Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๓. เหรญฺญกานิเตฺถรคาถาวณฺณนา

    3. Heraññakānittheragāthāvaṇṇanā

    อจฺจยนฺติ อโหรตฺตาติ อายสฺมโต เหรญฺญกานิเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ปเรสํ ภตโก หุตฺวา ชีวโนฺต เอกทิวสํ สุชาตสฺส นาม สตฺถุสาวกสฺส ปํสุกูลํ ปริเยสนฺตสฺส อุปฑฺฒทุสฺสํ ปริจฺจชิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรโญฺญ คามโภชกสฺส โจรโวสาสกสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เหรญฺญกานีติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต ปิตุ อจฺจเยน รญฺญา ตสฺมิํเยว คามโภชกฎฺฐาเน ฐปิโต เชตวนปฎิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ อตฺตโน กนิฎฺฐสฺส ตํ ฐานนฺตรํ ทาเปตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๓๑-๔๐) –

    Accayantiahorattāti āyasmato heraññakānittherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto paresaṃ bhatako hutvā jīvanto ekadivasaṃ sujātassa nāma satthusāvakassa paṃsukūlaṃ pariyesantassa upaḍḍhadussaṃ pariccaji. So tena puññakammena tāvatiṃsesu nibbattitvā aparāparaṃ devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kosalarañño gāmabhojakassa coravosāsakassa putto hutvā nibbatti, heraññakānītissa nāmaṃ ahosi. So vayappatto pitu accayena raññā tasmiṃyeva gāmabhojakaṭṭhāne ṭhapito jetavanapaṭiggahaṇe buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddho attano kaniṭṭhassa taṃ ṭhānantaraṃ dāpetvā rājānaṃ āpucchitvā pabbajitvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.50.31-40) –

    ‘‘ปทุมุตฺตรภควโต, สุชาโต นาม สาวโก;

    ‘‘Padumuttarabhagavato, sujāto nāma sāvako;

    ปํสุกูลํ คเวสโนฺต, สงฺกาเร จรเต ตทาฯ

    Paṃsukūlaṃ gavesanto, saṅkāre carate tadā.

    ‘‘นคเร หํสวติยา, ปเรสํ ภตโก อหํ;

    ‘‘Nagare haṃsavatiyā, paresaṃ bhatako ahaṃ;

    อุปฑฺฒทุสฺสํ ทตฺวาน, สิรสา อภิวาทยิํฯ

    Upaḍḍhadussaṃ datvāna, sirasā abhivādayiṃ.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘เตตฺติํสกฺขตฺตุํ เทวิโนฺท, เทวรชฺชมการยิํ;

    ‘‘Tettiṃsakkhattuṃ devindo, devarajjamakārayiṃ;

    สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํฯ

    Sattasattatikkhattuñca, cakkavattī ahosahaṃ.

    ‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

    ‘‘Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ;

    อุปฑฺฒทุสฺสทาเนน, โมทามิ อกุโตภโยฯ

    Upaḍḍhadussadānena, modāmi akutobhayo.

    ‘‘อิจฺฉมาโน จหํ อชฺช, สกานนํ สปพฺพตํ;

    ‘‘Icchamāno cahaṃ ajja, sakānanaṃ sapabbataṃ;

    โขมทุเสฺสหิ ฉาเทยฺยํ, อฑฺฒทุสฺสสฺสิทํ ผลํฯ

    Khomadussehi chādeyyaṃ, aḍḍhadussassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;

    ‘‘Satasahassito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, อฑฺฒทุสฺสสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, aḍḍhadussassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน กนิฎฺฐภาตรํ ตโต กมฺมโต นิวเตฺตตุกาโม ตสฺมิํเยว กเมฺม อภิรตํ ทิสฺวา ตํ โจเทโนฺต –

    Arahattaṃ pana patvā attano kaniṭṭhabhātaraṃ tato kammato nivattetukāmo tasmiṃyeva kamme abhirataṃ disvā taṃ codento –

    ๑๔๕.

    145.

    ‘‘อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา, ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ;

    ‘‘Accayanti ahorattā, jīvitaṃ uparujjhati;

    อายุ ขียติ มจฺจานํ, กุนฺนทีนํว โอทกํฯ

    Āyu khīyati maccānaṃ, kunnadīnaṃva odakaṃ.

    ๑๔๖.

    146.

    ‘‘อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌติ;

    ‘‘Atha pāpāni kammāni, karaṃ bālo na bujjhati;

    ปจฺฉาสฺส กฎุกํ โหติ, วิปาโก หิสฺส ปาปโก’’ติฯ –

    Pacchāssa kaṭukaṃ hoti, vipāko hissa pāpako’’ti. –

    คาถาทฺวยํ อภาสิฯ

    Gāthādvayaṃ abhāsi.

    ตตฺถ อจฺจยนฺตีติ อติกฺกมนฺติ, ลหุํ ลหุํ อปคจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ อโหรตฺตาติ รตฺตินฺทิวาฯ ชีวิตํ อุปรุชฺฌตีติ ชีวิตินฺทฺริยญฺจ ขณิกนิโรธวเสน นิรุชฺฌติฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ขเณ ขเณ, ตฺวํ ภิกฺขุ, ชายสิ จ ชิยฺยสิ จ มิยฺยสิ จ จวสิ จ อุปปชฺชสิ จา’’ติฯ อายุ ขียติ มจฺจานนฺติ มริตพฺพสภาวตฺตา มจฺจาติ ลทฺธนามานํ อิเมสํ สตฺตานํ อายุ ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิโยฺย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๔๓; อ. นิ. ๗.๗๔) เอวํ ปริจฺฉินฺนกาลปรมายุ ขียติ ขยญฺจ สเมฺภทญฺจ คจฺฉติ, ยถา กิํ? กุนฺนทีนํว โอทกํ ยถา นาม กุนฺนทีนํ ปพฺพเตยฺยานํ ขุทฺทกนทีนํ อุทกํ จิรํ น ติฎฺฐติ, ลหุตรํ ขียติ, อาคตมตฺตํเยว วิคจฺฉติ, เอวํ สตฺตานํ อายุ ลหุตรํ ขียติ ขยํ คจฺฉติฯ เอตฺถ จ อุทกเมว ‘‘โอทก’’นฺติ วุตฺตํ, ยถา มโนเยว มานสนฺติฯ

    Tattha accayantīti atikkamanti, lahuṃ lahuṃ apagacchantīti attho. Ahorattāti rattindivā. Jīvitaṃ uparujjhatīti jīvitindriyañca khaṇikanirodhavasena nirujjhati. Vuttañhi ‘‘khaṇe khaṇe, tvaṃ bhikkhu, jāyasi ca jiyyasi ca miyyasi ca cavasi ca upapajjasi cā’’ti. Āyu khīyati maccānanti maritabbasabhāvattā maccāti laddhanāmānaṃ imesaṃ sattānaṃ āyu ‘‘yo ciraṃ jīvati, so vassasataṃ appaṃ vā bhiyyo’’ti (dī. ni. 2.91; saṃ. ni. 2.143; a. ni. 7.74) evaṃ paricchinnakālaparamāyu khīyati khayañca sambhedañca gacchati, yathā kiṃ? Kunnadīnaṃva odakaṃ yathā nāma kunnadīnaṃ pabbateyyānaṃ khuddakanadīnaṃ udakaṃ ciraṃ na tiṭṭhati, lahutaraṃ khīyati, āgatamattaṃyeva vigacchati, evaṃ sattānaṃ āyu lahutaraṃ khīyati khayaṃ gacchati. Ettha ca udakameva ‘‘odaka’’nti vuttaṃ, yathā manoyeva mānasanti.

    อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌตีติ เอวํ สํสาเร อนิเจฺจปิ สมาเน พาโล โลภวเสน วา โกธวเสน วา ปาปานิ กมฺมานิ กโรติ, กโรโนฺตปิ น พุชฺฌติ, ปาปํ กโรโนฺต จ ‘‘ปาปํ กโรมี’’ติ อพุชฺฌนโก นาม นตฺถิ, ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป ทุโกฺข วิปาโก’’ติ ปน อชานนโต ‘‘น พุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํฯ ปจฺฉาสฺส กฎุกํ โหตีติ ยทิปิ ปาปสฺส กมฺมสฺส อายูหนกฺขเณ ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป วิปาโก’’ติ น พุชฺฌติ, ตโต ปจฺฉา ปน นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส อสฺส พาลสฺส กฎุกํ อนิฎฺฐํ ทุกฺขเมว โหติฯ วิปาโก หิสฺส ปาปโก ยสฺมา อสฺส ปาปกมฺมสฺส นาม วิปาโก ปาปโก นิหีโน อนิโฎฺฐ เอวาติฯ อิมํ ปน โอวาทํ สุตฺวา เถรสฺส กนิฎฺฐภาตา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา นจิรเสฺสว สทตฺถํ นิปฺผาเทสิฯ

    Athapāpāni kammāni, karaṃ bālo na bujjhatīti evaṃ saṃsāre aniccepi samāne bālo lobhavasena vā kodhavasena vā pāpāni kammāni karoti, karontopi na bujjhati, pāpaṃ karonto ca ‘‘pāpaṃ karomī’’ti abujjhanako nāma natthi, ‘‘imassa kammassa evarūpo dukkho vipāko’’ti pana ajānanato ‘‘na bujjhatī’’ti vuttaṃ. Pacchāssa kaṭukaṃ hotīti yadipi pāpassa kammassa āyūhanakkhaṇe ‘‘imassa kammassa evarūpo vipāko’’ti na bujjhati, tato pacchā pana nirayādīsu nibbattassa assa bālassa kaṭukaṃ aniṭṭhaṃ dukkhameva hoti. Vipāko hissa pāpako yasmā assa pāpakammassa nāma vipāko pāpako nihīno aniṭṭho evāti. Imaṃ pana ovādaṃ sutvā therassa kaniṭṭhabhātā rājānaṃ āpucchitvā pabbajitvā nacirasseva sadatthaṃ nipphādesi.

    เหรญฺญกานิเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Heraññakānittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. เหรญฺญกานิเตฺถรคาถา • 3. Heraññakānittheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact