Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๒. คุหฎฺฐกสุตฺตวณฺณนา
2. Guhaṭṭhakasuttavaṇṇanā
๗๗๙. สโตฺต คุหายนฺติ คุหฎฺฐกสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต อายสฺมา ปิโณฺฑลภารทฺวาโช โกสมฺพิยํ คํงฺคาตีเร อาวฎฺฎกํ นาม อุเตนสฺส อุยฺยานํ, ตตฺถ อคมาสิ สีตเล ปเทเส ทิวาวิหารํ นิสีทิตุกาโมฯ อญฺญทาปิ จายํ คจฺฉเตว ตตฺถ ปุพฺพาเสวเนน ยถา ควมฺปติเตฺถโร ตาวติํสภวนนฺติ วุตฺตนยเมตํ วงฺคีสสุตฺตวณฺณนายํฯ โส ตตฺถ คงฺคาตีเร สีตเล รุกฺขมูเล สมาปตฺติํ อเปฺปตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ ราชาปิ โข อุเตโน ตํ ทิวสํเยว อุยฺยานกีฬิกํ คนฺตฺวา พหุเทว ทิวสภาคํ นจฺจคีตาทีหิ อุยฺยาเน กีฬิตฺวา ปานมทมโตฺต เอกิสฺสา อิตฺถิยา อเงฺก สีสํ กตฺวา สยิฯ เสสิตฺถิโย ‘‘สุโตฺต ราชา’’ติ อุฎฺฐหิตฺวา อุยฺยาเน ปุปฺผผลาทีนิ คณฺหนฺติโย เถรํ ทิสฺวา หิโรตฺตปฺปํ อุปฎฺฐาเปตฺวา ‘‘มา สทฺทํ อกตฺถา’’ติ อญฺญมญฺญํ นิวาเรตฺวา อปฺปสทฺทา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เถรํ สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทิํสุฯ เถโร สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย ตาสํ ธมฺมํ เทเสสิ, ตา ตุฎฺฐา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ วตฺวา สุณนฺติฯ
779.Sattoguhāyanti guhaṭṭhakasuttaṃ. Kā uppatti? Bhagavati kira sāvatthiyaṃ viharante āyasmā piṇḍolabhāradvājo kosambiyaṃ gaṃṅgātīre āvaṭṭakaṃ nāma utenassa uyyānaṃ, tattha agamāsi sītale padese divāvihāraṃ nisīditukāmo. Aññadāpi cāyaṃ gacchateva tattha pubbāsevanena yathā gavampatitthero tāvatiṃsabhavananti vuttanayametaṃ vaṅgīsasuttavaṇṇanāyaṃ. So tattha gaṅgātīre sītale rukkhamūle samāpattiṃ appetvā divāvihāraṃ nisīdi. Rājāpi kho uteno taṃ divasaṃyeva uyyānakīḷikaṃ gantvā bahudeva divasabhāgaṃ naccagītādīhi uyyāne kīḷitvā pānamadamatto ekissā itthiyā aṅke sīsaṃ katvā sayi. Sesitthiyo ‘‘sutto rājā’’ti uṭṭhahitvā uyyāne pupphaphalādīni gaṇhantiyo theraṃ disvā hirottappaṃ upaṭṭhāpetvā ‘‘mā saddaṃ akatthā’’ti aññamaññaṃ nivāretvā appasaddā upasaṅkamitvā vanditvā theraṃ samparivāretvā nisīdiṃsu. Thero samāpattito vuṭṭhāya tāsaṃ dhammaṃ desesi, tā tuṭṭhā ‘‘sādhu sādhū’’ti vatvā suṇanti.
รโญฺญ สีสํ อเงฺกนาทาย นิสินฺนิตฺถี ‘‘อิมา มํ โอหาย กีฬนฺตี’’ติ ตาสุ อิสฺสาปกตา อูรุํ จาเลตฺวา ราชานํ ปโพเธสิฯ ราชา ปฎิพุชฺฌิตฺวา อิตฺถาคารํ อปสฺสโนฺต ‘‘กุหิํ อิมา วสลิโย’’ติ อาหฯ สา อาห – ‘‘ตุเมฺหสุ อพหุกตา ‘สมณํ รมยิสฺสามา’ติ คตา’’ติฯ โส กุโทฺธ เถราภิมุโข อคมาสิฯ ตา อิตฺถิโย ราชานํ ทิสฺวา เอกจฺจา อุฎฺฐหิํสุ, เอกจฺจา ‘‘มหาราช, ปพฺพชิตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุณามา’’ติ น อุฎฺฐหิํสุฯ โส เตน ภิโยฺยโสมตฺตาย กุโทฺธ เถรํ อวนฺทิตฺวาว ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ อาหฯ ‘‘วิเวกตฺถํ มหาราชา’’ติฯ โส ‘‘วิเวกตฺถาย อาคตา เอวํ อิตฺถาคารปริวุตา นิสีทนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘ตว วิเวกํ กเถหี’’ติ อาหฯ เถโร วิสารโทปิ วิเวกกถาย ‘‘นายํ อญฺญาตุกาโม ปุจฺฉตี’’ติ ตุณฺหี อโหสิฯ ราชา ‘‘สเจ น กเถสิ, ตมฺพกิปิลฺลิเกหิ ตํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ อญฺญตรสฺมิํ อโสกรุเกฺข ตมฺพกิปิลฺลิกปุฎํ คณฺหโนฺต อตฺตโนว อุปริ วิกิริฯ โส สรีรํ ปุญฺฉิตฺวา อญฺญํ ปุฎํ คเหตฺวา เถราภิมุโข อคมาสิฯ เถโร ‘‘สจายํ ราชา มยิ อปรเชฺฌยฺย , อปายาภิมุโข ภเวยฺยา’’ติ ตํ อนุกมฺปมาโน อิทฺธิยา อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา คโตฯ
Rañño sīsaṃ aṅkenādāya nisinnitthī ‘‘imā maṃ ohāya kīḷantī’’ti tāsu issāpakatā ūruṃ cāletvā rājānaṃ pabodhesi. Rājā paṭibujjhitvā itthāgāraṃ apassanto ‘‘kuhiṃ imā vasaliyo’’ti āha. Sā āha – ‘‘tumhesu abahukatā ‘samaṇaṃ ramayissāmā’ti gatā’’ti. So kuddho therābhimukho agamāsi. Tā itthiyo rājānaṃ disvā ekaccā uṭṭhahiṃsu, ekaccā ‘‘mahārāja, pabbajitassa santike dhammaṃ suṇāmā’’ti na uṭṭhahiṃsu. So tena bhiyyosomattāya kuddho theraṃ avanditvāva ‘‘kimatthaṃ āgatosī’’ti āha. ‘‘Vivekatthaṃ mahārājā’’ti. So ‘‘vivekatthāya āgatā evaṃ itthāgāraparivutā nisīdantī’’ti vatvā ‘‘tava vivekaṃ kathehī’’ti āha. Thero visāradopi vivekakathāya ‘‘nāyaṃ aññātukāmo pucchatī’’ti tuṇhī ahosi. Rājā ‘‘sace na kathesi, tambakipillikehi taṃ khādāpessāmī’’ti aññatarasmiṃ asokarukkhe tambakipillikapuṭaṃ gaṇhanto attanova upari vikiri. So sarīraṃ puñchitvā aññaṃ puṭaṃ gahetvā therābhimukho agamāsi. Thero ‘‘sacāyaṃ rājā mayi aparajjheyya , apāyābhimukho bhaveyyā’’ti taṃ anukampamāno iddhiyā ākāsaṃ abbhuggantvā gato.
ตโต อิตฺถิโย อาหํสุ – ‘‘มหาราช, อเญฺญ ราชาโน อีทิสํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูเชนฺติ, ตฺวํ ตมฺพกิปิลฺลิกปุเฎน อาสาเทตุํ อารโทฺธ อโหสิ, กุลวํสํ นาเสตุํ อุฎฺฐิโต’’ติฯ โส อตฺตโน โทสํ ญตฺวา ตุณฺหี หุตฺวา อุยฺยานปาลํ ปุจฺฉิ – ‘‘อญฺญมฺปิ ทิวสํ เถโร อิธาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ เตน หิ ยทา อาคจฺฉติ, ตทา เม อาโรเจยฺยาสีติฯ โส เอกทิวสํ เถเร อาคเต อาโรเจสิฯ ราชาปิ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ปาเณหิ สรณํ คโต อโหสิฯ ตมฺพกิปิลฺลิกปุเฎน อาสาทิตทิวเส ปน เถโร อากาเสนาคนฺตฺวา ปุน ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ภควโต คนฺธกุฎิยํ อุมฺมุชฺชิฯ ภควาปิ โข ทกฺขิเณน ปเสฺสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ กปฺปยมาโน เถรํ ทิสฺวา ‘‘กิํ, ภารทฺวาช, อกาเล อาคโตสี’’ติ อาหฯ เถโร ‘‘อาม ภควา’’ติ วตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘กิํ กริสฺสติ ตสฺส วิเวกกถา กามคุณคิทฺธสฺสา’’ติ วตฺวา ทกฺขิเณน ปเสฺสน นิปโนฺน เอว เถรสฺส ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิฯ
Tato itthiyo āhaṃsu – ‘‘mahārāja, aññe rājāno īdisaṃ pabbajitaṃ disvā pupphagandhādīhi pūjenti, tvaṃ tambakipillikapuṭena āsādetuṃ āraddho ahosi, kulavaṃsaṃ nāsetuṃ uṭṭhito’’ti. So attano dosaṃ ñatvā tuṇhī hutvā uyyānapālaṃ pucchi – ‘‘aññampi divasaṃ thero idhāgacchatī’’ti? ‘‘Āma, mahārājā’’ti. Tena hi yadā āgacchati, tadā me āroceyyāsīti. So ekadivasaṃ there āgate ārocesi. Rājāpi theraṃ upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchitvā pāṇehi saraṇaṃ gato ahosi. Tambakipillikapuṭena āsāditadivase pana thero ākāsenāgantvā puna pathaviyaṃ nimujjitvā bhagavato gandhakuṭiyaṃ ummujji. Bhagavāpi kho dakkhiṇena passena sato sampajāno sīhaseyyaṃ kappayamāno theraṃ disvā ‘‘kiṃ, bhāradvāja, akāle āgatosī’’ti āha. Thero ‘‘āma bhagavā’’ti vatvā sabbaṃ taṃ pavattiṃ ārocesi. Taṃ sutvā bhagavā ‘‘kiṃ karissati tassa vivekakathā kāmaguṇagiddhassā’’ti vatvā dakkhiṇena passena nipanno eva therassa dhammadesanatthaṃ imaṃ suttamabhāsi.
ตตฺถ สโตฺตติ ลโคฺคฯ คุหายนฺติ กาเยฯ กาโย หิ ราคาทีนํ วาฬานํ วสโนกาสโต ‘‘คุหา’’ติ วุจฺจติฯ พหุนาภิฉโนฺนติ พหุนา ราคาทิกิเลสชาเลน อภิจฺฉโนฺนฯ เอเตน อชฺฌตฺตพนฺธนํ วุตฺตํฯ ติฎฺฐนฺติ ราคาทิวเสน ติฎฺฐโนฺตฯ นโรติ สโตฺตฯ โมหนสฺมิํ ปคาโฬฺหติ โมหนํ วุจฺจติ กามคุณาฯ เอตฺถ หิ เทวมนุสฺสา มุยฺหนฺติ, เตสุ อโชฺฌคาโฬฺห หุตฺวา ฯ เอเตน พหิทฺธาพนฺธนํ วุตฺตํฯ ทูเร วิเวกา หิ ตถาวิโธ โสติ โส ตถารูโป นโร ติวิธาปิ กายวิเวกาทิกา วิเวกา ทูเร อนาสเนฺนฯ กิํการณา? กามา หิ โลเก น หิ สุปฺปหายา, ยสฺมา โลเก กามา สุปฺปหายา น โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Tattha sattoti laggo. Guhāyanti kāye. Kāyo hi rāgādīnaṃ vāḷānaṃ vasanokāsato ‘‘guhā’’ti vuccati. Bahunābhichannoti bahunā rāgādikilesajālena abhicchanno. Etena ajjhattabandhanaṃ vuttaṃ. Tiṭṭhanti rāgādivasena tiṭṭhanto. Naroti satto. Mohanasmiṃ pagāḷhoti mohanaṃ vuccati kāmaguṇā. Ettha hi devamanussā muyhanti, tesu ajjhogāḷho hutvā . Etena bahiddhābandhanaṃ vuttaṃ. Dūre vivekā hi tathāvidho soti so tathārūpo naro tividhāpi kāyavivekādikā vivekā dūre anāsanne. Kiṃkāraṇā? Kāmā hi loke na hi suppahāyā, yasmā loke kāmā suppahāyā na hontīti vuttaṃ hoti.
๗๘๐. เอวํ ปฐมคาถาย ‘‘ทูเร วิเวกา ตถาวิโธ’’ติ สาเธตฺวา ปุน ตถาวิธานํ สตฺตานํ ธมฺมตํ อาวิกโรโนฺต ‘‘อิจฺฉานิทานา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ อิจฺฉานิทานาติ ตณฺหาเหตุกาฯ ภวสาตพทฺธาติ สุขเวทนาทิมฺหิ ภวสาเต พทฺธาฯ เต ทุปฺปมุญฺจาติ เต ภวสาตวตฺถุภูตา ธมฺมา, เต วา ตตฺถ พทฺธา อิจฺฉานิทานา สตฺตา ทุปฺปโมจยาฯ น หิ อญฺญโมกฺขาติ อเญฺญน จ โมเจตุํ น สโกฺกนฺติฯ การณวจนํ วา เอตํ, เต สตฺตา ทุปฺปมุญฺจาฯ กสฺมา? ยสฺมา อเญฺญน โมเจตพฺพา น โหนฺติฯ ยทิ ปน มุเญฺจยฺยุํ, สเกน ถาเมน มุเญฺจยฺยุนฺติ อยมสฺส อโตฺถฯ ปจฺฉา ปุเร วาปิ อเปกฺขมานาติ อนาคเต อตีเต วา กาเม อเปกฺขมานาฯ อิเมว กาเม ปุริเมว ชปฺปนฺติ อิเม วา ปจฺจุปฺปเนฺน กาเม ปุริเม วา ทุวิเธปิ อตีตานาคเต พลวตณฺหาย ปตฺถยมานาฯ อิเมสญฺจ ทฺวินฺนํ ปทานํ ‘‘เต ทุปฺปมุญฺจา น หิ อญฺญโมกฺขา’’ติ อิมินา สห สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ, อิตรถา ‘‘อเปกฺขมานา ชปฺปํ กิํ กโรนฺติ กิํ วา กตา’’ติ น ปญฺญาเยยฺยุํฯ
780. Evaṃ paṭhamagāthāya ‘‘dūre vivekā tathāvidho’’ti sādhetvā puna tathāvidhānaṃ sattānaṃ dhammataṃ āvikaronto ‘‘icchānidānā’’ti gāthamāha. Tattha icchānidānāti taṇhāhetukā. Bhavasātabaddhāti sukhavedanādimhi bhavasāte baddhā. Te duppamuñcāti te bhavasātavatthubhūtā dhammā, te vā tattha baddhā icchānidānā sattā duppamocayā. Na hi aññamokkhāti aññena ca mocetuṃ na sakkonti. Kāraṇavacanaṃ vā etaṃ, te sattā duppamuñcā. Kasmā? Yasmā aññena mocetabbā na honti. Yadi pana muñceyyuṃ, sakena thāmena muñceyyunti ayamassa attho. Pacchā pure vāpi apekkhamānāti anāgate atīte vā kāme apekkhamānā. Imeva kāme purimeva jappanti ime vā paccuppanne kāme purime vā duvidhepi atītānāgate balavataṇhāya patthayamānā. Imesañca dvinnaṃ padānaṃ ‘‘te duppamuñcā na hi aññamokkhā’’ti iminā saha sambandho veditabbo, itarathā ‘‘apekkhamānā jappaṃ kiṃ karonti kiṃ vā katā’’ti na paññāyeyyuṃ.
๗๘๑-๒. เอวํ ปฐมคาถาย ‘‘ทูเร วิเวกา ตถาวิโธ’’ติ สาเธตฺวา ทุติยคาถาย จ ตถาวิธานํ สตฺตานํ ธมฺมตํ อาวิกตฺวา อิทานิ เนสํ ปาปกมฺมกรณํ อาวิกโรโนฺต ‘‘กาเมสุ คิทฺธา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – เต สตฺตา กาเมสุ ปริโภคตณฺหาย คิทฺธา ปริเยสนาทิมนุยุตฺตตฺตา ปสุตา สโมฺมหมาปนฺนตฺตา ปมูฬฺหา อวคมนตาย มจฺฉริตาย พุทฺธาทีนํ วจนํ อนาทิยนตาย จ อวทานิยาฯ กายวิสมาทิมฺหิ วิสเม นิวิฎฺฐา อนฺตกาเล มรณทุกฺขูปนีตา ‘‘กิํสู ภวิสฺสาม อิโต จุตาเส’’ติ ปริเทวยนฺตีติฯ ยสฺมา เอตเทว, ตสฺมา หิ สิเกฺขถ…เป.… มาหุ ธีราติฯ ตตฺถ สิเกฺขถาติ ติโสฺส สิกฺขา อาปเชฺชยฺยฯ อิเธวาติ อิมสฺมิํเยว สาสเนฯ เสสมุตฺตานเมวฯ
781-2. Evaṃ paṭhamagāthāya ‘‘dūre vivekā tathāvidho’’ti sādhetvā dutiyagāthāya ca tathāvidhānaṃ sattānaṃ dhammataṃ āvikatvā idāni nesaṃ pāpakammakaraṇaṃ āvikaronto ‘‘kāmesu giddhā’’ti gāthamāha. Tassattho – te sattā kāmesu paribhogataṇhāya giddhā pariyesanādimanuyuttattā pasutā sammohamāpannattā pamūḷhā avagamanatāya maccharitāya buddhādīnaṃ vacanaṃ anādiyanatāya ca avadāniyā. Kāyavisamādimhi visame niviṭṭhā antakāle maraṇadukkhūpanītā ‘‘kiṃsū bhavissāma ito cutāse’’ti paridevayantīti. Yasmā etadeva, tasmā hi sikkhetha…pe… māhu dhīrāti. Tattha sikkhethāti tisso sikkhā āpajjeyya. Idhevāti imasmiṃyeva sāsane. Sesamuttānameva.
๗๘๓. อิทานิ เย ตถา น กโรนฺติ, เตสํ พฺยสนปฺปตฺติํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปสฺสามี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ปสฺสามีติ มํสจกฺขุอาทีหิ เปกฺขามิฯ โลเกติ อปายาทิมฺหิฯ ปริผนฺทมานนฺติ อิโต จิโต จ ผนฺทมานํฯ ปชํ อิมนฺติ อิมํ สตฺตกายํฯ ตณฺหคตนฺติ ตณฺหาย คตํ อภิภูตํ, นิปาติตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ภเวสูติ กามภวาทีสุฯ หีนา นราติ หีนกมฺมนฺตา นราฯ มจฺจุมุเข ลปนฺตีติ อนฺตกาเล สมฺปเตฺต มรณมุเข ปริเทวนฺติฯ อวีตตณฺหาเสติ อวิคตตณฺหาฯ ภวาภเวสูติ กามภวาทีสุฯ อถ วา ภวาภเวสูติ ภวภเวสุ, ปุนปฺปุนภเวสูติ วุตฺตํ โหติฯ
783. Idāni ye tathā na karonti, tesaṃ byasanappattiṃ dassento ‘‘passāmī’’ti gāthamāha. Tattha passāmīti maṃsacakkhuādīhi pekkhāmi. Loketi apāyādimhi. Pariphandamānanti ito cito ca phandamānaṃ. Pajaṃ imanti imaṃ sattakāyaṃ. Taṇhagatanti taṇhāya gataṃ abhibhūtaṃ, nipātitanti adhippāyo. Bhavesūti kāmabhavādīsu. Hīnā narāti hīnakammantā narā. Maccumukhe lapantīti antakāle sampatte maraṇamukhe paridevanti. Avītataṇhāseti avigatataṇhā. Bhavābhavesūti kāmabhavādīsu. Atha vā bhavābhavesūti bhavabhavesu, punappunabhavesūti vuttaṃ hoti.
๗๘๔. อิทานิ ยสฺมา อวีตตณฺหา เอวํ ผนฺทนฺติ จ ลปนฺติ จ, ตสฺมา ตณฺหาวินเย สมาทเปโนฺต ‘‘มมายิเต’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ มมายิเตติ ตณฺหาทิฎฺฐิมมเตฺตหิ ‘‘มม’’นฺติ ปริคฺคหิเต วตฺถุสฺมิํฯ ปสฺสถาติ โสตาเร อาลปโนฺต อาหฯ เอตมฺปีติ เอตมฺปิ อาทีนวํฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
784. Idāni yasmā avītataṇhā evaṃ phandanti ca lapanti ca, tasmā taṇhāvinaye samādapento ‘‘mamāyite’’ti gāthamāha. Tattha mamāyiteti taṇhādiṭṭhimamattehi ‘‘mama’’nti pariggahite vatthusmiṃ. Passathāti sotāre ālapanto āha. Etampīti etampi ādīnavaṃ. Sesaṃ pākaṭameva.
๗๘๕. เอวเมตฺถ ปฐมคาถาย อสฺสาทํ, ตโต ปราหิ จตูหิ อาทีนวญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สอุปายํ นิสฺสรณํ นิสฺสรณานิสํสญฺจ ทเสฺสตุํ สพฺพาหิ วา เอตาหิ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุโภสุ อเนฺตสู’’ติ คาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ อุโภสุ อเนฺตสูติ ผสฺสผสฺสสมุทยาทีสุ ทฺวีสุ ปริเจฺฉเทสุฯ วิเนยฺย ฉนฺทนฺติ ฉนฺทราคํ วิเนตฺวาฯ ผสฺสํ ปริญฺญายาติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิผสฺสํ, ผสฺสานุสาเรน วา ตํสมฺปยุเตฺต สเพฺพปิ อรูปธเมฺม, เตสํ วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน รูปธเมฺม จาติ สกลมฺปิ นามรูปํ ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริชานิตฺวาฯ อนานุคิโทฺธติ รูปาทีสุ สพฺพธเมฺมสุ อคิโทฺธฯ ยทตฺตครหี ตทกุพฺพมาโนติ ยํ อตฺตนา ครหติ, ตํ อกุรุมาโนฯ นลิปฺปตี ทิฎฺฐสุเตสุ ธีโรติ โส เอวรูโป ธิติสมฺปโนฺน ธีโร ทิเฎฺฐสุ จ สุเตสุ จ ธเมฺมสุ ทฺวินฺนํ เลปานํ เอเกนปิ เลเปน น ลิปฺปติฯ อากาสมิว นิรุปลิโตฺต อจฺจนฺตโวทานปฺปโตฺต โหติฯ
785. Evamettha paṭhamagāthāya assādaṃ, tato parāhi catūhi ādīnavañca dassetvā idāni saupāyaṃ nissaraṇaṃ nissaraṇānisaṃsañca dassetuṃ sabbāhi vā etāhi kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesañca dassetvā idāni nekkhamme ānisaṃsaṃ dassetuṃ ‘‘ubhosu antesū’’ti gāthādvayamāha. Tattha ubhosu antesūti phassaphassasamudayādīsu dvīsu paricchedesu. Vineyya chandanti chandarāgaṃ vinetvā. Phassaṃ pariññāyāti cakkhusamphassādiphassaṃ, phassānusārena vā taṃsampayutte sabbepi arūpadhamme, tesaṃ vatthudvārārammaṇavasena rūpadhamme cāti sakalampi nāmarūpaṃ tīhi pariññāhi parijānitvā. Anānugiddhoti rūpādīsu sabbadhammesu agiddho. Yadattagarahī tadakubbamānoti yaṃ attanā garahati, taṃ akurumāno. Nalippatī diṭṭhasutesu dhīroti so evarūpo dhitisampanno dhīro diṭṭhesu ca sutesu ca dhammesu dvinnaṃ lepānaṃ ekenapi lepena na lippati. Ākāsamiva nirupalitto accantavodānappatto hoti.
๗๘๖. สญฺญํ ปริญฺญาติ คาถาย ปน อยํ สเงฺขปโตฺถ – น เกวลญฺจ ผสฺสเมว, อปิจ โข ปน กามสญฺญาทิเภทํ สญฺญมฺปิ, สญฺญานุสาเรน วา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว นามรูปํ ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริชานิตฺวา อิมาย ปฎิปทาย จตุพฺพิธมฺปิ วิตเรยฺย โอฆํ, ตโต โส ติโณฺณโฆ ตณฺหาทิฎฺฐิปริคฺคเหสุ ตณฺหาทิฎฺฐิเลปปฺปหาเนน โนปลิโตฺต ขีณาสวมุนิ ราคาทิสลฺลานํ อพฺพูฬฺหตฺตา อพฺพูฬฺหสโลฺล สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา อปฺปมโตฺต จรํ, ปุพฺพภาเค วา อปฺปมโตฺต จรํ เตน อปฺปมาทจาเรน อพฺพูฬฺหสโลฺล หุตฺวา สกปรตฺตภาวาทิเภทํ นาสีสตี โลกมิมํ ปรญฺจ, อญฺญทตฺถุ จริมจิตฺตนิโรธา นิรุปาทาโน ชาตเวโทว ปรินิพฺพาตีติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิ ธมฺมเนตฺติฎฺฐปนเมว กโรโนฺต, น อุตฺตริํ อิมาย เทสนาย มคฺคํ วา ผลํ วา อุปฺปาเทสิ ขีณาสวสฺส เทสิตตฺตาติฯ
786.Saññaṃ pariññāti gāthāya pana ayaṃ saṅkhepattho – na kevalañca phassameva, apica kho pana kāmasaññādibhedaṃ saññampi, saññānusārena vā pubbe vuttanayeneva nāmarūpaṃ tīhi pariññāhi parijānitvā imāya paṭipadāya catubbidhampi vitareyya oghaṃ, tato so tiṇṇogho taṇhādiṭṭhipariggahesu taṇhādiṭṭhilepappahānena nopalitto khīṇāsavamuni rāgādisallānaṃ abbūḷhattā abbūḷhasallo sativepullappattiyā appamatto caraṃ, pubbabhāge vā appamatto caraṃ tena appamādacārena abbūḷhasallo hutvā sakaparattabhāvādibhedaṃ nāsīsatī lokamimaṃ parañca, aññadatthu carimacittanirodhā nirupādāno jātavedova parinibbātīti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi dhammanettiṭṭhapanameva karonto, na uttariṃ imāya desanāya maggaṃ vā phalaṃ vā uppādesi khīṇāsavassa desitattāti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย คุหฎฺฐกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya guhaṭṭhakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๒. คุหฎฺฐกสุตฺตํ • 2. Guhaṭṭhakasuttaṃ