Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๑๐. ชาคริยสุตฺตวณฺณนา

    10. Jāgariyasuttavaṇṇanā

    ๔๗. ทสเม ชาคโรติ ชาครโก วิคตนิโทฺท ชาคริยํ อนุยุโตฺต, รตฺตินฺทิวํ กมฺมฎฺฐานมนสิกาเร ยุตฺตปฺปยุโตฺตติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    47. Dasame jāgaroti jāgarako vigataniddo jāgariyaṃ anuyutto, rattindivaṃ kammaṭṭhānamanasikāre yuttappayuttoti attho. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺต โหติ? อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปฐมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิ กริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฎฺฐาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติฯ เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺต โหตี’’ติ (วิภ. ๕๑๙)ฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu pubbarattāpararattaṃ jāgariyānuyogamanuyutto hoti? Idha bhikkhu divasaṃ caṅkamena nisajjāya āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodheti, rattiyā paṭhamaṃ yāmaṃ caṅkamena nisajjāya āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodheti, rattiyā majjhimaṃ yāmaṃ dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappeti pāde pādaṃ accādhāya sato sampajāno uṭṭhānasaññaṃ manasi karitvā, rattiyā pacchimaṃ yāmaṃ paccuṭṭhāya caṅkamena nisajjāya āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodheti. Evaṃ bhikkhu pubbarattāpararattaṃ jāgariyānuyogamanuyutto hotī’’ti (vibha. 519).

    จสโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถ, เตน วกฺขมาเน สตาทิภาเว สมฺปิเณฺฑติฯ อสฺสาติ สิยา, ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘ชาคโร จ ภิกฺขุ วิหเรยฺยา’’ติ จ ปฐนฺติฯ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ กมฺมฎฺฐานาวิชหนวเสน สติอวิปฺปวาเสน สโต สมฺปชาโนติ สตฺตฎฺฐานิยสฺส จตุพฺพิธสฺสปิ สมฺปชญฺญสฺส วเสน สมฺปชาโนฯ สมาหิโตติ อุปจารสมาธินา อปฺปนาสมาธินา จ สมาหิโต เอกคฺคจิโตฺตฯ ปมุทิโตติ ปฎิปตฺติยา อานิสํสทสฺสเนน อุตฺตรุตฺตริ วิเสสาธิคเมน วีริยารมฺภสฺส จ อโมฆภาวทสฺสเนน ปมุทิโต ปาโมชฺชพหุโลฯ วิปฺปสโนฺนติ ตโต เอว ปฎิปตฺติภูตาสุ ตีสุ สิกฺขาสุ ปฎิปตฺติเทสเก จ สตฺถริ สทฺธาพหุลตาย สุฎฺฐุ ปสโนฺนฯ สพฺพตฺถ อสฺสาติ สมฺพโนฺธ วิหเรยฺยาติ วาฯ

    Casaddo sampiṇḍanattho, tena vakkhamāne satādibhāve sampiṇḍeti. Assāti siyā, bhaveyyāti attho. ‘‘Jāgaro ca bhikkhu vihareyyā’’ti ca paṭhanti. Sabbattha sabbadā ca kammaṭṭhānāvijahanavasena satiavippavāsena sato sampajānoti sattaṭṭhāniyassa catubbidhassapi sampajaññassa vasena sampajāno. Samāhitoti upacārasamādhinā appanāsamādhinā ca samāhito ekaggacitto. Pamuditoti paṭipattiyā ānisaṃsadassanena uttaruttari visesādhigamena vīriyārambhassa ca amoghabhāvadassanena pamudito pāmojjabahulo. Vippasannoti tato eva paṭipattibhūtāsu tīsu sikkhāsu paṭipattidesake ca satthari saddhābahulatāya suṭṭhu pasanno. Sabbattha assāti sambandho vihareyyāti vā.

    ตตฺถ กาลวิปสฺสี จ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ ตสฺมิํ กาเล วิปสฺสโก, ตตฺถ วา กมฺมฎฺฐานานุโยเค กาลวิปสฺสี กาลานุรูปํ วิปสฺสโกฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา กลาปสมฺมสนาทิวเสน สมฺมสโนฺต อาวาสาทิเก สตฺต อสปฺปาเย วเชฺชตฺวา สปฺปาเย เสวโนฺต อนฺตรา โวสานํ อนาปชฺชิตฺวา ปหิตโตฺต จิตฺตสฺส สมาหิตาการํ สลฺลเกฺขโนฺต สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิํ ปวเตฺตโนฺต ยสฺมิํ กาเล วิปสฺสนาจิตฺตํ ลีนํ โหติ, ตสฺมิํ ธมฺมวิจยวีริยปีติสงฺขาเตสุ, ยสฺมิํ ปน กาเล จิตฺตํ อุทฺธตํ โหติ, ตสฺมิํ ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาเตสุ กุสเลสุ อนวเชฺชสุ โพชฺฌงฺคธเมฺมสูติ เอวํ ตตฺถ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล, ตสฺมิํ วา กมฺมฎฺฐานานุโยเค กาลานุรูปํ วิปสฺสโก อสฺสาติฯ สติสโมฺพชฺฌโงฺค ปน สพฺพเตฺถว อิจฺฉิตโพฺพ ฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔; มิ. ป. ๒.๑.๑๓)ฯ เอตฺตาวตา ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย ชาคริยํ ทเสฺสตฺวา เยหิ ธเมฺมหิ ชาคริยานุโยโค สมฺปชฺชติ, เต ปกาเสติฯ

    Tattha kālavipassī ca kusalesu dhammesūti tasmiṃ kāle vipassako, tattha vā kammaṭṭhānānuyoge kālavipassī kālānurūpaṃ vipassako. Kiṃ vuttaṃ hoti? Vipassanaṃ paṭṭhapetvā kalāpasammasanādivasena sammasanto āvāsādike satta asappāye vajjetvā sappāye sevanto antarā vosānaṃ anāpajjitvā pahitatto cittassa samāhitākāraṃ sallakkhento sakkaccaṃ nirantaraṃ aniccānupassanādiṃ pavattento yasmiṃ kāle vipassanācittaṃ līnaṃ hoti, tasmiṃ dhammavicayavīriyapītisaṅkhātesu, yasmiṃ pana kāle cittaṃ uddhataṃ hoti, tasmiṃ passaddhisamādhiupekkhāsaṅkhātesu kusalesu anavajjesu bojjhaṅgadhammesūti evaṃ tattha tasmiṃ tasmiṃ kāle, tasmiṃ vā kammaṭṭhānānuyoge kālānurūpaṃ vipassako assāti. Satisambojjhaṅgo pana sabbattheva icchitabbo . Vuttañhetaṃ ‘‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’ti (saṃ. ni. 5.234; mi. pa. 2.1.13). Ettāvatā puggalādhiṭṭhānāya desanāya jāgariyaṃ dassetvā yehi dhammehi jāgariyānuyogo sampajjati, te pakāseti.

    เอวํ ภควา อารทฺธวิปสฺสกสฺส ภิกฺขุโน สเงฺขเปเนว สทฺธิํ อุปการกธเมฺมหิ สมฺมสนจารํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตถา ปฎิปชฺชนฺตสฺส ปฎิปตฺติยา อวญฺฌภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชาครสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชาคริยานุโยเค สติสมฺปชญฺญสมาทานานิ สพฺพตฺถกานิ สโมฺมทปสาทาวหานิ, ตตฺถ กาลวิปสฺสนา นาม วิปสฺสนาย คพฺภคฺคหณํ ปริปากคตํฯ อุปกฺกิเลสวิมุเตฺต หิ วีถิปฎิปเนฺน วิปสฺสนาญาเณ ติเกฺข สูเร วหเนฺต โยคิโน อุฬารํ ปาโมชฺชํ ปสาโท จ โหติ, เตหิ จ วิเสสาธิคมสฺส สนฺติเกเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Evaṃ bhagavā āraddhavipassakassa bhikkhuno saṅkhepeneva saddhiṃ upakārakadhammehi sammasanacāraṃ dassetvā idāni tathā paṭipajjantassa paṭipattiyā avañjhabhāvaṃ dassento ‘‘jāgarassa, bhikkhave, bhikkhuno’’tiādimāha. Tattha jāgariyānuyoge satisampajaññasamādānāni sabbatthakāni sammodapasādāvahāni, tattha kālavipassanā nāma vipassanāya gabbhaggahaṇaṃ paripākagataṃ. Upakkilesavimutte hi vīthipaṭipanne vipassanāñāṇe tikkhe sūre vahante yogino uḷāraṃ pāmojjaṃ pasādo ca hoti, tehi ca visesādhigamassa santikeyeva. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํฯ

    Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānataṃ.

    ‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสโนฺน พุทฺธสาสเน;

    ‘‘Pāmojjabahulo bhikkhu, pasanno buddhasāsane;

    อธิคเจฺฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔, ๓๘๑);

    Adhigacche padaṃ santaṃ, saṅkhārūpasamaṃ sukha’’nti. (dha. pa. 374, 381);

    คาถาสุ ชาครนฺตา สุณาเถตนฺติ เอตํ มม วจนํ เอกเนฺตเนว ปมาทนิทฺทาย อวิชฺชานิทฺทาย ปโพธนตฺถํ ชาครนฺตา สติสมฺปชญฺญาทิธมฺมสมาโยเคน ชาคริยํ อนุยุตฺตา สุณาถฯ เย สุตฺตา เต ปพุชฺฌถาติ เย ยถาวุตฺตนิทฺทาย สุตฺตา สุปนํ อุปคตา, เต ตุเมฺห ชาคริยานุโยควเสน อินฺทฺริยพลโพชฺฌเงฺค สงฺกฑฺฒิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตา อปฺปมาทปฎิปตฺติยา ตโต ปพุชฺฌถ อถ วา ชาครนฺตาติ ชาครนิมิตฺตาฯ ‘‘สุณาเถต’’นฺติ เอตฺถ ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ, กิํ ตํ วจนนฺติ อาห ‘‘เย สุตฺตา เต ปพุชฺฌถา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เย สุตฺตาติ เย กิเลสนิทฺทาย สุตฺตา, เต ตุเมฺห อริยมคฺคปฎิโพเธน ปพุชฺฌถฯ สุตฺตา ชาคริตํ เสโยฺยติ อิทํ ปโพธสฺส การณวจนํฯ ยสฺมา ยถาวุตฺตสุปโต วุตฺตปฺปการํ ชาคริตํ ชาครณํ อตฺถกามสฺส กุลปุตฺตสฺส เสโยฺย ปาสํสตโร หิตสุขาวโห, ตสฺมา ปพุชฺฌถฯ นตฺถิ ชาครโต ภยนฺติ อิทํ ตตฺถ อานิสํสทสฺสนํฯ โย หิ สทฺธาทีหิ ชาครณธเมฺมหิ สมนฺนาคเมน ชาคโร ชคฺคติ, ปมาทนิทฺทํ น อุปคจฺฉติ, ตสฺส อตฺตานุวาทภยํ ปรานุวาทภยํ ทณฺฑภยํ ทุคฺคติภยํ ชาติอาทินิมิตฺตํ สพฺพมฺปิ วฎฺฎภยํ นตฺถิฯ

    Gāthāsu jāgarantā suṇāthetanti etaṃ mama vacanaṃ ekanteneva pamādaniddāya avijjāniddāya pabodhanatthaṃ jāgarantā satisampajaññādidhammasamāyogena jāgariyaṃ anuyuttā suṇātha. Ye suttā te pabujjhathāti ye yathāvuttaniddāya suttā supanaṃ upagatā, te tumhe jāgariyānuyogavasena indriyabalabojjhaṅge saṅkaḍḍhitvā vipassanaṃ ussukkāpentā appamādapaṭipattiyā tato pabujjhatha atha vā jāgarantāti jāgaranimittā. ‘‘Suṇātheta’’nti ettha ‘‘eta’’nti vuttaṃ, kiṃ taṃ vacananti āha ‘‘ye suttā te pabujjhathā’’tiādi. Tattha ye suttāti ye kilesaniddāya suttā, te tumhe ariyamaggapaṭibodhena pabujjhatha. Suttā jāgaritaṃ seyyoti idaṃ pabodhassa kāraṇavacanaṃ. Yasmā yathāvuttasupato vuttappakāraṃ jāgaritaṃ jāgaraṇaṃ atthakāmassa kulaputtassa seyyo pāsaṃsataro hitasukhāvaho, tasmā pabujjhatha. Natthi jāgarato bhayanti idaṃ tattha ānisaṃsadassanaṃ. Yo hi saddhādīhi jāgaraṇadhammehi samannāgamena jāgaro jaggati, pamādaniddaṃ na upagacchati, tassa attānuvādabhayaṃ parānuvādabhayaṃ daṇḍabhayaṃ duggatibhayaṃ jātiādinimittaṃ sabbampi vaṭṭabhayaṃ natthi.

    กาเลนาติ อาวาสสปฺปายาทีนํ ลทฺธกาเลนฯ โสติ นิปาตมตฺตํฯ สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตํ เตภูมกธมฺมํ สมฺมา ญาเยน ยถา นิพฺพินฺทนวิรชฺชนาทโย สมฺภวนฺติ, เอวํ ปริโต วีมํสโนฺต, สพฺพากาเรน วิปสฺสโนฺตติ อโตฺถฯ เอโกทิภูโตติ เอโก เสโฎฺฐ หุตฺวา อุเทตีติ เอโกทิ, สมาธิฯ โส เอโกทิ ภูโต ชาโต อุปฺปโนฺน เอตสฺสาติ เอโกทิภูโตฯ อคฺคิอาหิตาทิสทฺทานํ วิย เอตฺถ ภูตสทฺทสฺส ปรวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอโกทิํ วา ภูโต ปโตฺตติ เอโกทิภูโตฯ เอตฺถ จ เอโกทีติ มคฺคสมาธิ อธิเปฺปโต, ‘‘สมาหิโต’’ติ เอตฺถ ปน ปาทกชฺฌานสมาธินา สทฺธิํ วิปสฺสนาสมาธิฯ อถ วา กาเลนาติ มคฺคปฎิเวธกาเลนฯ สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ สมฺมเทว จตุสจฺจธมฺมํ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน วีมํสโนฺต, เอกาภิสมเยน อภิสเมโนฺตฯ เอโกทิภูโตติ เอโก เสโฎฺฐ อสหาโย วา หุตฺวา อุเทตีติ เอโกทิ, จตุกิจฺจสาธโก สมฺมปฺปธาโนฯ โส เอโกทิ ภูโต ชาโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมวฯ วิหเน ตมํ โสติ โส เอวํภูโต อริยสาวโก อรหตฺตมเคฺคน อวิชฺชาตมํ อนวเสสโต วิหเนยฺย สมุจฺฉิเนฺทยฺยฯ

    Kālenāti āvāsasappāyādīnaṃ laddhakālena. Soti nipātamattaṃ. Sammādhammaṃ parivīmaṃsamānoti vipassanāya ārammaṇabhūtaṃ tebhūmakadhammaṃ sammā ñāyena yathā nibbindanavirajjanādayo sambhavanti, evaṃ parito vīmaṃsanto, sabbākārena vipassantoti attho. Ekodibhūtoti eko seṭṭho hutvā udetīti ekodi, samādhi. So ekodi bhūto jāto uppanno etassāti ekodibhūto. Aggiāhitādisaddānaṃ viya ettha bhūtasaddassa paravacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Ekodiṃ vā bhūto pattoti ekodibhūto. Ettha ca ekodīti maggasamādhi adhippeto, ‘‘samāhito’’ti ettha pana pādakajjhānasamādhinā saddhiṃ vipassanāsamādhi. Atha vā kālenāti maggapaṭivedhakālena. Sammā dhammaṃ parivīmaṃsamānoti sammadeva catusaccadhammaṃ pariññābhisamayādivasena vīmaṃsanto, ekābhisamayena abhisamento. Ekodibhūtoti eko seṭṭho asahāyo vā hutvā udetīti ekodi, catukiccasādhako sammappadhāno. So ekodi bhūto jātoti sabbaṃ purimasadisameva. Vihane tamaṃ soti so evaṃbhūto ariyasāvako arahattamaggena avijjātamaṃ anavasesato vihaneyya samucchindeyya.

    อิติ ภควา ปฎิปตฺติยา อโมฆภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ทฬฺหํ นิโยเชโนฺต ‘‘ตสฺมา หเว’’ติ โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ชาครโต สติอวิปฺปวาสาทินา สมถวิปสฺสนาภาวนา ปาริปูริํ คจฺฉติ, อนุกฺกเมน อริยมโคฺค ปาตุภวติ, ตโต จสฺส สพฺพํ วฎฺฎภยํ นตฺถิ, ตสฺมาฯ หเวติ เอกํเสน ทฬฺหํ วาฯ ภเชถาติ ภเชยฺยฯ เอวํ ชาคริยํ ภชโนฺต จ อาตาปิภาวาทิคุณยุโตฺต ภิกฺขุ สํโยชนานิ ภินฺทิตฺวา อคฺคผลญาณสงฺขาตํ อนุตฺตรํ อุตฺตรรหิตํ สโมฺพธิํ ผุเส ปาปุเณยฺยฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Iti bhagavā paṭipattiyā amoghabhāvaṃ dassetvā idāni tattha daḷhaṃ niyojento ‘‘tasmā have’’ti osānagāthamāha. Tattha tasmāti yasmā jāgarato satiavippavāsādinā samathavipassanābhāvanā pāripūriṃ gacchati, anukkamena ariyamaggo pātubhavati, tato cassa sabbaṃ vaṭṭabhayaṃ natthi, tasmā. Haveti ekaṃsena daḷhaṃ vā. Bhajethāti bhajeyya. Evaṃ jāgariyaṃ bhajanto ca ātāpibhāvādiguṇayutto bhikkhu saṃyojanāni bhinditvā aggaphalañāṇasaṅkhātaṃ anuttaraṃ uttararahitaṃ sambodhiṃ phuse pāpuṇeyya. Sesaṃ vuttanayameva.

    ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑๐. ชาคริยสุตฺตํ • 10. Jāgariyasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact