Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๔. อิสฺสตฺตสุตฺตวณฺณนา
4. Issattasuttavaṇṇanā
๑๓๕. จตุตฺถสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติโก นิเกฺขโปฯ ภควโต กิร ปฐมโพธิยํ มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จฯ ติตฺถิยา หตลาภสกฺการา หุตฺวา กุเลสุ เอวํ กเนฺถนฺตา วิจรนฺติ – ‘‘สมโณ โคตโม เอวมาห, ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, น อเญฺญสํ ทานํ ทาตพฺพํฯ มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, น อเญฺญสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํฯ มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, น อเญฺญสํ ทินฺนํ มหปฺผลํฯ มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, น อเญฺญสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติฯ ยุตฺตํ นุ โข สยมฺปิ ภิกฺขาจารนิสฺสิเตน ปเรสํ ภิกฺขาจารนิสฺสิตานํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อนฺตรายํ กาตุํ, อยุตฺตํ กโรติ อนนุจฺฉวิก’’นฺติฯ สา กถา ปตฺถรมานา ราชกุลํ สมฺปตฺตาฯ ราชา สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อฎฺฐานเมตํ ยํ ตถาคโต ปเรสํ ลาภนฺตรายํ กเรยฺยฯ เอเต ตถาคตสฺส อลาภาย อยสาย ปริสกฺกนฺติฯ สจาหํ อิเธว ฐตฺวา ‘มา เอวํ อโวจุตฺถ, น สตฺถา เอวํ กเถตี’ติ วเทยฺยํ, เอวํ สา กถา นิชฺฌตฺติํ น คเจฺฉยฺย, อิมสฺส มหาชนสฺส สนฺนิปติตกาเลเยว นํ นิชฺฌาเปสฺสามี’’ติ เอกํ ฉณทิวสํ อาคเมโนฺต ตุณฺหี อโหสิฯ
135. Catutthassa aṭṭhuppattiko nikkhepo. Bhagavato kira paṭhamabodhiyaṃ mahālābhasakkāro udapādi bhikkhusaṅghassa ca. Titthiyā hatalābhasakkārā hutvā kulesu evaṃ kanthentā vicaranti – ‘‘samaṇo gotamo evamāha, ‘mayhameva dānaṃ dātabbaṃ, na aññesaṃ dānaṃ dātabbaṃ. Mayhameva sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ, na aññesaṃ sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ. Mayhameva dinnaṃ mahapphalaṃ, na aññesaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ. Mayhameva sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ, na aññesaṃ sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphala’nti. Yuttaṃ nu kho sayampi bhikkhācāranissitena paresaṃ bhikkhācāranissitānaṃ catunnaṃ paccayānaṃ antarāyaṃ kātuṃ, ayuttaṃ karoti ananucchavika’’nti. Sā kathā pattharamānā rājakulaṃ sampattā. Rājā sutvā cintesi – ‘‘aṭṭhānametaṃ yaṃ tathāgato paresaṃ lābhantarāyaṃ kareyya. Ete tathāgatassa alābhāya ayasāya parisakkanti. Sacāhaṃ idheva ṭhatvā ‘mā evaṃ avocuttha, na satthā evaṃ kathetī’ti vadeyyaṃ, evaṃ sā kathā nijjhattiṃ na gaccheyya, imassa mahājanassa sannipatitakāleyeva naṃ nijjhāpessāmī’’ti ekaṃ chaṇadivasaṃ āgamento tuṇhī ahosi.
อปเรน สมเยน มหาฉเณ สมฺปเตฺต ‘‘อยํ อิมสฺส กาโล’’ติ นคเร เภริํ จราเปสิ – ‘‘สทฺธา วา อสฺสทฺธา วา สมฺมาทิฎฺฐิกา วา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา วา เคหรกฺขเก ทารเก วา มาตุคาเม วา ฐเปตฺวา อวเสสา เย วิหารํ นาคจฺฉนฺติ, ปญฺญาสํ ทโณฺฑ’’ติฯ สยมฺปิ ปาโตว นฺหตฺวา กตปาตราโส สพฺพาภรณปฎิมณฺฑิโต มหตา พลกาเยน สทฺธิํ วิหารํ อคมาสิฯ คจฺฉโนฺต จ จิเนฺตสิ – ‘‘ภควา ตุเมฺห กิร เอวํ วทถ ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ…เป.… น อเญฺญสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ เอวํ ปุจฺฉิตุํ อยุตฺตํ, ปญฺหเมว ปุจฺฉิสฺสามิ, ปญฺหํ กเถโนฺต จ เม ภควา อวสาเน ติตฺถิยานํ วาทํ ภญฺชิสฺสตี’’ติฯ โส ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต กตฺถ นุ โข, ภเนฺต, ทานํ ทาตพฺพนฺติ อาหฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ ปุคฺคเล จิตฺตํ ปสีทติ, ตสฺมิํ ทาตพฺพํ, ตสฺส วา ทาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
Aparena samayena mahāchaṇe sampatte ‘‘ayaṃ imassa kālo’’ti nagare bheriṃ carāpesi – ‘‘saddhā vā assaddhā vā sammādiṭṭhikā vā micchādiṭṭhikā vā geharakkhake dārake vā mātugāme vā ṭhapetvā avasesā ye vihāraṃ nāgacchanti, paññāsaṃ daṇḍo’’ti. Sayampi pātova nhatvā katapātarāso sabbābharaṇapaṭimaṇḍito mahatā balakāyena saddhiṃ vihāraṃ agamāsi. Gacchanto ca cintesi – ‘‘bhagavā tumhe kira evaṃ vadatha ‘mayhameva dānaṃ dātabbaṃ…pe… na aññesaṃ sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphala’nti evaṃ pucchituṃ ayuttaṃ, pañhameva pucchissāmi, pañhaṃ kathento ca me bhagavā avasāne titthiyānaṃ vādaṃ bhañjissatī’’ti. So pañhaṃ pucchanto kattha nu kho, bhante, dānaṃ dātabbanti āha. Yatthāti yasmiṃ puggale cittaṃ pasīdati, tasmiṃ dātabbaṃ, tassa vā dātabbanti attho.
เอวํ วุเตฺต ราชา เยหิ มนุเสฺสหิ ติตฺถิยานํ วจนํ อาโรจิตํ, เต โอโลเกสิฯ เต รญฺญา โอโลกิตมตฺตาว มงฺกุภูตา อโธมุขา ปาทงฺคุฎฺฐเกน ภูมิํ เลขมานา อฎฺฐํสุฯ ราชา – ‘‘เอกปเทเนว, ภเนฺต, หตา ติตฺถิยา’’ติ มหาชนํ สาเวโนฺต มหาสเทฺทน อภาสิฯ เอวญฺจ ปน ภาสิตฺวา – ‘‘ภควา จิตฺตํ นาม นิคณฺฐาเจลกปริพฺพาชกาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปสีทติ , กตฺถ ปน, ภเนฺต, ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ปุจฺฉิฯ อญฺญํ โข เอตนฺติ, ‘‘มหาราช, อญฺญํ ตยา ปฐมํ ปุจฺฉิตํ, อญฺญํ ปจฺฉา, สลฺลเกฺขหิ เอตํ, ปญฺหากถนํ ปน มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา สีลวโต โขติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิธ ตฺยสฺสาติ อิธ เต อสฺสฯ สมุปพฺยูโฬฺหติ ราสิภูโตฯ อสิกฺขิโตติ ธนุสิเปฺป อสิกฺขิโตฯ อกตหโตฺถติ มุฎฺฐิพนฺธาทิวเสน อสมฺปาทิตหโตฺถฯ อกตโยโคฺคติ ติณปุญฺชมตฺติกาปุญฺชาทีสุ อกตปริจโยฯ อกตูปาสโนติ ราชราชมหามตฺตานํ อทสฺสิตสรเกฺขโปฯ ฉมฺภีติ ปเวธิตกาโยฯ
Evaṃ vutte rājā yehi manussehi titthiyānaṃ vacanaṃ ārocitaṃ, te olokesi. Te raññā olokitamattāva maṅkubhūtā adhomukhā pādaṅguṭṭhakena bhūmiṃ lekhamānā aṭṭhaṃsu. Rājā – ‘‘ekapadeneva, bhante, hatā titthiyā’’ti mahājanaṃ sāvento mahāsaddena abhāsi. Evañca pana bhāsitvā – ‘‘bhagavā cittaṃ nāma nigaṇṭhācelakaparibbājakādīsu yattha katthaci pasīdati , kattha pana, bhante, dinnaṃ mahapphala’’nti pucchi. Aññaṃ kho etanti, ‘‘mahārāja, aññaṃ tayā paṭhamaṃ pucchitaṃ, aññaṃ pacchā, sallakkhehi etaṃ, pañhākathanaṃ pana mayhaṃ bhāro’’ti vatvā sīlavato khotiādimāha. Tattha idha tyassāti idha te assa. Samupabyūḷhoti rāsibhūto. Asikkhitoti dhanusippe asikkhito. Akatahatthoti muṭṭhibandhādivasena asampāditahattho. Akatayoggoti tiṇapuñjamattikāpuñjādīsu akataparicayo. Akatūpāsanoti rājarājamahāmattānaṃ adassitasarakkhepo. Chambhīti pavedhitakāyo.
กามจฺฉโนฺท ปหีโนติอาทีสุ อรหตฺตมเคฺคน กามจฺฉโนฺท ปหีโน โหติ, อนาคามิมเคฺคน พฺยาปาโท , อรหตฺตมเคฺคเนว ถินมิทฺธํ, ตถา อุทฺธจฺจํ, ตติเยเนว กุกฺกุจฺจํ, ปฐมมเคฺคน วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติฯ อเสเกฺขน สีลกฺขเนฺธนาติ อเสกฺขสฺส สีลกฺขโนฺธ อเสโกฺข สีลกฺขโนฺธ นามฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ เอตฺถ จ ปุริเมหิ จตูหิ ปเทหิ โลกิยโลกุตฺตรสีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติโย กถิตาฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณญาณํ โหติ, ตํ โลกิยเมวฯ
Kāmacchando pahīnotiādīsu arahattamaggena kāmacchando pahīno hoti, anāgāmimaggena byāpādo , arahattamaggeneva thinamiddhaṃ, tathā uddhaccaṃ, tatiyeneva kukkuccaṃ, paṭhamamaggena vicikicchā pahīnā hoti. Asekkhenasīlakkhandhenāti asekkhassa sīlakkhandho asekkho sīlakkhandho nāma. Esa nayo sabbattha. Ettha ca purimehi catūhi padehi lokiyalokuttarasīlasamādhipaññāvimuttiyo kathitā. Vimuttiñāṇadassanaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ hoti, taṃ lokiyameva.
อิสฺสตฺตนฺติ อุสุสิปฺปํฯ พลวีริยนฺติ เอตฺถ พลํ นาม วาโยธาตุ, วีริยํ กายิกเจตสิกวีริยเมวฯ ภเรติ ภเรยฺยฯ นาสูรํ ชาติปจฺจยาติ, ‘‘อยํ ชาติสมฺปโนฺน’’ติ เอวํ ชาติการณา อสูรํ น ภเรยฺยฯ
Issattanti ususippaṃ. Balavīriyanti ettha balaṃ nāma vāyodhātu, vīriyaṃ kāyikacetasikavīriyameva. Bhareti bhareyya. Nāsūraṃ jātipaccayāti, ‘‘ayaṃ jātisampanno’’ti evaṃ jātikāraṇā asūraṃ na bhareyya.
ขนฺติโสรจฺจนฺติ เอตฺถ ขนฺตีติ อธิวาสนขนฺติ, โสรจฺจนฺติ อรหตฺตํฯ ธมฺมาติ เอเต เทฺว ธมฺมาฯ อสฺสเมติ อาวสเถฯ วิวเนติ อรญฺญฎฺฐาเน, นิรุทเก อรเญฺญ จตุรสฺสโปกฺขรณิอาทีนิ การเยติ อโตฺถฯ ทุเคฺคติ วิสมฎฺฐาเนฯ สงฺกมนานีติ ปณฺณาสหตฺถสฎฺฐิหตฺถานิ สโมกิณฺณปริสุทฺธวาลิกานิ สงฺกมนานิ กเรยฺยฯ
Khantisoraccanti ettha khantīti adhivāsanakhanti, soraccanti arahattaṃ. Dhammāti ete dve dhammā. Assameti āvasathe. Vivaneti araññaṭṭhāne, nirudake araññe caturassapokkharaṇiādīni kārayeti attho. Duggeti visamaṭṭhāne. Saṅkamanānīti paṇṇāsahatthasaṭṭhihatthāni samokiṇṇaparisuddhavālikāni saṅkamanāni kareyya.
อิทานิ เอเตสุ อรญฺญเสนาสเนสุ วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขาจารวตฺตํ อาจิกฺขโนฺต อนฺนํ ปานนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เสนาสนานีติ มญฺจปีฐาทีนิฯ วิปฺปสเนฺนนาติ ขีณาสวสฺส เทโนฺตปิ สกเงฺขน กิเลสมลิเนน จิเตฺตน อทตฺวา วิปฺปสเนฺนเนว จิเตฺตน ทเทยฺยฯ ถนยนฺติ คชฺชโนฺตฯ สตกฺกกูติ สตสิขโร, อเนกกูโฎติ อโตฺถฯ อภิสงฺขจฺจาติ อภิสงฺขริตฺวา สโมธาเนตฺวา ราสิํ กตฺวาฯ
Idāni etesu araññasenāsanesu vasantānaṃ bhikkhūnaṃ bhikkhācāravattaṃ ācikkhanto annaṃ pānantiādimāha. Tattha senāsanānīti mañcapīṭhādīni. Vippasannenāti khīṇāsavassa dentopi sakaṅkhena kilesamalinena cittena adatvā vippasanneneva cittena dadeyya. Thanayanti gajjanto. Satakkakūti satasikharo, anekakūṭoti attho. Abhisaṅkhaccāti abhisaṅkharitvā samodhānetvā rāsiṃ katvā.
อาโมทมาโนติ ตุฎฺฐมานโส หุตฺวาฯ ปกิเรตีติ ทานเคฺค วิจิรติ, ปกิรโนฺต วิย วา ทานํ เทติฯ ปุญฺญธาราติ อเนกทานเจตนามยา ปุญฺญธาราฯ ทาตารํ อภิวสฺสตีติ ยถา อากาเส สมุฎฺฐิตเมฆโต นิกฺขนฺตา อุทกธารา ปถวิํ สิเนหยนฺตี เตเมนฺตี กิเลทยนฺตี อภิวสฺสติ, เอวเมว อยมฺปิ ทายกสฺส อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนา ปุญฺญธารา ตเมว ทาตารํ อโนฺต สิเนเหติ ปูเรติ อภิสเนฺทติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทาตารํ อภิวสฺสตี’’ติฯ จตุตฺถํฯ
Āmodamānoti tuṭṭhamānaso hutvā. Pakiretīti dānagge vicirati, pakiranto viya vā dānaṃ deti. Puññadhārāti anekadānacetanāmayā puññadhārā. Dātāraṃ abhivassatīti yathā ākāse samuṭṭhitameghato nikkhantā udakadhārā pathaviṃ sinehayantī tementī kiledayantī abhivassati, evameva ayampi dāyakassa abbhantare uppannā puññadhārā tameva dātāraṃ anto sineheti pūreti abhisandeti. Tena vuttaṃ ‘‘dātāraṃ abhivassatī’’ti. Catutthaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. อิสฺสตฺตสุตฺตํ • 4. Issattasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. อิสฺสตฺตสุตฺตวณฺณนา • 4. Issattasuttavaṇṇanā