Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya

    ๕. ชนวสภสุตฺตํ

    5. Janavasabhasuttaṃ

    นาติกิยาทิพฺยากรณํ

    Nātikiyādibyākaraṇaṃ

    ๒๗๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา นาติเก 1 วิหรติ คิญฺชกาวสเถฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ปริโต ปริโต ชนปเทสุ ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ กาสิโกสเลสุ วชฺชิมเลฺลสุ เจติวํเสสุ 2 กุรุปญฺจาเลสุ มชฺฌสูรเสเนสุ 3 – ‘‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน 4ฯ ปโรปญฺญาส นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ สาธิกา นวุติ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน, สกิเทว 5 อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติฯ สาติเรกานิ ปญฺจสตานิ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณา’’ติฯ

    273. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā nātike 6 viharati giñjakāvasathe. Tena kho pana samayena bhagavā parito parito janapadesu paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu byākaroti kāsikosalesu vajjimallesu cetivaṃsesu 7 kurupañcālesu majjhasūrasenesu 8 – ‘‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno 9. Paropaññāsa nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyino anāvattidhammā tasmā lokā. Sādhikā navuti nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmino, sakideva 10 imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissanti. Sātirekāni pañcasatāni nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā’’ti.

    ๒๗๔. อโสฺสสุํ โข นาติกิยา ปริจารกา – ‘‘ภควา กิร ปริโต ปริโต ชนปเทสุ ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ กาสิโกสเลสุ วชฺชิมเลฺลสุ เจติวํเสสุ กุรุปญฺจาเลสุ มชฺฌสูรเสเนสุ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺนฯ ปโรปญฺญาส นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ สาธิกา นวุติ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติฯ สาติเรกานิ ปญฺจสตานิ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณา’ติฯ เตน จ นาติกิยา ปริจารกา อตฺตมนา อเหสุํ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ 11 สุตฺวาฯ

    274. Assosuṃ kho nātikiyā paricārakā – ‘‘bhagavā kira parito parito janapadesu paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu byākaroti kāsikosalesu vajjimallesu cetivaṃsesu kurupañcālesu majjhasūrasenesu – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno. Paropaññāsa nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyino anāvattidhammā tasmā lokā. Sādhikā navuti nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmino sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissanti. Sātirekāni pañcasatāni nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā’ti. Tena ca nātikiyā paricārakā attamanā ahesuṃ pamuditā pītisomanassajātā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ 12 sutvā.

    ๒๗๕. อโสฺสสิ โข อายสฺมา อานโนฺท – ‘‘ภควา กิร ปริโต ปริโต ชนปเทสุ ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ กาสิโกสเลสุ วชฺชิมเลฺลสุ เจติวํเสสุ กุรุปญฺจาเลสุ มชฺฌสูรเสเนสุ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺนฯ ปโรปญฺญาส นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ สาธิกา นวุติ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติฯ สาติเรกานิ ปญฺจสตานิ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณา’ติฯ เตน จ นาติกิยา ปริจารกา อตฺตมนา อเหสุํ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา’’ติฯ

    275. Assosi kho āyasmā ānando – ‘‘bhagavā kira parito parito janapadesu paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu byākaroti kāsikosalesu vajjimallesu cetivaṃsesu kurupañcālesu majjhasūrasenesu – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno. Paropaññāsa nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyino anāvattidhammā tasmā lokā. Sādhikā navuti nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmino sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissanti. Sātirekāni pañcasatāni nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā’ti. Tena ca nātikiyā paricārakā attamanā ahesuṃ pamuditā pītisomanassajātā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ sutvā’’ti.

    อานนฺทปริกถา

    Ānandaparikathā

    ๒๗๖. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม โข ปนาปิ อเหสุํ มาคธกา ปริจารกา พหู เจว รตฺตญฺญู จ อพฺภตีตา กาลงฺกตาฯ สุญฺญา มเญฺญ องฺคมคธา องฺคมาคธเกหิ 13 ปริจารเกหิ อพฺภตีเตหิ กาลงฺกเตหิฯ เต โข ปนาปิ 14 อเหสุํ พุเทฺธ ปสนฺนา ธเมฺม ปสนฺนา สเงฺฆ ปสนฺนา สีเลสุ ปริปูรการิโนฯ เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา ภควตา อพฺยากตา; เตสมฺปิสฺส สาธุ เวยฺยากรณํ, พหุชโน ปสีเทยฺย, ตโต คเจฺฉยฺย สุคติํฯ อยํ โข ปนาปิ อโหสิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ธมฺมิโก ธมฺมราชา หิโต พฺราหฺมณคหปติกานํ เนคมานเญฺจว ชานปทานญฺจฯ อปิสฺสุทํ มนุสฺสา กิตฺตยมานรูปา วิหรนฺติ – ‘เอวํ โน โส ธมฺมิโก ธมฺมราชา สุขาเปตฺวา กาลงฺกโต, เอวํ มยํ ตสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรโญฺญ วิชิเต ผาสุ 15 วิหริมฺหา’ติฯ โส โข ปนาปิ อโหสิ พุเทฺธ ปสโนฺน ธเมฺม ปสโนฺน สเงฺฆ ปสโนฺน สีเลสุ ปริปูรการีฯ อปิสฺสุทํ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘ยาว มรณกาลาปิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ภควนฺตํ กิตฺตยมานรูโป กาลงฺกโต’ติฯ โส อพฺภตีโต กาลงฺกโต ภควตา อพฺยากโตฯ ตสฺสปิสฺส สาธุ เวยฺยากรณํ พหุชโน ปสีเทยฺย, ตโต คเจฺฉยฺย สุคติํฯ ภควโต โข ปน สโมฺพธิ มคเธสุฯ ยตฺถ โข ปน ภควโต สโมฺพธิ มคเธสุ, กถํ ตตฺร ภควา มาคธเก ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ น พฺยากเรยฺยฯ ภควา เจ โข ปน มาคธเก ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ น พฺยากเรยฺย, ทีนมนา 16 เตนสฺสุ มาคธกา ปริจารกา; เยน โข ปนสฺสุ ทีนมนา มาคธกา ปริจารกา กถํ เต ภควา น พฺยากเรยฺยา’’ติ?

    276. Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘ime kho panāpi ahesuṃ māgadhakā paricārakā bahū ceva rattaññū ca abbhatītā kālaṅkatā. Suññā maññe aṅgamagadhā aṅgamāgadhakehi 17 paricārakehi abbhatītehi kālaṅkatehi. Te kho panāpi 18 ahesuṃ buddhe pasannā dhamme pasannā saṅghe pasannā sīlesu paripūrakārino. Te abbhatītā kālaṅkatā bhagavatā abyākatā; tesampissa sādhu veyyākaraṇaṃ, bahujano pasīdeyya, tato gaccheyya sugatiṃ. Ayaṃ kho panāpi ahosi rājā māgadho seniyo bimbisāro dhammiko dhammarājā hito brāhmaṇagahapatikānaṃ negamānañceva jānapadānañca. Apissudaṃ manussā kittayamānarūpā viharanti – ‘evaṃ no so dhammiko dhammarājā sukhāpetvā kālaṅkato, evaṃ mayaṃ tassa dhammikassa dhammarañño vijite phāsu 19 viharimhā’ti. So kho panāpi ahosi buddhe pasanno dhamme pasanno saṅghe pasanno sīlesu paripūrakārī. Apissudaṃ manussā evamāhaṃsu – ‘yāva maraṇakālāpi rājā māgadho seniyo bimbisāro bhagavantaṃ kittayamānarūpo kālaṅkato’ti. So abbhatīto kālaṅkato bhagavatā abyākato. Tassapissa sādhu veyyākaraṇaṃ bahujano pasīdeyya, tato gaccheyya sugatiṃ. Bhagavato kho pana sambodhi magadhesu. Yattha kho pana bhagavato sambodhi magadhesu, kathaṃ tatra bhagavā māgadhake paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu na byākareyya. Bhagavā ce kho pana māgadhake paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu na byākareyya, dīnamanā 20 tenassu māgadhakā paricārakā; yena kho panassu dīnamanā māgadhakā paricārakā kathaṃ te bhagavā na byākareyyā’’ti?

    ๒๗๗. อิทมายสฺมา อานโนฺท มาคธเก ปริจารเก อารพฺภ เอโก รโห อนุวิจิเนฺตตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘ภควา กิร ปริโต ปริโต ชนปเทสุ ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ กาสิโกสเลสุ วชฺชิมเลฺลสุ เจติวํเสสุ กุรุปญฺจาเลสุ มชฺฌสูรเสเนสุ – ‘‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺนฯ ปโรปญฺญาส นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ สาธิกา นวุติ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติฯ สาติเรกานิ ปญฺจสตานิ นาติกิยา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณาติฯ เตน จ นาติกิยา ปริจารกา อตฺตมนา อเหสุํ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา ภควโต ปญฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา’’ติ ฯ อิเม โข ปนาปิ, ภเนฺต, อเหสุํ มาคธกา ปริจารกา พหู เจว รตฺตญฺญู จ อพฺภตีตา กาลงฺกตาฯ สุญฺญา มเญฺญ องฺคมคธา องฺคมาคธเกหิ ปริจารเกหิ อพฺภตีเตหิ กาลงฺกเตหิฯ เต โข ปนาปิ, ภเนฺต, อเหสุํ พุเทฺธ ปสนฺนา ธเมฺม ปสนฺนา สเงฺฆ ปสนฺนา สีเลสุ ปริปูรการิโน, เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา ภควตา อพฺยากตาฯ เตสมฺปิสฺส สาธุ เวยฺยากรณํ, พหุชโน ปสีเทยฺย, ตโต คเจฺฉยฺย สุคติํฯ อยํ โข ปนาปิ, ภเนฺต, อโหสิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ธมฺมิโก ธมฺมราชา หิโต พฺราหฺมณคหปติกานํ เนคมานเญฺจว ชานปทานญฺจฯ อปิสฺสุทํ มนุสฺสา กิตฺตยมานรูปา วิหรนฺติ – ‘เอวํ โน โส ธมฺมิโก ธมฺมราชา สุขาเปตฺวา กาลงฺกโตฯ เอวํ มยํ ตสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรโญฺญ วิชิเต ผาสุ วิหริมฺหา’ติฯ โส โข ปนาปิ, ภเนฺต, อโหสิ พุเทฺธ ปสโนฺน ธเมฺม ปสโนฺน สเงฺฆ ปสโนฺน สีเลสุ ปริปูรการีฯ อปิสฺสุทํ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘ยาว มรณกาลาปิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ภควนฺตํ กิตฺตยมานรูโป กาลงฺกโต’ติฯ โส อพฺภตีโต กาลงฺกโต ภควตา อพฺยากโต; ตสฺสปิสฺส สาธุ เวยฺยากรณํ, พหุชโน ปสีเทยฺย, ตโต คเจฺฉยฺย สุคติํฯ ภควโต โข ปน, ภเนฺต, สโมฺพธิ มคเธสุฯ ยตฺถ โข ปน , ภเนฺต, ภควโต สโมฺพธิ มคเธสุ, กถํ ตตฺร ภควา มาคธเก ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ น พฺยากเรยฺย? ภควา เจ โข ปน, ภเนฺต, มาคธเก ปริจารเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ น พฺยากเรยฺย ทีนมนา เตนสฺสุ มาคธกา ปริจารกา; เยน โข ปนสฺสุ ทีนมนา มาคธกา ปริจารกา กถํ เต ภควา น พฺยากเรยฺยา’’ติฯ อิทมายสฺมา อานโนฺท มาคธเก ปริจารเก อารพฺภ ภควโต สมฺมุขา ปริกถํ กตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ

    277. Idamāyasmā ānando māgadhake paricārake ārabbha eko raho anuvicintetvā rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante – ‘bhagavā kira parito parito janapadesu paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu byākaroti kāsikosalesu vajjimallesu cetivaṃsesu kurupañcālesu majjhasūrasenesu – ‘‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno. Paropaññāsa nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyino anāvattidhammā tasmā lokā. Sādhikā navuti nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmino, sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissanti. Sātirekāni pañcasatāni nātikiyā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇāti. Tena ca nātikiyā paricārakā attamanā ahesuṃ pamuditā pītisomanassajātā bhagavato pañhaveyyākaraṇaṃ sutvā’’ti . Ime kho panāpi, bhante, ahesuṃ māgadhakā paricārakā bahū ceva rattaññū ca abbhatītā kālaṅkatā. Suññā maññe aṅgamagadhā aṅgamāgadhakehi paricārakehi abbhatītehi kālaṅkatehi. Te kho panāpi, bhante, ahesuṃ buddhe pasannā dhamme pasannā saṅghe pasannā sīlesu paripūrakārino, te abbhatītā kālaṅkatā bhagavatā abyākatā. Tesampissa sādhu veyyākaraṇaṃ, bahujano pasīdeyya, tato gaccheyya sugatiṃ. Ayaṃ kho panāpi, bhante, ahosi rājā māgadho seniyo bimbisāro dhammiko dhammarājā hito brāhmaṇagahapatikānaṃ negamānañceva jānapadānañca. Apissudaṃ manussā kittayamānarūpā viharanti – ‘evaṃ no so dhammiko dhammarājā sukhāpetvā kālaṅkato. Evaṃ mayaṃ tassa dhammikassa dhammarañño vijite phāsu viharimhā’ti. So kho panāpi, bhante, ahosi buddhe pasanno dhamme pasanno saṅghe pasanno sīlesu paripūrakārī. Apissudaṃ manussā evamāhaṃsu – ‘yāva maraṇakālāpi rājā māgadho seniyo bimbisāro bhagavantaṃ kittayamānarūpo kālaṅkato’ti. So abbhatīto kālaṅkato bhagavatā abyākato; tassapissa sādhu veyyākaraṇaṃ, bahujano pasīdeyya, tato gaccheyya sugatiṃ. Bhagavato kho pana, bhante, sambodhi magadhesu. Yattha kho pana , bhante, bhagavato sambodhi magadhesu, kathaṃ tatra bhagavā māgadhake paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu na byākareyya? Bhagavā ce kho pana, bhante, māgadhake paricārake abbhatīte kālaṅkate upapattīsu na byākareyya dīnamanā tenassu māgadhakā paricārakā; yena kho panassu dīnamanā māgadhakā paricārakā kathaṃ te bhagavā na byākareyyā’’ti. Idamāyasmā ānando māgadhake paricārake ārabbha bhagavato sammukhā parikathaṃ katvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.

    ๒๗๘. อถ โข ภควา อจิรปกฺกเนฺต อายสฺมเนฺต อานเนฺท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย นาติกํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ นาติเก ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต ปาเท ปกฺขาเลตฺวา คิญฺชกาวสถํ ปวิสิตฺวา มาคธเก ปริจารเก อารพฺภ อฎฺฐิํ กตฺวา 21 มนสิกตฺวา สพฺพํ เจตสา 22 สมนฺนาหริตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ – ‘‘คติํ เนสํ ชานิสฺสามิ อภิสมฺปรายํ, ยํคติกา เต ภวโนฺต ยํอภิสมฺปรายา’’ติฯ อทฺทสา โข ภควา มาคธเก ปริจารเก ‘‘ยํคติกา เต ภวโนฺต ยํอภิสมฺปรายา’’ติฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต คิญฺชกาวสถา นิกฺขมิตฺวา วิหารปจฺฉายายํ ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ

    278. Atha kho bhagavā acirapakkante āyasmante ānande pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya nātikaṃ piṇḍāya pāvisi. Nātike piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto pāde pakkhāletvā giñjakāvasathaṃ pavisitvā māgadhake paricārake ārabbha aṭṭhiṃ katvā 23 manasikatvā sabbaṃ cetasā 24 samannāharitvā paññatte āsane nisīdi – ‘‘gatiṃ nesaṃ jānissāmi abhisamparāyaṃ, yaṃgatikā te bhavanto yaṃabhisamparāyā’’ti. Addasā kho bhagavā māgadhake paricārake ‘‘yaṃgatikā te bhavanto yaṃabhisamparāyā’’ti. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito giñjakāvasathā nikkhamitvā vihārapacchāyāyaṃ paññatte āsane nisīdi.

    ๒๗๙. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปสนฺตปทิโสฺส 25 ภเนฺต ภควา ภาติริว ภควโต มุขวโณฺณ วิปฺปสนฺนตฺตา อินฺทฺริยานํฯ สเนฺตน นูนชฺช ภเนฺต ภควา วิหาเรน วิหาสี’’ติ? ‘‘ยเทว โข เม ตฺวํ, อานนฺท, มาคธเก ปริจารเก อารพฺภ สมฺมุขา ปริกถํ กตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกโนฺต, ตเทวาหํ นาติเก ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต ปาเท ปกฺขาเลตฺวา คิญฺชกาวสถํ ปวิสิตฺวา มาคธเก ปริจารเก อารพฺภ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิกตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิํ – ‘คติํ เนสํ ชานิสฺสามิ อภิสมฺปรายํ, ยํคติกา เต ภวโนฺต ยํอภิสมฺปรายา’ติฯ อทฺทสํ โข อหํ, อานนฺท, มาคธเก ปริจารเก ‘ยํคติกา เต ภวโนฺต ยํอภิสมฺปรายา’’’ติฯ

    279. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘upasantapadisso 26 bhante bhagavā bhātiriva bhagavato mukhavaṇṇo vippasannattā indriyānaṃ. Santena nūnajja bhante bhagavā vihārena vihāsī’’ti? ‘‘Yadeva kho me tvaṃ, ānanda, māgadhake paricārake ārabbha sammukhā parikathaṃ katvā uṭṭhāyāsanā pakkanto, tadevāhaṃ nātike piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto pāde pakkhāletvā giñjakāvasathaṃ pavisitvā māgadhake paricārake ārabbha aṭṭhiṃ katvā manasikatvā sabbaṃ cetasā samannāharitvā paññatte āsane nisīdiṃ – ‘gatiṃ nesaṃ jānissāmi abhisamparāyaṃ, yaṃgatikā te bhavanto yaṃabhisamparāyā’ti. Addasaṃ kho ahaṃ, ānanda, māgadhake paricārake ‘yaṃgatikā te bhavanto yaṃabhisamparāyā’’’ti.

    ชนวสภยโกฺข

    Janavasabhayakkho

    ๒๘๐. ‘‘อถ โข, อานนฺท, อนฺตรหิโต ยโกฺข สทฺทมนุสฺสาเวสิ – ‘ชนวสโภ อหํ ภควา ; ชนวสโภ อหํ สุคตา’ติฯ อภิชานาสิ โน ตฺวํ, อานนฺท, อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ นามเธยฺยํ สุตํ 27 ยทิทํ ชนวสโภ’’ติ?

    280. ‘‘Atha kho, ānanda, antarahito yakkho saddamanussāvesi – ‘janavasabho ahaṃ bhagavā ; janavasabho ahaṃ sugatā’ti. Abhijānāsi no tvaṃ, ānanda, ito pubbe evarūpaṃ nāmadheyyaṃ sutaṃ 28 yadidaṃ janavasabho’’ti?

    ‘‘น โข อหํ, ภเนฺต, อภิชานามิ อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ นามเธยฺยํ สุตํ ยทิทํ ชนวสโภติ, อปิ จ เม, ภเนฺต, โลมานิ หฎฺฐานิ ‘ชนวสโภ’ติ นามเธยฺยํ สุตฺวาฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ – ‘น หิ นูน โส โอรโก ยโกฺข ภวิสฺสติ ยทิทํ เอวรูปํ นามเธยฺยํ สุปญฺญตฺตํ ยทิทํ ชนวสโภ’’ติฯ ‘‘อนนฺตรา โข, อานนฺท, สทฺทปาตุภาวา อุฬารวโณฺณ เม ยโกฺข สมฺมุเข ปาตุรโหสิ ฯ ทุติยมฺปิ สทฺทมนุสฺสาเวสิ – ‘พิมฺพิสาโร อหํ ภควา; พิมฺพิสาโร อหํ สุคตาติฯ อิทํ สตฺตมํ โข อหํ, ภเนฺต, เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส สหพฺยตํ อุปปชฺชามิ, โส ตโต จุโต มนุสฺสราชา ภวิตุํ ปโหมิ 29

