Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๕. คุตฺติลวิมานวณฺณนา
5. Guttilavimānavaṇṇanā
สตฺตตนฺติํ สุมธุรนฺติ คุตฺติลวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ ราชคเห วิหรเนฺต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เทวจาริกํ จรโนฺต ตาวติํสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปฎิปาฎิยา ฐิเตสุ ฉตฺติํสาย วิมาเนสุ ฉตฺติํส เทวธีตโร ปเจฺจกํ อจฺฉราสหสฺสปริวารา มหติํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวนฺติโย ทิสฺวา ตาหิ ปุเพฺพ กตกมฺมํ ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนา’’ติอาทีหิ ตีหิ คาถาหิ ปฎิปาฎิยา ปุจฺฉิฯ ตาปิ ตสฺส ปุจฺฉานนฺตรํ ‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี’’ติอาทินา พฺยากริํสุฯ อถ เถโร ตโต มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘โมคฺคลฺลาน, ตา เทวตา น เกวลํ ตยา เอว ปุจฺฉิตา เอวํ พฺยากริํสุ, อถ โข ปุเพฺพ มยาปิ ปุจฺฉิตา เอวเมว พฺยากริํสู’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อตฺตโน คุตฺติลาจริยํ กเถสิฯ
Sattatantiṃ sumadhuranti guttilavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavati rājagahe viharante āyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayeneva devacārikaṃ caranto tāvatiṃsabhavanaṃ gantvā tattha paṭipāṭiyā ṭhitesu chattiṃsāya vimānesu chattiṃsa devadhītaro paccekaṃ accharāsahassaparivārā mahatiṃ dibbasampattiṃ anubhavantiyo disvā tāhi pubbe katakammaṃ ‘‘abhikkantena vaṇṇenā’’tiādīhi tīhi gāthāhi paṭipāṭiyā pucchi. Tāpi tassa pucchānantaraṃ ‘‘vatthuttamadāyikā nārī’’tiādinā byākariṃsu. Atha thero tato manussalokaṃ āgantvā bhagavato etamatthaṃ ārocesi. Taṃ sutvā bhagavā ‘‘moggallāna, tā devatā na kevalaṃ tayā eva pucchitā evaṃ byākariṃsu, atha kho pubbe mayāpi pucchitā evameva byākariṃsū’’ti vatvā therena yācito atītaṃ attano guttilācariyaṃ kathesi.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต คนฺธพฺพกุเล นิพฺพตฺติตฺวา คนฺธพฺพสิเปฺป ปริโยทาตสิปฺปตาย ติมฺพรุนารทสทิโส สพฺพทิสาสุ ปากโฎ ปญฺญาตา อาจริโย อโหสิ นาเมน คุตฺติโล นามฯ โส อเนฺธ ชิเณฺณ มาตาปิตโร โปเสสิฯ ตสฺส สิปฺปนิปฺผตฺติํ สุตฺวา อุเชฺชนิวาสี มุสิโล นาม คนฺธโพฺพ อุปคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ จ วุเตฺต ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตุ’’นฺติ อาหฯ คุตฺติลาจริโย ตํ โอโลเกตฺวา ลกฺขณกุสลตาย ‘‘อยํ ปุริโส วิสมชฺฌาสโย กกฺขโฬ ผรุโส อกตญฺญู ภวิสฺสติ, น สงฺคเหตโพฺพ’’ติ สิปฺปุคฺคหณตฺถํ โอกาสํ นากาสิฯ โส ตสฺส มาตาปิตโร ปยิรุปาสิตฺวา เตหิ ยาจาเปสิฯ คุตฺติลาจริโย มาตาปิตูหิ นิปฺปีฬิยมาโน ‘‘ครุวจนํ อลงฺฆนีย’’นฺติ ตสฺส สิปฺปํ ปฎฺฐเปตฺวา วิคตมจฺฉริยตาย การุณิกตาย จ อาจริยมุฎฺฐิํ อกตฺวา อนวเสสโต สิปฺปํ สิกฺขาเปสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto gandhabbakule nibbattitvā gandhabbasippe pariyodātasippatāya timbarunāradasadiso sabbadisāsu pākaṭo paññātā ācariyo ahosi nāmena guttilo nāma. So andhe jiṇṇe mātāpitaro posesi. Tassa sippanipphattiṃ sutvā ujjenivāsī musilo nāma gandhabbo upagantvā taṃ vanditvā ekamantaṃ ṭhito ‘‘kasmā āgatosī’’ti ca vutte ‘‘tumhākaṃ santike sippaṃ uggaṇhitu’’nti āha. Guttilācariyo taṃ oloketvā lakkhaṇakusalatāya ‘‘ayaṃ puriso visamajjhāsayo kakkhaḷo pharuso akataññū bhavissati, na saṅgahetabbo’’ti sippuggahaṇatthaṃ okāsaṃ nākāsi. So tassa mātāpitaro payirupāsitvā tehi yācāpesi. Guttilācariyo mātāpitūhi nippīḷiyamāno ‘‘garuvacanaṃ alaṅghanīya’’nti tassa sippaṃ paṭṭhapetvā vigatamacchariyatāya kāruṇikatāya ca ācariyamuṭṭhiṃ akatvā anavasesato sippaṃ sikkhāpesi.
โสปิ เมธาวิตาย ปุเพฺพกตปริจยตาย อกุสีตตาย จ น จิรเสฺสว ปริโยทาตสิโปฺป หุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ พาราณสี ชมฺพุทีเป อคฺคนครํ, ยํนูนาหํ อิธ สราชิกาย ปริสาย สิปฺปํ ทเสฺสยฺยํ, เอวาหํ อาจริยโตปิ ชมฺพุทีเป ปากโฎ ปญฺญาโต ภวิสฺสามี’’ติฯ โส อาจริยสฺส อาโรเจสิ ‘‘อหํ รโญฺญ ปุรโต สิปฺปํ ทเสฺสตุกาโม, ราชานํ มํ ทเสฺสถา’’ติฯ มหาสโตฺต ‘‘อยํ มม สนฺติเก อุคฺคหิตสิโปฺป ปติฎฺฐํ ลภตู’’ติ กรุณายมาโน ตํ รโญฺญ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘มหาราช อิมสฺส เม อเนฺตวาสิกสฺส วีณาย ปคุณตํ ปสฺสถา’’ติ อาหฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ตสฺส วีณาวาทนํ สุตฺวา ปริตุโฎฺฐ ตํ คนฺตุกามํ นิวาเรตฺวา ‘‘มเมว สนฺติเก วส, อาจริยสฺส ทินฺนโกฎฺฐาสโต อุปฑฺฒํ ทสฺสามี’’ติ อาหฯ มุสิโล ‘‘นาหํ อาจริยโต หายามิ, สมเมว เทถา’’ติ วตฺวา รญฺญา ‘‘มา เอวํ ภณิ, อาจริโย นาม มหโนฺต, อุปฑฺฒเมว ตุยฺหํ ทสฺสามี’’ติ วุเตฺต ‘‘มม จ อาจริยสฺส จ สิปฺปํ ปสฺสถา’’ติ วตฺวา ราชเคหโต นิกฺขมิตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส มม จ คุตฺติลาจริยสฺส จ ราชงฺคเณ สิปฺปทสฺสนํ ภวิสฺสติ, ตํ ปสฺสิตุกามา ปสฺสนฺตู’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อาหิณฺฑโนฺต อุโคฺฆเสสิฯ
Sopi medhāvitāya pubbekataparicayatāya akusītatāya ca na cirasseva pariyodātasippo hutvā cintesi ‘‘ayaṃ bārāṇasī jambudīpe agganagaraṃ, yaṃnūnāhaṃ idha sarājikāya parisāya sippaṃ dasseyyaṃ, evāhaṃ ācariyatopi jambudīpe pākaṭo paññāto bhavissāmī’’ti. So ācariyassa ārocesi ‘‘ahaṃ rañño purato sippaṃ dassetukāmo, rājānaṃ maṃ dassethā’’ti. Mahāsatto ‘‘ayaṃ mama santike uggahitasippo patiṭṭhaṃ labhatū’’ti karuṇāyamāno taṃ rañño santikaṃ netvā ‘‘mahārāja imassa me antevāsikassa vīṇāya paguṇataṃ passathā’’ti āha. Rājā ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā tassa vīṇāvādanaṃ sutvā parituṭṭho taṃ gantukāmaṃ nivāretvā ‘‘mameva santike vasa, ācariyassa dinnakoṭṭhāsato upaḍḍhaṃ dassāmī’’ti āha. Musilo ‘‘nāhaṃ ācariyato hāyāmi, samameva dethā’’ti vatvā raññā ‘‘mā evaṃ bhaṇi, ācariyo nāma mahanto, upaḍḍhameva tuyhaṃ dassāmī’’ti vutte ‘‘mama ca ācariyassa ca sippaṃ passathā’’ti vatvā rājagehato nikkhamitvā ‘‘ito sattame divase mama ca guttilācariyassa ca rājaṅgaṇe sippadassanaṃ bhavissati, taṃ passitukāmā passantū’’ti tattha tattha āhiṇḍanto ugghosesi.
มหาสโตฺต ตํ สุตฺวา ‘‘อยํ ตรุโณ ถามวา, อหํ ปน ชิโณฺณ ทุพฺพโล, ยทิ ปน เม ปราชโย ภเวยฺย, มตํ เม ชีวิตา เสยฺยํ, ตสฺมา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อุพฺพนฺธิตฺวา มริสฺสามี’’ติ อรญฺญํ คโต มรณภยตชฺชิโต ปฎินิวตฺติฯ ปุน มริตุกาโม หุตฺวา คนฺตฺวา ปุนปิ มรณภเยน ปฎินิวตฺติฯ เอวํ คมนาคมนํ กโรนฺตสฺส ตํ ฐานํ วิคตติณํ อโหสิฯ อถ เทวราชา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิสฺสมานรูโป อากาเส ฐตฺวา เอวมาห ‘‘อาจริย, กิํ กโรสี’’ติฯ มหาสโตฺต –
Mahāsatto taṃ sutvā ‘‘ayaṃ taruṇo thāmavā, ahaṃ pana jiṇṇo dubbalo, yadi pana me parājayo bhaveyya, mataṃ me jīvitā seyyaṃ, tasmā araññaṃ pavisitvā ubbandhitvā marissāmī’’ti araññaṃ gato maraṇabhayatajjito paṭinivatti. Puna maritukāmo hutvā gantvā punapi maraṇabhayena paṭinivatti. Evaṃ gamanāgamanaṃ karontassa taṃ ṭhānaṃ vigatatiṇaṃ ahosi. Atha devarājā mahāsattaṃ upasaṅkamitvā dissamānarūpo ākāse ṭhatvā evamāha ‘‘ācariya, kiṃ karosī’’ti. Mahāsatto –
๓๒๗.
327.
‘‘สตฺตตนฺติํ สุมธุรํ, รามเณยฺยํ อวาจยิํ;
‘‘Sattatantiṃ sumadhuraṃ, rāmaṇeyyaṃ avācayiṃ;
โส มํ รงฺคมฺหิ อเวฺหติ, สรณํ เม โหหิ โกสิยา’’ติฯ –
So maṃ raṅgamhi avheti, saraṇaṃ me hohi kosiyā’’ti. –
อตฺตโน จิตฺตทุกฺขํ ปเวเทสิฯ
Attano cittadukkhaṃ pavedesi.
ตสฺสโตฺถ – อหํ เทวราช มุสิลํ นาม อเนฺตวาสิกํ สตฺตนฺนํ ตนฺตีนํ อตฺถิตาย ฉชฺชาทิสตฺตวิธสรทีปนโต จ สตฺตตนฺติํ, ตํ วิสยํ กตฺวา ยถารหํ ทฺวาวีสติยา สุติเภทานํ อหาปนโต สุฎฺฐุ มธุรนฺติ สุมธุรํ, ยถาธิคตานํ สมปญฺญาสาย มุจฺฉนานํ ปริพฺยตฺตตาย สรสฺส จ วีณาย จ อญฺญมญฺญสํสนฺทเนน สุณนฺตานํ อติวิย มโนรมภาวโต รามเณยฺยํ, สรคตาทิวิภาคโต ฉชฺชาทิจตุพฺพิธํ คนฺธพฺพํ อหาเปตฺวา คนฺธพฺพสิปฺปํ อวาจยินฺติ วาเจสิํ อุคฺคณฺหาเปสิํ สิกฺขาเปสิํฯ โส มุสิโล อเนฺตวาสี สมาโน มํ อตฺตโน อาจริยํ รงฺคมฺหิ รงฺคมณฺฑเล อเวฺหติ สารมฺภวเสน อตฺตโน วิเสสํ ทเสฺสตุํ สงฺฆฎฺฎิยติ, ‘‘เอหิ สิปฺปํ ทเสฺสหี’’ติ มํ อาจิกฺขิ, ตสฺส เม ตฺวํ โกสิย เทวราช สรณํ อวสฺสโย โหหีติฯ
Tassattho – ahaṃ devarāja musilaṃ nāma antevāsikaṃ sattannaṃ tantīnaṃ atthitāya chajjādisattavidhasaradīpanato ca sattatantiṃ, taṃ visayaṃ katvā yathārahaṃ dvāvīsatiyā sutibhedānaṃ ahāpanato suṭṭhu madhuranti sumadhuraṃ, yathādhigatānaṃ samapaññāsāya mucchanānaṃ paribyattatāya sarassa ca vīṇāya ca aññamaññasaṃsandanena suṇantānaṃ ativiya manoramabhāvato rāmaṇeyyaṃ, saragatādivibhāgato chajjādicatubbidhaṃ gandhabbaṃ ahāpetvā gandhabbasippaṃ avācayinti vācesiṃ uggaṇhāpesiṃ sikkhāpesiṃ. So musilo antevāsī samāno maṃ attano ācariyaṃ raṅgamhi raṅgamaṇḍale avheti sārambhavasena attano visesaṃ dassetuṃ saṅghaṭṭiyati, ‘‘ehi sippaṃ dassehī’’ti maṃ ācikkhi, tassa me tvaṃ kosiya devarāja saraṇaṃ avassayo hohīti.
ตํ สุตฺวา สโกฺก เทวราชา ‘‘มา ภายิ อาจริย, อหํ เต สรณํ ปรายณ’’นฺติ ทเสฺสโนฺต –
Taṃ sutvā sakko devarājā ‘‘mā bhāyi ācariya, ahaṃ te saraṇaṃ parāyaṇa’’nti dassento –
๓๒๘.
328.
‘‘อหํ เต สรณํ โหมิ, อหมาจริยปูชโก;
‘‘Ahaṃ te saraṇaṃ homi, ahamācariyapūjako;
น ตํ ชยิสฺสติ สิโสฺส, สิสฺสมาจริย เชสฺสสี’’ติฯ –
Na taṃ jayissati sisso, sissamācariya jessasī’’ti. –
อาห ฯ สกฺกสฺส กิร เทวรโญฺญ ปุริมตฺตภาเว มหาสโตฺต อาจริโย อโหสิฯ เตนาห ‘‘อหมาจริยปูชโก’’ติฯ อหํ อาจริยานํ ปูชโก, น มุสิโล วิย ยุคคฺคาหี, มาทิเสสุ อเนฺตวาสิเกสุ ฐิเตสุ ตาทิสสฺส อาจริยสฺส กถํ ปราชโย, ตสฺมา น ตํ ชยิสฺสติ สิโสฺส, อญฺญทตฺถุ สิสฺสํ มุสิลํ อาจริย ตฺวเมว ชยิสฺสสิ, โส ปน ปราชิโต วินาสํ ปาปุณิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘อหํ สตฺตเม ทิวเส สากจฺฉามณฺฑลํ อาคมิสฺสามิ, ตุเมฺห วิสฺสตฺถา วาเทถา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา คโตฯ
Āha . Sakkassa kira devarañño purimattabhāve mahāsatto ācariyo ahosi. Tenāha ‘‘ahamācariyapūjako’’ti. Ahaṃ ācariyānaṃ pūjako, na musilo viya yugaggāhī, mādisesu antevāsikesu ṭhitesu tādisassa ācariyassa kathaṃ parājayo, tasmā na taṃ jayissati sisso, aññadatthu sissaṃ musilaṃ ācariya tvameva jayissasi, so pana parājito vināsaṃ pāpuṇissatīti adhippāyo. Evañca pana vatvā ‘‘ahaṃ sattame divase sākacchāmaṇḍalaṃ āgamissāmi, tumhe vissatthā vādethā’’ti samassāsetvā gato.
สตฺตเม ปน ทิวเส ราชา สปริวาโร ราชสภายํ นิสีทิฯ คุตฺติลาจริโย จ มุสิโล จ สิปฺปทสฺสนตฺถํ สชฺชา หุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ลทฺธาสเน นิสีทิตฺวา วีณา วาทยิํสุฯ สโกฺก อาคนฺตฺวา อนฺตลิเกฺข อฎฺฐาสิฯ ตํ มหาสโตฺตว ปสฺสติ, อิตเร ปน น ปสฺสนฺติฯ ปริสา ทฺวินฺนมฺปิ วาทเน สมจิตฺตา อโหสิฯ สโกฺก คุตฺติลํ ‘‘เอกํ ตนฺติํ ฉินฺทา’’ติ อาหฯ ฉินฺนายปิ ตนฺติยา วีณา ตเถว มธุรนิโคฺฆสา อโหสิฯ เอวํ ‘‘ทุติยํ, ตติยํ, จตุตฺถํ, ปญฺจมํ, ฉฎฺฐํ, สตฺตมํ ฉินฺทา’’ติ อาห, ตาสุ ฉินฺนาสุปิ วีณา มธุรนิโคฺฆสาว อโหสิฯ ตํ ทิสฺวา มุสิโล ปราชิตภูตรูโป ปตฺตกฺขโนฺธ อโหสิ, ปริสา หฎฺฐตุฎฺฐา เจลุเกฺขเป กโรนฺตี คุตฺติลสฺส สาธุการมทาสิฯ ราชา มุสิลํ สภาย นีหราเปสิ, มหาชโน เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรโนฺต มุสิลํ ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ
Sattame pana divase rājā saparivāro rājasabhāyaṃ nisīdi. Guttilācariyo ca musilo ca sippadassanatthaṃ sajjā hutvā upasaṅkamitvā rājānaṃ vanditvā attano attano laddhāsane nisīditvā vīṇā vādayiṃsu. Sakko āgantvā antalikkhe aṭṭhāsi. Taṃ mahāsattova passati, itare pana na passanti. Parisā dvinnampi vādane samacittā ahosi. Sakko guttilaṃ ‘‘ekaṃ tantiṃ chindā’’ti āha. Chinnāyapi tantiyā vīṇā tatheva madhuranigghosā ahosi. Evaṃ ‘‘dutiyaṃ, tatiyaṃ, catutthaṃ, pañcamaṃ, chaṭṭhaṃ, sattamaṃ chindā’’ti āha, tāsu chinnāsupi vīṇā madhuranigghosāva ahosi. Taṃ disvā musilo parājitabhūtarūpo pattakkhandho ahosi, parisā haṭṭhatuṭṭhā celukkhepe karontī guttilassa sādhukāramadāsi. Rājā musilaṃ sabhāya nīharāpesi, mahājano leḍḍudaṇḍādīhi paharanto musilaṃ tattheva jīvitakkhayaṃ pāpesi.
สโกฺก เทวานมิโนฺท มหาปุริเสน สทฺธิํ สโมฺมทนียํ กตฺวา เทวโลกเมว คโตฯ ตํ เทวตา ‘‘มหาราช, กุหิํ คตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ‘‘มหาราช, มยํ คุตฺติลาจริยํ ปสฺสิสฺสาม, สาธุ โน ตํ อิธาเนตฺวา ทเสฺสหี’’ติ อาหํสุฯ สโกฺก เทวานํ วจนํ สุตฺวา มาตลิํ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ เวชยนฺตรเถน อมฺหากํ คุตฺติลาจริยํ อาเนหิ, เทวตา ตํ ทสฺสนกามา’’ติ, โส ตถา อกาสิฯ สโกฺก มหาสเตฺตน สทฺธิํ สโมฺมทนียํ กตฺวา เอวมาห ‘‘อาจริย, วีณํ วาทย, เทวตา โสตุกามา’’ติฯ ‘‘มยํ สิปฺปูปชีวิโน, เวตเนน วินา สิปฺปํ น ทเสฺสมา’’ติฯ ‘‘กีทิสํ ปน เวตนํ อิจฺฉสี’’ติฯ ‘‘นาเญฺญน เม เวตเนน กิจฺจํ อตฺถิ, อิมาสํ ปน เทวตานํ อตฺตนา อตฺตนา ปุเพฺพกตกุสลกถนเมว เม เวตนํ โหตู’’ติ อาหฯ ตา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ อถ มหาสโตฺต ปาเฎกฺกํ ตาหิ ตทา ปฎิลทฺธสมฺปตฺติกิตฺตนมุเขน ตสฺสา เหตุภูตํ ปุริมตฺตภาเว กตํ สุจริตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน วิย ปุจฺฉโนฺต ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนา’’ติอาทิคาถาหิ ปุจฺฉิฯ ตาปิ ‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี’’ติอาทินา ยถา เอตรหิ เถรสฺส, เอวเมว ตสฺส พฺยากริํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โมคฺคลฺลาน ตา เทวตา น เกวลํ ตยา เอว ปุจฺฉิตา เอวํ พฺยากริํสุ, อถ โข ปุเพฺพ มยาปิ ปุจฺฉิตา เอวเมว พฺยากริํสู’’ติฯ
Sakko devānamindo mahāpurisena saddhiṃ sammodanīyaṃ katvā devalokameva gato. Taṃ devatā ‘‘mahārāja, kuhiṃ gatatthā’’ti pucchitvā taṃ pavattiṃ sutvā ‘‘mahārāja, mayaṃ guttilācariyaṃ passissāma, sādhu no taṃ idhānetvā dassehī’’ti āhaṃsu. Sakko devānaṃ vacanaṃ sutvā mātaliṃ āṇāpesi ‘‘gaccha vejayantarathena amhākaṃ guttilācariyaṃ ānehi, devatā taṃ dassanakāmā’’ti, so tathā akāsi. Sakko mahāsattena saddhiṃ sammodanīyaṃ katvā evamāha ‘‘ācariya, vīṇaṃ vādaya, devatā sotukāmā’’ti. ‘‘Mayaṃ sippūpajīvino, vetanena vinā sippaṃ na dassemā’’ti. ‘‘Kīdisaṃ pana vetanaṃ icchasī’’ti. ‘‘Nāññena me vetanena kiccaṃ atthi, imāsaṃ pana devatānaṃ attanā attanā pubbekatakusalakathanameva me vetanaṃ hotū’’ti āha. Tā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchiṃsu. Atha mahāsatto pāṭekkaṃ tāhi tadā paṭiladdhasampattikittanamukhena tassā hetubhūtaṃ purimattabhāve kataṃ sucaritaṃ āyasmā mahāmoggallāno viya pucchanto ‘‘abhikkantena vaṇṇenā’’tiādigāthāhi pucchi. Tāpi ‘‘vatthuttamadāyikā nārī’’tiādinā yathā etarahi therassa, evameva tassa byākariṃsu. Tena vuttaṃ ‘‘moggallāna tā devatā na kevalaṃ tayā eva pucchitā evaṃ byākariṃsu, atha kho pubbe mayāpi pucchitā evameva byākariṃsū’’ti.
ตา กิร อิตฺถิโย กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล มนุสฺสตฺตภาเว ฐิตา ตํ ตํ ปุญฺญํ อกํสุฯ ตตฺถ เอกา อิตฺถี วตฺถํ อทาสิ, เอกา สุมนมาลํ, เอกา คนฺธํ, เอกา อุฬารานิ ผลานิ, เอกา อุจฺฉุรสํ, เอกา ภควโต เจติเย คนฺธปญฺจงฺคุลิกํ อทาสิ, เอกา อุโปสถํ อุปวสิ, เอกา อุปกฎฺฐาย เวลาย นาวาย ภุญฺชนฺตสฺส ภิกฺขุโน อุทกํ อทาสิ, เอกา โกธนานํ สสฺสุสสุรานํ อโกฺกธนา อุปฎฺฐานํ อกาสิ, เอกา ทาสี หุตฺวา อตนฺทิตาจารา อโหสิ, เอโก ปิณฺฑจาริกสฺส ภิกฺขุโน ขีรภตฺตํ อทาสิ, เอกา ผาณิตํ อทาสิ, เอกา อุจฺฉุขณฺฑํ อทาสิ, เอกา ติมฺพรุสกํ อทาสิ, เอกา กกฺการิกํ อทาสิ, เอกา เอฬาลุกํ อทาสิ, เอกา วลฺลิผลํ อทาสิ, เอกา ผารุสกํ อทาสิ, เอกา องฺคารกปลฺลํ อทาสิ, เอกา สากมุฎฺฐิํ อทาสิ, เอกา ปุปฺผกมุฎฺฐิํ อทาสิ, เอกา มูลกลาปํ อทาสิ, เอกา นิมฺพมุฎฺฐิํ อทาสิ, เอกา กญฺชิกํ อทาสิ, เอกา ติลปิญฺญากํ อทาสิ, เอกา กายพนฺธนํ อทาสิ, เอกา อํสพทฺธกํ อทาสิ, เอกา อาโยคปฎฺฎํ อทาสิ, เอกา วิธูปนํ, เอกา ตาลวณฺฎํ, เอกา โมรหตฺถํ, เอกา ฉตฺตํ, เอกา อุปาหนํ, เอกา ปูวํ, เอกา โมทกํ, เอกา สกฺขลิกํ อทาสิฯ ตา เอเกกา อจฺฉราสหสฺสปริวารา ปหติยา เทวิทฺธิยา วิราชมานา ตาวติํสภวเน สกฺกสฺส เทวราชสฺส ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา คุตฺติลาจริเยน ปุจฺฉิตา ‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี’’ติอาทินา อตฺตนา อตฺตนา กตกุสลํ ปฎิปาฎิยา พฺยากริํสุฯ
Tā kira itthiyo kassapasammāsambuddhakāle manussattabhāve ṭhitā taṃ taṃ puññaṃ akaṃsu. Tattha ekā itthī vatthaṃ adāsi, ekā sumanamālaṃ, ekā gandhaṃ, ekā uḷārāni phalāni, ekā ucchurasaṃ, ekā bhagavato cetiye gandhapañcaṅgulikaṃ adāsi, ekā uposathaṃ upavasi, ekā upakaṭṭhāya velāya nāvāya bhuñjantassa bhikkhuno udakaṃ adāsi, ekā kodhanānaṃ sassusasurānaṃ akkodhanā upaṭṭhānaṃ akāsi, ekā dāsī hutvā atanditācārā ahosi, eko piṇḍacārikassa bhikkhuno khīrabhattaṃ adāsi, ekā phāṇitaṃ adāsi, ekā ucchukhaṇḍaṃ adāsi, ekā timbarusakaṃ adāsi, ekā kakkārikaṃ adāsi, ekā eḷālukaṃ adāsi, ekā valliphalaṃ adāsi, ekā phārusakaṃ adāsi, ekā aṅgārakapallaṃ adāsi, ekā sākamuṭṭhiṃ adāsi, ekā pupphakamuṭṭhiṃ adāsi, ekā mūlakalāpaṃ adāsi, ekā nimbamuṭṭhiṃ adāsi, ekā kañjikaṃ adāsi, ekā tilapiññākaṃ adāsi, ekā kāyabandhanaṃ adāsi, ekā aṃsabaddhakaṃ adāsi, ekā āyogapaṭṭaṃ adāsi, ekā vidhūpanaṃ, ekā tālavaṇṭaṃ, ekā morahatthaṃ, ekā chattaṃ, ekā upāhanaṃ, ekā pūvaṃ, ekā modakaṃ, ekā sakkhalikaṃ adāsi. Tā ekekā accharāsahassaparivārā pahatiyā deviddhiyā virājamānā tāvatiṃsabhavane sakkassa devarājassa paricārikā hutvā nibbattā guttilācariyena pucchitā ‘‘vatthuttamadāyikā nārī’’tiādinā attanā attanā katakusalaṃ paṭipāṭiyā byākariṃsu.
๓๒๙.
329.
‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;
‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ
Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.
๓๓๐.
330.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.
๓๓๑.
331.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๓๓๒.
332.
‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;
‘‘Sā devatā attamanā, moggallānena pucchitā;
ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๓๓๓.
333.
‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี, ปวรา โหติ นเรสุ นารีสุ;
‘‘Vatthuttamadāyikā nārī, pavarā hoti naresu nārīsu;
เอวํ ปิยรูปทายิกา มนาปํ, ทิพฺพํ สา ลภเต อุเปจฺจ ฐานํฯ
Evaṃ piyarūpadāyikā manāpaṃ, dibbaṃ sā labhate upecca ṭhānaṃ.
๓๓๔.
334.
‘‘ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีหมสฺมิ;
‘‘Tassā me passa vimānaṃ, accharā kāmavaṇṇinīhamasmi;
อจฺฉราสหสฺสสฺสาหํ, ปวรา ปสฺส ปุญฺญานํ วิปากํฯ
Accharāsahassassāhaṃ, pavarā passa puññānaṃ vipākaṃ.
๓๓๕.
335.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Tena metādiso vaṇṇo, tena me idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca me bhogā, ye keci manaso piyā.
๓๓๖.
336.
‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Akkhāmi te bhikkhu mahānubhāva, manussabhūtā yamakāsi puññaṃ;
เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Tenamhi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti.
(ยถา จ เอตฺถ, เอวํ อุปริ สพฺพวิมาเนสุ วิตฺถาเรตพฺพํฯ)
(Yathā ca ettha, evaṃ upari sabbavimānesu vitthāretabbaṃ.)
๓๔๑.
341.
‘‘ปุปฺผุตฺตมทายิกา นารี, ปวรา โหติ นเรสุ นารีสุ…เป.…ฯ
‘‘Pupphuttamadāyikā nārī, pavarā hoti naresu nārīsu…pe….
๓๔๙.
349.
‘‘คนฺธุตฺตมทายิกา นารี, ปวรา โหติ นเรสุ นารีสุ…เป.…ฯ
‘‘Gandhuttamadāyikā nārī, pavarā hoti naresu nārīsu…pe….
๓๕๗.
357.
‘‘ผลุตฺตมทายิกา นารี…เป.…ฯ
‘‘Phaluttamadāyikā nārī…pe….
๓๖๕.
365.
‘‘รสุตฺตมทายิกา นารี…เป.…ฯ
‘‘Rasuttamadāyikā nārī…pe….
๓๗๓.
373.
‘‘คนฺธปญฺจงฺคุลิกํ อหมทาสิํ,กสฺสปสฺส ภควโต ถูปมฺหิ…เป.…ฯ
‘‘Gandhapañcaṅgulikaṃ ahamadāsiṃ,kassapassa bhagavato thūpamhi…pe….
๓๘๑.
381.
‘‘ภิกฺขู จ อหํ ภิกฺขุนิโย จ, อทฺทสาสิํ ปนฺถปฎิปเนฺน;
‘‘Bhikkhū ca ahaṃ bhikkhuniyo ca, addasāsiṃ panthapaṭipanne;
เตสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, เอกูโปสถํ อุปวสิสฺสํฯ
Tesāhaṃ dhammaṃ sutvāna, ekūposathaṃ upavasissaṃ.
๓๘๒.
382.
‘‘ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ…เป.…ฯ
‘‘Tassā me passa vimānaṃ…pe….
๓๘๙.
389.
‘‘อุทเก ฐิตา อุทกมทาสิํ, ภิกฺขุโน จิเตฺตน วิปฺปสเนฺนน…เป.…ฯ
‘‘Udake ṭhitā udakamadāsiṃ, bhikkhuno cittena vippasannena…pe….
๓๙๗.
397.
‘‘สสฺสุญฺจาหํ สสุรญฺจ, จณฺฑิเก โกธเน จ ผรุเส จ;
‘‘Sassuñcāhaṃ sasurañca, caṇḍike kodhane ca pharuse ca;
อนุสูยิกา อุปฎฺฐาสิํ, อปฺปมตฺตา สเกน สีเลน…เป.…ฯ
Anusūyikā upaṭṭhāsiṃ, appamattā sakena sīlena…pe….
๔๐๕.
405.
‘‘ปรกมฺมกรี อาสิํ, อเตฺถนาตนฺทิตา ทาสี;
‘‘Parakammakarī āsiṃ, atthenātanditā dāsī;
อโกฺกธนานติมานินี, สํวิภาคินี กกสฺส ภาคสฺส…เป.…ฯ
Akkodhanānatimāninī, saṃvibhāginī kakassa bhāgassa…pe….
๔๑๓.
413.
‘‘ขีโรทนํ อหมทาสิํ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส;
‘‘Khīrodanaṃ ahamadāsiṃ, bhikkhuno piṇḍāya carantassa;
เอวํ กริตฺวา กมฺมํ, สุคติํ อุปปชฺช โมทามิ…เป.…ฯ
Evaṃ karitvā kammaṃ, sugatiṃ upapajja modāmi…pe….
๔๒๑.
421.
‘‘ผาณิตํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Phāṇitaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๒๙.
429.
‘‘อุจฺฉุขณฺฑิกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Ucchukhaṇḍikaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๓๗.
437.
‘‘ติมฺพรุสกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Timbarusakaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๔๕.
445.
‘‘กกฺการิกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Kakkārikaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๕๓.
453.
‘‘เอฬาลุกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Eḷālukaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๖๑.
461.
‘‘วลฺลิผลํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Valliphalaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๖๙.
469.
‘‘ผารุสกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Phārusakaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๗๗.
477.
‘‘หตฺถปฺปตาปกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Hatthappatāpakaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๘๕.
485.
‘‘สากมุฎฺฐิํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Sākamuṭṭhiṃ ahamadāsiṃ…pe….
๔๙๓.
493.
‘‘ปุปฺผกมุฎฺฐิํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Pupphakamuṭṭhiṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๐๑.
501.
‘‘มูลกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
‘‘Mūlakaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๐๙. ‘‘นิมฺพมุฎฺฐิํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
509. ‘‘Nimbamuṭṭhiṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๑๗. ‘‘อมฺพกญฺชิกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
517. ‘‘Ambakañjikaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๒๕. ‘‘โทณินิมฺมชฺชนิํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
525. ‘‘Doṇinimmajjaniṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๓๓. ‘‘กายพนฺธนํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
533. ‘‘Kāyabandhanaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๔๑. ‘‘อํสพทฺธกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
541. ‘‘Aṃsabaddhakaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๔๙. ‘‘อาโยคปฎฺฎํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
549. ‘‘Āyogapaṭṭaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๕๗. ‘‘วิธูปนํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
557. ‘‘Vidhūpanaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๖๕. ‘‘ตาลวณฺฎํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
565. ‘‘Tālavaṇṭaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๗๓. ‘‘โมรหตฺถํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
573. ‘‘Morahatthaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๘๑. ‘‘ฉตฺตํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
581. ‘‘Chattaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๘๙. ‘‘อุปาหนํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
589. ‘‘Upāhanaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๕๙๗. ‘‘ปูวํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
597. ‘‘Pūvaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๖๐๕. ‘‘โมทกํ อหมทาสิํ…เป.…ฯ
605. ‘‘Modakaṃ ahamadāsiṃ…pe….
๖๑๓. ‘‘สกฺขลิกํ อหมทาสิํ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส…เป.…ฯ
613. ‘‘Sakkhalikaṃ ahamadāsiṃ, bhikkhuno piṇḍāya carantassa…pe….
๖๑๔.
614.
‘‘ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีหมสฺมิํ;
‘‘Tassā me passa vimānaṃ, accharā kāmavaṇṇinīhamasmiṃ;
อจฺฉราสหสฺสสฺสาหํ, ปวรา ปสฺส ปุญฺญานํ วิปากํฯ
Accharāsahassassāhaṃ, pavarā passa puññānaṃ vipākaṃ.
๖๑๕. ‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ…เป.… วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
615. ‘‘Tena metādiso vaṇṇo…pe… vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti.
เอวํ มหาสโตฺต ตาหิ เทวตาหิ กตสุจริเต พฺยากเต ตุฎฺฐมานโส สโมฺมทนํ กโรโนฺต อตฺตโน จ สุจริตจรเณ ยุตฺตปยุตฺตตํ วิวฎฺฎชฺฌาสยตญฺจ ปเวเทโนฺต อาห –
Evaṃ mahāsatto tāhi devatāhi katasucarite byākate tuṭṭhamānaso sammodanaṃ karonto attano ca sucaritacaraṇe yuttapayuttataṃ vivaṭṭajjhāsayatañca pavedento āha –
๖๑๗.
617.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อชฺช, สุปฺปภาตํ สุหุฎฺฐิตํ;
‘‘Svāgataṃ vata me ajja, suppabhātaṃ suhuṭṭhitaṃ;
ยํ อทฺทสามิ เทวตาโย, อจฺฉรา กามวณฺณินิโยฯ
Yaṃ addasāmi devatāyo, accharā kāmavaṇṇiniyo.
๖๑๘.
618.
‘‘อิมาสาหํ ธมฺมํ สุตฺวา, กาหามิ กุสลํ พหุํ;
‘‘Imāsāhaṃ dhammaṃ sutvā, kāhāmi kusalaṃ bahuṃ;
ทาเนน สมจริยาย, สญฺญเมน ทเมน จ;
Dānena samacariyāya, saññamena damena ca;
สฺวาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติฯ
Svāhaṃ tattha gamissāmi, yattha gantvā na socare’’ti.
๓๓๓. ตตฺถ วตฺถุตฺตมทายิกาติ วตฺถานํ อุตฺตมํ เสฎฺฐํ, วเตฺถสุ วา พหูสุ อุจฺจินิตฺวา คหิตํ อุกฺกํสคตํ ปวรํ โกฎิภูตํ วตฺถํ วตฺถุตฺตมํ, ตสฺส ทายิกาฯ ‘‘ปุปฺผุตฺตมทายิกา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ปิยรูปทายิกาติ ปิยสภาวสฺส ปิยชาติกสฺส จ วตฺถุโน ทายิกาฯ มนาปนฺติ มนวฑฺฒนกํฯ ทิพฺพนฺติ ทิวิ ภวตฺตา ทิพฺพํฯ อุเปจฺจาติ อุปคนฺตฺวา เจเตตฺวา, ‘‘เอทิสํ ลเภยฺย’’นฺติ ปกเปฺปตฺวาติ อโตฺถฯ ฐานนฺติ วิมานาทิกํ ฐานํ, อิสฺสริยํ วาฯ ‘‘มนาปา’’ติปิ ปาโฐ, อเญฺญสํ มนวฑฺฒนกา หุตฺวาติ อโตฺถฯ
333. Tattha vatthuttamadāyikāti vatthānaṃ uttamaṃ seṭṭhaṃ, vatthesu vā bahūsu uccinitvā gahitaṃ ukkaṃsagataṃ pavaraṃ koṭibhūtaṃ vatthaṃ vatthuttamaṃ, tassa dāyikā. ‘‘Pupphuttamadāyikā’’tiādīsupi eseva nayo. Piyarūpadāyikāti piyasabhāvassa piyajātikassa ca vatthuno dāyikā. Manāpanti manavaḍḍhanakaṃ. Dibbanti divi bhavattā dibbaṃ. Upeccāti upagantvā cetetvā, ‘‘edisaṃ labheyya’’nti pakappetvāti attho. Ṭhānanti vimānādikaṃ ṭhānaṃ, issariyaṃ vā. ‘‘Manāpā’’tipi pāṭho, aññesaṃ manavaḍḍhanakā hutvāti attho.
๓๓๔. ปสฺส ปุญฺญานํ วิปากนฺติ วตฺถุตฺตมทานสฺส นาม อิทมีทิสํ ผลํ ปสฺสาติ อตฺตนา ลทฺธสมฺปตฺติํ สมฺภาเวนฺตี วทติฯ
334.Passa puññānaṃ vipākanti vatthuttamadānassa nāma idamīdisaṃ phalaṃ passāti attanā laddhasampattiṃ sambhāventī vadati.
๓๔๑. ปุปฺผุตฺตมทายิกาติ รตนตฺตยปูชาวเสน ปุปฺผุตฺตมทายิกา, ตถา คนฺธุตฺตมทายิกาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ตตฺถ ปุปฺผุตฺตมํ สุมนปุปฺผาทิ, คนฺธุตฺตมํ จนฺทนคนฺธาทิ, ผลุตฺตมํ ปนสผลาทิ, รสุตฺตมํ โครสสปฺปิอาทิ เวทิตพฺพํฯ
341.Pupphuttamadāyikāti ratanattayapūjāvasena pupphuttamadāyikā, tathā gandhuttamadāyikāti daṭṭhabbā. Tattha pupphuttamaṃ sumanapupphādi, gandhuttamaṃ candanagandhādi, phaluttamaṃ panasaphalādi, rasuttamaṃ gorasasappiādi veditabbaṃ.
๓๗๓. คนฺธปญฺจงฺคุลิกนฺติ คเนฺธน ปญฺจงฺคุลิกทานํฯ กสฺสปสฺส ภควโต ถูปมฺหีติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โยชนิเก กนกถูเปฯ
373.Gandhapañcaṅgulikanti gandhena pañcaṅgulikadānaṃ. Kassapassa bhagavato thūpamhīti kassapasammāsambuddhassa yojanike kanakathūpe.
๓๘๑. ปนฺถปฎิปเนฺนติ มคฺคํ คจฺฉเนฺตฯ เอกูโปสถนฺติ เอกทิวสํ อุโปสถวาสํฯ
381.Panthapaṭipanneti maggaṃ gacchante. Ekūposathanti ekadivasaṃ uposathavāsaṃ.
๓๘๙. อุทกมทาสินฺติ มุขวิกฺขาลนตฺถํ ปิวนตฺถญฺจ อุทกํ ปานียํ อทาสิํฯ
389.Udakamadāsinti mukhavikkhālanatthaṃ pivanatthañca udakaṃ pānīyaṃ adāsiṃ.
๓๙๗. จณฺฑิเกติ จเณฺฑฯ อนุสูยิกาติ อุสูยา รหิตาฯ
397.Caṇḍiketi caṇḍe. Anusūyikāti usūyā rahitā.
๔๐๕. ปรกมฺมกรีติ ปเรสํ เวยฺยาวจฺจการินีฯ อเตฺถนาติ อตฺถกิเจฺจนฯ สํวิภาคินี สกสฺส ภาคสฺสาติ อตฺถิกานํ อตฺตนา ปฎิลทฺธภาคสฺส สํวิภชนสีลาฯ
405.Parakammakarīti paresaṃ veyyāvaccakārinī. Atthenāti atthakiccena. Saṃvibhāginī sakassa bhāgassāti atthikānaṃ attanā paṭiladdhabhāgassa saṃvibhajanasīlā.
๔๑๓. ขีโรทนนฺติ ขีรสมฺมิสฺสํ โอทนํ, ขีเรน สทฺธิํ โอทนํ วาฯ
413.Khīrodananti khīrasammissaṃ odanaṃ, khīrena saddhiṃ odanaṃ vā.
๔๓๗. ติมฺพรุสกนฺติ ติณฺฑุกผลํฯ ติปุสสทิสา เอกา วลฺลิชาติ ติมฺพรุสํ, ตสฺส ผลํ ติมฺพรุสกนฺติ วทนฺติฯ
437.Timbarusakanti tiṇḍukaphalaṃ. Tipusasadisā ekā vallijāti timbarusaṃ, tassa phalaṃ timbarusakanti vadanti.
๔๔๕. กกฺการิกนฺติ ขุทฺทเกฬาลุกํ, ติปุสนฺติ จ วทนฺติฯ
445.Kakkārikanti khuddakeḷālukaṃ, tipusanti ca vadanti.
๔๗๗. หตฺถปฺปตาปกนฺติ มนฺทามุขิํฯ
477.Hatthappatāpakanti mandāmukhiṃ.
๕๑๗. อมฺพกญฺชิกนฺติ อมฺพิลกญฺชิกํฯ
517.Ambakañjikanti ambilakañjikaṃ.
๕๒๕. โทณินิมฺมชฺชนินฺติ สเตลํ ติลปิญฺญากํฯ
525.Doṇinimmajjaninti satelaṃ tilapiññākaṃ.
๕๕๗. วิธูปนนฺติ จตุรสฺสพีชนิํฯ
557.Vidhūpananti caturassabījaniṃ.
๕๖๕. ตาลวณฺฎนฺติ ตาลปเตฺตหิ กตมณฺฑลพีชนิํฯ
565.Tālavaṇṭanti tālapattehi katamaṇḍalabījaniṃ.
๕๗๓. โมรหตฺถนฺติ มยูรปิเญฺฉ หิ กตํ มกสพีชนิํฯ
573.Morahatthanti mayūrapiñche hi kataṃ makasabījaniṃ.
๖๑๗. สฺวาคตํ วต เมติ มยฺหํ อิธาคมนํ โสภนํ วต อโห สุนฺทรํฯ อชฺช สุปฺปภาตํ สุหุฎฺฐิตนฺติ อชฺช มยฺหํ รตฺติยา สุฎฺฐุ ปภาตํ สมฺมเทว วิภายนํ ชาตํ, สยนโต อุฎฺฐานมฺปิ สุหุฎฺฐิตํ สุฎฺฐุ อุฎฺฐิตํฯ กิํ การณาติ อาห ‘‘ยํ อทฺทสามิ เทวตาโย’’ติอาทิฯ
617.Svāgataṃvata meti mayhaṃ idhāgamanaṃ sobhanaṃ vata aho sundaraṃ. Ajja suppabhātaṃsuhuṭṭhitanti ajja mayhaṃ rattiyā suṭṭhu pabhātaṃ sammadeva vibhāyanaṃ jātaṃ, sayanato uṭṭhānampi suhuṭṭhitaṃ suṭṭhu uṭṭhitaṃ. Kiṃ kāraṇāti āha ‘‘yaṃ addasāmi devatāyo’’tiādi.
๖๑๘. ธมฺมํ สุตฺวาติ กมฺมผลสฺส ปจฺจกฺขกรณวเสน ตุเมฺหหิ กตํ กุสลํ ธมฺมํ สุตฺวาฯ กาหามีติ กริสฺสามิฯ สมจริยายาติ กายสมาจาริกสฺส สุจริตสฺส จรเณนฯ สญฺญเมนาติ สีลสํวเรนฯ ทเมนาติ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ ทเมนฯ อิทานิ ตสฺส กุสลสฺส อตฺตโน โลกสฺส จ วิวฎฺฎูปนิสฺสยตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สฺวาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ วุตฺตํฯ
618.Dhammaṃ sutvāti kammaphalassa paccakkhakaraṇavasena tumhehi kataṃ kusalaṃ dhammaṃ sutvā. Kāhāmīti karissāmi. Samacariyāyāti kāyasamācārikassa sucaritassa caraṇena. Saññamenāti sīlasaṃvarena. Damenāti manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ damena. Idāni tassa kusalassa attano lokassa ca vivaṭṭūpanissayataṃ dassetuṃ ‘‘svāhaṃ tattha gamissāmi, yattha gantvā na socare’’ti vuttaṃ.
เอวมยํ ยทิปิ วตฺถุตฺตมทายิกาวิมานาทิวเสน ฉตฺติํสวิมานสงฺคหา เทสนา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส วิย คุตฺติลาจริยสฺสาปิ วิภาวนวเสน ปวตฺตาติ ‘‘คุตฺติลวิมาน’’เนฺตฺวว สงฺคหํ อารุฬฺหา, วิมานานิ ปน อิตฺถิปฎิพทฺธานีติ อิตฺถิวิมาเนเยว สงฺคหิตานิฯ ตา ปน อิตฺถิโย กสฺสปสฺส ทสพลสฺส กาเล ยถาวุตฺตธมฺมจรเณ อปราปรุปฺปนฺนเจตนาวเสน ทุติยตฺตภาวโต ปฎฺฐาย เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เอว สํสรนฺติโย อมฺหากมฺปิ ภควโต กาเล ตาวติํสภวเนเยว นิพฺพตฺตา, อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา กมฺมสริกฺขตาย คุตฺติลาจริเยน ปุจฺฉิตกาเล วิย พฺยากริํสูติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Evamayaṃ yadipi vatthuttamadāyikāvimānādivasena chattiṃsavimānasaṅgahā desanā āyasmato mahāmoggallānassa viya guttilācariyassāpi vibhāvanavasena pavattāti ‘‘guttilavimāna’’ntveva saṅgahaṃ āruḷhā, vimānāni pana itthipaṭibaddhānīti itthivimāneyeva saṅgahitāni. Tā pana itthiyo kassapassa dasabalassa kāle yathāvuttadhammacaraṇe aparāparuppannacetanāvasena dutiyattabhāvato paṭṭhāya ekaṃ buddhantaraṃ devaloke eva saṃsarantiyo amhākampi bhagavato kāle tāvatiṃsabhavaneyeva nibbattā, āyasmatā mahāmoggallānena pucchitā kammasarikkhatāya guttilācariyena pucchitakāle viya byākariṃsūti daṭṭhabbā.
คุตฺติลวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Guttilavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๕. คุตฺติลวิมานํ • 5. Guttilavimānaṃ