Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    อินฺทฺริยราสิวณฺณนา

    Indriyarāsivaṇṇanā

    ตตฺถาติ สทฺทหนสงฺขาเต อธิโมกฺขลกฺขเณฯ ปุคฺคโล สทฺทหตีติ อิมินาปิ สทฺธาย อาหิตวิเสสานํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานํ สทฺทหนกิริยาย กตฺตุภาวเมว วิภาเวติฯ อวยวพฺยาปาโร หิ สมุทาเย โวหรียตีติฯ น เกวลํ ปสาทนียวตฺถุสฺมิํ อปฺปสาทนาการปฺปวตฺตเมว อกุสลํ อสฺสทฺธิยํ, อถ โข อปฺปสาทนียวตฺถุสฺมิํ ปสาทนาการปฺปวตฺตมฺปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘มิจฺฉาธิโมโกฺข’’ติ วุตฺตํฯ เตน ปูรณาทีสุ ปสาทสฺส อสฺสทฺธิยตมาหฯ ปสาทภูโตติ เอเตน อปฺปสาทภูตํ อสฺสทฺธิยํ นิวเตฺตติฯ วตฺถุคโตติ อิมินา มิจฺฉาธิโมกฺขํฯ ‘‘ปสาทภูโต นิจฺฉโย’’ติ อิมินา ปน วิภาวิตเมวตฺถํ ปากฎํ กโรโนฺต ‘‘น เยวาปนกาธิโมโกฺข’’ติ อาหฯ อกาลุสฺสิยํ ปสาโท, ตํ ปน อสโงฺขภภาวโต ‘‘อนาวิลภาโว’’ติ วุตฺตํฯ ตญฺหิ สมฺปยุเตฺตสุ วิทหนฺตี สทฺธา อกาลุสฺสิยปจฺจุปฎฺฐานาฯ เอวเมตนฺติ อธิมุจฺจนากาเรน ปน คเหตพฺพตฺตา อธิมุตฺติปจฺจุปฎฺฐานาฯ พุทฺธาทิวตฺถูนีติ เอตฺถ อิธโลกปรโลกกมฺมผลสมฺพนฺธาปิ สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘สทฺธาหโตฺถ, มหานาม, อริยสาวโก’’ติ, ‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฎฺฐ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔), ‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฎฺฐี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๗; สุ. นิ. ๗๗) เอวมาทิวจนโต กุสลธมฺมานํ อาทานาทีสุ หตฺถาทโย วิย สทฺธา ทฎฺฐพฺพาฯ

    Tatthāti saddahanasaṅkhāte adhimokkhalakkhaṇe. Puggalo saddahatīti imināpi saddhāya āhitavisesānaṃ taṃsampayuttadhammānaṃ saddahanakiriyāya kattubhāvameva vibhāveti. Avayavabyāpāro hi samudāye voharīyatīti. Na kevalaṃ pasādanīyavatthusmiṃ appasādanākārappavattameva akusalaṃ assaddhiyaṃ, atha kho appasādanīyavatthusmiṃ pasādanākārappavattampīti dassetuṃ ‘‘micchādhimokkho’’ti vuttaṃ. Tena pūraṇādīsu pasādassa assaddhiyatamāha. Pasādabhūtoti etena appasādabhūtaṃ assaddhiyaṃ nivatteti. Vatthugatoti iminā micchādhimokkhaṃ. ‘‘Pasādabhūto nicchayo’’ti iminā pana vibhāvitamevatthaṃ pākaṭaṃ karonto ‘‘na yevāpanakādhimokkho’’ti āha. Akālussiyaṃ pasādo, taṃ pana asaṅkhobhabhāvato ‘‘anāvilabhāvo’’ti vuttaṃ. Tañhi sampayuttesu vidahantī saddhā akālussiyapaccupaṭṭhānā. Evametanti adhimuccanākārena pana gahetabbattā adhimuttipaccupaṭṭhānā. Buddhādivatthūnīti ettha idhalokaparalokakammaphalasambandhāpi saṅgahitāti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Saddhāhattho, mahānāma, ariyasāvako’’ti, ‘‘saddhīdha vittaṃ purisassa seṭṭha’’nti (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 184), ‘‘saddhā bījaṃ tapo vuṭṭhī’’ti (saṃ. ni. 1.197; su. ni. 77) evamādivacanato kusaladhammānaṃ ādānādīsu hatthādayo viya saddhā daṭṭhabbā.

    ‘‘อิธ ภิกฺขุนา กมฺมํ กตฺตพฺพํ โหติฯ ตสฺส เอวํ โหติ ‘กมฺมํ โข เม กตฺตพฺพํ ภวิสฺสติ, กมฺมํ โข ปน เม กโรนฺตสฺส น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๕) –

    ‘‘Idha bhikkhunā kammaṃ kattabbaṃ hoti. Tassa evaṃ hoti ‘kammaṃ kho me kattabbaṃ bhavissati, kammaṃ kho pana me karontassa na sukaraṃ buddhānaṃ sāsanaṃ manasi kātuṃ, handāhaṃ vīriyaṃ ārabhāmi appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāyā’’’ti (dī. ni. 3.335) –

    อาทิกา อนุรูปปจฺจเวกฺขณาฯ

    Ādikā anurūpapaccavekkhaṇā.

    ตํมูลกานีติ คนฺตพฺพมคฺคาทิมูลกานิฯ เอตฺถ จ มโคฺค คนฺตโพฺพ โหตีติอาทโย อฎฺฐกถายํ ทสฺสนวเสเนว วุตฺตา, น ปาฬิยํ อาคตานุกฺกเมนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Taṃmūlakānīti gantabbamaggādimūlakāni. Ettha ca maggo gantabbo hotītiādayo aṭṭhakathāyaṃ dassanavaseneva vuttā, na pāḷiyaṃ āgatānukkamenāti daṭṭhabbaṃ.

    กรณาทิกาเล วิย จิรกตาทิอารมฺมณํ วิภูตํ กตฺวา ปวตฺตนฺตี สติ ตํ อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐนฺตี อนิสฺสชฺชนฺตี จ โหติฯ ยํ อารมฺมณํ สมฺมุฎฺฐํ, ตํ ปิลวิตฺวา คตํ วิย จลิตํ วิย จ โหติ, ตปฺปฎิปกฺขภาเวน ปน อสมฺมุฎฺฐนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุทเก อลาพุ วิยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สารณนฺติ เอเตน ‘‘สรนฺติ ตายา’’ติ อิมเมวตฺถํ วิภาเวติฯ สรณกิริยาย หิ ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อาธิปจฺจภาเวน สติ ปจฺจโยฯ ตสฺสา หิ ตถา ปจฺจยภาเว สติ เต ธมฺมา สาริตา อสมฺมุฎฺฐกตา อปิลาวิตาโหนฺตีติฯ ‘‘อิเมหิ นาม เหตูหิ ปจฺจเยหิ จ เอเต ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ สมฺภวโตฯ ‘‘อิมํ นาม ผลํ นิพฺพเตฺตนฺตี’’ติ ผลโต ธมฺมา อุปฺปชฺชเนน วิปจฺจเนน จ นิปฺผนฺนา นาม โหนฺตีติฯ วตฺถุภูตาติ อารมฺมณภูตาฯ

    Karaṇādikāle viya cirakatādiārammaṇaṃ vibhūtaṃ katvā pavattantī sati taṃ upagantvā tiṭṭhantī anissajjantī ca hoti. Yaṃ ārammaṇaṃ sammuṭṭhaṃ, taṃ pilavitvā gataṃ viya calitaṃ viya ca hoti, tappaṭipakkhabhāvena pana asammuṭṭhanti imamatthaṃ dassento ‘‘udake alābu viyā’’tiādimāha. Tattha sāraṇanti etena ‘‘saranti tāyā’’ti imamevatthaṃ vibhāveti. Saraṇakiriyāya hi pavattamānānaṃ dhammānaṃ tattha ādhipaccabhāvena sati paccayo. Tassā hi tathā paccayabhāve sati te dhammā sāritā asammuṭṭhakatā apilāvitāhontīti. ‘‘Imehi nāma hetūhi paccayehi ca ete dhammā sambhavantī’’ti sambhavato. ‘‘Imaṃ nāma phalaṃ nibbattentī’’ti phalato dhammā uppajjanena vipaccanena ca nipphannā nāma hontīti. Vatthubhūtāti ārammaṇabhūtā.

    สติปิ สเพฺพสํ สารมฺมณธมฺมานํ อารมฺมณคฺคหเณ น จิตฺตํ วิย ปเร ปริจฺฉิชฺชคาหิโนติ ‘‘ปริจฺฉิโนฺนปลทฺธิวเสน ชานาตี’’ติ จิตฺตํ วุตฺตํฯ เจตสิเกสุ หิ เกจิ วิสยํ ปริจฺฉิชฺช คเหตุํ น สโกฺกนฺติ, เกจิ ปน ปริเจฺฉทมเตฺตเยว ติฎฺฐนฺติ, น วิญฺญาณํ วิย วิสยํ คณฺหนฺตีติ เย อาสงฺกิตพฺพา, เตสุ ตทภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น สญฺญา…เป.… วิชฺฌนวเสนา’’ติ อาหฯ

    Satipi sabbesaṃ sārammaṇadhammānaṃ ārammaṇaggahaṇe na cittaṃ viya pare paricchijjagāhinoti ‘‘paricchinnopaladdhivasena jānātī’’ti cittaṃ vuttaṃ. Cetasikesu hi keci visayaṃ paricchijja gahetuṃ na sakkonti, keci pana paricchedamatteyeva tiṭṭhanti, na viññāṇaṃ viya visayaṃ gaṇhantīti ye āsaṅkitabbā, tesu tadabhāvaṃ dassento ‘‘na saññā…pe… vijjhanavasenā’’ti āha.

    ปีติยา จ โสมนสฺสภาโว อาปชฺชตีติ อิทํ ปีติ จ โสมนสฺสญฺจ ปีติโสมนสฺสนฺติ ปีติโสมนสฺสานํ ตุลฺยโยคํ สนฺธาย วุตฺตํฯ โสมนสฺสเสฺสว ปน ‘‘อาชญฺญรโถ’’ติ วิย ปีติยุตฺตํ โสมนสฺสํ ปีติโสมนสฺสนฺติ ปธานภาโว อิจฺฉิโตติ น ปีติยา โสมนสฺสภาวปฺปตฺติฯ น หิ ปธาเน วิชฺชมาเน อปฺปธานํ อุปยุชฺชติ, ปีติคฺคหณเญฺจตฺถ ปีติยุตฺตสฺส โสมนสฺสสฺส เยภุเยฺยน ภาวโต ปริพฺยตฺตกิจฺจโต จ กตํ, น จ นิปฺปีติกโสมนสฺสสฺส อสงฺคโหฯ รุฬฺหีสเทฺทสุ กิริยาย อนจฺจนฺติกภาวโตฯ ปีติยา ปน อุปลกฺขณภาเวน อยมโตฺถ สุฎฺฐุ ยุชฺชตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปีติอุปลกฺขิตํ วา’’ติอาทิฯ

    Pītiyā ca somanassabhāvo āpajjatīti idaṃ pīti ca somanassañca pītisomanassanti pītisomanassānaṃ tulyayogaṃ sandhāya vuttaṃ. Somanassasseva pana ‘‘ājaññaratho’’ti viya pītiyuttaṃ somanassaṃ pītisomanassanti padhānabhāvo icchitoti na pītiyā somanassabhāvappatti. Na hi padhāne vijjamāne appadhānaṃ upayujjati, pītiggahaṇañcettha pītiyuttassa somanassassa yebhuyyena bhāvato paribyattakiccato ca kataṃ, na ca nippītikasomanassassa asaṅgaho. Ruḷhīsaddesu kiriyāya anaccantikabhāvato. Pītiyā pana upalakkhaṇabhāvena ayamattho suṭṭhu yujjatīti dassento āha ‘‘pītiupalakkhitaṃ vā’’tiādi.

    ปวตฺตํ อุปาทินฺนกฺขนฺธํฯ จิรฎฺฐิติกํ โหตีติ เอเตน น เกวลํ อนุปาเลตพฺพธมฺมานํ ขณฎฺฐิติยาเยว, อถ โข ปพนฺธานุปเจฺฉทสฺสปิ ชีวิตํ การณนฺติ ทเสฺสติฯ อญฺญถา หิ อายุกฺขยมรณํ น ยุเชฺชยฺยาติฯ อวิเสเสนาติ การณวิเสสานเปเกฺขน ชีวิตินฺทฺริยตาสามเญฺญนฯ ยทิปิ อรูปาสญฺญภเวสุ รูปารูปธมฺมา นปฺปวตฺตนฺติ, เตหิ ปน ปุริมปจฺฉิมภเวสุ จริมปฐมธมฺมา สมานชาติเยน อพฺยวหิตตาย นิรนฺตราเยว นาม โหนฺตีติ ‘‘ยาว ปรินิพฺพานํ อวิจฺฉินฺนํ ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตํฯ อนุปาลนาทิกสฺสาติ อนุปาลนปวตฺตนฎฺฐปนานิเยว วทติฯ ชีวมานวิเสสปฺปจฺจยภาวโตติ สหชาตานํ ชีวมานตาวิเสสสฺส ปจฺจยภาวโตฯ อินฺทฺริยพทฺธสฺส หิ มตรูปโต กมฺมชสฺส จ อุตุชาทิโต วิเสโส ชีวิตินฺทฺริยกโตติฯ

    Pavattaṃ upādinnakkhandhaṃ. Ciraṭṭhitikaṃ hotīti etena na kevalaṃ anupāletabbadhammānaṃ khaṇaṭṭhitiyāyeva, atha kho pabandhānupacchedassapi jīvitaṃ kāraṇanti dasseti. Aññathā hi āyukkhayamaraṇaṃ na yujjeyyāti. Avisesenāti kāraṇavisesānapekkhena jīvitindriyatāsāmaññena. Yadipi arūpāsaññabhavesu rūpārūpadhammā nappavattanti, tehi pana purimapacchimabhavesu carimapaṭhamadhammā samānajātiyena abyavahitatāya nirantarāyeva nāma hontīti ‘‘yāva parinibbānaṃ avicchinnaṃ pavattatī’’ti vuttaṃ. Anupālanādikassāti anupālanapavattanaṭṭhapanāniyeva vadati. Jīvamānavisesappaccayabhāvatoti sahajātānaṃ jīvamānatāvisesassa paccayabhāvato. Indriyabaddhassa hi matarūpato kammajassa ca utujādito viseso jīvitindriyakatoti.







    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / อินฺทฺริยราสิวณฺณนา • Indriyarāsivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact