Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā

    ๕. อินฺทฺริยวิภโงฺค

    5. Indriyavibhaṅgo

    ๑. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา

    1. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ๒๑๙. จกฺขุทฺวาเร อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติ จกฺขุทฺวารภาเว ตํทฺวาริเกหิ อตฺตโน อินฺทภาวํ ปรมิสฺสรภาวํ การยตีติ อโตฺถฯ ตญฺหิ เต รูปคฺคหเณ อตฺตานํ อนุวเตฺตติ, เต จ ตํ อนุวตฺตนฺตีติฯ เอส นโย อิตเรสุปิฯ เยน ตํสมงฺคีปุคฺคโล ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา วา อญฺญาตาวิโน โหนฺติ, โส อญฺญาตาวิภาโว ปรินิฎฺฐิตกิจฺจชานนํฯ

    219. Cakkhudvāreindaṭṭhaṃ kāretīti cakkhudvārabhāve taṃdvārikehi attano indabhāvaṃ paramissarabhāvaṃ kārayatīti attho. Tañhi te rūpaggahaṇe attānaṃ anuvatteti, te ca taṃ anuvattantīti. Esa nayo itaresupi. Yena taṃsamaṅgīpuggalo taṃsampayuttadhammā vā aññātāvino honti, so aññātāvibhāvo pariniṭṭhitakiccajānanaṃ.

    กตฺถจิ เทฺวติ ‘‘ทฺวินฺนํ โข, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ขีณาสโว ภิกฺขุ อญฺญํ พฺยากโรติ…เป.… อริยาย จ ปญฺญาย อริยาย จ วิมุตฺติยาฯ ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, อริยา ปญฺญา, ตทสฺส ปญฺญินฺทฺริยํฯ ยา หิสฺส อริยา วิมุตฺติ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริย’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๕๑๖) เทฺว, ‘‘ติณฺณํ โข, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ปิโณฺฑลภารทฺวาเชน ภิกฺขุนา อญฺญา พฺยากตา…เป.… สตินฺทฺริยสฺส สมาธินฺทฺริยสฺส ปญฺญินฺทฺริยสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๙), ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิฯ กตมานิ ตีณิ? อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ อญฺญินฺทฺริยํ อญฺญาตาวินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๓), ‘‘ตีณิมานิ…เป.… อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๒) จ เอวมาทีสุ ตีณิ, ‘‘ปญฺจิมานิ, พฺราหฺมณ, อินฺทฺริยานิ นานาวิสยานิ…เป.… จกฺขุนฺทฺริยํ…เป.… กายินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๒), ‘‘ปญฺจิ…เป.… สุขินฺทฺริยํ…เป.… อุเปกฺขินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๐๑ อาทโย), ‘‘ปญฺจิ…เป.… สทฺธินฺทฺริยํ…เป.… ปญฺญินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๘๖ อาทโย) จ เอวมาทีสุ ปญฺจฯ ตตฺถ สุตฺตเนฺต ทุกาทิวจนํ นิสฺสรณุปายาทิภาวโต ทุกาทีนํฯ สพฺพานิ ปน อินฺทฺริยานิ อภิเญฺญยฺยานิ, อภิเญฺญยฺยธมฺมเทสนา จ อภิธโมฺมติ อิธ สพฺพานิ เอกโต วุตฺตานิฯ

    Katthaci dveti ‘‘dvinnaṃ kho, bhikkhave, indriyānaṃ bhāvitattā bahulīkatattā khīṇāsavo bhikkhu aññaṃ byākaroti…pe… ariyāya ca paññāya ariyāya ca vimuttiyā. Yā hissa, bhikkhave, ariyā paññā, tadassa paññindriyaṃ. Yā hissa ariyā vimutti, tadassa samādhindriya’’ntiādīsu (saṃ. ni. 5.516) dve, ‘‘tiṇṇaṃ kho, bhikkhave, indriyānaṃ bhāvitattā bahulīkatattā piṇḍolabhāradvājena bhikkhunā aññā byākatā…pe… satindriyassa samādhindriyassa paññindriyassā’’ti (saṃ. ni. 5.519), ‘‘tīṇimāni, bhikkhave, indriyāni. Katamāni tīṇi? Anaññātaññassāmītindriyaṃ aññindriyaṃ aññātāvindriya’’nti (saṃ. ni. 5.493), ‘‘tīṇimāni…pe… itthindriyaṃ purisindriyaṃ jīvitindriya’’nti (saṃ. ni. 5.492) ca evamādīsu tīṇi, ‘‘pañcimāni, brāhmaṇa, indriyāni nānāvisayāni…pe… cakkhundriyaṃ…pe… kāyindriya’’nti (saṃ. ni. 5.512), ‘‘pañci…pe… sukhindriyaṃ…pe… upekkhindriya’’nti (saṃ. ni. 5.501 ādayo), ‘‘pañci…pe… saddhindriyaṃ…pe… paññindriya’’nti (saṃ. ni. 5.486 ādayo) ca evamādīsu pañca. Tattha suttante dukādivacanaṃ nissaraṇupāyādibhāvato dukādīnaṃ. Sabbāni pana indriyāni abhiññeyyāni, abhiññeyyadhammadesanā ca abhidhammoti idha sabbāni ekato vuttāni.

    ขีณาสวสฺส ภาวภูโต หุตฺวา อุปฺปตฺติโต ‘‘ขีณาสวเสฺสว อุปฺปชฺชนโต’’ติ วุตฺตํฯ

    Khīṇāsavassa bhāvabhūto hutvā uppattito ‘‘khīṇāsavasseva uppajjanato’’ti vuttaṃ.

    ลิเงฺคติ คเมติ ญาเปตีติ ลิงฺคํ, ลิงฺคียติ วา เอเตนาติ ลิงฺคํ, กิํ ลิเงฺคติ, กิญฺจ วา ลิงฺคียตีติ? อินฺทํ อิโนฺท วา, อินฺทสฺส ลิงฺคํ อินฺทลิงฺคํ, อินฺทลิงฺคสฺส อโตฺถ ตํสภาโว อินฺทลิงฺคโฎฺฐ, อินฺทลิงฺคเมว วา อินฺทฺริย-สทฺทสฺส อโตฺถ อินฺทลิงฺคโฎฺฐฯ สชฺชิตํ อุปฺปาทิตนฺติ สิฎฺฐํ, อิเนฺทน สิฎฺฐํ อินฺทสิฎฺฐํชุฎฺฐํ เสวิตํฯ กมฺมสงฺขาตสฺส อินฺทสฺส ลิงฺคานิ, เตน จ สิฎฺฐานีติ กมฺมชาเนว โยเชตพฺพานิ, น อญฺญานิฯ เต จ เทฺว อตฺถา กเมฺม เอว โยเชตพฺพา, อิตเร จ ภควติ เอวาติ ‘‘ยถาโยค’’นฺติ อาหฯ เตนาติ ภควโต กมฺมสฺส จ อินฺทตฺตาฯ เอตฺถาติ เอเตสุ อินฺทฺริเยสุฯ อุลฺลิเงฺคนฺติ ปกาเสนฺติ ผลสมฺปตฺติวิปตฺตีหิ การณสมฺปตฺติวิปตฺติอวโพธโตฯ ‘‘โส ตํ นิมิตฺตํ อาเสวตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๓๕) โคจรกรณมฺปิ อาเสวนาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘กานิจิ โคจราเสวนายา’’ติฯ ตตฺถ สเพฺพสํ โคจรีกาตพฺพเตฺตปิ ‘‘กานิจี’’ติ วจนํ อวิปสฺสิตพฺพานํ พหุลีมนสิกรเณน อนาเสวนียตฺตาฯ ปจฺจเวกฺขณามตฺตเมว หิ เตสุ โหตีติฯ ‘‘ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๗๐) ภาวนา ‘‘อาเสวนา’’ติ วุตฺตาติ ภาเวตพฺพานิ สทฺธาทีนิ สนฺธายาห ‘‘กานิจิ ภาวนาเสวนายา’’ติฯ อาธิปจฺจํ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว, อสติ จ อินฺทฺริยปจฺจยภาเว อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ อตฺตโน ปจฺจยวเสน ปวตฺตมาเนหิ ตํสหิตสนฺตาเน อญฺญากาเรน อนุปฺปชฺชมาเนหิ ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียภาโว, อิมสฺมิญฺจเตฺถ อินฺทนฺติ ปรมิสฺสริยํ กโรนฺติเจฺจว อินฺทฺริยานิฯ จกฺขาทีสุ ทสฺสิเตน นเยน อเญฺญสญฺจ ตทนุวตฺตีสุ อาธิปจฺจํ ยถารหํ โยเชตพฺพํฯ

    Liṅgeti gameti ñāpetīti liṅgaṃ, liṅgīyati vā etenāti liṅgaṃ, kiṃ liṅgeti, kiñca vā liṅgīyatīti? Indaṃ indo vā, indassa liṅgaṃ indaliṅgaṃ, indaliṅgassa attho taṃsabhāvo indaliṅgaṭṭho, indaliṅgameva vā indriya-saddassa attho indaliṅgaṭṭho. Sajjitaṃ uppāditanti siṭṭhaṃ, indena siṭṭhaṃ indasiṭṭhaṃ. Juṭṭhaṃ sevitaṃ. Kammasaṅkhātassa indassa liṅgāni, tena ca siṭṭhānīti kammajāneva yojetabbāni, na aññāni. Te ca dve atthā kamme eva yojetabbā, itare ca bhagavati evāti ‘‘yathāyoga’’nti āha. Tenāti bhagavato kammassa ca indattā. Etthāti etesu indriyesu. Ulliṅgenti pakāsenti phalasampattivipattīhi kāraṇasampattivipattiavabodhato. ‘‘So taṃ nimittaṃ āsevatī’’tiādīsu (a. ni. 9.35) gocarakaraṇampi āsevanāti vuttāti āha ‘‘kānici gocarāsevanāyā’’ti. Tattha sabbesaṃ gocarīkātabbattepi ‘‘kānicī’’ti vacanaṃ avipassitabbānaṃ bahulīmanasikaraṇena anāsevanīyattā. Paccavekkhaṇāmattameva hi tesu hotīti. ‘‘Tassa taṃ maggaṃ āsevato’’tiādīsu (a. ni. 4.170) bhāvanā ‘‘āsevanā’’ti vuttāti bhāvetabbāni saddhādīni sandhāyāha ‘‘kānici bhāvanāsevanāyā’’ti. Ādhipaccaṃ indriyapaccayabhāvo, asati ca indriyapaccayabhāve itthipurisindriyānaṃ attano paccayavasena pavattamānehi taṃsahitasantāne aññākārena anuppajjamānehi liṅgādīhi anuvattanīyabhāvo, imasmiñcatthe indanti paramissariyaṃ karonticceva indriyāni. Cakkhādīsu dassitena nayena aññesañca tadanuvattīsu ādhipaccaṃ yathārahaṃ yojetabbaṃ.

    เหฎฺฐาติ อฎฺฐสาลินิยํฯ อโมโห เอว, น วิสุํ จตฺตาโร ธมฺมา, ตสฺมา อโมหสฺส ปญฺญินฺทฺริยปเท วิภาวิตานิ ลกฺขณาทีนิ เตสญฺจ เวทิตพฺพานีติ อธิปฺปาโยฯ เสสานิ อฎฺฐสาลินิยํ ลกฺขณาทีหิ สรูเปเนว อาคตานิฯ นนุ จ สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยานํ ตตฺถ ลกฺขณาทีนิ น วุตฺตานีติ? กิญฺจาปิ น วุตฺตานิ, โสมนสฺสโทมนสฺสินฺทฺริยานํ ปน วุตฺตลกฺขณาทิวเสน วิเญฺญยฺยโต เอเตสมฺปิ วุตฺตาเนว โหนฺติฯ กถํ? อิฎฺฐโผฎฺฐพฺพานุภวนลกฺขณํ สุขินฺทฺริยํ, อิฎฺฐาการสโมฺภครสํ, กายิกสฺสาทปจฺจุปฎฺฐานํ, กายินฺทฺริยปทฎฺฐานํ ฯ อนิฎฺฐโผฎฺฐพฺพานุภวนลกฺขณํ ทุกฺขินฺทฺริยํ, อนิฎฺฐาการสโมฺภครสํ, กายิกาพาธปจฺจุปฎฺฐานํ, กายินฺทฺริยปทฎฺฐานนฺติฯ เอตฺถ จ อิฎฺฐานิฎฺฐาการานเมว อารมฺมณานํ สโมฺภครสตา เวทิตพฺพา, น วิปรีเตปิ อิฎฺฐากาเรน อนิฎฺฐากาเรน จ สโมฺภครสตาติฯ

    Heṭṭhāti aṭṭhasāliniyaṃ. Amoho eva, na visuṃ cattāro dhammā, tasmā amohassa paññindriyapade vibhāvitāni lakkhaṇādīni tesañca veditabbānīti adhippāyo. Sesāni aṭṭhasāliniyaṃ lakkhaṇādīhi sarūpeneva āgatāni. Nanu ca sukhindriyadukkhindriyānaṃ tattha lakkhaṇādīni na vuttānīti? Kiñcāpi na vuttāni, somanassadomanassindriyānaṃ pana vuttalakkhaṇādivasena viññeyyato etesampi vuttāneva honti. Kathaṃ? Iṭṭhaphoṭṭhabbānubhavanalakkhaṇaṃ sukhindriyaṃ, iṭṭhākārasambhogarasaṃ, kāyikassādapaccupaṭṭhānaṃ, kāyindriyapadaṭṭhānaṃ . Aniṭṭhaphoṭṭhabbānubhavanalakkhaṇaṃ dukkhindriyaṃ, aniṭṭhākārasambhogarasaṃ, kāyikābādhapaccupaṭṭhānaṃ, kāyindriyapadaṭṭhānanti. Ettha ca iṭṭhāniṭṭhākārānameva ārammaṇānaṃ sambhogarasatā veditabbā, na viparītepi iṭṭhākārena aniṭṭhākārena ca sambhogarasatāti.

    สตฺตานํ อริยภูมิปฎิลาโภ ภควโต เทสนาย สาธารณํ ปธานญฺจ ปโยชนนฺติ อาห ‘‘อชฺฌตฺตธมฺมํ ปริญฺญายา’’ติอาทิฯ อฎฺฐกถายํ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ ชีวิตินฺทฺริยเทสนกฺกโม วุโตฺต, โส อินฺทฺริยยมกเทสนาย สเมติฯ อิธ ปน อินฺทฺริยวิภเงฺค มนินฺทฺริยานนฺตรํ ชีวิตินฺทฺริยํ วุตฺตํ, ตํ ปุริมปจฺฉิมานํ อชฺฌตฺติกพาหิรานํ อนุปาลกเตฺตน เตสํ มเชฺฌ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยญฺจ กิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขํฯ ยาว จ ทุวิธตฺตภาวานุปาลกสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปวตฺติ, ตาว ทุกฺขภูตานํ เอเตสํ เวทยิตานํ อนิวตฺตีติ ญาปนตฺถํฯ เตน จ จกฺขาทีนํ ทุกฺขานุพนฺธตาย ปริเญฺญยฺยตํ ญาเปติฯ ตโต อนนฺตรํ ภาเวตพฺพตฺตาติ ภาวนามคฺคสมฺปยุตฺตํ อญฺญินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ทสฺสนานนฺตรา หิ ภาวนาติฯ

    Sattānaṃ ariyabhūmipaṭilābho bhagavato desanāya sādhāraṇaṃ padhānañca payojananti āha ‘‘ajjhattadhammaṃ pariññāyā’’tiādi. Aṭṭhakathāyaṃ itthipurisindriyānantaraṃ jīvitindriyadesanakkamo vutto, so indriyayamakadesanāya sameti. Idha pana indriyavibhaṅge manindriyānantaraṃ jīvitindriyaṃ vuttaṃ, taṃ purimapacchimānaṃ ajjhattikabāhirānaṃ anupālakattena tesaṃ majjhe vuttanti veditabbaṃ. Yañca kiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhaṃ. Yāva ca duvidhattabhāvānupālakassa jīvitindriyassa pavatti, tāva dukkhabhūtānaṃ etesaṃ vedayitānaṃ anivattīti ñāpanatthaṃ. Tena ca cakkhādīnaṃ dukkhānubandhatāya pariññeyyataṃ ñāpeti. Tato anantaraṃ bhāvetabbattāti bhāvanāmaggasampayuttaṃ aññindriyaṃ sandhāya vuttaṃ. Dassanānantarā hi bhāvanāti.

    สติปิ ปุเรชาตาทิปจฺจยภาเว อินฺทฺริยปจฺจยภาเวน สาเธตพฺพเมว กิจฺจํ ‘‘กิจฺจ’’นฺติ อาห ตสฺส อนญฺญสาธารณตฺตา อินฺทฺริยกถาย จ ปวตฺตตฺตาฯ ปุพฺพงฺคมภาเวน มนินฺทฺริยสฺส วสวตฺตาปนํ โหติ, นาเญฺญสํฯ ตํสมฺปยุตฺตานิปิ หิ อินฺทฺริยานิ สาเธตพฺพภูตาเนว อตฺตโน อตฺตโน อินฺทฺริยกิจฺจํ สาเธนฺติ เจตสิกตฺตาติฯ ‘‘สพฺพตฺถ จ อินฺทฺริยปจฺจยภาเวน สาเธตพฺพ’’นฺติ อยํ อธิกาโร อนุวตฺตตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ อนุปฺปาทเน อนุปตฺถเมฺภ จ ตปฺปจฺจยานํ ตปฺปวตฺตเน นิมิตฺตภาโว อนุวิธานํฯ ฉาเทตฺวา ผริตฺวา อุปฺปชฺชมานา สุขทุกฺขเวทนา สหชาเต อภิภวิตฺวา สยเมว ปากฎา โหติ, สหชาตา จ ตพฺพเสน สุขทุกฺขภาวปฺปตฺตา วิยาติ อาห ‘‘ยถาสกํ โอฬาริกาการานุปาปน’’นฺติฯ อสนฺตสฺส อปณีตสฺสปิ อกุสลตพฺพิปากาทิสมฺปยุตฺตสฺส มชฺฌตฺตาการานุปาปนํ โยเชตพฺพํ, สมานชาติยํ วา สุขทุเกฺขหิ สนฺตปณีตาการานุปาปนญฺจฯ ปสนฺนปคฺคหิตอุปฎฺฐิตสมาหิตทสฺสนาการานุปาปนํ ยถากฺกมํ สทฺธาทีนํฯ อาทิ-สเทฺทน อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ คหิตานิ, มคฺคสมฺปยุตฺตเสฺสว จ อินฺทฺริยสฺส กิจฺจํ ทสฺสิตํ, เตเนว ผลสมฺปยุตฺตสฺส ตํตํสํโยชนานํเยว ปฎิปฺปสฺสทฺธิปหานกิจฺจตา ทสฺสิตา โหตีติฯ สพฺพกตกิจฺจํ อญฺญาตาวินฺทฺริยํ อญฺญสฺส กาตพฺพสฺส อภาวา อมตาภิมุขเมว ตพฺภาวปจฺจโย จ โหติ, น อิตรานิ วิย กิจฺจนฺตรปสุตญฺจฯ เตนาห ‘‘อมตาภิมุขภาวปจฺจยตา จา’’ติฯ

    Satipi purejātādipaccayabhāve indriyapaccayabhāvena sādhetabbameva kiccaṃ ‘‘kicca’’nti āha tassa anaññasādhāraṇattā indriyakathāya ca pavattattā. Pubbaṅgamabhāvena manindriyassa vasavattāpanaṃ hoti, nāññesaṃ. Taṃsampayuttānipi hi indriyāni sādhetabbabhūtāneva attano attano indriyakiccaṃ sādhenti cetasikattāti. ‘‘Sabbattha ca indriyapaccayabhāvena sādhetabba’’nti ayaṃ adhikāro anuvattatīti daṭṭhabbo. Anuppādane anupatthambhe ca tappaccayānaṃ tappavattane nimittabhāvo anuvidhānaṃ. Chādetvā pharitvā uppajjamānā sukhadukkhavedanā sahajāte abhibhavitvā sayameva pākaṭā hoti, sahajātā ca tabbasena sukhadukkhabhāvappattā viyāti āha ‘‘yathāsakaṃ oḷārikākārānupāpana’’nti. Asantassa apaṇītassapi akusalatabbipākādisampayuttassa majjhattākārānupāpanaṃ yojetabbaṃ, samānajātiyaṃ vā sukhadukkhehi santapaṇītākārānupāpanañca. Pasannapaggahitaupaṭṭhitasamāhitadassanākārānupāpanaṃ yathākkamaṃ saddhādīnaṃ. Ādi-saddena uddhambhāgiyasaṃyojanāni gahitāni, maggasampayuttasseva ca indriyassa kiccaṃ dassitaṃ, teneva phalasampayuttassa taṃtaṃsaṃyojanānaṃyeva paṭippassaddhipahānakiccatā dassitā hotīti. Sabbakatakiccaṃ aññātāvindriyaṃ aññassa kātabbassa abhāvā amatābhimukhameva tabbhāvapaccayo ca hoti, na itarāni viya kiccantarapasutañca. Tenāha ‘‘amatābhimukhabhāvapaccayatā cā’’ti.

    ๒๒๐. เอวํ สเนฺตปีติ สติปิ สพฺพสงฺคาหกเตฺต วีริยินฺทฺริยปทาทีหิ สงฺคเหตพฺพานิ กุสลากุสลวีริยาทีนิ, จกฺขุนฺทฺริยปทาทีหิ สงฺคเหตพฺพานิ กาลปุคฺคลปจฺจยาทิเภเทน ภินฺนานิ จกฺขาทีนิ สงฺคณฺหนฺติเจฺจว สพฺพสงฺคาหกานิ, น ยสฺสา ภูมิยา ยานิ น วิชฺชนฺติ, เตสํ สงฺคาหกตฺตาติ อโตฺถฯ เตน จ อวิเสสิตตฺตา สเพฺพสํ สพฺพภูมิกตฺตคหณปฺปสเงฺค ตํนิวตฺตเนน สพฺพสงฺคาหกวจนํ อวิชฺชมานสฺส สงฺคาหกตฺตทีปกํ น โหตีติ ทเสฺสติฯ

    220. Evaṃsantepīti satipi sabbasaṅgāhakatte vīriyindriyapadādīhi saṅgahetabbāni kusalākusalavīriyādīni, cakkhundriyapadādīhi saṅgahetabbāni kālapuggalapaccayādibhedena bhinnāni cakkhādīni saṅgaṇhanticceva sabbasaṅgāhakāni, na yassā bhūmiyā yāni na vijjanti, tesaṃ saṅgāhakattāti attho. Tena ca avisesitattā sabbesaṃ sabbabhūmikattagahaṇappasaṅge taṃnivattanena sabbasaṅgāhakavacanaṃ avijjamānassa saṅgāhakattadīpakaṃ na hotīti dasseti.

    อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา

    2. Pañhapucchakavaṇṇanā

    ๒๒๓. อิธ อนาภฎฺฐนฺติ เอกนฺตานารมฺมณเตฺตน ภาสิตํฯ ‘‘รูปมิสฺสกตฺตา อนารมฺมเณสุ รูปธเมฺมสุ สงฺคหิต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ มิสฺสกตฺตา เอว ชีวิตินฺทฺริยํ อนารมฺมเณสุ อสงฺคหิตํฯ น หิ อฎฺฐินฺทฺริยา อนารมฺมณาติ วุตฺตาติ? สจฺจเมตํ, ชีวิตินฺทฺริยเอกเทสสฺส ปน อนารมฺมเณสุ รูปธเมฺมสุ สงฺคหิตตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, อรูปโกฎฺฐาเสน ปริตฺตารมฺมณาทิตา อตฺถีติ สิยาปเกฺข สงฺคหิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ อรูปโกฎฺฐาเสน ปน ปริตฺตารมฺมณาทิตา, รูปโกฎฺฐาเสน จ นวตฺตพฺพตา อตฺถีติ มิสฺสกสฺส สมุทายเสฺสว วเสน สิยาปเกฺข สงฺคหิตํ, น เอกเทสวเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ อนารมฺมณํ ปริตฺตารมฺมณาทิภาเวน นวตฺตพฺพํ น โหตีติฯ ‘‘รูปญฺจ นิพฺพานญฺจ อนารมฺมณา, สตฺตินฺทฺริยา อนารมฺมณา’’ติอาทิวจนญฺจ อวิชฺชมานารมฺมณานารมฺมเณสุ นวตฺตเพฺพสุ อนารมฺมณตฺตา นวตฺตพฺพตํ ทเสฺสติ, น สารมฺมณเสฺสว นวตฺตพฺพตํ, นวตฺตพฺพสฺส วา สารมฺมณตํฯ น หิ นวตฺตพฺพ-สโทฺท สารมฺมเณ นิรุโฬฺหฯ ยทิปิ สิยา, ‘‘ติโสฺส จ เวทนา รูปญฺจ นิพฺพานญฺจ อิเม ธมฺมา นวตฺตพฺพา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา’’ติอาทิ น วุเจฺจยฺย, อถาปิ ปริตฺตารมฺมณาทิสมฺพโนฺธ นวตฺตพฺพ-สโทฺท สารมฺมเณเสฺวว วตฺตติ, ‘‘ทฺวายตนา สิยา ปริตฺตารมฺมณา’’ติอาทิํ อวตฺวา ‘‘มนายตนํ สิยา ปริตฺตารมฺมณํ…เป.… อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘ธมฺมายตนํ สิยา ปริตฺตารมฺมณํ…เป.… อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติปิ, ‘‘สิยา อนารมฺมณ’’นฺติปิ วตฺตพฺพํ สิยาฯ น หิ ปญฺหปุจฺฉเก สาวเสสา เทสนา อตฺถีติ ฯ ‘‘อฎฺฐินฺทฺริยา สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณา’’ติ เอตฺถ จ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อากิญฺจญฺญายตนกาเล อรูปสฺส รูปสฺส จ อนารมฺมณตฺตา นวตฺตพฺพตา เวทิตพฺพาฯ

    223. Idha anābhaṭṭhanti ekantānārammaṇattena bhāsitaṃ. ‘‘Rūpamissakattā anārammaṇesu rūpadhammesu saṅgahita’’nti kasmā vuttaṃ, nanu missakattā eva jīvitindriyaṃ anārammaṇesu asaṅgahitaṃ. Na hi aṭṭhindriyā anārammaṇāti vuttāti? Saccametaṃ, jīvitindriyaekadesassa pana anārammaṇesu rūpadhammesu saṅgahitataṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ, arūpakoṭṭhāsena parittārammaṇāditā atthīti siyāpakkhe saṅgahitanti adhippāyo. Arūpakoṭṭhāsena pana parittārammaṇāditā, rūpakoṭṭhāsena ca navattabbatā atthīti missakassa samudāyasseva vasena siyāpakkhe saṅgahitaṃ, na ekadesavasenāti daṭṭhabbaṃ. Na hi anārammaṇaṃ parittārammaṇādibhāvena navattabbaṃ na hotīti. ‘‘Rūpañca nibbānañca anārammaṇā, sattindriyā anārammaṇā’’tiādivacanañca avijjamānārammaṇānārammaṇesu navattabbesu anārammaṇattā navattabbataṃ dasseti, na sārammaṇasseva navattabbataṃ, navattabbassa vā sārammaṇataṃ. Na hi navattabba-saddo sārammaṇe niruḷho. Yadipi siyā, ‘‘tisso ca vedanā rūpañca nibbānañca ime dhammā navattabbā sukhāya vedanāya sampayuttā’’tiādi na vucceyya, athāpi parittārammaṇādisambandho navattabba-saddo sārammaṇesveva vattati, ‘‘dvāyatanā siyā parittārammaṇā’’tiādiṃ avatvā ‘‘manāyatanaṃ siyā parittārammaṇaṃ…pe… appamāṇārammaṇa’’ntipi, ‘‘dhammāyatanaṃ siyā parittārammaṇaṃ…pe… appamāṇārammaṇa’’ntipi, ‘‘siyā anārammaṇa’’ntipi vattabbaṃ siyā. Na hi pañhapucchake sāvasesā desanā atthīti . ‘‘Aṭṭhindriyā siyā ajjhattārammaṇā’’ti ettha ca jīvitindriyassa ākiñcaññāyatanakāle arūpassa rūpassa ca anārammaṇattā navattabbatā veditabbā.

    ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อินฺทฺริยวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Indriyavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๕. อินฺทฺริยวิภโงฺค • 5. Indriyavibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
    ๑. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 1. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
    ๒. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 2. Pañhāpucchakavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๕. อินฺทฺริยวิภโงฺค • 5. Indriyavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact