Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๔. หุํหุงฺกสุตฺตวณฺณนา
4. Huṃhuṅkasuttavaṇṇanā
๔. จตุเตฺถ อชปาลนิโคฺรเธติ ตสฺส กิร ฉายายํ อชปาลา คนฺตฺวา นิสีทนฺติ, เตนสฺส ‘‘อชปาลนิโคฺรโธ’’เตฺวว นามํ อุทปาทิฯ เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ตตฺถ เวเท สชฺฌายิตุํ อสมตฺถา มหลฺลกพฺราหฺมณา ปาการปริเกฺขปยุตฺตานิ นิเวสนานิ กตฺวา สเพฺพ วสิํสุ, ตสฺมา อชปาลนิโคฺรโธติ นามํ ชาต’’นฺติ วทนฺติฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – น ชปนฺตีติ อชปา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อโตฺถ, อชปา ลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโลติฯ ยสฺมา วา มชฺฌนฺหิเก สมเย อโนฺต ปวิเฎฺฐ อเช อตฺตโน ฉายาย ปาเลติ รกฺขติ, ตสฺมา ‘อชปาโล’ติสฺส นามํ รูฬฺหนฺติ อปเรฯ สพฺพถาปิ นามเมตํ ตสฺส รุกฺขสฺส, ตสฺส สมีเปฯ สมีปเตฺถ หิ เอตํ ภุมฺมํ ‘‘อชปาลนิโคฺรเธ’’ติฯ
4. Catutthe ajapālanigrodheti tassa kira chāyāyaṃ ajapālā gantvā nisīdanti, tenassa ‘‘ajapālanigrodho’’tveva nāmaṃ udapādi. Keci pana ‘‘yasmā tattha vede sajjhāyituṃ asamatthā mahallakabrāhmaṇā pākāraparikkhepayuttāni nivesanāni katvā sabbe vasiṃsu, tasmā ajapālanigrodhoti nāmaṃ jāta’’nti vadanti. Tatrāyaṃ vacanattho – na japantīti ajapā, mantānaṃ anajjhāyakāti attho, ajapā lanti ādiyanti nivāsaṃ etthāti ajapāloti. Yasmā vā majjhanhike samaye anto paviṭṭhe aje attano chāyāya pāleti rakkhati, tasmā ‘ajapālo’tissa nāmaṃ rūḷhanti apare. Sabbathāpi nāmametaṃ tassa rukkhassa, tassa samīpe. Samīpatthe hi etaṃ bhummaṃ ‘‘ajapālanigrodhe’’ti.
วิมุตฺติสุขปฎิสํเวทีติ ตตฺรปิ ธมฺมํ วิจินโนฺต วิมุตฺติสุขญฺจ ปฎิสํเวเทโนฺต นิสีทิฯ โพธิรุกฺขโต ปุรตฺถิมทิสาภาเค เอส รุโกฺข โหติฯ สตฺตาหนฺติ จ อิทํ น ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อนนฺตรสตฺตาหํฯ ภควา หิ ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อปรานิปิ ตีณิ สตฺตาหานิ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมสิฯ
Vimuttisukhapaṭisaṃvedīti tatrapi dhammaṃ vicinanto vimuttisukhañca paṭisaṃvedento nisīdi. Bodhirukkhato puratthimadisābhāge esa rukkho hoti. Sattāhanti ca idaṃ na pallaṅkasattāhato anantarasattāhaṃ. Bhagavā hi pallaṅkasattāhato aparānipi tīṇi sattāhāni bodhisamīpeyeva vītināmesi.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควติ กิร สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา สตฺตาหํ เอกปลฺลเงฺกน นิสิเนฺน ‘‘น ภควา วุฎฺฐาติ, กินฺนุ โข อเญฺญปิ พุทฺธตฺตกรา ธมฺมา อตฺถี’’ติ เอกจฺจานํ เทวตานํ กงฺขา อุทปาทิฯ อถ ภควา อฎฺฐเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย เทวตานํ กงฺขํ ญตฺวา กงฺขาวิธมนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา ยมกปาฎิหาริยํ ทเสฺสตฺวา ตาสํ กงฺขํ วิธเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ฐตฺวา จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจ อุปจิตานํ ปารมีนํ พลาธิคมฎฺฐานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขญฺจ อนิมิเสหิ จกฺขูหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ ฐานํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํฯ อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ฐิตฎฺฐานสฺส จ อนฺตรา ปุรตฺถิมโต จ ปจฺฉิมโต จ อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมโนฺต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํฯ ตโต ปจฺฉิมทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยิํสุ , ตตฺถ ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฎกํ วิเสสโต อนนฺตนยํ สมนฺตปฎฺฐานํ วิจินโนฺต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ ฐานํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํฯ เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปญฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขโต อชปาลนิโคฺรธํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส มูเล ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ
Tatrāyaṃ anupubbikathā – bhagavati kira sammāsambodhiṃ patvā sattāhaṃ ekapallaṅkena nisinne ‘‘na bhagavā vuṭṭhāti, kinnu kho aññepi buddhattakarā dhammā atthī’’ti ekaccānaṃ devatānaṃ kaṅkhā udapādi. Atha bhagavā aṭṭhame divase samāpattito vuṭṭhāya devatānaṃ kaṅkhaṃ ñatvā kaṅkhāvidhamanatthaṃ ākāse uppatitvā yamakapāṭihāriyaṃ dassetvā tāsaṃ kaṅkhaṃ vidhametvā pallaṅkato īsakaṃ pācīnanissite uttaradisābhāge ṭhatvā cattāri asaṅkhyeyyāni kappasatasahassañca upacitānaṃ pāramīnaṃ balādhigamaṭṭhānaṃ pallaṅkaṃ bodhirukkhañca animisehi cakkhūhi olokayamāno sattāhaṃ vītināmesi, taṃ ṭhānaṃ animisacetiyaṃ nāma jātaṃ. Atha pallaṅkassa ca ṭhitaṭṭhānassa ca antarā puratthimato ca pacchimato ca āyate ratanacaṅkame caṅkamanto sattāhaṃ vītināmesi, taṃ ratanacaṅkamacetiyaṃ nāma jātaṃ. Tato pacchimadisābhāge devatā ratanagharaṃ māpayiṃsu , tattha pallaṅkena nisīditvā abhidhammapiṭakaṃ visesato anantanayaṃ samantapaṭṭhānaṃ vicinanto sattāhaṃ vītināmesi, taṃ ṭhānaṃ ratanagharacetiyaṃ nāma jātaṃ. Evaṃ bodhisamīpeyeva cattāri sattāhāni vītināmetvā pañcame sattāhe bodhirukkhato ajapālanigrodhaṃ upasaṅkamitvā tassa mūle pallaṅkena nisīdi.
ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐาสีติ ตโต ผลสมาปตฺติสมาธิโต ยถากาลปริเจฺฉทํ วุฎฺฐหิ, วุฎฺฐหิตฺวา จ ปน ตตฺถ เอวํ นิสิเนฺน ภควติ เอโก พฺราหฺมโณ ตํ คนฺตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อญฺญตโร’’ติอาทิฯ ตตฺถ อญฺญตโรติ นามโคตฺตวเสน อนภิญฺญาโต อปากโฎ เอโกฯ หุํหุงฺกชาติโกติ โส กิร ทิฎฺฐมงฺคลิโก มานถโทฺธ มานวเสน โกธวเสน จ สพฺพํ อโวกฺขชาติกํ ปสฺสิตฺวา ชิคุจฺฉโนฺต ‘‘หุํหุ’’นฺติ กโรโนฺต วิจรติ, ตสฺมา ‘‘หุํหุงฺกชาติโก’’ติ วุจฺจติ, ‘‘หุหุกฺกชาติโก’’ติปิ ปาโฐฯ พฺราหฺมโณติ ชาติยา พฺราหฺมโณฯ
Tamhā samādhimhā vuṭṭhāsīti tato phalasamāpattisamādhito yathākālaparicchedaṃ vuṭṭhahi, vuṭṭhahitvā ca pana tattha evaṃ nisinne bhagavati eko brāhmaṇo taṃ gantvā pañhaṃ pucchi. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho aññataro’’tiādi. Tattha aññataroti nāmagottavasena anabhiññāto apākaṭo eko. Huṃhuṅkajātikoti so kira diṭṭhamaṅgaliko mānathaddho mānavasena kodhavasena ca sabbaṃ avokkhajātikaṃ passitvā jigucchanto ‘‘huṃhu’’nti karonto vicarati, tasmā ‘‘huṃhuṅkajātiko’’ti vuccati, ‘‘huhukkajātiko’’tipi pāṭho. Brāhmaṇoti jātiyā brāhmaṇo.
เยน ภควาติ ยสฺสํ ทิสายํ ภควา นิสิโนฺนฯ ภุมฺมเตฺถ หิ เอตํ กรณวจนํ ฯ เยน วา ทิสาภาเคน ภควา อุปสงฺกมิตโพฺพ, เตน ทิสาภาเคน อุปสงฺกมิฯ อถ วา เยนาติ เหตุอเตฺถ กรณวจนํ, เยน การเณน ภควา เทวมนุเสฺสหิ อุปสงฺกมิตโพฺพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ อโตฺถฯ เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตโพฺพ? นานปฺปการโรคทุกฺขาภิปีฬิตตฺตา อาตุรกาเยหิ มหาชเนหิ มหานุภาโว ภิสโกฺก วิย โรคติกิจฺฉนตฺถํ, นานาวิธกิเลสพฺยาธิปีฬิตตฺตา อาตุรจิเตฺตหิ เทวมนุเสฺสหิ กิเลสพฺยาธิติกิจฺฉนตฺถํ ธมฺมสฺสวนปญฺหปุจฺฉนาทิการเณหิ ภควา อุปสงฺกมิตโพฺพฯ เตน อยมฺปิ พฺราหฺมโณ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุกาโม อุปสงฺกมิฯ
Yena bhagavāti yassaṃ disāyaṃ bhagavā nisinno. Bhummatthe hi etaṃ karaṇavacanaṃ . Yena vā disābhāgena bhagavā upasaṅkamitabbo, tena disābhāgena upasaṅkami. Atha vā yenāti hetuatthe karaṇavacanaṃ, yena kāraṇena bhagavā devamanussehi upasaṅkamitabbo, tena kāraṇena upasaṅkamīti attho. Kena ca kāraṇena bhagavā upasaṅkamitabbo? Nānappakārarogadukkhābhipīḷitattā āturakāyehi mahājanehi mahānubhāvo bhisakko viya rogatikicchanatthaṃ, nānāvidhakilesabyādhipīḷitattā āturacittehi devamanussehi kilesabyādhitikicchanatthaṃ dhammassavanapañhapucchanādikāraṇehi bhagavā upasaṅkamitabbo. Tena ayampi brāhmaṇo attano kaṅkhaṃ chinditukāmo upasaṅkami.
อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํฯ อถ วา ยํ ฐานํ อุปสงฺกมิ, ตโตปิ ภควโต สมีปภูตํ อาสนฺนตรํ ฐานํ อุปคนฺตฺวาติ อโตฺถฯ สโมฺมทีติ สมํ สมฺมา วา โมทิ, ภควา จาเนน, โสปิ ภควตา ‘‘กจฺจิ โภโต ขมนียํ กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ปฎิสนฺถารกรณวเสน สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิฯ สโมฺมทนียนฺติ สโมฺมทนารหํ สโมฺมทชนนโยคฺคํฯ กถนฺติ กถาสลฺลาปํฯ สารณียนฺติ สริตพฺพยุตฺตํ สาธุชเนหิ ปวเตฺตตพฺพํ, กาลนฺตเร วา จิเนฺตตพฺพํฯ วีติสาเรตฺวาติ นิฎฺฐาเปตฺวาฯ เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโสฯ เอกสฺมิํ ฐาเน, อติสมฺมุขาทิเก ฉ นิสชฺชโทเส วเชฺชตฺวา เอกสฺมิํ ปเทเสติ อโตฺถฯ เอตทโวจาติ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ
Upasaṅkamitvāti upasaṅkamanapariyosānadīpanaṃ. Atha vā yaṃ ṭhānaṃ upasaṅkami, tatopi bhagavato samīpabhūtaṃ āsannataraṃ ṭhānaṃ upagantvāti attho. Sammodīti samaṃ sammā vā modi, bhagavā cānena, sopi bhagavatā ‘‘kacci bhoto khamanīyaṃ kacci yāpanīya’’ntiādinā paṭisanthārakaraṇavasena samappavattamodo ahosi. Sammodanīyanti sammodanārahaṃ sammodajananayoggaṃ. Kathanti kathāsallāpaṃ. Sāraṇīyanti saritabbayuttaṃ sādhujanehi pavattetabbaṃ, kālantare vā cintetabbaṃ. Vītisāretvāti niṭṭhāpetvā. Ekamantanti bhāvanapuṃsakaniddeso. Ekasmiṃ ṭhāne, atisammukhādike cha nisajjadose vajjetvā ekasmiṃ padeseti attho. Etadavocāti etaṃ idāni vattabbaṃ ‘‘kittāvatā nu kho’’tiādivacanaṃ avoca.
ตตฺถ กิตฺตาวตาติ กิตฺตเกน ปมาเณนฯ นูติ สํสยเตฺถ นิปาโตฯ โขติ ปทปูรเณฯ โภติ พฺราหฺมณานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนํฯ ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิญฺจโน’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๕๗; ธ. ป. ๓๙๖)ฯ โคตมาติ ภควนฺตํ โคเตฺตน อาลปติฯ กถํ ปนายํ พฺราหฺมโณ สมฺปติสมาคโต ภควโต โคตฺตํ ชานาตีติ? นายํ สมฺปติสมาคโต, ฉพฺพสฺสานิ ปธานกรณกาเล อุปฎฺฐหเนฺตหิ ปญฺจวคฺคิเยหิ สทฺธิํ จรมาโนปิ, อปรภาเค ตํ วตํ ฉเฑฺฑตฺวา อุรุเวลายํ เสนนิคเม เอโก อทุติโย หุตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโนปิ เตน พฺราหฺมเณน ทิฎฺฐปุโพฺพ เจว สลฺลปิตปุโพฺพ จฯ เตน โส ปุเพฺพ ปญฺจวคฺคิเยหิ คยฺหมานํ ภควโต โคตฺตํ อนุสฺสรโนฺต, ‘‘โภ โคตมา’’ติ ภควนฺตํ โคเตฺตน อาลปติฯ ยโต ปฎฺฐาย วา ภควา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมโนฺต อโนมนทีตีเร ปพฺพชิโต, ตโต ปภุติ ‘‘สมโณ โคตโม’’ติ จโนฺท วิย สูริโย วิย จ ปากโฎ ปญฺญาโต, น ตสฺส โคตฺตชานเน การณํ คเวสิตพฺพํฯ
Tattha kittāvatāti kittakena pamāṇena. Nūti saṃsayatthe nipāto. Khoti padapūraṇe. Bhoti brāhmaṇānaṃ jātisamudāgataṃ ālapanaṃ. Tathā hi vuttaṃ – ‘‘bhovādi nāma so hoti, sace hoti sakiñcano’’ti (ma. ni. 2.457; dha. pa. 396). Gotamāti bhagavantaṃ gottena ālapati. Kathaṃ panāyaṃ brāhmaṇo sampatisamāgato bhagavato gottaṃ jānātīti? Nāyaṃ sampatisamāgato, chabbassāni padhānakaraṇakāle upaṭṭhahantehi pañcavaggiyehi saddhiṃ caramānopi, aparabhāge taṃ vataṃ chaḍḍetvā uruvelāyaṃ senanigame eko adutiyo hutvā piṇḍāya caramānopi tena brāhmaṇena diṭṭhapubbo ceva sallapitapubbo ca. Tena so pubbe pañcavaggiyehi gayhamānaṃ bhagavato gottaṃ anussaranto, ‘‘bho gotamā’’ti bhagavantaṃ gottena ālapati. Yato paṭṭhāya vā bhagavā mahābhinikkhamanaṃ nikkhamanto anomanadītīre pabbajito, tato pabhuti ‘‘samaṇo gotamo’’ti cando viya sūriyo viya ca pākaṭo paññāto, na tassa gottajānane kāraṇaṃ gavesitabbaṃ.
พฺราหฺมณกรณาติ พฺราหฺมณํ กโรนฺตีติ พฺราหฺมณกรณา, พฺราหฺมณภาวกราติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ กิตฺตาวตาติ เอเตน เยหิ ธเมฺมหิ พฺราหฺมโณ โหติ, เตสํ ธมฺมานํ ปริมาณํ ปุจฺฉติฯ กตเม จ ปนาติ อิมินา เตสํ สรูปํ ปุจฺฉติฯ
Brāhmaṇakaraṇāti brāhmaṇaṃ karontīti brāhmaṇakaraṇā, brāhmaṇabhāvakarāti attho. Ettha ca kittāvatāti etena yehi dhammehi brāhmaṇo hoti, tesaṃ dhammānaṃ parimāṇaṃ pucchati. Katame ca panāti iminā tesaṃ sarūpaṃ pucchati.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตน ปุฎฺฐสฺส ปญฺหสฺส สิขาปตฺตํ อตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ, น ปน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ กสฺมา? ธมฺมเทสนาย อภาชนภาวโตฯ ตถา หิ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อิมํ คาถํ สุตฺวา น สจฺจาภิสมโย อโหสิฯ ยถา จ อิมสฺส, เอวํ อุปกสฺส อาชีวกสฺส พุทฺธคุณปฺปกาสนํฯ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต หิ ปุพฺพภาเค ภควตา ภาสิตํ ปเรสํ สุณนฺตานมฺปิ ตปุสฺสภลฺลิกานํ สรณทานํ วิย วาสนาภาคิยเมว ชาตํ, น เสกฺขภาคิยํ, น นิเพฺพธภาคิยํฯ เอสา หิ ธมฺมตาติฯ
Etamatthaṃ viditvāti etaṃ tena puṭṭhassa pañhassa sikhāpattaṃ atthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi, na pana tassa brāhmaṇassa dhammaṃ desesi. Kasmā? Dhammadesanāya abhājanabhāvato. Tathā hi tassa brāhmaṇassa imaṃ gāthaṃ sutvā na saccābhisamayo ahosi. Yathā ca imassa, evaṃ upakassa ājīvakassa buddhaguṇappakāsanaṃ. Dhammacakkappavattanato hi pubbabhāge bhagavatā bhāsitaṃ paresaṃ suṇantānampi tapussabhallikānaṃ saraṇadānaṃ viya vāsanābhāgiyameva jātaṃ, na sekkhabhāgiyaṃ, na nibbedhabhāgiyaṃ. Esā hi dhammatāti.
ตตฺถ โย พฺราหฺมโณติ โย พาหิตปาปธมฺมตาย พฺราหฺมโณ, น ทิฎฺฐมงฺคลิกตาย หุํหุงฺการกสาวาทิปาปธมฺมยุโตฺต หุตฺวา เกวลํ ชาติมตฺตเกน พฺรหฺมญฺญํ ปฎิชานาติฯ โส พฺราหฺมโณ พาหิตปาปธมฺมตฺตา หุํหุงฺการปฺปหาเนน นิหุํหุโงฺก, ราคาทิกสาวาภาเวน นิกฺกสาโว, ภาวนานุโยคยุตฺตจิตฺตตาย ยตโตฺต, สีลสํยเมน วา สํยตจิตฺตตาย ยตโตฺต, จตุมคฺคญาณสงฺขาเตหิ เวเทหิ อนฺตํ สงฺขารปริโยสานํ นิพฺพานํ, เวทานํ วา อนฺตํ คตตฺตา เวทนฺตคูฯ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา วุสิตพฺรหฺมจริโย, ธเมฺมน โส พฺรหฺมวาทํ วเทยฺย ‘‘พฺราหฺมโณ อห’’นฺติ เอตํ วาทํ ธเมฺมน ญาเยน วเทยฺยฯ ยสฺส สกลโลกสนฺนิวาเสปิ กุหิญฺจิ เอการมฺมเณปิ ราคุสฺสโท, โทสุสฺสโท, โมหุสฺสโท, มานุสฺสโท, ทิฎฺฐุสฺสโทติ อิเม อุสฺสทา นตฺถิ, อนวเสสํ ปหีนาติ อโตฺถฯ
Tattha yo brāhmaṇoti yo bāhitapāpadhammatāya brāhmaṇo, na diṭṭhamaṅgalikatāya huṃhuṅkārakasāvādipāpadhammayutto hutvā kevalaṃ jātimattakena brahmaññaṃ paṭijānāti. So brāhmaṇo bāhitapāpadhammattā huṃhuṅkārappahānena nihuṃhuṅko, rāgādikasāvābhāvena nikkasāvo, bhāvanānuyogayuttacittatāya yatatto, sīlasaṃyamena vā saṃyatacittatāya yatatto, catumaggañāṇasaṅkhātehi vedehi antaṃ saṅkhārapariyosānaṃ nibbānaṃ, vedānaṃ vā antaṃ gatattā vedantagū. Maggabrahmacariyassa vusitattā vusitabrahmacariyo, dhammena so brahmavādaṃ vadeyya ‘‘brāhmaṇo aha’’nti etaṃ vādaṃ dhammena ñāyena vadeyya. Yassa sakalalokasannivāsepi kuhiñci ekārammaṇepi rāgussado, dosussado, mohussado, mānussado, diṭṭhussadoti ime ussadā natthi, anavasesaṃ pahīnāti attho.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๔. หุํหุงฺกสุตฺตํ • 4. Huṃhuṅkasuttaṃ