Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    ๒. สนฺถววโคฺค

    2. Santhavavaggo

    [๑๖๑] ๑. อินฺทสมานโคตฺตชาตกวณฺณนา

    [161] 1. Indasamānagottajātakavaṇṇanā

    สนฺถวํ กาปุริเสน กยิราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ทุพฺพจชาติกํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺส วตฺถุ นวกนิปาเต คิชฺฌชาตเก (ชา. ๑.๙.๑ อาทโย) อาวิภวิสฺสติฯ สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘ปุเพฺพปิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ทุพฺพจตาย ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา มตฺตหตฺถิปาเทหิ สญฺจุณฺณิโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Nasanthavaṃ kāpurisena kayirāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ dubbacajātikaṃ ārabbha kathesi. Tassa vatthu navakanipāte gijjhajātake (jā. 1.9.1 ādayo) āvibhavissati. Satthā pana taṃ bhikkhuṃ ‘‘pubbepi tvaṃ, bhikkhu, dubbacatāya paṇḍitānaṃ vacanaṃ akatvā mattahatthipādehi sañcuṇṇito’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุฑฺฒิปฺปโตฺต ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปญฺจนฺนํ อิสิสตานํ คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กเปฺปสิฯ ตทา เตสุ ตาปเสสุ อินฺทสมานโคโตฺต นาเมโก ตาปโส อโหสิ ทุพฺพโจ อโนวาทโกฯ โส เอกํ หตฺถิโปตกํ โปเสสิฯ โพธิสโตฺต สุตฺวา ตํ ปโกฺกสิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ หตฺถิโปตกํ โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สจฺจํ, อาจริย, มตมาติกํ เอกํ หตฺถิโปตกํ โปเสมี’’ติฯ ‘‘หตฺถิโน นาม วุฑฺฒิปฺปตฺตา โปสเกเยว มาเรนฺติ, มา ตํ โปเสหี’’ติฯ ‘‘เตน วินา วตฺติตุํ น สโกฺกมิ อาจริยา’’ติฯ ‘‘เตน หิ ปญฺญายิสฺสสี’’ติฯ โส เตน โปสิยมาโน อปรภาเค มหาสรีโร อโหสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vuḍḍhippatto gharāvāsaṃ pahāya isipabbajjaṃ pabbajitvā pañcannaṃ isisatānaṃ gaṇasatthā hutvā himavantapadese vāsaṃ kappesi. Tadā tesu tāpasesu indasamānagotto nāmeko tāpaso ahosi dubbaco anovādako. So ekaṃ hatthipotakaṃ posesi. Bodhisatto sutvā taṃ pakkositvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ hatthipotakaṃ posesī’’ti pucchi. ‘‘Saccaṃ, ācariya, matamātikaṃ ekaṃ hatthipotakaṃ posemī’’ti. ‘‘Hatthino nāma vuḍḍhippattā posakeyeva mārenti, mā taṃ posehī’’ti. ‘‘Tena vinā vattituṃ na sakkomi ācariyā’’ti. ‘‘Tena hi paññāyissasī’’ti. So tena posiyamāno aparabhāge mahāsarīro ahosi.

    อเถกสฺมิํ กาเล เต อิสโย วนมูลผลาผลตฺถาย ทูรํ คนฺตฺวา ตเตฺถว กติปาหํ วสิํสุฯ หตฺถีปิ อคฺคทกฺขิณวาเต ปภินฺนมโท หุตฺวา ตสฺส ปณฺณสาลํ วิทฺธํเสตฺวา ปานียฆฎํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณผลกํ ขิปิตฺวา อาลมฺพนผลกํ ลุญฺจิตฺวา ‘‘ตํ ตาปสํ มาเรตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ เอกํ คหนฎฺฐานํ ปวิสิตฺวา ตสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิฯ อินฺทสมานโคโตฺต ตสฺส โคจรํ คเหตฺวา สเพฺพสํ ปุรโตว อาคจฺฉโนฺต ตํ ทิสฺวา ปกติสญฺญาเยวสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ อถ นํ โส หตฺถี คหนฎฺฐานา นิกฺขมิตฺวา โสณฺฑาย ปรามสิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา สีสํ ปาเทน อกฺกมิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มทฺทิตฺวา โกญฺจนาทํ กตฺวา อรญฺญํ ปาวิสิฯ เสสตาปสา ตํ ปวตฺติํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ ฯ โพธิสโตฺต ‘‘กาปุริเสหิ นาม สทฺธิํ สํสโคฺค น กาตโพฺพ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –

    Athekasmiṃ kāle te isayo vanamūlaphalāphalatthāya dūraṃ gantvā tattheva katipāhaṃ vasiṃsu. Hatthīpi aggadakkhiṇavāte pabhinnamado hutvā tassa paṇṇasālaṃ viddhaṃsetvā pānīyaghaṭaṃ bhinditvā pāsāṇaphalakaṃ khipitvā ālambanaphalakaṃ luñcitvā ‘‘taṃ tāpasaṃ māretvāva gamissāmī’’ti ekaṃ gahanaṭṭhānaṃ pavisitvā tassa āgamanamaggaṃ olokento aṭṭhāsi. Indasamānagotto tassa gocaraṃ gahetvā sabbesaṃ puratova āgacchanto taṃ disvā pakatisaññāyevassa santikaṃ agamāsi. Atha naṃ so hatthī gahanaṭṭhānā nikkhamitvā soṇḍāya parāmasitvā bhūmiyaṃ pātetvā sīsaṃ pādena akkamitvā jīvitakkhayaṃ pāpetvā madditvā koñcanādaṃ katvā araññaṃ pāvisi. Sesatāpasā taṃ pavattiṃ bodhisattassa ārocesuṃ . Bodhisatto ‘‘kāpurisehi nāma saddhiṃ saṃsaggo na kātabbo’’ti vatvā imā gāthā āha –

    ๒๑.

    21.

    ‘‘น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิรา, อริโย อนริเยน ปชานมตฺถํ;

    ‘‘Na santhavaṃ kāpurisena kayirā, ariyo anariyena pajānamatthaṃ;

    จิรานุวุโตฺถปิ กโรติ ปาปํ, คโช ยถา อินฺทสมานโคตฺตํฯ

    Cirānuvutthopi karoti pāpaṃ, gajo yathā indasamānagottaṃ.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘ยํ เตฺวว ชญฺญา สทิโส มมนฺติ, สีเลน ปญฺญาย สุเตน จาปิ;

    ‘‘Yaṃ tveva jaññā sadiso mamanti, sīlena paññāya sutena cāpi;

    เตเนว เมตฺติํ กยิราถ สทฺธิํ, สุโข หเว สปฺปุริเสน สงฺคโม’’ติฯ

    Teneva mettiṃ kayirātha saddhiṃ, sukho have sappurisena saṅgamo’’ti.

    ตตฺถ น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิราติ กุจฺฉิเตน โกธปุริเสน สทฺธิํ ตณฺหาสนฺถวํ วา มิตฺตสนฺถวํ วา น กยิราถฯ อริโย อนริเยน ปชานมตฺถนฺติ อริโยติ จตฺตาโร อริยา อาจารอริโย ลิงฺคอริโย ทสฺสนอริโย ปฎิเวธอริโยติฯ เตสุ อาจารอริโย อิธ อธิเปฺปโตฯ โส ปชานมตฺถํ อตฺถํ ปชานโนฺต อตฺถานตฺถกุสโล อาจาเร ฐิโต อริยปุคฺคโล อนริเยน นิลฺลเชฺชน ทุสฺสีเลน สทฺธิํ สนฺถวํ น กเรยฺยาติ อโตฺถฯ กิํ การณา? จิรานุวุโตฺถปิ กโรติ ปาปนฺติ, ยสฺมา อนริโย จิรํ เอกโต อนุวุโตฺถปิ ตํ เอกโต นิวาสํ อคเณตฺวา กโรติ ปาปํ ลามกกมฺมํ กโรติเยวฯ ยถา กิํ? คโช ยถา อินฺทสมานโคตฺตนฺติ, ยถา โส คโช อินฺทสมานโคตฺตํ มาเรโนฺต ปาปํ อกาสีติ อโตฺถฯ ยํ เตฺวว ชญฺญา สทิโส มมนฺติอาทีสุ ยํ เตฺวว ปุคฺคลํ ‘‘อยํ มม สีลาทีหิ สทิโส’’ติ ชาเนยฺย, เตเนว สทฺธิํ เมตฺติํ กยิราถ, สปฺปุริเสน สทฺธิํ สมาคโม สุขาวโหติฯ

    Tattha na santhavaṃ kāpurisena kayirāti kucchitena kodhapurisena saddhiṃ taṇhāsanthavaṃ vā mittasanthavaṃ vā na kayirātha. Ariyo anariyena pajānamatthanti ariyoti cattāro ariyā ācāraariyo liṅgaariyo dassanaariyo paṭivedhaariyoti. Tesu ācāraariyo idha adhippeto. So pajānamatthaṃ atthaṃ pajānanto atthānatthakusalo ācāre ṭhito ariyapuggalo anariyena nillajjena dussīlena saddhiṃ santhavaṃ na kareyyāti attho. Kiṃ kāraṇā? Cirānuvutthopi karoti pāpanti, yasmā anariyo ciraṃ ekato anuvutthopi taṃ ekato nivāsaṃ agaṇetvā karoti pāpaṃ lāmakakammaṃ karotiyeva. Yathā kiṃ? Gajo yathā indasamānagottanti, yathā so gajo indasamānagottaṃ mārento pāpaṃ akāsīti attho. Yaṃ tveva jaññā sadiso mamantiādīsu yaṃ tveva puggalaṃ ‘‘ayaṃ mama sīlādīhi sadiso’’ti jāneyya, teneva saddhiṃ mettiṃ kayirātha, sappurisena saddhiṃ samāgamo sukhāvahoti.

    เอวํ โพธิสโตฺต ‘‘อโนวาทเกน นาม น ภวิตพฺพํ, สุสิกฺขิเตน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ อิสิคณํ โอวทิตฺวา อินฺทสมานโคตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิฯ

    Evaṃ bodhisatto ‘‘anovādakena nāma na bhavitabbaṃ, susikkhitena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti isigaṇaṃ ovaditvā indasamānagottassa sarīrakiccaṃ kāretvā brahmavihāre bhāvetvā brahmalokūpago ahosi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อินฺทสมานโคโตฺต อยํ ทุพฺพโจ อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā indasamānagotto ayaṃ dubbaco ahosi, gaṇasatthā pana ahameva ahosi’’nti.

    อินฺทสมานโคตฺตชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ

    Indasamānagottajātakavaṇṇanā paṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๖๑. อินฺทสมานโคตฺตชาตกํ • 161. Indasamānagottajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact