Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๑๐. อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตํ

    10. Indriyabhāvanāsuttaṃ

    ๔๕๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา คชงฺคลายํ 1 วิหรติ สุเวฬุวเน 2ฯ อถ โข อุตฺตโร มาณโว ปาราสิวิยเนฺตวาสี 3 เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อุตฺตรํ มาณวํ ปาราสิวิยเนฺตวาสิํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘เทเสติ, อุตฺตร, ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวน’’นฺติ? ‘‘เทเสติ, โภ โคตม, ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวน’’นฺติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน, อุตฺตร, เทเสติ ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวน’’นฺติ? ‘‘อิธ, โภ โคตม, จกฺขุนา รูปํ น ปสฺสติ, โสเตน สทฺทํ น สุณาติ – เอวํ โข, โภ โคตม, เทเสติ ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวน’’นฺติฯ ‘‘เอวํ สเนฺต โข, อุตฺตร, อโนฺธ ภาวิตินฺทฺริโย ภวิสฺสติ, พธิโร ภาวิตินฺทฺริโย ภวิสฺสติ; ยถา ปาราสิวิยสฺส พฺราหฺมณสฺส วจนํฯ อโนฺธ หิ, อุตฺตร, จกฺขุนา รูปํ น ปสฺสติ, พธิโร โสเตน สทฺทํ น สุณาตี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, อุตฺตโร มาณโว ปาราสิวิยเนฺตวาสี ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขโนฺธ อโธมุโข ปชฺฌายโนฺต อปฺปฎิภาโน นิสีทิฯ

    453. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā gajaṅgalāyaṃ 4 viharati suveḷuvane 5. Atha kho uttaro māṇavo pārāsiviyantevāsī 6 yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho uttaraṃ māṇavaṃ pārāsiviyantevāsiṃ bhagavā etadavoca – ‘‘deseti, uttara, pārāsiviyo brāhmaṇo sāvakānaṃ indriyabhāvana’’nti? ‘‘Deseti, bho gotama, pārāsiviyo brāhmaṇo sāvakānaṃ indriyabhāvana’’nti. ‘‘Yathā kathaṃ pana, uttara, deseti pārāsiviyo brāhmaṇo sāvakānaṃ indriyabhāvana’’nti? ‘‘Idha, bho gotama, cakkhunā rūpaṃ na passati, sotena saddaṃ na suṇāti – evaṃ kho, bho gotama, deseti pārāsiviyo brāhmaṇo sāvakānaṃ indriyabhāvana’’nti. ‘‘Evaṃ sante kho, uttara, andho bhāvitindriyo bhavissati, badhiro bhāvitindriyo bhavissati; yathā pārāsiviyassa brāhmaṇassa vacanaṃ. Andho hi, uttara, cakkhunā rūpaṃ na passati, badhiro sotena saddaṃ na suṇātī’’ti. Evaṃ vutte, uttaro māṇavo pārāsiviyantevāsī tuṇhībhūto maṅkubhūto pattakkhandho adhomukho pajjhāyanto appaṭibhāno nisīdi.

    อถ โข ภควา อุตฺตรํ มาณวํ ปาราสิวิยเนฺตวาสิํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฎิภานํ วิทิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อญฺญถา โข, อานนฺท, เทเสติ ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวนํ, อญฺญถา จ ปนานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โหตี’’ติฯ ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา อริยสฺส วินเย อนุตฺตรํ อินฺทฺริยภาวนํ เทเสยฺยฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตนหานนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –

    Atha kho bhagavā uttaraṃ māṇavaṃ pārāsiviyantevāsiṃ tuṇhībhūtaṃ maṅkubhūtaṃ pattakkhandhaṃ adhomukhaṃ pajjhāyantaṃ appaṭibhānaṃ viditvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘aññathā kho, ānanda, deseti pārāsiviyo brāhmaṇo sāvakānaṃ indriyabhāvanaṃ, aññathā ca panānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā hotī’’ti. ‘‘Etassa, bhagavā, kālo; etassa, sugata, kālo yaṃ bhagavā ariyassa vinaye anuttaraṃ indriyabhāvanaṃ deseyya. Bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tenahānanda, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –

    ๔๕๔. ‘‘กถญฺจานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ ฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ – อุเปกฺขา’ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, จกฺขุมา ปุริโส อุมฺมีเลตฺวา วา นิมีเลยฺย, นิมีเลตฺวา วา อุมฺมีเลยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฎํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ – อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา จกฺขุวิเญฺญเยฺยสุ รูเปสุฯ

    454. ‘‘Kathañcānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā hoti? Idhānanda, bhikkhuno cakkhunā rūpaṃ disvā uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So evaṃ pajānāti – ‘uppannaṃ kho me idaṃ manāpaṃ, uppannaṃ amanāpaṃ, uppannaṃ manāpāmanāpaṃ . Tañca kho saṅkhataṃ oḷārikaṃ paṭiccasamuppannaṃ. Etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ – upekkhā’ti. Tassa taṃ uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati; upekkhā saṇṭhāti. Seyyathāpi, ānanda, cakkhumā puriso ummīletvā vā nimīleyya, nimīletvā vā ummīleyya; evameva kho, ānanda, yassa kassaci evaṃsīghaṃ evaṃtuvaṭaṃ evaṃappakasirena uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati, upekkhā saṇṭhāti – ayaṃ vuccatānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā cakkhuviññeyyesu rūpesu.

    ๔๕๕. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน โสเตน สทฺทํ สุตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ – อุเปกฺขา’ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส อปฺปกสิเรเนว อจฺฉรํ 7 ปหเรยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฎํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ – อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โสตวิเญฺญเยฺยสุ สเทฺทสุฯ

    455. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno sotena saddaṃ sutvā uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So evaṃ pajānāti – ‘uppannaṃ kho me idaṃ manāpaṃ, uppannaṃ amanāpaṃ, uppannaṃ manāpāmanāpaṃ. Tañca kho saṅkhataṃ oḷārikaṃ paṭiccasamuppannaṃ. Etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ – upekkhā’ti. Tassa taṃ uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati; upekkhā saṇṭhāti. Seyyathāpi, ānanda, balavā puriso appakasireneva accharaṃ 8 pahareyya; evameva kho, ānanda, yassa kassaci evaṃsīghaṃ evaṃtuvaṭaṃ evaṃappakasirena uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati, upekkhā saṇṭhāti – ayaṃ vuccatānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā sotaviññeyyesu saddesu.

    ๔๕๖. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ – อุเปกฺขา’ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท , อีสกํโปเณ 9 ปทุมปลาเส 10 อุทกผุสิตานิ ปวตฺตนฺติ, น สณฺฐนฺติ; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฎํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ – อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา ฆานวิเญฺญเยฺยสุ คเนฺธสุฯ

    456. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno ghānena gandhaṃ ghāyitvā uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So evaṃ pajānāti – ‘uppannaṃ kho me idaṃ manāpaṃ, uppannaṃ amanāpaṃ, uppannaṃ manāpāmanāpaṃ. Tañca kho saṅkhataṃ oḷārikaṃ paṭiccasamuppannaṃ. Etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ – upekkhā’ti. Tassa taṃ uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati; upekkhā saṇṭhāti. Seyyathāpi, ānanda , īsakaṃpoṇe 11 padumapalāse 12 udakaphusitāni pavattanti, na saṇṭhanti; evameva kho, ānanda, yassa kassaci evaṃsīghaṃ evaṃtuvaṭaṃ evaṃappakasirena uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati, upekkhā saṇṭhāti – ayaṃ vuccatānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā ghānaviññeyyesu gandhesu.

    ๔๕๗. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ – อุเปกฺขา’ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติ ฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส ชิวฺหเคฺค เขฬปิณฺฑํ สํยูหิตฺวา อปฺปกสิเรน วเมยฺย 13; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฎํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ – อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยสุ รเสสุฯ

    457. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno jivhāya rasaṃ sāyitvā uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So evaṃ pajānāti – ‘uppannaṃ kho me idaṃ manāpaṃ, uppannaṃ amanāpaṃ, uppannaṃ manāpāmanāpaṃ. Tañca kho saṅkhataṃ oḷārikaṃ paṭiccasamuppannaṃ. Etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ – upekkhā’ti. Tassa taṃ uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati; upekkhā saṇṭhāti . Seyyathāpi, ānanda, balavā puriso jivhagge kheḷapiṇḍaṃ saṃyūhitvā appakasirena vameyya 14; evameva kho, ānanda, yassa kassaci evaṃsīghaṃ evaṃtuvaṭaṃ evaṃappakasirena uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati, upekkhā saṇṭhāti – ayaṃ vuccatānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā jivhāviññeyyesu rasesu.

    ๔๕๘. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ – อุเปกฺขา’ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฎํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ – อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา กายวิเญฺญเยฺยสุ โผฎฺฐเพฺพสุฯ

    458. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So evaṃ pajānāti – ‘uppannaṃ kho me idaṃ manāpaṃ, uppannaṃ amanāpaṃ, uppannaṃ manāpāmanāpaṃ. Tañca kho saṅkhataṃ oḷārikaṃ paṭiccasamuppannaṃ. Etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ – upekkhā’ti. Tassa taṃ uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati; upekkhā saṇṭhāti. Seyyathāpi, ānanda, balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya; evameva kho, ānanda, yassa kassaci evaṃsīghaṃ evaṃtuvaṭaṃ evaṃappakasirena uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati, upekkhā saṇṭhāti – ayaṃ vuccatānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā kāyaviññeyyesu phoṭṭhabbesu.

