Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā

    ปจฺจยนิเทฺทโส

    Paccayaniddeso

    ๑. เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา

    1. Hetupaccayaniddesavaṇṇanā

    . โย เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิโฎฺฐ, โส เอวํ เวทิตโพฺพติ เอเตน เหตุสงฺขาตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส เหตุสมฺปยุตฺตกตํสมุฎฺฐานรูปสงฺขาตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจยภาโว เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิโฎฺฐติฯ โย ปน เหตุภาเวน ยถาวุโตฺต ปจฺจยธโมฺม ยถาวุตฺตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจโย โหติ, โส เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิโฎฺฐติ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสติฯ อุภยถาปิ เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิโฎฺฐติ ทสฺสิตํ โหติฯ เอส นโย เสสปจฺจเยสุปิฯ อุปการกตา ปน ธมฺมสภาโว เอว, น ธมฺมโต อญฺญา อตฺถีติฯ ตถา ตถา อุปการกํ ตํ ตํ ธมฺมํ ทเสฺสโนฺต หิ ภควา ตํ ตํ อุปการกตํ ทเสฺสตีติฯ

    1. Yo hetupaccayoti uddiṭṭho, so evaṃ veditabboti etena hetusaṅkhātassa paccayadhammassa hetusampayuttakataṃsamuṭṭhānarūpasaṅkhātānaṃ paccayuppannānaṃ hetupaccayena paccayabhāvo hetupaccayoti uddiṭṭhoti. Yo pana hetubhāvena yathāvutto paccayadhammo yathāvuttānaṃ paccayuppannānaṃ paccayo hoti, so hetupaccayoti uddiṭṭhoti veditabboti dasseti. Ubhayathāpi hetubhāvena upakārakatā hetupaccayoti uddiṭṭhoti dassitaṃ hoti. Esa nayo sesapaccayesupi. Upakārakatā pana dhammasabhāvo eva, na dhammato aññā atthīti. Tathā tathā upakārakaṃ taṃ taṃ dhammaṃ dassento hi bhagavā taṃ taṃ upakārakataṃ dassetīti.

    เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ ปฐโม เหตุ-สโทฺท ปจฺจตฺตนิทฺทิโฎฺฐ ปจฺจยนิเทฺทโสฯ เตน เอตสฺส เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจยตาติ ทเสฺสติฯ ทุติโย ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสนํฯ เตน น เยสํ เกสญฺจิ สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจยภาเวน ปจฺจโย โหติ, อถ โข เหตุนา สมฺปยุตฺตานเมวาติ ทเสฺสติฯ นนุ จ สมฺปยุตฺตสทฺทสฺส สาเปกฺขตฺตา ทุติเย เหตุสเทฺท อวิชฺชมาเนปิ อญฺญสฺส อเปกฺขิตพฺพสฺส อนิทฺทิฎฺฐตฺตา อตฺตนาว สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อยมโตฺถ วิญฺญายตีติ? นายํ เอกโนฺตฯ เหตุสโทฺท หิ ปจฺจตฺตนิทฺทิโฎฺฐ ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอเตฺถว พฺยาวโฎ ยทา คยฺหติ , ตทา สมฺปยุตฺตวิเสสนํ น โหตีติ สมฺปยุตฺตา อวิสิฎฺฐา เย เกจิ คหิตา ภเวยฺยุนฺติ เอวํ สมฺปยุตฺตสเทฺทน อตฺตนิ เอว พฺยาวเฎน เหตุสเทฺทน วิเสสเนน วินา เยสํ เกสญฺจิ สมฺปยุตฺตานํ คหณํ โหตีติ ตํ สนฺธาย ‘‘อถาปิ…เป.… อโตฺถ ภเวยฺยา’’ติ อาหฯ นนุ ยถา ‘‘อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑๕), ‘‘อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑๖) จ วุเตฺต ทุติเยน อาหารคฺคหเณน อินฺทฺริยคฺคหเณน จ วินาปิ อาหารินฺทฺริยสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ สิยาติ? น, อาหารินฺทฺริยาสมฺปยุตฺตสฺส อภาวโตฯ วเชฺชตพฺพาภาวโต หิ ตตฺถ ทุติยอาหารินฺทฺริยคฺคหเณ อสติปิ ตํสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺตีติ ตํ น กตํ, อิธ ปน วเชฺชตพฺพํ อตฺถีติ วตฺตพฺพํ ทุติยํ เหตุคฺคหณนฺติฯ

    Hetū hetusampayuttakānanti ettha paṭhamo hetu-saddo paccattaniddiṭṭho paccayaniddeso. Tena etassa hetubhāvena upakārakatā hetupaccayatāti dasseti. Dutiyo paccayuppannavisesanaṃ. Tena na yesaṃ kesañci sampayuttakānaṃ hetupaccayabhāvena paccayo hoti, atha kho hetunā sampayuttānamevāti dasseti. Nanu ca sampayuttasaddassa sāpekkhattā dutiye hetusadde avijjamānepi aññassa apekkhitabbassa aniddiṭṭhattā attanāva sampayuttakānaṃ hetupaccayena paccayoti ayamattho viññāyatīti? Nāyaṃ ekanto. Hetusaddo hi paccattaniddiṭṭho ‘‘hetupaccayena paccayo’’ti ettheva byāvaṭo yadā gayhati , tadā sampayuttavisesanaṃ na hotīti sampayuttā avisiṭṭhā ye keci gahitā bhaveyyunti evaṃ sampayuttasaddena attani eva byāvaṭena hetusaddena visesanena vinā yesaṃ kesañci sampayuttānaṃ gahaṇaṃ hotīti taṃ sandhāya ‘‘athāpi…pe… attho bhaveyyā’’ti āha. Nanu yathā ‘‘arūpino āhārā sampayuttakānaṃ dhammāna’’nti (paṭṭhā. 1.1.15), ‘‘arūpino indriyā sampayuttakāna’’nti (paṭṭhā. 1.1.16) ca vutte dutiyena āhāraggahaṇena indriyaggahaṇena ca vināpi āhārindriyasampayuttakāva gayhanti, evamidhāpi siyāti? Na, āhārindriyāsampayuttassa abhāvato. Vajjetabbābhāvato hi tattha dutiyaāhārindriyaggahaṇe asatipi taṃsampayuttakāva gayhantīti taṃ na kataṃ, idha pana vajjetabbaṃ atthīti vattabbaṃ dutiyaṃ hetuggahaṇanti.

    เอวมฺปิ เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ โส เอว สมฺปยุตฺตกเหตูติ วิเสสนสฺส อกตตฺตา โย โกจิ เหตุ ยสฺส กสฺสจิ เหตุสมฺปยุตฺตกสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปจฺจตฺตนิทฺทิฎฺฐเสฺสว เหตุสฺส ปุน สมฺปยุตฺตวิเสสนภาเวน วุตฺตตฺตา, เอตทตฺถเมว จ วินาปิ ทุติเยน เหตุสเทฺทน เหตุสมฺปยุตฺตภาเว สิเทฺธปิ ตสฺส คหณํ กตํฯ อถ วา อสติ ทุติเย เหตุสเทฺท เหตุสมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, น ปน เหตูนนฺติ เอวมฺปิ คหณํ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โส วุโตฺต, เตน เหตุสมฺปยุตฺตภาวํ เย ลภนฺติ, เตสํ สเพฺพสํ เหตูนํ อเญฺญสมฺปิ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ ทสฺสิตํ โหติฯ ยสฺมา ปน เหตุฌานมคฺคา ปติฎฺฐามตฺตาทิภาเวน นิรเปกฺขา, น อาหารินฺทฺริยา วิย สาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เอเตเสฺวว ทุติยํ เหตาทิคฺคหณํ กตํฯ อาหารินฺทฺริยา ปน อาหริตพฺพอิสิตพฺพาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เต วินาปิ ทุติเยน อาหารินฺทฺริยคฺคหเณน อตฺตนา เอว อาหริตเพฺพ จ อิสิตเพฺพ จ อาหารินฺทฺริยภูเต อเญฺญ จ สมฺปยุตฺตเก ปริจฺฉินฺทนฺตีติ ตํ ตตฺถ น กตํ, อิธ จ ทุติเยน เหตุคฺคหเณน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุนา ปจฺจยภูเตเนว สมฺปยุตฺตานํ เหตูนํ อเญฺญสญฺจ ปริจฺฉินฺนตฺตา ปุน วิเสสนกิจฺจํ นตฺถีติ ปญฺหาวาเร ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติอาทีสุ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๐๑) ทุติยํ เหตุคฺคหณํ น กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Evampi hetū hetusampayuttakānanti ettha hetusampayuttakānaṃ so eva sampayuttakahetūti visesanassa akatattā yo koci hetu yassa kassaci hetusampayuttakassa hetupaccayena paccayoti āpajjatīti? Nāpajjati, paccattaniddiṭṭhasseva hetussa puna sampayuttavisesanabhāvena vuttattā, etadatthameva ca vināpi dutiyena hetusaddena hetusampayuttabhāve siddhepi tassa gahaṇaṃ kataṃ. Atha vā asati dutiye hetusadde hetusampayuttakānaṃ hetupaccayena paccayo, na pana hetūnanti evampi gahaṇaṃ siyāti tannivāraṇatthaṃ so vutto, tena hetusampayuttabhāvaṃ ye labhanti, tesaṃ sabbesaṃ hetūnaṃ aññesampi hetupaccayena paccayoti dassitaṃ hoti. Yasmā pana hetujhānamaggā patiṭṭhāmattādibhāvena nirapekkhā, na āhārindriyā viya sāpekkhā eva, tasmā etesveva dutiyaṃ hetādiggahaṇaṃ kataṃ. Āhārindriyā pana āharitabbaisitabbāpekkhā eva, tasmā te vināpi dutiyena āhārindriyaggahaṇena attanā eva āharitabbe ca isitabbe ca āhārindriyabhūte aññe ca sampayuttake paricchindantīti taṃ tattha na kataṃ, idha ca dutiyena hetuggahaṇena paccayuppannānaṃ hetunā paccayabhūteneva sampayuttānaṃ hetūnaṃ aññesañca paricchinnattā puna visesanakiccaṃ natthīti pañhāvāre ‘‘kusalā hetū sampayuttakānaṃ khandhāna’’ntiādīsu (paṭṭhā. 1.1.401) dutiyaṃ hetuggahaṇaṃ na katanti daṭṭhabbaṃ.

    นิทฺทิสิตพฺพสฺส อปากฎตฺตาติ ตํ-สโทฺท ปุริมวจนาเปโกฺข วุตฺตเสฺสว นิเทฺทโส ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทีสุ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๒) ปุริมวจเนน นิทฺทิสิตเพฺพ ปากฎีภูเต เอว ปวตฺตติฯ เอตฺถ จ ปจฺจตฺตนิทฺทิโฎฺฐ เหตุสโทฺท ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ พฺยาวโฎ สมฺปยุตฺตสเทฺทน วิย ตํ-สเทฺทนปิ อนเปกฺขนีโย อโญฺญ จ โกจิ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสโก วุโตฺต นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ จ น วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Niddisitabbassaapākaṭattāti taṃ-saddo purimavacanāpekkho vuttasseva niddeso ‘‘rūpāyatanaṃ cakkhuviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakāna’’ntiādīsu (paṭṭhā. 1.1.2) purimavacanena niddisitabbe pākaṭībhūte eva pavattati. Ettha ca paccattaniddiṭṭho hetusaddo ‘‘hetupaccayena paccayo’’ti ettha byāvaṭo sampayuttasaddena viya taṃ-saddenapi anapekkhanīyo añño ca koci niddisitabbappakāsako vutto natthi, tasmā ‘‘taṃsampayuttakāna’’nti ca na vuttanti adhippāyo.

    ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อิมินา ปน ปจฺจยุปฺปนฺนวจเนน อสมเตฺตน ปจฺจยุปฺปนฺนวจนนฺตราเปเกฺขน ปุเพฺพ วุเตฺตน ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพํ ปากฎีกตํ, เตน ‘‘ตํสมุฎฺฐานาน’’นฺติ เอตฺถ ตํคหณํ กตนฺติฯ กิํ ปน ตสฺมิํ เหตุสมฺปยุตฺตกสเทฺท ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพํ ปากฎีภูตนฺติ? เยหิ เหตูหิ สมฺปยุตฺตา ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกา’’ติ วุตฺตา, เต เหตู เจว สมฺปยุตฺตกวิเสสนภูตา ตพฺพิเสสิตา จ เหตุสมฺปยุตฺตกาฯ เตนาห ‘‘เต เหตู เจวา’’ติอาทิฯ อญฺญถา ‘‘เต เหตู เจวา’’ติ เอตสฺส ปจฺจตฺตนิทฺทิเฎฺฐน เหตุสเทฺทน สมฺพเนฺธ สติ ยถา อิธ เตเนว ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพา ปากฎา, เอวํ ปุเพฺพปิ ภวิตุํ อรหนฺตีติ ‘‘นิทฺทิสิตพฺพสฺส อปากฎตฺตา ‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’นฺติ น วุตฺต’’นฺติ อิทํ น ยุเชฺชยฺยาติฯ ทุวิธมฺปิ วา เหตุคฺคหณํ อปเนตฺวา ตํสทฺทวจนียตํ โจเทติ ปริหรติ จฯ ตํสมุฎฺฐานานนฺติ จ เหตุสมุฎฺฐานานนฺติ ยุตฺตํฯ เหตู หิ ปจฺจยาติฯ

    ‘‘Hetusampayuttakāna’’nti iminā pana paccayuppannavacanena asamattena paccayuppannavacanantarāpekkhena pubbe vuttena taṃ-saddena niddisitabbaṃ pākaṭīkataṃ, tena ‘‘taṃsamuṭṭhānāna’’nti ettha taṃgahaṇaṃ katanti. Kiṃ pana tasmiṃ hetusampayuttakasadde taṃ-saddena niddisitabbaṃ pākaṭībhūtanti? Yehi hetūhi sampayuttā ‘‘hetusampayuttakā’’ti vuttā, te hetū ceva sampayuttakavisesanabhūtā tabbisesitā ca hetusampayuttakā. Tenāha ‘‘te hetū cevā’’tiādi. Aññathā ‘‘te hetū cevā’’ti etassa paccattaniddiṭṭhena hetusaddena sambandhe sati yathā idha teneva taṃ-saddena niddisitabbā pākaṭā, evaṃ pubbepi bhavituṃ arahantīti ‘‘niddisitabbassa apākaṭattā ‘taṃsampayuttakāna’nti na vutta’’nti idaṃ na yujjeyyāti. Duvidhampi vā hetuggahaṇaṃ apanetvā taṃsaddavacanīyataṃ codeti pariharati ca. Taṃsamuṭṭhānānanti ca hetusamuṭṭhānānanti yuttaṃ. Hetū hi paccayāti.

    จิตฺตชรูปํ อชนยมานาปีติ ปิ-สเทฺทน ชนยมานาปิฯ ยทิ ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานาน’’นฺติ วจเนน ปฎิสนฺธิกฺขเณ กฎตฺตารูปสฺส อคฺคหณโต ตํ น วุตฺตํ, สหชาตปจฺจยวิภเงฺค จิตฺตเจตสิกานํ ตสฺส กฎตฺตารูปสฺส ปจฺจยภาโว น วุโตฺต ภเวยฺยฯ ยทิ จ ตตฺถ จิตฺตสมุฎฺฐานานํ ปจฺจยภาเวน ตํสมานลกฺขณานํ กฎตฺตารูปานมฺปิ ปจฺจยภาโว นิทสฺสิโต, เอวมิธาปิ ภวิตพฺพํฯ ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานาน’’นฺติ ปน อวตฺวา ‘‘ตํสมุฎฺฐานาน’’นฺติ วจนํ จิตฺตสมุฎฺฐานานํ สพฺพจิตฺตเจตสิกสมุฎฺฐานตาทสฺสนตฺถํฯ เอวํปกาเรน หิ ตํสมุฎฺฐานวจเนน ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตํ สมุฎฺฐานวจนํ วิเสสิตํ โหติฯ นนุ ‘‘จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฎฺฐานาน’’นฺติ วจเนน จิตฺตสมุฎฺฐานานํ จิตฺตเจตสิกสมุฎฺฐานตา วุตฺตาติ? น วุตฺตาฯ จิตฺตเจตสิกานํ ปจฺจยภาโว เอว หิ ตตฺถ วุโตฺตติฯ

    Cittajarūpaṃ ajanayamānāpīti pi-saddena janayamānāpi. Yadi ‘‘cittasamuṭṭhānāna’’nti vacanena paṭisandhikkhaṇe kaṭattārūpassa aggahaṇato taṃ na vuttaṃ, sahajātapaccayavibhaṅge cittacetasikānaṃ tassa kaṭattārūpassa paccayabhāvo na vutto bhaveyya. Yadi ca tattha cittasamuṭṭhānānaṃ paccayabhāvena taṃsamānalakkhaṇānaṃ kaṭattārūpānampi paccayabhāvo nidassito, evamidhāpi bhavitabbaṃ. ‘‘Cittasamuṭṭhānāna’’nti pana avatvā ‘‘taṃsamuṭṭhānāna’’nti vacanaṃ cittasamuṭṭhānānaṃ sabbacittacetasikasamuṭṭhānatādassanatthaṃ. Evaṃpakārena hi taṃsamuṭṭhānavacanena tattha tattha vuttaṃ samuṭṭhānavacanaṃ visesitaṃ hoti. Nanu ‘‘cittacetasikā dhammā cittasamuṭṭhānāna’’nti vacanena cittasamuṭṭhānānaṃ cittacetasikasamuṭṭhānatā vuttāti? Na vuttā. Cittacetasikānaṃ paccayabhāvo eva hi tattha vuttoti.

    จิตฺตปฎิพทฺธวุตฺติตายาติ เอเตเนว เหตุอาทิปฎิพทฺธตญฺจ ทเสฺสติฯ ‘‘ยญฺจ, ภิกฺขเว, เจเตติ, ยญฺจ ปกเปฺปติ, ยญฺจ อนุเสติ, อารมฺมณเมตํ โหติ, วิญฺญาณสฺส ฐิติยา อารมฺมเณ สติ ปติฎฺฐา วิญฺญาณสฺส โหติ, ตสฺมิํ ปติฎฺฐิเต วิญฺญาเณ วิรุเฬฺห นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหติ, นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๙) อิมสฺมิมฺปิ สุเตฺต ปฎิสนฺธินามรูปสฺส วิญฺญาณปจฺจยตา วุตฺตาติ อาห ‘‘ตสฺมิํ ปติฎฺฐิเต’’ติอาทิฯ

    Cittapaṭibaddhavuttitāyāti eteneva hetuādipaṭibaddhatañca dasseti. ‘‘Yañca, bhikkhave, ceteti, yañca pakappeti, yañca anuseti, ārammaṇametaṃ hoti, viññāṇassa ṭhitiyā ārammaṇe sati patiṭṭhā viññāṇassa hoti, tasmiṃ patiṭṭhite viññāṇe viruḷhe nāmarūpassa avakkanti hoti, nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’nti (saṃ. ni. 2.39) imasmimpi sutte paṭisandhināmarūpassa viññāṇapaccayatā vuttāti āha ‘‘tasmiṃ patiṭṭhite’’tiādi.

    ปุริมตรสิทฺธาย ปถวิยา พีชปติฎฺฐานํ วิย ปุริมตรสิเทฺธ กเมฺม ตนฺนิพฺพตฺตเสฺสว วิญฺญาณพีชสฺส ปติฎฺฐานํ กมฺมสฺส กฎตฺตา อุปฺปตฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห – ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ, วิญฺญาณํ พีช’’นฺติฯ กสฺส ปน ตํ เขตฺตํ พีชญฺจาติ? นามรูปงฺกุรสฺสฯ

    Purimatarasiddhāya pathaviyā bījapatiṭṭhānaṃ viya purimatarasiddhe kamme tannibbattasseva viññāṇabījassa patiṭṭhānaṃ kammassa kaṭattā uppattīti vuttaṃ hoti. Tenāha – ‘‘kammaṃ khettaṃ, viññāṇaṃ bīja’’nti. Kassa pana taṃ khettaṃ bījañcāti? Nāmarūpaṅkurassa.

    อยญฺจ ปนโตฺถติ ปฎิสนฺธิยํ กมฺมชรูปานํ จิตฺตปฎิพทฺธวุตฺติตาฯ โอกาสวเสเนวาติ นามรูโปกาสวเสเนวฯ โส หิ ตสฺส อตฺถสฺส โอกาโสติฯ วตฺถุรูปมตฺตมฺปีติ วทโนฺต วตฺถุรูปสฺส อุปตฺถมฺภกานํ เสสรูปานมฺปิ ตทุปตฺถมฺภกภาเวเนว อรูปธมฺมานํ ปจฺจยภาวํ ทเสฺสติ, สหภวนมตฺตํ วาฯ ตตฺถ กายภาวาทิกลาปานํ กตฺถจิ อภาวโต กตฺถจิ อภาวาภาวโต ‘‘วตฺถุรูปมตฺตมฺปิ วินา’’ติ อาหฯ สสฺสามิเกติ เอตเสฺสว วิเสสนตฺถํ ‘‘สราชเก’’ติ วุตฺตํฯ

    Ayañca panatthoti paṭisandhiyaṃ kammajarūpānaṃ cittapaṭibaddhavuttitā. Okāsavasenevāti nāmarūpokāsavaseneva. So hi tassa atthassa okāsoti. Vatthurūpamattampīti vadanto vatthurūpassa upatthambhakānaṃ sesarūpānampi tadupatthambhakabhāveneva arūpadhammānaṃ paccayabhāvaṃ dasseti, sahabhavanamattaṃ vā. Tattha kāyabhāvādikalāpānaṃ katthaci abhāvato katthaci abhāvābhāvato ‘‘vatthurūpamattampi vinā’’ti āha. Sassāmiketi etasseva visesanatthaṃ ‘‘sarājake’’ti vuttaṃ.

    ปวตฺติยํ กฎตฺตารูปาทีนํ ปจฺจยภาวปฎิพาหนโตติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เตสํ ปจฺจยภาวปฺปสโงฺคเยว นตฺถิ ‘‘เหตู สหชาตาน’’นฺติ (ปฎฺฐา. อฎฺฐ. ๑.๑) วจนโตฯ น หิ เยสํ เหตู สหชาตปจฺจโย น โหนฺติ, ตานิ เหตุสหชาตานิ นาม โหนฺติฯ ยทิ สิยุํ, ‘‘กุสลํ ธมฺมํ สหชาโต อพฺยากโต ธโมฺม อุปฺปชฺชติ น เหตุปจฺจยา’’ติอาทิ จ ลเพฺภยฺย, น ปน ลพฺภติ, ตสฺมา น ตานิ เหตุสหชาตานีติ? สจฺจเมตํ, โย ปน เหตูหิ สมานกาลุปฺปตฺติมตฺตํ คเหตฺวา เหตุสหชาตภาวํ มเญฺญยฺย, ตสฺสายํ ปสโงฺค อตฺถีติ อิทํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ภควา ปน วจนานํ ลหุครุภาวํ น คเณติ, โพธเนยฺยานํ ปน อชฺฌาสยานุรูปโต ธมฺมสภาวํ อวิโลเมโนฺต ตถา ตถา เทสนํ นิยาเมตีติ น กตฺถจิ อกฺขรานํ พหุตา วา อปฺปตา วา โจเทตพฺพาติฯ

    Pavattiyaṃ kaṭattārūpādīnaṃ paccayabhāvapaṭibāhanatoti idaṃ kasmā vuttaṃ, nanu tesaṃ paccayabhāvappasaṅgoyeva natthi ‘‘hetū sahajātāna’’nti (paṭṭhā. aṭṭha. 1.1) vacanato. Na hi yesaṃ hetū sahajātapaccayo na honti, tāni hetusahajātāni nāma honti. Yadi siyuṃ, ‘‘kusalaṃ dhammaṃ sahajāto abyākato dhammo uppajjati na hetupaccayā’’tiādi ca labbheyya, na pana labbhati, tasmā na tāni hetusahajātānīti? Saccametaṃ, yo pana hetūhi samānakāluppattimattaṃ gahetvā hetusahajātabhāvaṃ maññeyya, tassāyaṃ pasaṅgo atthīti idaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Bhagavā pana vacanānaṃ lahugarubhāvaṃ na gaṇeti, bodhaneyyānaṃ pana ajjhāsayānurūpato dhammasabhāvaṃ avilomento tathā tathā desanaṃ niyāmetīti na katthaci akkharānaṃ bahutā vā appatā vā codetabbāti.

    เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Hetupaccayaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๒) ปจฺจยนิเทฺทโส • (2) Paccayaniddeso

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑. เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา • 1. Hetupaccayaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact