Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๗๘] ๘. อิลฺลิสชาตกวณฺณนา

    [78] 8. Illisajātakavaṇṇanā

    อุโภ ขญฺชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต มจฺฉริยโกสิยเสฎฺฐิํ อารพฺภ กเถสิฯ ราชคหนครสฺส กิร อวิทูเร สกฺการํ นาม นิคโม อโหสิ, ตเตฺถโก มจฺฉริยโกสิโย นาม เสฎฺฐิ อสีติโกฎิวิภโว ปฎิวสติฯ โส ติณเคฺคน เตลพินฺทุมตฺตมฺปิ เนว ปเรสํ เทติ, น อตฺตนา ปริภุญฺชติฯ อิติ ตสฺส ตํ วิภวชาตํ เนว ปุตฺตทาราทีนํ, น สมณพฺราหฺมณานํ อตฺถํ อนุโภติ, รกฺขสปริคฺคหิตโปกฺขรณี วิย อปริโภคํ ติฎฺฐติฯ

    Ubho khañjāti idaṃ satthā jetavane viharanto macchariyakosiyaseṭṭhiṃ ārabbha kathesi. Rājagahanagarassa kira avidūre sakkāraṃ nāma nigamo ahosi, tattheko macchariyakosiyo nāma seṭṭhi asītikoṭivibhavo paṭivasati. So tiṇaggena telabindumattampi neva paresaṃ deti, na attanā paribhuñjati. Iti tassa taṃ vibhavajātaṃ neva puttadārādīnaṃ, na samaṇabrāhmaṇānaṃ atthaṃ anubhoti, rakkhasapariggahitapokkharaṇī viya aparibhogaṃ tiṭṭhati.

    สตฺถา เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย สกลโลกธาตุยํ โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกโนฺต ปญฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก วสนฺตสฺส ตสฺส เสฎฺฐิโน สปชาปติกสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทสฯ ตโต ปุริมทิวเส ปน ราชานํ อุปฎฺฐาตุํ ราชเคหํ คนฺตฺวา ราชูปฎฺฐานํ กตฺวา อาคจฺฉโนฺต เอกํ ฉาตชฺฌตฺตํ ชนปทมนุสฺสํ กุมฺมาสปูรํ กปลฺลปูวํ ขาทนฺตํ ทิสฺวา ตตฺถ ปิปาสํ อุปฺปาเทตฺวา อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สจาหํ ‘กปลฺลปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’ติ วกฺขามิ, พหู มยา สทฺธิํ ขาทิตุกามา ภวิสฺสนฺติ, เอวํ เม พหูนิ ตณฺฑุลสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ ปริกฺขยํ คมิสฺสนฺติ, น กสฺสจิ กเถสฺสามี’’ติ ตณฺหํ อธิวาเสโนฺต วิจรติฯ โส คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคโตฺต ชาโต ฯ ตโต ตณฺหํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต คพฺภํ ปวิสิตฺวา มญฺจกํ อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิฯ เอวํคโตปิ ธนหานิภเยน กสฺสจิ กิญฺจิ น กเถสิฯ

    Satthā ekadivasaṃ paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya sakalalokadhātuyaṃ bodhaneyyabandhave olokento pañcacattālīsayojanamatthake vasantassa tassa seṭṭhino sapajāpatikassa sotāpattiphalassa upanissayaṃ addasa. Tato purimadivase pana rājānaṃ upaṭṭhātuṃ rājagehaṃ gantvā rājūpaṭṭhānaṃ katvā āgacchanto ekaṃ chātajjhattaṃ janapadamanussaṃ kummāsapūraṃ kapallapūvaṃ khādantaṃ disvā tattha pipāsaṃ uppādetvā attano gharaṃ gantvā cintesi ‘‘sacāhaṃ ‘kapallapūvaṃ khāditukāmomhī’ti vakkhāmi, bahū mayā saddhiṃ khāditukāmā bhavissanti, evaṃ me bahūni taṇḍulasappimadhuphāṇitādīni parikkhayaṃ gamissanti, na kassaci kathessāmī’’ti taṇhaṃ adhivāsento vicarati. So gacchante gacchante kāle uppaṇḍupaṇḍukajāto dhamanisanthatagatto jāto . Tato taṇhaṃ adhivāsetuṃ asakkonto gabbhaṃ pavisitvā mañcakaṃ upagūhitvā nipajji. Evaṃgatopi dhanahānibhayena kassaci kiñci na kathesi.

    อถ นํ ภริยา อุปสงฺกมิตฺวา ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘กิํ เต สามิ, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘น เม กิญฺจิ อผาสุกํ อตฺถี’’ติฯ ‘‘กิํ นุ โข เต ราชา กุปิโต’’ติ? ‘‘ราชาปิ เม น กุปฺปตี’’ติฯ ‘‘อถ กิํ เต ปุตฺตธีตาหิ วา ทาสกมฺมกราทีหิ วา กิญฺจิ อมนาปํ กตํ อตฺถี’’ติ? ‘‘เอวรูปมฺปิ นตฺถี’’ติฯ ‘‘กิสฺมิญฺจิ ปน เต ตณฺหา อตฺถี’’ติ? เอวํ วุเตฺตปิ ธนหานิภเยน กิญฺจิ อวตฺวา นิสฺสโทฺทว นิปชฺชิฯ อถ นํ ภริยา ‘‘กเถหิ, สามิ, กิสฺมิํ เต ตณฺหา’’ติ อาหฯ โส วจนํ ปริคิลโนฺต วิย ‘‘อตฺถิ เม เอกา ตณฺหา’’ติ อาหฯ ‘‘กิํ ตณฺหา, สามี’’ติ? ‘‘กปลฺลปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติฯ ‘‘อถ กิมตฺถํ น กเถสิ, กิํ ตฺวํ ทลิโทฺท, อิทานิ สกลสกฺการนิคมวาสีนํ ปโหนเก กปลฺลปูเว ปจิสฺสามี’’ติ? ‘‘กิํ เต เอเตหิ, เต อตฺตโน กมฺมํ กตฺวา ขาทิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอกรจฺฉวาสีนํ ปโหนเก ปจามี’’ติฯ ชานามหํ ตว มหทฺธนภาวนฺติฯ ‘‘เตน หิ อิมสฺมิํ เคหมเตฺต สเพฺพสํ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติฯ ‘‘ชานามหํ ตว มหชฺฌาสยภาว’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ เต ปุตฺตทารมตฺตเสฺสว ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน เต เอเตหี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตุยฺหญฺจ มยฺหญฺจ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติฯ ‘‘ตฺวํ กิํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอกเสฺสว เต ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติฯ ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน ปจฺจมานํ พหู ปจฺจาสีสนฺติ, สกลตณฺฑุเล ฐเปตฺวา ภินฺนตณฺฑุเล จ อุทฺธนกปลฺลาทีนิ จ อาทาย โถกํ ขีรสปฺปิมธุผาณิตญฺจ คเหตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตลํ อารุยฺห ปจ, ตตฺถาหํ เอกโกว นิสีทิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติฯ สา ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา คเหตพฺพํ คาหาเปตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห ทาสิโย วิสฺสเชฺชตฺวา เสฎฺฐิํ ปโกฺกสาเปสิฯ โส อาทิโต ปฎฺฐาย ทฺวารานิ ปิทหโนฺต สพฺพทฺวาเรสุ สูจิฆฎิกานิ ทตฺวา สตฺตมตลํ อภิรุหิตฺวา ตตฺถปิ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิสีทิฯ ภริยาปิสฺส อุทฺธเน อคฺคิํ ชาเลตฺวา กปลฺลกํ อาโรเปตฺวา ปูเว ปจิตุํ อารภิฯ

    Atha naṃ bhariyā upasaṅkamitvā piṭṭhiṃ parimajjitvā ‘‘kiṃ te sāmi, aphāsuka’’nti pucchi. ‘‘Na me kiñci aphāsukaṃ atthī’’ti. ‘‘Kiṃ nu kho te rājā kupito’’ti? ‘‘Rājāpi me na kuppatī’’ti. ‘‘Atha kiṃ te puttadhītāhi vā dāsakammakarādīhi vā kiñci amanāpaṃ kataṃ atthī’’ti? ‘‘Evarūpampi natthī’’ti. ‘‘Kismiñci pana te taṇhā atthī’’ti? Evaṃ vuttepi dhanahānibhayena kiñci avatvā nissaddova nipajji. Atha naṃ bhariyā ‘‘kathehi, sāmi, kismiṃ te taṇhā’’ti āha. So vacanaṃ parigilanto viya ‘‘atthi me ekā taṇhā’’ti āha. ‘‘Kiṃ taṇhā, sāmī’’ti? ‘‘Kapallapūvaṃ khāditukāmomhī’’ti. ‘‘Atha kimatthaṃ na kathesi, kiṃ tvaṃ daliddo, idāni sakalasakkāranigamavāsīnaṃ pahonake kapallapūve pacissāmī’’ti? ‘‘Kiṃ te etehi, te attano kammaṃ katvā khādissantī’’ti? ‘‘Tena hi ekaracchavāsīnaṃ pahonake pacāmī’’ti. Jānāmahaṃ tava mahaddhanabhāvanti. ‘‘Tena hi imasmiṃ gehamatte sabbesaṃ pahonakaṃ katvā pacāmī’’ti. ‘‘Jānāmahaṃ tava mahajjhāsayabhāva’’nti. ‘‘Tena hi te puttadāramattasseva pahonakaṃ katvā pacāmī’’ti. ‘‘Kiṃ pana te etehī’’ti? ‘‘Tena hi tuyhañca mayhañca pahonakaṃ katvā pacāmī’’ti. ‘‘Tvaṃ kiṃ karissasī’’ti? ‘‘Tena hi ekasseva te pahonakaṃ katvā pacāmī’’ti. ‘‘Imasmiṃ ṭhāne paccamānaṃ bahū paccāsīsanti, sakalataṇḍule ṭhapetvā bhinnataṇḍule ca uddhanakapallādīni ca ādāya thokaṃ khīrasappimadhuphāṇitañca gahetvā sattabhūmikassa pāsādassa uparimatalaṃ āruyha paca, tatthāhaṃ ekakova nisīditvā khādissāmī’’ti. Sā ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā gahetabbaṃ gāhāpetvā pāsādaṃ āruyha dāsiyo vissajjetvā seṭṭhiṃ pakkosāpesi. So ādito paṭṭhāya dvārāni pidahanto sabbadvāresu sūcighaṭikāni datvā sattamatalaṃ abhiruhitvā tatthapi dvāraṃ pidahitvā nisīdi. Bhariyāpissa uddhane aggiṃ jāletvā kapallakaṃ āropetvā pūve pacituṃ ārabhi.

    อถ สตฺถา ปาโตว มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรํ อามเนฺตสิ, ‘‘เอโส, โมคฺคลฺลาน, ราชคหนครสฺส อวิทูเร สกฺการนิคเม มจฺฉริยโกสิยเสฎฺฐิ ‘กปลฺลปูเว ขาทิสฺสามี’ติ อเญฺญสํ ทสฺสนภเยน สตฺตภูมิเก ปาสาเท กปลฺลปูเว ปจาเปติฯ ตฺวํ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ เสฎฺฐิํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา อุโภปิ ชยมฺปติเก ปูเว จ ขีรสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ จ คาหาเปตฺวา อตฺตโน พเลน เชตวนํ อาเนหิฯ อชฺชาหํ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ วิหาเรเยว นิสีทิสฺสามิ, ปูเวเหว ภตฺตกิจฺจํ กริสฺสามี’’ติฯ เถโร ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ สตฺถุ วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตาวเทว อิทฺธิพเลน ตํ นิคมํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส สีหปญฺชรทฺวาเร สุนิวโตฺถ สุปารุโต อากาเสเยว มณิรูปกํ วิย อฎฺฐาสิฯ

    Atha satthā pātova mahāmoggallānattheraṃ āmantesi, ‘‘eso, moggallāna, rājagahanagarassa avidūre sakkāranigame macchariyakosiyaseṭṭhi ‘kapallapūve khādissāmī’ti aññesaṃ dassanabhayena sattabhūmike pāsāde kapallapūve pacāpeti. Tvaṃ tattha gantvā taṃ seṭṭhiṃ dametvā nibbisevanaṃ katvā ubhopi jayampatike pūve ca khīrasappimadhuphāṇitādīni ca gāhāpetvā attano balena jetavanaṃ ānehi. Ajjāhaṃ pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ vihāreyeva nisīdissāmi, pūveheva bhattakiccaṃ karissāmī’’ti. Thero ‘‘sādhu, bhante’’ti satthu vacanaṃ sampaṭicchitvā tāvadeva iddhibalena taṃ nigamaṃ gantvā tassa pāsādassa sīhapañjaradvāre sunivattho supāruto ākāseyeva maṇirūpakaṃ viya aṭṭhāsi.

    มหาเสฎฺฐิโน เถรํ ทิสฺวาว หทยมํสํ กมฺปิฯ โส ‘‘อหํ เอวรูปานเญฺญว ภเยน อิมํ ฐานํ อาคโต, อยญฺจ อาคนฺตฺวา วาตปานทฺวาเร ฐิโต’’ติ คเหตพฺพคหณํ อปสฺสโนฺต อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย โทเสน ตฎตฎายโนฺต เอวมาห ‘‘สมณ, อากาเส ฐตฺวา ตฺวํ กิํ ลภิสฺสสิ, อากาเส อปเท ปทํ ทเสฺสตฺวา จงฺกมโนฺตปิ เนว ลภิสฺสสี’’ติฯ เถโร ตสฺมิํเยว ฐาเน อปราปรํ จงฺกมิฯ เสฎฺฐิ ‘‘จงฺกมโนฺต กิํ ลภิสฺสสิ, อากาเส ปลฺลเงฺกน นิสีทมาโนปิ น ลภิสฺสสิเยวา’’ติ อาหฯ เถโร ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิฯ อถ นํ ‘‘นิสิโนฺน กิํ ลภิสฺสสิ, อาคนฺตฺวา วาตปานอุมฺมาเร ฐิโตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อาหฯ อถ เถโร อุมฺมาเร อฎฺฐาสิฯ อถ นํ ‘‘อุมฺมาเร ฐิโต กิํ ลภิสฺสสิ, ธูมายโนฺตปิ น ลภิสฺสสิเยวา’’ติ อาหฯ เถโร ธูมายิ, สกลปาสาโท เอกธูโม อโหสิ, เสฎฺฐิโน อกฺขีนํ สูจิยา วิชฺฌนกาโล วิย ชาโตฯ เคหชฺฌายนภเยน ปน นํ ‘‘ปชฺชลโนฺตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อวตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ สมโณ สุฎฺฐุ ลโคฺค, อลทฺธา น คมิสฺสติ, เอกมสฺส ปูวํ ทาเปสฺสามี’’ติ ภริยํ อาห – ‘‘ภเทฺท, เอกํ ขุทฺทกปูวํ ปจิตฺวา สมณสฺส ทตฺวา อุโยฺยเชหิ น’’นฺติฯ สา โถกเญฺญว ปิฎฺฐํ กปลฺลปาติยํ ปกฺขิปิ, มหาปูโว หุตฺวา สกลปาติํ ปูเรตฺวา อุทฺธุมาโต อฎฺฐาสิฯ

    Mahāseṭṭhino theraṃ disvāva hadayamaṃsaṃ kampi. So ‘‘ahaṃ evarūpānaññeva bhayena imaṃ ṭhānaṃ āgato, ayañca āgantvā vātapānadvāre ṭhito’’ti gahetabbagahaṇaṃ apassanto aggimhi pakkhittaloṇasakkharā viya dosena taṭataṭāyanto evamāha ‘‘samaṇa, ākāse ṭhatvā tvaṃ kiṃ labhissasi, ākāse apade padaṃ dassetvā caṅkamantopi neva labhissasī’’ti. Thero tasmiṃyeva ṭhāne aparāparaṃ caṅkami. Seṭṭhi ‘‘caṅkamanto kiṃ labhissasi, ākāse pallaṅkena nisīdamānopi na labhissasiyevā’’ti āha. Thero pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdi. Atha naṃ ‘‘nisinno kiṃ labhissasi, āgantvā vātapānaummāre ṭhitopi na labhissasī’’ti āha. Atha thero ummāre aṭṭhāsi. Atha naṃ ‘‘ummāre ṭhito kiṃ labhissasi, dhūmāyantopi na labhissasiyevā’’ti āha. Thero dhūmāyi, sakalapāsādo ekadhūmo ahosi, seṭṭhino akkhīnaṃ sūciyā vijjhanakālo viya jāto. Gehajjhāyanabhayena pana naṃ ‘‘pajjalantopi na labhissasī’’ti avatvā cintesi ‘‘ayaṃ samaṇo suṭṭhu laggo, aladdhā na gamissati, ekamassa pūvaṃ dāpessāmī’’ti bhariyaṃ āha – ‘‘bhadde, ekaṃ khuddakapūvaṃ pacitvā samaṇassa datvā uyyojehi na’’nti. Sā thokaññeva piṭṭhaṃ kapallapātiyaṃ pakkhipi, mahāpūvo hutvā sakalapātiṃ pūretvā uddhumāto aṭṭhāsi.

    เสฎฺฐิ ตํ ทิสฺวา ‘‘พหุ ตยา ปิฎฺฐํ คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ทพฺพิกเณฺณน โถกตรํ ปิฎฺฐํ คเหตฺวา ปกฺขิปิ, ปูโว ปุริมปูวโต มหนฺตตโร ชาโตฯ เอวํ ยํ ยํ ปจติ, โส โส มหนฺตมหโนฺตว โหติฯ โส นิพฺพิโนฺน ภริยํ อาห ‘‘ภเทฺท, อิมสฺส เอกํ ปูวํ เทหี’’ติฯ ตสฺสา ปจฺฉิโต เอกํ ปูวํ คณฺหนฺติยา สเพฺพ เอกาพทฺธา อลฺลียิํสุฯ สา เสฎฺฐิํ อาห ‘‘สามิ, สเพฺพ ปูวา เอกโต ลคฺคา, วิสุํ กาตุํ น สโกฺกมี’’ติฯ ‘‘อหํ กริสฺสามี’’ติ โสปิ กาตุํ นาสกฺขิฯ อุโภ ชนา โกฎิยํ คเหตฺวา กฑฺฒนฺตาปิ วิโยเชตุํ นาสกฺขิํสุเยวฯ อถสฺส ปูเวหิ สทฺธิํ วายมนฺตเสฺสว สรีรโต เสทา มุจฺจิํสุ, ปิปาสา จ ปจฺฉิชฺชิฯ ตโต ภริยํ อาห ‘‘ภเทฺท, น เม ปูเวหิ อโตฺถ , ปจฺฉิยา สทฺธิํเยว อิมสฺส ภิกฺขุสฺส เทหี’’ติฯ สา ปจฺฉิํ อาทาย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา สเพฺพ ปูเว เถรสฺส อทาสิฯ เถโร อุภินฺนมฺปิ ธมฺมํ เทเสสิ, ติณฺณํ รตนานํ คุเณ กเถสิ, ‘‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฎฺฐ’’นฺติ ทานาทีนํ ผลํ คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ วิย ทเสฺสสิฯ

    Seṭṭhi taṃ disvā ‘‘bahu tayā piṭṭhaṃ gahitaṃ bhavissatī’’ti sayameva dabbikaṇṇena thokataraṃ piṭṭhaṃ gahetvā pakkhipi, pūvo purimapūvato mahantataro jāto. Evaṃ yaṃ yaṃ pacati, so so mahantamahantova hoti. So nibbinno bhariyaṃ āha ‘‘bhadde, imassa ekaṃ pūvaṃ dehī’’ti. Tassā pacchito ekaṃ pūvaṃ gaṇhantiyā sabbe ekābaddhā allīyiṃsu. Sā seṭṭhiṃ āha ‘‘sāmi, sabbe pūvā ekato laggā, visuṃ kātuṃ na sakkomī’’ti. ‘‘Ahaṃ karissāmī’’ti sopi kātuṃ nāsakkhi. Ubho janā koṭiyaṃ gahetvā kaḍḍhantāpi viyojetuṃ nāsakkhiṃsuyeva. Athassa pūvehi saddhiṃ vāyamantasseva sarīrato sedā mucciṃsu, pipāsā ca pacchijji. Tato bhariyaṃ āha ‘‘bhadde, na me pūvehi attho , pacchiyā saddhiṃyeva imassa bhikkhussa dehī’’ti. Sā pacchiṃ ādāya theraṃ upasaṅkamitvā sabbe pūve therassa adāsi. Thero ubhinnampi dhammaṃ desesi, tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇe kathesi, ‘‘atthi dinnaṃ, atthi yiṭṭha’’nti dānādīnaṃ phalaṃ gaganatale puṇṇacandaṃ viya dassesi.

    ตํ สุตฺวา ปสนฺนจิโตฺต เสฎฺฐิ ‘‘ภเนฺต, อาคนฺตฺวา อิมสฺมิํ ปลฺลเงฺก นิสีทิตฺวา ปูเว ปริภุญฺชถา’’ติ อาหฯ เถโร ‘‘มหาเสฎฺฐิ, สมฺมาสมฺพุโทฺธ ‘ปูเว ขาทิสฺสามี’ติ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ วิหาเร นิสิโนฺน, ตุมฺหากํ รุจิยา สติ เสฎฺฐิภริยํ ปูเว จ ขีราทีนิ จ คณฺหาเปถ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ อาหฯ ‘‘กหํ ปน, ภเนฺต, เอตรหิ สตฺถา’’ติ? ‘‘อิโต ปญฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก เชตวนมหาวิหาเร’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, กาลํ อนติกฺกมิตฺวา เอตฺตกํ อทฺธานํ กถํ คมิสฺสามา’’ติ? ‘‘มหาเสฎฺฐิ ตุมฺหากํ รุจิยา สติ อหํ โว อตฺตโน อิทฺธิพเลน เนสฺสามิ, ตุมฺหากํ ปาสาเท โสปานสีสํ อตฺตโน ฐาเนเยว ภวิสฺสติ, โสปานปริโยสานํ ปน เชตวนทฺวารโกฎฺฐเก ภวิสฺสติ, อุปริปาสาทา เหฎฺฐาปาสาทํ โอตรณกาลมเตฺตน โว เชตวนํ เนสฺสามี’’ติฯ โส ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ เถโร โสปานสีสํ ตเตฺถว กตฺวา ‘‘โสปานปาทมูลํ เชตวนทฺวารโกฎฺฐเก โหตู’’ติ อธิฎฺฐาสิ, ตเถวาโหสิฯ

    Taṃ sutvā pasannacitto seṭṭhi ‘‘bhante, āgantvā imasmiṃ pallaṅke nisīditvā pūve paribhuñjathā’’ti āha. Thero ‘‘mahāseṭṭhi, sammāsambuddho ‘pūve khādissāmī’ti pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ vihāre nisinno, tumhākaṃ ruciyā sati seṭṭhibhariyaṃ pūve ca khīrādīni ca gaṇhāpetha, satthu santikaṃ gamissāmā’’ti āha. ‘‘Kahaṃ pana, bhante, etarahi satthā’’ti? ‘‘Ito pañcacattālīsayojanamatthake jetavanamahāvihāre’’ti. ‘‘Bhante, kālaṃ anatikkamitvā ettakaṃ addhānaṃ kathaṃ gamissāmā’’ti? ‘‘Mahāseṭṭhi tumhākaṃ ruciyā sati ahaṃ vo attano iddhibalena nessāmi, tumhākaṃ pāsāde sopānasīsaṃ attano ṭhāneyeva bhavissati, sopānapariyosānaṃ pana jetavanadvārakoṭṭhake bhavissati, uparipāsādā heṭṭhāpāsādaṃ otaraṇakālamattena vo jetavanaṃ nessāmī’’ti. So ‘‘sādhu, bhante’’ti sampaṭicchi. Thero sopānasīsaṃ tattheva katvā ‘‘sopānapādamūlaṃ jetavanadvārakoṭṭhake hotū’’ti adhiṭṭhāsi, tathevāhosi.

    อิติ เถโร เสฎฺฐิญฺจ เสฎฺฐิภริยญฺจ อุปริปาสาทา เหฎฺฐาโอตรณกาลโต ขิปฺปตรํ เชตวนํ สมฺปาเปสิฯ เต อุโภปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา กาลํ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ภตฺตคฺคํ ปวิสิตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ มหาเสฎฺฐิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ อทาสิ, เสฎฺฐิภริยา ตถาคตสฺส ปเตฺต ปูเว ปติฎฺฐาเปสิฯ สตฺถา อตฺตโน ยาปนมตฺตํ คณฺหิ, ปญฺจสตา ภิกฺขูปิ ตเถว คณฺหิํสุฯ เสฎฺฐิ ขีรสปฺปิมธุผาณิตสกฺขราทีนิ ททมาโน อคมาสิฯ สตฺถา ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ ภตฺตกิจฺจํ นิฎฺฐาเปสิฯ มหาเสฎฺฐิปิ สทฺธิํ ภริยาย ยาวทตฺถํ ขาทิ, ปูวานํ ปริโยสานเมว น ปญฺญายติ, สกลวิหาเร ภิกฺขูนญฺจ วิฆาสาทานญฺจ ทิเนฺนปิ น ปริยโนฺต ปญฺญายติฯ ‘‘ภเนฺต, ปูวา ปริกฺขยํ น คจฺฉนฺตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํฯ เตน หิ เชตวนทฺวารโกฎฺฐเก ฉเฑฺฑถาติฯ อถ เน ทฺวารโกฎฺฐกสฺส อวิทูเร ปพฺภารฎฺฐาเน ฉฑฺฑยิํสุฯ อชฺชตนาปิ ตํ ฐานํ ‘‘กปลฺลปูวปพฺภาโร’’เตฺวว ปญฺญายติฯ มหาเสฎฺฐิ สทฺธิํ ภริยาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ภควา อนุโมทนํ อกาสิฯ อนุโมทนาปริโยสาเน อุโภปิ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ทฺวารโกฎฺฐเก โสปานํ อารุยฺห อตฺตโน ปาสาเทเยว ปติฎฺฐหิํสุ ฯ ตโต ปฎฺฐาย มหาเสฎฺฐิ อสีติโกฎิธนํ พุทฺธสาสเนเยว วิกิริฯ

    Iti thero seṭṭhiñca seṭṭhibhariyañca uparipāsādā heṭṭhāotaraṇakālato khippataraṃ jetavanaṃ sampāpesi. Te ubhopi satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā kālaṃ ārocesuṃ. Satthā bhattaggaṃ pavisitvā paññattavarabuddhāsane nisīdi saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Mahāseṭṭhi buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa dakkhiṇodakaṃ adāsi, seṭṭhibhariyā tathāgatassa patte pūve patiṭṭhāpesi. Satthā attano yāpanamattaṃ gaṇhi, pañcasatā bhikkhūpi tatheva gaṇhiṃsu. Seṭṭhi khīrasappimadhuphāṇitasakkharādīni dadamāno agamāsi. Satthā pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ bhattakiccaṃ niṭṭhāpesi. Mahāseṭṭhipi saddhiṃ bhariyāya yāvadatthaṃ khādi, pūvānaṃ pariyosānameva na paññāyati, sakalavihāre bhikkhūnañca vighāsādānañca dinnepi na pariyanto paññāyati. ‘‘Bhante, pūvā parikkhayaṃ na gacchantī’’ti bhagavato ārocesuṃ. Tena hi jetavanadvārakoṭṭhake chaḍḍethāti. Atha ne dvārakoṭṭhakassa avidūre pabbhāraṭṭhāne chaḍḍayiṃsu. Ajjatanāpi taṃ ṭhānaṃ ‘‘kapallapūvapabbhāro’’tveva paññāyati. Mahāseṭṭhi saddhiṃ bhariyāya bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Bhagavā anumodanaṃ akāsi. Anumodanāpariyosāne ubhopi sotāpattiphale patiṭṭhāya satthāraṃ vanditvā dvārakoṭṭhake sopānaṃ āruyha attano pāsādeyeva patiṭṭhahiṃsu . Tato paṭṭhāya mahāseṭṭhi asītikoṭidhanaṃ buddhasāsaneyeva vikiri.

    ปุนทิวเส สมฺมาสมฺพุเทฺธ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา เชตวนํ อาคมฺม ภิกฺขูนํ สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฎิํ ปวิสิตฺวา ปฎิสลฺลีเน สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘ปสฺสถาวุโส, มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺสานุภาวํ, อนุปหจฺจ สทฺธํ อนุปหจฺจ โภเค มจฺฉริยเสฎฺฐิํ มุหุเตฺตเนว ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปูเว คาหาเปตฺวา เชตวนํ อาเนตฺวา สตฺถุ สมฺมุขํ กตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปสิ, อโห มหานุภาโว เถโร’’ติ เถรสฺส คุณกถํ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขเว, กุลทมเกน นาม ภิกฺขุนา กุเล อวิเหเฐตฺวา อกิลเมตฺวา ปุปฺผโต เรณุํ คณฺหเนฺตน ภมเรน วิย อุปสงฺกมิตฺวา พุทฺธคุเณ ชานาเปตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เถรํ ปสํสโนฺต –

    Punadivase sammāsambuddhe sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā jetavanaṃ āgamma bhikkhūnaṃ sugatovādaṃ datvā gandhakuṭiṃ pavisitvā paṭisallīne sāyanhasamaye dhammasabhāyaṃ sannipatitā bhikkhū ‘‘passathāvuso, mahāmoggallānattherassānubhāvaṃ, anupahacca saddhaṃ anupahacca bhoge macchariyaseṭṭhiṃ muhutteneva dametvā nibbisevanaṃ katvā pūve gāhāpetvā jetavanaṃ ānetvā satthu sammukhaṃ katvā sotāpattiphale patiṭṭhāpesi, aho mahānubhāvo thero’’ti therassa guṇakathaṃ kathentā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘bhikkhave, kuladamakena nāma bhikkhunā kule aviheṭhetvā akilametvā pupphato reṇuṃ gaṇhantena bhamarena viya upasaṅkamitvā buddhaguṇe jānāpetabba’’nti vatvā theraṃ pasaṃsanto –

    ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผํ, วณฺณคนฺธมเหฐยํ;

    ‘‘Yathāpi bhamaro pupphaṃ, vaṇṇagandhamaheṭhayaṃ;

    ปเลติ รสมาทาย, เอวํ คาเม มุนี จเร’’ติฯ (ธ. ป. ๔๙) –

    Paleti rasamādāya, evaṃ gāme munī care’’ti. (dha. pa. 49) –

    อิมํ ธมฺมปเท คาถํ วตฺวา อุตฺตริปิ เถรสฺส คุณํ ปกาเสตุํ ‘‘น ภิกฺขเว, อิทาเนว โมคฺคลฺลาเนน มจฺฉริยเสฎฺฐิ ทมิโต, ปุเพฺพปิ ตํ ทเมตฺวา กมฺมผลสมฺพนฺธํ ชานาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Imaṃ dhammapade gāthaṃ vatvā uttaripi therassa guṇaṃ pakāsetuṃ ‘‘na bhikkhave, idāneva moggallānena macchariyaseṭṭhi damito, pubbepi taṃ dametvā kammaphalasambandhaṃ jānāpesiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต พาราณสิยํ อิลฺลิโส นาม เสฎฺฐิ อโหสิ อสีติโกฎิวิภโว ปุริสโทสสมนฺนาคโต ขโญฺช กุณี วิสมกฺขิมณฺฑโล อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน มจฺฉรี, เนว อเญฺญสํ เทติ, น สยํ ปริภุญฺชติฯ รกฺขสปริคฺคหิตโปกฺขรณี วิยสฺส เคหํ อโหสิฯ มาตาปิตโร ปนสฺส ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา ทายกา ทานปติโนฯ โส เสฎฺฐิฎฺฐานํ ลภิตฺวาเยว กุลวํสํ นาเสตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ธนเมว สณฺฐาเปสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bārāṇasiyaṃ illiso nāma seṭṭhi ahosi asītikoṭivibhavo purisadosasamannāgato khañjo kuṇī visamakkhimaṇḍalo assaddho appasanno maccharī, neva aññesaṃ deti, na sayaṃ paribhuñjati. Rakkhasapariggahitapokkharaṇī viyassa gehaṃ ahosi. Mātāpitaro panassa yāva sattamā kulaparivaṭṭā dāyakā dānapatino. So seṭṭhiṭṭhānaṃ labhitvāyeva kulavaṃsaṃ nāsetvā dānasālaṃ jhāpetvā yācake pothetvā nikkaḍḍhitvā dhanameva saṇṭhāpesi.

    โส เอกทิวสํ ราชูปฎฺฐานํ คนฺตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาคจฺฉโนฺต เอกํ มคฺคกิลนฺตํ ชานปทมนุสฺสํ, เอกํ สุราวารกํ, อาทาย ปีฐเก นิสีทิตฺวา อมฺพิลสุราย โกสกํ ปูเรตฺวา ปูเรตฺวา ปูติมจฺฉเกน อุตฺตริภเงฺคน ปิวนฺตํ ทิสฺวา สุรํ ปาตุกาโม หุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สจาหํ สุรํ ปิวิสฺสามิ, มยิ ปิวเนฺต พหู ปิวิตุกามา ภวิสฺสนฺติ, เอวํ เม ธนปริกฺขโย ภวิสฺสตี’’ติฯ โส ตณฺหํ อธิวาเสโนฺต วิจริตฺวา คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต วิหตกปฺปาโส วิย ปณฺฑุสรีโร อโหสิ ธมฺมนิสนฺถตคโตฺต ชาโตฯ อเถกทิวสํ คพฺภํ ปวิสิตฺวา มญฺจกํ อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิฯ ตเมนํ ภริยา อุปสงฺกมิตฺวา ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘กิํ เต, สามิ, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ สพฺพํ เหฎฺฐา กถิตนิยาเมเนว เวทิตพฺพํฯ ‘‘เตน หิ เอกเสฺสว เต ปโหนกํ สุรํ กโรมี’’ติ ปน วุเตฺต ‘‘เคเห สุราย การิยมานาย พหู ปจฺจาสีสนฺติ, อนฺตราปณโต อาหราเปตฺวาปิ น สกฺกา อิธ นิสิเนฺนน ปิวิตุ’’นฺติ มาสกมตฺตํ ทตฺวา อนฺตราปณโต สุราวารกํ อาหราเปตฺวา เจฎเกน คาหาเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม นทีตีรํ คนฺตฺวา มหามคฺคสมีเป เอกํ คุมฺพํ ปวิสิตฺวา สุราวารกํ ฐปาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ เจฎกํ ทูเร นิสีทาเปตฺวา โกสกํ ปูเรตฺวา สุรํ ปาตุํ อารภิฯ

    So ekadivasaṃ rājūpaṭṭhānaṃ gantvā attano gharaṃ āgacchanto ekaṃ maggakilantaṃ jānapadamanussaṃ, ekaṃ surāvārakaṃ, ādāya pīṭhake nisīditvā ambilasurāya kosakaṃ pūretvā pūretvā pūtimacchakena uttaribhaṅgena pivantaṃ disvā suraṃ pātukāmo hutvā cintesi ‘‘sacāhaṃ suraṃ pivissāmi, mayi pivante bahū pivitukāmā bhavissanti, evaṃ me dhanaparikkhayo bhavissatī’’ti. So taṇhaṃ adhivāsento vicaritvā gacchante gacchante kāle adhivāsetuṃ asakkonto vihatakappāso viya paṇḍusarīro ahosi dhammanisanthatagatto jāto. Athekadivasaṃ gabbhaṃ pavisitvā mañcakaṃ upagūhitvā nipajji. Tamenaṃ bhariyā upasaṅkamitvā piṭṭhiṃ parimajjitvā ‘‘kiṃ te, sāmi, aphāsuka’’nti pucchi. Sabbaṃ heṭṭhā kathitaniyāmeneva veditabbaṃ. ‘‘Tena hi ekasseva te pahonakaṃ suraṃ karomī’’ti pana vutte ‘‘gehe surāya kāriyamānāya bahū paccāsīsanti, antarāpaṇato āharāpetvāpi na sakkā idha nisinnena pivitu’’nti māsakamattaṃ datvā antarāpaṇato surāvārakaṃ āharāpetvā ceṭakena gāhāpetvā nagarā nikkhamma nadītīraṃ gantvā mahāmaggasamīpe ekaṃ gumbaṃ pavisitvā surāvārakaṃ ṭhapāpetvā ‘‘gaccha tva’’nti ceṭakaṃ dūre nisīdāpetvā kosakaṃ pūretvā suraṃ pātuṃ ārabhi.

    ปิตา ปนสฺส ทานาทีนํ ปุญฺญานํ กตตฺตา เทวโลเก สโกฺก หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส ตสฺมิํ ขเณ ‘‘ปวตฺตติ นุ โข เม ทานคฺคํ, อุทาหุ โน’’ติ อาวเชฺชโนฺต ตสฺส อปฺปวตฺติํ ญตฺวา, ปุตฺตสฺส กุลวํสํ นาเสตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก นิกฺกฑฺฒิตฺวา มจฺฉริยภาเว ปติฎฺฐาย ‘‘อเญฺญสํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ ภเยน คุมฺพํ ปวิสิตฺวา เอกกเสฺสว สุรํ ปิวนภาวญฺจ ทิสฺวา ‘‘คจฺฉามิ, นํ สโงฺขเภตฺวา ทเมตฺวา กมฺมผลสมฺพนฺธํ ชานาเปตฺวา ทานํ ทาเปตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตนารหํ กโรมี’’ติ มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อิลฺลิสเสฎฺฐินา สทิสํ ขญฺชํ กุณิํ วิสมจกฺขุมณฺฑลํ อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา พาราณสินครํ ปวิสิตฺวา รโญฺญ นิเวสนทฺวาเร ฐตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ อาโรจาเปตฺวา ‘‘ปวิสตู’’ติ วุเตฺต ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ราชา ‘‘กิํ, มหาเสฎฺฐิ, อเวลาย อาคโตสี’’ติ อาหฯ ‘‘อาม, อาคโตมฺหิ, เทว ฆเร เม อสีติโกฎิมตฺตํ ธนํ อตฺถิ, ตํ เทโว อาหราเปตฺวา อตฺตโน ภณฺฑาคารํ ปูราเปตู’’ติฯ ‘‘อลํ มหาเสฎฺฐิ, ตว ธนโต อมฺหากํ เคเห พหุตรํ ธน’’นฺติฯ ‘‘สเจ, เทว, ตุมฺหากํ กมฺมํ นตฺถิ, ยถารุจิยา ธนํ คเหตฺวา ทานํ ทมฺมี’’ติฯ ‘‘เทหิ, มหาเสฎฺฐี’’ติฯ โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อิลฺลิสเสฎฺฐิโน เคหํ อคมาสิ, สเพฺพ อุปฎฺฐากมนุสฺสา ปริวาเรสุํ, เอโกปิ ‘‘นายํ, อิลฺลิโส’’ติ ชานิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ

    Pitā panassa dānādīnaṃ puññānaṃ katattā devaloke sakko hutvā nibbatti. So tasmiṃ khaṇe ‘‘pavattati nu kho me dānaggaṃ, udāhu no’’ti āvajjento tassa appavattiṃ ñatvā, puttassa kulavaṃsaṃ nāsetvā dānasālaṃ jhāpetvā yācake nikkaḍḍhitvā macchariyabhāve patiṭṭhāya ‘‘aññesaṃ dātabbaṃ bhavissatī’’ti bhayena gumbaṃ pavisitvā ekakasseva suraṃ pivanabhāvañca disvā ‘‘gacchāmi, naṃ saṅkhobhetvā dametvā kammaphalasambandhaṃ jānāpetvā dānaṃ dāpetvā devaloke nibbattanārahaṃ karomī’’ti manussapathaṃ otaritvā illisaseṭṭhinā sadisaṃ khañjaṃ kuṇiṃ visamacakkhumaṇḍalaṃ attabhāvaṃ nimminitvā bārāṇasinagaraṃ pavisitvā rañño nivesanadvāre ṭhatvā attano āgatabhāvaṃ ārocāpetvā ‘‘pavisatū’’ti vutte pavisitvā rājānaṃ vanditvā aṭṭhāsi. Rājā ‘‘kiṃ, mahāseṭṭhi, avelāya āgatosī’’ti āha. ‘‘Āma, āgatomhi, deva ghare me asītikoṭimattaṃ dhanaṃ atthi, taṃ devo āharāpetvā attano bhaṇḍāgāraṃ pūrāpetū’’ti. ‘‘Alaṃ mahāseṭṭhi, tava dhanato amhākaṃ gehe bahutaraṃ dhana’’nti. ‘‘Sace, deva, tumhākaṃ kammaṃ natthi, yathāruciyā dhanaṃ gahetvā dānaṃ dammī’’ti. ‘‘Dehi, mahāseṭṭhī’’ti. So ‘‘sādhu, devā’’ti rājānaṃ vanditvā nikkhamitvā illisaseṭṭhino gehaṃ agamāsi, sabbe upaṭṭhākamanussā parivāresuṃ, ekopi ‘‘nāyaṃ, illiso’’ti jānituṃ samattho nāma natthi.

    โส เคหํ ปวิสิตฺวา อโนฺตอุมฺมาเร ฐตฺวา โทวาริกํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘โย อโญฺญ มยา สมานรูโป อาคนฺตฺวา ‘มเมตํ เคห’นฺติ ปวิสิตุํ อาคจฺฉติ, ตํ ปิฎฺฐิยํ ปหริตฺวา นีหเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหารเห อาสเน นิสีทิตฺวา เสฎฺฐิภริยํ ปโกฺกสาเปตฺวา สิตาการํ ทเสฺสตฺวา ‘‘ภเทฺท, ทานํ เทมา’’ติ อาหฯ ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวาว เสฎฺฐิภริยา จ ปุตฺตธีตโร จ ทาสกมฺมกรา จ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ทาตุํ จิตฺตเมว นตฺถิ, อชฺช ปน สุรํ ปิวิตฺวา มุทุจิโตฺต หุตฺวา ทาตุกาโม ชาโต ภวิสฺสตี’’ติ วทิํสุฯ อถ นํ เสฎฺฐิภริยา ‘‘ยถารุจิยา เทถ, สามี’’ติ อาหฯ เตน หิ เภริวาทกํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘‘สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทีหิ อตฺถิกา อิลฺลิสเสฎฺฐิสฺส ฆรํ คจฺฉนฺตู’นฺติ สกลนคเร เภริํ จราเปหี’’ติฯ สา จ ตถา กาเรสิฯ มหาชโน ปจฺฉิปสิพฺพกาทีนิ คเหตฺวา เคหทฺวาเร สนฺนิปติฯ สโกฺก สตฺตรตนปูเร คเพฺภ วิวราเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ทมฺมิ, ยาวทิจฺฉกํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาหฯ มหาชโน ธนํ นีหริตฺวา มหาตเล ราสิํ กตฺวา อาภตภาชนานิ ปูเรตฺวา คจฺฉติฯ

    So gehaṃ pavisitvā antoummāre ṭhatvā dovārikaṃ pakkosāpetvā ‘‘yo añño mayā samānarūpo āgantvā ‘mametaṃ geha’nti pavisituṃ āgacchati, taṃ piṭṭhiyaṃ paharitvā nīhareyyāthā’’ti vatvā pāsādaṃ āruyha mahārahe āsane nisīditvā seṭṭhibhariyaṃ pakkosāpetvā sitākāraṃ dassetvā ‘‘bhadde, dānaṃ demā’’ti āha. Tassa taṃ vacanaṃ sutvāva seṭṭhibhariyā ca puttadhītaro ca dāsakammakarā ca ‘‘ettakaṃ kālaṃ dānaṃ dātuṃ cittameva natthi, ajja pana suraṃ pivitvā muducitto hutvā dātukāmo jāto bhavissatī’’ti vadiṃsu. Atha naṃ seṭṭhibhariyā ‘‘yathāruciyā detha, sāmī’’ti āha. Tena hi bherivādakaṃ pakkosāpetvā ‘‘‘suvaṇṇarajatamaṇimuttādīhi atthikā illisaseṭṭhissa gharaṃ gacchantū’nti sakalanagare bheriṃ carāpehī’’ti. Sā ca tathā kāresi. Mahājano pacchipasibbakādīni gahetvā gehadvāre sannipati. Sakko sattaratanapūre gabbhe vivarāpetvā ‘‘tumhākaṃ dammi, yāvadicchakaṃ gahetvā gacchathā’’ti āha. Mahājano dhanaṃ nīharitvā mahātale rāsiṃ katvā ābhatabhājanāni pūretvā gacchati.

    อญฺญตโร ชนปทมนุโสฺส อิลฺลิสเสฎฺฐิโน โคเณ ตเสฺสว รเถ โยเชตฺวา สตฺตหิ รตเนหิ ปูเรตฺวา นครา นิกฺขมฺม มหามคฺคํ ปฎิปชฺชิตฺวา ตสฺส คุมฺพสฺส อวิทูเรน รถํ เปเสโนฺต ‘‘วสฺสสตํ ชีว, สามิ, อิลฺลิสเสฎฺฐิ, ตํ นิสฺสาย อิทานิ เม ยาวชีวํ กมฺมํ อกตฺวา ชีวิตพฺพํ ชาตํ, ตเวว รโถ, ตเวว โคณา, ตเวว เคเห สตฺต รตนานิ, เนว มาตรา ทินฺนานิ, น ปิตรา, ตํ นิสฺสาย ลทฺธานิ, สามี’’ติ เสฎฺฐิโน คุณกถํ กเถโนฺต คจฺฉติฯ โส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ภีตตสิโต จิเนฺตสิ ‘‘อยํ มม นามํ คเหตฺวา อิทญฺจิทญฺจ วทติ, กจฺจิ นุ โข มม ธนํ รญฺญา โลกสฺส ทินฺน’’นฺติ คุมฺพา นิกฺขมิตฺวา โคเณ จ รถญฺจ สญฺชานิตฺวา ‘‘อเร, เจฎก, มยฺหํ โคณา, มยฺหํ รโถ’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา โคเณ นาสารชฺชุยํ คณฺหิ, คหปติโก รถา โอรุยฺห ‘‘อเร, ทุฎฺฐเจฎก, อิลฺลิสมหาเสฎฺฐิ สกลนครสฺส ทานํ เทติ, ตฺวํ กิํ อโหสี’’ติ ปกฺขนฺทิตฺวา อสนิํ ปาเตโนฺต วิย ขเนฺธ ปหริตฺวา รถํ อาทาย อคมาสิฯ โส ปุน กมฺปมาโน อุฎฺฐาย ปํสุํ ปุญฺฉิตฺวา ปุญฺฉิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา รถํ คณฺหิ, คหปติโก รถา โอตริตฺวา เกเสสุ คเหตฺวา โอณาเมตฺวา กปฺปรปหาเรหิ โกเฎฺฎตฺวา คเล คเหตฺวา อาคตมคฺคาภิมุขํ ขิปิตฺวา ปกฺกามิฯ เอตฺตาวตาสฺส สุรามโท ฉิชฺชิฯ โส กมฺปมาโน เวเคน นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ธนํ อาทาย คจฺฉเนฺต มหาชเน ทิสฺวา ‘‘อโมฺภ กิํ นาเมตํ, กิํ ราชา มม ธนํ วิลุมฺปาเปตี’’ติ ตํ ตํ คนฺตฺวา คณฺหาติ, คหิตคหิตา ปหริตฺวา ปาทมูเลเยว ปาเตนฺติฯ โส เวทนาปฺปโตฺต เคหํ ปวิสิตุํ อารภิฯ ทฺวารปาลา ‘‘อเร, ทุฎฺฐคหปติ, กหํ ปวิสสี’’ติ วํสเปสิกาหิ โปเถตฺวา คีวายํ คเหตฺวา นีหริํสุฯ

    Aññataro janapadamanusso illisaseṭṭhino goṇe tasseva rathe yojetvā sattahi ratanehi pūretvā nagarā nikkhamma mahāmaggaṃ paṭipajjitvā tassa gumbassa avidūrena rathaṃ pesento ‘‘vassasataṃ jīva, sāmi, illisaseṭṭhi, taṃ nissāya idāni me yāvajīvaṃ kammaṃ akatvā jīvitabbaṃ jātaṃ, taveva ratho, taveva goṇā, taveva gehe satta ratanāni, neva mātarā dinnāni, na pitarā, taṃ nissāya laddhāni, sāmī’’ti seṭṭhino guṇakathaṃ kathento gacchati. So taṃ saddaṃ sutvā bhītatasito cintesi ‘‘ayaṃ mama nāmaṃ gahetvā idañcidañca vadati, kacci nu kho mama dhanaṃ raññā lokassa dinna’’nti gumbā nikkhamitvā goṇe ca rathañca sañjānitvā ‘‘are, ceṭaka, mayhaṃ goṇā, mayhaṃ ratho’’ti vatvā gantvā goṇe nāsārajjuyaṃ gaṇhi, gahapatiko rathā oruyha ‘‘are, duṭṭhaceṭaka, illisamahāseṭṭhi sakalanagarassa dānaṃ deti, tvaṃ kiṃ ahosī’’ti pakkhanditvā asaniṃ pātento viya khandhe paharitvā rathaṃ ādāya agamāsi. So puna kampamāno uṭṭhāya paṃsuṃ puñchitvā puñchitvā vegena gantvā rathaṃ gaṇhi, gahapatiko rathā otaritvā kesesu gahetvā oṇāmetvā kapparapahārehi koṭṭetvā gale gahetvā āgatamaggābhimukhaṃ khipitvā pakkāmi. Ettāvatāssa surāmado chijji. So kampamāno vegena nivesanadvāraṃ gantvā dhanaṃ ādāya gacchante mahājane disvā ‘‘ambho kiṃ nāmetaṃ, kiṃ rājā mama dhanaṃ vilumpāpetī’’ti taṃ taṃ gantvā gaṇhāti, gahitagahitā paharitvā pādamūleyeva pātenti. So vedanāppatto gehaṃ pavisituṃ ārabhi. Dvārapālā ‘‘are, duṭṭhagahapati, kahaṃ pavisasī’’ti vaṃsapesikāhi pothetvā gīvāyaṃ gahetvā nīhariṃsu.

    โส ‘‘ฐเปตฺวา อิทานิ ราชานํ นตฺถิ เม อโญฺญ โกจิ ปฎิสรโณ’’ติ รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, มม เคหํ ตุเมฺห วิลุมฺปาเปถา’’ติ อาหฯ นาหํ เสฎฺฐิ วิลุมฺปาเปมิ, นนุ ตฺวเมว อาคนฺตฺวา ‘‘สเจ ตุเมฺห น คณฺหถ, อหํ มม ธนํ ทานํ ทสฺสามี’’ติ นคเร เภริํ จราเปตฺวา ทานํ อทาสีติฯ นาหํ , เทว, ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉามิ, กิํ ตุเมฺห มยฺหํ มจฺฉริยภาวํ น ชานาถ, อหํ ติณเคฺคน เตลพินฺทุมฺปิ น กสฺสจิ เทมิฯ โย ทานํ เทติ, ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา วีมํสถ, เทวาติฯ ราชา สกฺกํ ปโกฺกสาเปสิ, ทฺวินฺนํ ชนานํ วิเสสํ เนว ราชา ชานาติ, น อมจฺจาฯ มจฺฉริยเสฎฺฐิ ‘‘กิํ, เทว, อยํ เสฎฺฐิ, อหํ เสฎฺฐี’’ติ อาหฯ ‘‘มยํ น สญฺชานาม, อตฺถิ เต โกจิ สญฺชานนโก’’ติ? ‘‘ภริยา เม, เทวา’’ติฯ ภริยํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘กตโร เต สามิโก’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ สา ‘‘อย’’นฺติ สกฺกเสฺสว สนฺติเก อฎฺฐาสิฯ ปุตฺตธีตโร ทาสกมฺมกเร จ ปโกฺกสาเปตฺวา ปุจฺฉิํสุ, สเพฺพปิ สกฺกเสฺสว สนฺติเก ติฎฺฐนฺติฯ

    So ‘‘ṭhapetvā idāni rājānaṃ natthi me añño koci paṭisaraṇo’’ti rañño santikaṃ gantvā ‘‘deva, mama gehaṃ tumhe vilumpāpethā’’ti āha. Nāhaṃ seṭṭhi vilumpāpemi, nanu tvameva āgantvā ‘‘sace tumhe na gaṇhatha, ahaṃ mama dhanaṃ dānaṃ dassāmī’’ti nagare bheriṃ carāpetvā dānaṃ adāsīti. Nāhaṃ , deva, tumhākaṃ santikaṃ āgacchāmi, kiṃ tumhe mayhaṃ macchariyabhāvaṃ na jānātha, ahaṃ tiṇaggena telabindumpi na kassaci demi. Yo dānaṃ deti, taṃ pakkosāpetvā vīmaṃsatha, devāti. Rājā sakkaṃ pakkosāpesi, dvinnaṃ janānaṃ visesaṃ neva rājā jānāti, na amaccā. Macchariyaseṭṭhi ‘‘kiṃ, deva, ayaṃ seṭṭhi, ahaṃ seṭṭhī’’ti āha. ‘‘Mayaṃ na sañjānāma, atthi te koci sañjānanako’’ti? ‘‘Bhariyā me, devā’’ti. Bhariyaṃ pakkosāpetvā ‘‘kataro te sāmiko’’ti pucchiṃsu. Sā ‘‘aya’’nti sakkasseva santike aṭṭhāsi. Puttadhītaro dāsakammakare ca pakkosāpetvā pucchiṃsu, sabbepi sakkasseva santike tiṭṭhanti.

    ปุน เสฎฺฐิ จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ สีเส ปิฬกา อตฺถิ, เกเสหิ ปฎิจฺฉนฺนา, ตํ โข ปน กปฺปโก เอว ชานาติ, ตํ ปโกฺกสาเปสฺสามี’’ติฯ โส ‘‘กปฺปโก มํ, เทว, สญฺชานาติ, ตํ ปโกฺกสาเปถา’’ติ อาหฯ ตสฺมิํ ปน กาเล โพธิสโตฺต ตสฺส กปฺปโก อโหสิฯ ราชา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘อิลฺลิสเสฎฺฐิํ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สีสํ โอโลเกตฺวา ชานิสฺสามิ, เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ ทฺวินฺนมฺปิ สีสํ โอโลเกหี’’ติฯ ตสฺมิํ ขเณ สโกฺก สีเส ปิฬกํ มาเปสิฯ โพธิสโตฺต ทฺวินฺนมฺปิ สีสํ โอโลเกโนฺต ปิฬกา ทิสฺวา ‘‘มหาราช, ทฺวินฺนมฺปิ สีเส ปิฬกา อเตฺถว, นาหํ เอเตสุ เอกสฺสาปิ อิลฺลิสภาวํ สญฺชานิตุํ สโกฺกมี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Puna seṭṭhi cintesi ‘‘mayhaṃ sīse piḷakā atthi, kesehi paṭicchannā, taṃ kho pana kappako eva jānāti, taṃ pakkosāpessāmī’’ti. So ‘‘kappako maṃ, deva, sañjānāti, taṃ pakkosāpethā’’ti āha. Tasmiṃ pana kāle bodhisatto tassa kappako ahosi. Rājā taṃ pakkosāpetvā ‘‘illisaseṭṭhiṃ jānāsī’’ti pucchi. ‘‘Sīsaṃ oloketvā jānissāmi, devā’’ti. ‘‘Tena hi dvinnampi sīsaṃ olokehī’’ti. Tasmiṃ khaṇe sakko sīse piḷakaṃ māpesi. Bodhisatto dvinnampi sīsaṃ olokento piḷakā disvā ‘‘mahārāja, dvinnampi sīse piḷakā attheva, nāhaṃ etesu ekassāpi illisabhāvaṃ sañjānituṃ sakkomī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๗๘.

    78.

    ‘‘อุโภ ขญฺชา อุโภ กุณี, อุโภ วิสมจกฺขุกา;

    ‘‘Ubho khañjā ubho kuṇī, ubho visamacakkhukā;

    อุภินฺนํ ปิฬกา ชาตา, นาหํ ปสฺสามิ อิลฺลิส’’นฺติฯ

    Ubhinnaṃ piḷakā jātā, nāhaṃ passāmi illisa’’nti.

    ตตฺถ อุโภติ เทฺวปิ ชนาฯ ขญฺชาติ กุณฺฐปาทาฯ กุณีติ กุณฺฐหตฺถาฯ วิสมจกฺขุกาติ วิสมกฺขิมณฺฑลา เกกราฯ ปิฬกาติ ทฺวินฺนมฺปิ เอกสฺมิํเยว สีสปเทเส เอกสณฺฐานาว ปิฬกา ชาตาฯ นาหํ ปสฺสามีติ อหํ ‘‘อิเมสุ อยํ นาม อิลฺลิโส’’ติ น ปสฺสามิ, เอกสฺสาปิ อิลฺลิสภาวํ น ชานามีติ อโวจฯ

    Tattha ubhoti dvepi janā. Khañjāti kuṇṭhapādā. Kuṇīti kuṇṭhahatthā. Visamacakkhukāti visamakkhimaṇḍalā kekarā. Piḷakāti dvinnampi ekasmiṃyeva sīsapadese ekasaṇṭhānāva piḷakā jātā. Nāhaṃ passāmīti ahaṃ ‘‘imesu ayaṃ nāma illiso’’ti na passāmi, ekassāpi illisabhāvaṃ na jānāmīti avoca.

    โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา เสฎฺฐิ กมฺปมาโน ธนโสเกน สติํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตุํ อสโกฺกโนฺต ตเตฺถว ปติฯ ตสฺมิํ ขเณ สโกฺก ‘‘นาหํ, มหาราช , อิลฺลิโส, สโกฺกหมสฺมี’’ติ มหติยา สกฺกลีลาย อากาเส อฎฺฐาสิฯ อิลฺลิสสฺส มุขํ ปุญฺฉิตฺวา อุทเกน สิญฺจิํสุ, โส อุฎฺฐาย สกฺกํ เทวราชานํ วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถ นํ สโกฺก อาห ‘‘อิลฺลิส, อิทํ ธนํ มม สนฺตกํ, น ตวฯ อหญฺหิ เต ปิตา, ตฺวํ มม ปุโตฺตฯ อหํ ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สกฺกตฺตํ ปโตฺต, ตฺวํ ปน เม วํสํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อทานสีโล หุตฺวา มจฺฉริเย ปติฎฺฐาย ทานสาลาโย ฌาเปตฺวา ยาจเก นิกฺกฑฺฒิตฺวา ธนเมว สณฺฐาเปสิฯ ตํ เนว ตฺวํ ปริภุญฺชสิ, น อเญฺญสํ เทสิ, รกฺขสปริคฺคหิตํ วิย ติฎฺฐติฯ สเจ เม ทานสาลา ปากติกา กตฺวา ทานํ ทสฺสสิ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ทสฺสสิ, สพฺพํ เต ธนํ อนฺตรธาเปตฺวา อิมินา อินฺทวชิเรน เต สีสํ ฉินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติฯ อิลฺลิสเสฎฺฐิ มรณภเยน สนฺตชฺชิโต ‘‘อิโต ปฎฺฐาย ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปฎิญฺญํ อทาสิฯ สโกฺก ตสฺส ปฎิญฺญํ คเหตฺวา อากาเส นิสิโนฺนว ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา สกฎฺฐานเมว อคมาสิฯ อิลฺลิโสปิ ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ

    Bodhisattassa vacanaṃ sutvā seṭṭhi kampamāno dhanasokena satiṃ paccupaṭṭhāpetuṃ asakkonto tattheva pati. Tasmiṃ khaṇe sakko ‘‘nāhaṃ, mahārāja , illiso, sakkohamasmī’’ti mahatiyā sakkalīlāya ākāse aṭṭhāsi. Illisassa mukhaṃ puñchitvā udakena siñciṃsu, so uṭṭhāya sakkaṃ devarājānaṃ vanditvā aṭṭhāsi. Atha naṃ sakko āha ‘‘illisa, idaṃ dhanaṃ mama santakaṃ, na tava. Ahañhi te pitā, tvaṃ mama putto. Ahaṃ dānādīni puññāni katvā sakkattaṃ patto, tvaṃ pana me vaṃsaṃ upacchinditvā adānasīlo hutvā macchariye patiṭṭhāya dānasālāyo jhāpetvā yācake nikkaḍḍhitvā dhanameva saṇṭhāpesi. Taṃ neva tvaṃ paribhuñjasi, na aññesaṃ desi, rakkhasapariggahitaṃ viya tiṭṭhati. Sace me dānasālā pākatikā katvā dānaṃ dassasi, iccetaṃ kusalaṃ. No ce dassasi, sabbaṃ te dhanaṃ antaradhāpetvā iminā indavajirena te sīsaṃ chinditvā jīvitakkhayaṃ pāpessāmī’’ti. Illisaseṭṭhi maraṇabhayena santajjito ‘‘ito paṭṭhāya dānaṃ dassāmī’’ti paṭiññaṃ adāsi. Sakko tassa paṭiññaṃ gahetvā ākāse nisinnova dhammaṃ desetvā taṃ sīlesu patiṭṭhāpetvā sakaṭṭhānameva agamāsi. Illisopi dānādīni puññāni katvā saggaparāyaṇo ahosi.

    สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โมคฺคลฺลาโน มจฺฉริยเสฎฺฐิํ ทเมติ, ปุเพฺพเปส อิมินา ทมิโตเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิลฺลิโส มจฺฉริยเสฎฺฐิ อโหสิ, สโกฺก เทวราชา มหาโมคฺคลฺลาโน, ราชา อานโนฺท, กปฺปโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā ‘‘na, bhikkhave, idāneva moggallāno macchariyaseṭṭhiṃ dameti, pubbepesa iminā damitoyevā’’ti vatvā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā illiso macchariyaseṭṭhi ahosi, sakko devarājā mahāmoggallāno, rājā ānando, kappako pana ahameva ahosi’’nti.

    อิลฺลิสชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Illisajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๗๘. อิลฺลิสชาตกํ • 78. Illisajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact