํ, อานนฺท! มา เต รุจฺจิ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชา’’ติฯ
Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘esā, bhante, mahāpajāpatī gotamī sūnehi pādehi rajokiṇṇena gattena dukkhī dummanā assumukhī rudamānā bahidvārakoṭṭhake ṭhitā – ‘na bhagavā anujānāti mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’nti. Sādhu, bhante, labheyya mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti. ‘‘Alaṃ, ānanda! Mā te rucci mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajjā’’ti.
ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต, ลเภยฺย มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ ‘‘อลํ, อานนฺท! มา เต รุจฺจิ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชา’’ติฯ
Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, bhante, labheyya mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti. ‘‘Alaṃ, ānanda! Mā te rucci mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajjā’’ti.
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘น ภควา อนุชานาติ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํฯ ยํนูนาหํ อเญฺญนปิ ปริยาเยน ภควนฺตํ ยาเจยฺยํ มาตุคามสฺส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภโพฺพ นุ โข, ภเนฺต, มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา โสตาปตฺติผลํ วา สกทาคามิผลํ วา อนาคามิผลํ วา อรหตฺตผลํ วา สจฺฉิกาตุ’’นฺติ? ‘‘ภโพฺพ, อานนฺท, มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา โสตาปตฺติผลมฺปิ สกทาคามิผลมฺปิ อนาคามิผลมฺปิ อรหตฺตผลมฺปิ สจฺฉิกาตุ’’นฺติฯ ‘‘สเจ, ภเนฺต, ภโพฺพ มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา โสตาปตฺติผลมฺปิ…เป.… อรหตฺตผลมฺปิ สจฺฉิกาตุํ, พหุการา, ภเนฺต, มหาปชาปตี โคตมี ภควโต มาตุจฺฉา อาปาทิกา โปสิกา ขีรสฺส ทายิกา; ภควนฺตํ ชเนตฺติยา กาลงฺกตาย ถญฺญํ ปาเยสิฯ สาธุ, ภเนฺต, ลเภยฺย มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ
Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘na bhagavā anujānāti mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajjaṃ. Yaṃnūnāhaṃ aññenapi pariyāyena bhagavantaṃ yāceyyaṃ mātugāmassa tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti. Atha kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘bhabbo nu kho, bhante, mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajitvā sotāpattiphalaṃ vā sakadāgāmiphalaṃ vā anāgāmiphalaṃ vā arahattaphalaṃ vā sacchikātu’’nti? ‘‘Bhabbo, ānanda, mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajitvā sotāpattiphalampi sakadāgāmiphalampi anāgāmiphalampi arahattaphalampi sacchikātu’’nti. ‘‘Sace, bhante, bhabbo mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajitvā sotāpattiphalampi…pe… arahattaphalampi sacchikātuṃ, bahukārā, bhante, mahāpajāpatī gotamī bhagavato mātucchā āpādikā posikā khīrassa dāyikā; bhagavantaṃ janettiyā kālaṅkatāya thaññaṃ pāyesi. Sādhu, bhante, labheyya mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajja’’nti.
‘‘สเจ, อานนฺท, มหาปชาปตี โคตมี อฎฺฐ ครุธเมฺม ปฎิคฺคณฺหาติ, สาวสฺสา โหตุ อุปสมฺปทา –
‘‘Sace, ānanda, mahāpajāpatī gotamī aṭṭha garudhamme paṭiggaṇhāti, sāvassā hotu upasampadā –
‘‘น ภิกฺขุนิยา อภิกฺขุเก อาวาเส วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ
‘‘Na bhikkhuniyā abhikkhuke āvāse vassaṃ upagantabbaṃ. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo.
‘‘อนฺวฑฺฒมาสํ ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุสงฺฆโต เทฺว ธมฺมา ปจฺจาสีสิตพฺพา 7 – อุโปสถปุจฺฉกญฺจ, โอวาทูปสงฺกมนญฺจ ฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ
‘‘Anvaḍḍhamāsaṃ bhikkhuniyā bhikkhusaṅghato dve dhammā paccāsīsitabbā 8 – uposathapucchakañca, ovādūpasaṅkamanañca . Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo.
‘‘วสฺสํวุฎฺฐาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสเงฺฆ ตีหิ ฐาเนหิ ปวาเรตพฺพํ – ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วาฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ
‘‘Vassaṃvuṭṭhāya bhikkhuniyā ubhatosaṅghe tīhi ṭhānehi pavāretabbaṃ – diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo.
‘‘ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺนาย ภิกฺขุนิยา อุภโตสเงฺฆ ปกฺขมานตฺตํ จริตพฺพํฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ
‘‘Garudhammaṃ ajjhāpannāya bhikkhuniyā ubhatosaṅghe pakkhamānattaṃ caritabbaṃ. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo.
‘‘เทฺว วสฺสานิ ฉสุ ธเมฺมสุ สิกฺขิตสิกฺขาย สิกฺขมานาย อุภโตสเงฺฆ อุปสมฺปทา ปริเยสิตพฺพาฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ
‘‘Dve vassāni chasu dhammesu sikkhitasikkhāya sikkhamānāya ubhatosaṅghe upasampadā pariyesitabbā. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo.
‘‘น เกนจิ ปริยาเยน ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุ อโกฺกสิตโพฺพ ปริภาสิตโพฺพฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ
‘‘Na kenaci pariyāyena bhikkhuniyā bhikkhu akkositabbo paribhāsitabbo. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo.
‘‘อชฺชตเคฺค โอวโฎ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ วจนปโถ, อโนวโฎ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีสุ วจนปโถฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ
‘‘Ajjatagge ovaṭo bhikkhunīnaṃ bhikkhūsu vacanapatho, anovaṭo bhikkhūnaṃ bhikkhunīsu vacanapatho. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo.
‘‘สเจ, อานนฺท, มหาปชาปตี โคตมี อิเม อฎฺฐ ครุธเมฺม ปฎิคฺคณฺหาติ, สาวสฺสา โหตุ อุปสมฺปทา’’ติฯ
‘‘Sace, ānanda, mahāpajāpatī gotamī ime aṭṭha garudhamme paṭiggaṇhāti, sāvassā hotu upasampadā’’ti.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต สนฺติเก อิเม อฎฺฐ ครุธเมฺม อุคฺคเหตฺวา เยน มหาปชาปตี โคตมี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหาปชาปติํ โคตมิํ เอตทโวจ –
Atha kho āyasmā ānando bhagavato santike ime aṭṭha garudhamme uggahetvā yena mahāpajāpatī gotamī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā mahāpajāpatiṃ gotamiṃ etadavoca –
‘‘สเจ โข ตฺวํ, โคตมิ, อฎฺฐ ครุธเมฺม ปฎิคฺคเณฺหยฺยาสิ, สาว เต ภวิสฺสติ อุปสมฺปทา –
‘‘Sace kho tvaṃ, gotami, aṭṭha garudhamme paṭiggaṇheyyāsi, sāva te bhavissati upasampadā –
‘‘วสฺสสตูปสมฺปนฺนาย ภิกฺขุนิยา ตทหูปสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กตฺตพฺพํฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโย…เป.…ฯ
‘‘Vassasatūpasampannāya bhikkhuniyā tadahūpasampannassa bhikkhuno abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikammaṃ kattabbaṃ. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo…pe….
‘‘อชฺชตเคฺค โอวโฎ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขูสุ วจนปโถ, อโนวโฎ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีสุ วจนปโถฯ อยมฺปิ ธโมฺม สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา ยาวชีวํ อนติกฺกมนีโยฯ สเจ โข ตฺวํ, โคตมิ, อิเม อฎฺฐ ครุธเมฺม ปฎิคฺคเณฺหยฺยาสิ, สาว เต ภวิสฺสติ อุปสมฺปทา’’ติฯ
‘‘Ajjatagge ovaṭo bhikkhunīnaṃ bhikkhūsu vacanapatho, anovaṭo bhikkhūnaṃ bhikkhunīsu vacanapatho. Ayampi dhammo sakkatvā garuṃ katvā mānetvā pūjetvā yāvajīvaṃ anatikkamanīyo. Sace kho tvaṃ, gotami, ime aṭṭha garudhamme paṭiggaṇheyyāsi, sāva te bhavissati upasampadā’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ , ภเนฺต อานนฺท, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก 9 สีสํนฺหาโต 10 อุปฺปลมาลํ วา วสฺสิกมาลํ วา อธิมุตฺตกมาลํ 11 วา ลภิตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ ปฎิคฺคเหตฺวา อุตฺตมเงฺค สิรสฺมิํ ปติฎฺฐาเปยฺย; เอวเมวํ โข อหํ, ภเนฺต อานนฺท, อิเม อฎฺฐ ครุธเมฺม ปฎิคฺคณฺหามิ ยาวชีวํ อนติกฺกมนีเย’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi , bhante ānanda, itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko 12 sīsaṃnhāto 13 uppalamālaṃ vā vassikamālaṃ vā adhimuttakamālaṃ 14 vā labhitvā ubhohi hatthehi paṭiggahetvā uttamaṅge sirasmiṃ patiṭṭhāpeyya; evamevaṃ kho ahaṃ, bhante ānanda, ime aṭṭha garudhamme paṭiggaṇhāmi yāvajīvaṃ anatikkamanīye’’ti.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฎิคฺคหิตา, ภเนฺต, มหาปชาปติยา โคตมิยา อฎฺฐ ครุธมฺมา ยาวชีวํ อนติกฺกมนียา’’ติฯ
Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘paṭiggahitā, bhante, mahāpajāpatiyā gotamiyā aṭṭha garudhammā yāvajīvaṃ anatikkamanīyā’’ti.
‘‘สเจ, อานนฺท, นาลภิสฺส มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ, จิรฎฺฐิติกํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ อภวิสฺส, วสฺสสหสฺสเมว สทฺธโมฺม ติเฎฺฐยฺยฯ ยโต จ โข, อานนฺท, มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ทานิ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ จิรฎฺฐิติกํ ภวิสฺสติฯ ปเญฺจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธโมฺม ฐสฺสติฯ
‘‘Sace, ānanda, nālabhissa mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajjaṃ, ciraṭṭhitikaṃ, ānanda, brahmacariyaṃ abhavissa, vassasahassameva saddhammo tiṭṭheyya. Yato ca kho, ānanda, mātugāmo tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajito, na dāni, ānanda, brahmacariyaṃ ciraṭṭhitikaṃ bhavissati. Pañceva dāni, ānanda, vassasatāni saddhammo ṭhassati.
‘‘เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ยานิ กานิจิ กุลานิ พหุตฺถิกานิ 15 อปฺปปุริสกานิ, ตานิ สุปฺปธํสิยานิ โหนฺติ โจเรหิ กุมฺภเตฺถนเกหิ; เอวเมวํ โข, อานนฺท, ยสฺมิํ ธมฺมวินเย ลภติ มาตุคาโม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ, น ตํ พฺรหฺมจริยํ จิรฎฺฐิติกํ โหติฯ
‘‘Seyyathāpi, ānanda, yāni kānici kulāni bahutthikāni 16 appapurisakāni, tāni suppadhaṃsiyāni honti corehi kumbhatthenakehi; evamevaṃ kho, ānanda, yasmiṃ dhammavinaye labhati mātugāmo agārasmā anagāriyaṃ pabbajjaṃ, na taṃ brahmacariyaṃ ciraṭṭhitikaṃ hoti.
‘‘เสยฺยถาปิ , อานนฺท, สมฺปเนฺน สาลิเกฺขเตฺต เสตฎฺฐิกา นาม โรคชาติ นิปตติ, เอวํ ตํ สาลิเกฺขตฺตํ น จิรฎฺฐิติกํ โหติ; เอวเมวํ โข, อานนฺท, ยสฺมิํ ธมฺมวินเย ลภติ มาตุคาโม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ, น ตํ พฺรหฺมจริยํ จิรฎฺฐิติกํ โหติฯ
‘‘Seyyathāpi , ānanda, sampanne sālikkhette setaṭṭhikā nāma rogajāti nipatati, evaṃ taṃ sālikkhettaṃ na ciraṭṭhitikaṃ hoti; evamevaṃ kho, ānanda, yasmiṃ dhammavinaye labhati mātugāmo agārasmā anagāriyaṃ pabbajjaṃ, na taṃ brahmacariyaṃ ciraṭṭhitikaṃ hoti.
‘‘เสยฺยถาปิ , อานนฺท, สมฺปเนฺน อุจฺฉุเกฺขเตฺต มญฺชิฎฺฐิกา 17 นาม โรคชาติ นิปตติ, เอวํ ตํ อุจฺฉุเกฺขตฺตํ น จิรฎฺฐิติกํ โหติ; เอวเมวํ โข, อานนฺท, ยสฺมิํ ธมฺมวินเย ลภติ มาตุคาโม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ, น ตํ พฺรหฺมจริยํ จิรฎฺฐิติกํ โหติฯ
‘‘Seyyathāpi , ānanda, sampanne ucchukkhette mañjiṭṭhikā 18 nāma rogajāti nipatati, evaṃ taṃ ucchukkhettaṃ na ciraṭṭhitikaṃ hoti; evamevaṃ kho, ānanda, yasmiṃ dhammavinaye labhati mātugāmo agārasmā anagāriyaṃ pabbajjaṃ, na taṃ brahmacariyaṃ ciraṭṭhitikaṃ hoti.
‘‘เสยฺยถาปิ , อานนฺท, ปุริโส มหโต ตฬากสฺส ปฎิกเจฺจว 19 อาฬิํ พเนฺธยฺย ยาวเทว อุทกสฺส อนติกฺกมนาย; เอวเมวํ โข, อานนฺท, มยา ปฎิกเจฺจว ภิกฺขุนีนํ อฎฺฐ ครุธมฺมา ปญฺญตฺตา ยาวชีวํ อนติกฺกมนียา’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Seyyathāpi , ānanda, puriso mahato taḷākassa paṭikacceva 20 āḷiṃ bandheyya yāvadeva udakassa anatikkamanāya; evamevaṃ kho, ānanda, mayā paṭikacceva bhikkhunīnaṃ aṭṭha garudhammā paññattā yāvajīvaṃ anatikkamanīyā’’ti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. โคตมีสุตฺตวณฺณนา • 1. Gotamīsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๓. โคตมีสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-3. Gotamīsuttādivaṇṇanā