Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๑๔] ๙. ชาครชาตกวณฺณนา
[414] 9. Jāgarajātakavaṇṇanā
โกธ ชาครตํ สุโตฺตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส หิ โสตาปโนฺน อริยสาวโก สาวตฺถิโต สกฎสเตฺถน สทฺธิํ กนฺตารมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ สตฺถวาโห ตตฺถ เอกสฺมิํ อุทกผาสุกฎฺฐาเน ปญฺจ สกฎสตานิ โมเจตฺวา ขาทนียโภชนียํ สํวิทหิตฺวา วาสํ อุปคจฺฉิฯ เต มนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิปชฺชิตฺวา สุปิํสุ, อุปาสโก ปน สตฺถวาหสฺส สนฺติเก เอกสฺมิํ รุกฺขมูเล จงฺกมํ อธิฎฺฐาสิฯ อถ นํ สตฺถํ วิลุมฺปิตุกามา ปญฺจสตา โจรา นานาวุธานิ คเหตฺวา สตฺถํ ปริวาเรตฺวา อฎฺฐํสุฯ เต ตํ อุปาสกํ จงฺกมนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส นิทฺทายนกาเล วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อฎฺฐํสุ, โสปิ ติยามรตฺติํ จงฺกมิเยวฯ โจรา ปจฺจูสสมเย คหิตคหิตา ปาสาณมุคฺคราทโย ฉเฑฺฑตฺวา ‘‘โภ สตฺถวาห, อิมํ อปฺปมาเทน ชคฺคนฺตํ ปุริสํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิตฺวา ตว สนฺตกสฺส สามิโก ชาโต, เอตสฺส สกฺการํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกมิํสุฯ มนุสฺสา กาลเสฺสว วุฎฺฐาย เตหิ ฉฑฺฑิตปาสาณมุคฺคราทโย ทิสฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย อเมฺหหิ ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ อุปาสกสฺส สกฺการํ อกํสุฯ อุปาสโกปิ อิจฺฉิตฎฺฐานํ คนฺตฺวา กตกิโจฺจ ปุน สาวตฺถิํ อาคนฺตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา ตถาคตํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา นิสิโนฺน ‘‘กิํ, อุปาสก, น ปญฺญายสี’’ติ วุเตฺต ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, ตฺวํเยว อนิทฺทายิตฺวา ชคฺคโนฺต วิเสสํ ลภิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ชคฺคนฺตา วิเสสํ คุณํ ลภิํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Kodhajāgarataṃ suttoti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ upāsakaṃ ārabbha kathesi. So hi sotāpanno ariyasāvako sāvatthito sakaṭasatthena saddhiṃ kantāramaggaṃ paṭipajji. Satthavāho tattha ekasmiṃ udakaphāsukaṭṭhāne pañca sakaṭasatāni mocetvā khādanīyabhojanīyaṃ saṃvidahitvā vāsaṃ upagacchi. Te manussā tattha tattha nipajjitvā supiṃsu, upāsako pana satthavāhassa santike ekasmiṃ rukkhamūle caṅkamaṃ adhiṭṭhāsi. Atha naṃ satthaṃ vilumpitukāmā pañcasatā corā nānāvudhāni gahetvā satthaṃ parivāretvā aṭṭhaṃsu. Te taṃ upāsakaṃ caṅkamantaṃ disvā ‘‘imassa niddāyanakāle vilumpissāmā’’ti tattha tattha aṭṭhaṃsu, sopi tiyāmarattiṃ caṅkamiyeva. Corā paccūsasamaye gahitagahitā pāsāṇamuggarādayo chaḍḍetvā ‘‘bho satthavāha, imaṃ appamādena jaggantaṃ purisaṃ nissāya jīvitaṃ labhitvā tava santakassa sāmiko jāto, etassa sakkāraṃ kareyyāsī’’ti vatvā pakkamiṃsu. Manussā kālasseva vuṭṭhāya tehi chaḍḍitapāsāṇamuggarādayo disvā ‘‘imaṃ nissāya amhehi jīvitaṃ laddha’’nti upāsakassa sakkāraṃ akaṃsu. Upāsakopi icchitaṭṭhānaṃ gantvā katakicco puna sāvatthiṃ āgantvā jetavanaṃ gantvā tathāgataṃ pūjetvā vanditvā nisinno ‘‘kiṃ, upāsaka, na paññāyasī’’ti vutte tamatthaṃ ārocesi. Satthā ‘‘na kho, upāsaka, tvaṃyeva aniddāyitvā jagganto visesaṃ labhi, porāṇakapaṇḍitāpi jaggantā visesaṃ guṇaṃ labhiṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา อคารมเชฺฌ วสโนฺต อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา น จิรเสฺสว ฌานาภิญฺญํ นิพฺพเตฺตตฺวา หิมวนฺตปเทเส ฐานจงฺกมิริยาปโถ หุตฺวา วสโนฺต นิทฺทํ อนุปคนฺตฺวา สพฺพรตฺติํ จงฺกมติฯ อถสฺส จงฺกมนโกฎิยํ นิพฺพตฺตรุกฺขเทวตา ตุสฺสิตฺวา รุกฺขวิฎเป ฐตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉนฺตี ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā paccāgantvā agāramajjhe vasanto aparabhāge nikkhamitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā na cirasseva jhānābhiññaṃ nibbattetvā himavantapadese ṭhānacaṅkamiriyāpatho hutvā vasanto niddaṃ anupagantvā sabbarattiṃ caṅkamati. Athassa caṅkamanakoṭiyaṃ nibbattarukkhadevatā tussitvā rukkhaviṭape ṭhatvā pañhaṃ pucchantī paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๓๕.
135.
‘‘โกธ ชาครตํ สุโตฺต, โกธ สุเตฺตสุ ชาคโร;
‘‘Kodha jāgarataṃ sutto, kodha suttesu jāgaro;
โก มเมตํ วิชานาติ, โก ตํ ปฎิภณาติ เม’’ติฯ
Ko mametaṃ vijānāti, ko taṃ paṭibhaṇāti me’’ti.
ตตฺถ โกธาติ โก อิธฯ โก มเมตนฺติ โก มม เอตํ ปญฺหํ วิชานาติฯ โก ตํ ปฎิภณาติ เมติ เอตํ มยา ปุฎฺฐํ ปญฺหํ มยฺหํ โก ปฎิภณาติ, โก พฺยากริตุํ สกฺขิสฺสตีติ ปุจฺฉติฯ
Tattha kodhāti ko idha. Ko mametanti ko mama etaṃ pañhaṃ vijānāti. Ko taṃ paṭibhaṇāti meti etaṃ mayā puṭṭhaṃ pañhaṃ mayhaṃ ko paṭibhaṇāti, ko byākarituṃ sakkhissatīti pucchati.
โพธิสโตฺต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา –
Bodhisatto tassā vacanaṃ sutvā –
๑๓๖.
136.
‘‘อหํ ชาครตํ สุโตฺต, อหํ สุเตฺตสุ ชาคโร;
‘‘Ahaṃ jāgarataṃ sutto, ahaṃ suttesu jāgaro;
อหเมตํ วิชานามิ, อหํ ปฎิภณามิ เต’’ติฯ –
Ahametaṃ vijānāmi, ahaṃ paṭibhaṇāmi te’’ti. –
อิมํ คาถํ วตฺวา ปุน ตาย –
Imaṃ gāthaṃ vatvā puna tāya –
๑๓๗.
137.
‘‘กถํ ชาครตํ สุโตฺต, กถํ สุเตฺตสุ ชาคโร;
‘‘Kathaṃ jāgarataṃ sutto, kathaṃ suttesu jāgaro;
กถํ เอตํ วิชานาสิ, กถํ ปฎิภณาสิ เม’’ติฯ –
Kathaṃ etaṃ vijānāsi, kathaṃ paṭibhaṇāsi me’’ti. –
อิมํ คาถํ ปุโฎฺฐ ตมตฺถํ พฺยากโรโนฺต –
Imaṃ gāthaṃ puṭṭho tamatthaṃ byākaronto –
๑๓๘.
138.
‘‘เย ธมฺมํ นปฺปชานนฺติ, สํยโมติ ทโมติ จ;
‘‘Ye dhammaṃ nappajānanti, saṃyamoti damoti ca;
เตสุ สุปฺปมาเนสุ, อหํ ชคฺคามิ เทวเตฯ
Tesu suppamānesu, ahaṃ jaggāmi devate.
๑๓๙.
139.
‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;
‘‘Yesaṃ rāgo ca doso ca, avijjā ca virājitā;
เตสุ ชาครมาเนสุ, อหํ สุโตฺตสฺมิ เทวเตฯ
Tesu jāgaramānesu, ahaṃ suttosmi devate.
๑๔๐.
140.
‘‘เอวํ ชาครตํ สุโตฺต, เอวํ สุเตฺตสุ ชาคโร;
‘‘Evaṃ jāgarataṃ sutto, evaṃ suttesu jāgaro;
เอวเมตํ วิชานามิ, เอวํ ปฎิภณามิ เต’’ติฯ – อิมา คาถา อาห;
Evametaṃ vijānāmi, evaṃ paṭibhaṇāmi te’’ti. – imā gāthā āha;
ตตฺถ กถํ ชาครตํ สุโตฺตติ กถํ ตฺวํ ชาครตํ สตฺตานํ อนฺตเร สุโตฺต นาม โหสิฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ เย ธมฺมนฺติ เย สตฺตา นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ น ปชานนฺติฯ สํยโมติ ทโมติ จาติ ‘‘อยํ สํยโม, อยํ ทโม’’ติ เอวญฺจ เย มเคฺคน อาคตํ สีลเญฺจว อินฺทฺริยสํวรญฺจ น ชานนฺติฯ อินฺทฺริยสํวโร หิ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ ทมนโต ‘‘ทโม’’ติ วุจฺจติฯ เตสุ สุปฺปมาเนสูติ เตสุ กิเลสนิทฺทาวเสน สุปเนฺตสุ สเตฺตสุ อหํ อปฺปมาทวเสน ชคฺคามิฯ
Tattha kathaṃ jāgarataṃ suttoti kathaṃ tvaṃ jāgarataṃ sattānaṃ antare sutto nāma hosi. Esa nayo sabbattha. Ye dhammanti ye sattā navavidhaṃ lokuttaradhammaṃ na pajānanti. Saṃyamoti damoti cāti ‘‘ayaṃ saṃyamo, ayaṃ damo’’ti evañca ye maggena āgataṃ sīlañceva indriyasaṃvarañca na jānanti. Indriyasaṃvaro hi manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ damanato ‘‘damo’’ti vuccati. Tesu suppamānesūti tesu kilesaniddāvasena supantesu sattesu ahaṃ appamādavasena jaggāmi.
‘‘เยสํ ราโค จา’’ติ คาถาย เยสํ มหาขีณาสวานํ ปทสเตน นิทฺทิฎฺฐทิยฑฺฒสหสฺสตณฺหาโลภสงฺขาโต ราโค จ นวอาฆาตวตฺถุสมุฎฺฐาโน โทโส จ ทุกฺขาทีสุ อฎฺฐสุ วตฺถูสุ อญฺญาณภูตา อวิชฺชา จาติ อิเม กิเลสา วิราชิตา ปหีนา, เตสุ อริเยสุ สพฺพากาเรน ชาครมาเนสุ เต อุปาทาย อหํ สุโตฺต นาม เทวเตติ อโตฺถฯ เอวํ ชาครตนฺติ เอวํ เทวเต อหํ อิมินา การเณน ชาครตํ สุโตฺต นามาติฯ เอส นโย สพฺพปเทสุฯ
‘‘Yesaṃ rāgo cā’’ti gāthāya yesaṃ mahākhīṇāsavānaṃ padasatena niddiṭṭhadiyaḍḍhasahassataṇhālobhasaṅkhāto rāgo ca navaāghātavatthusamuṭṭhāno doso ca dukkhādīsu aṭṭhasu vatthūsu aññāṇabhūtā avijjā cāti ime kilesā virājitā pahīnā, tesu ariyesu sabbākārena jāgaramānesu te upādāya ahaṃ sutto nāma devateti attho. Evaṃ jāgaratanti evaṃ devate ahaṃ iminā kāraṇena jāgarataṃ sutto nāmāti. Esa nayo sabbapadesu.
เอวํ มหาสเตฺตน ปเญฺห กถิเต ตุฎฺฐา เทวตา ตสฺส ถุติํ กโรนฺตี โอสานคาถมาห –
Evaṃ mahāsattena pañhe kathite tuṭṭhā devatā tassa thutiṃ karontī osānagāthamāha –
๑๔๑.
141.
‘‘สาธุ ชาครตํ สุโตฺต, สาธุ สุเตฺตสุ ชาคโร;
‘‘Sādhu jāgarataṃ sutto, sādhu suttesu jāgaro;
สาธุ เมตํ วิชานาสิ, สาธุ ปฎิภณาสิ เม’’ติฯ
Sādhu metaṃ vijānāsi, sādhu paṭibhaṇāsi me’’ti.
ตตฺถ สาธูติ ภทฺทกํ กตฺวา ตฺวํ อิมํ ปญฺหํ กเถสิ, มยมฺปิ นํ เอวเมว กเถมาติฯ เอวํ สา โพธิสตฺตสฺส ถุติํ กตฺวา อตฺตโน วิมานเมว ปาวิสิฯ
Tattha sādhūti bhaddakaṃ katvā tvaṃ imaṃ pañhaṃ kathesi, mayampi naṃ evameva kathemāti. Evaṃ sā bodhisattassa thutiṃ katvā attano vimānameva pāvisi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā devadhītā uppalavaṇṇā ahosi, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.
ชาครชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Jāgarajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๑๔. ชาครชาตกํ • 414. Jāgarajātakaṃ