Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
๑๐. อินฺทฺริยยมกํ
10. Indriyayamakaṃ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
1. Paṇṇattivāro
อุเทฺทสวารวณฺณนา
Uddesavāravaṇṇanā
๑. อินฺทฺริยยมเก วิภเงฺค วิย ชีวิตินฺทฺริยํ มนินฺทฺริยานนฺตรํ อนิทฺทิสิตฺวา ปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ อุทฺทิฎฺฐํ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิฯ กตมานิ ตีณิ? อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๒) สุเตฺต เทสิตกฺกเมนฯ ปวตฺติวาเร หิ เอกนฺตํ ปวตฺติยํ เอว อุปฺปชฺชมานานํ สุขินฺทฺริยาทีนํ กมฺมชานํ อกมฺมชานญฺจ อนุปาลกํ ชีวิตินฺทฺริยํ จุติปฎิสนฺธีสุ จ ปวตฺตมานานํ กมฺมชานนฺติ ตํมูลกานิ ยมกานิ จุติปฎิสนฺธิปวตฺติวเสน วตฺตพฺพานีติ เวทิตพฺพานิฯ จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ ปน ปุริสินฺทฺริยาวสาเนสุ ยํ มูลกเมว น โหติ มนินฺทฺริยํ, ตํ ฐเปตฺวา อวเสสมูลกานิ จุติอุปปตฺติวเสเนว วตฺตพฺพานิ อายตนยมเก วิย, ตสฺมา ชีวิตินฺทฺริยํ เตสํ มเชฺฌ อนุทฺทิสิตฺวา อเนฺต อุทฺทิฎฺฐนฺติฯ
1. Indriyayamake vibhaṅge viya jīvitindriyaṃ manindriyānantaraṃ aniddisitvā purisindriyānantaraṃ uddiṭṭhaṃ ‘‘tīṇimāni, bhikkhave, indriyāni. Katamāni tīṇi? Itthindriyaṃ purisindriyaṃ jīvitindriya’’nti (saṃ. ni. 5.492) sutte desitakkamena. Pavattivāre hi ekantaṃ pavattiyaṃ eva uppajjamānānaṃ sukhindriyādīnaṃ kammajānaṃ akammajānañca anupālakaṃ jīvitindriyaṃ cutipaṭisandhīsu ca pavattamānānaṃ kammajānanti taṃmūlakāni yamakāni cutipaṭisandhipavattivasena vattabbānīti veditabbāni. Cakkhundriyādīsu pana purisindriyāvasānesu yaṃ mūlakameva na hoti manindriyaṃ, taṃ ṭhapetvā avasesamūlakāni cutiupapattivaseneva vattabbāni āyatanayamake viya, tasmā jīvitindriyaṃ tesaṃ majjhe anuddisitvā ante uddiṭṭhanti.
อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
นิเทฺทสวารวณฺณนา
Niddesavāravaṇṇanā
๙๔. อิตฺถี อิตฺถินฺทฺริยนฺติ เอตฺถ ยสฺมา อิตฺถีติ โกจิ สภาโว นตฺถิ, น จ รูปาทิธเมฺม อุปาทาย อิตฺถิคฺคหณํ น โหติ, ตสฺมา อิตฺถิคฺคหณสฺส อวิชฺชมานมฺปิ วิชฺชมานมิว คเหตฺวา ปวตฺติโต ตถาคหิตสฺส วเสน ‘‘นตฺถี’’ติ อวตฺวา ‘‘โน’’ติ วุตฺตํฯ สุขสฺส จ เภทํ กตฺวา ‘‘สุขํ โสมนสฺส’’นฺติ, ทุกฺขสฺส จ ‘‘ทุกฺขํ โทมนสฺส’’นฺติ วจเนเนว โสมนสฺสโต อญฺญา สุขา เวทนา สุขํ, โทมนสฺสโต จ อญฺญา ทุกฺขา เวทนา ทุกฺขนฺติ อยํ วิเสโส คหิโตเยวาติ ‘‘สุขํ สุขินฺทฺริยํ ทุกฺขํ ทุกฺขินฺทฺริย’’นฺติ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ
94. Itthī itthindriyanti ettha yasmā itthīti koci sabhāvo natthi, na ca rūpādidhamme upādāya itthiggahaṇaṃ na hoti, tasmā itthiggahaṇassa avijjamānampi vijjamānamiva gahetvā pavattito tathāgahitassa vasena ‘‘natthī’’ti avatvā ‘‘no’’ti vuttaṃ. Sukhassa ca bhedaṃ katvā ‘‘sukhaṃ somanassa’’nti, dukkhassa ca ‘‘dukkhaṃ domanassa’’nti vacaneneva somanassato aññā sukhā vedanā sukhaṃ, domanassato ca aññā dukkhā vedanā dukkhanti ayaṃ viseso gahitoyevāti ‘‘sukhaṃ sukhindriyaṃ dukkhaṃ dukkhindriya’’nti ettha ‘‘āmantā’’ti vuttaṃ.
๑๔๐. สุทฺธินฺทฺริยวาเร จกฺขุ อินฺทฺริยนฺติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุปญฺญาจกฺขูนิ ปญฺญินฺทฺริยานิ โหนฺตีติ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ อวเสสํ โสตนฺติ ตณฺหาโสตเมวาหฯ
140. Suddhindriyavāre cakkhu indriyanti ettha dibbacakkhupaññācakkhūni paññindriyāni hontīti ‘‘āmantā’’ti vuttaṃ. Avasesaṃ sotanti taṇhāsotamevāha.
นิเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Niddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
๒.ปวตฺติวารวณฺณนา
2.Pavattivāravaṇṇanā
๑๘๖. ปวตฺติวาเร ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิฯ กตมานิ ฉ? จกฺขุนฺทฺริยํ…เป.… กายินฺทฺริยํ มนินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๕) สุเตฺต วุตฺตนเยน อิธ อุทฺทิฎฺฐํ มนินฺทฺริยํ จุติปฎิสนฺธิปวตฺตีสุ ปวตฺตมาเนหิ กมฺมชากมฺมเชหิ สเพฺพหิปิ โยคํ คจฺฉติ, น จ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย อญฺญธมฺมนิสฺสเยน คเหตพฺพํ, ปุพฺพงฺคมตฺตาว ปธานํ, ตสฺมา กูฎํ วิย โคปานสีนํ สพฺพินฺทฺริยานํ สโมสรณฎฺฐานํ อเนฺต ฐเปตฺวา โยชิตํฯ ชีวิตินฺทฺริยาทิมูลเกสุ ปวตฺติญฺจ คเหตฺวา คเตสุ ‘‘ยสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตานํ, ปวเตฺต สุขินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, สุขินฺทฺริยสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ชีวิตินฺทฺริยญฺจ อุปฺปชฺชติ สุขินฺทฺริยญฺจ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา สุขทุกฺขโทมนสฺสินฺทฺริเยหิ โลกุตฺตรินฺทฺริเยหิ จ โยชนา ลพฺภติ, ตถา ‘‘ยสฺส สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทุกฺขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติอาทินา ตํมูลกา จ นยาฯ เตหิ ปน ปวตฺติยํเยว อุปฺปชฺชมาเนหิ โยชนา ตํมูลกา จ จุติปฎิสนฺธิปวตฺตีสุ ปวตฺตมาเนหิ โสมนสฺสินฺทฺริยาทีหิ โยชนาย ชีวิตินฺทฺริยมูลเกหิ จ นเยหิ ปากฎาเยวาติ กตฺวา น วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
186. Pavattivāre ‘‘chayimāni, bhikkhave, indriyāni. Katamāni cha? Cakkhundriyaṃ…pe… kāyindriyaṃ manindriya’’nti (saṃ. ni. 5.495) sutte vuttanayena idha uddiṭṭhaṃ manindriyaṃ cutipaṭisandhipavattīsu pavattamānehi kammajākammajehi sabbehipi yogaṃ gacchati, na ca jīvitindriyaṃ viya aññadhammanissayena gahetabbaṃ, pubbaṅgamattāva padhānaṃ, tasmā kūṭaṃ viya gopānasīnaṃ sabbindriyānaṃ samosaraṇaṭṭhānaṃ ante ṭhapetvā yojitaṃ. Jīvitindriyādimūlakesu pavattiñca gahetvā gatesu ‘‘yassa jīvitindriyaṃ uppajjati, tassa sukhindriyaṃ uppajjatīti? Sabbesaṃ upapajjantānaṃ, pavatte sukhindriyavippayuttacittassa uppādakkhaṇe tesaṃ jīvitindriyaṃ uppajjati, no ca tesaṃ sukhindriyaṃ uppajjati, sukhindriyasampayuttacittassa uppādakkhaṇe tesaṃ jīvitindriyañca uppajjati sukhindriyañca uppajjatī’’tiādinā sukhadukkhadomanassindriyehi lokuttarindriyehi ca yojanā labbhati, tathā ‘‘yassa sukhindriyaṃ uppajjati, tassa dukkhindriyaṃ uppajjatīti? No’’tiādinā taṃmūlakā ca nayā. Tehi pana pavattiyaṃyeva uppajjamānehi yojanā taṃmūlakā ca cutipaṭisandhipavattīsu pavattamānehi somanassindriyādīhi yojanāya jīvitindriyamūlakehi ca nayehi pākaṭāyevāti katvā na vuttāti daṭṭhabbā.
‘‘สจกฺขุกานํ วินา โสมนเสฺสนาติ อุเปกฺขาสหคตานํ จตุนฺนํ มหาวิปากปฎิสนฺธีนํ วเสน วุตฺต’’นฺติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ, ตํ โสมนสฺสวิรหิตสจกฺขุกปฎิสนฺธินิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ ‘‘จตุนฺนํเยวา’’ติ นิยโม กโต, เตน ตํสมานลกฺขณา ปริตฺตวิปากรูปาวจรปฎิสนฺธิโยปิ ทสฺสิตา โหนฺติฯ ตตฺถ กามาวจเรสุ โสมนสฺสปฎิสนฺธิสมานตาย มหาวิปาเกหิ จตูหิ นิทสฺสนํ กตํ, เตน ยถา สโสมนสฺสปฎิสนฺธิกา อจกฺขุกา น โหนฺติ, เอวํ อิตรมหาวิปากปฎิสนฺธิกาปีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ คพฺภเสยฺยกานญฺจ อนุปฺปเนฺนสุ จกฺขาทีสุ จวนฺตานํ อเหตุกปฎิสนฺธิกตา สเหตุกปฎิสนฺธิกานํ กามาวจรานํ นิยมโต สจกฺขุกาทิภาวทสฺสเนน ทสฺสิตา โหติฯ คพฺภเสยฺยเกปิ หิ สนฺธาย ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ อิทํ วจนํ ยถา ยุชฺชติ, ตถา อายตนยมเก ทสฺสิตํฯ น หิ สนฺนิฎฺฐาเนน สงฺคหิตานํ คพฺภเสยฺยกานํ วชฺชเน การณํ อตฺถิ, ‘‘อิตฺถีนํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตีน’’นฺติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๗) จ เต เอว วุตฺตาติฯ
‘‘Sacakkhukānaṃvinā somanassenāti upekkhāsahagatānaṃ catunnaṃ mahāvipākapaṭisandhīnaṃ vasena vutta’’nti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ, taṃ somanassavirahitasacakkhukapaṭisandhinidassanavasena vuttanti daṭṭhabbaṃ. Na hi ‘‘catunnaṃyevā’’ti niyamo kato, tena taṃsamānalakkhaṇā parittavipākarūpāvacarapaṭisandhiyopi dassitā honti. Tattha kāmāvacaresu somanassapaṭisandhisamānatāya mahāvipākehi catūhi nidassanaṃ kataṃ, tena yathā sasomanassapaṭisandhikā acakkhukā na honti, evaṃ itaramahāvipākapaṭisandhikāpīti ayamattho dassito hoti. Gabbhaseyyakānañca anuppannesu cakkhādīsu cavantānaṃ ahetukapaṭisandhikatā sahetukapaṭisandhikānaṃ kāmāvacarānaṃ niyamato sacakkhukādibhāvadassanena dassitā hoti. Gabbhaseyyakepi hi sandhāya ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ uppajjati, tassa cakkhundriyaṃ uppajjatīti? Āmantā’’ti idaṃ vacanaṃ yathā yujjati, tathā āyatanayamake dassitaṃ. Na hi sanniṭṭhānena saṅgahitānaṃ gabbhaseyyakānaṃ vajjane kāraṇaṃ atthi, ‘‘itthīnaṃ aghānakānaṃ upapajjantīna’’ntiādīsu (yama. 3.indriyayamaka.187) ca te eva vuttāti.
อุเปกฺขาย อจกฺขุกานนฺติ อเหตุกปฎิสนฺธิวเสน วุตฺตนฺติ เอตฺถ จ กามาวจเร โสเปกฺขอจกฺขุกปฎิสนฺธิยา ตํสมานลกฺขณํ อรูปปฎิสนฺธิญฺจ นิทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เกสุจิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘อเหตุการูปปฎิสนฺธิวเสนา’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส เอว เสโยฺยฯ
Upekkhāya acakkhukānanti ahetukapaṭisandhivasena vuttanti ettha ca kāmāvacare sopekkhaacakkhukapaṭisandhiyā taṃsamānalakkhaṇaṃ arūpapaṭisandhiñca nidassetīti daṭṭhabbaṃ. Kesuci pana potthakesu ‘‘ahetukārūpapaṭisandhivasenā’’ti pāṭho dissati, so eva seyyo.
‘‘ตตฺถ หิ เอกเนฺตเนว สทฺธาสติปญฺญาโย นตฺถิ, สมาธิวีริยานิ ปน อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ยทิ ปน สมาธิวีริยานิ สนฺติ, ‘‘อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘สมาธิ สมาธินฺทฺริยนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๑๓) ‘‘วีริยํ วีริยินฺทฺริยนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๑๑) วจนโตฯ อเหตุกปฎิสนฺธิจิเตฺต จ ยถา สมาธิเลโส เอกคฺคตา อตฺถิ, น เอวํ วีริยเลโส อตฺถิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ วตฺตพฺพํ สิยา ‘‘ตตฺถ หิ เอกเนฺตเนว สทฺธาวีริยสติปญฺญาโย นตฺถิ, เอกคฺคตา ปน สมาธิเลโส เอว โหตี’’ติฯ อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – ยถา อเญฺญสุ เกสุจิ อเหตุกจิเตฺตสุ สมาธิวีริยานิ โหนฺติ อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ จ, เอวมิธ สมาธิวีริยานิ อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตีติฯ สมาธิวีริยินฺทฺริยานเมว อภาวํ ทเสฺสโนฺต อเหตุกนฺตรโต วิเสเสติ ฯ ตตฺถ ‘‘สมาธิวีริยานิ ปน น โหนฺตี’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘อินฺทฺริยปฺปตฺตานี’’ติ สมาธิเลสสฺส สมาธินฺทฺริยภาวํ อปฺปตฺตสฺส สพฺภาวโต วุตฺตํ, น วีริยเลสสฺสฯ วิเสสนญฺหิ วิเสสิตเพฺพ ปวตฺตติฯ เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ตตฺถ เอกเนฺตเนว สทฺธาวีริยสติปญฺญาโย นตฺถี’’ติ ปาโฐ, โส เอว สุนฺทรตโรฯ
‘‘Tattha hi ekanteneva saddhāsatipaññāyo natthi, samādhivīriyāni pana indriyappattāni na hontī’’ti vuttaṃ, yadi pana samādhivīriyāni santi, ‘‘indriyappattāni na hontī’’ti na sakkā vattuṃ ‘‘samādhi samādhindriyanti? Āmantā’’ti (yama. 3.indriyayamaka.113) ‘‘vīriyaṃ vīriyindriyanti? Āmantā’’ti (yama. 3.indriyayamaka.111) vacanato. Ahetukapaṭisandhicitte ca yathā samādhileso ekaggatā atthi, na evaṃ vīriyaleso atthi, tasmā evamettha vattabbaṃ siyā ‘‘tattha hi ekanteneva saddhāvīriyasatipaññāyo natthi, ekaggatā pana samādhileso eva hotī’’ti. Ayaṃ panettha adhippāyo siyā – yathā aññesu kesuci ahetukacittesu samādhivīriyāni honti indriyappattāni ca, evamidha samādhivīriyāni indriyappattāni na hontīti. Samādhivīriyindriyānameva abhāvaṃ dassento ahetukantarato viseseti . Tattha ‘‘samādhivīriyāni pana na hontī’’ti vattabbe ‘‘indriyappattānī’’ti samādhilesassa samādhindriyabhāvaṃ appattassa sabbhāvato vuttaṃ, na vīriyalesassa. Visesanañhi visesitabbe pavattati. Yesu pana potthakesu ‘‘tattha ekanteneva saddhāvīriyasatipaññāyo natthī’’ti pāṭho, so eva sundarataro.
ยาว จกฺขุนฺทฺริยํ นุปฺปชฺชติ, ตาว คพฺภคตานํ อจกฺขุกานํ ภาโว อตฺถีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘สเหตุกานํ อจกฺขุกานนฺติ คพฺภเสยฺยกวเสน เจว อรูปีวเสน จ วุตฺต’’นฺติฯ คพฺภเสยฺยกาปิ ปน อวสฺสํ อุปฺปชฺชนกจกฺขุกา น ลพฺภนฺตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ สจกฺขุกานํ ญาณวิปฺปยุตฺตานนฺติ กามธาตุยํ ทุเหตุกปฎิสนฺธิกานํ วเสน วุตฺตนฺติ อิธาปิ อเหตุกปฎิสนฺธิกา จ อจกฺขุกา ลพฺภเนฺตวฯ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยสนฺตานานมฺปิ อุปปตฺติวเสน อุปฺปาโท, จุติวเสน นิโรโธ พาหุลฺลวเสน ทสฺสิโตฯ กทาจิ หิ เตสํ ปฐมกปฺปิกาทีนํ วิย ปวตฺติยมฺปิ อุปฺปาทนิโรธา โหนฺตีติฯ เอตฺถ ปุริสินฺทฺริยาวสาเนสุ อินฺทฺริยมูลยมเกสุ ปฐมปุจฺฉาสุ สนฺนิฎฺฐาเนหิ คหิเตหิ อุปปตฺติจุติวเสน คจฺฉเนฺตหิ จกฺขุนฺทฺริยาทีหิ นิยมิตตฺตา ชีวิตินฺทฺริยาทีนํ ปวตฺติวเสนปิ ลพฺภมานานํ อุปปตฺติจุติวเสเนว ทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฎฺฐาเนหิ คหณํ เวทิตพฺพํฯ
Yāva cakkhundriyaṃ nuppajjati, tāva gabbhagatānaṃ acakkhukānaṃ bhāvo atthīti iminā adhippāyenāha ‘‘sahetukānaṃ acakkhukānanti gabbhaseyyakavasena ceva arūpīvasena ca vutta’’nti. Gabbhaseyyakāpi pana avassaṃ uppajjanakacakkhukā na labbhantīti daṭṭhabbā. Sacakkhukānaṃ ñāṇavippayuttānanti kāmadhātuyaṃ duhetukapaṭisandhikānaṃ vasena vuttanti idhāpi ahetukapaṭisandhikā ca acakkhukā labbhanteva. Itthipurisindriyasantānānampi upapattivasena uppādo, cutivasena nirodho bāhullavasena dassito. Kadāci hi tesaṃ paṭhamakappikādīnaṃ viya pavattiyampi uppādanirodhā hontīti. Ettha purisindriyāvasānesu indriyamūlayamakesu paṭhamapucchāsu sanniṭṭhānehi gahitehi upapatticutivasena gacchantehi cakkhundriyādīhi niyamitattā jīvitindriyādīnaṃ pavattivasenapi labbhamānānaṃ upapatticutivaseneva dutiyapucchāsu sanniṭṭhānehi gahaṇaṃ veditabbaṃ.
๑๙๐. รูปชีวิตินฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริยาทิสมานคติกํ จุติปฎิสนฺธิวเสเนว คจฺฉติ สนฺตานุปฺปตฺตินิโรธทสฺสนโตติ อาห ‘‘ปวเตฺต โสมนสฺสวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อรูปชีวิตินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ เอเตสเญฺจว อเญฺญสญฺจ ปญฺจินฺทฺริยานํ ยถาลาภวเสนาติ เอตฺถ เอเตสํ ชีวิตินฺทฺริยาทีนํ จุติปฎิสนฺธิปวเตฺตสุ, อเญฺญสญฺจ จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ จุติปฎิสนฺธีสูติ เอวํ ยถาลาโภ ทฎฺฐโพฺพฯ อยํ ปน เฉเทเยวาติ เอตฺถ ตสฺส ตสฺส ปริปุณฺณปญฺหสฺส ตสฺมิํ ตสฺมิํ สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชเน วิสฺสชฺชิเต ปจฺฉิมโกฎฺฐาสสฺส เฉโทติ นามํ ทฎฺฐพฺพํฯ
190. Rūpajīvitindriyaṃ cakkhundriyādisamānagatikaṃ cutipaṭisandhivaseneva gacchati santānuppattinirodhadassanatoti āha ‘‘pavatte somanassavippayuttacittassa uppādakkhaṇeti arūpajīvitindriyaṃ sandhāya vutta’’nti. Etesañceva aññesañca pañcindriyānaṃ yathālābhavasenāti ettha etesaṃ jīvitindriyādīnaṃ cutipaṭisandhipavattesu, aññesañca cakkhundriyādīnaṃ cutipaṭisandhīsūti evaṃ yathālābho daṭṭhabbo. Ayaṃ pana chedeyevāti ettha tassa tassa paripuṇṇapañhassa tasmiṃ tasmiṃ sarūpadassanena vissajjane vissajjite pacchimakoṭṭhāsassa chedoti nāmaṃ daṭṭhabbaṃ.
ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชตีติ? วินา โสมนเสฺสน อุปปชฺชนฺตานํ ปวเตฺต โสมนสฺสวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ ชีวิตินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘นิโรธสมาปนฺนานํ อสญฺญสตฺตาน’’นฺติ อวจนํ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทิสมานคติกตํ ทีเปติฯ ตสฺส หิ อุปปตฺติยํเยว อุปฺปาโท วตฺตโพฺพติฯ ‘‘วินา โสมนเสฺสน อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ เอตฺถ อสญฺญสเตฺต สงฺคเหตฺวา ปวตฺติวเสน เต จ นิโรธสมาปนฺนา จ น วุตฺตา, อนุปฺปาโทปิ ปเนตสฺส จุติอุปปตฺตีเสฺวว วตฺตโพฺพ, น ปวเตฺตติฯ ปจฺฉิมโกฎฺฐาเสปิ ‘‘สเพฺพสํ จวนฺตานํ, ปวเตฺต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจ น อุปฺปชฺชติ ชีวิตินฺทฺริยญฺจ น อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ‘‘สเพฺพสํ จวนฺตาน’’นฺติ เอเตฺถว อสญฺญสเตฺต สงฺคณฺหิตฺวา ปวตฺติวเสน เต จ นิโรธสมาปนฺนา น จ วุตฺตาฯ ยสฺสยตฺถเก จ นิโรธสมาปนฺนา น ทเสฺสตพฺพา น คเหตพฺพาติ อโตฺถฯ น หิ ‘‘นิโรธสมาปนฺนาน’’นฺติ วจนํ ‘‘อสญฺญสตฺตาน’’นฺติ วจนํ วิย โอกาสทีปกํ, นาปิ ‘‘อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, สเพฺพสํ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติอาทิวจนํ วิย โสมนสฺสินฺทฺริยาทีนํ อนุปฺปาทกฺขณทีปกํ, อถ โข ปุคฺคลทีปกเมวาติฯ
Yassa vā pana somanassindriyaṃ na uppajjati, tassa jīvitindriyaṃ na uppajjatīti? Vinā somanassena upapajjantānaṃ pavatte somanassavippayuttacittassa uppādakkhaṇe tesaṃ somanassindriyaṃ na uppajjati, no ca tesaṃ jīvitindriyaṃ na uppajjatīti ettha ‘‘nirodhasamāpannānaṃ asaññasattāna’’nti avacanaṃ rūpajīvitindriyassa cakkhundriyādisamānagatikataṃ dīpeti. Tassa hi upapattiyaṃyeva uppādo vattabboti. ‘‘Vinā somanassena upapajjantāna’’nti ettha asaññasatte saṅgahetvā pavattivasena te ca nirodhasamāpannā ca na vuttā, anuppādopi panetassa cutiupapattīsveva vattabbo, na pavatteti. Pacchimakoṭṭhāsepi ‘‘sabbesaṃ cavantānaṃ, pavatte cittassa bhaṅgakkhaṇe tesaṃ somanassindriyañca na uppajjati jīvitindriyañca na uppajjatī’’ti evaṃ ‘‘sabbesaṃ cavantāna’’nti ettheva asaññasatte saṅgaṇhitvā pavattivasena te ca nirodhasamāpannā na ca vuttā. Yassayatthake ca nirodhasamāpannā na dassetabbā na gahetabbāti attho. Na hi ‘‘nirodhasamāpannāna’’nti vacanaṃ ‘‘asaññasattāna’’nti vacanaṃ viya okāsadīpakaṃ, nāpi ‘‘upekkhāsampayuttacittassa uppādakkhaṇe, sabbesaṃ cittassa bhaṅgakkhaṇe’’tiādivacanaṃ viya somanassindriyādīnaṃ anuppādakkhaṇadīpakaṃ, atha kho puggaladīpakamevāti.
อตีตกาลเภเท สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ตตฺถ โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถ ชีวิตินฺทฺริยญฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถาติ เอตฺถ ‘‘อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘สุทฺธาวาสํ อุปปชฺชนฺตานํ, อสญฺญสตฺตานํ เตสํ ตตฺถ โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถ มนินฺทฺริยญฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๒๗๗) เอตฺถ วิย ‘‘อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํฯ ยถา หิ โสมนสฺสมนินฺทฺริยานํ วเสน อุปปชฺชนฺตา ปุคฺคลา อุปปตฺติจิตฺตสมงฺคิโน โหนฺติ, น เอวํ โสมนสฺสชีวิตินฺทฺริยานํ วเสน อุปปตฺติสมงฺคิโนเยว โหนฺติฯ ชีวิตินฺทฺริยสฺส หิ วเสน ยาว ปฐมรูปชีวิตินฺทฺริยํ ธรติ, ตาว อุปปชฺชนฺตา นาม โหนฺติฯ ตทา จ ทุติยจิตฺตโต ปฎฺฐาย ‘‘ชีวิตินฺทฺริยญฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ อรูปชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธตฺตา, ตสฺมา อุภยํ อุปฺปาทกฺขเณน นิทสฺสิตํฯ ยถา หิ ‘‘น นิรุชฺฌิตฺถา’’ติ อิทํ ลกฺขณํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ทฺวีสุ ขเณสุ ลพฺภมานํ สพฺพปฐเมน อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณน นิทสฺสิตํ, เอวมิธาปิ ทฎฺฐพฺพํฯ
Atītakālabhede suddhāvāsānaṃ upapatticittassa uppādakkhaṇe tesaṃ tattha somanassindriyañca na uppajjittha jīvitindriyañca na uppajjitthāti ettha ‘‘upapatticittassa uppādakkhaṇe’’ti kasmā vuttaṃ, nanu ‘‘suddhāvāsaṃ upapajjantānaṃ, asaññasattānaṃ tesaṃ tattha somanassindriyañca na uppajjittha manindriyañca na uppajjitthā’’ti (yama. 3.indriyayamaka.277) ettha viya ‘‘upapajjantāna’’nti vattabbanti? Na vattabbaṃ. Yathā hi somanassamanindriyānaṃ vasena upapajjantā puggalā upapatticittasamaṅgino honti, na evaṃ somanassajīvitindriyānaṃ vasena upapattisamaṅginoyeva honti. Jīvitindriyassa hi vasena yāva paṭhamarūpajīvitindriyaṃ dharati, tāva upapajjantā nāma honti. Tadā ca dutiyacittato paṭṭhāya ‘‘jīvitindriyañca na uppajjitthā’’ti na sakkā vattuṃ arūpajīvitindriyassa uppajjitvā niruddhattā, tasmā ubhayaṃ uppādakkhaṇena nidassitaṃ. Yathā hi ‘‘na nirujjhitthā’’ti idaṃ lakkhaṇaṃ upapatticittassa dvīsu khaṇesu labbhamānaṃ sabbapaṭhamena upapatticittassa bhaṅgakkhaṇena nidassitaṃ, evamidhāpi daṭṭhabbaṃ.
อนาคตกาลเภเท อุปฺปชฺชิสฺสมาเน สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา อญฺญสฺส จ อุปฺปชฺชิสฺสมานตาว ปุจฺฉิตาฯ ตตฺถ ยถา ปจฺจุปฺปนฺนกาลเภเท สนฺนิฎฺฐานสํสยเภเทหิ อุปฺปชฺชมานเสฺสว คหิตตฺตา ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ , อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อุปปชฺชนฺตเสฺสว ปุจฺฉิตานํ อุปปตฺติยํเยว เตสํ อุปฺปาโท สมฺภวติ, น อญฺญตฺถ, น เอวมิธ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อุปปชฺชนฺตเสฺสว ปุจฺฉิตานํ เตสํ อุปปตฺติโต อญฺญตฺถ อุปฺปาโท น สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ เอวญฺจ กตฺวา นิโรธวาเรปิ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ น หิ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสติ, อปิ ปจฺฉิมภวิกสฺส อุเปกฺขาสหคตปฎิสนฺธิกสฺสฯ น หิ อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส จุติโต ปุเพฺพว โสมนสฺสินฺทฺริยนิโรโธ น สมฺภวตีติฯ เอตฺถ หิ ปฐมปุจฺฉาสุ สนฺนิฎฺฐานโตฺถ ปุจฺฉิตพฺพตฺถนิสฺสโย มาทิโสว อุปปตฺติอุปฺปาทินฺทฺริยวา อุภยุปฺปาทินฺทฺริยวา อโตฺถ ปฎินิวตฺติตฺวาปิ ปุจฺฉิตพฺพตฺถสฺส นิสฺสโยติ เอวํ วิย ทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฎฺฐานตฺถเมว นิยเมติ, น ตเตฺถว ปุจฺฉิตพฺพํ อนาคตภาวมเตฺตน สรูปโต คหิตํ อุปฺปาทํ วา นิโรธํ วา สํสยตฺถนฺติฯ ยสฺมา เจวํ สนฺนิฎฺฐานตฺถสฺส นิยโม โหติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๒๘๑) วุตฺตํฯ เอส นโย นิโรธวาเรปิฯ
Anāgatakālabhede uppajjissamāne sanniṭṭhānaṃ katvā aññassa ca uppajjissamānatāva pucchitā. Tattha yathā paccuppannakālabhede sanniṭṭhānasaṃsayabhedehi uppajjamānasseva gahitattā ‘‘yassa cakkhundriyādīni uppajjanti , upapajjantassa tassa jīvitindriyādīni uppajjantī’’ti upapajjantasseva pucchitānaṃ upapattiyaṃyeva tesaṃ uppādo sambhavati, na aññattha, na evamidha ‘‘yassa cakkhundriyādīni uppajjissanti, upapajjantassa tassa jīvitindriyādīni uppajjissantī’’ti upapajjantasseva pucchitānaṃ tesaṃ upapattito aññattha uppādo na sambhavati, tasmā ‘‘yassa cakkhundriyaṃ uppajjissati, tassa somanassindriyaṃ uppajjissatīti? Āmantā’’ti vuttaṃ. Evañca katvā nirodhavārepi ‘‘yassa cakkhundriyaṃ nirujjhissati, tassa somanassindriyaṃ nirujjhissatīti? Āmantā’’ti vuttaṃ. Na hi yassa cakkhundriyaṃ nirujjhissati, tassa somanassindriyaṃ na nirujjhissati, api pacchimabhavikassa upekkhāsahagatapaṭisandhikassa. Na hi upapajjantassa tassa cutito pubbeva somanassindriyanirodho na sambhavatīti. Ettha hi paṭhamapucchāsu sanniṭṭhānattho pucchitabbatthanissayo mādisova upapattiuppādindriyavā ubhayuppādindriyavā attho paṭinivattitvāpi pucchitabbatthassa nissayoti evaṃ viya dutiyapucchāsu sanniṭṭhānatthameva niyameti, na tattheva pucchitabbaṃ anāgatabhāvamattena sarūpato gahitaṃ uppādaṃ vā nirodhaṃ vā saṃsayatthanti. Yasmā cevaṃ sanniṭṭhānatthassa niyamo hoti, tasmā ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ uppajjissati, tassa cakkhundriyaṃ uppajjissatīti? Āmantā’’ti (yama. 3.indriyayamaka.281) vuttaṃ. Esa nayo nirodhavārepi.
ปฎิโลเม ปน ยถา อนุโลเม ‘‘อุปฺปชฺชิสฺสติ นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปฺปาทนิโรธา อนาคตา สรูปวเสน วุตฺตา, เอวํ อวุตฺตตฺตา ยถา ตตฺถ สํสยปเทน คหิตสฺส อินฺทฺริยสฺส ปวตฺติยมฺปิ อุปฺปาทนิโรธา จกฺขุนฺทฺริยาทิมูลเกสุ โยชิตา, น เอวํ โยเชตพฺพาฯ ยถา หิ อุปฺปาทนิโรเธ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ อุปฺปาทนิโรธา สมฺภวนฺติ โยเชตุํ, น เอวํ อนุปฺปาทานิโรเธ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ อนุปฺปาทานิโรธา สมฺภวนฺติ อภูตาภาวสฺส อภูตาภาวํ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ สมฺภวานุปฺปตฺติโต, อภูตุปฺปาทนิโรธาภาโว จ ปฎิโลเม ปุจฺฉิโต, ตสฺมาสฺส วิเสสรหิตสฺส อภูตาภาวสฺส วตฺตมานานํ อุปฺปาทสฺส วิย กาลนฺตรโยคาภาวโต ยาทิสานํ จกฺขาทีนํ อุปฺปาทนิโรธาภาเวน ปุจฺฉิตพฺพสฺส นิสฺสโย สนฺนิฎฺฐาเนน สนฺนิจฺฉิโต, ตนฺนิสฺสยา ตาทิสานํเยว อุปปตฺติจุติอุปฺปาทนิโรธานํ ชีวิตาทีนมฺปิ อนุปฺปาทานิโรธา สํสยปเทน ปุจฺฉิตา โหนฺตีติ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๓๐๘) จ, ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ จ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘เย อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ชีวิตินฺทฺริยอุเปกฺขินฺทฺริยาทีสุ วิย วิสฺสชฺชนนฺติฯ
Paṭilome pana yathā anulome ‘‘uppajjissati nirujjhissatī’’ti uppādanirodhā anāgatā sarūpavasena vuttā, evaṃ avuttattā yathā tattha saṃsayapadena gahitassa indriyassa pavattiyampi uppādanirodhā cakkhundriyādimūlakesu yojitā, na evaṃ yojetabbā. Yathā hi uppādanirodhe atikkamitvā appatvā ca uppādanirodhā sambhavanti yojetuṃ, na evaṃ anuppādānirodhe atikkamitvā appatvā ca anuppādānirodhā sambhavanti abhūtābhāvassa abhūtābhāvaṃ atikkamitvā appatvā ca sambhavānuppattito, abhūtuppādanirodhābhāvo ca paṭilome pucchito, tasmāssa visesarahitassa abhūtābhāvassa vattamānānaṃ uppādassa viya kālantarayogābhāvato yādisānaṃ cakkhādīnaṃ uppādanirodhābhāvena pucchitabbassa nissayo sanniṭṭhānena sannicchito, tannissayā tādisānaṃyeva upapatticutiuppādanirodhānaṃ jīvitādīnampi anuppādānirodhā saṃsayapadena pucchitā hontīti ‘‘yassa cakkhundriyaṃ nuppajjissati, tassa somanassindriyaṃ nuppajjissatīti? Āmantā’’ti (yama. 3.indriyayamaka.308) ca, ‘‘yassa cakkhundriyaṃ na nirujjhissati, tassa somanassindriyaṃ na nirujjhissatīti? Āmantā’’ti ca vuttaṃ, na vuttaṃ ‘‘ye arūpaṃ upapajjitvā parinibbāyissantī’’tiādinā jīvitindriyaupekkhindriyādīsu viya vissajjananti.
เย รูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ ฆานินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสติ, โน จ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอตฺถ เย โสเปกฺขปฎิสนฺธิกา ภวิสฺสนฺติ, เต ‘‘เย จ อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตี’’ติ เอเตน ปจฺฉิมโกฎฺฐาสวจเนน ตํสมานลกฺขณตาย สงฺคหิตาติ เย โสมนสฺสปฎิสนฺธิกา ภวิสฺสนฺติ, เต เอว วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Ye rūpāvacaraṃ upapajjitvā parinibbāyissanti, tesaṃ ghānindriyaṃ na uppajjissati, no ca tesaṃ somanassindriyaṃ na uppajjissatī’’ti ettha ye sopekkhapaṭisandhikā bhavissanti, te ‘‘ye ca arūpaṃ upapajjitvā parinibbāyissantī’’ti etena pacchimakoṭṭhāsavacanena taṃsamānalakkhaṇatāya saṅgahitāti ye somanassapaṭisandhikā bhavissanti, te eva vuttāti daṭṭhabbā.
อฎฺฐกถายํ เยสุ อาทิมโปตฺถเกสุ ‘‘อตีตานาคตวาเร สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ มนินฺทฺริยญฺจ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ธมฺมยมเก วิย อุปฺปาทกฺขณาติกฺกมวเสน อตฺถํ อคฺคเหตฺวา’’ติ ลิขิตํ, ตํ ปมาทลิขิตํฯ เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวาเร สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ มนินฺทฺริยญฺจ นุปฺปชฺชิตฺถาติ…เป.… ตสฺมิํ ภเว อนุปฺปนฺนปุพฺพวเสน อโตฺถ คเหตโพฺพ’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส เอว สุนฺทรตโรติฯ
Aṭṭhakathāyaṃ yesu ādimapotthakesu ‘‘atītānāgatavāre suddhāvāsānaṃ upapatticittassa bhaṅgakkhaṇe manindriyañca nuppajjitthāti dhammayamake viya uppādakkhaṇātikkamavasena atthaṃ aggahetvā’’ti likhitaṃ, taṃ pamādalikhitaṃ. Yesu pana potthakesu ‘‘paccuppannātītavāre suddhāvāsānaṃ upapatticittassa bhaṅgakkhaṇe manindriyañca nuppajjitthāti…pe… tasmiṃ bhave anuppannapubbavasena attho gahetabbo’’ti pāṭho dissati, so eva sundarataroti.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pavattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. ปริญฺญาวารวณฺณนา
3. Pariññāvāravaṇṇanā
๔๓๕-๔๘๒. ปริญฺญาวาเร โลกิยอพฺยากตมิสฺสกานิ จาติ ทุกฺขสจฺจปริยาปเนฺนหิ เอกนฺตปริเญฺญเยฺยหิ โลกิยอพฺยากเตหิ มิสฺสกตฺตา ตานิ อุปาทาย มนินฺทฺริยาทีนํ เวทนากฺขนฺธาทีนํ วิย ปริเญฺญยฺยตา จ วุตฺตาฯ ยทิ ปริเญฺญยฺยมิสฺสกตฺตา ปริเญฺญยฺยตา โหติ, กสฺมา ธมฺมยมเก ‘‘โย กุสลํ ธมฺมํ ภาเวติ, โส อพฺยากตํ ธมฺมํ ปริชานาตี’’ติอาทินา อพฺยากตปเทน โยเชตฺวา ยมกานิ น วุตฺตานีติ? ยถา ‘‘กุสลํ ภาเวมิ, อกุสลํ ปชหามี’’ติ กุสลากุสเลสุ ภาวนาปหานาภินิเวโส โหติ, ตถา ‘‘เวทนากฺขโนฺธ อนิโจฺจ, ธมฺมายตนํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ขนฺธาทีสุ ปริชานาภินิเวโส โหติ, ตตฺถ เวทนากฺขนฺธาทโย ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปริชานิตพฺพา, เต จ เวทนากฺขนฺธาทิภาวํ คเหตฺวา ปริชานิตพฺพา, น อพฺยากตภาวนฺติฯ
435-482. Pariññāvāre lokiyaabyākatamissakāni cāti dukkhasaccapariyāpannehi ekantapariññeyyehi lokiyaabyākatehi missakattā tāni upādāya manindriyādīnaṃ vedanākkhandhādīnaṃ viya pariññeyyatā ca vuttā. Yadi pariññeyyamissakattā pariññeyyatā hoti, kasmā dhammayamake ‘‘yo kusalaṃ dhammaṃ bhāveti, so abyākataṃ dhammaṃ parijānātī’’tiādinā abyākatapadena yojetvā yamakāni na vuttānīti? Yathā ‘‘kusalaṃ bhāvemi, akusalaṃ pajahāmī’’ti kusalākusalesu bhāvanāpahānābhiniveso hoti, tathā ‘‘vedanākkhandho anicco, dhammāyatanaṃ anicca’’ntiādinā khandhādīsu parijānābhiniveso hoti, tattha vedanākkhandhādayo ‘‘anicca’’ntiādinā parijānitabbā, te ca vedanākkhandhādibhāvaṃ gahetvā parijānitabbā, na abyākatabhāvanti.
กสฺมา ปเนตฺถ ทุกฺขสจฺจภาชนีเย อาคตสฺส โทมนสฺสสฺส ปหาตพฺพตาว วุตฺตา, น ปริเญฺญยฺยตา, นนุ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนา เวทนากฺขนฺธาทโย กุสลากุสลภาเวน อคฺคหิตา กุสลากุสลาปิ ปริเญฺญยฺยาติ? สจฺจํ, ยถา ปน เวทนากฺขนฺธาทิภาโว ภาเวตพฺพปหาตพฺพภาเวหิ วินาปิ โหติ, น เอวํ โทมนสฺสินฺทฺริยภาโว ปหาตพฺพภาเวน วินา โหตีติ อิมํ วิเสสํ ทเสฺสตุํ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส ปหาตพฺพตาว อิธ วุตฺตา, น ปริเญฺญยฺยภาวสฺส อภาวโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ อกุสลํ เอกนฺตโต ปหาตพฺพเมวาติ เอเตน ปหาตพฺพเมว, น อปฺปหาตพฺพนฺติ อปฺปหาตพฺพเมว นิวาเรติ, น ปริเญฺญยฺยภาวนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญินฺทฺริยํ ภาเวตพฺพนิฎฺฐํ, น ปน สจฺฉิกาตพฺพนิฎฺฐนฺติ ภาเวตพฺพภาโว เอว ตสฺส คหิโตติฯ ‘‘เทฺว ปุคฺคลา’’ติอาทิ ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ น ปริชานาตี’’ติอาทิกสฺส ปรโต ลิขิตพฺพํ อุปฺปฎิปาฎิยา ลิขิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ จกฺขุนฺทฺริยมูลกญฺหิ อติกฺกมิตฺวา โทมนสฺสินฺทฺริยมูลเก อิทํ วุตฺตํ ‘‘เทฺว ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยํ น ปชหนฺติ โน จ อญฺญินฺทฺริยํ น ภาเวนฺตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๐)ฯ
Kasmā panettha dukkhasaccabhājanīye āgatassa domanassassa pahātabbatāva vuttā, na pariññeyyatā, nanu dukkhasaccapariyāpannā vedanākkhandhādayo kusalākusalabhāvena aggahitā kusalākusalāpi pariññeyyāti? Saccaṃ, yathā pana vedanākkhandhādibhāvo bhāvetabbapahātabbabhāvehi vināpi hoti, na evaṃ domanassindriyabhāvo pahātabbabhāvena vinā hotīti imaṃ visesaṃ dassetuṃ domanassindriyassa pahātabbatāva idha vuttā, na pariññeyyabhāvassa abhāvatoti daṭṭhabbo. Akusalaṃ ekantato pahātabbamevāti etena pahātabbameva, na appahātabbanti appahātabbameva nivāreti, na pariññeyyabhāvanti daṭṭhabbaṃ. Aññindriyaṃ bhāvetabbaniṭṭhaṃ, na pana sacchikātabbaniṭṭhanti bhāvetabbabhāvo eva tassa gahitoti. ‘‘Dve puggalā’’tiādi ‘‘cakkhundriyaṃ na parijānātī’’tiādikassa parato likhitabbaṃ uppaṭipāṭiyā likhitanti daṭṭhabbaṃ. Cakkhundriyamūlakañhi atikkamitvā domanassindriyamūlake idaṃ vuttaṃ ‘‘dve puggalā domanassindriyaṃ na pajahanti no ca aññindriyaṃ na bhāventī’’ti (yama. 3.indriyayamaka.440).
เอตฺถ จ ปุถุชฺชโน, อฎฺฐ จ อริยาติ นว ปุคฺคลาฯ เตสุ ปุถุชฺชโน ภพฺพาภพฺพวเสน ทุวิโธ, โส ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อาคตฎฺฐาเนสุ ‘‘ฉ ปุคฺคลา จกฺขุนฺทฺริยญฺจ น ปริชานิตฺถ โทมนสฺสินฺทฺริยญฺจ น ปชหิตฺถา’’ติอาทีสุ จ อภินฺทิตฺวา คหิโตฯ ‘‘เย ปุถุชฺชนา มคฺคํ ปฎิลภิสฺสนฺตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๙, ๕๑-๕๒) อาคตฎฺฐาเนสุ ‘‘ปญฺจ ปุคฺคลา จกฺขุนฺทฺริยญฺจ ปริชานิสฺสนฺติ โทมนสฺสินฺทฺริยญฺจ ปชหิสฺสนฺตี’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๕๑) จ ภโพฺพ เอว ภินฺทิตฺวา คหิโตฯ ‘‘เย จ ปุถุชฺชนา มคฺคํ น ปฎิลภิสฺสนฺตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๕๑) อาคตฎฺฐาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยญฺจ นปฺปชหิสฺสนฺติ จกฺขุนฺทฺริยญฺจ น ปริชานิสฺสนฺตี’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๕๕) จ อภโพฺพ เอวฯ อคฺคผลสมงฺคี จ ปฐมผลสมงฺคี อรหา จาติ ทุวิโธฯ โสปิ ‘‘อรหา’’ติ อาคตฎฺฐาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยญฺจ ภาวิตฺถ โทมนสฺสินฺทฺริยญฺจ ปชหิตฺถา’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๔) จ อภินฺทิตฺวา คหิโตฯ ‘‘โย อคฺคผลํ สจฺฉิกโรตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๖) อาคตฎฺฐาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยํ ปชหิตฺถ, โน จ อญฺญาตาวินฺทฺริยํ สจฺฉิกริตฺถา’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๔) จ ปฐมผลสมงฺคี จ ภินฺทิตฺวา คหิโตฯ ‘‘โย อคฺคผลํ สจฺฉากาสี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๓, ๔๔๖) อาคตฎฺฐาเนสุ อิตโรวาติ เอวํ ปุคฺคลเภทํ ญตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สนฺนิฎฺฐาเนน คหิตปุคฺคเล นิทฺธาเรตฺวา วิสฺสชฺชนํ โยเชตพฺพนฺติฯ
Ettha ca puthujjano, aṭṭha ca ariyāti nava puggalā. Tesu puthujjano bhabbābhabbavasena duvidho, so ‘‘puthujjano’’ti āgataṭṭhānesu ‘‘cha puggalā cakkhundriyañca na parijānittha domanassindriyañca na pajahitthā’’tiādīsu ca abhinditvā gahito. ‘‘Ye puthujjanā maggaṃ paṭilabhissantī’’ti (yama. 1.saccayamaka.49, 51-52) āgataṭṭhānesu ‘‘pañca puggalā cakkhundriyañca parijānissanti domanassindriyañca pajahissantī’’tiādīsu (yama. 3.indriyayamaka.451) ca bhabbo eva bhinditvā gahito. ‘‘Ye ca puthujjanā maggaṃ na paṭilabhissantī’’ti (yama. 1.saccayamaka.51) āgataṭṭhānesu ‘‘tayo puggalā domanassindriyañca nappajahissanti cakkhundriyañca na parijānissantī’’tiādīsu (yama. 3.indriyayamaka.455) ca abhabbo eva. Aggaphalasamaṅgī ca paṭhamaphalasamaṅgī arahā cāti duvidho. Sopi ‘‘arahā’’ti āgataṭṭhānesu ‘‘tayo puggalā anaññātaññassāmītindriyañca bhāvittha domanassindriyañca pajahitthā’’tiādīsu (yama. 3.indriyayamaka.444) ca abhinditvā gahito. ‘‘Yo aggaphalaṃ sacchikarotī’’ti (yama. 3.indriyayamaka.446) āgataṭṭhānesu ‘‘tayo puggalā domanassindriyaṃ pajahittha, no ca aññātāvindriyaṃ sacchikaritthā’’tiādīsu (yama. 3.indriyayamaka.444) ca paṭhamaphalasamaṅgī ca bhinditvā gahito. ‘‘Yo aggaphalaṃ sacchākāsī’’ti (yama. 3.indriyayamaka.443, 446) āgataṭṭhānesu itarovāti evaṃ puggalabhedaṃ ñatvā tattha tattha sanniṭṭhānena gahitapuggale niddhāretvā vissajjanaṃ yojetabbanti.
ปริญฺญาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pariññāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.
อินฺทฺริยยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Indriyayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.
ยมกปกรณ-มูลฎีกา สมตฺตาฯ
Yamakapakaraṇa-mūlaṭīkā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๘. จิตฺตยมกํ • 8. Cittayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑๐. อินฺทฺริยยมกํ • 10. Indriyayamakaṃ