Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. หตฺถิสาริปุตฺตสุตฺตํ
6. Hatthisāriputtasuttaṃ
๖๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา เถรา ภิกฺขู ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตา มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนา สนฺนิปติตา อภิธมฺมกถํ กเถนฺติฯ ตตฺร สุทํ อายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต เถรานํ ภิกฺขูนํ อภิธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตติฯ อถ โข อายสฺมา มหาโกฎฺฐิโก อายสฺมนฺตํ จิตฺตํ หตฺถิสาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต เถรานํ ภิกฺขูนํ อภิธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตสิ, ยาว กถาปริโยสานํ อายสฺมา จิโตฺต อาคเมตู’’ติฯ เอวํ วุเตฺต อายสฺมโต จิตฺตสฺส หตฺถิสาริปุตฺตสฺส สหายกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหาโกฎฺฐิกํ เอตทโวจุํ – ‘‘มายสฺมา มหาโกฎฺฐิโก อายสฺมนฺตํ จิตฺตํ หตฺถิสาริปุตฺตํ อปสาเทสิ, ปณฺฑิโต อายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺตฯ ปโหติ จายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต เถรานํ ภิกฺขูนํ อภิธมฺมกถํ กเถตุ’’นฺติฯ
60. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā bārāṇasiyaṃ viharati isipatane migadāye. Tena kho pana samayena sambahulā therā bhikkhū pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantā maṇḍalamāḷe sannisinnā sannipatitā abhidhammakathaṃ kathenti. Tatra sudaṃ āyasmā citto hatthisāriputto therānaṃ bhikkhūnaṃ abhidhammakathaṃ kathentānaṃ antarantarā kathaṃ opāteti. Atha kho āyasmā mahākoṭṭhiko āyasmantaṃ cittaṃ hatthisāriputtaṃ etadavoca – ‘‘māyasmā citto hatthisāriputto therānaṃ bhikkhūnaṃ abhidhammakathaṃ kathentānaṃ antarantarā kathaṃ opātesi, yāva kathāpariyosānaṃ āyasmā citto āgametū’’ti. Evaṃ vutte āyasmato cittassa hatthisāriputtassa sahāyakā bhikkhū āyasmantaṃ mahākoṭṭhikaṃ etadavocuṃ – ‘‘māyasmā mahākoṭṭhiko āyasmantaṃ cittaṃ hatthisāriputtaṃ apasādesi, paṇḍito āyasmā citto hatthisāriputto. Pahoti cāyasmā citto hatthisāriputto therānaṃ bhikkhūnaṃ abhidhammakathaṃ kathetu’’nti.
‘‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, อาวุโส, ปรสฺส เจโตปริยายํ อชานเนฺตหิฯ อิธาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ตาวเทว โสรตโสรโต โหติ, นิวาตนิวาโต โหติ, อุปสนฺตุปสโนฺต โหติ, ยาว สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํฯ ยโต จ โข โส วปกสฺสเตว สตฺถารา, วปกสฺสติ ครุฎฺฐานิเยหิ สพฺรหฺมจารีหิ, โส สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ รญฺญา ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิฯ ตสฺส สํสฎฺฐสฺส วิสฺสตฺถสฺส ปากตสฺส ภสฺสมนุยุตฺตสฺส วิหรโต ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติฯ โส ราคานุทฺธํสิเตน จิเตฺตน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ
‘‘Dujjānaṃ kho etaṃ, āvuso, parassa cetopariyāyaṃ ajānantehi. Idhāvuso, ekacco puggalo tāvadeva soratasorato hoti, nivātanivāto hoti, upasantupasanto hoti, yāva satthāraṃ upanissāya viharati aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ. Yato ca kho so vapakassateva satthārā, vapakassati garuṭṭhāniyehi sabrahmacārīhi, so saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi bhikkhunīhi upāsakehi upāsikāhi raññā rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi. Tassa saṃsaṭṭhassa vissatthassa pākatassa bhassamanuyuttassa viharato rāgo cittaṃ anuddhaṃseti. So rāgānuddhaṃsitena cittena sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati.
‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, โคโณ กิฎฺฐาโท ทาเมน วา พโทฺธ 1 วเช วา โอรุโทฺธฯ โย นุ โข, อาวุโส, เอวํ วเทยฺย – ‘น ทานายํ โคโณ กิฎฺฐาโท ปุนเทว กิฎฺฐํ โอตริสฺสตี’ติ, สมฺมา นุ โข โส, อาวุโส, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘ฐานเญฺหตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยํ โส โคโณ กิฎฺฐาโท ทามํ วา เฉตฺวา วชํ วา ภินฺทิตฺวา, อถ ปุนเทว กิฎฺฐํ โอตเรยฺยาติฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล ตาวเทว โสรตโสรโต โหติ, นิวาตนิวาโต โหติ, อุปสนฺตุปสโนฺต โหติ ยาว สตฺถารํ อุปนิสฺสาย วิหรติ อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํฯ ยโต จ โข โส วปกสฺสเตว สตฺถารา, วปกสฺสติ ครุฎฺฐานิเยหิ สพฺรหฺมจารีหิ, โส สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ รญฺญา ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิฯ ตสฺส สํสฎฺฐสฺส วิสฺสตฺถสฺส ปากตสฺส ภสฺสมนุยุตฺตสฺส วิหรโต ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ ฯ โส ราคานุทฺธํสิเตน จิเตฺตน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ
‘‘Seyyathāpi, āvuso, goṇo kiṭṭhādo dāmena vā baddho 2 vaje vā oruddho. Yo nu kho, āvuso, evaṃ vadeyya – ‘na dānāyaṃ goṇo kiṭṭhādo punadeva kiṭṭhaṃ otarissatī’ti, sammā nu kho so, āvuso, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, āvuso’’. ‘‘Ṭhānañhetaṃ, āvuso, vijjati, yaṃ so goṇo kiṭṭhādo dāmaṃ vā chetvā vajaṃ vā bhinditvā, atha punadeva kiṭṭhaṃ otareyyāti. Evamevaṃ kho, āvuso, idhekacco puggalo tāvadeva soratasorato hoti, nivātanivāto hoti, upasantupasanto hoti yāva satthāraṃ upanissāya viharati aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ. Yato ca kho so vapakassateva satthārā, vapakassati garuṭṭhāniyehi sabrahmacārīhi, so saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi bhikkhunīhi upāsakehi upāsikāhi raññā rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi. Tassa saṃsaṭṭhassa vissatthassa pākatassa bhassamanuyuttassa viharato rāgo cittaṃ anuddhaṃseti . So rāgānuddhaṃsitena cittena sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati.
‘‘อิธ ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ ปฐมสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, จาตุมหาปเถ ถุลฺลผุสิตโก เทโว วสฺสโนฺต 3 รชํ อนฺตรธาเปยฺย, จิกฺขลฺลํ ปาตุกเรยฺยฯ โย นุ โข, อาวุโส, เอวํ วเทยฺย – ‘น ทานิ อมุสฺมิํ 4 จาตุมหาปเถ ปุนเทว รโช ปาตุภวิสฺสตี’ติ, สมฺมา นุ โข โส, อาวุโส, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘ฐานเญฺหตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยํ อมุสฺมิํ จาตุมหาปเถ มนุสฺสา วา อติกฺกเมยฺยุํ, โคปสู วา อติกฺกเมยฺยุํ, วาตาตโป วา เสฺนหคตํ ปริยาทิเยยฺย, อถ ปุนเทว รโช ปาตุภเวยฺยาติฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ ปฐมสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ
‘‘Idha panāvuso, ekacco puggalo vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi paṭhamassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Seyyathāpi, āvuso, cātumahāpathe thullaphusitako devo vassanto 5 rajaṃ antaradhāpeyya, cikkhallaṃ pātukareyya. Yo nu kho, āvuso, evaṃ vadeyya – ‘na dāni amusmiṃ 6 cātumahāpathe punadeva rajo pātubhavissatī’ti, sammā nu kho so, āvuso, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, āvuso’’. ‘‘Ṭhānañhetaṃ, āvuso, vijjati, yaṃ amusmiṃ cātumahāpathe manussā vā atikkameyyuṃ, gopasū vā atikkameyyuṃ, vātātapo vā snehagataṃ pariyādiyeyya, atha punadeva rajo pātubhaveyyāti. Evamevaṃ kho, āvuso, idhekacco puggalo vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi paṭhamassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati.
‘‘อิธ ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ ทุติยสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ เสยฺยถาปิ , อาวุโส, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหนฺตํ ตฬากํฯ ตตฺถ ถุลฺลผุสิตโก เทโว วุโฎฺฐ สิปฺปิสมฺพุกมฺปิ สกฺขรกฐลมฺปิ อนฺตรธาเปยฺยฯ โย นุ โข, อาวุโส, เอวํ วเทยฺย – ‘น ทานิ อมุสฺมิํ ตฬาเก ปุนเทว สิปฺปิสมฺพุกา วา สกฺขรกฐลา วา ปาตุภวิสฺสนฺตี’ติ, สมฺมา นุ โข โส, อาวุโส, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘ฐานเญฺหตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยํ อมุสฺมิํ ตฬาเก มนุสฺสา วา ปิเวยฺยุํ, โคปสู วา ปิเวยฺยุํ, วาตาตโป วา เสฺนหคตํ ปริยาทิเยยฺย, อถ ปุนเทว สิปฺปิสมฺพุกาปิ สกฺขรกฐลาปิ ปาตุภเวยฺยุนฺติฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ ทุติยสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ
‘‘Idha panāvuso, ekacco puggalo vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi dutiyassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Seyyathāpi , āvuso, gāmassa vā nigamassa vā avidūre mahantaṃ taḷākaṃ. Tattha thullaphusitako devo vuṭṭho sippisambukampi sakkharakaṭhalampi antaradhāpeyya. Yo nu kho, āvuso, evaṃ vadeyya – ‘na dāni amusmiṃ taḷāke punadeva sippisambukā vā sakkharakaṭhalā vā pātubhavissantī’ti, sammā nu kho so, āvuso, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, āvuso’’. ‘‘Ṭhānañhetaṃ, āvuso, vijjati, yaṃ amusmiṃ taḷāke manussā vā piveyyuṃ, gopasū vā piveyyuṃ, vātātapo vā snehagataṃ pariyādiyeyya, atha punadeva sippisambukāpi sakkharakaṭhalāpi pātubhaveyyunti. Evamevaṃ kho, āvuso, idhekacco puggalo vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi dutiyassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati.
‘‘อิธ ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล ปีติยา จ วิราคา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ ตติยสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริสํ ปณีตโภชนํ ภุตฺตาวิํ อาภิโทสิกํ โภชนํ นจฺฉาเทยฺยฯ โย นุ โข, อาวุโส, เอวํ วเทยฺย – ‘น ทานิ อมุํ ปุริสํ ปุนเทว โภชนํ ฉาเทสฺสตี’ติ, สมฺมา นุ โข โส, อาวุโส, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘ฐานเญฺหตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, อมุํ ปุริสํ ปณีตโภชนํ ภุตฺตาวิํ ยาวสฺส สา โอชา กาเย ฐสฺสติ ตาว น อญฺญํ โภชนํ ฉาเทสฺสติฯ ยโต จ ขฺวสฺส สา โอชา อนฺตรธายิสฺสติ, อถ ปุนเทว ตํ โภชนํ ฉาเทยฺยาติฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล ปีติยา จ วิราคา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ ตติยสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ
‘‘Idha panāvuso, ekacco puggalo pītiyā ca virāgā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi tatiyassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Seyyathāpi, āvuso, purisaṃ paṇītabhojanaṃ bhuttāviṃ ābhidosikaṃ bhojanaṃ nacchādeyya. Yo nu kho, āvuso, evaṃ vadeyya – ‘na dāni amuṃ purisaṃ punadeva bhojanaṃ chādessatī’ti, sammā nu kho so, āvuso, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, āvuso’’. ‘‘Ṭhānañhetaṃ, āvuso, vijjati, amuṃ purisaṃ paṇītabhojanaṃ bhuttāviṃ yāvassa sā ojā kāye ṭhassati tāva na aññaṃ bhojanaṃ chādessati. Yato ca khvassa sā ojā antaradhāyissati, atha punadeva taṃ bhojanaṃ chādeyyāti. Evamevaṃ kho, āvuso, idhekacco puggalo pītiyā ca virāgā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi tatiyassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati.
‘‘อิธ , ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ จตุตฺถสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปพฺพตสเงฺขเป อุทกรหโท นิวาโต วิคตอูมิโกฯ โย นุ โข, อาวุโส, เอวํ วเทยฺย – ‘น ทานิ อมุสฺมิํ อุทกรหเท ปุนเทว อูมิ ปาตุภวิสฺสตี’ติ, สมฺมา นุ โข โส, อาวุโส, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘ฐานเญฺหตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยา ปุรตฺถิมาย ทิสาย อาคเจฺฉยฺย ภุสา วาตวุฎฺฐิฯ สา ตสฺมิํ อุทกรหเท อูมิํ ชเนยฺยฯ ยา ปจฺฉิมาย ทิสาย อาคเจฺฉยฺย…เป.… ยา อุตฺตราย ทิสาย อาคเจฺฉยฺย… ยา ทกฺขิณาย ทิสาย อาคเจฺฉยฺย ภุสา วาตวุฎฺฐิฯ สา ตสฺมิํ อุทกรหเท อูมิํ ชเนยฺยาติฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ จตุตฺถสฺส ฌานสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ…เป.… สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ
‘‘Idha , panāvuso, ekacco puggalo sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi catutthassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Seyyathāpi, āvuso, pabbatasaṅkhepe udakarahado nivāto vigataūmiko. Yo nu kho, āvuso, evaṃ vadeyya – ‘na dāni amusmiṃ udakarahade punadeva ūmi pātubhavissatī’ti, sammā nu kho so, āvuso, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, āvuso’’. ‘‘Ṭhānañhetaṃ, āvuso, vijjati, yā puratthimāya disāya āgaccheyya bhusā vātavuṭṭhi. Sā tasmiṃ udakarahade ūmiṃ janeyya. Yā pacchimāya disāya āgaccheyya…pe… yā uttarāya disāya āgaccheyya… yā dakkhiṇāya disāya āgaccheyya bhusā vātavuṭṭhi. Sā tasmiṃ udakarahade ūmiṃ janeyyāti. Evamevaṃ kho, āvuso, idhekacco puggalo sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi catutthassa jhānassā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi…pe… sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati.
‘‘อิธ, ปนาวุโส, เอกโจฺจ ปุคฺคโล สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธิํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ อนิมิตฺตสฺส เจโตสมาธิสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ รญฺญา ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ ฯ ตสฺส สํสฎฺฐสฺส วิสฺสตฺถสฺส ปากตสฺส ภสฺสมนุยุตฺตสฺส วิหรโต ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติฯ โส ราคานุทฺธํสิเตน จิเตฺตน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ราชา วา ราชมหามโตฺต วา จตุรงฺคินิยา เสนาย อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน อญฺญตรสฺมิํ วนสเณฺฑ เอกรตฺติํ วาสํ อุปคเจฺฉยฺยฯ ตตฺร 7 หตฺถิสเทฺทน อสฺสสเทฺทน รถสเทฺทน ปตฺติสเทฺทน เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสเทฺทน จีริกสโทฺท 8 อนฺตรธาเยยฺย 9ฯ โย นุ โข, อาวุโส, เอวํ วเทยฺย – ‘น ทานิ อมุสฺมิํ วนสเณฺฑ ปุนเทว จีริกสโทฺท ปาตุภวิสฺสตี’ติ, สมฺมา นุ โข โส , อาวุโส, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘ฐานเญฺหตํ, อาวุโส, วิชฺชติ, ยํ โส ราชา วา ราชมหามโตฺต วา ตมฺหา วนสณฺฑา ปกฺกเมยฺย, อถ ปุนเทว จีริกสโทฺท ปาตุภเวยฺยาติฯ เอวเมวํ โข, อาวุโส, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธิํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ‘ลาภิมฺหิ อนิมิตฺตสฺส เจโตสมาธิสฺสา’ติ สํสโฎฺฐ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ รญฺญา ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิฯ ตสฺส สํสฎฺฐสฺส วิสฺสตฺถสฺส ปากตสฺส ภสฺสมนุยุตฺตสฺส วิหรโต ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติฯ โส ราคานุทฺธํสิเตน จิเตฺตน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติฯ
‘‘Idha, panāvuso, ekacco puggalo sabbanimittānaṃ amanasikārā animittaṃ cetosamādhiṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi animittassa cetosamādhissā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi bhikkhunīhi upāsakehi upāsikāhi raññā rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi . Tassa saṃsaṭṭhassa vissatthassa pākatassa bhassamanuyuttassa viharato rāgo cittaṃ anuddhaṃseti. So rāgānuddhaṃsitena cittena sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Seyyathāpi, āvuso, rājā vā rājamahāmatto vā caturaṅginiyā senāya addhānamaggappaṭipanno aññatarasmiṃ vanasaṇḍe ekarattiṃ vāsaṃ upagaccheyya. Tatra 10 hatthisaddena assasaddena rathasaddena pattisaddena bheripaṇavasaṅkhatiṇavaninnādasaddena cīrikasaddo 11 antaradhāyeyya 12. Yo nu kho, āvuso, evaṃ vadeyya – ‘na dāni amusmiṃ vanasaṇḍe punadeva cīrikasaddo pātubhavissatī’ti, sammā nu kho so , āvuso, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, āvuso’’. ‘‘Ṭhānañhetaṃ, āvuso, vijjati, yaṃ so rājā vā rājamahāmatto vā tamhā vanasaṇḍā pakkameyya, atha punadeva cīrikasaddo pātubhaveyyāti. Evamevaṃ kho, āvuso, idhekacco puggalo sabbanimittānaṃ amanasikārā animittaṃ cetosamādhiṃ upasampajja viharati. So ‘lābhimhi animittassa cetosamādhissā’ti saṃsaṭṭho viharati bhikkhūhi bhikkhunīhi upāsakehi upāsikāhi raññā rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi. Tassa saṃsaṭṭhassa vissatthassa pākatassa bhassamanuyuttassa viharato rāgo cittaṃ anuddhaṃseti. So rāgānuddhaṃsitena cittena sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattatī’’ti.
อถ โข อายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต อปเรน สมเยน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อถ โข จิตฺตสฺส หตฺถิสาริปุตฺตสฺส สหายกา ภิกฺขู เยนายสฺมา มหาโกฎฺฐิโก เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโกฎฺฐิกํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิํ นุ โข อายสฺมตา มหาโกฎฺฐิเกน จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต ลาภี, อถ จ ปน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสตี’ติ; อุทาหุ เทวตา เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘จิโตฺต, ภเนฺต, หตฺถิสาริปุโตฺต อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ ลาภี, อถ จ ปน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสตี’’’ติ? ‘‘เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต เม, อาวุโส – ‘จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ ลาภี, อถ จ ปน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสตี’ติฯ เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘จิโตฺต, ภเนฺต, หตฺถิสาริปุโตฺต อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ ลาภี, อถ จ ปน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสตี’’ติฯ
Atha kho āyasmā citto hatthisāriputto aparena samayena sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Atha kho cittassa hatthisāriputtassa sahāyakā bhikkhū yenāyasmā mahākoṭṭhiko tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākoṭṭhikaṃ etadavocuṃ – ‘‘kiṃ nu kho āyasmatā mahākoṭṭhikena citto hatthisāriputto cetasā ceto paricca vidito – ‘imāsañca imāsañca vihārasamāpattīnaṃ citto hatthisāriputto lābhī, atha ca pana sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissatī’ti; udāhu devatā etamatthaṃ ārocesuṃ – ‘citto, bhante, hatthisāriputto imāsañca imāsañca vihārasamāpattīnaṃ lābhī, atha ca pana sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissatī’’’ti? ‘‘Cetasā ceto paricca vidito me, āvuso – ‘citto hatthisāriputto imāsañca imāsañca vihārasamāpattīnaṃ lābhī, atha ca pana sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissatī’ti. Devatāpi me etamatthaṃ ārocesuṃ – ‘citto, bhante, hatthisāriputto imāsañca imāsañca vihārasamāpattīnaṃ lābhī, atha ca pana sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissatī’’ti.
อถ โข จิตฺตสฺส หตฺถิสาริปุตฺตสฺส สหายกา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘จิโตฺต, ภเนฺต, หตฺถิสาริปุโตฺต อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ ลาภี, อถ จ ปน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, จิโตฺต จิรํ สริสฺสติ 13 เนกฺขมฺมสฺสา’’ติฯ
Atha kho cittassa hatthisāriputtassa sahāyakā bhikkhū yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘citto, bhante, hatthisāriputto imāsañca imāsañca vihārasamāpattīnaṃ lābhī, atha ca pana sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattatī’’ti. ‘‘Na, bhikkhave, citto ciraṃ sarissati 14 nekkhammassā’’ti.
อถ โข จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต นจิรเสฺสว เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ อถ โข อายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร จ ปนายสฺมา จิโตฺต หตฺถิสาริปุโตฺต อรหตํ อโหสีติฯ ฉฎฺฐํฯ
Atha kho citto hatthisāriputto nacirasseva kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbaji. Atha kho āyasmā citto hatthisāriputto eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti abbhaññāsi. Aññataro ca panāyasmā citto hatthisāriputto arahataṃ ahosīti. Chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. หตฺถิสาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา • 6. Hatthisāriputtasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. หตฺถิสาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา • 6. Hatthisāriputtasuttavaṇṇanā