Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๓๕] ๙. หลิทฺทิราคชาตกวณฺณนา
[435] 9. Haliddirāgajātakavaṇṇanā
สุติติกฺขนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เตรสกนิปาเต จูฬนารทชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ อตีตวตฺถุมฺหิ ปน สา กุมาริกา ตสฺส ตาปสกุมารสฺส สีลํ ภินฺทิตฺวา อตฺตโน วเส ฐิตภาวํ ญตฺวา ‘‘อิมํ วเญฺจตฺวา มนุสฺสปถํ เนสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘รูปาทิกามคุณวิรหิเต อรเญฺญ รกฺขิตสีลํ นาม น มหปฺผลํ โหติ, มนุสฺสปเถ รูปาทีนํ ปจฺจุปฎฺฐาเน มหปฺผลํ โหติ, เอหิ มยา สทฺธิํ ตตฺถ คนฺตฺวา สีลํ รกฺขาหิ, กิํ เต อรเญฺญนา’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Sutitikkhanti idaṃ satthā jetavane viharanto thullakumārikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Vatthu terasakanipāte cūḷanāradajātake (jā. 1.13.40 ādayo) āvi bhavissati. Atītavatthumhi pana sā kumārikā tassa tāpasakumārassa sīlaṃ bhinditvā attano vase ṭhitabhāvaṃ ñatvā ‘‘imaṃ vañcetvā manussapathaṃ nessāmī’’ti cintetvā ‘‘rūpādikāmaguṇavirahite araññe rakkhitasīlaṃ nāma na mahapphalaṃ hoti, manussapathe rūpādīnaṃ paccupaṭṭhāne mahapphalaṃ hoti, ehi mayā saddhiṃ tattha gantvā sīlaṃ rakkhāhi, kiṃ te araññenā’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๗๘.
78.
‘‘สุติติกฺขํ อรญฺญมฺหิ, ปนฺตมฺหิ สยนาสเน;
‘‘Sutitikkhaṃ araññamhi, pantamhi sayanāsane;
เย จ คาเม ติติกฺขนฺติ, เต อุฬารตรา ตยา’’ติฯ
Ye ca gāme titikkhanti, te uḷāratarā tayā’’ti.
ตตฺถ สุติติกฺขนฺติ สุฎฺฐุ อธิวาสนํฯ ติติกฺขนฺตีติ สีตาทีนิ อธิวาเสนฺติฯ
Tattha sutitikkhanti suṭṭhu adhivāsanaṃ. Titikkhantīti sītādīni adhivāsenti.
ตํ สุตฺวา ตาปสกุมาโร ‘‘ปิตา เม อรญฺญํ คโต, ตสฺมิํ อาคเต ตํ อาปุจฺฉิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาหฯ สา จิเนฺตสิ ‘‘ปิตา กิรสฺส อตฺถิ, สเจ มํ โส ปสฺสิสฺสติ, กาชโกฎิยา มํ โปเถตฺวา วินาสํ ปาเปสฺสติ, มยา ปฐมเมว คนฺตพฺพ’’นฺติฯ อถ นํ สา ‘‘เตน หิ อหํ มคฺคสญฺญํ กุรุมานา ปฐมตรํ คมิสฺสามิ, ตฺวํ ปจฺฉา อาคจฺฉาหี’’ติ วตฺวา อคมาสิฯ โส ตสฺสา คตกาเล เนว ทารูนิ อาหริ, น ปานียํ, น ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปสิ, เกวลํ ปชฺฌายโนฺตว นิสีทิ, ปิตุ อาคมนกาเล ปจฺจุคฺคมนํ นากาสิฯ อถ นํ ปิตา ‘‘อิตฺถีนํ วสํ คโต เอโส’’ติ ญตฺวาปิ ‘‘กสฺมา ตาต, เนว ทารูนิ อาหริ, น ปานียํ, น ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปสิ, ปชฺฌายโนฺตเยว ปน นิสิโนฺนสี’’ติ อาหฯ อถ นํ ตาปสกุมาโร ‘‘ตาต, อรเญฺญ กิร รกฺขิตสีลํ นาม น มหปฺผลํ โหติ, มนุสฺสปเถ มหปฺผลํ , อหํ ตตฺถ คนฺตฺวา สีลํ รกฺขิสฺสามิ, สหาโย เม มํ ‘อาคเจฺฉยฺยาสี’ติ วตฺวา ปุรโต คโต, อหํ เตเนว สทฺธิํ คมิสฺสามิ, ตตฺถ ปน วสเนฺตน มยา กตโร ปุริโส เสวิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉโนฺต ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā tāpasakumāro ‘‘pitā me araññaṃ gato, tasmiṃ āgate taṃ āpucchitvā gamissāmī’’ti āha. Sā cintesi ‘‘pitā kirassa atthi, sace maṃ so passissati, kājakoṭiyā maṃ pothetvā vināsaṃ pāpessati, mayā paṭhamameva gantabba’’nti. Atha naṃ sā ‘‘tena hi ahaṃ maggasaññaṃ kurumānā paṭhamataraṃ gamissāmi, tvaṃ pacchā āgacchāhī’’ti vatvā agamāsi. So tassā gatakāle neva dārūni āhari, na pānīyaṃ, na paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpesi, kevalaṃ pajjhāyantova nisīdi, pitu āgamanakāle paccuggamanaṃ nākāsi. Atha naṃ pitā ‘‘itthīnaṃ vasaṃ gato eso’’ti ñatvāpi ‘‘kasmā tāta, neva dārūni āhari, na pānīyaṃ, na paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpesi, pajjhāyantoyeva pana nisinnosī’’ti āha. Atha naṃ tāpasakumāro ‘‘tāta, araññe kira rakkhitasīlaṃ nāma na mahapphalaṃ hoti, manussapathe mahapphalaṃ , ahaṃ tattha gantvā sīlaṃ rakkhissāmi, sahāyo me maṃ ‘āgaccheyyāsī’ti vatvā purato gato, ahaṃ teneva saddhiṃ gamissāmi, tattha pana vasantena mayā kataro puriso sevitabbo’’ti pucchanto dutiyaṃ gāthamāha –
๗๙.
79.
‘‘อรญฺญา คามมาคมฺม, กิํสีลํ กิํวตํ อหํ;
‘‘Araññā gāmamāgamma, kiṃsīlaṃ kiṃvataṃ ahaṃ;
ปุริสํ ตาต เสเวยฺยํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Purisaṃ tāta seveyyaṃ, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
อถสฺส ปิตา กเถโนฺต เสสคาถา อภาสิ –
Athassa pitā kathento sesagāthā abhāsi –
๘๐.
80.
‘‘โย เต วิสฺสาสเย ตาต, วิสฺสาสญฺจ ขเมยฺย เต;
‘‘Yo te vissāsaye tāta, vissāsañca khameyya te;
สุสฺสูสี จ ติติกฺขี จ, ตํ ภเชหิ อิโต คโตฯ
Sussūsī ca titikkhī ca, taṃ bhajehi ito gato.
๘๑.
81.
‘‘ยสฺส กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฎํ;
‘‘Yassa kāyena vācāya, manasā natthi dukkaṭaṃ;
อุรสีว ปติฎฺฐาย, ตํ ภเชหิ อิโต คโตฯ
Urasīva patiṭṭhāya, taṃ bhajehi ito gato.
๘๒.
82.
‘‘โย จ ธเมฺมน จรติ, จรโนฺตปิ น มญฺญติ;
‘‘Yo ca dhammena carati, carantopi na maññati;
วิสุทฺธการิํ สปฺปญฺญํ, ตํ ภเชหิ อิโต คโตฯ
Visuddhakāriṃ sappaññaṃ, taṃ bhajehi ito gato.
๘๓.
83.
‘‘หลิทฺทิราคํ กปิจิตฺตํ, ปุริสํ ราควิราคินํ;
‘‘Haliddirāgaṃ kapicittaṃ, purisaṃ rāgavirāginaṃ;
ตาทิสํ ตาต มา เสวิ, นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยาฯ
Tādisaṃ tāta mā sevi, nimmanussampi ce siyā.
๘๔.
84.
‘‘อาสีวิสํว กุปิตํ, มีฬฺหลิตฺตํ มหาปถํ;
‘‘Āsīvisaṃva kupitaṃ, mīḷhalittaṃ mahāpathaṃ;
อารกา ปริวเชฺชหิ, ยานีว วิสมํ ปถํฯ
Ārakā parivajjehi, yānīva visamaṃ pathaṃ.
๘๕.
85.
‘‘อนตฺถา ตาต วฑฺฒนฺติ, พาลํ อจฺจุปเสวโต;
‘‘Anatthā tāta vaḍḍhanti, bālaṃ accupasevato;
มาสฺสุ พาเลน สํคจฺฉิ, อมิเตฺตเนว สพฺพทาฯ
Māssu bālena saṃgacchi, amitteneva sabbadā.
๘๖.
86.
‘‘ตํ ตาหํ ตาต ยาจามิ, กรสฺสุ วจนํ มม;
‘‘Taṃ tāhaṃ tāta yācāmi, karassu vacanaṃ mama;
มาสฺสุ พาเลน สํคจฺฉิ, ทุโกฺข พาเลหิ สงฺคโม’’ติฯ
Māssu bālena saṃgacchi, dukkho bālehi saṅgamo’’ti.
ตตฺถ โย เต วิสฺสาสเยติ โย ตว วิสฺสาเสยฺยฯ ขเมยฺย เตติ โย จ ตว อตฺตนิ ตยา กตํ วิสฺสาสํ ขเมยฺยฯ สุสฺสูสี จ ติติกฺขี จาติ ตว วจนํ สุสฺสูสาย เจว วจนาธิวาสเนน จ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ อุรสีว ปติฎฺฐายาติ ยถา มาตุ อุรสิ ปุโตฺต ปติฎฺฐาติ, เอวํ ปติฎฺฐหิตฺวา อตฺตโน มาตรํ วิย มญฺญมาโน ตํ ภเชยฺยาสีติ วทติฯ โย จ ธเมฺมน จรตีติ โย ติวิเธน สุจริเตน ธเมฺมน อิริยติฯ น มญฺญตีติ ตถา จรโนฺตปิ ‘‘อหํ ธมฺมํ จรามี’’ติ มานํ น กโรติฯ วิสุทฺธการินฺติ วิสุทฺธานํ ทสกุสลกมฺมปถานํ การกํฯ
Tattha yo te vissāsayeti yo tava vissāseyya. Khameyya teti yo ca tava attani tayā kataṃ vissāsaṃ khameyya. Sussūsī ca titikkhī cāti tava vacanaṃ sussūsāya ceva vacanādhivāsanena ca samannāgato bhaveyyāti attho. Urasīva patiṭṭhāyāti yathā mātu urasi putto patiṭṭhāti, evaṃ patiṭṭhahitvā attano mātaraṃ viya maññamāno taṃ bhajeyyāsīti vadati. Yo ca dhammena caratīti yo tividhena sucaritena dhammena iriyati. Na maññatīti tathā carantopi ‘‘ahaṃ dhammaṃ carāmī’’ti mānaṃ na karoti. Visuddhakārinti visuddhānaṃ dasakusalakammapathānaṃ kārakaṃ.
ราควิราคินนฺติ ราคินญฺจ วิราคินญฺจ รชฺชิตฺวา ตํขณเญฺญว วิรชฺชนสภาวํฯ นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยาติ สเจปิ สกลชมฺพุทีปตลํ นิมฺมนุสฺสํ โหติ, โสเยว เอโก มนุโสฺส ติฎฺฐติ, ตถาปิ ตาทิสํ มา เสวิฯ มหาปถนฺติ คูถมกฺขิตํ มคฺคํ วิยฯ ยานีวาติ ยาเนน คจฺฉโนฺต วิยฯ วิสมนฺติ นินฺนอุนฺนตขาณุปาสาณาทิวิสมํฯ พาลํ อจฺจุปเสวโตติ พาลํ อปฺปญฺญํ อติเสวนฺตสฺสฯ สพฺพทาติ ตาต, พาเลน สห สํวาโส นาม อมิตฺตสํวาโส วิย สพฺพทา นิจฺจกาลเมว ทุโกฺขฯ ตํ ตาหนฺติ เตน การเณน ตํ อหํฯ
Rāgavirāginanti rāginañca virāginañca rajjitvā taṃkhaṇaññeva virajjanasabhāvaṃ. Nimmanussampi ce siyāti sacepi sakalajambudīpatalaṃ nimmanussaṃ hoti, soyeva eko manusso tiṭṭhati, tathāpi tādisaṃ mā sevi. Mahāpathanti gūthamakkhitaṃ maggaṃ viya. Yānīvāti yānena gacchanto viya. Visamanti ninnaunnatakhāṇupāsāṇādivisamaṃ. Bālaṃ accupasevatoti bālaṃ appaññaṃ atisevantassa. Sabbadāti tāta, bālena saha saṃvāso nāma amittasaṃvāso viya sabbadā niccakālameva dukkho. Taṃ tāhanti tena kāraṇena taṃ ahaṃ.
โส เอวํ ปิตรา โอวทิโต ‘‘ตาต, อหํ มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา ตุมฺหาทิเส ปณฺฑิเต น ลภิสฺสามิ, ตตฺถ คนฺตุํ ภายามิ, อิเธว ตุมฺหากํ สนฺติเก วสิสฺสามี’’ติ อาหฯ อถสฺส ภิโยฺยปิ โอวาทํ ทตฺวา กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิฯ โส น จิรเสฺสว อภิญฺญาสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา สทฺธิํ ปิตรา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
So evaṃ pitarā ovadito ‘‘tāta, ahaṃ manussapathaṃ gantvā tumhādise paṇḍite na labhissāmi, tattha gantuṃ bhāyāmi, idheva tumhākaṃ santike vasissāmī’’ti āha. Athassa bhiyyopi ovādaṃ datvā kasiṇaparikammaṃ ācikkhi. So na cirasseva abhiññāsamāpattiyo nibbattetvā saddhiṃ pitarā brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi.
ตทา ตาปสกุมาโร อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ อโหสิ, กุมาริกา ถุลฺลกุมาริกาว, ปิตา ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Tadā tāpasakumāro ukkaṇṭhitabhikkhu ahosi, kumārikā thullakumārikāva, pitā tāpaso pana ahameva ahosinti.
หลิทฺทิราคชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Haliddirāgajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๓๕. หลิทฺทิราคชาตกํ • 435. Haliddirāgajātakaṃ