    ๔๕๙. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ – อุเปกฺขา’ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส ทิวสํสนฺตเตฺต 15 อโยกฎาเห เทฺว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานิ นิปาเตยฺยฯ ทโนฺธ, อานนฺท, อุทกผุสิตานํ นิปาโต, อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฎํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ – อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา มโนวิเญฺญเยฺยสุ ธเมฺมสุฯ เอวํ โข, อานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โหติฯ

    459. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno manasā dhammaṃ viññāya uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So evaṃ pajānāti – ‘uppannaṃ kho me idaṃ manāpaṃ, uppannaṃ amanāpaṃ, uppannaṃ manāpāmanāpaṃ. Tañca kho saṅkhataṃ oḷārikaṃ paṭiccasamuppannaṃ. Etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ – upekkhā’ti. Tassa taṃ uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati; upekkhā saṇṭhāti. Seyyathāpi, ānanda, balavā puriso divasaṃsantatte 16 ayokaṭāhe dve vā tīṇi vā udakaphusitāni nipāteyya. Dandho, ānanda, udakaphusitānaṃ nipāto, atha kho naṃ khippameva parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyya; evameva kho, ānanda, yassa kassaci evaṃsīghaṃ evaṃtuvaṭaṃ evaṃappakasirena uppannaṃ manāpaṃ uppannaṃ amanāpaṃ uppannaṃ manāpāmanāpaṃ nirujjhati, upekkhā saṇṭhāti – ayaṃ vuccatānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā manoviññeyyesu dhammesu. Evaṃ kho, ānanda, ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā hoti.

    ๔๖๐. ‘‘กถญฺจานนฺท , เสโข โหติ ปาฎิปโท? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เตน อุปฺปเนฺนน มนาเปน อุปฺปเนฺนน อมนาเปน อุปฺปเนฺนน มนาปามนาเปน อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…, ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เตน อุปฺปเนฺนน มนาเปน อุปฺปเนฺนน อมนาเปน อุปฺปเนฺนน มนาปามนาเปน อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ เอวํ โข, อานนฺท, เสโข โหติ ปาฎิปโทฯ

    460. ‘‘Kathañcānanda , sekho hoti pāṭipado? Idhānanda, bhikkhuno cakkhunā rūpaṃ disvā uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So tena uppannena manāpena uppannena amanāpena uppannena manāpāmanāpena aṭṭīyati harāyati jigucchati. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā…, jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So tena uppannena manāpena uppannena amanāpena uppannena manāpāmanāpena aṭṭīyati harāyati jigucchati. Evaṃ kho, ānanda, sekho hoti pāṭipado.

    ๔๖๑. ‘‘กถญฺจานนฺท, อริโย โหติ ภาวิตินฺทฺริโย? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูเล 17 อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘อปฺปฎิกูเล ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘อปฺปฎิกูเล จ ปฎิกูเล จ ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูลญฺจ อปฺปฎิกูลญฺจ ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน’ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ

    461. ‘‘Kathañcānanda, ariyo hoti bhāvitindriyo? Idhānanda, bhikkhuno cakkhunā rūpaṃ disvā uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So sace ākaṅkhati – ‘paṭikūle 18 appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, appaṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘appaṭikūle paṭikūlasaññī vihareyya’nti, paṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘paṭikūle ca appaṭikūle ca appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, appaṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘appaṭikūle ca paṭikūle ca paṭikūlasaññī vihareyya’nti, paṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘paṭikūlañca appaṭikūlañca tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhako vihareyyaṃ sato sampajāno’ti, upekkhako tattha viharati sato sampajāno.

    ๔๖๒. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูเล อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘อปฺปฎิกูเล ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘อปฺปฎิกูเล จ ปฎิกูเล จ ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูลญฺจ อปฺปฎิกูลญฺจ ตทุภยมฺปฺมฺปฺปิ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน’ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ เอวํ โข, อานนฺท, อริโย โหติ ภาวิตินฺทฺริโยฯ

    462. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya uppajjati manāpaṃ, uppajjati amanāpaṃ, uppajjati manāpāmanāpaṃ. So sace ākaṅkhati – ‘paṭikūle appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, appaṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘appaṭikūle paṭikūlasaññī vihareyya’nti, paṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘paṭikūle ca appaṭikūle ca appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, appaṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘appaṭikūle ca paṭikūle ca paṭikūlasaññī vihareyya’nti, paṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘paṭikūlañca appaṭikūlañca tadubhayampmppi abhinivajjetvā upekkhako vihareyyaṃ sato sampajāno’ti, upekkhako tattha viharati sato sampajāno. Evaṃ kho, ānanda, ariyo hoti bhāvitindriyo.

    ๔๖๓. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, เทสิตา มยา อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา, เทสิโต เสโข ปาฎิปโท, เทสิโต อริโย ภาวิตินฺทฺริโย ฯ ยํ โข, อานนฺท, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยาฯ เอตานิ, อานนฺท, รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สุญฺญาคารานิ, ฌายถานนฺท, มา ปมาทตฺถ, มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถฯ อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติฯ

    463. ‘‘Iti kho, ānanda, desitā mayā ariyassa vinaye anuttarā indriyabhāvanā, desito sekho pāṭipado, desito ariyo bhāvitindriyo . Yaṃ kho, ānanda, satthārā karaṇīyaṃ sāvakānaṃ hitesinā anukampakena anukampaṃ upādāya, kataṃ vo taṃ mayā. Etāni, ānanda, rukkhamūlāni, etāni suññāgārāni, jhāyathānanda, mā pamādattha, mā pacchā vippaṭisārino ahuvattha. Ayaṃ vo amhākaṃ anusāsanī’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.

    อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ

    Indriyabhāvanāsuttaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.

    สฬายตนวโคฺค นิฎฺฐิโต ปญฺจโมฯ

    Saḷāyatanavaggo niṭṭhito pañcamo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    อนาถปิณฺฑิโก ฉโนฺน, ปุโณฺณ นนฺทกราหุลา;

    Anāthapiṇḍiko channo, puṇṇo nandakarāhulā;

    ฉฉกฺกํ สฬายตนิกํ, นครวิเนฺทยฺยสุทฺธิกา;

    Chachakkaṃ saḷāyatanikaṃ, nagaravindeyyasuddhikā;

    อินฺทฺริยภาวนา จาปิ, วโคฺค โอวาทปญฺจโมติฯ

    Indriyabhāvanā cāpi, vaggo ovādapañcamoti.

    อิทํ วคฺคานมุทฺทานํ –

    Idaṃ vaggānamuddānaṃ –

    เทวทโหนุปโท จ, สุญฺญโต จ วิภงฺคโก;

    Devadahonupado ca, suññato ca vibhaṅgako;

    สฬายตโนติ วคฺคา, อุปริปณฺณาสเก ฐิตาติฯ

    Saḷāyatanoti vaggā, uparipaṇṇāsake ṭhitāti.

    อุปริปณฺณาสกํ สมตฺตํฯ

    Uparipaṇṇāsakaṃ samattaṃ.

    ตีหิ ปณฺณาสเกหิ ปฎิมณฺฑิโต สกโล

    Tīhi paṇṇāsakehi paṭimaṇḍito sakalo

    มชฺฌิมนิกาโย สมโตฺตฯ

    Majjhimanikāyo samatto.




    Footnotes:
    1. กชงฺคลายํ (สี. ปี.), กชฺชงฺคลายํ (สฺยา. กํ.)
    2. เวฬุวเน (สฺยา. กํ.), มุเขลุวเน (สี. ปี.)
    3. ปาราสริยเนฺตวาสี (สี. ปี.), ปาราสิริยเนฺตวาสี (สฺยา. กํ.)
    4. kajaṅgalāyaṃ (sī. pī.), kajjaṅgalāyaṃ (syā. kaṃ.)
    5. veḷuvane (syā. kaṃ.), mukheluvane (sī. pī.)
    6. pārāsariyantevāsī (sī. pī.), pārāsiriyantevāsī (syā. kaṃ.)
    7. อจฺฉริกํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    8. accharikaṃ (syā. kaṃ. pī. ka.)
    9. อีสกโปเณ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อีสกผเณ (สี. อฎฺฐ.), ‘‘มเชฺฌ อุจฺจํ หุตฺวา’’ติ ฎีกาย สํสนฺทิตพฺพา
    10. ปทุมินิปเตฺต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    11. īsakapoṇe (sī. syā. kaṃ. pī.), īsakaphaṇe (sī. aṭṭha.), ‘‘majjhe uccaṃ hutvā’’ti ṭīkāya saṃsanditabbā
    12. paduminipatte (sī. syā. kaṃ. pī.)
    13. สนฺธเมยฺย (ก.)
    14. sandhameyya (ka.)
    15. ทิวสสเนฺตเตฺต (สี.)
    16. divasasantette (sī.)
    17. ปฎิกฺกูเล (สพฺพตฺถ)
    18. paṭikkūle (sabbattha)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตวณฺณนา • 10. Indriyabhāvanāsuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตวณฺณนา • 10. Indriyabhāvanāsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact