Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๓๕] ๕. ชมฺพุกชาตกวณฺณนา

    [335] 5. Jambukajātakavaṇṇanā

    พฺรหา ปวฑฺฒกาโย โสติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส สุคตาลยกรณํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา วิตฺถาริตเมว, อยํ ปเนตฺถ สเงฺขโปฯ สตฺถารา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทโตฺต ตุเมฺห ทิสฺวา กิํ อกาสี’’ติ วุโตฺต เถโร อาห ‘‘ภเนฺต, โส ตุมฺหากํ อนุกโรโนฺต มม หเตฺถ พีชนิํ ทตฺวา นิปชฺชิฯ อถ นํ โกกาลิโก อุเร ชณฺณุนา ปหริ, อิติ โส ตุมฺหากํ อนุกโรโนฺต ทุกฺขํ อนุภวี’’ติฯ ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น โข, สาริปุตฺต, เทวทโตฺต อิทาเนว มม อนุกโรโนฺต ทุกฺขํ อนุโภติ, ปุเพฺพเปส อนุโภสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Brahā pavaḍḍhakāyo soti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattassa sugatālayakaraṇaṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā vitthāritameva, ayaṃ panettha saṅkhepo. Satthārā ‘‘sāriputta, devadatto tumhe disvā kiṃ akāsī’’ti vutto thero āha ‘‘bhante, so tumhākaṃ anukaronto mama hatthe bījaniṃ datvā nipajji. Atha naṃ kokāliko ure jaṇṇunā pahari, iti so tumhākaṃ anukaronto dukkhaṃ anubhavī’’ti. Taṃ sutvā satthā ‘‘na kho, sāriputta, devadatto idāneva mama anukaronto dukkhaṃ anubhoti, pubbepesa anubhosiyevā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา หิมวเนฺต คุหายํ วสโนฺต เอกทิวสํ มหิํสํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา คุหํ อาคจฺฉติฯ เอโก สิงฺคาโล ตํ ทิสฺวา ปลายิตุํ อสโกฺกโนฺต อุเรน นิปชฺชิ, ‘‘กิํ ชมฺพุกา’’ติ จ วุเตฺต ‘‘อุปฎฺฐหิสฺสามิ ตํ, ภทฺทเนฺต’’ติ อาหฯ สีโห ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ ตํ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ เนตฺวา ทิวเส ทิวเส มํสํ อาหริตฺวา โปเสสิฯ ตสฺส สีหวิฆาเสน ถูลสรีรตํ ปตฺตสฺส เอกทิวสํ มาโน อุปฺปชฺชิฯ โส สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘อหํ, สามิ, นิจฺจกาลํ ตุมฺหากํ ปลิโพโธ, ตุเมฺห นิจฺจํ มํสํ อาหริตฺวา มํ โปเสถ, อชฺช ตุเมฺห อิเธว โหถ, อหํ เอกํ วารณํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ตุมฺหากมฺปิ อาหริสฺสามี’’ติฯ สีโห ‘‘มา เต , ชมฺพุก, เอตํ รุจฺจิ, น ตฺวํ วารณํ วธิตฺวา มํสขาทกโยนิยํ นิพฺพโตฺต, อหํ เต วารณํ วธิตฺวา ทสฺสามิ, วารโณ นาม มหากาโย ปวฑฺฒกาโย, มา วารณํ คณฺหิ, มม วจนํ กโรหี’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาหฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sīhayoniyaṃ nibbattitvā himavante guhāyaṃ vasanto ekadivasaṃ mahiṃsaṃ vadhitvā maṃsaṃ khāditvā pānīyaṃ pivitvā guhaṃ āgacchati. Eko siṅgālo taṃ disvā palāyituṃ asakkonto urena nipajji, ‘‘kiṃ jambukā’’ti ca vutte ‘‘upaṭṭhahissāmi taṃ, bhaddante’’ti āha. Sīho ‘‘tena hi ehī’’ti taṃ attano vasanaṭṭhānaṃ netvā divase divase maṃsaṃ āharitvā posesi. Tassa sīhavighāsena thūlasarīrataṃ pattassa ekadivasaṃ māno uppajji. So sīhaṃ upasaṅkamitvā āha ‘‘ahaṃ, sāmi, niccakālaṃ tumhākaṃ palibodho, tumhe niccaṃ maṃsaṃ āharitvā maṃ posetha, ajja tumhe idheva hotha, ahaṃ ekaṃ vāraṇaṃ vadhitvā maṃsaṃ khāditvā tumhākampi āharissāmī’’ti. Sīho ‘‘mā te , jambuka, etaṃ rucci, na tvaṃ vāraṇaṃ vadhitvā maṃsakhādakayoniyaṃ nibbatto, ahaṃ te vāraṇaṃ vadhitvā dassāmi, vāraṇo nāma mahākāyo pavaḍḍhakāyo, mā vāraṇaṃ gaṇhi, mama vacanaṃ karohī’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha.

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘พฺรหา ปวฑฺฒกาโย โส, ทีฆทาโฐ จ ชมฺพุก;

    ‘‘Brahā pavaḍḍhakāyo so, dīghadāṭho ca jambuka;

    น ตฺวํ ตตฺถ กุเล ชาโต, ยตฺถ คณฺหนฺติ กุญฺชร’’นฺติฯ

    Na tvaṃ tattha kule jāto, yattha gaṇhanti kuñjara’’nti.

    ตตฺถ พฺรหาติ มหโนฺตฯ ปวฑฺฒกาโยติ อุทฺธํ อุคฺคตกาโยฯ ทีฆทาโฐติ ทีฆทโนฺต เตหิ ทเนฺตหิ ตุมฺหาทิเส ปหริตฺวา ชีวิตกฺขเย ปาเปติฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ สีหกุเล ชาตา มตฺตวารณํ คณฺหนฺติ, ตฺวํ น ตตฺถ ชาโต, สิงฺคาลกุเล ปน ชาโตสีติ อโตฺถฯ

    Tattha brahāti mahanto. Pavaḍḍhakāyoti uddhaṃ uggatakāyo. Dīghadāṭhoti dīghadanto tehi dantehi tumhādise paharitvā jīvitakkhaye pāpeti. Yatthāti yasmiṃ sīhakule jātā mattavāraṇaṃ gaṇhanti, tvaṃ na tattha jāto, siṅgālakule pana jātosīti attho.

    สิงฺคาโล สีเหน วาริโตเยว คุหา นิกฺขมิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ‘‘พุกฺก พุกฺกา’’ติ สิงฺคาลิกํ นทํ นทิตฺวา ปพฺพตกูเฎ ฐิโต ปพฺพตปาทํ โอโลเกโนฺต เอกํ กาฬวารณํ ปพฺพตปาเทน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวา ‘‘ตสฺส กุเมฺภ ปติสฺสามี’’ติ ปริวตฺติตฺวา ปาทมูเล ปติฯ วารโณ ปุริมปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส มตฺถเก ปติฎฺฐาเปสิ, สีสํ ภิชฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ ชาตํ ฯ โส ตเตฺถว อนุตฺถุนโนฺต สยิ, วารโณ โกญฺจนาทํ กโรโนฺต ปกฺกามิฯ โพธิสโตฺต คนฺตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ฐิโต ตํ วินาสปฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อตฺตโน มานํ นิสฺสาย นโฎฺฐ สิงฺคาโล’’ติ ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Siṅgālo sīhena vāritoyeva guhā nikkhamitvā tikkhattuṃ ‘‘bukka bukkā’’ti siṅgālikaṃ nadaṃ naditvā pabbatakūṭe ṭhito pabbatapādaṃ olokento ekaṃ kāḷavāraṇaṃ pabbatapādena āgacchantaṃ disvā ullaṅghitvā ‘‘tassa kumbhe patissāmī’’ti parivattitvā pādamūle pati. Vāraṇo purimapādaṃ ukkhipitvā tassa matthake patiṭṭhāpesi, sīsaṃ bhijjitvā cuṇṇavicuṇṇaṃ jātaṃ . So tattheva anutthunanto sayi, vāraṇo koñcanādaṃ karonto pakkāmi. Bodhisatto gantvā pabbatamatthake ṭhito taṃ vināsappattaṃ disvā ‘‘attano mānaṃ nissāya naṭṭho siṅgālo’’ti tisso gāthā abhāsi –

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘อสีโห สีหมาเนน, โย อตฺตานํ วิกุพฺพติ;

    ‘‘Asīho sīhamānena, yo attānaṃ vikubbati;

    โกตฺถูว คชมาสชฺช, เสติ ภูมฺยา อนุตฺถุนํฯ

    Kotthūva gajamāsajja, seti bhūmyā anutthunaṃ.

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘ยสสฺสิโน อุตฺตมปุคฺคลสฺส, สญฺชาตขนฺธสฺส มหพฺพลสฺส;

    ‘‘Yasassino uttamapuggalassa, sañjātakhandhassa mahabbalassa;

    อสเมกฺขิย ถามพลูปปตฺติํ, ส เสติ นาเคน หโตยํ ชมฺพุโกฯ

    Asamekkhiya thāmabalūpapattiṃ, sa seti nāgena hatoyaṃ jambuko.

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘โย จีธ กมฺมํ กุรุเต ปมาย, ถามพฺพลํ อตฺตนิ สํวิทิตฺวา;

    ‘‘Yo cīdha kammaṃ kurute pamāya, thāmabbalaṃ attani saṃviditvā;

    ชเปฺปน มเนฺตน สุภาสิเตน, ปริกฺขวา โส วิปุลํ ชินาตี’’ติฯ

    Jappena mantena subhāsitena, parikkhavā so vipulaṃ jinātī’’ti.

    ตตฺถ วิกุพฺพตีติ ปริวเตฺตติฯ โกตฺถูวาติ สิงฺคาโล วิยฯ อนุตฺถุนนฺติ อนุตฺถุนโนฺตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อยํ โกตฺถุ มหนฺตํ คชํ ปตฺวา อนุตฺถุนโนฺต ภูมิยํ เสติ, เอวํ โย อโญฺญ ทุพฺพโล พลวตา วิคฺคหํ กโรติ, โสปิ เอวรูโปว โหตีติฯ

    Tattha vikubbatīti parivatteti. Kotthūvāti siṅgālo viya. Anutthunanti anutthunanto. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā ayaṃ kotthu mahantaṃ gajaṃ patvā anutthunanto bhūmiyaṃ seti, evaṃ yo añño dubbalo balavatā viggahaṃ karoti, sopi evarūpova hotīti.

    ยสสฺสิโนติ อิสฺสริยวโตฯ อุตฺตมปุคฺคลสฺสาติ กายพเลน จ ญาณพเลน จ อุตฺตมปุคฺคลสฺสฯ สญฺชาตขนฺธสฺสาติ สุสณฺฐิตมหาขนฺธสฺสฯ มหพฺพลสฺสาติเอ มหาถามสฺสฯ ถามพลูปปตฺตินฺติ เอวรูปสฺส สีหสฺส ถามสงฺขาตํ พลเญฺจว สีหชาติสงฺขาตํ อุปปตฺติญฺจ อชานิตฺวา, กายถามญฺจ ญาณพลญฺจ สีหอุปปตฺติญฺจ อชานิตฺวาติ อโตฺถฯ ส เสตีติ อตฺตานมฺปิ สีเหน สทิสํ มญฺญมาโน, โส อยํ ชมฺพุโก นาเคน หโต มตสยนํ เสติฯ

    Yasassinoti issariyavato. Uttamapuggalassāti kāyabalena ca ñāṇabalena ca uttamapuggalassa. Sañjātakhandhassāti susaṇṭhitamahākhandhassa. Mahabbalassātie mahāthāmassa. Thāmabalūpapattinti evarūpassa sīhassa thāmasaṅkhātaṃ balañceva sīhajātisaṅkhātaṃ upapattiñca ajānitvā, kāyathāmañca ñāṇabalañca sīhaupapattiñca ajānitvāti attho. Sa setīti attānampi sīhena sadisaṃ maññamāno, so ayaṃ jambuko nāgena hato matasayanaṃ seti.

    ปมายาติ ปมินิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวาฯ ‘‘ปมาณา’’ติปิ ปาโฐ, อตฺตโน ปมาณํ คเหตฺวา โย อตฺตโน ปมาเณน กมฺมํ กุรุเตติ อโตฺถฯ ถามพฺพลนฺติ ถามสงฺขาตํ พลํ, กายถามญฺจ ญาณพลญฺจาติปิ อโตฺถฯ ชเปฺปนาติ ชเปน, อเชฺฌเนนาติ อโตฺถฯ มเนฺตนาติ อเญฺญหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา กรเณนฯ สุภาสิเตนาติ สจฺจาทิคุณยุเตฺตน อนวชฺชวจเนนฯ ปริกฺขวาติ ปริกฺขาสมฺปโนฺนฯ โส วิปุลํ ชินาตีติ โย เอวรูโป โหติ, ยํ กิญฺจิ กมฺมํ กุรุมาโน อตฺตโน ถามญฺจ พลญฺจ ญตฺวา ชปฺปมนฺตวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สุภาสิตํ ภาสโนฺต กโรติ, โส วิปุลํ มหนฺตํ อตฺถํ ชินาติ น ปริหายตีติฯ

    Pamāyāti paminitvā upaparikkhitvā. ‘‘Pamāṇā’’tipi pāṭho, attano pamāṇaṃ gahetvā yo attano pamāṇena kammaṃ kuruteti attho. Thāmabbalanti thāmasaṅkhātaṃ balaṃ, kāyathāmañca ñāṇabalañcātipi attho. Jappenāti japena, ajjhenenāti attho. Mantenāti aññehi paṇḍitehi saddhiṃ mantetvā karaṇena. Subhāsitenāti saccādiguṇayuttena anavajjavacanena. Parikkhavāti parikkhāsampanno. So vipulaṃ jinātīti yo evarūpo hoti, yaṃ kiñci kammaṃ kurumāno attano thāmañca balañca ñatvā jappamantavasena paricchinditvā subhāsitaṃ bhāsanto karoti, so vipulaṃ mahantaṃ atthaṃ jināti na parihāyatīti.

    เอวํ โพธิสโตฺต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ อิมสฺมิํ โลเก กตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ กเถสิฯ

    Evaṃ bodhisatto imāhi tīhi gāthāhi imasmiṃ loke kattabbayuttakaṃ kammaṃ kathesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทโตฺต อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā siṅgālo devadatto ahosi, sīho pana ahameva ahosi’’nti.

    ชมฺพุกชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Jambukajātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๓๕. ชมฺพุกชาตกํ • 335. Jambukajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact