Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
ปจฺจยนิเทฺทโส
Paccayaniddeso
๑. เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา
1. Hetupaccayaniddesavaṇṇanā
๑. อิทานิ สเพฺพปิ เต ปจฺจเย อุทฺทิฎฺฐปฎิปาฎิยา นิทฺทิสิตฺวา ทเสฺสตุํ เหตุปจฺจโยติ เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติอาทิมาหฯ ตตฺถ เหตุปจฺจโยติ จตุวีสติยา ปจฺจเยสุ นิกฺขิตฺตปฎิปาฎิยา สพฺพปฐมํ ภาเชตพฺพสฺส ปทุทฺธาโรฯ เสสปจฺจเยสุปิ อิมินาว นเยน ปฐมํ ภาเชตพฺพปทํ อุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อยํ ปเนตฺถ สมฺพโนฺธ – โย ปจฺจยุเทฺทเส เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิโฎฺฐ, โส นิเทฺทสโต ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ เวทิตโพฺพ ฯ อิมินา อุปาเยน สพฺพปจฺจเยสุ ภาเชตพฺพสฺส ปทสฺส วิสฺสชฺชเนน สทฺธิํ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ
1. Idāni sabbepi te paccaye uddiṭṭhapaṭipāṭiyā niddisitvā dassetuṃ hetupaccayoti hetū hetusampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ hetupaccayena paccayotiādimāha. Tattha hetupaccayoti catuvīsatiyā paccayesu nikkhittapaṭipāṭiyā sabbapaṭhamaṃ bhājetabbassa paduddhāro. Sesapaccayesupi imināva nayena paṭhamaṃ bhājetabbapadaṃ uddharitvā vissajjanaṃ katanti veditabbaṃ. Ayaṃ panettha sambandho – yo paccayuddese hetupaccayoti uddiṭṭho, so niddesato ‘‘hetū hetusampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ hetupaccayena paccayo’’ti evaṃ veditabbo . Iminā upāyena sabbapaccayesu bhājetabbassa padassa vissajjanena saddhiṃ sambandho veditabbo.
อิทานิ เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ปจฺจยสฺส เจว ปจฺจยุปฺปนฺนานญฺจ ววตฺถาปนโตฯ เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ หิ วุเตฺต เหตุนา สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อโตฺถ ภเวยฺยฯ เอวํ สเนฺต อสุโก นาม ธโมฺม เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ ปจฺจยววตฺถานํ น ปญฺญาเยยฺยฯ อถาปิ เหตุนา สมฺปยุตฺตกานํ เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ อตฺถํ อคฺคเหตฺวาว เยสํ เกสญฺจิ สมฺปยุตฺตกานํ เหตู เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อโตฺถ ภเวยฺย, เอวํ สเนฺต เหตุนา วิปฺปยุตฺตา จกฺขุวิญฺญาณาทโยปิ สมฺปยุตฺตกาเยว, เหตุนา สมฺปยุตฺตา กุสลาทโยปิฯ ตตฺถ อยํ เหตุ อสุกสฺส นาม สมฺปยุตฺตกธมฺมสฺส ปจฺจโยติ ปจฺจยุปฺปนฺนววตฺถานํ น ปญฺญาเยยฺยฯ ตสฺมา ปจฺจยเญฺจว ปจฺจยุปฺปนฺนญฺจ ววตฺถาเปโนฺต ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อาหฯ ตสฺสโตฺถ – เหตุสมฺปยุตฺตกานํ กุสลาทิธมฺมานํ โย เหตุ สมฺปยุตฺตโก, โส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ ตตฺราปิ ‘‘ปจฺจโย’’ติ อวตฺวา ‘‘เหตุปจฺจเยนา’’ติ วจนํ เหตุโน อญฺญถา ปจฺจยภาวปฎิเสธนตฺถํฯ อยญฺหิ เหตุ เหตุปจฺจเยนาปิ ปจฺจโย โหติ, สหชาตาทิปจฺจเยนาปิฯ ตตฺราสฺส ยฺวายํ สหชาตาทิปจฺจยวเสน อญฺญถาปิ ปจฺจยภาโว, ตสฺส ปฎิเสธนตฺถํ เหตุปจฺจเยนาติ วุตฺตํฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา กสฺมา ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ? นิทฺทิสิตพฺพสฺส อปากฎตฺตาฯ ตํสมฺปยุตฺตกานนฺติ หิ วุเตฺต เยน เต ตํสมฺปยุตฺตกา นาม โหนฺติ , อยํ นาม โสติ นิทฺทิสิตโพฺพ อปากโฎฯ ตสฺส อปากฎตฺตา เยน สมฺปยุตฺตา เต ตํสมฺปยุตฺตกาติ วุจฺจนฺติ, ตํ สรูปโตว ทเสฺสตุํ ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ วุตฺตํฯ
Idāni hetū hetusampayuttakānanti ettha ‘‘hetusampayuttakāna’’nti avatvā ‘‘hetū hetusampayuttakāna’’nti kasmā vuttanti? Paccayassa ceva paccayuppannānañca vavatthāpanato. Hetusampayuttakānanti hi vutte hetunā sampayuttakānaṃ hetupaccayena paccayoti attho bhaveyya. Evaṃ sante asuko nāma dhammo hetupaccayena paccayoti paccayavavatthānaṃ na paññāyeyya. Athāpi hetunā sampayuttakānaṃ hetusampayuttakānanti atthaṃ aggahetvāva yesaṃ kesañci sampayuttakānaṃ hetū hetupaccayena paccayoti attho bhaveyya, evaṃ sante hetunā vippayuttā cakkhuviññāṇādayopi sampayuttakāyeva, hetunā sampayuttā kusalādayopi. Tattha ayaṃ hetu asukassa nāma sampayuttakadhammassa paccayoti paccayuppannavavatthānaṃ na paññāyeyya. Tasmā paccayañceva paccayuppannañca vavatthāpento ‘‘hetū hetusampayuttakāna’’nti āha. Tassattho – hetusampayuttakānaṃ kusalādidhammānaṃ yo hetu sampayuttako, so hetupaccayena paccayoti. Tatrāpi ‘‘paccayo’’ti avatvā ‘‘hetupaccayenā’’ti vacanaṃ hetuno aññathā paccayabhāvapaṭisedhanatthaṃ. Ayañhi hetu hetupaccayenāpi paccayo hoti, sahajātādipaccayenāpi. Tatrāssa yvāyaṃ sahajātādipaccayavasena aññathāpi paccayabhāvo, tassa paṭisedhanatthaṃ hetupaccayenāti vuttaṃ. Evaṃ santepi ‘‘taṃsampayuttakāna’’nti avatvā kasmā ‘‘hetusampayuttakāna’’nti vuttanti? Niddisitabbassa apākaṭattā. Taṃsampayuttakānanti hi vutte yena te taṃsampayuttakā nāma honti , ayaṃ nāma soti niddisitabbo apākaṭo. Tassa apākaṭattā yena sampayuttā te taṃsampayuttakāti vuccanti, taṃ sarūpatova dassetuṃ ‘‘hetusampayuttakāna’’nti vuttaṃ.
ตํสมุฎฺฐานานนฺติ เอตฺถ ปน นิทฺทิสิตพฺพสฺส ปากฎตฺตา ตํ-คหณํ กตํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – เต เหตู เจว เหตุสมฺปยุตฺตกา จ ธมฺมา สมุฎฺฐานํ เอเตสนฺติ ตํสมุฎฺฐานานิฯ เตสํ ตํสมุฎฺฐานานํ, เหตุโต เจว เหตุสมฺปยุตฺตธเมฺมหิ จ นิพฺพตฺตานนฺติ อโตฺถฯ อิมินา จิตฺตสมุฎฺฐานรูปํ คณฺหาติ ฯ กิํ ปน ตํ จิตฺตโต อเญฺญนปิ สมุฎฺฐาตีติ? อาม, สมุฎฺฐาติฯ สเพฺพปิ หิ จิตฺตเจตสิกา เอกโต หุตฺวา รูปํ สมุฎฺฐาเปนฺติฯ โลกิยธมฺมเทสนายํ ปน จิตฺตสฺส อธิกภาวโต ตถาวิธํ รูปํ จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติ วุจฺจติฯ เตเนวาห จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Taṃsamuṭṭhānānanti ettha pana niddisitabbassa pākaṭattā taṃ-gahaṇaṃ kataṃ. Ayañhettha attho – te hetū ceva hetusampayuttakā ca dhammā samuṭṭhānaṃ etesanti taṃsamuṭṭhānāni. Tesaṃ taṃsamuṭṭhānānaṃ, hetuto ceva hetusampayuttadhammehi ca nibbattānanti attho. Iminā cittasamuṭṭhānarūpaṃ gaṇhāti . Kiṃ pana taṃ cittato aññenapi samuṭṭhātīti? Āma, samuṭṭhāti. Sabbepi hi cittacetasikā ekato hutvā rūpaṃ samuṭṭhāpenti. Lokiyadhammadesanāyaṃ pana cittassa adhikabhāvato tathāvidhaṃ rūpaṃ cittasamuṭṭhānanti vuccati. Tenevāha cittacetasikā dhammā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ sahajātapaccayena paccayoti.
ยทิ เอวํ อิธาปิ ‘‘ตํสมุฎฺฐานาน’’นฺติ อวตฺวา จิตฺตสมุฎฺฐานานนฺติ กสฺมา น วุตฺตนฺติ? อจิตฺตสมุฎฺฐานานมฺปิ สงฺคณฺหนโตฯ ปญฺหาวารสฺมิญฺหิ ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อาคตํ’’ฯ ตสฺส สงฺคณฺหนตฺถํ อิธ จิตฺตสมุฎฺฐานานนฺติ อวตฺวา ตํสมุฎฺฐานานนฺติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – จิตฺตชรูปํ อชนยมานาปิ เต เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกา ธมฺมา สหชาตาทิปจฺจยวเสน สมุฎฺฐานํ เอเตสนฺติ ตํสมุฎฺฐานานิฯ เตสํ ตํสมุฎฺฐานานํ ปวเตฺต จิตฺตชานํ ปฎิสนฺธิยญฺจ กฎตฺตารูปานมฺปิ เหตู เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ อิมินา อุปาเยน อเญฺญสุปิ ตํสมุฎฺฐานานนฺติ อาคตฎฺฐาเนสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Yadi evaṃ idhāpi ‘‘taṃsamuṭṭhānāna’’nti avatvā cittasamuṭṭhānānanti kasmā na vuttanti? Acittasamuṭṭhānānampi saṅgaṇhanato. Pañhāvārasmiñhi ‘‘paṭisandhikkhaṇe vipākābyākatā hetū sampayuttakānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ hetupaccayena paccayoti āgataṃ’’. Tassa saṅgaṇhanatthaṃ idha cittasamuṭṭhānānanti avatvā taṃsamuṭṭhānānanti vuttaṃ. Tassattho – cittajarūpaṃ ajanayamānāpi te hetū hetusampayuttakā dhammā sahajātādipaccayavasena samuṭṭhānaṃ etesanti taṃsamuṭṭhānāni. Tesaṃ taṃsamuṭṭhānānaṃ pavatte cittajānaṃ paṭisandhiyañca kaṭattārūpānampi hetū hetupaccayena paccayoti. Iminā upāyena aññesupi taṃsamuṭṭhānānanti āgataṭṭhānesu attho veditabbo.
กสฺมา ปนายํ เหตุ ปฎิสนฺธิยเมว กฎตฺตารูปานํ เหตุปจฺจโย โหติ, น ปวเตฺตติ? ปฎิสนฺธิยํ กมฺมชรูปานํ จิตฺตปฎิพทฺธวุตฺติตายฯ ปฎิสนฺธิยญฺหิ กมฺมชรูปานํ จิตฺตปฎิพทฺธา ปวตฺติ, จิตฺตวเสน อุปฺปชฺชนฺติ เจว ติฎฺฐนฺติ จฯ ตสฺมิญฺหิ ขเณ จิตฺตํ จิตฺตชรูปํ ชเนตุํ น สโกฺกติ, ตานิปิ วินา จิเตฺตน อุปฺปชฺชิตุํ วา ฐาตุํ วา น สโกฺกนฺติฯ เตเนวาห – ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, ตสฺมิํ ปติฎฺฐิเต วิญฺญาเณ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๓๙)ฯ ปวตฺติยํ ปน เตสํ จิเตฺต วิชฺชมาเนปิ กมฺมปฎิพทฺธาว ปวตฺติ, น จิตฺตปฎิพทฺธาฯ อวิชฺชมาเน จาปิ จิเตฺต นิโรธสมาปนฺนานํ อุปฺปชฺชนฺติเยวฯ
Kasmā panāyaṃ hetu paṭisandhiyameva kaṭattārūpānaṃ hetupaccayo hoti, na pavatteti? Paṭisandhiyaṃ kammajarūpānaṃ cittapaṭibaddhavuttitāya. Paṭisandhiyañhi kammajarūpānaṃ cittapaṭibaddhā pavatti, cittavasena uppajjanti ceva tiṭṭhanti ca. Tasmiñhi khaṇe cittaṃ cittajarūpaṃ janetuṃ na sakkoti, tānipi vinā cittena uppajjituṃ vā ṭhātuṃ vā na sakkonti. Tenevāha – ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ, tasmiṃ patiṭṭhite viññāṇe nāmarūpassa avakkanti hotī’’ti (saṃ. ni. 2.39). Pavattiyaṃ pana tesaṃ citte vijjamānepi kammapaṭibaddhāva pavatti, na cittapaṭibaddhā. Avijjamāne cāpi citte nirodhasamāpannānaṃ uppajjantiyeva.
กสฺมา ปน ปฎิสนฺธิกฺขเณ จิตฺตํ จิตฺตชรูปํ ชเนตุํ น สโกฺกตีติ? กมฺมเวคกฺขิตฺตตาย เจว อปฺปติฎฺฐิตวตฺถุตาย จ ทุพฺพลตฺตาฯ ตญฺหิ ตทา กมฺมเวคกฺขิตฺตํ อปุเรชาตวตฺถุกตฺตา จ อปฺปติฎฺฐิตวตฺถุกนฺติ ทุพฺพลํ โหติฯ ตสฺมา ปปาเต ปติตมโตฺต ปุริโส กิญฺจิ สิปฺปํ กาตุํ วิย รูปํ ชเนตุํ น สโกฺกติ; กมฺมชรูปเมว ปนสฺส จิตฺตสมุฎฺฐานรูปฎฺฐาเน ติฎฺฐติฯ ตญฺจ กมฺมชรูปเสฺสว พีชฎฺฐาเน ติฎฺฐติฯ กมฺมํ ปนสฺส เขตฺตสทิสํ, กิเลสา อาปสทิสาฯ ตสฺมา สเนฺตปิ เขเตฺต อาเป จ ปฐมุปฺปตฺติยํ พีชานุภาเวน รุกฺขุปฺปตฺติ วิย ปฎิสนฺธิกฺขเณ จิตฺตานุภาเวน รูปกายสฺส อุปฺปตฺติฯ พีเช ปน วิคเตปิ ปถวีอาปานุภาเวน รุกฺขสฺส อุปรูปริ ปวตฺติ วิย; วินา จิเตฺตน กมฺมโตว กฎตฺตารูปานํ ปวตฺติ โหตีติ เวทิตพฺพาฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ วิญฺญาณํ พีชํ ตณฺหา เสฺนโห’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๗)ฯ
Kasmā pana paṭisandhikkhaṇe cittaṃ cittajarūpaṃ janetuṃ na sakkotīti? Kammavegakkhittatāya ceva appatiṭṭhitavatthutāya ca dubbalattā. Tañhi tadā kammavegakkhittaṃ apurejātavatthukattā ca appatiṭṭhitavatthukanti dubbalaṃ hoti. Tasmā papāte patitamatto puriso kiñci sippaṃ kātuṃ viya rūpaṃ janetuṃ na sakkoti; kammajarūpameva panassa cittasamuṭṭhānarūpaṭṭhāne tiṭṭhati. Tañca kammajarūpasseva bījaṭṭhāne tiṭṭhati. Kammaṃ panassa khettasadisaṃ, kilesā āpasadisā. Tasmā santepi khette āpe ca paṭhamuppattiyaṃ bījānubhāvena rukkhuppatti viya paṭisandhikkhaṇe cittānubhāvena rūpakāyassa uppatti. Bīje pana vigatepi pathavīāpānubhāvena rukkhassa uparūpari pavatti viya; vinā cittena kammatova kaṭattārūpānaṃ pavatti hotīti veditabbā. Vuttampi cetaṃ – ‘‘kammaṃ khettaṃ viññāṇaṃ bījaṃ taṇhā sneho’’ti (a. ni. 3.77).
อยญฺจ ปนโตฺถ โอกาสวเสเนว คเหตโพฺพฯ ตโย หิ โอกาสา – นาโมกาโส, รูโปกาโส, นามรูโปกาโสติฯ ตตฺถ อรูปภโว นาโมกาโส นามฯ ตตฺร หิ หทยวตฺถุมตฺตมฺปิ รูปปจฺจยํ วินา อรูปธมฺมาว อุปฺปชฺชนฺติฯ อสญฺญภโว รูโปกาโส นามฯ ตตฺร หิ ปฎิสนฺธิจิตฺตมตฺตมฺปิ อรูปปจฺจยํ วินา รูปธมฺมาว อุปฺปชฺชนฺติฯ ปญฺจโวการภโว นามรูโปกาโส นามฯ ตตฺร หิ วตฺถุรูปมตฺตมฺปิ วินา ปฎิสนฺธิยํ อรูปธมฺมา, ปฎิสนฺธิจิตฺตญฺจ วินา กมฺมชาปิ รูปธมฺมา นุปฺปชฺชนฺติฯ ยุคนทฺธาว รูปารูปานํ อุปฺปตฺติฯ ยถา หิ สสฺสามิเก สราชเก เคเห สทฺวารปาลเก ราชาณตฺติํ วินา ปฐมปฺปเวโส นาม นตฺถิ, อปรภาเค ปน วินาปิ อาณตฺติํ ปุริมาณตฺติอานุภาเวเนว โหติ, เอวเมว ปญฺจโวกาเร ปฎิสนฺธิวิญฺญาณราชสฺส สหชาตาทิปจฺจยตํ วินา รูปสฺส ปฎิสนฺธิวเสน ปฐมุปฺปตฺติ นาม นตฺถิฯ อปรภาเค ปน วินาปิ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส สหชาตาทิปจฺจยานุภาวํ ปุริมานุภาววเสน ลทฺธปฺปเวสสฺส กมฺมโต ปวตฺติ โหติฯ อสญฺญภโว ปน ยสฺมา อรูโปกาโส น โหติ, ตสฺมา ตตฺถ วินาว อรูปปจฺจยา อสโญฺญกาสตฺตา รูปํ ปวตฺตติ, อสฺสามิเก สุญฺญเคเห อตฺตโน เคเห จ ปุริสสฺส ปเวโส วิยฯ อรูปภโวปิ ยสฺมา รูโปกาโส น โหติ, ตสฺมา ตตฺถ วินาว รูปปจฺจยา อโญฺญกาสตฺตา อรูปธมฺมา ปวตฺตนฺติฯ ปญฺจโวการภโว ปน รูปารูโปกาโสติ นเตฺถตฺถ อรูปปจฺจยํ วินา ปฎิสนฺธิกฺขเณ รูปานํ อุปฺปตฺตีติฯ อิติ อยํ เหตุ ปฎิสนฺธิยเมว กฎตฺตารูปานํ ปจฺจโย โหติ, น ปวเตฺตติฯ
Ayañca panattho okāsavaseneva gahetabbo. Tayo hi okāsā – nāmokāso, rūpokāso, nāmarūpokāsoti. Tattha arūpabhavo nāmokāso nāma. Tatra hi hadayavatthumattampi rūpapaccayaṃ vinā arūpadhammāva uppajjanti. Asaññabhavo rūpokāso nāma. Tatra hi paṭisandhicittamattampi arūpapaccayaṃ vinā rūpadhammāva uppajjanti. Pañcavokārabhavo nāmarūpokāso nāma. Tatra hi vatthurūpamattampi vinā paṭisandhiyaṃ arūpadhammā, paṭisandhicittañca vinā kammajāpi rūpadhammā nuppajjanti. Yuganaddhāva rūpārūpānaṃ uppatti. Yathā hi sassāmike sarājake gehe sadvārapālake rājāṇattiṃ vinā paṭhamappaveso nāma natthi, aparabhāge pana vināpi āṇattiṃ purimāṇattiānubhāveneva hoti, evameva pañcavokāre paṭisandhiviññāṇarājassa sahajātādipaccayataṃ vinā rūpassa paṭisandhivasena paṭhamuppatti nāma natthi. Aparabhāge pana vināpi paṭisandhiviññāṇassa sahajātādipaccayānubhāvaṃ purimānubhāvavasena laddhappavesassa kammato pavatti hoti. Asaññabhavo pana yasmā arūpokāso na hoti, tasmā tattha vināva arūpapaccayā asaññokāsattā rūpaṃ pavattati, assāmike suññagehe attano gehe ca purisassa paveso viya. Arūpabhavopi yasmā rūpokāso na hoti, tasmā tattha vināva rūpapaccayā aññokāsattā arūpadhammā pavattanti. Pañcavokārabhavo pana rūpārūpokāsoti natthettha arūpapaccayaṃ vinā paṭisandhikkhaṇe rūpānaṃ uppattīti. Iti ayaṃ hetu paṭisandhiyameva kaṭattārūpānaṃ paccayo hoti, na pavatteti.
นนุ ‘‘เหตู สหชาตานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ วุเตฺต สโพฺพปิ อยมโตฺถ คหิโต โหติ, อถ กสฺมา ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปาน’’นฺติ อิทํ คหิตนฺติ? ปวตฺติยํ กฎตฺตารูปาทีนํ ปจฺจยภาวปฎิพาหนโตฯ เอวญฺหิ สติ ยานิ ปวตฺติยํ เหตุนา สห เอกกฺขเณ กฎตฺตารูปานิ เจว อุตุอาหารสมุฎฺฐานานิ จ ชายนฺติ, เตสมฺปิ เหตู เหตุปจฺจโยติ อาปเชฺชยฺย, น จ โส เตสํ ปจฺจโยฯ ตสฺมา เตสํ ปจฺจยภาวสฺส ปฎิพาหนตฺถเมตํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Nanu ‘‘hetū sahajātānaṃ hetupaccayena paccayoti vutte sabbopi ayamattho gahito hoti, atha kasmā ‘‘hetusampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpāna’’nti idaṃ gahitanti? Pavattiyaṃ kaṭattārūpādīnaṃ paccayabhāvapaṭibāhanato. Evañhi sati yāni pavattiyaṃ hetunā saha ekakkhaṇe kaṭattārūpāni ceva utuāhārasamuṭṭhānāni ca jāyanti, tesampi hetū hetupaccayoti āpajjeyya, na ca so tesaṃ paccayo. Tasmā tesaṃ paccayabhāvassa paṭibāhanatthametaṃ gahitanti veditabbaṃ.
อิทานิ ‘‘นานปฺปการเภทโต ปจฺจยุปฺปนฺนโต’’ติ อิเมสํ ปทานํ วเสเนตฺถ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ เตสุ นานปฺปการเภทโตติ อยญฺหิ เหตุ นาม ชาติโต กุสลากุสลวิปากกิริยเภทโต จตุพฺพิโธฯ ตตฺถ กุสลเหตุ ภูมนฺตรโต กามาวจราทิเภเทน จตุพฺพิโธ, อกุสลเหตุ กามาวจโรว วิปากเหตุ กามาวจราทิเภเทน จตุพฺพิโธ, กิริยเหตุ กามาวจโร รูปาวจโร อรูปาวจโรติ ติวิโธฯ ตตฺถ กามาวจรกุสลเหตุ นามโต อโลภาทิวเสน ติวิโธฯ รูปาวจราทิกุสลเหตูสุปิ เอเสว นโยฯ อกุสลเหตุ โลภาทิวเสน ติวิโธฯ วิปากกิริยเหตู ปน อโลภาทิวเสน ตโย ตโย โหนฺติฯ ตํตํจิตฺตสมฺปโยควเสน ปน เตสํ เตสํ เหตูนํ นานปฺปการเภโทเยวาติ เอวํ ตาเวตฺถ นานปฺปการเภทโต วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Idāni ‘‘nānappakārabhedato paccayuppannato’’ti imesaṃ padānaṃ vasenettha viññātabbo vinicchayo. Tesu nānappakārabhedatoti ayañhi hetu nāma jātito kusalākusalavipākakiriyabhedato catubbidho. Tattha kusalahetu bhūmantarato kāmāvacarādibhedena catubbidho, akusalahetu kāmāvacarova vipākahetu kāmāvacarādibhedena catubbidho, kiriyahetu kāmāvacaro rūpāvacaro arūpāvacaroti tividho. Tattha kāmāvacarakusalahetu nāmato alobhādivasena tividho. Rūpāvacarādikusalahetūsupi eseva nayo. Akusalahetu lobhādivasena tividho. Vipākakiriyahetū pana alobhādivasena tayo tayo honti. Taṃtaṃcittasampayogavasena pana tesaṃ tesaṃ hetūnaṃ nānappakārabhedoyevāti evaṃ tāvettha nānappakārabhedato viññātabbo vinicchayo.
ปจฺจยุปฺปนฺนโตติ อิมินา ปจฺจเยน อิเม ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อิเมสํ นาม ธมฺมานํ อยํ ปจฺจโยติ เอวมฺปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยติ อโตฺถฯ ตตฺถ อิมสฺมิํ ตาว เหตุปจฺจเย กามาวจรกุสลเหตุ กามภวรูปภเวสุ อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานเญฺจว จิตฺตสมุฎฺฐานรูปานญฺจ เหตุปจฺจโย โหติ, อรูปภเว สมฺปยุตฺตธมฺมานํเยวฯ รูปาวจรกุสลเหตุ กามภวรูปภเวสุเยว สมฺปยุตฺตธมฺมานเญฺจว จิตฺตสมุฎฺฐานรูปานญฺจ เหตุปจฺจโยฯ อรูปาวจรกุสลเหตุ กามาวจรกุสลเหตุสทิโสวฯ ตถา อปริยาปนฺนกุสลเหตุ, ตถา อกุสลเหตุฯ กามาวจรวิปากเหตุ ปน กามภวสฺมิํเยว อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ, ปฎิสนฺธิยํ กฎตฺตารูปานํ, ปวเตฺต จิตฺตสมุฎฺฐานรูปานญฺจ เหตุปจฺจโยฯ รูปาวจรวิปากเหตุ รูปภเว วุตฺตปฺปการานเญฺญว เหตุปจฺจโยฯ อรูปาวจรวิปากเหตุ อรูปภเว สมฺปยุตฺตกานเญฺญว เหตุปจฺจโยฯ อปริยาปนฺนวิปากเหตุ กามภวรูปภเวสุ สมฺปยุตฺตกานเญฺจว จิตฺตสมุฎฺฐานรูปานญฺจ อรูปภเว อรูปธมฺมานเญฺญว เหตุปจฺจโยฯ กิริยเหตูสุ ปน เตภูมเกสุปิ กุสลเหตุสทิโสว ปจฺจโยติฯ เอวเมตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺนโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยติฯ
Paccayuppannatoti iminā paccayena ime dhammā uppajjanti, imesaṃ nāma dhammānaṃ ayaṃ paccayoti evampi viññātabbo vinicchayoti attho. Tattha imasmiṃ tāva hetupaccaye kāmāvacarakusalahetu kāmabhavarūpabhavesu attanā sampayuttadhammānañceva cittasamuṭṭhānarūpānañca hetupaccayo hoti, arūpabhave sampayuttadhammānaṃyeva. Rūpāvacarakusalahetu kāmabhavarūpabhavesuyeva sampayuttadhammānañceva cittasamuṭṭhānarūpānañca hetupaccayo. Arūpāvacarakusalahetu kāmāvacarakusalahetusadisova. Tathā apariyāpannakusalahetu, tathā akusalahetu. Kāmāvacaravipākahetu pana kāmabhavasmiṃyeva attanā sampayuttadhammānaṃ, paṭisandhiyaṃ kaṭattārūpānaṃ, pavatte cittasamuṭṭhānarūpānañca hetupaccayo. Rūpāvacaravipākahetu rūpabhave vuttappakārānaññeva hetupaccayo. Arūpāvacaravipākahetu arūpabhave sampayuttakānaññeva hetupaccayo. Apariyāpannavipākahetu kāmabhavarūpabhavesu sampayuttakānañceva cittasamuṭṭhānarūpānañca arūpabhave arūpadhammānaññeva hetupaccayo. Kiriyahetūsu pana tebhūmakesupi kusalahetusadisova paccayoti. Evamettha paccayuppannatopi viññātabbo vinicchayoti.
เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Hetupaccayaniddesavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๒) ปจฺจยนิเทฺทโส • (2) Paccayaniddeso