Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๓. อิณสุตฺตํ
3. Iṇasuttaṃ
๔๕. ‘‘ทาลิทฺทิยํ 1, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ โลกสฺมิํ กามโภคิโน’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ทลิโทฺท 2 อสฺสโก อนาฬฺหิโก 3 อิณํ อาทิยติ, อิณาทานมฺปิ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ โลกสฺมิํ กามโภคิโน’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโก อิณํ อาทิยิตฺวา วฑฺฒิํ ปฎิสฺสุณาติ, วฑฺฒิปิ, ภิกฺขเว, ทุกฺขา โลกสฺมิํ กามโภคิโน’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโก วฑฺฒิํ ปฎิสฺสุณิตฺวา กาลาภตํ 4 วฑฺฒิํ น เทติ, โจเทนฺติปิ นํ; โจทนาปิ, ภิกฺขเว, ทุกฺขา โลกสฺมิํ กามโภคิโน’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโก โจทิยมาโน น เทติ, อนุจรนฺติปิ นํ; อนุจริยาปิ, ภิกฺขเว, ทุกฺขา โลกสฺมิํ กามโภคิโน’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโก อนุจริยมาโน น เทติ, พนฺธนฺติปิ นํ; พนฺธนมฺปิ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ โลกสฺมิํ กามโภคิโน’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ
45. ‘‘Dāliddiyaṃ 5, bhikkhave, dukkhaṃ lokasmiṃ kāmabhogino’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Yampi, bhikkhave, daliddo 6 assako anāḷhiko 7 iṇaṃ ādiyati, iṇādānampi, bhikkhave, dukkhaṃ lokasmiṃ kāmabhogino’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Yampi, bhikkhave, daliddo assako anāḷhiko iṇaṃ ādiyitvā vaḍḍhiṃ paṭissuṇāti, vaḍḍhipi, bhikkhave, dukkhā lokasmiṃ kāmabhogino’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Yampi, bhikkhave, daliddo assako anāḷhiko vaḍḍhiṃ paṭissuṇitvā kālābhataṃ 8 vaḍḍhiṃ na deti, codentipi naṃ; codanāpi, bhikkhave, dukkhā lokasmiṃ kāmabhogino’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Yampi, bhikkhave, daliddo assako anāḷhiko codiyamāno na deti, anucarantipi naṃ; anucariyāpi, bhikkhave, dukkhā lokasmiṃ kāmabhogino’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Yampi, bhikkhave, daliddo assako anāḷhiko anucariyamāno na deti, bandhantipi naṃ; bandhanampi, bhikkhave, dukkhaṃ lokasmiṃ kāmabhogino’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ทาลิทฺทิยมฺปิ ทุกฺขํ โลกสฺมิํ กามโภคิโน, อิณาทานมฺปิ ทุกฺขํ โลกสฺมิํ กามโภคิโน, วฑฺฒิปิ ทุกฺขา โลกสฺมิํ กามโภคิโน, โจทนาปิ ทุกฺขา โลกสฺมิํ กามโภคิโน, อนุจริยาปิ ทุกฺขา โลกสฺมิํ กามโภคิโน, พนฺธนมฺปิ ทุกฺขํ โลกสฺมิํ กามโภคิโน; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว , ยสฺส กสฺสจิ สทฺธา นตฺถิ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, หิรี นตฺถิ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, โอตฺตปฺปํ นตฺถิ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วีริยํ นตฺถิ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, ปญฺญา นตฺถิ กุสเลสุ ธเมฺมสุ – อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโกฯ
‘‘Iti kho, bhikkhave, dāliddiyampi dukkhaṃ lokasmiṃ kāmabhogino, iṇādānampi dukkhaṃ lokasmiṃ kāmabhogino, vaḍḍhipi dukkhā lokasmiṃ kāmabhogino, codanāpi dukkhā lokasmiṃ kāmabhogino, anucariyāpi dukkhā lokasmiṃ kāmabhogino, bandhanampi dukkhaṃ lokasmiṃ kāmabhogino; evamevaṃ kho, bhikkhave , yassa kassaci saddhā natthi kusalesu dhammesu, hirī natthi kusalesu dhammesu, ottappaṃ natthi kusalesu dhammesu, vīriyaṃ natthi kusalesu dhammesu, paññā natthi kusalesu dhammesu – ayaṃ vuccati, bhikkhave, ariyassa vinaye daliddo assako anāḷhiko.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโก สทฺธาย อสติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, หิริยา อสติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, โอตฺตเปฺป อสติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วีริเย อสติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, ปญฺญาย อสติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติฯ อิทมสฺส อิณาทานสฺมิํ วทามิฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhave, daliddo assako anāḷhiko saddhāya asati kusalesu dhammesu, hiriyā asati kusalesu dhammesu, ottappe asati kusalesu dhammesu, vīriye asati kusalesu dhammesu, paññāya asati kusalesu dhammesu, kāyena duccaritaṃ carati, vācāya duccaritaṃ carati, manasā duccaritaṃ carati. Idamassa iṇādānasmiṃ vadāmi.
‘‘โส ตสฺส กายทุจฺจริตสฺส ปฎิจฺฉาทนเหตุ ปาปิกํ อิจฺฉํ ปณิทหติ 9ฯ ‘มา มํ ชญฺญู’ติ อิจฺฉติ, ‘มา มํ ชญฺญู’ติ สงฺกปฺปติ , ‘มา มํ ชญฺญู’ติ วาจํ ภาสติ, ‘มา มํ ชญฺญู’ติ กาเยน ปรกฺกมติฯ โส ตสฺส วจีทุจฺจริตสฺส ปฎิจฺฉาทนเหตุ…เป.… โส ตสฺส มโนทุจฺจริตสฺส ปฎิจฺฉาทนเหตุ…เป.… ‘มา มํ ชญฺญู’ติ กาเยน ปรกฺกมติฯ อิทมสฺส วฑฺฒิยา วทามิฯ
‘‘So tassa kāyaduccaritassa paṭicchādanahetu pāpikaṃ icchaṃ paṇidahati 10. ‘Mā maṃ jaññū’ti icchati, ‘mā maṃ jaññū’ti saṅkappati , ‘mā maṃ jaññū’ti vācaṃ bhāsati, ‘mā maṃ jaññū’ti kāyena parakkamati. So tassa vacīduccaritassa paṭicchādanahetu…pe… so tassa manoduccaritassa paṭicchādanahetu…pe… ‘mā maṃ jaññū’ti kāyena parakkamati. Idamassa vaḍḍhiyā vadāmi.
‘‘ตเมนํ เปสลา สพฺรหฺมจารี เอวมาหํสุ – ‘อยญฺจ โส อายสฺมา เอวํการี เอวํสมาจาโร’ติฯ อิทมสฺส โจทนาย วทามิฯ
‘‘Tamenaṃ pesalā sabrahmacārī evamāhaṃsu – ‘ayañca so āyasmā evaṃkārī evaṃsamācāro’ti. Idamassa codanāya vadāmi.
‘‘ตเมนํ อรญฺญคตํ วา รุกฺขมูลคตํ วา สุญฺญาคารคตํ วา วิปฺปฎิสารสหคตา ปาปกา อกุสลวิตกฺกา สมุทาจรนฺติฯ อิทมสฺส อนุจริยาย วทามิฯ
‘‘Tamenaṃ araññagataṃ vā rukkhamūlagataṃ vā suññāgāragataṃ vā vippaṭisārasahagatā pāpakā akusalavitakkā samudācaranti. Idamassa anucariyāya vadāmi.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโก กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิรยพนฺธเน วา พชฺฌติ ติรจฺฉานโยนิพนฺธเน วาฯ นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกพนฺธนมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํทารุณํ เอวํกฎุกํ 11 เอวํอนฺตรายกรํ อนุตฺตรสฺส โยคเกฺขมสฺส อธิคมาย, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, นิรยพนฺธนํ วา ติรจฺฉานโยนิพนฺธนํ วา’’ติฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhave, daliddo assako anāḷhiko kāyena duccaritaṃ caritvā vācāya duccaritaṃ caritvā manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā nirayabandhane vā bajjhati tiracchānayonibandhane vā. Nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekabandhanampi samanupassāmi evaṃdāruṇaṃ evaṃkaṭukaṃ 12 evaṃantarāyakaraṃ anuttarassa yogakkhemassa adhigamāya, yathayidaṃ, bhikkhave, nirayabandhanaṃ vā tiracchānayonibandhanaṃ vā’’ti.
‘‘ทาลิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก, อิณาทานญฺจ วุจฺจติ;
‘‘Dāliddiyaṃ dukkhaṃ loke, iṇādānañca vuccati;
ทลิโทฺท อิณมาทาย, ภุญฺชมาโน วิหญฺญติฯ
Daliddo iṇamādāya, bhuñjamāno vihaññati.
‘‘ตโต อนุจรนฺติ นํ, พนฺธนมฺปิ นิคจฺฉติ;
‘‘Tato anucaranti naṃ, bandhanampi nigacchati;
เอตญฺหิ พนฺธนํ ทุกฺขํ, กามลาภาภิชปฺปินํฯ
Etañhi bandhanaṃ dukkhaṃ, kāmalābhābhijappinaṃ.
‘‘ตเถว อริยวินเย, สทฺธา ยสฺส น วิชฺชติ;
‘‘Tatheva ariyavinaye, saddhā yassa na vijjati;
อหิรีโก อโนตฺตปฺปี, ปาปกมฺมวินิพฺพโยฯ
Ahirīko anottappī, pāpakammavinibbayo.
‘‘กายทุจฺจริตํ กตฺวา, วจีทุจฺจริตานิ จ;
‘‘Kāyaduccaritaṃ katvā, vacīduccaritāni ca;
มโนทุจฺจริตํ กตฺวา, ‘มา มํ ชญฺญู’ติ อิจฺฉติฯ
Manoduccaritaṃ katvā, ‘mā maṃ jaññū’ti icchati.
ปาปกมฺมํ ปวเฑฺฒโนฺต, ตตฺถ ตตฺถ ปุนปฺปุนํฯ
Pāpakammaṃ pavaḍḍhento, tattha tattha punappunaṃ.
‘‘โส ปาปกโมฺม ทุเมฺมโธ, ชานํ ทุกฺกฎมตฺตโน;
‘‘So pāpakammo dummedho, jānaṃ dukkaṭamattano;
ทลิโทฺท อิณมาทาย, ภุญฺชมาโน วิหญฺญติฯ
Daliddo iṇamādāya, bhuñjamāno vihaññati.
‘‘ตโต อนุจรนฺติ นํ, สงฺกปฺปา มานสา ทุขา;
‘‘Tato anucaranti naṃ, saṅkappā mānasā dukhā;
คาเม วา ยทิ วารเญฺญ, ยสฺส วิปฺปฎิสารชาฯ
Gāme vā yadi vāraññe, yassa vippaṭisārajā.
‘‘โส ปาปกโมฺม ทุเมฺมโธ, ชานํ ทุกฺกฎมตฺตโน;
‘‘So pāpakammo dummedho, jānaṃ dukkaṭamattano;
โยนิมญฺญตรํ คนฺตฺวา, นิรเย วาปิ พชฺฌติฯ
Yonimaññataraṃ gantvā, niraye vāpi bajjhati.
‘‘เอตญฺหิ พนฺธนํ ทุกฺขํ, ยมฺหา ธีโร ปมุจฺจติ;
‘‘Etañhi bandhanaṃ dukkhaṃ, yamhā dhīro pamuccati;
ธมฺมลเทฺธหิ โภเคหิ, ททํ จิตฺตํ ปสาทยํฯ
Dhammaladdhehi bhogehi, dadaṃ cittaṃ pasādayaṃ.
‘‘อุภยตฺถ กฎคฺคาโห, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;
‘‘Ubhayattha kaṭaggāho, saddhassa gharamesino;
ทิฎฺฐธมฺมหิตตฺถาย, สมฺปรายสุขาย จ;
Diṭṭhadhammahitatthāya, samparāyasukhāya ca;
เอวเมตํ คหฎฺฐานํ, จาโค ปุญฺญํ ปวฑฺฒติฯ
Evametaṃ gahaṭṭhānaṃ, cāgo puññaṃ pavaḍḍhati.
‘‘ตเถว อริยวินเย, สทฺธา ยสฺส ปติฎฺฐิตา;
‘‘Tatheva ariyavinaye, saddhā yassa patiṭṭhitā;
หิรีมโน จ โอตฺตปฺปี, ปญฺญวา สีลสํวุโตฯ
Hirīmano ca ottappī, paññavā sīlasaṃvuto.
‘‘เอโส โข อริยวินเย, ‘สุขชีวี’ติ วุจฺจติ;
‘‘Eso kho ariyavinaye, ‘sukhajīvī’ti vuccati;
นิรามิสํ สุขํ ลทฺธา, อุเปกฺขํ อธิติฎฺฐติฯ
Nirāmisaṃ sukhaṃ laddhā, upekkhaṃ adhitiṭṭhati.
‘‘ปญฺจ นีวรเณ หิตฺวา, นิจฺจํ อารทฺธวีริโย;
‘‘Pañca nīvaraṇe hitvā, niccaṃ āraddhavīriyo;
ฌานานิ อุปสมฺปชฺช, เอโกทิ นิปโก สโตฯ
Jhānāni upasampajja, ekodi nipako sato.
‘‘เอวํ ญตฺวา ยถาภูตํ, สพฺพสํโยชนกฺขเย;
‘‘Evaṃ ñatvā yathābhūtaṃ, sabbasaṃyojanakkhaye;
สพฺพโส อนุปาทาย, สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ
Sabbaso anupādāya, sammā cittaṃ vimuccati.
‘‘ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส, ญาณํ เจ โหติ ตาทิโน;
‘‘Tassa sammā vimuttassa, ñāṇaṃ ce hoti tādino;
‘อกุปฺปา เม วิมุตฺตี’ติ, ภวสํโยชนกฺขเยฯ
‘Akuppā me vimuttī’ti, bhavasaṃyojanakkhaye.
‘‘เอตํ โข ปรมํ ญาณํ, เอตํ สุขมนุตฺตรํ;
‘‘Etaṃ kho paramaṃ ñāṇaṃ, etaṃ sukhamanuttaraṃ;
อโสกํ วิรชํ เขมํ, เอตํ อานณฺยมุตฺตม’’นฺติฯ ตติยํ;
Asokaṃ virajaṃ khemaṃ, etaṃ ānaṇyamuttama’’nti. tatiyaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. อิณสุตฺตวณฺณนา • 3. Iṇasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓-๖. อิณสุตฺตาทิวณฺณนา • 3-6. Iṇasuttādivaṇṇanā