Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๑๐. อินฺทฺริยยมกํ

    10. Indriyayamakaṃ

    ๑. ปณฺณตฺติวาโร

    1. Paṇṇattivāro

    อุเทฺทสวารวณฺณนา

    Uddesavāravaṇṇanā

    . อินฺทฺริยยมเก วิภเงฺค วิยาติ ยถา อินฺทฺริยวิภเงฺค ปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ ชีวิตินฺทฺริยํ อุทฺทิฎฺฐํ, น มนินฺทฺริยานนฺตรํ, เอวํ อิมสฺมิํ อินฺทฺริยยมเกฯ ตญฺจ สุตฺตเทสนานุโรเธนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตีณิมานิ…เป.… สุเตฺต เทสิตกฺกเมนา’’ติ อาหฯ โสยํ ยทตฺถํ ตสฺส สุเตฺต เทสิตกฺกเมน อุเทฺทโส, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปวตฺติวาเรหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา ‘‘ชีวิตินฺทฺริย’’นฺติ อิทํ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส อรูปชีวิตินฺทฺริยสฺส จ สามญฺญโต คหณํ, เอวํ อุปาทินฺนสฺส อนุปาทินฺนสฺส จาติ อาห ‘‘กมฺมชานํ อกมฺมชานญฺจ อนุปาลก’’นฺติฯ อถ วา สหชธมฺมานุปาลกมฺปิ ชีวิตินฺทฺริยํ น เกวลํ ขณฎฺฐิติยา เอว การณํ, อถ โข ปพนฺธานุปเจฺฉทสฺสปิ การณเมวฯ อญฺญถา อายุกฺขยมรณํ น สมฺภเวยฺย, ตสฺมา ‘‘กมฺมชานญฺจ อนุปาลก’’นฺติ อวิเสสโต วุตฺตํ, จุติปฎิสนฺธีสุ จ ปวตฺตมานานํ กมฺมชานํ อนุปาลกํฯ อิตีติ ตสฺมาฯ ตํมูลกานีติ ชีวิตินฺทฺริยมูลกานิฯ จุติปฎิสนฺธิปวตฺติวเสนาติ จุติปฎิสนฺธิวเสน ปวตฺติวเสน จฯ ตตฺถ ยํ อุปาทินฺนํ, ตํ จุติปฎิสนฺธิวเสเนว, อิตรํ อิตรวเสนปิ วตฺตพฺพํฯ ยสฺมา จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ ปุริสินฺทฺริยาวสาเนสุ เอกนฺตอุปาทิเนฺนสุ อตํสภาวตฺตา ยํ มนินฺทฺริยํ มูลเมว น โหติ, ตสฺมา ตํ ฐเปตฺวา อวเสสมูลกานิ จกฺขุนฺทฺริยาทิมูลกานิฯ อายตนยมเก วิยาติ ยถา อายตนยมเก ปฎิสนฺธิวเสนายตนานํ อุปฺปาโท, มรณวเสน จ นิโรโธ วุโตฺต, เอวมิธาปิ จุติอุปปตฺติวเสเนว วตฺตพฺพานิ, ตสฺมา อตํสภาวตฺตา ชีวิตินฺทฺริยํ เตสํ จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ มเชฺฌ อนุทฺทิสิตฺวา อเนฺต ปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ อุทฺทิฎฺฐํฯ ยํ ปน จกฺขุนฺทฺริยาทิมูลเกสุ มนินฺทฺริยํ สพฺพปจฺฉา เอว คหิตํ, ตตฺถ การณํ อฎฺฐกถายํ วุตฺตเมวฯ

    1. Indriyayamakevibhaṅge viyāti yathā indriyavibhaṅge purisindriyānantaraṃ jīvitindriyaṃ uddiṭṭhaṃ, na manindriyānantaraṃ, evaṃ imasmiṃ indriyayamake. Tañca suttadesanānurodhenāti dassento ‘‘tīṇimāni…pe… sutte desitakkamenā’’ti āha. Soyaṃ yadatthaṃ tassa sutte desitakkamena uddeso, taṃ dassetuṃ ‘‘pavattivārehī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathā ‘‘jīvitindriya’’nti idaṃ rūpajīvitindriyassa arūpajīvitindriyassa ca sāmaññato gahaṇaṃ, evaṃ upādinnassa anupādinnassa cāti āha ‘‘kammajānaṃ akammajānañca anupālaka’’nti. Atha vā sahajadhammānupālakampi jīvitindriyaṃ na kevalaṃ khaṇaṭṭhitiyā eva kāraṇaṃ, atha kho pabandhānupacchedassapi kāraṇameva. Aññathā āyukkhayamaraṇaṃ na sambhaveyya, tasmā ‘‘kammajānañca anupālaka’’nti avisesato vuttaṃ, cutipaṭisandhīsu ca pavattamānānaṃ kammajānaṃ anupālakaṃ. Itīti tasmā. Taṃmūlakānīti jīvitindriyamūlakāni. Cutipaṭisandhipavattivasenāti cutipaṭisandhivasena pavattivasena ca. Tattha yaṃ upādinnaṃ, taṃ cutipaṭisandhivaseneva, itaraṃ itaravasenapi vattabbaṃ. Yasmā cakkhundriyādīsu purisindriyāvasānesu ekantaupādinnesu ataṃsabhāvattā yaṃ manindriyaṃ mūlameva na hoti, tasmā taṃ ṭhapetvā avasesamūlakāni cakkhundriyādimūlakāni. Āyatanayamake viyāti yathā āyatanayamake paṭisandhivasenāyatanānaṃ uppādo, maraṇavasena ca nirodho vutto, evamidhāpi cutiupapattivaseneva vattabbāni, tasmā ataṃsabhāvattā jīvitindriyaṃ tesaṃ cakkhundriyādīnaṃ majjhe anuddisitvā ante purisindriyānantaraṃ uddiṭṭhaṃ. Yaṃ pana cakkhundriyādimūlakesu manindriyaṃ sabbapacchā eva gahitaṃ, tattha kāraṇaṃ aṭṭhakathāyaṃ vuttameva.

    อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิเทฺทสวารวณฺณนา

    Niddesavāravaṇṇanā

    ๙๔. โกจิ สภาโว นตฺถีติ โกจิ สภาวธโมฺม นตฺถิฯ ยทิ เอวํ ‘‘นตฺถี’’ติ ปฎิเกฺขโป เอว ยุโตฺตติ อาห ‘‘น จ รูปาที’’ติอาทิฯ ‘‘สุขา ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา’’ติอาทีสุ สุขทุกฺขสทฺทานํ สามญฺญวจนภาเวปิ อินฺทฺริยเทสนายํ เต วิสิฎฺฐวิสยา เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุขสฺส…เป.… คหิโตเยวา’’ติ อาหฯ ทุกฺขสฺส จ เภทํ กตฺวาฯ

    94. Kocisabhāvo natthīti koci sabhāvadhammo natthi. Yadi evaṃ ‘‘natthī’’ti paṭikkhepo eva yuttoti āha ‘‘na ca rūpādī’’tiādi. ‘‘Sukhā dukkhā adukkhamasukhā’’tiādīsu sukhadukkhasaddānaṃ sāmaññavacanabhāvepi indriyadesanāyaṃ te visiṭṭhavisayā evāti dassento ‘‘sukhassa…pe… gahitoyevā’’ti āha. Dukkhassa ca bhedaṃ katvā.

    ๑๔๐. ปญฺญินฺทฺริยานิ โหนฺตีติ อามนฺตาติ วุตฺตนฺติ ปชานนเฎฺฐน อธิปเตยฺยเฎฺฐน จ ปญฺญินฺทฺริยานิ โหนฺติ, ทสฺสนเฎฺฐน ปน จกฺขูนิ จาติ จกฺขุ, อินฺทฺริยนฺติ ปุจฺฉาย ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ตณฺหาโสตเมวาหา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ยสฺส ฉตฺติํสติ โสตา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๓๓๙) ปน ทิฎฺฐิอาทีนมฺปิ โสตภาโว อาคโตฯ

    140. Paññindriyāni hontīti āmantāti vuttanti pajānanaṭṭhena adhipateyyaṭṭhena ca paññindriyāni honti, dassanaṭṭhena pana cakkhūni cāti cakkhu, indriyanti pucchāya ‘‘āmantā’’ti vuttanti adhippāyo. ‘‘Taṇhāsotamevāhā’’ti vuttaṃ, ‘‘yassa chattiṃsati sotā’’tiādīsu (dha. pa. 339) pana diṭṭhiādīnampi sotabhāvo āgato.

    ปณฺณตฺตินิเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṇṇattiniddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ปวตฺติวารวณฺณนา

    2. Pavattivāravaṇṇanā

    ๑๘๖. อญฺญธมฺมนิสฺสเยนาติ ‘‘โย เตสํ รูปีนํ ธมฺมานํ อายุ ฐิตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๓๔) อญฺญธมฺมนิสฺสเยน คเหตพฺพํฯ ปวตฺติญฺจ คเหตฺวา คเตสุ วิสฺสชฺชเนสุ, จุติปฎิสนฺธิโย คเหตฺวา คเตสุ โยชนา น ลพฺภตีติ อธิปฺปาโยฯ อลพฺภมานา จ สุขทุกฺขโทมนสฺสินฺทฺริเยเหว น ลพฺภติฯ ตํมูลกา จ นยาติ สุขินฺทฺริยาทิมูลกา จ นยาฯ เตหีติ สุขินฺทฺริยาทีหิฯ โยชนาติ ‘‘ปวเตฺต สุขินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติอาทินา อุปฺปชฺชมาเนหิ โยชนาฯ ตํมูลกา จ ตถาโยชนามูลภูตา จ นยา ชีวิตินฺทฺริยาทิมูลกา จ นยาฯ ปากฎาเยวาติ ปาฬิคติยา เอว วิญฺญายมานโยชนตฺตา สุวิเญฺญยฺยา เอวฯ

    186. Aññadhammanissayenāti ‘‘yo tesaṃ rūpīnaṃ dhammānaṃ āyu ṭhitī’’tiādinā (dha. sa. 634) aññadhammanissayena gahetabbaṃ. Pavattiñca gahetvā gatesu vissajjanesu, cutipaṭisandhiyo gahetvā gatesu yojanā na labbhatīti adhippāyo. Alabbhamānā ca sukhadukkhadomanassindriyeheva na labbhati. Taṃmūlakā ca nayāti sukhindriyādimūlakā ca nayā. Tehīti sukhindriyādīhi. Yojanāti ‘‘pavatte sukhindriyavippayuttacittassa uppādakkhaṇe’’tiādinā uppajjamānehi yojanā. Taṃmūlakā ca tathāyojanāmūlabhūtā ca nayā jīvitindriyādimūlakā ca nayā. Pākaṭāyevāti pāḷigatiyā eva viññāyamānayojanattā suviññeyyā eva.

    ตํ วจนํฯ โสมนสฺสวิรหิตสจกฺขุกปฎิสนฺธินิทสฺสนวเสนาติ โสมนสฺสวิรหิตสจกฺขุกปฎิสนฺธิเยว นิทสฺสนนฺติ โยเชตพฺพํฯ กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘นิทสฺสนมตฺตเมตํ, น ปน คณนปริจฺฉินฺทน’’นฺติ อาห ‘‘น หิ จตุนฺนํเยวาติ นิยโม กโต’’ติฯ ตํสมานลกฺขณาติ ตาย สจกฺขุกปฎิสนฺธิตาย สมานลกฺขณาติ ปริตฺตวิปากคฺคหณํฯ ตตฺถ สโสมนสฺสปฎิสนฺธิโย สนฺธาย อุเปกฺขาปฎิสนฺธิโย นิทสฺสนภาเวน วุตฺตาติ เกจิฯ ปริตฺตวิปากปฎิสนฺธิ จ กุสลวิปากาเหตุกปฎิสนฺธิ เวทิตพฺพาฯ สาปิ หิ สจกฺขุกา สิยาฯ ตํสมานลกฺขณาติ วา ตาย อุเปกฺขาสหคตาย สมานลกฺขณา ยถาวุตฺตอเหตุกปฎิสนฺธิ จ ปญฺจมชฺฌานปฎิสนฺธิ จฯ ยทิ เอวํ ‘‘จตุนฺน’’นฺติ กสฺมา คณนปริเจฺฉโทติ อาห ‘‘กามาวจเร…เป.… นิทสฺสนํ กต’’นฺติฯ เตนาติ อุเปกฺขาสหคตมหาวิปากนิทสฺสเนน, เยหิ สมานตาย อิเม นิทสฺสนภาเวน วุตฺตา, เต เอกํเสน ตํสภาวา เอวาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘ยถา สโสมนสฺส…เป.… โต โหตี’’ติฯ

    Taṃ vacanaṃ. Somanassavirahitasacakkhukapaṭisandhinidassanavasenāti somanassavirahitasacakkhukapaṭisandhiyeva nidassananti yojetabbaṃ. Kathaṃ panetaṃ jānitabbaṃ ‘‘nidassanamattametaṃ, na pana gaṇanaparicchindana’’nti āha ‘‘na hi catunnaṃyevāti niyamo kato’’ti. Taṃsamānalakkhaṇāti tāya sacakkhukapaṭisandhitāya samānalakkhaṇāti parittavipākaggahaṇaṃ. Tattha sasomanassapaṭisandhiyo sandhāya upekkhāpaṭisandhiyo nidassanabhāvena vuttāti keci. Parittavipākapaṭisandhi ca kusalavipākāhetukapaṭisandhi veditabbā. Sāpi hi sacakkhukā siyā. Taṃsamānalakkhaṇāti vā tāya upekkhāsahagatāya samānalakkhaṇā yathāvuttaahetukapaṭisandhi ca pañcamajjhānapaṭisandhi ca. Yadi evaṃ ‘‘catunna’’nti kasmā gaṇanaparicchedoti āha ‘‘kāmāvacare…pe… nidassanaṃ kata’’nti. Tenāti upekkhāsahagatamahāvipākanidassanena, yehi samānatāya ime nidassanabhāvena vuttā, te ekaṃsena taṃsabhāvā evāti ayamettha adhippāyo. Tenāha ‘‘yathā sasomanassa…pe… to hotī’’ti.

    นนุ จ คพฺภเสยฺยเกสุ อยมโตฺถ เอกํสโต น ลพฺภตีติ อาสงฺกํ สนฺธายาห ‘‘คพฺภเสยฺยกานญฺจ…เป.… ทสฺสิตา โหตี’’ติฯ เตนาห ‘‘สจกฺขุกาน’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ยทิ สเหตุกปฎิสนฺธิกานํ กามาวจรานํ นิยมโต สจกฺขุกาทิภาวทสฺสนํ คพฺภเสยฺยกวเสน ลเพฺภยฺย, ยุตฺตเมตํ สิยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘คพฺภเสยฺยเกปิ หี’’ติอาทิฯ ตถา อายตนยมเก ทสฺสิตนฺติ อิทํ อายตนยมกวณฺณนายํ อตฺตนา วุตฺตํ ‘‘เอวญฺจ กตฺวา อินฺทฺริยยมเก’’ติอาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ โสมนสฺสินฺทฺริยุปฺปาทกกมฺมสฺส เอกเนฺตน จกฺขุนฺทฺริยุปฺปาทนโต คเพฺภปิ ยาว จกฺขุนฺทฺริยุปฺปตฺติ, ตาว อุปฺปชฺชมานตาย ‘‘อภินนฺทิตพฺพตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ สนฺนิฎฺฐาเนน สงฺคหิตานนฺติ ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอเตน สนฺนิฎฺฐาเนน สงฺคหิตานํฯ อิตฺถีนํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตีนนฺติ อาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อิตฺถีนํ อจกฺขุกานํ อุปปชฺชนฺตีน’’นฺติอาทิํ สงฺคณฺหาติฯ เต เอวาติ คพฺภเสยฺยกา เอวฯ

    Nanu ca gabbhaseyyakesu ayamattho ekaṃsato na labbhatīti āsaṅkaṃ sandhāyāha ‘‘gabbhaseyyakānañca…pe… dassitā hotī’’ti. Tenāha ‘‘sacakkhukāna’’ntiādi. Tattha yadi sahetukapaṭisandhikānaṃ kāmāvacarānaṃ niyamato sacakkhukādibhāvadassanaṃ gabbhaseyyakavasena labbheyya, yuttametaṃ siyāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘gabbhaseyyakepi hī’’tiādi. Tathā āyatanayamake dassitanti idaṃ āyatanayamakavaṇṇanāyaṃ attanā vuttaṃ ‘‘evañca katvā indriyayamake’’tiādivacanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tattha hi somanassindriyuppādakakammassa ekantena cakkhundriyuppādanato gabbhepi yāva cakkhundriyuppatti, tāva uppajjamānatāya ‘‘abhinanditabbattā’’ti vuttaṃ. Sanniṭṭhānena saṅgahitānanti ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ uppajjatī’’ti etena sanniṭṭhānena saṅgahitānaṃ. Itthīnaṃ aghānakānaṃ upapajjantīnanti ādīsūti ādi-saddena ‘‘itthīnaṃ acakkhukānaṃ upapajjantīna’’ntiādiṃ saṅgaṇhāti. Te evāti gabbhaseyyakā eva.

    ตํสมานลกฺขณนฺติ โสเปกฺขอจกฺขุกปฎิสนฺธิภาเวน สมานลกฺขณํฯ ตตฺถาติ อเหตุกปฎิสนฺธิจิเตฺตฯ สมาธิเลโส ทุพฺพลสมาธิ โย จิตฺตฎฺฐิติมโตฺตฯ ตสฺมาติ ยสฺมา จิตฺตฎฺฐิติ วิย ทุพฺพลํ วีริยํ นตฺถิ, โย ‘‘วีริยเลโส’’ติ วตฺตโพฺพ, ตสฺมา, เลสมตฺตสฺสปิ วีริยสฺส อภาวาติ อโตฺถฯ อเญฺญสูติ อเหตุกปฎิสนฺธิจิตฺตโต อเญฺญสุฯ เกสุจีติ เอกเจฺจสุฯ อุภเยนปิ มโนทฺวาราวชฺชนหสิตุปฺปาทจิตฺตํ วทติฯ อิธาติ อเหตุกปฎิสนฺธิจิเตฺตฯ สมาธิวีริยานิ อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ จ น โหนฺตีติ สมาธิกิจฺจํ ปฎิกฺขิปติ, น สมาธิมตฺตํ, น วีริยเลสสฺส สพฺภาวโตติ โยเชตพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘วิเสสนญฺหิ วิเสสิตเพฺพ ปวตฺตตี’’ติฯ ยสฺมิํ วีริเย สติ อินฺทฺริยุปฺปตฺติ สิยา, ตเทว ตตฺถ นตฺถีติ อโตฺถฯ

    Taṃsamānalakkhaṇanti sopekkhaacakkhukapaṭisandhibhāvena samānalakkhaṇaṃ. Tatthāti ahetukapaṭisandhicitte. Samādhileso dubbalasamādhi yo cittaṭṭhitimatto. Tasmāti yasmā cittaṭṭhiti viya dubbalaṃ vīriyaṃ natthi, yo ‘‘vīriyaleso’’ti vattabbo, tasmā, lesamattassapi vīriyassa abhāvāti attho. Aññesūti ahetukapaṭisandhicittato aññesu. Kesucīti ekaccesu. Ubhayenapi manodvārāvajjanahasituppādacittaṃ vadati. Idhāti ahetukapaṭisandhicitte. Samādhivīriyāni indriyappattāni ca na hontīti samādhikiccaṃ paṭikkhipati, na samādhimattaṃ, na vīriyalesassa sabbhāvatoti yojetabbaṃ. Tenevāha ‘‘visesanañhi visesitabbe pavattatī’’ti. Yasmiṃ vīriye sati indriyuppatti siyā, tadeva tattha natthīti attho.

    อปาเย โอปปาติกวเสนาติ อิทํ สุคติยํ โอปปาติโก วิกลินฺทฺริโย น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, ‘‘ลพฺภเนฺตว ญาณวิปฺปยุตฺตาน’’นฺติ ปน วุตฺตตฺตา ‘‘ทุเหตุกปฎิสนฺธิกานํ วเสนา’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ เตสนฺติ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยสนฺตานานํฯ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ ปน อุปฺปาทนิโรธา อภิณฺหโสว โหนฺตีติฯ ปฐมกปฺปิกาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน คหิตานํ ปริวตฺตมานลิงฺคานํ วเสน อุปฺปาทนิโรธคฺคหณํ เวทิตพฺพํฯ ปฐมกปฺปิกานํ ปน วเสน อุปฺปาโท เอว ลพฺภติฯ ‘‘จุติอุปปตฺติวเสเนว ทุติยปุจฺฉาสุปิ สนฺนิฎฺฐาเนหิ คหณํ เวทิตพฺพ’’นฺติ อิทํ อุปาทินฺนอินฺทฺริเยหิ นิยมิตตฺตา วุตฺตํฯ

    Apāyeopapātikavasenāti idaṃ sugatiyaṃ opapātiko vikalindriyo na hotīti katvā vuttaṃ, ‘‘labbhanteva ñāṇavippayuttāna’’nti pana vuttattā ‘‘duhetukapaṭisandhikānaṃ vasenā’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Tesanti itthipurisindriyasantānānaṃ. Itthipurisindriyānaṃ pana uppādanirodhā abhiṇhasova hontīti. Paṭhamakappikādīnanti ettha ādi-saddena gahitānaṃ parivattamānaliṅgānaṃ vasena uppādanirodhaggahaṇaṃ veditabbaṃ. Paṭhamakappikānaṃ pana vasena uppādo eva labbhati. ‘‘Cutiupapattivaseneva dutiyapucchāsupi sanniṭṭhānehi gahaṇaṃ veditabba’’nti idaṃ upādinnaindriyehi niyamitattā vuttaṃ.

    ๑๙๐. สนฺตานุปฺปตฺตินิโรธทสฺสนโตติ สนฺตานวเสน อุปฺปาทนิโรธานํ ทิสฺสมานตฺตาฯ เอเตน รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทิสมานคติกตํ ยุตฺติโต สาเธติฯ อาคมโต ปน ‘‘วินา โสมนเสฺสนา’’ติอาทินา ปรโต สาเธสฺสติฯ เฉโทติ นามํ ทฎฺฐพฺพํ สรูปทสฺสเนเนว สํสยเฉทนโตฯ

    190. Santānuppattinirodhadassanatoti santānavasena uppādanirodhānaṃ dissamānattā. Etena rūpajīvitindriyassa cakkhundriyādisamānagatikataṃ yuttito sādheti. Āgamato pana ‘‘vinā somanassenā’’tiādinā parato sādhessati. Chedoti nāmaṃ daṭṭhabbaṃ sarūpadassaneneva saṃsayachedanato.

    ตสฺสาติ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺสฯ เต จ อสญฺญสตฺตาฯ นนุ จ อุปฺปาโทว ชีวิตินฺทฺริยสฺส จุติอุปปตฺติวเสน วตฺตโพฺพ, น อนุปฺปาโทติ อาห ‘‘อนุปฺปาโท…เป.… น ปวเตฺต’’ติฯ อยญฺจ นโย น เกวลํ ปุริมโกฎฺฐาเส เอว, อถ โข อิตรโกฎฺฐาเสปิ คหิโต เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺฉิมโกฎฺฐาเสปี’’ติอาทิมาหฯ

    Tassāti rūpajīvitindriyassa. Te ca asaññasattā. Nanu ca uppādova jīvitindriyassa cutiupapattivasena vattabbo, na anuppādoti āha ‘‘anuppādo…pe… na pavatte’’ti. Ayañca nayo na kevalaṃ purimakoṭṭhāse eva, atha kho itarakoṭṭhāsepi gahito evāti dassento ‘‘pacchimakoṭṭhāsepī’’tiādimāha.

    ‘‘อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เยนาธิปฺปาเยน โจทนา กตา, ตมธิปฺปายํ วิวริตุํ ‘‘นนุ สุทฺธาวาส’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ น วตฺตพฺพนฺติ ‘‘อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, ‘‘อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’อิเจฺจว วตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อิทานิ ยถา ‘‘อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โสมนสฺสมนินฺทฺริยานนฺติ โสมนสฺสินฺทฺริยมนินฺทฺริยานํ, อยเมว วา ปาโฐฯ ตทาติ ปฐมสฺส รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส ธรมานกาเลฯ ตสฺมาติ ยสฺมา รูปารูปชีวิตินฺทฺริยานํ อเตฺถว กาลเภโท, อุภยเญฺจตฺถ ชีวิตินฺทฺริยภาวสามเญฺญน เอกชฺฌํ กตฺวา คยฺหติ, ตสฺมาฯ อุภยนฺติ โสมนสฺสินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริยนฺติ อิทํ อุภยํฯ อุปฺปาทกฺขเณน นิทสฺสิตนฺติ เอเตน ‘‘อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ อุทาหรเณน ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา ตาทิสานํ อเนเกสํ จิตฺตานํ ภงฺคกฺขเณ ลพฺภมานํ ตเทกเทเสน สพฺพปฐมสฺส อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณน นิทสฺสิตํ, เอวมิธาปิ ขณทฺวเย ลพฺภมานํ ตเทกเทเสน อุปฺปาทกฺขเณน นิทสฺสิตนฺติ เอวํ นิทสฺสนโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Upapatticittassa uppādakkhaṇe’’ti kasmā vuttanti yenādhippāyena codanā katā, tamadhippāyaṃ vivarituṃ ‘‘nanu suddhāvāsa’’ntiādi vuttaṃ. Na vattabbanti ‘‘upapajjantāna’’nti na vattabbaṃ, ‘‘upapatticittassa uppādakkhaṇe’’icceva vattabbanti attho. Idāni yathā ‘‘upapajjantāna’’nti na vattabbaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Somanassamanindriyānanti somanassindriyamanindriyānaṃ, ayameva vā pāṭho. Tadāti paṭhamassa rūpajīvitindriyassa dharamānakāle. Tasmāti yasmā rūpārūpajīvitindriyānaṃ attheva kālabhedo, ubhayañcettha jīvitindriyabhāvasāmaññena ekajjhaṃ katvā gayhati, tasmā. Ubhayanti somanassindriyajīvitindriyanti idaṃ ubhayaṃ. Uppādakkhaṇena nidassitanti etena ‘‘upapatticittassa uppādakkhaṇe’’ti idaṃ nidassanamattanti dasseti. Idāni tamevatthaṃ udāharaṇena pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathā tādisānaṃ anekesaṃ cittānaṃ bhaṅgakkhaṇe labbhamānaṃ tadekadesena sabbapaṭhamassa upapatticittassa bhaṅgakkhaṇena nidassitaṃ, evamidhāpi khaṇadvaye labbhamānaṃ tadekadesena uppādakkhaṇena nidassitanti evaṃ nidassanattho veditabbo.

    เตสนฺติ ชีวิตินฺทฺริยาทีนํฯ อญฺญตฺถาติ ปวเตฺตฯ อิธาติ อนาคตกาลเภเทฯ น น สมฺภวติ อุปปตฺติกฺขณสฺส วิย ตโต ปรํ ปวตฺติกฺขณสฺสปิ อนาคตกาลภาวโตฯ ตสฺมาติ อุปปตฺติโต อญฺญตฺถาปิ ยถาธิเปฺปตอุปฺปาทสมฺภวโตฯ อยญฺจ อโตฺถ วารนฺตเรปิ ทิสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอวญฺจ กตฺวา’’ติอาทิฯ น หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมเตฺถติฯ ตตฺถ อปิ ปจฺฉิม…เป.… สนฺธิกสฺสาติ อปิ-สเทฺทน ‘‘โก ปน วาโท อปจฺฉิมภวิกสฺส โสมนสฺสสหคตปฎิสนฺธิกสฺสา’’ติ ทเสฺสติฯ อปจฺฉิมภวิกสฺส จุติโต ปจฺฉา ‘‘โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘จุติโต ปุเพฺพวา’’ติฯ เอตฺถ หิ ปฐมปุจฺฉาสุ สนฺนิฎฺฐานโตฺถติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – เอตฺถ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ ยมเกสุ ยา ปฐมปุจฺฉา, ตาสุ สนฺนิฎฺฐานปทสงฺคหิโต อโตฺถฯ ปุจฺฉิตพฺพตฺถนิสฺสโยติ ‘‘ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติอาทิกสฺส ปุจฺฉิตพฺพสฺส อตฺถสฺส นิสฺสยภูโต มาทิโสว มยา สทิโส เอว อโตฺถ อุปปตฺติอุปฺปาทินฺทฺริยวา อุปปตฺติกฺขเณ อุปฺปาทาวตฺถอินฺทฺริยสหิโต, อุภยุปฺปาทินฺทฺริยวา ปฎิสนฺธิปวตฺตีสุ อุปฺปาทาวตฺถอินฺทฺริยสหิโต วาฯ ปฎินิวตฺติตฺวาปิ ปุจฺฉิตพฺพตฺถสฺส นิสฺสโยติ ‘‘ยสฺส วา ปนา’’ติอาทินา ปฎินิวตฺติตฺวา ปุจฺฉิตพฺพสฺสปิ สํสยตฺถสฺส นิสฺสโยติ เอวํ อิมินา วิย อชฺฌาสเยน ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติอาทีสุ ทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฎฺฐานตฺถเมว สนฺนิฎฺฐานปทสงฺคหิตเมว อตฺถํ นิยเมติฯ ตเตฺถว ตาสุ เอว ปุเพฺพ วุตฺตปฐมปุจฺฉาสุ เอวฯ ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติอาทีสุ อนาคตภาวมเตฺตน สรูปโต คหิตํ อุปฺปาทํ อุปฺปาทสงฺขาตํ, ‘‘ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติอาทีสุ อนาคตภาวมเตฺตน สรูปโต คหิตํ นิโรธํ วา นิโรธสงฺขาตํ วา สํสยตฺถํ น นิยเมตีติฯ เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน สนฺนิฎฺฐานตฺถสฺส นิยโม โหติ, น สํสยตฺถสฺส, ตสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน…เป.… อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโยติ ยฺวายํ อุปฺปาทวาเร วิจาโร วุโตฺต, นิโรธวาเรปิ เอเสว นโยฯ ตถา หิ ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ

    Tesanti jīvitindriyādīnaṃ. Aññatthāti pavatte. Idhāti anāgatakālabhede. Na na sambhavati upapattikkhaṇassa viya tato paraṃ pavattikkhaṇassapi anāgatakālabhāvato. Tasmāti upapattito aññatthāpi yathādhippetauppādasambhavato. Ayañca attho vārantarepi dissatīti dassento āha ‘‘evañca katvā’’tiādi. Na hītiādinā tamevatthaṃ samattheti. Tattha api pacchima…pe… sandhikassāti api-saddena ‘‘ko pana vādo apacchimabhavikassa somanassasahagatapaṭisandhikassā’’ti dasseti. Apacchimabhavikassa cutito pacchā ‘‘somanassindriyaṃ nirujjhissatī’’ti vattabbameva natthīti āha ‘‘cutito pubbevā’’ti. Ettha hi paṭhamapucchāsu sanniṭṭhānatthotiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – ettha ‘‘yassa cakkhundriyaṃ uppajjissatī’’ti evamādīsu yamakesu yā paṭhamapucchā, tāsu sanniṭṭhānapadasaṅgahito attho. Pucchitabbatthanissayoti ‘‘tassa somanassindriyaṃ uppajjissatī’’tiādikassa pucchitabbassa atthassa nissayabhūto mādisova mayā sadiso eva attho upapattiuppādindriyavā upapattikkhaṇe uppādāvatthaindriyasahito, ubhayuppādindriyavā paṭisandhipavattīsu uppādāvatthaindriyasahito vā. Paṭinivattitvāpi pucchitabbatthassa nissayoti ‘‘yassa vā panā’’tiādinā paṭinivattitvā pucchitabbassapi saṃsayatthassa nissayoti evaṃ iminā viya ajjhāsayena ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ uppajjissatī’’tiādīsu dutiyapucchāsu sanniṭṭhānatthameva sanniṭṭhānapadasaṅgahitameva atthaṃ niyameti. Tattheva tāsu eva pubbe vuttapaṭhamapucchāsu eva. Pucchitabbaṃ ‘‘tassa somanassindriyaṃ uppajjissatī’’tiādīsu anāgatabhāvamattena sarūpato gahitaṃ uppādaṃ uppādasaṅkhātaṃ, ‘‘tassa somanassindriyaṃ nirujjhissatī’’tiādīsu anāgatabhāvamattena sarūpato gahitaṃ nirodhaṃ vā nirodhasaṅkhātaṃ vā saṃsayatthaṃ na niyametīti. Evanti vuttappakārena sanniṭṭhānatthassa niyamo hoti, na saṃsayatthassa, tasmā ‘‘yassa vā pana…pe… āmantā’’ti vuttaṃ. Esa nayoti yvāyaṃ uppādavāre vicāro vutto, nirodhavārepi eseva nayo. Tathā hi ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ nirujjhissati, tassa cakkhundriyaṃ nirujjhissatīti? Āmantā’’ti vuttaṃ.

    เอวํ อวุตฺตตฺตาติ อุปฺปาทนิโรธานํ อนาคตานํ สรูเปน อวุตฺตตฺตาฯ น หิ ตตฺถ เต สรูเปน วุตฺตา, อถ โข ‘‘นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ปฎิเกฺขปมุเขน วุตฺตาฯ ตตฺถาติ อนุโลเมฯ น เอวํ โยเชตพฺพา ปฎิโลเมฯ ตเมว อโยเชตพฺพตํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา วิวรติฯ อุปฺปาทนิโรเธ อติกฺกมิตฺวา อุปฺปาทนิโรธา สมฺภวนฺติ โยเชตุํ, ตถา อุปฺปาทนิโรเธ อปฺปตฺวา อุปฺปาทนิโรธา สมฺภวนฺติ โยเชตุนฺติ โยชนาฯ อิทญฺจ ทฺวยํ ยถานุโลเม สมฺภวติ, น เอวํ ปฎิโลเมฯ เตนาห ‘‘น เอวํ…เป.… สมฺภวนฺตี’’ติฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘อภูตาภาวสฺส…เป.… สมฺภวานุปปตฺติโต’’ติฯ อภูตาภาวสฺสาติ อภูตสฺส อภาวสฺส, อภูตสฺส อุปฺปาทสฺส นิโรธสฺส จ อภาวสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘อภูตุปฺปาทนิโรธาภาโว จ ปฎิโลเม ปุจฺฉิโต’’ติ, ตสฺมา ‘‘อามนฺตา’’ติ จ วุตฺตํ, น วุตฺตํ วิสฺสชฺชนนฺติ สมฺพโนฺธฯ อสฺส วิเสสรหิตสฺส อภูตาภาวสฺสาติ อิมสฺส ยถาวุตฺตสฺส ยถา รูปาภาโว เวทนาภาโวติ โกจิ อภาโวปิ วิเสสสหิโต, น เอวมยนฺติ วิเสสรหิตสฺส อภูตาภาวสฺสฯ

    Evaṃ avuttattāti uppādanirodhānaṃ anāgatānaṃ sarūpena avuttattā. Na hi tattha te sarūpena vuttā, atha kho ‘‘nuppajjissatī’’ti paṭikkhepamukhena vuttā. Tatthāti anulome. Na evaṃ yojetabbā paṭilome. Tameva ayojetabbataṃ ‘‘yathā hī’’tiādinā vivarati. Uppādanirodhe atikkamitvā uppādanirodhā sambhavanti yojetuṃ, tathā uppādanirodhe appatvā uppādanirodhā sambhavanti yojetunti yojanā. Idañca dvayaṃ yathānulome sambhavati, na evaṃ paṭilome. Tenāha ‘‘na evaṃ…pe… sambhavantī’’ti. Tattha kāraṇamāha ‘‘abhūtābhāvassa…pe… sambhavānupapattito’’ti. Abhūtābhāvassāti abhūtassa abhāvassa, abhūtassa uppādassa nirodhassa ca abhāvassāti adhippāyo. Tenāha ‘‘abhūtuppādanirodhābhāvo ca paṭilome pucchito’’ti, tasmā ‘‘āmantā’’ti ca vuttaṃ, na vuttaṃ vissajjananti sambandho. Assa visesarahitassa abhūtābhāvassāti imassa yathāvuttassa yathā rūpābhāvo vedanābhāvoti koci abhāvopi visesasahito, na evamayanti visesarahitassa abhūtābhāvassa.

    กาลนฺตรโยคาภาวโตติ กาลวิเสสโยคาภาวโตฯ ยาทิสานนฺติ ยานิ ภูตานิ น วตฺตมานานิ สติ ปจฺจเย อุปฺปชฺชนารหานิ, เตสํ อนาคตานนฺติ อโตฺถฯ อุปฺปาทนิโรธาภาเวน ปุจฺฉิตพฺพสฺสาติ ‘‘นุปฺปชฺชิสฺสติ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ เอวํ อุปฺปาทสฺส นิโรธสฺส จ อภาเวน ปุจฺฉิตพฺพสฺส อตฺถสฺสฯ สนฺนิสฺสโย นิสฺสยภูโต สนฺนิฎฺฐาเนน สนฺนิจฺฉิโต สนฺนิฎฺฐานปทสงฺคหิโตฯ โส ยถาวุโตฺต อโตฺถ นิสฺสโย เอเตสนฺติ ตนฺนิสฺสยาฯ ตาทิสานํเยว อนาคตานํเยว อุปปตฺติจุติอุปฺปาทนิโรธานํ อุปปตฺติจุติสงฺขาตอุปฺปาทนิโรธานํ อนุปฺปาทานิโรธานํ ปฎิเกฺขปวเสนฯ ชีวิตาทีนมฺปิ ชีวิตมนินฺทฺริยาทีนมฺปิฯ อนุปฺปาทานิโรธา สํสยปเทน ปุจฺฉิตา โหนฺติ ‘‘ยสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติฯ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ วิภชิตฺวา วตฺตพฺพสฺส อภาวโตฯ เตนาห ‘‘น วุตฺตํ…เป.… วิสฺสชฺชน’’นฺติฯ

    Kālantarayogābhāvatoti kālavisesayogābhāvato. Yādisānanti yāni bhūtāni na vattamānāni sati paccaye uppajjanārahāni, tesaṃ anāgatānanti attho. Uppādanirodhābhāvena pucchitabbassāti ‘‘nuppajjissati na nirujjhissatī’’ti evaṃ uppādassa nirodhassa ca abhāvena pucchitabbassa atthassa. Sannissayo nissayabhūto sanniṭṭhānena sannicchito sanniṭṭhānapadasaṅgahito. So yathāvutto attho nissayo etesanti tannissayā. Tādisānaṃyeva anāgatānaṃyeva upapatticutiuppādanirodhānaṃ upapatticutisaṅkhātauppādanirodhānaṃ anuppādānirodhānaṃ paṭikkhepavasena. Jīvitādīnampi jīvitamanindriyādīnampi. Anuppādānirodhā saṃsayapadena pucchitā honti ‘‘yassa somanassindriyaṃ nuppajjissati, tassa somanassindriyaṃ na nirujjhissatī’’ti. ‘‘Āmantā’’ti vuttaṃ vibhajitvā vattabbassa abhāvato. Tenāha ‘‘na vuttaṃ…pe… vissajjana’’nti.

    เย โสเปกฺขปฎิสนฺธิกา ภวิสฺสนฺติ รูปโลเก, เต สงฺคหิตาติ โยชนาฯ ตํสมานลกฺขณตายาติ เตน โสเปกฺขปฎิสนฺธิกภาเวน สมานลกฺขณตายฯ ตํ ปมาทลิขิตํ ธมฺมยมเก ตาทิสเสฺสว วจนสฺส อภาวโตฯ ตตฺถปิ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ จิตฺตยมเก วุตฺตํ ‘‘น หิ ขณปจฺจุปฺปเนฺน อุปฺปชฺชิตฺถาติ อตีตโวหาโร อตฺถี’’ติอาทินาฯ

    Ye sopekkhapaṭisandhikā bhavissanti rūpaloke, te saṅgahitāti yojanā. Taṃsamānalakkhaṇatāyāti tena sopekkhapaṭisandhikabhāvena samānalakkhaṇatāya. Taṃ pamādalikhitaṃ dhammayamake tādisasseva vacanassa abhāvato. Tatthapi yaṃ vattabbaṃ, taṃ cittayamake vuttaṃ ‘‘na hi khaṇapaccuppanne uppajjitthāti atītavohāro atthī’’tiādinā.

    ปวตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pavattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปริญฺญาวารวณฺณนา

    3. Pariññāvāravaṇṇanā

    ๔๓๕-๔๘๒. โลกิยอพฺยากเตหีติ ผลธมฺมนิพฺพานวินิมุเตฺตหิ อพฺยากเตหิฯ ตานิ อุปาทายาติ ตานิ โลกิยอพฺยากตานิ อุปาทายฯ ตํสมานคติกานํ มนินฺทฺริยาทีนํ ‘‘โส เวทนากฺขนฺธํ ปริชานาตีติ? อามนฺตา’’ติอาทินา (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๒๐๖) เวทนากฺขนฺธาทีนํ วิย ปริเญฺญยฺยตา วุตฺตาฯ ยญฺหิ ปริชานิตพฺพํ, ตเทว ปริชานาตีติอาทินา วุตฺตํฯ เอวมวิปรีเต อเตฺถ สิเทฺธปิ โจทโก ‘‘มิสฺสกตฺตา’’ติ เอตฺถ ลพฺภมานํ เลสํ คเหตฺวา โจเทติ ‘‘ยทิ ปริเญฺญยฺยมิสฺสกตฺตา’’ติอาทินาฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา อิธ ปริเญฺญยฺยมิสฺสกานํ ปริเญฺญยฺยตา วุตฺตา, เอวมญฺญตฺถาปิ สา เตสํ วตฺตพฺพา, ตถา ภาเวตพฺพมิสฺสกานํ ภาเวตพฺพตาติฯ เตนาห ‘‘กสฺมา ธมฺมยมเก’’ติอาทิฯ กุสลากุสเลสุ ภาวนาปหานาภินิเวโส โหติ, เยน วุตฺตํ ‘‘โส ตํ อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติอาทิฯ น อพฺยากตภาวนฺติ เอเกน ยถา ผสฺสทฺวารโต วิย วิญฺญาณทฺวารโต กุสลาทีนํ อุปฺปตฺติปริยาโย, เอวํ เวทนากฺขนฺธาทีนํ วิย น อพฺยากตาทีนํ ปริเญฺญยฺยตาปริยาโยติ ทเสฺสติฯ

    435-482. Lokiyaabyākatehīti phaladhammanibbānavinimuttehi abyākatehi. Tāni upādāyāti tāni lokiyaabyākatāni upādāya. Taṃsamānagatikānaṃ manindriyādīnaṃ ‘‘so vedanākkhandhaṃ parijānātīti? Āmantā’’tiādinā (yama. 1.khandhayamaka.206) vedanākkhandhādīnaṃ viya pariññeyyatā vuttā. Yañhi parijānitabbaṃ, tadeva parijānātītiādinā vuttaṃ. Evamaviparīte atthe siddhepi codako ‘‘missakattā’’ti ettha labbhamānaṃ lesaṃ gahetvā codeti ‘‘yadi pariññeyyamissakattā’’tiādinā. Tassattho – yathā idha pariññeyyamissakānaṃ pariññeyyatā vuttā, evamaññatthāpi sā tesaṃ vattabbā, tathā bhāvetabbamissakānaṃ bhāvetabbatāti. Tenāha ‘‘kasmā dhammayamake’’tiādi. Kusalākusalesu bhāvanāpahānābhiniveso hoti, yena vuttaṃ ‘‘so taṃ akusalaṃ pajahati, kusalaṃ bhāvetī’’tiādi. Na abyākatabhāvanti ekena yathā phassadvārato viya viññāṇadvārato kusalādīnaṃ uppattipariyāyo, evaṃ vedanākkhandhādīnaṃ viya na abyākatādīnaṃ pariññeyyatāpariyāyoti dasseti.

    กุสลากุสลภาเวน อคฺคหิตาติ สมุทยสภาเวน อคฺคหิตาติ อโตฺถฯ กุสลากุสลาปีติ กุสลากุสลภาวาปิ สมานาฯ ภาเวตพฺพปหาตพฺพภาเวหิ วินาปิ โหติ, โย น มคฺคสมุทยสจฺจปกฺขิโยฯ ยถา ‘‘อนิจฺจํ รูป’’นฺติ เอตฺถ ‘‘อนิจฺจเมว รูปํ, น นิจฺจ’’นฺติ ปฎิโยคิวินิวตฺตนเมว เอว-กาเรน กรียติ, น ตสฺส ทุกฺขานตฺตตาทโย นิวาริตา โหนฺติ, เอวํ ‘‘ปหาตพฺพเมวา’’ติ เอตฺถ เอว-สเทฺทน ปฎิโยคิภูตํ อปฺปหาตพฺพเมว นิวตฺตียติ, น ตโต อญฺญวิเสสาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอเตน ปหาตพฺพเมวา’’ติอาทิฯ ภาเวตพฺพภาโว เอว ตสฺส อญฺญินฺทฺริยสฺส คหิโต อุกฺกํสคติวิชานนโตฯ ‘‘ปรโต ลิขิตพฺพํ อุปฺปฎิปาฎิยา ลิขิต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํฯ เทฺว ปุคฺคลาติ หิ อาทิ อนุโลเม อาคตํ อุทฺธฎํ, จกฺขุนฺทฺริยํ น ปริชานาตีติอาทิ ปน ปฎิโลเมฯ โทมนสฺสินฺทฺริยํ น ปชหนฺติ นามาติ อิทํ ‘‘โน จ โทมนสฺสินฺทฺริยํ ปชหนฺตี’’ติ ปาฬิปทสฺส อตฺถวจนํฯ ยํ ปน ‘‘จกฺขุนฺทฺริยมูลกํ อติกฺกมิตฺวา โทมนสฺสินฺทฺริยมูลเก อิทํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, ปฎิโลเม อาคตํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ตํ น ยุตฺตํ, น ตํ อฎฺฐกถาจริยา ปฐมํ อาคตํ ปทํ ลงฺฆิตฺวา ตาทิสเสฺสว ปจฺฉา อาคตปทสฺส อตฺถวณฺณนํ กโรนฺติฯ ปทานุกฺกมโต เอว หิ อฎฺฐกถายํ อตฺถวณฺณนา อารทฺธา, ปริโยสาปิตา จ, ตสฺมา อนุปฎิปาฎิยาว ลิขิตํ, น อุปฺปฎิปาฎิยาติ ทฎฺฐพฺพํ ‘‘เทฺว ปุคฺคลา’’ติอาทิกสฺส อนุโลเม อาคตสฺส อุทฺธฎตฺตาฯ

    Kusalākusalabhāvena aggahitāti samudayasabhāvena aggahitāti attho. Kusalākusalāpīti kusalākusalabhāvāpi samānā. Bhāvetabbapahātabbabhāvehivināpi hoti, yo na maggasamudayasaccapakkhiyo. Yathā ‘‘aniccaṃ rūpa’’nti ettha ‘‘aniccameva rūpaṃ, na nicca’’nti paṭiyogivinivattanameva eva-kārena karīyati, na tassa dukkhānattatādayo nivāritā honti, evaṃ ‘‘pahātabbamevā’’ti ettha eva-saddena paṭiyogibhūtaṃ appahātabbameva nivattīyati, na tato aññavisesāti dassento āha ‘‘etena pahātabbamevā’’tiādi. Bhāvetabbabhāvo eva tassa aññindriyassa gahito ukkaṃsagativijānanato. ‘‘Parato likhitabbaṃ uppaṭipāṭiyā likhita’’nti kasmā vuttaṃ. Dve puggalāti hi ādi anulome āgataṃ uddhaṭaṃ, cakkhundriyaṃ na parijānātītiādi pana paṭilome. Domanassindriyaṃ na pajahanti nāmāti idaṃ ‘‘no ca domanassindriyaṃ pajahantī’’ti pāḷipadassa atthavacanaṃ. Yaṃ pana ‘‘cakkhundriyamūlakaṃ atikkamitvā domanassindriyamūlake idaṃ vutta’’nti vuttaṃ, paṭilome āgataṃ sandhāya vuttattā taṃ na yuttaṃ, na taṃ aṭṭhakathācariyā paṭhamaṃ āgataṃ padaṃ laṅghitvā tādisasseva pacchā āgatapadassa atthavaṇṇanaṃ karonti. Padānukkamato eva hi aṭṭhakathāyaṃ atthavaṇṇanā āraddhā, pariyosāpitā ca, tasmā anupaṭipāṭiyāva likhitaṃ, na uppaṭipāṭiyāti daṭṭhabbaṃ ‘‘dve puggalā’’tiādikassa anulome āgatassa uddhaṭattā.

    เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ปริญฺญาวาเรฯ ฉ ปุคฺคลาติ ปุถุชฺชเนน สทฺธิํ ยาว อนาคามิมคฺคฎฺฐา ฉ ปุคฺคลาฯ อภินฺทิตฺวา คหิโต ตตฺถ ภพฺพาภพฺพานํ กิจฺจวิเสสสฺส อคฺคหิตตฺตาฯ ยตฺถ ปน สติ ปุถุชฺชนคฺคหณสามเญฺญ ภพฺพานํ กิจฺจํ คหิตํ, ยตฺถ จ อภพฺพานํ, ตตฺถ เต เอว ภินฺทิตฺวา วุตฺตา โหนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เย จ ปุถุชฺชนา มคฺคํ ปฎิลภิสฺสนฺติ, เย จ ปุถุชฺชนา มคฺคํ น ปฎิลภิสฺสนฺตี’’ติ จ อาทิมาหฯ อรหาติ อริโย, อยเมว วา ปาโฐฯ ปฐมมคฺคผลสมงฺคีติ ปุริมมคฺคผลสมงฺคีฯ อิตโรติ อรหาฯ เอวํ ปุคฺคลเภทํ ญตฺวาติ อิธ ปุถุชฺชโน โส จ อภโพฺพติ คหิโต, อิธ ภโพฺพ อิธ อริยา, เย จ ปฐมมคฺคผลสมงฺคิโน ยาว อคฺคมคฺคผลสมงฺคิโนติ เอวํ ยถาวุตฺตํ ปุคฺคลวิภาคํ ญตฺวาฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสํ เทฺว ปุถุชฺชนา อฎฺฐ อริยาติ อิเมสํ ยถาวุตฺตปุคฺคลานํ เภทโต อเภทโต จ คหณวเสน อาคเต ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปาฐปเทเสฯ สนฺนิฎฺฐาเนนาติ สนฺนิฎฺฐานปทวเสน, นิจฺฉยวเสเนว วาฯ นิทฺธาเรตฺวาติ นีหริตฺวาฯ วิสฺสชฺชนํ โยเชตพฺพนฺติ วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตปาฬิยา ยถาวุตฺตอตฺถทสฺสเนน สมฺพนฺธโต วิภาเวตโพฺพติฯ

    Etthāti etasmiṃ pariññāvāre. Cha puggalāti puthujjanena saddhiṃ yāva anāgāmimaggaṭṭhā cha puggalā. Abhinditvā gahito tattha bhabbābhabbānaṃ kiccavisesassa aggahitattā. Yattha pana sati puthujjanaggahaṇasāmaññe bhabbānaṃ kiccaṃ gahitaṃ, yattha ca abhabbānaṃ, tattha te eva bhinditvā vuttā hontīti dassento ‘‘ye ca puthujjanā maggaṃ paṭilabhissanti, ye ca puthujjanā maggaṃ na paṭilabhissantī’’ti ca ādimāha. Arahāti ariyo, ayameva vā pāṭho. Paṭhamamaggaphalasamaṅgīti purimamaggaphalasamaṅgī. Itaroti arahā. Evaṃ puggalabhedaṃ ñatvāti idha puthujjano so ca abhabboti gahito, idha bhabbo idha ariyā, ye ca paṭhamamaggaphalasamaṅgino yāva aggamaggaphalasamaṅginoti evaṃ yathāvuttaṃ puggalavibhāgaṃ ñatvā. Tattha tatthāti tesaṃ dve puthujjanā aṭṭha ariyāti imesaṃ yathāvuttapuggalānaṃ bhedato abhedato ca gahaṇavasena āgate tasmiṃ tasmiṃ pāṭhapadese. Sanniṭṭhānenāti sanniṭṭhānapadavasena, nicchayavaseneva vā. Niddhāretvāti nīharitvā. Vissajjanaṃ yojetabbanti vissajjanavasena pavattapāḷiyā yathāvuttaatthadassanena sambandhato vibhāvetabboti.

    ปริญฺญาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pariññāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    อินฺทฺริยยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Indriyayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ยมกปกรณ-อนุฎีกา สมตฺตาฯ

    Yamakapakaraṇa-anuṭīkā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๘. จิตฺตยมกํ • 8. Cittayamakaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑๐. อินฺทฺริยยมกํ • 10. Indriyayamakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact