Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๖๓] ๓. หิริชาตกวณฺณนา
[363] 3. Hirijātakavaṇṇanā
หิริํ ตรนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อนาถปิณฺฑิกสฺส สหายํ ปจฺจนฺตวาสิเสฎฺฐิํ อารพฺภ กเถสิฯ เทฺวปิ วตฺถูนิ เอกกนิปาเต นวมวคฺคสฺส ปริโยสานชาตเก วิตฺถาริตาเนวฯ อิธ ปน ‘‘ปจฺจนฺตวาสิเสฎฺฐิโน มนุสฺสา อจฺฉินฺนสพฺพสาปเตยฺยา อตฺตโน สนฺตกสฺส อสฺสามิโน หุตฺวา ปลาตา’’ติ พาราณสิเสฎฺฐิสฺส อาโรจิเต พาราณสิเสฎฺฐิ ‘‘อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ กตฺตพฺพํ อกโรนฺตา นาม ปฎิการเก น ลภนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
Hiriṃtarantanti idaṃ satthā jetavane viharanto anāthapiṇḍikassa sahāyaṃ paccantavāsiseṭṭhiṃ ārabbha kathesi. Dvepi vatthūni ekakanipāte navamavaggassa pariyosānajātake vitthāritāneva. Idha pana ‘‘paccantavāsiseṭṭhino manussā acchinnasabbasāpateyyā attano santakassa assāmino hutvā palātā’’ti bārāṇasiseṭṭhissa ārocite bārāṇasiseṭṭhi ‘‘attano santikaṃ āgatānaṃ kattabbaṃ akarontā nāma paṭikārake na labhantiyevā’’ti vatvā imā gāthā abhāsi –
๗๐.
70.
‘‘หิริํ ตรนฺตํ วิชิคุจฺฉมานํ, ตวาหมสฺมี อิติ ภาสมานํ;
‘‘Hiriṃ tarantaṃ vijigucchamānaṃ, tavāhamasmī iti bhāsamānaṃ;
เสยฺยานิ กมฺมานิ อนาทิยนฺตํ, เนโส มมนฺติ อิติ นํ วิชญฺญาฯ
Seyyāni kammāni anādiyantaṃ, neso mamanti iti naṃ vijaññā.
๗๑.
71.
‘‘ยญฺหิ กยิรา ตญฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;
‘‘Yañhi kayirā tañhi vade, yaṃ na kayirā na taṃ vade;
อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาฯ
Akarontaṃ bhāsamānaṃ, parijānanti paṇḍitā.
๗๒.
72.
‘‘น โส มิโตฺต โย สทา อปฺปมโตฺต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;
‘‘Na so mitto yo sadā appamatto, bhedāsaṅkī randhamevānupassī;
ยสฺมิญฺจ เสตี อุรสีว ปุโตฺต, ส เว มิโตฺต โย อเภโชฺช ปเรหิฯ
Yasmiñca setī urasīva putto, sa ve mitto yo abhejjo parehi.
๗๓.
73.
‘‘ปาโมชฺชกรณํ ฐานํ, ปสํสาวหนํ สุขํ;
‘‘Pāmojjakaraṇaṃ ṭhānaṃ, pasaṃsāvahanaṃ sukhaṃ;
ผลานิสํโส ภาเวติ, วหโนฺต โปริสํ ธุรํฯ
Phalānisaṃso bhāveti, vahanto porisaṃ dhuraṃ.
๗๔.
74.
‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;
‘‘Pavivekarasaṃ pitvā, rasaṃ upasamassa ca;
นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปฺปีติรสํ ปิว’’นฺติฯ
Niddaro hoti nippāpo, dhammappītirasaṃ piva’’nti.
ตตฺถ หิริํ ตรนฺตนฺติ ลชฺชํ อติกฺกนฺตํฯ วิชิคุจฺฉมานนฺติ มิตฺตภาเวน ชิคุจฺฉยมานํฯ ตวาหมสฺมีติ ‘‘ตว อหํ มิโตฺต’’ติ เกวลํ วจนมเตฺตเนว ภาสมานํฯ เสยฺยานิ กมฺมานิติ ‘‘ทสฺสามิ กริสฺสามี’’ติ วจนสฺส อนุรูปานิ อุตฺตมกมฺมานิฯ อนาทิยนฺตนฺติ อกโรนฺตํฯ เนโส มมนฺติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘น เอโส มม มิโตฺต’’ติ วิชญฺญาฯ
Tattha hiriṃ tarantanti lajjaṃ atikkantaṃ. Vijigucchamānanti mittabhāvena jigucchayamānaṃ. Tavāhamasmīti ‘‘tava ahaṃ mitto’’ti kevalaṃ vacanamatteneva bhāsamānaṃ. Seyyāni kammāniti ‘‘dassāmi karissāmī’’ti vacanassa anurūpāni uttamakammāni. Anādiyantanti akarontaṃ. Neso mamanti evarūpaṃ puggalaṃ ‘‘na eso mama mitto’’ti vijaññā.
ปาโมชฺชกรณํ ฐานนฺติ ทานมฺปิ สีลมฺปิ ภาวนาปิ ปณฺฑิเตหิ กลฺยาณมิเตฺตหิ สทฺธิํ มิตฺตภาโวปิฯ อิธ ปน วุตฺตปฺปการํ มิตฺตภาวเมว สนฺธาเยวมาหฯ ปณฺฑิเตน หิ กลฺยาณมิเตฺตน สทฺธิํ มิตฺตภาโว ปาโมชฺชมฺปิ กโรติ, ปสํสมฺปิ วหติฯ อิธโลกปรโลเกสุ กายิกเจตสิกสุขเหตุโต ‘‘สุข’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ ผลญฺจ อานิสํสญฺจ สมฺปสฺสมาโน ผลานิสํโส กุลปุโตฺต ปุริเสหิ วหิตพฺพํ ทานสีลภาวนามิตฺตภาวสงฺขาตํ จตุพฺพิธมฺปิ โปริสํ ธุรํ วหโนฺต เอตํ มิตฺตภาวสงฺขาตํ ปาโมชฺชกรณํ ฐานํ ปสํสาวหนํ สุขํ ภาเวติ วเฑฺฒติ, น ปณฺฑิเตหิ มิตฺตภาวํ ภินฺทตีติ ทีเปติฯ
Pāmojjakaraṇaṃṭhānanti dānampi sīlampi bhāvanāpi paṇḍitehi kalyāṇamittehi saddhiṃ mittabhāvopi. Idha pana vuttappakāraṃ mittabhāvameva sandhāyevamāha. Paṇḍitena hi kalyāṇamittena saddhiṃ mittabhāvo pāmojjampi karoti, pasaṃsampi vahati. Idhalokaparalokesu kāyikacetasikasukhahetuto ‘‘sukha’’ntipi vuccati, tasmā etaṃ phalañca ānisaṃsañca sampassamāno phalānisaṃso kulaputto purisehi vahitabbaṃ dānasīlabhāvanāmittabhāvasaṅkhātaṃ catubbidhampi porisaṃ dhuraṃ vahanto etaṃ mittabhāvasaṅkhātaṃ pāmojjakaraṇaṃ ṭhānaṃ pasaṃsāvahanaṃ sukhaṃ bhāveti vaḍḍheti, na paṇḍitehi mittabhāvaṃ bhindatīti dīpeti.
ปวิเวกรสนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานํ รสํ เต วิเวเก นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ โสมนสฺสรสํฯ อุปสมสฺส จาติ กิเลสูปสเมน ลทฺธโสมนสฺสสฺสฯ นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโปติ สพฺพกิเลสทรถาภาเวน นิทฺทโร, กิเลสาภาเวน นิปฺปาโป โหติฯ ธมฺมปฺปีติรสนฺติ ธมฺมปีติสงฺขาตํ รสํ, วิมุตฺติปีติํ ปิวโนฺตติ อโตฺถฯ
Pavivekarasanti kāyacittaupadhivivekānaṃ rasaṃ te viveke nissāya uppannaṃ somanassarasaṃ. Upasamassa cāti kilesūpasamena laddhasomanassassa. Niddaro hoti nippāpoti sabbakilesadarathābhāvena niddaro, kilesābhāvena nippāpo hoti. Dhammappītirasanti dhammapītisaṅkhātaṃ rasaṃ, vimuttipītiṃ pivantoti attho.
อิติ มหาสโตฺต ปาปมิตฺตสํสคฺคโต อุพฺพิโคฺค ปวิเวกรเสน อมตมหานิพฺพานํ ปาเปตฺวา เทสนาย กูฎํ คณฺหิฯ
Iti mahāsatto pāpamittasaṃsaggato ubbiggo pavivekarasena amatamahānibbānaṃ pāpetvā desanāya kūṭaṃ gaṇhi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺจนฺตวาสี อิทานิ ปจฺจนฺตวาสีเยว, ตทา พาราณสิเสฎฺฐิ อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā paccantavāsī idāni paccantavāsīyeva, tadā bārāṇasiseṭṭhi ahameva ahosi’’nti.
หิริชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Hirijātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๖๓. หิริชาตกํ • 363. Hirijātakaṃ