Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๒๗] ๗. คูถปาณชาตกวณฺณนา

    [227] 7. Gūthapāṇajātakavaṇṇanā

    สูโร สูเรน สงฺคมฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิํ กิร กาเล เชตวนโต ติคาวุตฑฺฒโยชนมเตฺต เอโก นิคมคาโม, ตตฺถ พหูนิ สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตานิ อตฺถิฯ ตเตฺรโก ปญฺหปุจฺฉโก โกโณฺฑ วสติฯ โส สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตานํ อตฺถาย อาคเต ทหเร จ สามเณเร จ ‘‘เก ขาทนฺติ, เก ปิวนฺติ, เก ภุญฺชนฺตี’’ติ ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา กเถตุํ อสโกฺกเนฺต ลชฺชาเปสิฯ เต ตสฺส ภเยน สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตตฺถาย ตํ คามํ น คจฺฉนฺติฯ อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ สลากคฺคํ คนฺตฺวา ‘‘ภเนฺต, อสุกคาเม สลากภตฺตํ วา ปกฺขิยภตฺตํ วา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถาวุโส, ตตฺถ ปเนโก โกโณฺฑ ปญฺหํ ปุจฺฉติ, ตํ กเถตุํ อสโกฺกเนฺต อโกฺกสติ ปริภาสติ, ตสฺส ภเยน โกจิ คนฺตุํ น สโกฺกตี’’ติ วุเตฺต ‘‘ภเนฺต, ตตฺถ ภตฺตานิ มยฺหํ ปาเปถ, อหํ ตํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ตุเมฺห ทิสฺวา ปลายนกํ กริสฺสามี’’ติ อาหฯ ภิกฺขู ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตสฺส ตตฺถ ภตฺตานิ ปาเปสุํฯ

    Sūro sūrena saṅgammāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tasmiṃ kira kāle jetavanato tigāvutaḍḍhayojanamatte eko nigamagāmo, tattha bahūni salākabhattapakkhiyabhattāni atthi. Tatreko pañhapucchako koṇḍo vasati. So salākabhattapakkhiyabhattānaṃ atthāya āgate dahare ca sāmaṇere ca ‘‘ke khādanti, ke pivanti, ke bhuñjantī’’ti pañhaṃ pucchitvā kathetuṃ asakkonte lajjāpesi. Te tassa bhayena salākabhattapakkhiyabhattatthāya taṃ gāmaṃ na gacchanti. Athekadivasaṃ eko bhikkhu salākaggaṃ gantvā ‘‘bhante, asukagāme salākabhattaṃ vā pakkhiyabhattaṃ vā atthī’’ti pucchitvā ‘‘atthāvuso, tattha paneko koṇḍo pañhaṃ pucchati, taṃ kathetuṃ asakkonte akkosati paribhāsati, tassa bhayena koci gantuṃ na sakkotī’’ti vutte ‘‘bhante, tattha bhattāni mayhaṃ pāpetha, ahaṃ taṃ dametvā nibbisevanaṃ katvā tato paṭṭhāya tumhe disvā palāyanakaṃ karissāmī’’ti āha. Bhikkhū ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tassa tattha bhattāni pāpesuṃ.

    โส ตตฺถ คนฺตฺวา คามทฺวาเร จีวรํ ปารุปิฯ ตํ ทิสฺวา โกโณฺฑ จณฺฑเมณฺฑโก วิย เวเคน อุปคนฺตฺวา ‘‘ปญฺหํ เม, สมณ, กเถหี’’ติ อาหฯ ‘‘อุปาสก, คาเม จริตฺวา ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ ตาว เม อาคนฺตุํ เทหี’’ติฯ โส ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ อาคเตปิ ตสฺมิํ ตเถว อาหฯ โสปิ นํ ภิกฺขุ ‘‘ยาคุํ ตาว เม ปาตุํ เทหิ, อาสนสาลํ ตาว สมฺมชฺชิตุํ เทหิ, สลากภตฺตํ ตาว เม อาหริตุํ เทหี’’ติ วตฺวา สลากภตฺตํ อาหริตฺวา ตเมว ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ปญฺหํ เต กเถสฺสามี’’ติ พหิคามํ เนตฺวา จีวรํ สํหริตฺวา อํเส ฐเปตฺวา ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตตฺราปิ นํ โส ‘‘สมณ, ปญฺหํ เม กเถหี’’ติ อาหฯ อถ นํ ‘‘กเถมิ เต ปญฺห’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว ปาเตตฺวา อฎฺฐีนิ สํจุเณฺณโนฺต วิย โปเถตฺวา คูถํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฎฺฐาย อิมํ คามํ อาคตํ กญฺจิ ภิกฺขุํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ สนฺตเชฺชตฺวา ปกฺกามิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ภิกฺขู ทิสฺวาว ปลายติฯ อปรภาเค ตสฺส ภิกฺขุโน สา กิริยา ภิกฺขุสเงฺฆ ปากฎา ชาตาฯ อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกภิกฺขุ กิร โกณฺฑสฺส มุเข คูถํ ปกฺขิปิตฺวา คโต’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, โส ภิกฺขุ อิทาเนว ตํ มีเฬฺหน อาสาเทติ, ปุเพฺพปิ อาสาเทสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    So tattha gantvā gāmadvāre cīvaraṃ pārupi. Taṃ disvā koṇḍo caṇḍameṇḍako viya vegena upagantvā ‘‘pañhaṃ me, samaṇa, kathehī’’ti āha. ‘‘Upāsaka, gāme caritvā yāguṃ ādāya āsanasālaṃ tāva me āgantuṃ dehī’’ti. So yāguṃ ādāya āsanasālaṃ āgatepi tasmiṃ tatheva āha. Sopi naṃ bhikkhu ‘‘yāguṃ tāva me pātuṃ dehi, āsanasālaṃ tāva sammajjituṃ dehi, salākabhattaṃ tāva me āharituṃ dehī’’ti vatvā salākabhattaṃ āharitvā tameva pattaṃ gāhāpetvā ‘‘ehi, pañhaṃ te kathessāmī’’ti bahigāmaṃ netvā cīvaraṃ saṃharitvā aṃse ṭhapetvā tassa hatthato pattaṃ gahetvā aṭṭhāsi. Tatrāpi naṃ so ‘‘samaṇa, pañhaṃ me kathehī’’ti āha. Atha naṃ ‘‘kathemi te pañha’’nti ekappahāreneva pātetvā aṭṭhīni saṃcuṇṇento viya pothetvā gūthaṃ mukhe pakkhipitvā ‘‘ito dāni paṭṭhāya imaṃ gāmaṃ āgataṃ kañci bhikkhuṃ pañhaṃ pucchitakāle jānissāmī’’ti santajjetvā pakkāmi. So tato paṭṭhāya bhikkhū disvāva palāyati. Aparabhāge tassa bhikkhuno sā kiriyā bhikkhusaṅghe pākaṭā jātā. Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, asukabhikkhu kira koṇḍassa mukhe gūthaṃ pakkhipitvā gato’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, so bhikkhu idāneva taṃ mīḷhena āsādeti, pubbepi āsādesiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต องฺคมคธวาสิโน อญฺญมญฺญสฺส รฎฺฐํ คจฺฉนฺตา เอกทิวสํ ทฺวินฺนํ รฎฺฐานํ สีมนฺตเร เอกํ สรํ นิสฺสาย วสิตฺวา สุรํ ปิวิตฺวา มจฺฉมํสํ ขาทิตฺวา ปาโตว ยานานิ โยเชตฺวา ปกฺกมิํสุฯ เตสํ คตกาเล เอโก คูถขาทโก ปาณโก คูถคเนฺธน อาคนฺตฺวา เตสํ ปีตฎฺฐาเน ฉฑฺฑิตํ สุรํ ทิสฺวา ปิปาสาย ปิวิตฺวา มโตฺต หุตฺวา คูถปุญฺชํ อภิรุหิ, อลฺลคูถํ ตสฺมิํ อารุเฬฺห โถกํ โอนมิฯ โส ‘‘ปถวี มํ ธาเรตุํ น สโกฺกตี’’ติ วิรวิฯ ตสฺมิเญฺญว ขเณ เอโก มตฺตวรวารโณ ตํ ปเทสํ ปตฺวา คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ชิคุจฺฉโนฺต ปฎิกฺกมิฯ โส ตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มม ภเยน ปลายตี’’ติ สญฺญี หุตฺวา ‘‘อิมินา เม สทฺธิํ สงฺคามํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ตํ อวฺหยโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte aṅgamagadhavāsino aññamaññassa raṭṭhaṃ gacchantā ekadivasaṃ dvinnaṃ raṭṭhānaṃ sīmantare ekaṃ saraṃ nissāya vasitvā suraṃ pivitvā macchamaṃsaṃ khāditvā pātova yānāni yojetvā pakkamiṃsu. Tesaṃ gatakāle eko gūthakhādako pāṇako gūthagandhena āgantvā tesaṃ pītaṭṭhāne chaḍḍitaṃ suraṃ disvā pipāsāya pivitvā matto hutvā gūthapuñjaṃ abhiruhi, allagūthaṃ tasmiṃ āruḷhe thokaṃ onami. So ‘‘pathavī maṃ dhāretuṃ na sakkotī’’ti viravi. Tasmiññeva khaṇe eko mattavaravāraṇo taṃ padesaṃ patvā gūthagandhaṃ ghāyitvā jigucchanto paṭikkami. So taṃ disvā ‘‘esa mama bhayena palāyatī’’ti saññī hutvā ‘‘iminā me saddhiṃ saṅgāmaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti taṃ avhayanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๕๓.

    153.

    ‘‘สูโร สูเรน สงฺคมฺม, วิกฺกเนฺตน ปหารินา;

    ‘‘Sūro sūrena saṅgamma, vikkantena pahārinā;

    เอหิ นาค นิวตฺตสฺสุ, กิํ นุ ภีโต ปลายสิ;

    Ehi nāga nivattassu, kiṃ nu bhīto palāyasi;

    ปสฺสนฺตุ องฺคมคธา, มม ตุยฺหญฺจ วิกฺกม’’นฺติฯ

    Passantu aṅgamagadhā, mama tuyhañca vikkama’’nti.

    ตสฺสโตฺถ – ตฺวํ สูโร มยา สูเรน สทฺธิํ สมาคนฺตฺวา วีริยวิกฺกเมน วิกฺกเนฺตน ปหารทานสมตฺถตาย ปหารินา กิํการณา อสงฺคาเมตฺวาว คจฺฉสิ, นนุ นาม เอกสมฺปหาโรปิ ทาตโพฺพ สิยา, ตสฺมา เอหิ นาค นิวตฺตสฺสุ, เอตฺตเกเนว มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กิํ นุ ภีโต ปลายสิ, อิเม อิมํ สีมํ อนฺตรํ กตฺวา วสนฺตา ปสฺสนฺตุ, องฺคมคธา มม ตุยฺหญฺจ วิกฺกมํ อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ปรกฺกมํ ปสฺสนฺตูติฯ

    Tassattho – tvaṃ sūro mayā sūrena saddhiṃ samāgantvā vīriyavikkamena vikkantena pahāradānasamatthatāya pahārinā kiṃkāraṇā asaṅgāmetvāva gacchasi, nanu nāma ekasampahāropi dātabbo siyā, tasmā ehi nāga nivattassu, ettakeneva maraṇabhayatajjito hutvā kiṃ nu bhīto palāyasi, ime imaṃ sīmaṃ antaraṃ katvā vasantā passantu, aṅgamagadhā mama tuyhañca vikkamaṃ ubhinnampi amhākaṃ parakkamaṃ passantūti.

    โส หตฺถี กณฺณํ ทตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อปสาเทโนฺต ทุติยํ คาถมาห –

    So hatthī kaṇṇaṃ datvā tassa vacanaṃ sutvā nivattitvā tassa santikaṃ gantvā taṃ apasādento dutiyaṃ gāthamāha –

    ๑๕๔.

    154.

    ‘‘น ตํ ปาทา วธิสฺสามิ, น ทเนฺตหิ น โสณฺฑิยา;

    ‘‘Na taṃ pādā vadhissāmi, na dantehi na soṇḍiyā;

    มีเฬฺหน ตํ วธิสฺสามิ, ปูติ หญฺญตุ ปูตินา’’ติฯ

    Mīḷhena taṃ vadhissāmi, pūti haññatu pūtinā’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – น ตํ ปาทาทีหิ วธิสฺสามิ, ตุยฺหํ ปน อนุจฺฉวิเกน มีเฬฺหน ตํ วธิสฺสามีติฯ

    Tassattho – na taṃ pādādīhi vadhissāmi, tuyhaṃ pana anucchavikena mīḷhena taṃ vadhissāmīti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘ปูติคูถปาณโก ปูตินาว หญฺญตู’’ติ ตสฺส มตฺถเก มหนฺตํ ลณฺฑํ ปาเตตฺวา อุทกํ วิสฺสเชฺชตฺวา ตเตฺถว ตํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา โกญฺจนาทํ นทโนฺต อรญฺญเมว ปาวิสิฯ

    Evañca pana vatvā ‘‘pūtigūthapāṇako pūtināva haññatū’’ti tassa matthake mahantaṃ laṇḍaṃ pātetvā udakaṃ vissajjetvā tattheva taṃ jīvitakkhayaṃ pāpetvā koñcanādaṃ nadanto araññameva pāvisi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คูถปาณโก โกโณฺฑ อโหสิ, วารโณ โส ภิกฺขุ, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ตสฺมิํ วนสเณฺฑ นิวุตฺถเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā gūthapāṇako koṇḍo ahosi, vāraṇo so bhikkhu, taṃ kāraṇaṃ paccakkhato disvā tasmiṃ vanasaṇḍe nivutthadevatā pana ahameva ahosi’’nti.

    คูถปาณชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Gūthapāṇajātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๒๗. คูถปาณชาตกํ • 227. Gūthapāṇajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact