Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๕. หตฺถกสุตฺตวณฺณนา
5. Hatthakasuttavaṇṇanā
๓๕. ปญฺจเม อาฬวิยนฺติ อาฬวิรเฎฺฐฯ โคมเคฺคติ คุนฺนํ คมนมเคฺคฯ ปณฺณสนฺถเรติ สยํ ปติตปณฺณสนฺถเรฯ อถาติ เอวํ คุนฺนํ คมนมคฺคํ อุชุํ มหาปถํ นิสฺสาย สิํสปาวเน สยํ ปติตปณฺณานิ สงฺกฑฺฒิตฺวา กตสนฺถเร สุคตมหาจีวรํ ปตฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสิเนฺน ตถาคเตฯ หตฺถโก อาฬวโกติ หตฺถโต หตฺถํ คตตฺตา เอวํลทฺธนาโม อาฬวโก ราชปุโตฺตฯ เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘กจฺจิ, ภเนฺต , ภควา’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ กสฺมา ปน สมฺมาสมฺพุโทฺธ ตํ ฐานํ คนฺตฺวา นิสิโนฺน, กสฺมา ราชกุมาโร ตตฺถ คโตติ? สมฺมาสมฺพุโทฺธ ตาว อฎฺฐุปฺปตฺติกาย ธมฺมเทสนาย สมุฎฺฐานํ ทิสฺวา ตตฺถ นิสิโนฺน, ราชกุมาโรปิ ปาโตว อุฎฺฐาย ปญฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต พุทฺธุปฎฺฐานํ คจฺฉโนฺต มหามคฺคา โอกฺกมฺม โคปถํ คเหตฺวา ‘‘พุทฺธานํ ปูชนตฺถาย มิสฺสกมาลํ โอจินิสฺสามี’’ติ คจฺฉโนฺต สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอวํ โส ตตฺถ คโตติฯ สุขมสยิตฺถาติ สุขํ สยิตฺถฯ
35. Pañcame āḷaviyanti āḷaviraṭṭhe. Gomaggeti gunnaṃ gamanamagge. Paṇṇasanthareti sayaṃ patitapaṇṇasanthare. Athāti evaṃ gunnaṃ gamanamaggaṃ ujuṃ mahāpathaṃ nissāya siṃsapāvane sayaṃ patitapaṇṇāni saṅkaḍḍhitvā katasanthare sugatamahācīvaraṃ pattharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinne tathāgate. Hatthako āḷavakoti hatthato hatthaṃ gatattā evaṃladdhanāmo āḷavako rājaputto. Etadavocāti etaṃ ‘‘kacci, bhante , bhagavā’’tiādivacanaṃ avoca. Kasmā pana sammāsambuddho taṃ ṭhānaṃ gantvā nisinno, kasmā rājakumāro tattha gatoti? Sammāsambuddho tāva aṭṭhuppattikāya dhammadesanāya samuṭṭhānaṃ disvā tattha nisinno, rājakumāropi pātova uṭṭhāya pañcahi upāsakasatehi parivuto buddhupaṭṭhānaṃ gacchanto mahāmaggā okkamma gopathaṃ gahetvā ‘‘buddhānaṃ pūjanatthāya missakamālaṃ ocinissāmī’’ti gacchanto satthāraṃ disvā upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi, evaṃ so tattha gatoti. Sukhamasayitthāti sukhaṃ sayittha.
อนฺตรฎฺฐโกติ มาฆผคฺคุณานํ อนฺตเร อฎฺฐทิวสปริมาโณ กาโลฯ มาฆสฺส หิ อวสาเน จตฺตาโร ทิวสา, ผคฺคุณสฺส อาทิมฺหิ จตฺตาโรติ อยํ ‘‘อนฺตรฎฺฐโก’’ติ วุจฺจติฯ หิมปาตสมโยติ หิมสฺส ปตนสมโยฯ ขราติ ผรุสา กกฺขฬา วาฯ โคกณฺฎกหตาติ นววุเฎฺฐ เทเว คาวีนํ อกฺกนฺตกฺกนฺตฎฺฐาเน ขุรนฺตเรหิ กทฺทโม อุคฺคนฺตฺวา ติฎฺฐติ, โส วาตาตเปน สุโกฺข กกจทนฺตสทิโส โหติ ทุกฺขสมฺผโสฺสฯ ตํ สนฺธายาห – ‘‘โคกณฺฎกหตา ภูมี’’ติฯ คุนฺนํ ขุรนฺตเรหิ ฉินฺนาติปิ อโตฺถฯ เวรโมฺภ วาโต วายตีติ จตูหิ ทิสาหิ วายโนฺต วาโต วายติฯ เอกาย ทิสาย วา ทฺวีหิ วา ทิสาหิ ตีหิ วา ทิสาหิ วายโนฺต วาโต เวรโมฺภติ น วุจฺจติฯ
Antaraṭṭhakoti māghaphagguṇānaṃ antare aṭṭhadivasaparimāṇo kālo. Māghassa hi avasāne cattāro divasā, phagguṇassa ādimhi cattāroti ayaṃ ‘‘antaraṭṭhako’’ti vuccati. Himapātasamayoti himassa patanasamayo. Kharāti pharusā kakkhaḷā vā. Gokaṇṭakahatāti navavuṭṭhe deve gāvīnaṃ akkantakkantaṭṭhāne khurantarehi kaddamo uggantvā tiṭṭhati, so vātātapena sukkho kakacadantasadiso hoti dukkhasamphasso. Taṃ sandhāyāha – ‘‘gokaṇṭakahatā bhūmī’’ti. Gunnaṃ khurantarehi chinnātipi attho. Verambho vāto vāyatīti catūhi disāhi vāyanto vāto vāyati. Ekāya disāya vā dvīhi vā disāhi tīhi vā disāhi vāyanto vāto verambhoti na vuccati.
เตน หิ ราชกุมาราติ อิทํ สตฺถา ‘‘อยํ ราชกุมาโร โลกสฺมิํ เนว สุขวาสิโน, น ทุกฺขวาสิโน ชานาติ, ชานาเปสฺสามิ น’’นฺติ อุปริ เทสนํ วเฑฺฒโนฺต อาหฯ ตตฺถ ยถา เต ขเมยฺยาติ ยถา ตุยฺหํ รุเจฺจยฺยฯ อิธสฺสาติ อิมสฺมิํ โลเก อสฺสฯ โคนกตฺถโตติ จตุรงฺคุลาธิกโลเมน กาฬโกชเวน อตฺถโตฯ ปฎิกตฺถโตติ อุณฺณามเยน เสตตฺถรเณน อตฺถโตฯ ปฎลิกตฺถโตติ ฆนปุเปฺผน อุณฺณามยอตฺถรเณน อตฺถโตฯ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณติ กทลิมิคจมฺมมเยน อุตฺตมปจฺจตฺถรเณน อตฺถโตฯ ตํ กิร ปจฺจตฺถรณํ เสตวตฺถสฺส อุปริ กทลิมิคจมฺมํ อตฺถริตฺวา สิพฺพิตฺวา กโรนฺติฯ สอุตฺตรจฺฉโทติ สห อุตฺตรจฺฉเทน, อุปริ พเทฺธน รตฺตวิตาเนน สทฺธินฺติ อโตฺถฯ อุภโตโลหิตกูปธาโนติ สีสูปธานญฺจ ปาทูปธานญฺจาติ ปลฺลงฺกสฺส อุภโต ฐปิตโลหิตกูปธาโนฯ ปชาปติโยติ ภริยาโยฯ มนาเปน ปจฺจุปฎฺฐิตา อสฺสูติ มนาเปน อุปฎฺฐานวิธาเนน ปจฺจุปฎฺฐิตา ภเวยฺยุํฯ
Tena hi rājakumārāti idaṃ satthā ‘‘ayaṃ rājakumāro lokasmiṃ neva sukhavāsino, na dukkhavāsino jānāti, jānāpessāmi na’’nti upari desanaṃ vaḍḍhento āha. Tattha yathā te khameyyāti yathā tuyhaṃ rucceyya. Idhassāti imasmiṃ loke assa. Gonakatthatoti caturaṅgulādhikalomena kāḷakojavena atthato. Paṭikatthatoti uṇṇāmayena setattharaṇena atthato. Paṭalikatthatoti ghanapupphena uṇṇāmayaattharaṇena atthato. Kadalimigapavarapaccattharaṇoti kadalimigacammamayena uttamapaccattharaṇena atthato. Taṃ kira paccattharaṇaṃ setavatthassa upari kadalimigacammaṃ attharitvā sibbitvā karonti. Sauttaracchadoti saha uttaracchadena, upari baddhena rattavitānena saddhinti attho. Ubhatolohitakūpadhānoti sīsūpadhānañca pādūpadhānañcāti pallaṅkassa ubhato ṭhapitalohitakūpadhāno. Pajāpatiyoti bhariyāyo. Manāpenapaccupaṭṭhitā assūti manāpena upaṭṭhānavidhānena paccupaṭṭhitā bhaveyyuṃ.
กายิกาติ ปญฺจทฺวารกายํ โขภยมานาฯ เจตสิกาติ มโนทฺวารํ โขภยมานาฯ โส ราโค ตถาคตสฺส ปหีโนติ ตถารูโป ราโค ตถาคตสฺส ปหีโนติ อโตฺถฯ โย ปน ตสฺส ราโค, น โส ตถาคตสฺส ปหีโน นามฯ โทสโมเหสุปิ เอเสว นโยฯ
Kāyikāti pañcadvārakāyaṃ khobhayamānā. Cetasikāti manodvāraṃ khobhayamānā. So rāgo tathāgatassa pahīnoti tathārūpo rāgo tathāgatassa pahīnoti attho. Yo pana tassa rāgo, na so tathāgatassa pahīno nāma. Dosamohesupi eseva nayo.
พฺราหฺมโณติ พาหิตปาโป ขีณาสวพฺราหฺมโณฯ ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต ฯ น ลิมฺปติ กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ จ กิเลสกาเมสุ จ ตณฺหาทิฎฺฐิเลเปหิ น ลิมฺปติฯ สีติภูโตติ อพฺภนฺตเร ตาปนกิเลสานํ อภาเวน สีติภูโตฯ นิรูปธีติ กิเลสูปธีนํ อภาเวน นิรูปธิฯ สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวาติ อาสตฺติโย วุจฺจนฺติ ตณฺหาโย, ตา สพฺพาปิ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อาสตฺตวิสตฺตา อาสตฺติโย ฉินฺทิตฺวาฯ วิเนยฺย หทเย ทรนฺติ หทยนิสฺสิตํ ทรถํ วินยิตฺวา วูปสเมตฺวาฯ สนฺติํ ปปฺปุยฺย เจตโสติ จิตฺตสฺส กิเลสนิพฺพานํ ปาปุณิตฺวาฯ กรณวจนํ วา เอตํ ‘‘สพฺพเจตโส สมนฺนาหริตฺวา’’ติอาทีสุ วิย, เจตสา นิพฺพานํ ปาปุณิตฺวาติ อโตฺถฯ
Brāhmaṇoti bāhitapāpo khīṇāsavabrāhmaṇo. Parinibbutoti kilesaparinibbānena parinibbuto . Na limpati kāmesūti vatthukāmesu ca kilesakāmesu ca taṇhādiṭṭhilepehi na limpati. Sītibhūtoti abbhantare tāpanakilesānaṃ abhāvena sītibhūto. Nirūpadhīti kilesūpadhīnaṃ abhāvena nirūpadhi. Sabbā āsattiyo chetvāti āsattiyo vuccanti taṇhāyo, tā sabbāpi rūpādīsu ārammaṇesu āsattavisattā āsattiyo chinditvā. Vineyya hadaye daranti hadayanissitaṃ darathaṃ vinayitvā vūpasametvā. Santiṃ pappuyya cetasoti cittassa kilesanibbānaṃ pāpuṇitvā. Karaṇavacanaṃ vā etaṃ ‘‘sabbacetaso samannāharitvā’’tiādīsu viya, cetasā nibbānaṃ pāpuṇitvāti attho.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๕. หตฺถกสุตฺตํ • 5. Hatthakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕. หตฺถกสุตฺตวณฺณนา • 5. Hatthakasuttavaṇṇanā