Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๖๘] ๕. ชนสนฺธชาตกวณฺณนา
[468] 5. Janasandhajātakavaṇṇanā
ทส ขลูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกสลรโญฺญ โอวาทตฺถาย กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ กาเล ราชา อิสฺสริยมทมโตฺต กิเลสสุขนิสฺสิโต วินิจฺฉยมฺปิ น ปฎฺฐเปสิ, พุทฺธุปฎฺฐานมฺปิ ปมชฺชิฯ โส เอกทิวเส ทสพลํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ ภุตฺตปาตราโส รถวรมารุยฺห วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘กิํ มหาราช จิรํ น ปญฺญายสี’’ติ วตฺวา ‘‘พหุกิจฺจตาย โน ภเนฺต พุทฺธุปฎฺฐานสฺส โอกาโส น ชาโต’’ติ วุเตฺต ‘‘มหาราช, มาทิเส นาม โอวาททายเก สพฺพญฺญุพุเทฺธ ธุรวิหาเร วิหรเนฺต อยุตฺตํ ตว ปมชฺชิตุํ, รญฺญา นาม ราชกิเจฺจสุ อปฺปมเตฺตน ภวิตพฺพํ, รฎฺฐวาสีนํ มาตาปิตุสเมน อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธเมฺม อโกเปเนฺตน รชฺชํ กาเรตุํ วฎฺฎติ, รโญฺญ หิ ธมฺมิกภาเว สติ ปริสาปิสฺส ธมฺมิกา โหนฺติ, อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ยํ มยิ อนุสาสเนฺต ตฺวํ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรยฺยาสิ, โปราณกปณฺฑิตา อนุสาสกอาจริเย อวิชฺชมาเนปิ อตฺตโน มติยาว ติวิธสุจริตธเมฺม ปติฎฺฐาย มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา สคฺคปถํ ปูรยมานา อคมํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Dasakhalūti idaṃ satthā jetavane viharanto kosalarañño ovādatthāya kathesi. Ekasmiñhi kāle rājā issariyamadamatto kilesasukhanissito vinicchayampi na paṭṭhapesi, buddhupaṭṭhānampi pamajji. So ekadivase dasabalaṃ anussaritvā ‘‘satthāraṃ vandissāmī’’ti bhuttapātarāso rathavaramāruyha vihāraṃ gantvā satthāraṃ vanditvā nisīdi. Atha naṃ satthā ‘‘kiṃ mahārāja ciraṃ na paññāyasī’’ti vatvā ‘‘bahukiccatāya no bhante buddhupaṭṭhānassa okāso na jāto’’ti vutte ‘‘mahārāja, mādise nāma ovādadāyake sabbaññubuddhe dhuravihāre viharante ayuttaṃ tava pamajjituṃ, raññā nāma rājakiccesu appamattena bhavitabbaṃ, raṭṭhavāsīnaṃ mātāpitusamena agatigamanaṃ pahāya dasa rājadhamme akopentena rajjaṃ kāretuṃ vaṭṭati, rañño hi dhammikabhāve sati parisāpissa dhammikā honti, anacchariyaṃ kho panetaṃ, yaṃ mayi anusāsante tvaṃ dhammena rajjaṃ kāreyyāsi, porāṇakapaṇḍitā anusāsakaācariye avijjamānepi attano matiyāva tividhasucaritadhamme patiṭṭhāya mahājanassa dhammaṃ desetvā saggapathaṃ pūrayamānā agamaṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ชนสนฺธกุมาโร’’ติสฺส นามํ กริํสุฯ อถสฺส วยปฺปตฺตสฺส ตกฺกสิลโต สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคตกาเล ราชา สพฺพานิ พนฺธนาคารานิ โสธาเปตฺวา อุปรชฺชํ อทาสิฯ โส อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมเชฺฌ ราชทฺวาเร จาติ ฉ ทานสาลาโย การาเปตฺวา ทิวเส ทิวเส ฉ สตสหสฺสานิ ปริจฺจชิตฺวา สกลชมฺพุทีปํ สโงฺขเภตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตโนฺต พนฺธนาคารานิ นิจฺจํ วิวฎานิ การาเปตฺวา ธมฺมภณฺฑิกํ โสธาเปตฺวา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ สงฺคณฺหโนฺต ปญฺจ สีลานิ รกฺขโนฺต อุโปสถวาสํ วสโนฺต ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ อนฺตรนฺตรา จ รฎฺฐวาสิโน สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ทานํ เทถ, สีลํ สมาทิยถ, ภาวนํ ภาเวถ, ธเมฺมน กมฺมเนฺต จ โวหาเร จ ปโยเชถ, ทหรกาเลเยว สิปฺปานิ อุคฺคณฺหถ, ธนํ อุปฺปาเทถ, คามกูฎกมฺมํ วา ปิสุณวาจากมฺมํ วา มา กริตฺถ, จณฺฑา ผรุสา มา อหุวตฺถ, มาตุปฎฺฐานํ ปิตุปฎฺฐานํ ปูเรถ, กุเล เชฎฺฐาปจายิโน ภวถา’’ติ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชเน สุจริตธเมฺม ปติฎฺฐาเปสิฯ โส เอกทิวสํ ปนฺนรสีอุโปสเถ สมาทินฺนุโปสโถ ‘‘มหาชนสฺส ภิโยฺย หิตสุขตฺถาย อปฺปมาทวิหารตฺถาย ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา นคเร เภริํ จราเปตฺวา อตฺตโน โอโรเธ อาทิํ กตฺวา สพฺพนครชนํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ราชงฺคเณ อลงฺกริตฺวา อลงฺกตรตนมณฺฑปมเชฺฌ สุปญฺญตฺตวรปลฺลเงฺก นิสีทิตฺวา ‘‘อโมฺภ, นครวาสิโน ตุมฺหากํ ตปนีเย จ อตปนีเย จ ธเมฺม เทเสสฺสามิ, อปฺปมตฺตา หุตฺวา โอหิตโสตา สกฺกจฺจํ สุณาถา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchimhi nibbatti, ‘‘janasandhakumāro’’tissa nāmaṃ kariṃsu. Athassa vayappattassa takkasilato sabbasippāni uggaṇhitvā āgatakāle rājā sabbāni bandhanāgārāni sodhāpetvā uparajjaṃ adāsi. So aparabhāge pitu accayena rajje patiṭṭhāya catūsu nagaradvāresu nagaramajjhe rājadvāre cāti cha dānasālāyo kārāpetvā divase divase cha satasahassāni pariccajitvā sakalajambudīpaṃ saṅkhobhetvā mahādānaṃ pavattento bandhanāgārāni niccaṃ vivaṭāni kārāpetvā dhammabhaṇḍikaṃ sodhāpetvā catūhi saṅgahavatthūhi lokaṃ saṅgaṇhanto pañca sīlāni rakkhanto uposathavāsaṃ vasanto dhammena rajjaṃ kāresi. Antarantarā ca raṭṭhavāsino sannipātāpetvā ‘‘dānaṃ detha, sīlaṃ samādiyatha, bhāvanaṃ bhāvetha, dhammena kammante ca vohāre ca payojetha, daharakāleyeva sippāni uggaṇhatha, dhanaṃ uppādetha, gāmakūṭakammaṃ vā pisuṇavācākammaṃ vā mā karittha, caṇḍā pharusā mā ahuvattha, mātupaṭṭhānaṃ pitupaṭṭhānaṃ pūretha, kule jeṭṭhāpacāyino bhavathā’’ti dhammaṃ desetvā mahājane sucaritadhamme patiṭṭhāpesi. So ekadivasaṃ pannarasīuposathe samādinnuposatho ‘‘mahājanassa bhiyyo hitasukhatthāya appamādavihāratthāya dhammaṃ desessāmī’’ti cintetvā nagare bheriṃ carāpetvā attano orodhe ādiṃ katvā sabbanagarajanaṃ sannipātāpetvā rājaṅgaṇe alaṅkaritvā alaṅkataratanamaṇḍapamajjhe supaññattavarapallaṅke nisīditvā ‘‘ambho, nagaravāsino tumhākaṃ tapanīye ca atapanīye ca dhamme desessāmi, appamattā hutvā ohitasotā sakkaccaṃ suṇāthā’’ti vatvā dhammaṃ desesi.
สตฺถา สจฺจปริภาวิตํ มุขรตนํ วิวริตฺวา ตํ ธมฺมเทสนํ มธุเรน สเรน โกสลรโญฺญ อาวิ กโรโนฺต –
Satthā saccaparibhāvitaṃ mukharatanaṃ vivaritvā taṃ dhammadesanaṃ madhurena sarena kosalarañño āvi karonto –
๔๙.
49.
‘‘ทส ขลุ อิมานิ ฐานานิ, ยานิ ปุเพฺพ อกริตฺวา;
‘‘Dasa khalu imāni ṭhānāni, yāni pubbe akaritvā;
ส ปจฺฉา มนุตปฺปติ, อิเจฺจวาห ชนสโนฺธฯ
Sa pacchā manutappati, iccevāha janasandho.
๕๐.
50.
‘‘อลทฺธา วิตฺตํ ตปฺปติ, ปุเพฺพ อสมุทานิตํ;
‘‘Aladdhā vittaṃ tappati, pubbe asamudānitaṃ;
น ปุเพฺพ ธนเมสิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Na pubbe dhanamesissaṃ, iti pacchānutappati.
๕๑.
51.
‘‘สกฺยรูปํ ปุเร สนฺตํ, มยา สิปฺปํ น สิกฺขิตํ;
‘‘Sakyarūpaṃ pure santaṃ, mayā sippaṃ na sikkhitaṃ;
กิจฺฉา วุตฺติ อสิปฺปสฺส, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Kicchā vutti asippassa, iti pacchānutappati.
๕๒.
52.
‘‘กูฎเวที ปุเร อาสิํ, ปิสุโณ ปิฎฺฐิมํสิโก;
‘‘Kūṭavedī pure āsiṃ, pisuṇo piṭṭhimaṃsiko;
จโณฺฑ จ ผรุโส จาปิ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Caṇḍo ca pharuso cāpi, iti pacchānutappati.
๕๓.
53.
‘‘ปาณาติปาตี ปุเร อาสิํ, ลุโทฺท จาปิ อนาริโย;
‘‘Pāṇātipātī pure āsiṃ, luddo cāpi anāriyo;
ภูตานํ นาปจายิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Bhūtānaṃ nāpacāyissaṃ, iti pacchānutappati.
๕๔.
54.
‘‘พหูสุ วต สนฺตีสุ, อนาปาทาสุ อิตฺถิสุ;
‘‘Bahūsu vata santīsu, anāpādāsu itthisu;
ปรทารํ อเสวิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Paradāraṃ asevissaṃ, iti pacchānutappati.
๕๕.
55.
‘‘พหุมฺหิ วต สนฺตมฺหิ, อนฺนปาเน อุปฎฺฐิเต;
‘‘Bahumhi vata santamhi, annapāne upaṭṭhite;
น ปุเพฺพ อททํ ทานํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Na pubbe adadaṃ dānaṃ, iti pacchānutappati.
๕๖.
56.
‘‘มาตรํ ปิตรํ จาปิ, ชิณฺณกํ คตโยพฺพนํ;
‘‘Mātaraṃ pitaraṃ cāpi, jiṇṇakaṃ gatayobbanaṃ;
ปหุ สโนฺต น โปสิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Pahu santo na posissaṃ, iti pacchānutappati.
๕๗.
57.
‘‘อาจริยมนุสตฺถารํ , สพฺพกามรสาหรํ;
‘‘Ācariyamanusatthāraṃ , sabbakāmarasāharaṃ;
ปิตรํ อติมญฺญิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Pitaraṃ atimaññissaṃ, iti pacchānutappati.
๕๘.
58.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, สีลวเนฺต พหุสฺสุเต;
‘‘Samaṇe brāhmaṇe cāpi, sīlavante bahussute;
น ปุเพฺพ ปยิรุปาสิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Na pubbe payirupāsissaṃ, iti pacchānutappati.
๕๙.
59.
‘‘สาธุ โหติ ตโป จิโณฺณ, สโนฺต จ ปยิรุปาสิโต;
‘‘Sādhu hoti tapo ciṇṇo, santo ca payirupāsito;
น จ ปุเพฺพ ตโป จิโณฺณ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติฯ
Na ca pubbe tapo ciṇṇo, iti pacchānutappati.
๖๐.
60.
‘‘โย จ เอตานิ ฐานานิ, โยนิโส ปฎิปชฺชติ;
‘‘Yo ca etāni ṭhānāni, yoniso paṭipajjati;
กรํ ปุริสกิจฺจานิ, ส ปจฺฉา นานุตปฺปตี’’ติฯ – อิมา คาถา อาห;
Karaṃ purisakiccāni, sa pacchā nānutappatī’’ti. – imā gāthā āha;
ตตฺถ ฐานานีติ การณานิฯ ปุเพฺพติ ปฐมเมว อกริตฺวาฯ ส ปจฺฉา มนุตปฺปตีติ โส ปฐมํ กตฺตพฺพานํ อการโก ปุคฺคโล ปจฺฉา อิธโลเกปิ ปรโลเกปิ ตปฺปติ กิลมติฯ ‘‘ปจฺฉา วา อนุตปฺปตี’’ติปิ ปาโฐฯ อิเจฺจวาหาติ อิติ เอวํ อาหาติ ปทเจฺฉโท, อิติ เอวํ ราชา ชนสโนฺธ อโวจฯ อิจฺจสฺสุหาติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ อสฺสุ-กาโร นิปาตมตฺตํ อิติ อสฺสุ อาหาติ ปทเจฺฉโทฯ อิทานิ ตานิ ทส ตปนียการณานิ ปกาเสตุํ โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถา โหติฯ ตตฺถ ปุเพฺพติ ปฐมเมว ตรุณกาเล ปรกฺกมํ กตฺวา อสมุทานิตํ อสมฺภตํ ธนํ มหลฺลกกาเล อลภิตฺวา ตปฺปติ โสจติ, ปเร จ สุขิเต ทิสฺวา สยํ ทุกฺขํ ชีวโนฺต ‘‘ปุเพฺพ ธนํ น ปริเยสิสฺส’’นฺติ เอวํ ปจฺฉา อนุตปฺปติ, ตสฺมา มหลฺลกกาเล สุขํ ชีวิตุกามา ทหรกาเลเยว ธมฺมิกานิ กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา ธนํ ปริเยสถาติ ทเสฺสติฯ
Tattha ṭhānānīti kāraṇāni. Pubbeti paṭhamameva akaritvā. Sa pacchā manutappatīti so paṭhamaṃ kattabbānaṃ akārako puggalo pacchā idhalokepi paralokepi tappati kilamati. ‘‘Pacchā vā anutappatī’’tipi pāṭho. Iccevāhāti iti evaṃ āhāti padacchedo, iti evaṃ rājā janasandho avoca. Iccassuhātipi pāṭho. Tattha assu-kāro nipātamattaṃ iti assu āhāti padacchedo. Idāni tāni dasa tapanīyakāraṇāni pakāsetuṃ bodhisattassa dhammakathā hoti. Tattha pubbeti paṭhamameva taruṇakāle parakkamaṃ katvā asamudānitaṃ asambhataṃ dhanaṃ mahallakakāle alabhitvā tappati socati, pare ca sukhite disvā sayaṃ dukkhaṃ jīvanto ‘‘pubbe dhanaṃ na pariyesissa’’nti evaṃ pacchā anutappati, tasmā mahallakakāle sukhaṃ jīvitukāmā daharakāleyeva dhammikāni kasikammādīni katvā dhanaṃ pariyesathāti dasseti.
ปุเร สนฺตนฺติ ปุเร ทหรกาเล อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา มยา กาตุํ สกฺยรูปํ สมานํ หตฺถิสิปฺปาทิกํ กิญฺจิ สิปฺปํ น สิกฺขิตํฯ กิจฺฉาติ มหลฺลกกาเล อสิปฺปสฺส ทุกฺขา ชีวิตวุตฺติ, เนว สกฺกา ตทา สิปฺปํ สิกฺขิตุํ, ตสฺมา มหลฺลกกาเล สุขํ ชีวิตุกามา ตรุณกาเลเยว สิปฺปํ สิกฺขถาติ ทเสฺสติฯ กุฎเวทีติ กูฎชานนโก คามกูฎโก วา โลกสฺส อนตฺถการโก วา ตุลากูฎาทิการโก วา กูฎฎฺฎการโก วาติ อโตฺถฯ อาสินฺติ เอวรูโป อหํ ปุเพฺพ อโหสิํฯ ปิสุโณติ เปสุญฺญการโณฯ ปิฎฺฐิมํสิโกติ ลญฺชํ คเหตฺวา อสามิเก สามิเก กโรโนฺต ปเรสํ ปิฎฺฐิมํสขาทโกฯ อิติ ปจฺฉาติ เอวํ มรณมเญฺจ นิปโนฺน อนุตปฺปติ , ตสฺมา สเจ นิรเย น วสิตุกามาตฺถ, มา เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กริตฺถาติ โอวทติฯ
Pure santanti pure daharakāle ācariye payirupāsitvā mayā kātuṃ sakyarūpaṃ samānaṃ hatthisippādikaṃ kiñci sippaṃ na sikkhitaṃ. Kicchāti mahallakakāle asippassa dukkhā jīvitavutti, neva sakkā tadā sippaṃ sikkhituṃ, tasmā mahallakakāle sukhaṃ jīvitukāmā taruṇakāleyeva sippaṃ sikkhathāti dasseti. Kuṭavedīti kūṭajānanako gāmakūṭako vā lokassa anatthakārako vā tulākūṭādikārako vā kūṭaṭṭakārako vāti attho. Āsinti evarūpo ahaṃ pubbe ahosiṃ. Pisuṇoti pesuññakāraṇo. Piṭṭhimaṃsikoti lañjaṃ gahetvā asāmike sāmike karonto paresaṃ piṭṭhimaṃsakhādako. Iti pacchāti evaṃ maraṇamañce nipanno anutappati , tasmā sace niraye na vasitukāmāttha, mā evarūpaṃ pāpakammaṃ karitthāti ovadati.
ลุโทฺทติ ทารุโณฯ อนาริโยติ น อริโย นีจสมาจาโรฯ นาปจายิสฺสนฺติ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยวเสน นีจวุตฺติโก นาโหสิํฯ เสสํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อนาปาทาสูติ อาปาทานํ อาปาโท, ปริคฺคโหติ อโตฺถฯ นตฺถิ อาปาโท ยาสํ ตา อนาปาทา, อเญฺญหิ อกตปริคฺคหาสูติ อโตฺถฯ อุปฎฺฐิเตติ ปจฺจุปฎฺฐิเตฯ น ปุเพฺพติ อิโต ปุเพฺพ ทานํ น อททํฯ ปหุ สโนฺตติ ธนพเลนาปิ กายพเลนาปิ โปสิตุํ สมโตฺถ ปฎิพโล สมาโนฯ อาจริยนฺติ อาจาเร สิกฺขาปนโต อิธ ปิตา ‘‘อาจริโย’’ติ อธิเปฺปโตฯ อนุสตฺถารนฺติ อนุสาสกํฯ สพฺพกามรสาหรนฺติ สเพฺพ วตฺถุกามรเส อาหริตฺวา โปสิตารํฯ อติมญฺญิสฺสนฺติ ตสฺส โอวาทํ อคณฺหโนฺต อติกฺกมิตฺวา มญฺญิสฺสํฯ
Luddoti dāruṇo. Anāriyoti na ariyo nīcasamācāro. Nāpacāyissanti khantimettānuddayavasena nīcavuttiko nāhosiṃ. Sesaṃ purimanayeneva yojetabbaṃ. Anāpādāsūti āpādānaṃ āpādo, pariggahoti attho. Natthi āpādo yāsaṃ tā anāpādā, aññehi akatapariggahāsūti attho. Upaṭṭhiteti paccupaṭṭhite. Na pubbeti ito pubbe dānaṃ na adadaṃ. Pahu santoti dhanabalenāpi kāyabalenāpi posituṃ samattho paṭibalo samāno. Ācariyanti ācāre sikkhāpanato idha pitā ‘‘ācariyo’’ti adhippeto. Anusatthāranti anusāsakaṃ. Sabbakāmarasāharanti sabbe vatthukāmarase āharitvā positāraṃ. Atimaññissanti tassa ovādaṃ agaṇhanto atikkamitvā maññissaṃ.
น ปุเพฺพติ อิโต ปุเพฺพ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณปิ คิลานาคิลาเนปิ จีวราทีนิ ทตฺวา อปฺปฎิชคฺคเนน น ปยิรุปาสิสฺสํฯ ตโปติ สุจริตตโปฯ สโนฺตติ ตีหิ ทฺวาเรหิ อุปสโนฺต สีลวาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ติวิธสุจริตสงฺขาโต ตโป จิโณฺณ เอวรูโป จ อุปสโนฺต ปยิรุปาสิโต นาม สาธุ สุนฺทโรฯ น ปุเพฺพติ มยา ทหรกาเล เอวรูโป ตโป น จิโณฺณ, อิติ ปจฺฉา ชราชิโณฺณ มรณภยตชฺชิโต อนุตปฺปติ โสจติฯ สเจ ตุเมฺห เอวํ น โสจิตุกามา, ตโปกมฺมํ กโรถาติ วทติฯ โย จ เอตานีติ โย ปน เอตานิ ทส การณานิ ปฐมเมว อุปาเยน ปฎิปชฺชติ สมาทาย วตฺตติ, ปุริเสหิ กตฺตพฺพานิ ธมฺมิกกิจฺจานิ กโรโนฺต โส อปฺปมาทวิหารี ปุริโส ปจฺฉา นานุตปฺปติ, โสมนสฺสปฺปโตฺตว โหตีติฯ
Na pubbeti ito pubbe dhammikasamaṇabrāhmaṇepi gilānāgilānepi cīvarādīni datvā appaṭijagganena na payirupāsissaṃ. Tapoti sucaritatapo. Santoti tīhi dvārehi upasanto sīlavā. Idaṃ vuttaṃ hoti – tividhasucaritasaṅkhāto tapo ciṇṇo evarūpo ca upasanto payirupāsito nāma sādhu sundaro. Na pubbeti mayā daharakāle evarūpo tapo na ciṇṇo, iti pacchā jarājiṇṇo maraṇabhayatajjito anutappati socati. Sace tumhe evaṃ na socitukāmā, tapokammaṃ karothāti vadati. Yo ca etānīti yo pana etāni dasa kāraṇāni paṭhamameva upāyena paṭipajjati samādāya vattati, purisehi kattabbāni dhammikakiccāni karonto so appamādavihārī puriso pacchā nānutappati, somanassappattova hotīti.
อิติ มหาสโตฺต อนฺวทฺธมาสํ อิมินา นิยาเมน มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ มหาชโนปิสฺส โอวาเท ฐตฺวา ตานิ ทส ฐานานิ ปูเรตฺวา สคฺคปรายโณว อโหสิฯ
Iti mahāsatto anvaddhamāsaṃ iminā niyāmena mahājanassa dhammaṃ desesi. Mahājanopissa ovāde ṭhatvā tāni dasa ṭhānāni pūretvā saggaparāyaṇova ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, มหาราช, โปราณกปณฺฑิตา อนาจริยกาปิ อตฺตโน มติยาว ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สคฺคปเถ ปติฎฺฐาเปสุ’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปริสา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ชนสนฺธราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ, mahārāja, porāṇakapaṇḍitā anācariyakāpi attano matiyāva dhammaṃ desetvā mahājanaṃ saggapathe patiṭṭhāpesu’’nti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā parisā buddhaparisā ahesuṃ, janasandharājā pana ahameva ahosi’’nti.
ชนสนฺธชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Janasandhajātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๖๘. ชนสนฺธชาตกํ • 468. Janasandhajātakaṃ