Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๓๙] ๙. หริตมณฺฑูกชาตกวณฺณนา
[239] 9. Haritamaṇḍūkajātakavaṇṇanā
อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิฯ โกสลราชสฺส หิ ปิตา มหาโกสโล พิมฺพิสารรโญฺญ ธีตรํ ททมาโน ธีตุ นฺหานมูลํ กาสิคามกํ นาม อทาสิฯ สา อชาตสตฺตุนา ปิตุฆาตกกเมฺม กเต รโญฺญ สิเนเหน นจิรเสฺสว กาลมกาสิฯ อชาตสตฺตุ มาตริ กาลกตายปิ ตํ คามํ ภุญฺชเตวฯ โกสลราชา ‘‘ปิตุฆาตกสฺส โจรสฺส มม กุลสนฺตกํ คามํ น ทสฺสามี’’ติ เตน สทฺธิํ ยุชฺฌติฯ กทาจิ มาตุลสฺส ชโย โหติ, กทาจิ ภาคิเนยฺยสฺสฯ ยทา ปน อชาตสตฺตุ ชินาติ, ตทา โสมนสฺสปฺปโตฺต รเถ ธชํ อุสฺสาเปตฺวา มหเนฺตน ยเสน นครํ ปวิสติฯ ยทา ปน ปราชยติ, ตทา โทมนสฺสปฺปโตฺต กญฺจิ อชานาเปตฺวาว ปวิสติฯ อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อชาตสตฺตุ มาตุลํ ชินิตฺวา ตุสฺสติ, ปราชิโต โทมนสฺสปฺปโตฺต โหตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส ชินิตฺวา ตุสฺสติ, ปราชิโต โทมนสฺสปฺปโตฺต โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Āsīvisampimaṃ santanti idaṃ satthā veḷuvane viharanto ajātasattuṃ ārabbha kathesi. Kosalarājassa hi pitā mahākosalo bimbisārarañño dhītaraṃ dadamāno dhītu nhānamūlaṃ kāsigāmakaṃ nāma adāsi. Sā ajātasattunā pitughātakakamme kate rañño sinehena nacirasseva kālamakāsi. Ajātasattu mātari kālakatāyapi taṃ gāmaṃ bhuñjateva. Kosalarājā ‘‘pitughātakassa corassa mama kulasantakaṃ gāmaṃ na dassāmī’’ti tena saddhiṃ yujjhati. Kadāci mātulassa jayo hoti, kadāci bhāgineyyassa. Yadā pana ajātasattu jināti, tadā somanassappatto rathe dhajaṃ ussāpetvā mahantena yasena nagaraṃ pavisati. Yadā pana parājayati, tadā domanassappatto kañci ajānāpetvāva pavisati. Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, ajātasattu mātulaṃ jinitvā tussati, parājito domanassappatto hotī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa jinitvā tussati, parājito domanassappatto hotī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต นีลมณฺฑูกโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ ตทา มนุสฺสา นทีกนฺทราทีสุ ตตฺถ ตตฺถ มเจฺฉ คหณตฺถาย กุมีนานิ โอเฑฺฑสุํฯ เอกสฺมิํ กุมีเน พหู มจฺฉา ปวิสิํสุฯ อเถโก อุทกาสีวิโส มเจฺฉ ขาทโนฺต ตํ กุมีนํ ปาวิสิ, พหู มจฺฉา เอกโต หุตฺวา ตํ ขาทนฺตา เอกโลหิตํ อกํสุฯ โส ปฎิสรณํ อปสฺสโนฺต มรณภยตชฺชิโต กุมีนมุเขน นิกฺขมิตฺวา เวทนาปฺปโตฺต อุทกปริยเนฺต นิปชฺชิฯ นีลมณฺฑูโกปิ ตสฺมิํ ขเณ อุปฺปติตฺวา กุมีนสูลมตฺถเก นิปโนฺน โหติฯ อาสีวิโส วินิจฺฉยฎฺฐานํ อลภโนฺต ตตฺถ นิปนฺนํ ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม นีลมณฺฑูก, อิเมสํ มจฺฉานํ กิริยา รุจฺจติ ตุยฺห’’นฺติ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto nīlamaṇḍūkayoniyaṃ nibbatti. Tadā manussā nadīkandarādīsu tattha tattha macche gahaṇatthāya kumīnāni oḍḍesuṃ. Ekasmiṃ kumīne bahū macchā pavisiṃsu. Atheko udakāsīviso macche khādanto taṃ kumīnaṃ pāvisi, bahū macchā ekato hutvā taṃ khādantā ekalohitaṃ akaṃsu. So paṭisaraṇaṃ apassanto maraṇabhayatajjito kumīnamukhena nikkhamitvā vedanāppatto udakapariyante nipajji. Nīlamaṇḍūkopi tasmiṃ khaṇe uppatitvā kumīnasūlamatthake nipanno hoti. Āsīviso vinicchayaṭṭhānaṃ alabhanto tattha nipannaṃ taṃ disvā ‘‘samma nīlamaṇḍūka, imesaṃ macchānaṃ kiriyā ruccati tuyha’’nti pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๗๗.
177.
‘‘อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตํ, ปวิฎฺฐํ กุมินามุขํ;
‘‘Āsīvisampi maṃ santaṃ, paviṭṭhaṃ kumināmukhaṃ;
รุจฺจเต หริตามาตา, ยํ มํ ขาทนฺติ มจฺฉกา’’ติฯ
Ruccate haritāmātā, yaṃ maṃ khādanti macchakā’’ti.
ตตฺถ อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตนฺติ มํ อาคตวิสํ สมานํฯ รุจฺจเต หริตามาตา, ยํ มํ ขาทนฺติ มจฺฉกาติ เอตํ ตว รุจฺจติ หริตมณฺฑูกปุตฺตาติ วทติฯ
Tattha āsīvisampi maṃ santanti maṃ āgatavisaṃ samānaṃ. Ruccate haritāmātā, yaṃ maṃ khādanti macchakāti etaṃ tava ruccati haritamaṇḍūkaputtāti vadati.
อถ นํ หริตมณฺฑูโก ‘‘อาม, สมฺม, รุจฺจตี’’ติฯ ‘‘กิํการณา’’ติ? ‘‘สเจ ตฺวมฺปิ ตว ปเทสํ อาคเต มเจฺฉ ขาทสิ, มจฺฉาปิ อตฺตโน ปเทสํ อาคตํ ตํ ขาทนฺติ, อตฺตโน วิสเย ปเทเส โคจรภูมิยํ อพลวา นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Atha naṃ haritamaṇḍūko ‘‘āma, samma, ruccatī’’ti. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti? ‘‘Sace tvampi tava padesaṃ āgate macche khādasi, macchāpi attano padesaṃ āgataṃ taṃ khādanti, attano visaye padese gocarabhūmiyaṃ abalavā nāma natthī’’ti vatvā dutiyaṃ gāthamāha –
๑๗๘.
178.
‘‘วิลุมฺปเตว ปุริโส, ยาวสฺส อุปกปฺปติ;
‘‘Vilumpateva puriso, yāvassa upakappati;
ยทา จเญฺญ วิลุมฺปนฺติ, โส วิลุโตฺต วิลุมฺปตี’’ติฯ
Yadā caññe vilumpanti, so vilutto vilumpatī’’ti.
ตตฺถ วิลุมฺปเตว ปุริโส, ยาวสฺส อุปกปฺปตีติ ยาว อสฺส ปุริสสฺส อิสฺสริยํ อุปกปฺปติ อิชฺฌติ ปวตฺตติ, ตาว โส อญฺญํ วิลุมฺปติเยวฯ ‘‘ยาว โส อุปกปฺปตี’’ติปิ ปาโฐ , ยตฺตกํ กาลํ โส ปุริโส สโกฺกติ วิลุมฺปิตุนฺติ อโตฺถฯ ยทา จเญฺญ วิลุมฺปนฺตีติ ยทา จ อเญฺญ อิสฺสรา หุตฺวา วิลุมฺปนฺติฯ โส วิลุโตฺต วิลุมฺปตีติ อถ โส วิลุมฺปโก อเญฺญหิ วิลุมฺปติฯ ‘‘วิลุมฺปเต’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ ‘‘วิลุมฺปน’’นฺติปิ ปฐนฺติ, ตสฺสโตฺถ น สเมติฯ เอวํ ‘‘วิลุมฺปโก ปุน วิลุมฺปํ ปาปุณาตี’’ติ โพธิสเตฺตน อเฑฺฑ วินิจฺฉิเต อุทกาสีวิสสฺส ทุพฺพลภาวํ ญตฺวา ‘‘ปจฺจามิตฺตํ คณฺหิสฺสามา’’ติ มจฺฉคณา กุมีนมุขา นิกฺขมิตฺวา ตเตฺถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปกฺกมุํฯ
Tattha vilumpateva puriso, yāvassa upakappatīti yāva assa purisassa issariyaṃ upakappati ijjhati pavattati, tāva so aññaṃ vilumpatiyeva. ‘‘Yāva so upakappatī’’tipi pāṭho , yattakaṃ kālaṃ so puriso sakkoti vilumpitunti attho. Yadā caññe vilumpantīti yadā ca aññe issarā hutvā vilumpanti. So vilutto vilumpatīti atha so vilumpako aññehi vilumpati. ‘‘Vilumpate’’tipi pāṭho, ayamevattho. ‘‘Vilumpana’’ntipi paṭhanti, tassattho na sameti. Evaṃ ‘‘vilumpako puna vilumpaṃ pāpuṇātī’’ti bodhisattena aḍḍe vinicchite udakāsīvisassa dubbalabhāvaṃ ñatvā ‘‘paccāmittaṃ gaṇhissāmā’’ti macchagaṇā kumīnamukhā nikkhamitvā tattheva naṃ jīvitakkhayaṃ pāpetvā pakkamuṃ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อุทกาสีวิโส อชาตสตฺตุ อโหสิ, นีลมณฺฑูโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā udakāsīviso ajātasattu ahosi, nīlamaṇḍūko pana ahameva ahosi’’nti.
หริตมณฺฑูกชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Haritamaṇḍūkajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๓๙. หริตมณฺฑูกชาตกํ • 239. Haritamaṇḍūkajātakaṃ