Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā |
๕. อินฺทฺริยวิภโงฺค
5. Indriyavibhaṅgo
๑. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
1. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๒๑๙. จกฺขุทฺวารภาเวติ จกฺขุทฺวารภาวเหตุฯ ตํทฺวาริเกหีติ ตสฺมิํ ทฺวาเร ปวตฺตนเกหิ จิตฺตเจตสิเกหิฯ เต หิ ‘‘ตํ ทฺวารํ ปวตฺติโอกาสภูตํ เอเตสํ อตฺถี’’ติ ตํทฺวาริกาฯ นนุ จ ตพฺพตฺถุเกหิปิ ตํ อินฺทฎฺฐํ กาเรติฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘ติเกฺข ติกฺขตฺตา, มเนฺท จ มนฺทตฺตา’’ติ? สจฺจํ กาเรติ, ตพฺพตฺถุกาปิ ปน อิธ ‘‘ตํทฺวาริกา’’อิเจฺจว วุตฺตาฯ อปริจฺจตฺตทฺวารภาวํเยว หิ จกฺขุ นิสฺสยเฎฺฐน ‘‘วตฺถู’’ติ วุจฺจติฯ อถ วา ตํทฺวาริเกสุ ตสฺส อินฺทโฎฺฐ ปากโฎติ ‘‘ตํทฺวาริเกหี’’ติ วุตฺตํฯ อินฺทโฎฺฐ ปเรหิ อนุวตฺตนียตา ปรมิสฺสรภาโวติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตญฺหิ…เป.… อนุวตฺตนฺตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ ตนฺติ จกฺขุํฯ เตติ ตํทฺวาริเกฯ กิริยานิฎฺฐานวาจี อาวี-สโทฺท ‘‘วิชิตาวี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๘; ๒.๓๓; ๓.๑๙๙) วิยาติ อาห ‘‘ปรินิฎฺฐิตกิจฺจชานน’’นฺติฯ
219. Cakkhudvārabhāveti cakkhudvārabhāvahetu. Taṃdvārikehīti tasmiṃ dvāre pavattanakehi cittacetasikehi. Te hi ‘‘taṃ dvāraṃ pavattiokāsabhūtaṃ etesaṃ atthī’’ti taṃdvārikā. Nanu ca tabbatthukehipi taṃ indaṭṭhaṃ kāreti. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘tikkhe tikkhattā, mande ca mandattā’’ti? Saccaṃ kāreti, tabbatthukāpi pana idha ‘‘taṃdvārikā’’icceva vuttā. Apariccattadvārabhāvaṃyeva hi cakkhu nissayaṭṭhena ‘‘vatthū’’ti vuccati. Atha vā taṃdvārikesu tassa indaṭṭho pākaṭoti ‘‘taṃdvārikehī’’ti vuttaṃ. Indaṭṭho parehi anuvattanīyatā paramissarabhāvoti dassento ‘‘tañhi…pe… anuvattantī’’ti āha. Tattha tanti cakkhuṃ. Teti taṃdvārike. Kiriyāniṭṭhānavācī āvī-saddo ‘‘vijitāvī’’tiādīsu (dī. ni. 1.258; 2.33; 3.199) viyāti āha ‘‘pariniṭṭhitakiccajānana’’nti.
‘‘ฉ อิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิฯ กตมานิ ฉ? จกฺขุนฺทฺริยํ…เป.… มนินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๕-๔๙๙) เอวํ กตฺถจิ ฉปินฺทฺริยานิ อาคตานิ, กสฺมา ปน สุตฺตเนฺต ขนฺธาทโย วิย อินฺทฺริยานิ เอกชฺฌํ น วุตฺตานิ, อภิธเมฺม จ วุตฺตานีติ อาห ‘‘ตตฺถ สุตฺตเนฺต’’ติอาทิฯ นิสฺสรณูปายาทิภาวโตติ เอตฺถ โลกุตฺตเรสุ มคฺคปริยาปนฺนานิ นิสฺสรณํ, อิตรานิ นิสฺสรณผลํ, วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิเตน นิพฺพตฺติตานิ สทฺธินฺทฺริยาทีนิ นิสฺสรณูปาโย, อิตเรสุ กานิจิ ปวตฺติภูตานิ, กานิจิ ปวตฺติอุปาโยติ เวทิตพฺพานิฯ
‘‘Cha imāni, bhikkhave, indriyāni. Katamāni cha? Cakkhundriyaṃ…pe… manindriya’’nti (saṃ. ni. 5.495-499) evaṃ katthaci chapindriyāni āgatāni, kasmā pana suttante khandhādayo viya indriyāni ekajjhaṃ na vuttāni, abhidhamme ca vuttānīti āha ‘‘tattha suttante’’tiādi. Nissaraṇūpāyādibhāvatoti ettha lokuttaresu maggapariyāpannāni nissaraṇaṃ, itarāni nissaraṇaphalaṃ, vivaṭṭasannissitena nibbattitāni saddhindriyādīni nissaraṇūpāyo, itaresu kānici pavattibhūtāni, kānici pavattiupāyoti veditabbāni.
ขีณาสวสฺส ภาวภูโตติ ฉฬงฺคุเปกฺขา วิย ขีณาสวเสฺสว ธมฺมภูโตฯ
Khīṇāsavassa bhāvabhūtoti chaḷaṅgupekkhā viya khīṇāsavasseva dhammabhūto.
เทฺว อตฺถาติ อินฺทลิงฺคอินฺทสิฎฺฐฎฺฐาฯ อตฺตโน ปจฺจยวเสนาติ ยถาสกํ กมฺมาทิปจฺจยวเสนฯ ตํสหิตสนฺตาเนติ อิตฺถินฺทฺริยสหิเต, ปุริสินฺทฺริยสหิเต จ สนฺตาเนฯ อญฺญากาเรนาติ อิตฺถิอาทิโต อเญฺญน อากาเรนฯ อนุวตฺตนียภาโว อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ อาธิปจฺจนฺติ โยชนาฯ อิมสฺมิญฺจเตฺถติ อาธิปจฺจเตฺถฯ
Dveatthāti indaliṅgaindasiṭṭhaṭṭhā. Attano paccayavasenāti yathāsakaṃ kammādipaccayavasena. Taṃsahitasantāneti itthindriyasahite, purisindriyasahite ca santāne. Aññākārenāti itthiādito aññena ākārena. Anuvattanīyabhāvo itthipurisindriyānaṃ ādhipaccanti yojanā. Imasmiñcattheti ādhipaccatthe.
เตสนฺติ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยาทีนํ ติณฺณํฯ ยา สุขทุกฺขินฺทฺริยานํ อิฎฺฐานิฎฺฐาการสโมฺภครสตา วุตฺตา, สา อารมฺมณสภาเวเนว เวทิตพฺพา, น เอกจฺจโสมนสฺสินฺทฺริยาทีนํ วิย ปริกปฺปวเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ
Tesanti anaññātaññassāmītindriyādīnaṃ tiṇṇaṃ. Yā sukhadukkhindriyānaṃ iṭṭhāniṭṭhākārasambhogarasatā vuttā, sā ārammaṇasabhāveneva veditabbā, na ekaccasomanassindriyādīnaṃ viya parikappavasenāti dassento ‘‘ettha cā’’tiādimāha.
ยทิปิ ปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ ชีวิตินฺทฺริยํ รูปกเณฺฑปิ (ธ. ส. ๕๘๔) เทสิตํ, ตํ ปน รูปชีวิตินฺทฺริยํ, น จ ตตฺถ มนินฺทฺริยํ วตฺวา อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ วุตฺตานิฯ อิธ ปน อฎฺฐกถายํ อินฺทฺริยานุกฺกโม วุโตฺต สพฺพากาเรน ยมกเทสนาย สํสนฺทตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โส อินฺทฺริยยมกเทสนาย สเมตี’’ติฯ ปุริมปจฺฉิมานํ อชฺฌตฺติกพาหิรานนฺติ จกฺขาทีนํ ปุริมานํ อชฺฌตฺติกานํ, อิตฺถินฺทฺริยาทีนํ ปจฺฉิมานํ พาหิรานํฯ เตสํ มเชฺฌ วุตฺตํ อุภเยสํ อุปการกตาทีปนตฺถนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตน เอวมฺปิ เทสนนฺตรานุโรเธน ชีวิตินฺทฺริยสฺส อนุกฺกมํ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ กามเญฺจตฺถ เอวํ วุตฺตํ, ปรโต ปน กิจฺจวินิจฺฉเย อิธ ปาฬิยํ อาคตนิยาเมเนว มนินฺทฺริยานนฺตรํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส, ตทนนฺตรญฺจ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ กิจฺจวินิจฺฉยํ ทเสฺสสฺสติฯ สพฺพํ ตํ ทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขภาเวน, ยถารหํ วา ทุกฺขทุกฺขตาทิภาเวนฯ ทุวิธตฺตภาวานุปาลกสฺสาติ รูปารูปวเสน ทุวิธสฺส อตฺตภาวสฺส อนุปาลกสฺสฯ รูปารูปวเสน ทุวิธมฺปิ หิ ชีวิตินฺทฺริยํ อิธ คหิตํฯ ‘‘ปวตฺตี’’ติ เอเตน สหชาตธมฺมานํ ปวตฺตนรเสน ชีวิตินฺทฺริเยน เวทยิตานํ ปวเตฺตตพฺพตํ ทีเปติฯ ‘‘ภาวนามคฺคสมฺปยุตฺต’’นฺติ อิมินา ผลภูตํ อญฺญินฺทฺริยํ นิวเตฺตติฯ ภาวนาคหณเญฺจตฺถ สกฺกา อวตฺตุํฯ ‘‘ภาเวตพฺพตฺตา’’ติ วุตฺตตฺตา ภาวนาภาโว ปากโฎวฯ ทสฺสนานนฺตราติ สมานชาติภูมิเกน อพฺยวหิตตํ สนฺธายาห, น อนนฺตรปจฺจยํฯ
Yadipi purisindriyānantaraṃ jīvitindriyaṃ rūpakaṇḍepi (dha. sa. 584) desitaṃ, taṃ pana rūpajīvitindriyaṃ, na ca tattha manindriyaṃ vatvā itthipurisindriyāni vuttāni. Idha pana aṭṭhakathāyaṃ indriyānukkamo vutto sabbākārena yamakadesanāya saṃsandatīti dassento āha ‘‘so indriyayamakadesanāya sametī’’ti. Purimapacchimānaṃ ajjhattikabāhirānanti cakkhādīnaṃ purimānaṃ ajjhattikānaṃ, itthindriyādīnaṃ pacchimānaṃ bāhirānaṃ. Tesaṃ majjhe vuttaṃ ubhayesaṃ upakārakatādīpanatthanti adhippāyo. Tena evampi desanantarānurodhena jīvitindriyassa anukkamaṃ vattuṃ vaṭṭatīti dasseti. Kāmañcettha evaṃ vuttaṃ, parato pana kiccavinicchaye idha pāḷiyaṃ āgataniyāmeneva manindriyānantaraṃ jīvitindriyassa, tadanantarañca itthipurisindriyānaṃ kiccavinicchayaṃ dassessati. Sabbaṃ taṃ dukkhaṃ saṅkhāradukkhabhāvena, yathārahaṃ vā dukkhadukkhatādibhāvena. Duvidhattabhāvānupālakassāti rūpārūpavasena duvidhassa attabhāvassa anupālakassa. Rūpārūpavasena duvidhampi hi jīvitindriyaṃ idha gahitaṃ. ‘‘Pavattī’’ti etena sahajātadhammānaṃ pavattanarasena jīvitindriyena vedayitānaṃ pavattetabbataṃ dīpeti. ‘‘Bhāvanāmaggasampayutta’’nti iminā phalabhūtaṃ aññindriyaṃ nivatteti. Bhāvanāgahaṇañcettha sakkā avattuṃ. ‘‘Bhāvetabbattā’’ti vuttattā bhāvanābhāvo pākaṭova. Dassanānantarāti samānajātibhūmikena abyavahitataṃ sandhāyāha, na anantarapaccayaṃ.
ตสฺสาติ อินฺทฺริยปจฺจยภาวสฺสฯ อนญฺญสาธารณตฺตาติ อเญฺญหิ อนินฺทฺริเยหิ อสาธารณตฺตาฯ เอวํ สามตฺถิยโต กิจฺจวิเสสํ ววตฺถเปตฺวา ปกรณโตปิ ตํ ทเสฺสติ ‘‘อินฺทฺริยกถาย จ ปวตฺตตฺตา’’ติฯ อเญฺญสนฺติ อเญฺญสํ อินฺทฺริยสภาวานมฺปิ สหชาตธมฺมานํฯ เยหิ เต อินฺทฎฺฐํ กาเรนฺติ, เตสํ วสวตฺตาปนํ นตฺถิ, ยถา มนินฺทฺริยสฺส ปุพฺพงฺคมสภาวาภาวโต สยญฺจ เต อญฺญทตฺถุ มนินฺทฺริยเสฺสว วเส วตฺตนฺติฯ เตนาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตานิปิ หี’’ติอาทิฯ ยทิ เอวํ กถํ เตสํ อินฺทโฎฺฐติ? ‘‘สุขนาทิลกฺขเณ สมฺปยุตฺตานํ อตฺตาการานุวิธาปนมตฺต’’นฺติ วุโตฺตวายมโตฺถ ฯ ‘‘เจตสิกตฺตา’’ติ อิมินา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ จิตฺตสฺส ปธานตํ ทเสฺสติฯ ตโต หิ ‘‘เจตสิกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ สพฺพตฺถาติ วสวตฺตาปนํ สหชาตธมฺมานุปาลนนฺติ เอวํ ยาว อมตาภิมุขภาวปจฺจยตา จ สมฺปยุตฺตานนฺติ ตํกิจฺจนิเทฺทเสฯ ‘‘อนุปฺปาทเน, อนุปตฺถเมฺภ จ สตี’’ติ ปทํ อาหริตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ น หิ ปทโตฺถ สพฺภาวํ พฺยภิจรตีติ ชนกุปตฺถมฺภกตฺตาภาเวปีติ วุตฺตํ โหติฯ ตปฺปจฺจยานนฺติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตาทิปจฺจยานํ กมฺมาทีนํฯ ตปฺปวตฺตเน นิมิตฺตภาโวติ อิตฺถินิมิตฺตาทิอาการรูปนิพฺพตฺตเน การณภาโวฯ สฺวายํ อิตฺถินฺทฺริยาทีนํ ตตฺถ อตฺถิภาโวเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยสฺมิญฺหิ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, ตํ ตสฺส การณนฺติฯ ‘‘นิมิตฺตภาโว อนุวิธาน’’นฺติ อิมินา อนุวิธานสทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ ทเสฺสติฯ สุขทุกฺขภาวปฺปตฺตา วิยาติ สยํ สุขทุกฺขสภาวปฺปตฺตา วิย, สุขนฺตา ทุกฺขนฺตา จ วิยาติ อโตฺถฯ อสนฺตสฺส…เป.… มชฺฌตฺตาการานุปาปนํ อญฺญาณุเปกฺขนาทิวเสน เวทิตพฺพํฯ สมานชาติยนฺติ อกุสเลหิ สุขทุเกฺขหิ อกุสลูเปกฺขาย, อพฺยากเตหิ อพฺยากตูเปกฺขาย, กุสลสุขโต กุสลูเปกฺขายฯ ตตฺถาปิ ภูมิวิภาเคนายมโตฺถ ภินฺทิตฺวา โยเชตโพฺพฯ ตํ สพฺพํ ขนฺธวิภเงฺค วุตฺตโอฬาริกสุขุมวิภาเคน ทีเปตพฺพํฯ อาทิสเทฺทนาติ ‘‘กามราคพฺยาปาทาที’’ติ เอตฺถ วุตฺตอาทิสเทฺทนฯ สํโยชนสมุจฺฉินฺทนตทุปนิสฺสยตา เอว สนฺธาย อญฺญาตาวินฺทฺริยสฺส กิจฺจนฺตราปสุตตา วุตฺตา, ตสฺสาปิ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตา ลพฺภเตวฯ อพฺยาปีภาวโต วา อญฺญาตาวินฺทฺริยสฺส ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจํ น วตฺตพฺพํ, ตโต อญฺญินฺทฺริยสฺสาปิ ตํ อฎฺฐกถายํ อนุทฺธฎํฯ มคฺคานนฺตรญฺหิ ผลํ ‘‘ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิวจนโต (ธ. ส. อฎฺฐ. ๕๐๕) กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตติ, น อิตรํฯ อญฺญถา อริยา สพฺพกาลํ อปฺปฎิปฺปสฺสทฺธกิเลสทรถา สิยุํฯ อิตรสฺส ปน นิจฺฉนฺทราเคสุ สตฺตโวหาโร วิย รุฬฺหิวเสน ปฎิปฺปสฺสทฺธิกิจฺจตา เวทิตพฺพาฯ
Tassāti indriyapaccayabhāvassa. Anaññasādhāraṇattāti aññehi anindriyehi asādhāraṇattā. Evaṃ sāmatthiyato kiccavisesaṃ vavatthapetvā pakaraṇatopi taṃ dasseti ‘‘indriyakathāya ca pavattattā’’ti. Aññesanti aññesaṃ indriyasabhāvānampi sahajātadhammānaṃ. Yehi te indaṭṭhaṃ kārenti, tesaṃ vasavattāpanaṃ natthi, yathā manindriyassa pubbaṅgamasabhāvābhāvato sayañca te aññadatthu manindriyasseva vase vattanti. Tenāha ‘‘taṃsampayuttānipi hī’’tiādi. Yadi evaṃ kathaṃ tesaṃ indaṭṭhoti? ‘‘Sukhanādilakkhaṇe sampayuttānaṃ attākārānuvidhāpanamatta’’nti vuttovāyamattho . ‘‘Cetasikattā’’ti iminā sampayuttadhammānaṃ cittassa padhānataṃ dasseti. Tato hi ‘‘cetasikā’’ti vuccanti. Sabbatthāti vasavattāpanaṃ sahajātadhammānupālananti evaṃ yāva amatābhimukhabhāvapaccayatā ca sampayuttānanti taṃkiccaniddese. ‘‘Anuppādane, anupatthambhe ca satī’’ti padaṃ āharitvā sambandhitabbaṃ. Na hi padattho sabbhāvaṃ byabhicaratīti janakupatthambhakattābhāvepīti vuttaṃ hoti. Tappaccayānanti itthipurisanimittādipaccayānaṃ kammādīnaṃ. Tappavattane nimittabhāvoti itthinimittādiākārarūpanibbattane kāraṇabhāvo. Svāyaṃ itthindriyādīnaṃ tattha atthibhāvoyevāti daṭṭhabbaṃ. Yasmiñhi sati yaṃ hoti, asati ca na hoti, taṃ tassa kāraṇanti. ‘‘Nimittabhāvo anuvidhāna’’nti iminā anuvidhānasaddassa kammatthataṃ dasseti. Sukhadukkhabhāvappattā viyāti sayaṃ sukhadukkhasabhāvappattā viya, sukhantā dukkhantā ca viyāti attho. Asantassa…pe… majjhattākārānupāpanaṃ aññāṇupekkhanādivasena veditabbaṃ. Samānajātiyanti akusalehi sukhadukkhehi akusalūpekkhāya, abyākatehi abyākatūpekkhāya, kusalasukhato kusalūpekkhāya. Tatthāpi bhūmivibhāgenāyamattho bhinditvā yojetabbo. Taṃ sabbaṃ khandhavibhaṅge vuttaoḷārikasukhumavibhāgena dīpetabbaṃ. Ādisaddenāti ‘‘kāmarāgabyāpādādī’’ti ettha vuttaādisaddena. Saṃyojanasamucchindanatadupanissayatā eva sandhāya aññātāvindriyassa kiccantarāpasutatā vuttā, tassāpi uddhambhāgiyasaṃyojanapaṭippassaddhippahānakiccatā labbhateva. Abyāpībhāvato vā aññātāvindriyassa paṭippassaddhippahānakiccaṃ na vattabbaṃ, tato aññindriyassāpi taṃ aṭṭhakathāyaṃ anuddhaṭaṃ. Maggānantarañhi phalaṃ ‘‘tāya saddhāya avūpasantāyā’’tiādivacanato (dha. sa. aṭṭha. 505) kilesānaṃ paṭippassambhanavasena pavattati, na itaraṃ. Aññathā ariyā sabbakālaṃ appaṭippassaddhakilesadarathā siyuṃ. Itarassa pana nicchandarāgesu sattavohāro viya ruḷhivasena paṭippassaddhikiccatā veditabbā.
เอตฺถาห – กสฺมา ปน เอตฺตกาเนว อินฺทฺริยานิ วุตฺตานิ, เอตานิ เอว จ วุตฺตานีติ? อาธิปจฺจตฺถสมฺภวโตติ เจฯ อาธิปจฺจํ นาม อิสฺสริยนฺติ วุตฺตเมตํฯ ตยิทํ อาธิปจฺจํ อตฺตโน กิเจฺจ พลวนฺติ อเญฺญสมฺปิ สภาวธมฺมานํ ลพฺภเตวฯ ปจฺจยาธีนวุตฺติกา หิ ปจฺจยุปฺปนฺนา ฯ ตสฺมา เต เตหิ อนุวตฺตียนฺติ, เต จ เต อนุวตฺตนฺตีติ? สจฺจเมตํ, ตถาปิ อตฺถิ เตสํ วิเสโสฯ สฺวายํ วิเสโส ‘‘จกฺขุวิญฺญาณาทิปฺปวตฺติยญฺหิ จกฺขาทีนํ สิทฺธมาธิปจฺจ’’นฺติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๒๑๙) อฎฺฐกถายํ ทสฺสิโตเยวฯ
Etthāha – kasmā pana ettakāneva indriyāni vuttāni, etāni eva ca vuttānīti? Ādhipaccatthasambhavatoti ce. Ādhipaccaṃ nāma issariyanti vuttametaṃ. Tayidaṃ ādhipaccaṃ attano kicce balavanti aññesampi sabhāvadhammānaṃ labbhateva. Paccayādhīnavuttikā hi paccayuppannā . Tasmā te tehi anuvattīyanti, te ca te anuvattantīti? Saccametaṃ, tathāpi atthi tesaṃ viseso. Svāyaṃ viseso ‘‘cakkhuviññāṇādippavattiyañhi cakkhādīnaṃ siddhamādhipacca’’ntiādinā (vibha. aṭṭha. 219) aṭṭhakathāyaṃ dassitoyeva.
อปิจ ขนฺธปญฺจเก ยายํ สตฺตปญฺญตฺติ, ตสฺสา วิเสสนิสฺสโย ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานีติ ตานิ ตาว อาธิปจฺจตฺถํ อุปาทาย ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ…เป.… มนินฺทฺริย’’นฺติอาทิโต วุตฺตานิฯ ตานิ ปน เยน ธเมฺมน ปวตฺตนฺติ, อยํ โส ธโมฺม เตสํ ฐิติเหตูติ ทสฺสนตฺถํ ชีวิตํฯ ตยิเม อินฺทฺริยปฎิพทฺธา ธมฺมา อิเมสํ วเสน ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ โวหรียนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ภาวทฺวยํฯ สฺวายํ สตฺตสญฺญิโต ธมฺมปุโญฺช ปพนฺธวเสน ปวตฺตมาโน อิมาหิ เวทนาหิ สํกิลิสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ เวทนาปญฺจกํฯ ตโต วิสุทฺธตฺถิกานํ โวทานสมฺภารทสฺสนตฺถํ สทฺธาทิปญฺจกํฯ ตโต โวทานสมฺภารา อิเมหิ วิสุชฺฌนฺติ, วิสุทฺธิปฺปตฺตา, นิฎฺฐิตกิจฺจา จ โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ อเนฺต อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยาทีนิ ตีณิ วุตฺตานิฯ สพฺพตฺถ ‘‘อาธิปจฺจตฺถํ อุปาทายา’’ติ ปทํ โยเชตพฺพํฯ เอตฺตาวตา อธิเปฺปตตฺถสิทฺธีติ อเญฺญสํ อคฺคหณํฯ
Apica khandhapañcake yāyaṃ sattapaññatti, tassā visesanissayo cha ajjhattikāni āyatanānīti tāni tāva ādhipaccatthaṃ upādāya ‘‘cakkhundriyaṃ…pe… manindriya’’ntiādito vuttāni. Tāni pana yena dhammena pavattanti, ayaṃ so dhammo tesaṃ ṭhitihetūti dassanatthaṃ jīvitaṃ. Tayime indriyapaṭibaddhā dhammā imesaṃ vasena ‘‘itthī, puriso’’ti voharīyantīti dassanatthaṃ bhāvadvayaṃ. Svāyaṃ sattasaññito dhammapuñjo pabandhavasena pavattamāno imāhi vedanāhi saṃkilissatīti dassanatthaṃ vedanāpañcakaṃ. Tato visuddhatthikānaṃ vodānasambhāradassanatthaṃ saddhādipañcakaṃ. Tato vodānasambhārā imehi visujjhanti, visuddhippattā, niṭṭhitakiccā ca hontīti dassanatthaṃ ante anaññātaññassāmītindriyādīni tīṇi vuttāni. Sabbattha ‘‘ādhipaccatthaṃ upādāyā’’ti padaṃ yojetabbaṃ. Ettāvatā adhippetatthasiddhīti aññesaṃ aggahaṇaṃ.
อถ วา ปวตฺตินิวตฺตีนํ นิสฺสยาทิทสฺสนตฺถมฺปิ เอตานิ เอว วุตฺตานิฯ ปวตฺติยา หิ วิเสสโต มูลนิสฺสยภูตานิ ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิฯ ยถาห ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปโนฺน’’ติอาทิ (สุ. นิ. ๑๗๑)ฯ ตสฺสา อุปฺปตฺติ อิตฺถิปุริสินฺทฺริเยหิฯ วิสภาควตฺถุสราคนิมิตฺตา หิ เยภุเยฺยน สตฺตกายสฺส อภินิพฺพตฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ติณฺณํ โข ปน, มหาราช, สนฺนิปาตา คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหติ, อิธ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คโพฺภ จ ปจฺจุปฎฺฐิโต โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๘; ๒.๔๑๑; มิ. ป. ๔.๑.๖)ฯ อวฎฺฐานํ ชีวิตินฺทฺริเยน เตน อนุปาเลตพฺพโตฯ เตนาห ‘‘อายุ ฐิติ ยปนา ยาปนา’’ติอาทิฯ อุปโภโค เวทนาหิ ฯ เวทนาวเสน หิ อิฎฺฐาทิสพฺพวิสยุปโภโคฯ ยถาห – ‘‘เวทยติ เวทยตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา เวทนาติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙)ฯ เอวํ ปวตฺติยา นิสฺสยสมุปฺปาทฎฺฐิติสโมฺภคทสฺสนตฺถํ จกฺขุนฺทฺริยํ ยาว อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติ จุทฺทสินฺทฺริยานิ เทสิตานิฯ ยถา เจตานิ ปวตฺติยา, เอวํ อิตรานิ นิวตฺติยาฯ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิเตน หิ นิพฺพตฺติตานิ สทฺธาทีนิ ปญฺจ อินฺทฺริยานิ นิวตฺติยา นิสฺสโยฯ อุปฺปาโท อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริเยน ตสฺส ปฐมํ อุปฺปชฺชนโตฯ อวฎฺฐานํ อญฺญินฺทฺริเยนฯ อุปโภโค อญฺญาตาวินฺทฺริเยน อคฺคผลสมุปโภคโตฯ เอวมฺปิ เอตานิ เอว อินฺทฺริยานิ เทสิตานิฯ เอตฺตาวตา ยถาธิเปฺปตตฺถสิทฺธิโต อเญฺญสํ อคฺคหณํฯ เอเตนาปิ เนสํ เทสนานุกฺกโมปิ สํวณฺณิโต เวทิตโพฺพฯ
Atha vā pavattinivattīnaṃ nissayādidassanatthampi etāni eva vuttāni. Pavattiyā hi visesato mūlanissayabhūtāni cha ajjhattikāni āyatanāni. Yathāha ‘‘chasu loko samuppanno’’tiādi (su. ni. 171). Tassā uppatti itthipurisindriyehi. Visabhāgavatthusarāganimittā hi yebhuyyena sattakāyassa abhinibbatti. Vuttañhetaṃ ‘‘tiṇṇaṃ kho pana, mahārāja, sannipātā gabbhassāvakkanti hoti, idha mātāpitaro ca sannipatitā honti, mātā ca utunī hoti, gabbho ca paccupaṭṭhito hotī’’ti (ma. ni. 1.408; 2.411; mi. pa. 4.1.6). Avaṭṭhānaṃ jīvitindriyena tena anupāletabbato. Tenāha ‘‘āyu ṭhiti yapanā yāpanā’’tiādi. Upabhogo vedanāhi . Vedanāvasena hi iṭṭhādisabbavisayupabhogo. Yathāha – ‘‘vedayati vedayatīti kho, bhikkhave, tasmā vedanāti vuccatī’’ti (saṃ. ni. 3.79). Evaṃ pavattiyā nissayasamuppādaṭṭhitisambhogadassanatthaṃ cakkhundriyaṃ yāva upekkhindriyanti cuddasindriyāni desitāni. Yathā cetāni pavattiyā, evaṃ itarāni nivattiyā. Vivaṭṭasannissitena hi nibbattitāni saddhādīni pañca indriyāni nivattiyā nissayo. Uppādo anaññātaññassāmītindriyena tassa paṭhamaṃ uppajjanato. Avaṭṭhānaṃ aññindriyena. Upabhogo aññātāvindriyena aggaphalasamupabhogato. Evampi etāni eva indriyāni desitāni. Ettāvatā yathādhippetatthasiddhito aññesaṃ aggahaṇaṃ. Etenāpi nesaṃ desanānukkamopi saṃvaṇṇito veditabbo.
๒๒๐. กุสลากุสลวีริยาทีนีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน กุสลสมาธิอาทีนํ, อพฺยากตวีริยาทีนญฺจ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ปจฺจยาทีติ อาทิ-สเทฺทน เทสารมฺมณาทโย คหิตา, ยถาวุตฺตวีริยาทีนิ, จกฺขาทีนิ จ สงฺคณฺหาติฯ อิเจฺจวํ สพฺพสงฺคาหิกานิ วีริยินฺทฺริยาทิปทานิ, จกฺขุนฺทฺริยาทิปทานิ จฯ เตนาติ ‘‘เอวํ สเนฺตปี’’ติอาทินา ภูมิวิภาคกถเนนฯ ตนฺนิวตฺตเนนาติ สเพฺพสํ สพฺพภูมิกตฺตนิวตฺตเนนฯ อวิชฺชมานสงฺคาหกตฺตนฺติ ตสฺสํ ตสฺสํ ภูมิยํ อนุปลพฺภมานสฺส อินฺทฺริยสฺส สงฺคาหกตาฯ
220. Kusalākusalavīriyādīnīti ettha ādi-saddena kusalasamādhiādīnaṃ, abyākatavīriyādīnañca saṅgaho daṭṭhabbo. Paccayādīti ādi-saddena desārammaṇādayo gahitā, yathāvuttavīriyādīni, cakkhādīni ca saṅgaṇhāti. Iccevaṃ sabbasaṅgāhikāni vīriyindriyādipadāni, cakkhundriyādipadāni ca. Tenāti ‘‘evaṃ santepī’’tiādinā bhūmivibhāgakathanena. Tannivattanenāti sabbesaṃ sabbabhūmikattanivattanena. Avijjamānasaṅgāhakattanti tassaṃ tassaṃ bhūmiyaṃ anupalabbhamānassa indriyassa saṅgāhakatā.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา
2. Pañhapucchakavaṇṇanā
อิธ อิมสฺมิํ ‘‘สตฺตินฺทฺริยา อนารมฺมณา’’ติ เอวํ เอกนฺตานารมฺมณเตฺต วุจฺจมาเน น อาภฎฺฐํ ชีวิตินฺทฺริยํ น ภาสิตํฯ ฎีกายํ ปน อนาภฎฺฐนฺติ กตสมาสํ กตฺวา วุตฺตํฯ รูปธเมฺมสุ สงฺคหิตตนฺติ ‘‘รูป’’นฺติ คณิตตํฯ อรูปโกฎฺฐาเสน อรูปภาเวน สิยาปเกฺข สงฺคหิตํฯ กสฺมา? ตสฺส ปริตฺตารมฺมณาทิตา อตฺถีติฯ ยสฺมา ปน รูปารูปมิสฺสกเสฺสว วเสน สิยาปกฺขสงฺคโห ยุโตฺต, น เอกเทสสฺส, ตสฺมา เอกเทสสฺส ตํ อนิจฺฉโนฺต อาห ‘‘อธิปฺปาโย’’ติฯ อิทานิ ตมตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘อรูปโกฎฺฐาเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นวตฺตพฺพตาติ ปริตฺตารมฺมณาทิภาเวน นวตฺตพฺพตาฯ กถํ ปน รูปโกฎฺฐาเสนสฺสานารมฺมณสฺส นวตฺตพฺพตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘น หิ อนารมฺมณ’’นฺติอาทิฯ ‘‘อวิชฺชมานารมฺมณานารมฺมเณสู’’ติ อิมินา ‘‘อนารมฺมณา’’ติ พาหิรตฺถสมาโส อยนฺติ ทเสฺสติ ฯ นวตฺตเพฺพสูติ สารมฺมณภาเวน นวตฺตเพฺพสุฯ อนารมฺมณตฺตาติ อารมฺมณรหิตตฺตาฯ ‘‘นวินฺทฺริยา สิยา ปริตฺตารมฺมณา, สิยา มหคฺคตารมฺมณา, สิยา อปฺปมาณารมฺมณา, สิยา น วตฺตพฺพา ‘ปริตฺตารมฺมณา’ติปิ ‘มหคฺคตารมฺมณา’ติปิ ‘อปฺปมาณารมฺมณา’ติปี’’ติอาทีสุ (วิภ. ๒๒๓) วิย น สารมฺมณเสฺสว นวตฺตพฺพตํ ทเสฺสติฯ ยถา จ น สารมฺมณเสฺสว นวตฺตพฺพตาปริยาโย, อถ โข อนารมฺมณสฺสาปีติ สารมฺมเณ นิยมาภาโวฯ เอวํ นวตฺตพฺพํ สารมฺมณเมวาติ อยมฺปิ นิยโม นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นวตฺตพฺพสฺส วา สารมฺมณต’’นฺติ อาหฯ ตสฺส น ทเสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘น หี’’ติอาทินา ตเมวตฺถํ วิวรติฯ
Idha imasmiṃ ‘‘sattindriyā anārammaṇā’’ti evaṃ ekantānārammaṇatte vuccamāne na ābhaṭṭhaṃ jīvitindriyaṃ na bhāsitaṃ. Ṭīkāyaṃ pana anābhaṭṭhanti katasamāsaṃ katvā vuttaṃ. Rūpadhammesu saṅgahitatanti ‘‘rūpa’’nti gaṇitataṃ. Arūpakoṭṭhāsena arūpabhāvena siyāpakkhe saṅgahitaṃ. Kasmā? Tassa parittārammaṇāditā atthīti. Yasmā pana rūpārūpamissakasseva vasena siyāpakkhasaṅgaho yutto, na ekadesassa, tasmā ekadesassa taṃ anicchanto āha ‘‘adhippāyo’’ti. Idāni tamatthaṃ pakāsetuṃ ‘‘arūpakoṭṭhāsena panā’’tiādi vuttaṃ. Navattabbatāti parittārammaṇādibhāvena navattabbatā. Kathaṃ pana rūpakoṭṭhāsenassānārammaṇassa navattabbatāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘na hi anārammaṇa’’ntiādi. ‘‘Avijjamānārammaṇānārammaṇesū’’ti iminā ‘‘anārammaṇā’’ti bāhiratthasamāso ayanti dasseti . Navattabbesūti sārammaṇabhāvena navattabbesu. Anārammaṇattāti ārammaṇarahitattā. ‘‘Navindriyā siyā parittārammaṇā, siyā mahaggatārammaṇā, siyā appamāṇārammaṇā, siyā na vattabbā ‘parittārammaṇā’tipi ‘mahaggatārammaṇā’tipi ‘appamāṇārammaṇā’tipī’’tiādīsu (vibha. 223) viya na sārammaṇasseva navattabbataṃ dasseti. Yathā ca na sārammaṇasseva navattabbatāpariyāyo, atha kho anārammaṇassāpīti sārammaṇe niyamābhāvo. Evaṃ navattabbaṃ sārammaṇamevāti ayampi niyamo natthīti dassento ‘‘navattabbassa vā sārammaṇata’’nti āha. Tassa na dassetīti sambandho. ‘‘Na hī’’tiādinā tamevatthaṃ vivarati.
ตตฺถ รูปนิพฺพานานํ สุขาทิสมฺปยุตฺตภาเวน นวตฺตพฺพตา, น ปริตฺตารมฺมณาทิภาเวนาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อถาปี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อถาปิ วตฺตตีติ สมฺพโนฺธฯ สิยา อนารมฺมณนฺติปิ วตฺตพฺพํ สิยาติ อนารมฺมณํ ธมฺมายตนํ สารมฺมเณหิ วิสุํ กตฺวา เอวํ วตฺตพฺพํ สิยาฯ นวตฺตพฺพ-สโทฺท ยทิ สารมฺมเณเสฺวว วเตฺตยฺย, น เจวํ วุตฺตํ, อวจเน จ อญฺญํ การณํ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น หิ ปญฺหปุจฺฉเก สาวเสสา เทสนา อตฺถี’’ติฯ ตสฺมา นวตฺตพฺพ-สโทฺท อนารมฺมเณสุปิ วตฺตเตวาติ อธิปฺปาโยฯ ยาปิ ‘‘อฎฺฐินฺทฺริยา สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณา’’ติ อชฺฌตฺตารมฺมณาทิภาเวน นวตฺตพฺพตา วุตฺตา, สา ชีวิตินฺทฺริยสฺส อากิญฺจญฺญายตนกาเล ปฐมารุปฺปวิญฺญาณาภาวมตฺตารมฺมณตํ สนฺธาย วุตฺตา, น สารมฺมณเสฺสว นวตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ, นาปิ อนารมฺมณสฺส ปริตฺตารมฺมณาทิภาเวน นวตฺตพฺพตาภาวทสฺสนตฺถนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อฎฺฐินฺทฺริยา สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณาติ เอตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณาตีติ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถฯ เตน อวสิฎฺฐปาฬิสงฺคณฺหเนน ‘‘สิยา น วตฺตพฺพา ‘อชฺฌตฺตารมฺมณา’ติปิ ‘พหิทฺธารมฺมณา’ติปิ ‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’ติปี’’ติ อิมาย ปาฬิยา วุตฺตมตฺถํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส ทเสฺสโนฺต ‘‘ชีวิตินฺทฺริยสฺส…เป.… นวตฺตพฺพตา เวทิตพฺพา’’ติ อาห, ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ
Tattha rūpanibbānānaṃ sukhādisampayuttabhāvena navattabbatā, na parittārammaṇādibhāvenāti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘athāpī’’tiādi. Tattha athāpi vattatīti sambandho. Siyā anārammaṇantipi vattabbaṃ siyāti anārammaṇaṃ dhammāyatanaṃ sārammaṇehi visuṃ katvā evaṃ vattabbaṃ siyā. Navattabba-saddo yadi sārammaṇesveva vatteyya, na cevaṃ vuttaṃ, avacane ca aññaṃ kāraṇaṃ natthīti dassento āha ‘‘na hi pañhapucchake sāvasesā desanā atthī’’ti. Tasmā navattabba-saddo anārammaṇesupi vattatevāti adhippāyo. Yāpi ‘‘aṭṭhindriyā siyā ajjhattārammaṇā’’ti ajjhattārammaṇādibhāvena navattabbatā vuttā, sā jīvitindriyassa ākiñcaññāyatanakāle paṭhamāruppaviññāṇābhāvamattārammaṇataṃ sandhāya vuttā, na sārammaṇasseva navattabbatādassanatthaṃ, nāpi anārammaṇassa parittārammaṇādibhāvena navattabbatābhāvadassanatthanti dassento ‘‘aṭṭhindriyā siyā ajjhattārammaṇāti ettha cā’’tiādimāha. Tattha siyā ajjhattārammaṇātīti iti-saddo ādiattho. Tena avasiṭṭhapāḷisaṅgaṇhanena ‘‘siyā na vattabbā ‘ajjhattārammaṇā’tipi ‘bahiddhārammaṇā’tipi ‘ajjhattabahiddhārammaṇā’tipī’’ti imāya pāḷiyā vuttamatthaṃ jīvitindriyassa dassento ‘‘jīvitindriyassa…pe… navattabbatā veditabbā’’ti āha, taṃ vuttatthameva.
ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.
อินฺทฺริยวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Indriyavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๕. อินฺทฺริยวิภโงฺค • 5. Indriyavibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā / ๑. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 1. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๕. อินฺทฺริยวิภโงฺค • 5. Indriyavibhaṅgo