Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ปจฺจยนิเทฺทโส

    Paccayaniddeso

    ๑. เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา

    1. Hetupaccayaniddesavaṇṇanā

    . เหตุปจฺจเยน ปจฺจยภาโว เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิโฎฺฐ, น เหตุปจฺจยธโมฺมติ อโตฺถฯ โสติ เหตุภาเวน ปจฺจโยฯ เอตฺถ จ ปฐมวิกเปฺป โย เหตุปจฺจเยน ปจฺจยภาโว วุโตฺต, โย จ ทุติยวิกเปฺป เหตุภาเวน ปจฺจโย วุโตฺต, โส ยสฺมา อตฺถโต ยถาวุตฺตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส ยถาวุตฺตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุปจฺจยภาโวเยว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุภยถาปิ เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิโฎฺฐติ ทสฺสิตํ โหตี’’ติฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจยภาโว, อารมฺมณภาเวน วา ปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย’’ติอาทินา อารมฺมณปจฺจยาทีสุ อโตฺถ เนตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอส นโย เสสปจฺจเยสุปี’’ติ อาหฯ ธมฺมสภาโว เอว, น ธมฺมโต อญฺญา ธมฺมสตฺติ นาม อตฺถีติฯ อุปการกํ ธมฺมนฺติ ปจฺจยธมฺมํ อาหฯ อุปการกตนฺติ ปจฺจยตํฯ

    1. Hetupaccayena paccayabhāvo hetupaccayoti uddiṭṭho, na hetupaccayadhammoti attho. Soti hetubhāvena paccayo. Ettha ca paṭhamavikappe yo hetupaccayena paccayabhāvo vutto, yo ca dutiyavikappe hetubhāvena paccayo vutto, so yasmā atthato yathāvuttassa paccayadhammassa yathāvuttānaṃ paccayuppannānaṃ hetupaccayabhāvoyeva, tasmā vuttaṃ ‘‘ubhayathāpi hetubhāvena upakārakatā hetupaccayoti uddiṭṭhoti dassitaṃ hotī’’ti. Yathā cettha, evaṃ ‘‘ārammaṇapaccayena paccayabhāvo, ārammaṇabhāvena vā paccayo ārammaṇapaccayo’’tiādinā ārammaṇapaccayādīsu attho netabboti dassento ‘‘esa nayo sesapaccayesupī’’ti āha. Dhammasabhāvo eva, na dhammato aññā dhammasatti nāma atthīti. Upakārakaṃ dhammanti paccayadhammaṃ āha. Upakārakatanti paccayataṃ.

    ปจฺจตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ ปจฺจตฺตวเสน นิทฺทิโฎฺฐ, ปฐมาย วิภตฺติยา นิทฺทิโฎฺฐติ อโตฺถฯ เตนาติ ปจฺจยธมฺมนิเทฺทสภูเตน ปจฺจตฺตนิทฺทิเฎฺฐน ปฐเมน เหตุสเทฺทนฯ เอตสฺสาติ เหตุสทฺทาภิเธยฺยมตฺถมาหฯ โส หิ ฉพฺพิโธ นววิโธ ทฺวาทสวิโธติ อเนกเภเทน ภิโนฺนปิ เหตุภาวสามเญฺญน เอกชฺฌํ กตฺวา เอกวจเนน วุโตฺตฯ ทุติโย เหตุสโทฺทติ อาเนตฺวา โยชนาฯ เหตุนา สมฺปยุตฺตานนฺติ อธิกตตฺตา วุตฺตํ ‘‘เหตุ สมฺปยุตฺตานํ ปจฺจโย โหโนฺต เหตุนา สมฺปยุตฺตานเมว ปจฺจโย โหติ, น วิปฺปยุตฺตาน’’นฺติ เอวํ ปทเมตํฯ น หิ สเพฺพน สพฺพํ เหตุวิปฺปยุตฺตธมฺมานํ เหตุปจฺจโย น โหตีติฯ สมฺปยุตฺตสทฺทสฺส สมฺพนฺธีสทฺทตฺตา ‘‘สมฺปยุตฺตสทฺทสฺส สาเปกฺขตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ สมฺปยุโตฺตติ หิ วุเตฺต เกน สมฺปยุโตฺตติ เอกนฺตโต สมฺพนฺธิอนฺตรํ อเปกฺขิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อญฺญสฺส…เป.… วิญฺญายตี’’ติฯ นายํ เอกโนฺตติ ยฺวายํ ‘‘ทุติเย เหตุสเทฺท อวิชฺชมาเน’’ติอาทินา วุโตฺต อโตฺถ, อยเมกโนฺต น โหติ, อญฺญาเปโกฺขปิ สโทฺท อญฺญสฺส วิเสสนํ โหตีติ อิทํ น สพฺพเตฺถว สมฺภวตีติ อโตฺถฯ ‘‘ปจฺจตฺตนิทฺทิโฎฺฐ’’ติ อิมินา ปฐมสฺส เหตุสทฺทสฺส สมฺปยุตฺตสทฺทานเปกฺขตํ อาหฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เหหุปจฺจเยน ปจฺจโยติ เอเตฺถว พฺยาวโฎ’’ติฯ อวิสิฎฺฐาติ น วิเสสิตาฯ เอวนฺติ ยถา เหตุสเทฺทน อญฺญตฺถ พฺยาวเฎน สมฺปยุตฺตา น วิเสสิยนฺติ กิจฺจนฺตรปสุตตฺตา, เอวํ สมฺปยุตฺตสเทฺทน เหตุสทฺทวิเสสนรหิเตน ตทตฺถมตฺตพฺยาวฎตฺตา อวิเสสโต สมฺปยุตฺตานํ คหณํ สิยาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺปยุตฺตสเทฺทนา’’ติอาทิฯ อาหารินฺทฺริยาสมฺปยุตฺตสฺส อภาวโตติ อาหาเรหิ อินฺทฺริเยหิ จ นสมฺปยุตฺตสฺส ธมฺมสฺส อภาวโตฯ น หิ ผสฺสเจตนาวิญฺญาณเวทนาชีวิตวิรหิโต จิตฺตุปฺปาโท อตฺถิฯ เตนาห ‘‘วเชฺชตพฺพา…เป.… ตํ น กต’’นฺติฯ วเชฺชตพฺพํ เหตุวิปฺปยุตฺตํฯ

    Paccattaniddiṭṭhoti paccattavasena niddiṭṭho, paṭhamāya vibhattiyā niddiṭṭhoti attho. Tenāti paccayadhammaniddesabhūtena paccattaniddiṭṭhena paṭhamena hetusaddena. Etassāti hetusaddābhidheyyamatthamāha. So hi chabbidho navavidho dvādasavidhoti anekabhedena bhinnopi hetubhāvasāmaññena ekajjhaṃ katvā ekavacanena vutto. Dutiyo hetusaddoti ānetvā yojanā. Hetunā sampayuttānanti adhikatattā vuttaṃ ‘‘hetu sampayuttānaṃ paccayo honto hetunā sampayuttānameva paccayo hoti, na vippayuttāna’’nti evaṃ padametaṃ. Na hi sabbena sabbaṃ hetuvippayuttadhammānaṃ hetupaccayo na hotīti. Sampayuttasaddassa sambandhīsaddattā ‘‘sampayuttasaddassa sāpekkhattā’’ti vuttaṃ. Sampayuttoti hi vutte kena sampayuttoti ekantato sambandhiantaraṃ apekkhitabbaṃ. Tenāha ‘‘aññassa…pe… viññāyatī’’ti. Nāyaṃ ekantoti yvāyaṃ ‘‘dutiye hetusadde avijjamāne’’tiādinā vutto attho, ayamekanto na hoti, aññāpekkhopi saddo aññassa visesanaṃ hotīti idaṃ na sabbattheva sambhavatīti attho. ‘‘Paccattaniddiṭṭho’’ti iminā paṭhamassa hetusaddassa sampayuttasaddānapekkhataṃ āha. Tena vuttaṃ ‘‘hehupaccayena paccayoti ettheva byāvaṭo’’ti. Avisiṭṭhāti na visesitā. Evanti yathā hetusaddena aññattha byāvaṭena sampayuttā na visesiyanti kiccantarapasutattā, evaṃ sampayuttasaddena hetusaddavisesanarahitena tadatthamattabyāvaṭattā avisesato sampayuttānaṃ gahaṇaṃ siyā. Tena vuttaṃ ‘‘sampayuttasaddenā’’tiādi. Āhārindriyāsampayuttassa abhāvatoti āhārehi indriyehi ca nasampayuttassa dhammassa abhāvato. Na hi phassacetanāviññāṇavedanājīvitavirahito cittuppādo atthi. Tenāha ‘‘vajjetabbā…pe… taṃ na kata’’nti. Vajjetabbaṃ hetuvippayuttaṃ.

    เอวมฺปีติ ทุติเยน เหตุสเทฺทน คยฺหมาเนปิ นาปชฺชติฯ ยทิปิ เหตโว พหโว, สามญฺญนิเทฺทโส จายํ, ตถาปิ สามญฺญโชตนาย วิเสสนิทฺทิฎฺฐตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปจฺจตฺต…เป.… วุตฺตตฺตา’’ติฯ วินาปิ ทุติเยน เหตุสเทฺทน เหตุสมฺปยุตฺตภาเว สิเทฺธปีติ อิมินา ยํ วุตฺตํ ‘‘นายเมกโนฺต’’ติ, ตเมว อุลฺลิเงฺคติฯ น ปน เหตูนนฺติ อิทํ เหตุสฺส ปจฺจยภาเวน คหิตตฺตา ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ น ยุเชฺชยฺยาติ อาสงฺกมานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘เอวมฺปิ คหณํ สิยา’’ติฯ โสติ ทุติโย เหตุสโทฺทฯ อปเร ปน ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ เอตฺถ เหตูนญฺจ สมฺปยุตฺตกานญฺจาติ สมาสํ วิกเปฺปนฺติฯ ปติฎฺฐามตฺตาทิภาเวน นิรเปกฺขาติ เหตุฌานมคฺคธมฺมา ปติฎฺฐานอุปนิชฺฌานนิยฺยานมเตฺตน อญฺญธมฺมนิรเปกฺขา เหตุฌานมคฺคปจฺจยกิจฺจํ กโรนฺติฯ สาเปกฺขา เอวาติ อญฺญสาเปกฺขา เอวฯ อาหริตพฺพอิสิตพฺพา อาหารินฺทฺริยปจฺจเยหิ อุปกตฺตพฺพธมฺมาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เยหิ สาเปกฺขา, เต อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนธเมฺม ปจฺจยภาเวเนว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ติฎฺฐนฺติ, ตสฺมาฯ เตนาห ‘‘เต วินาปิ…เป.… น กต’’นฺติฯ ปริจฺฉินฺทนฺติ วิเสเสนฺติฯ นฺติ ทุติยํ อาหารินฺทฺริยคฺคหณํฯ ตตฺถาติ อาหารินฺทฺริยปจฺจยนิเทฺทเสฯ น เกวลญฺจ ตเตฺถว, อิธ จ เหตุปจฺจยนิเทฺทเส ทุติเยน เหตุคฺคหเณน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปุน วิเสสนกิจฺจํ นตฺถิ, กสฺมา? ปจฺจยภูเตเนว เหตุนา สมฺปยุตฺตานํ อเญฺญสญฺจ เหตูนํ อวิจฺฉินฺนตฺตาฯ

    Evampīti dutiyena hetusaddena gayhamānepi nāpajjati. Yadipi hetavo bahavo, sāmaññaniddeso cāyaṃ, tathāpi sāmaññajotanāya visesaniddiṭṭhattāti adhippāyo. Tena vuttaṃ ‘‘paccatta…pe… vuttattā’’ti. Vināpi dutiyena hetusaddena hetusampayuttabhāve siddhepīti iminā yaṃ vuttaṃ ‘‘nāyamekanto’’ti, tameva ulliṅgeti. Na pana hetūnanti idaṃ hetussa paccayabhāvena gahitattā paccayuppannabhāvena gahaṇaṃ na yujjeyyāti āsaṅkamānaṃ sandhāya vuttaṃ. Tenevāha ‘‘evampi gahaṇaṃ siyā’’ti. Soti dutiyo hetusaddo. Apare pana ‘‘hetusampayuttakāna’’nti ettha hetūnañca sampayuttakānañcāti samāsaṃ vikappenti. Patiṭṭhāmattādibhāvena nirapekkhāti hetujhānamaggadhammā patiṭṭhānaupanijjhānaniyyānamattena aññadhammanirapekkhā hetujhānamaggapaccayakiccaṃ karonti. Sāpekkhā evāti aññasāpekkhā eva. Āharitabbaisitabbā āhārindriyapaccayehi upakattabbadhammā. Tasmāti yasmā yehi sāpekkhā, te attano paccayuppannadhamme paccayabhāveneva paricchinditvā tiṭṭhanti, tasmā. Tenāha ‘‘te vināpi…pe… na kata’’nti. Paricchindanti visesenti. Tanti dutiyaṃ āhārindriyaggahaṇaṃ. Tatthāti āhārindriyapaccayaniddese. Na kevalañca tattheva, idha ca hetupaccayaniddese dutiyena hetuggahaṇena paccayuppannānaṃ puna visesanakiccaṃ natthi, kasmā? Paccayabhūteneva hetunā sampayuttānaṃ aññesañca hetūnaṃ avicchinnattā.

    ปุริมวจนาเปโกฺข วุตฺตเสฺสว นิเทฺทโสติ ตํ-สทฺทสฺส ปฎินิเทฺทสภาวมาหฯ ปากฎีภูเต เอว อเตฺถ ปวตฺตติ, ปากฎีภาโว จ อญฺญานเปเกฺขน สเทฺทน ปกาสิตตฺตา เวทิตโพฺพฯ อนเปกฺขนีโย อตฺถนฺตรพฺยาวฎตฺตาฯ อโญฺญติ เหตุสทฺทโต อโญฺญฯ นิทฺทิสิตพฺพปกาสโก วุโตฺต นตฺถิ, โย ตํ-สเทฺทน ปฎินิเทฺทสํ ลเภยฺยฯ

    Purimavacanāpekkho vuttasseva niddesoti taṃ-saddassa paṭiniddesabhāvamāha. Pākaṭībhūte eva atthe pavattati, pākaṭībhāvo ca aññānapekkhena saddena pakāsitattā veditabbo. Anapekkhanīyo atthantarabyāvaṭattā. Aññoti hetusaddato añño. Niddisitabbapakāsako vutto natthi, yo taṃ-saddena paṭiniddesaṃ labheyya.

    ยทิ เอวํ ‘‘ตํสมุฎฺฐานาน’’นฺติ เอตฺถ กถนฺติ อาห ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ อิมินา ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปน-สโทฺท สติปิ เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ นิเทฺทสภาเว เหตุสมฺปยุตฺตกสเทฺท ลพฺภมานานํ นิทฺทิสิตพฺพานํ ปากฎีกรณสงฺขาตํ เหตุสทฺทโต วิเสสํ โชเตติฯ ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อิมสฺส สมาสปทสฺส อุตฺตรปทตฺถปฺปธานตฺตมาห ‘‘ปจฺจยุปฺปนฺนวจเนนา’’ติฯ เตน จ ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส เอกเทโสว วุจฺจติ ธมฺมานํ วิเสสนภาวโตติ อาห ‘‘อสมเตฺตนา’’ติฯ วิเสสนํ นาม วิเสสิตพฺพาเปกฺขนฺติ อาห ‘‘ปจฺจยุปฺปนฺนวจนนฺตราเปเกฺขนา’’ติฯ วุตฺตตาย วินา ปฎินิเทฺทสตา นตฺถีติ ‘‘ปุเพฺพ วุเตฺตนา’’ติ วุตฺตํฯ

    Yadi evaṃ ‘‘taṃsamuṭṭhānāna’’nti ettha kathanti āha ‘‘hetusampayuttakānanti iminā panā’’tiādi. Tattha pana-saddo satipi hetū hetusampayuttakānaṃ niddesabhāve hetusampayuttakasadde labbhamānānaṃ niddisitabbānaṃ pākaṭīkaraṇasaṅkhātaṃ hetusaddato visesaṃ joteti. ‘‘Hetusampayuttakāna’’nti imassa samāsapadassa uttarapadatthappadhānattamāha ‘‘paccayuppannavacanenā’’ti. Tena ca yathādhippetassa atthassa ekadesova vuccati dhammānaṃ visesanabhāvatoti āha ‘‘asamattenā’’ti. Visesanaṃ nāma visesitabbāpekkhanti āha ‘‘paccayuppannavacanantarāpekkhenā’’ti. Vuttatāya vinā paṭiniddesatā natthīti ‘‘pubbe vuttenā’’ti vuttaṃ.

    ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพนฺติ ‘‘ตํสมุฎฺฐานาน’’นฺติ เอตฺถ ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพํ เหตุสมฺปยุตฺตกสเทฺท ปากฎีภูตํ กิํ ปนาติ ปุจฺฉติฯ เต เหตู เจว…เป.… เหตุสมฺปยุตฺตกา จ ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพา เหตุสมฺปยุตฺตกสเทฺท ปากฎีภูตาติ สมฺพโนฺธฯ อญฺญถาติ ‘‘เยหิ เหตูหี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการโต อญฺญถา อเญฺญน ปกาเรนฯ ตํ อญฺญํ ปการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เต เหตู…เป.… สมฺพเนฺธ สตี’’ติ อาหฯ อิธาติ อนนฺตรํ วุตฺตสมฺพนฺธนํ ภุมฺมนิเทฺทเสน ปรามสติฯ เตเนวาติ ปฐเมเนว เหตุสเทฺทนฯ ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพาติ ‘‘ตํสมุฎฺฐานาน’’นฺติ เอตฺถ ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพา ยถา ปากฎา, เอวํ ปุเพฺพ ‘‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ วุตฺตโจทนายมฺปิ เอวเมว เตเนว ตํ-สเทฺทน นิทฺทิสิตพฺพา ปากฎา ภวิตุํ อรหนฺติฯ ตถา จ สติ นิทฺทิสิตพฺพสฺส…เป.… น ยุเชฺชยฺยฯ ทุวิธมฺปิ วา เหตุคฺคหณํ อปเนตฺวาติ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ เอตฺถ กตํ ทฺวิปฺปการเหตุคฺคหณํ อวิจาเรตฺวา ‘‘ตํสมฺปยุตฺตกานนฺติ อวตฺวา’’ติอาทินา ตํ-สทฺทวจนียตํ โจเทติ, ‘‘นิทฺทิสิตพฺพสฺส อปากฎตฺตา’’ติอาทินา ปริหรติ จฯ เหตู หิ ปจฺจยาติ อิทํ อยํ เหตุปจฺจยกถาติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    Taṃ-saddenaniddisitabbanti ‘‘taṃsamuṭṭhānāna’’nti ettha taṃ-saddena niddisitabbaṃ hetusampayuttakasadde pākaṭībhūtaṃ kiṃ panāti pucchati. Te hetū ceva…pe… hetusampayuttakā ca taṃ-saddena niddisitabbā hetusampayuttakasadde pākaṭībhūtāti sambandho. Aññathāti ‘‘yehi hetūhī’’tiādinā vuttappakārato aññathā aññena pakārena. Taṃ aññaṃ pakāraṃ dassento ‘‘te hetū…pe… sambandhe satī’’ti āha. Idhāti anantaraṃ vuttasambandhanaṃ bhummaniddesena parāmasati. Tenevāti paṭhameneva hetusaddena. Taṃ-saddena niddisitabbāti ‘‘taṃsamuṭṭhānāna’’nti ettha taṃ-saddena niddisitabbā yathā pākaṭā, evaṃ pubbe ‘‘taṃsampayuttakāna’’nti vuttacodanāyampi evameva teneva taṃ-saddena niddisitabbā pākaṭā bhavituṃ arahanti. Tathā ca sati niddisitabbassa…pe… na yujjeyya. Duvidhampi vā hetuggahaṇaṃ apanetvāti ‘‘hetū hetusampayuttakāna’’nti ettha kataṃ dvippakārahetuggahaṇaṃ avicāretvā ‘‘taṃsampayuttakānanti avatvā’’tiādinā taṃ-saddavacanīyataṃ codeti, ‘‘niddisitabbassa apākaṭattā’’tiādinā pariharati ca. Hetū hi paccayāti idaṃ ayaṃ hetupaccayakathāti katvā vuttaṃ.

    ตํ น วุตฺตนฺติ จิตฺตสมุฎฺฐานวจนํ น วุตฺตํฯ ตสฺสาติ สหชาตปจฺจยสฺสฯ กฎตฺตารูปสฺส ปจฺจยภาโว น วุโตฺต ภเวยฺย, วุโตฺตว โส ‘‘วิปากาพฺยากโต เอโก ขโนฺธ ติณฺณนฺนํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, ตโย ขนฺธา เอกสฺส ขนฺธสฺส กฎตฺตา จ รูปาน’’นฺติอาทินา, ตสฺมา จิตฺตเจตสิกานํ กฎตฺตารูปปจฺจยภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํฯ ตตฺถาติ สหชาตปจฺจยนิเทฺทเสฯ ตตฺถ หิ ‘‘จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปานิ เอว นิทฺทิฎฺฐานิฯ อิธาปีติ อิมสฺมิํ เหตุปจฺจยนิเทฺทเสปิฯ เอวํ ภวิตพฺพนฺติ ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานาน’’นฺติ นิเทฺทเสน ภวิตพฺพํฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ตถา น วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จิตฺตสมุฎฺฐานานนฺติ ปนา’’ติอาทิฯ วิเสสิตํ โหติ สพฺพจิตฺตเจตสิกาสมุฎฺฐานภาเวนฯ วจเนนาติ ยถาทสฺสิเตน สหชาตปจฺจยนิเทฺทสวจเนนฯ จิตฺตเจตสิกานํ ปจฺจยภาโว เอว หิ ตตฺถ ปจฺจยนิเทฺทเส วุโตฺต, น จิตฺตเจตสิกานํ สมุฎฺฐานภาโวติ อธิปฺปาโยฯ

    Taṃ na vuttanti cittasamuṭṭhānavacanaṃ na vuttaṃ. Tassāti sahajātapaccayassa. Kaṭattārūpassa paccayabhāvo na vutto bhaveyya, vuttova so ‘‘vipākābyākato eko khandho tiṇṇannaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ sahajātapaccayena paccayo, tayo khandhā ekassa khandhassa kaṭattā ca rūpāna’’ntiādinā, tasmā cittacetasikānaṃ kaṭattārūpapaccayabhāvo na sakkā nivāretuṃ. Tatthāti sahajātapaccayaniddese. Tattha hi ‘‘cittacetasikā dhammā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ sahajātapaccayena paccayo’’ti cittasamuṭṭhānarūpāni eva niddiṭṭhāni. Idhāpīti imasmiṃ hetupaccayaniddesepi. Evaṃ bhavitabbanti ‘‘cittasamuṭṭhānāna’’nti niddesena bhavitabbaṃ. Yadi evaṃ kasmā tathā na vuttanti āha ‘‘cittasamuṭṭhānānanti panā’’tiādi. Visesitaṃ hoti sabbacittacetasikāsamuṭṭhānabhāvena. Vacanenāti yathādassitena sahajātapaccayaniddesavacanena. Cittacetasikānaṃ paccayabhāvo eva hi tattha paccayaniddese vutto, na cittacetasikānaṃ samuṭṭhānabhāvoti adhippāyo.

    เหตุอาทิปฎิพทฺธตญฺจ ทเสฺสติ ยทเคฺคน ตานิ จิตฺตปฎิพทฺธวุตฺตีนิ, ตทเคฺคน ตํสมฺปยุตฺตธมฺมปฎิพทฺธวุตฺตีนิปิ โหนฺตีติฯ อารมฺมณเมตํ โหตีติ ยเทตํ กุสลากุสลเจตนาวเสน มโนทฺวาเร เจตนํ เสสทฺวาเรสุ กายวจีปโยควเสน สงฺกปฺปนํ, ยญฺจ กามราคาทีนํ สนฺตาเน อนุสยนํ, เอตํ อารมฺมณํ เอโส ปจฺจโย กมฺมวิญฺญาณสฺส ฐิติยา ปติฎฺฐานายฯ ปติฎฺฐิเตติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฎิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาปติฎฺฐาปเตฺต กมฺมวิญฺญาเณ วิรุเฬฺหติ ตโต เอว กมฺมวิญฺญาณโต ปฎิสนฺธิวิญฺญาณพีเช วิรุเฬฺห วิรุหเนฺตติ อโตฺถฯ อถ วา ปติฎฺฐา วิญฺญาณสฺส โหตีติ กิเลสาภิสงฺขารสงฺขาเต กมฺมวิญฺญาณสฺส ฐิติยา ปวตฺติยา อารมฺมเณ ปจฺจเย ปฎิสิเทฺธ อายติปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส ปติฎฺฐา โหติ, ตสฺมิํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติวเสน ปติฎฺฐิเต ปติฎฺฐหเนฺต วิรุเฬฺห พีชภาเวน วิรุหเนฺต นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘ปฎิสนฺธินามรูปสฺส วิญฺญาณปจฺจยตา วุตฺตา’’ติฯ

    Hetuādipaṭibaddhatañca dasseti yadaggena tāni cittapaṭibaddhavuttīni, tadaggena taṃsampayuttadhammapaṭibaddhavuttīnipi hontīti. Ārammaṇametaṃ hotīti yadetaṃ kusalākusalacetanāvasena manodvāre cetanaṃ sesadvāresu kāyavacīpayogavasena saṅkappanaṃ, yañca kāmarāgādīnaṃ santāne anusayanaṃ, etaṃ ārammaṇaṃ eso paccayo kammaviññāṇassa ṭhitiyā patiṭṭhānāya. Patiṭṭhiteti kammaṃ javāpetvā paṭisandhiākaḍḍhanasamatthatāpatiṭṭhāpatte kammaviññāṇe viruḷheti tato eva kammaviññāṇato paṭisandhiviññāṇabīje viruḷhe viruhanteti attho. Atha vā patiṭṭhā viññāṇassa hotīti kilesābhisaṅkhārasaṅkhāte kammaviññāṇassa ṭhitiyā pavattiyā ārammaṇe paccaye paṭisiddhe āyatipaṭisandhiviññāṇassa patiṭṭhā hoti, tasmiṃ paṭisandhiviññāṇe punabbhavābhinibbattivasena patiṭṭhite patiṭṭhahante viruḷhe bījabhāvena viruhante nāmarūpassa avakkanti hotīti evamettha attho veditabbo. Tenāha ‘‘paṭisandhināmarūpassa viññāṇapaccayatā vuttā’’ti.

    ปุริมตรสิทฺธายาติ เขตฺตภาวนิพฺพตฺติยา ปุเรตรเมว สิทฺธาย ปถวิยาฯ อตฺตลาโภเยว เจตฺถ ปติฎฺฐานํ, น ปฎิลทฺธตฺตภาวานํ อวฎฺฐานนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปติฎฺฐานํ กมฺมสฺส กฎตฺตา อุปฺปตฺตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาหฯ

    Purimatarasiddhāyāti khettabhāvanibbattiyā puretarameva siddhāya pathaviyā. Attalābhoyeva cettha patiṭṭhānaṃ, na paṭiladdhattabhāvānaṃ avaṭṭhānanti dassento ‘‘patiṭṭhānaṃ kammassa kaṭattā uppattīti vuttaṃ hotī’’ti āha.

    เสสรูปานนฺติ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ปถวีธาตุอาทีนํ เสสรูปานํ, ปวเตฺต ปน ติสนฺตติรูปานมฺปิฯ สหภวนมตฺตํ วา ทเสฺสติฯ สหภาเวนปิ หิ อตฺถิ กาจิ วิเสสมตฺตาฯ กตฺถจิ กตฺถจีติ ปกติกาลภววิเสสาทิเกฯ ตติยปกติยญฺหิ ปฐมกปฺปิกกาเล จ ภาวกลาโป นตฺถิ, รูปภเว กายกลาโปปิฯ อาทิ-สเทฺทน ตเตฺถว ฆานชิวฺหากลาปา, กามภเว จ อนฺธาทีนํ จกฺขาทิกลาปา สงฺคยฺหนฺติฯ กตฺถจิ อภาวาภาวโตติ นามรูโปกาเส กตฺถจิปิ อภาวาภาวโตฯ

    Sesarūpānanti paṭisandhikkhaṇe pathavīdhātuādīnaṃ sesarūpānaṃ, pavatte pana tisantatirūpānampi. Sahabhavanamattaṃ vā dasseti. Sahabhāvenapi hi atthi kāci visesamattā. Katthaci katthacīti pakatikālabhavavisesādike. Tatiyapakatiyañhi paṭhamakappikakāle ca bhāvakalāpo natthi, rūpabhave kāyakalāpopi. Ādi-saddena tattheva ghānajivhākalāpā, kāmabhave ca andhādīnaṃ cakkhādikalāpā saṅgayhanti. Katthaci abhāvābhāvatoti nāmarūpokāse katthacipi abhāvābhāvato.

    เตสนฺติ ปวตฺติยํ กฎตฺตารูปาทีนํฯ น หิ เหตุ ปวตฺติยํ กฎตฺตารูปสฺส ปจฺจโย โหติ, อุตุอาหารชานํ ปน สมฺภโวเยว นตฺถิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปจฺจยภาวปฺปสโงฺคเยว นตฺถี’’ติฯ น ปน ลพฺภติ ปจฺจยปจฺจนีเย ตาทิสสฺส วารสฺส อนุทฺธฎตฺตาฯ อิทนฺติ ‘‘ปวตฺติยํ กฎตฺตารูปาทีนํ ปจฺจยภาวปฎิพาหนโต’’ติ อิทํ ‘‘เหตู สหชาตาน’’นฺติ อเทสนาย ปริหารวจนํ, อีทิสี ปน โจทนา อโนกาสา เอวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โย หิ ธโมฺม ยถา ภควตา เทสิโต, โส ตเถว คเหตโพฺพติฯ

    Tesanti pavattiyaṃ kaṭattārūpādīnaṃ. Na hi hetu pavattiyaṃ kaṭattārūpassa paccayo hoti, utuāhārajānaṃ pana sambhavoyeva natthi. Tena vuttaṃ ‘‘paccayabhāvappasaṅgoyeva natthī’’ti. Na pana labbhati paccayapaccanīye tādisassa vārassa anuddhaṭattā. Idanti ‘‘pavattiyaṃ kaṭattārūpādīnaṃ paccayabhāvapaṭibāhanato’’ti idaṃ ‘‘hetū sahajātāna’’nti adesanāya parihāravacanaṃ, īdisī pana codanā anokāsā evāti dassetuṃ ‘‘bhagavā panā’’tiādi vuttaṃ. Yo hi dhammo yathā bhagavatā desito, so tatheva gahetabboti.

    เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Hetupaccayaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๒) ปจฺจยนิเทฺทโส • (2) Paccayaniddeso

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. เหตุปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา • 1. Hetupaccayaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact