Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๒. โคตมิวตฺถทานปโญฺห
2. Gotamivatthadānapañho
๒. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา มาตุจฺฉาย มหาปชาปติยา โคตมิยา วสฺสิกสาฎิกาย ทียมานาย ‘สเงฺฆ โคตมิ เทหิ, สเงฺฆ เต ทิเนฺน อหเญฺจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สโงฺฆ จา’ติฯ กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต สงฺฆรตนโต น ภาริโก น ครุโก น ทกฺขิเณโยฺย, ยํ ตถาคโต สกาย มาตุจฺฉาย สยํ ปิญฺชิตํ 1 สยํ ลุญฺจิตํ สยํ โปถิตํ สยํ กนฺติตํ สยํ วายิตํ วสฺสิกสาฎิกํ อตฺตโน ทียมานํ สงฺฆสฺส ทาเปสิฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต สงฺฆรตนโต อุตฺตโร ภเวยฺย อธิโก วา วิสิโฎฺฐ วา, ‘มยิ ทิเนฺน มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’ติ น ตถาคโต มาตุจฺฉาย สยํ ปิญฺชิตํ สยํ ลุญฺจิตํ สยํ โปถิตํ วสฺสิกสาฎิกํ สเงฺฆ ทาเปยฺย, ยสฺมา จ โข ภเนฺต นาคเสน ตถาคโต อตฺตานํ น ปตฺถยติ 2 น อุปนิสฺสยติ, ตสฺมา ตถาคโต มาตุจฺฉาย ตํ วสฺสิกสาฎิกํ สงฺฆสฺส ทาเปสี’’ติฯ
2. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā mātucchāya mahāpajāpatiyā gotamiyā vassikasāṭikāya dīyamānāya ‘saṅghe gotami dehi, saṅghe te dinne ahañceva pūjito bhavissāmi saṅgho cā’ti. Kiṃ nu kho, bhante nāgasena, tathāgato saṅgharatanato na bhāriko na garuko na dakkhiṇeyyo, yaṃ tathāgato sakāya mātucchāya sayaṃ piñjitaṃ 3 sayaṃ luñcitaṃ sayaṃ pothitaṃ sayaṃ kantitaṃ sayaṃ vāyitaṃ vassikasāṭikaṃ attano dīyamānaṃ saṅghassa dāpesi. Yadi, bhante nāgasena, tathāgato saṅgharatanato uttaro bhaveyya adhiko vā visiṭṭho vā, ‘mayi dinne mahapphalaṃ bhavissatī’ti na tathāgato mātucchāya sayaṃ piñjitaṃ sayaṃ luñcitaṃ sayaṃ pothitaṃ vassikasāṭikaṃ saṅghe dāpeyya, yasmā ca kho bhante nāgasena tathāgato attānaṃ na patthayati 4 na upanissayati, tasmā tathāgato mātucchāya taṃ vassikasāṭikaṃ saṅghassa dāpesī’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา มาตุจฺฉาย มหาปชาปติยา โคตมิยา วสฺสิกสาฎิกาย ทียมานาย ‘สเงฺฆ โคตมิ เทหิ, สเงฺฆ เต ทิเนฺน อหเญฺจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สโงฺฆ จา’ติฯ ตํ ปน น อตฺตโน ปติมานนสฺส อวิปากตาย น อทกฺขิเณยฺยตาย, อปิ จ โข, มหาราช, หิตตฺถาย อนุกมฺปาย อนาคตมทฺธานํ สโงฺฆ มมจฺจเยน จิตฺตีกโต ภวิสฺสตีติ วิชฺชมาเน เยว คุเณ ปริกิตฺตยโนฺต เอวมาห ‘สเงฺฆ โคตมิ เทหิ, สเงฺฆ เต ทิเนฺน อหเญฺจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สโงฺฆ จา’ติฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā mātucchāya mahāpajāpatiyā gotamiyā vassikasāṭikāya dīyamānāya ‘saṅghe gotami dehi, saṅghe te dinne ahañceva pūjito bhavissāmi saṅgho cā’ti. Taṃ pana na attano patimānanassa avipākatāya na adakkhiṇeyyatāya, api ca kho, mahārāja, hitatthāya anukampāya anāgatamaddhānaṃ saṅgho mamaccayena cittīkato bhavissatīti vijjamāne yeva guṇe parikittayanto evamāha ‘saṅghe gotami dehi, saṅghe te dinne ahañceva pūjito bhavissāmi saṅgho cā’ti.
‘‘ยถา, มหาราช, ปิตา ธรมาโน เยว อมจฺจภฎพลโทวาริกอนีกฎฺฐปาริสชฺชชนมเชฺฌ รโญฺญ สนฺติเก ปุตฺตสฺส วิชฺชมานํ เยว คุณํ ปกิเตฺตติ 5 ‘อิธ ฐปิโต อนาคตมทฺธานํ ชนมเชฺฌ ปูชิโต ภวิสฺสตี’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต หิตตฺถาย อนุกมฺปาย อนาคตมทฺธานํ สโงฺฆ มมจฺจเยน จิตฺตีกโต ภวิสฺสตีติ วิชฺชมาเน เยว คุเณ ปกิตฺตยโนฺต เอวมาห ‘สเงฺฆ โคตมิ เทหิ, สเงฺฆ เต ทิเนฺน อหเญฺจว ปุชิโต ภวิสฺสามิ สโงฺฆ จา’ติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, pitā dharamāno yeva amaccabhaṭabaladovārikaanīkaṭṭhapārisajjajanamajjhe rañño santike puttassa vijjamānaṃ yeva guṇaṃ pakitteti 6 ‘idha ṭhapito anāgatamaddhānaṃ janamajjhe pūjito bhavissatī’ti. Evameva kho, mahārāja, tathāgato hitatthāya anukampāya anāgatamaddhānaṃ saṅgho mamaccayena cittīkato bhavissatīti vijjamāne yeva guṇe pakittayanto evamāha ‘saṅghe gotami dehi, saṅghe te dinne ahañceva pujito bhavissāmi saṅgho cā’ti.
‘‘น โข, มหาราช, ตาวตเกน วสฺสิกสาฎิกานุปฺปทานมตฺตเกน สโงฺฆ ตถาคตโต อธิโก นาม โหติ วิสิโฎฺฐ วาฯ ยถา, มหาราช, มาตาปิตโร ปุตฺตานํ อุจฺฉาเทนฺติ ปริมทฺทนฺติ นหาเปนฺติ สมฺพาเหนฺติ, อปิ นุ โข, มหาราช, ตาวตเกน อุจฺฉาทนปริมทฺทนนหาปนสมฺพาหนมตฺตเกน ‘ปุโตฺต มาตาปิตูหิ อธิโก นาม โหติ วิสิโฎฺฐ วา’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, อกามกรณียา ภเนฺต ปุตฺตา มาตาปิตูนํ, ตสฺมา มาตาปิตโร ปุตฺตานํ อุจฺฉาทนปริมทฺทนนหาปนสมฺพาหนํ กโรนฺตี’’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, น ตาวตเกน วสฺสิกสาฎิกานุปฺปทานมตฺตเกน สโงฺฆ ตถาคตโต อธิโก นาม โหติ วิสิโฎฺฐ วาติฯ อปิ จ ตถาคโต อกามกรณียํ กโรโนฺต มาตุจฺฉาย ตํ วสฺสิกสาฎิกํ สงฺฆสฺส ทาเปสิฯ
‘‘Na kho, mahārāja, tāvatakena vassikasāṭikānuppadānamattakena saṅgho tathāgatato adhiko nāma hoti visiṭṭho vā. Yathā, mahārāja, mātāpitaro puttānaṃ ucchādenti parimaddanti nahāpenti sambāhenti, api nu kho, mahārāja, tāvatakena ucchādanaparimaddananahāpanasambāhanamattakena ‘putto mātāpitūhi adhiko nāma hoti visiṭṭho vā’ti? ‘‘Na hi, bhante, akāmakaraṇīyā bhante puttā mātāpitūnaṃ, tasmā mātāpitaro puttānaṃ ucchādanaparimaddananahāpanasambāhanaṃ karontī’’ti. Evameva kho, mahārāja, na tāvatakena vassikasāṭikānuppadānamattakena saṅgho tathāgatato adhiko nāma hoti visiṭṭho vāti. Api ca tathāgato akāmakaraṇīyaṃ karonto mātucchāya taṃ vassikasāṭikaṃ saṅghassa dāpesi.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส รโญฺญ อุปายนํ อาหเรยฺย, ตํ ราชา อุปายนํ อญฺญตรสฺส ภฎสฺส วา พลสฺส วา เสนาปติสฺส วา ปุโรหิตสฺส วา ทเทยฺยฯ อปิ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส ตาวตเกน อุปายนปฎิลาภมตฺตเกน รญฺญา อธิโก นาม โหติ วิสิโฎฺฐ วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ราชภตฺติโก, ภเนฺต, โส ปุริโส ราชูปชีวี, ตฎฺฐาเน ฐเปโนฺต ราชา อุปายนํ เทตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, น ตาวตเกน วสฺสิกสาฎิกานุปฺปทานมตฺตเกน สโงฺฆ ตถาคตโต อธิโก นาม โหติ วิสิโฎฺฐ วา, อถ โข ตถาคตภตฺติโก ตถาคตูปชีวีฯ ตฎฺฐาเน ฐเปโนฺต ตถาคโต สงฺฆสฺส วสฺสิกสาฎิกํ ทาเปสิฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, kocideva puriso rañño upāyanaṃ āhareyya, taṃ rājā upāyanaṃ aññatarassa bhaṭassa vā balassa vā senāpatissa vā purohitassa vā dadeyya. Api nu kho so, mahārāja, puriso tāvatakena upāyanapaṭilābhamattakena raññā adhiko nāma hoti visiṭṭho vā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, rājabhattiko, bhante, so puriso rājūpajīvī, taṭṭhāne ṭhapento rājā upāyanaṃ detī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, na tāvatakena vassikasāṭikānuppadānamattakena saṅgho tathāgatato adhiko nāma hoti visiṭṭho vā, atha kho tathāgatabhattiko tathāgatūpajīvī. Taṭṭhāne ṭhapento tathāgato saṅghassa vassikasāṭikaṃ dāpesi.
‘‘อปิ จ, มหาราช, ตถาคตสฺส เอวํ อโหสิ ‘สภาวปฎิปูชนีโย สโงฺฆ, มม สนฺตเกน สงฺฆํ ปฎิปูเชสฺสามี’ติ สงฺฆสฺส วสฺสิกสาฎิกํ ทาเปสิ, น, มหาราช, ตถาคโต อตฺตโน เยว ปฎิปูชนํ วเณฺณติ, อถ โข เย โลเก ปฎิปูชนารหา, เตสมฺปิ ตถาคโต ปฎิปูชนํ วเณฺณติฯ
‘‘Api ca, mahārāja, tathāgatassa evaṃ ahosi ‘sabhāvapaṭipūjanīyo saṅgho, mama santakena saṅghaṃ paṭipūjessāmī’ti saṅghassa vassikasāṭikaṃ dāpesi, na, mahārāja, tathāgato attano yeva paṭipūjanaṃ vaṇṇeti, atha kho ye loke paṭipūjanārahā, tesampi tathāgato paṭipūjanaṃ vaṇṇeti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน มชฺฌิมนิกายวรลญฺฉเก ธมฺมทายาทธมฺมปริยาเย อปฺปิจฺฉปฺปฎิปตฺติํ ปกิตฺตยมาเนน ‘อสุ เยว เม ปุริโม ภิกฺขุ ปุชฺชตโร จ ปาสํสตโร จา’ติฯ ‘‘นตฺถิ, มหาราช, ภเวสุ โกจิ สโตฺต ตถาคตโต ทกฺขิเณโยฺย วา อุตฺตโร วา อธิโก วา วิสิโฎฺฐ วา, ตถาคโตว อุตฺตโร อธิโก วิสิโฎฺฐฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena majjhimanikāyavaralañchake dhammadāyādadhammapariyāye appicchappaṭipattiṃ pakittayamānena ‘asu yeva me purimo bhikkhu pujjataro ca pāsaṃsataro cā’ti. ‘‘Natthi, mahārāja, bhavesu koci satto tathāgatato dakkhiṇeyyo vā uttaro vā adhiko vā visiṭṭho vā, tathāgatova uttaro adhiko visiṭṭho.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, สํยุตฺตนิกายวเร มาณวคามิเกน เทวปุเตฺตน ภควโต ปุรโต ฐตฺวา เทวมนุสฺสมเชฺฌ –
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, saṃyuttanikāyavare māṇavagāmikena devaputtena bhagavato purato ṭhatvā devamanussamajjhe –
เสโต หิมวตํ เสโฎฺฐ, อาทิโจฺจ อฆคามินํฯ
Seto himavataṃ seṭṭho, ādicco aghagāminaṃ.
‘‘‘สมุโทฺท อุทธินํ เสโฎฺฐ, นกฺขตฺตานญฺจ จนฺทิมา;
‘‘‘Samuddo udadhinaṃ seṭṭho, nakkhattānañca candimā;
สเทวกสฺส โลกสฺส, พุโทฺธ อโคฺค ปวุจฺจตี’ติฯ
Sadevakassa lokassa, buddho aggo pavuccatī’ti.
‘‘ตา โข ปเนตา, มหาราช, มาณวคามิเกน เทวปุเตฺตน คาถา สุคีตา น ทุคฺคีตา, สุภาสิตา น ทุพฺภาสิตา, อนุมตา จ ภควตา, นนุ, มหาราช, เถเรนปิ สาริปุเตฺตน ธมฺมเสนาปตินา ภณิตํ –
‘‘Tā kho panetā, mahārāja, māṇavagāmikena devaputtena gāthā sugītā na duggītā, subhāsitā na dubbhāsitā, anumatā ca bhagavatā, nanu, mahārāja, therenapi sāriputtena dhammasenāpatinā bhaṇitaṃ –
‘‘‘เอโก มโนปสาโท; สรณคมนมญฺชลิปณาโม วา;
‘‘‘Eko manopasādo; Saraṇagamanamañjalipaṇāmo vā;
อุสฺสหเต ตารยิตุํ, มารพลนิสูทเน พุเทฺธ’ติฯ
Ussahate tārayituṃ, mārabalanisūdane buddhe’ti.
‘‘ภควตา จ ภณิตํ เทวาติเทเวน ‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… เทวมนุสฺสาน’’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Bhagavatā ca bhaṇitaṃ devātidevena ‘ekapuggalo, bhikkhave, loke uppajjamāno uppajjati bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Katamo ekapuggalo? Tathāgato arahaṃ sammāsambuddho…pe… devamanussāna’’’nti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
โคตมิวตฺถทานปโญฺห ทุติโยฯ
Gotamivatthadānapañho dutiyo.
Footnotes: