Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๕. หตฺถกสุตฺตํ
5. Hatthakasuttaṃ
๓๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ โคมเคฺค สิํสปาวเน ปณฺณสนฺถเรฯ อถ โข หตฺถโก อาฬวโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อทฺทส ภควนฺตํ โคมเคฺค สิํสปาวเน ปณฺณสนฺถเร นิสินฺนํฯ ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข หตฺถโก อาฬวโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภเนฺต, ภควา สุขมสยิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวํ , กุมาร, สุขมสยิตฺถํฯ เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, อหํ เตสํ อญฺญตโร’’ติฯ
35. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā āḷaviyaṃ viharati gomagge siṃsapāvane paṇṇasanthare. Atha kho hatthako āḷavako jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno addasa bhagavantaṃ gomagge siṃsapāvane paṇṇasanthare nisinnaṃ. Disvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho hatthako āḷavako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kacci, bhante, bhagavā sukhamasayitthā’’ti? ‘‘Evaṃ , kumāra, sukhamasayitthaṃ. Ye ca pana loke sukhaṃ senti, ahaṃ tesaṃ aññataro’’ti.
‘‘สีตา, ภเนฺต, เหมนฺติกา รตฺติ, อนฺตรฎฺฐโก หิมปาตสมโย, ขรา โคกณฺฎกหตา ภูมิ, ตนุโก ปณฺณสนฺถโร, วิรฬานิ รุกฺขสฺส ปตฺตานิ, สีตานิ กาสายานิ วตฺถานิ, สีโต จ เวรโมฺภ วาโต วายติฯ อถ จ ปน ภควา เอวมาห – ‘เอวํ, กุมาร, สุขมสยิตฺถํฯ เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, อหํ เตสํ อญฺญตโร’’’ติฯ
‘‘Sītā, bhante, hemantikā ratti, antaraṭṭhako himapātasamayo, kharā gokaṇṭakahatā bhūmi, tanuko paṇṇasantharo, viraḷāni rukkhassa pattāni, sītāni kāsāyāni vatthāni, sīto ca verambho vāto vāyati. Atha ca pana bhagavā evamāha – ‘evaṃ, kumāra, sukhamasayitthaṃ. Ye ca pana loke sukhaṃ senti, ahaṃ tesaṃ aññataro’’’ti.
‘‘เตน หิ, กุมาร, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิฯ ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, กุมาร, อิธสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา กูฎาคารํ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ นิวาตํ ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตวาตปานํฯ ตตฺรสฺส ปลฺลโงฺก โคนกตฺถโต ปฎิกตฺถโต ปฎลิกตฺถโต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ 1 สอุตฺตรจฺฉโท อุภโต โลหิตกูปธาโน; เตลปฺปทีโป เจตฺถ ฌาเยยฺย 2; จตโสฺส จ 3 ปชาปติโย มนาปามนาเปน ปจฺจุปฎฺฐิตา อสฺสุฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, กุมาร, สุขํ วา โส สเยยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สุขํ โส, ภเนฺต, สเยยฺยฯ เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, โส เตสํ อญฺญตโร’’ติฯ
‘‘Tena hi, kumāra, taññevettha paṭipucchissāmi. Yathā te khameyya tathā naṃ byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi, kumāra, idhassa gahapatissa vā gahapatiputtassa vā kūṭāgāraṃ ullittāvalittaṃ nivātaṃ phusitaggaḷaṃ pihitavātapānaṃ. Tatrassa pallaṅko gonakatthato paṭikatthato paṭalikatthato kadalimigapavarapaccattharaṇo 4 sauttaracchado ubhato lohitakūpadhāno; telappadīpo cettha jhāyeyya 5; catasso ca 6 pajāpatiyo manāpāmanāpena paccupaṭṭhitā assu. Taṃ kiṃ maññasi, kumāra, sukhaṃ vā so sayeyya no vā? Kathaṃ vā te ettha hotī’’ti? ‘‘Sukhaṃ so, bhante, sayeyya. Ye ca pana loke sukhaṃ senti, so tesaṃ aññataro’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กุมาร, อปิ นุ ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา อุปฺปเชฺชยฺยุํ ราคชา ปริฬาหา กายิกา วา เจตสิกา วา เยหิ โส ราคเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kumāra, api nu tassa gahapatissa vā gahapatiputtassa vā uppajjeyyuṃ rāgajā pariḷāhā kāyikā vā cetasikā vā yehi so rāgajehi pariḷāhehi pariḍayhamāno dukkhaṃ sayeyyā’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’ti.
‘‘เยหิ โข โส, กุมาร, คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา ราคเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺย, โส ราโค ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺมฯ ตสฺมาหํ สุขมสยิตฺถํฯ
‘‘Yehi kho so, kumāra, gahapati vā gahapatiputto vā rāgajehi pariḷāhehi pariḍayhamāno dukkhaṃ sayeyya, so rāgo tathāgatassa pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṅkato āyatiṃ anuppādadhammo. Tasmāhaṃ sukhamasayitthaṃ.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กุมาร, อปิ นุ ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา อุปฺปเชฺชยฺยุํ โทสชา ปริฬาหา…เป.… โมหชา ปริฬาหา กายิกา วา เจตสิกา วา เยหิ โส โมหเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kumāra, api nu tassa gahapatissa vā gahapatiputtassa vā uppajjeyyuṃ dosajā pariḷāhā…pe… mohajā pariḷāhā kāyikā vā cetasikā vā yehi so mohajehi pariḷāhehi pariḍayhamāno dukkhaṃ sayeyyā’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’ti.
‘‘เย หิ โข โส, กุมาร, คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา โมหเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺย, โส โมโห ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺมฯ ตสฺมาหํ สุขมสยิตฺถ’’นฺติฯ
‘‘Ye hi kho so, kumāra, gahapati vā gahapatiputto vā mohajehi pariḷāhehi pariḍayhamāno dukkhaṃ sayeyya, so moho tathāgatassa pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṅkato āyatiṃ anuppādadhammo. Tasmāhaṃ sukhamasayittha’’nti.
‘‘สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา, วิเนยฺย หทเย ทรํ;
‘‘Sabbā āsattiyo chetvā, vineyya hadaye daraṃ;
อุปสโนฺต สุขํ เสติ, สนฺติํ ปปฺปุยฺย เจตโส’’ติฯ ปญฺจมํ;
Upasanto sukhaṃ seti, santiṃ pappuyya cetaso’’ti. pañcamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๕. หตฺถกสุตฺตวณฺณนา • 5. Hatthakasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕. หตฺถกสุตฺตวณฺณนา • 5. Hatthakasuttavaṇṇanā