    ‘‘Na kho ahaṃ, bhante, abhijānāmi ito pubbe evarūpaṃ nāmadheyyaṃ sutaṃ yadidaṃ janavasabhoti, api ca me, bhante, lomāni haṭṭhāni ‘janavasabho’ti nāmadheyyaṃ sutvā. Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi – ‘na hi nūna so orako yakkho bhavissati yadidaṃ evarūpaṃ nāmadheyyaṃ supaññattaṃ yadidaṃ janavasabho’’ti. ‘‘Anantarā kho, ānanda, saddapātubhāvā uḷāravaṇṇo me yakkho sammukhe pāturahosi . Dutiyampi saddamanussāvesi – ‘bimbisāro ahaṃ bhagavā; bimbisāro ahaṃ sugatāti. Idaṃ sattamaṃ kho ahaṃ, bhante, vessavaṇassa mahārājassa sahabyataṃ upapajjāmi, so tato cuto manussarājā bhavituṃ pahomi 30.

    อิโต สตฺต ตโต สตฺต, สํสารานิ จตุทฺทส;

    Ito satta tato satta, saṃsārāni catuddasa;

    นิวาสมภิชานามิ, ยตฺถ เม วุสิตํ ปุเรฯ

    Nivāsamabhijānāmi, yattha me vusitaṃ pure.

    ๒๘๑. ‘ทีฆรตฺตํ โข อหํ, ภเนฺต, อวินิปาโต อวินิปาตํ สญฺชานามิ, อาสา จ ปน เม สนฺติฎฺฐติ สกทาคามิตายา’ติฯ ‘อจฺฉริยมิทํ อายสฺมโต ชนวสภสฺส ยกฺขสฺส, อพฺภุตมิทํ อายสฺมโต ชนวสภสฺส ยกฺขสฺสฯ ‘‘ทีฆรตฺตํ โข อหํ, ภเนฺต, อวินิปาโต อวินิปาตํ สญฺชานามี’’ติ จ วเทสิ, ‘‘อาสา จ ปน เม สนฺติฎฺฐติ สกทาคามิตายา’’ติ จ วเทสิ, กุโตนิทานํ ปนายสฺมา ชนวสโภ ยโกฺข เอวรูปํ อุฬารํ วิเสสาธิคมํ สญฺชานาตีติ? น อญฺญตฺร, ภควา, ตว สาสนา, น อญฺญตฺร 31, สุคต, ตว สาสนา; ยทเคฺค อหํ, ภเนฺต, ภควติ เอกนฺติกโต 32 อภิปฺปสโนฺน, ตทเคฺค อหํ, ภเนฺต, ทีฆรตฺตํ อวินิปาโต อวินิปาตํ สญฺชานามิ, อาสา จ ปน เม สนฺติฎฺฐติ สกทาคามิตายฯ อิธาหํ, ภเนฺต, เวสฺสวเณน มหาราเชน เปสิโต วิรูฬฺหกสฺส มหาราชสฺส สนฺติเก เกนจิเทว กรณีเยน อทฺทสํ ภควนฺตํ อนฺตรามเคฺค คิญฺชกาวสถํ ปวิสิตฺวา มาคธเก ปริจารเก อารพฺภ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิกตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นิสินฺนํ – ‘‘คติํ เนสํ ชานิสฺสามิ อภิสมฺปรายํ, ยํคติกา เต ภวโนฺต ยํอภิสมฺปรายา’’ติฯ อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ภเนฺต, ยํ เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ตสฺสํ ปริสายํ ภาสโต สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – ‘‘ยํคติกา เต ภวโนฺต ยํอภิสมฺปรายา’’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ – ภควนฺตญฺจ ทกฺขามิ, อิทญฺจ ภควโต อาโรเจสฺสามีติฯ อิเม โข เม, ภเนฺต, เทฺวปจฺจยา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ’ฯ

    281. ‘Dīgharattaṃ kho ahaṃ, bhante, avinipāto avinipātaṃ sañjānāmi, āsā ca pana me santiṭṭhati sakadāgāmitāyā’ti. ‘Acchariyamidaṃ āyasmato janavasabhassa yakkhassa, abbhutamidaṃ āyasmato janavasabhassa yakkhassa. ‘‘Dīgharattaṃ kho ahaṃ, bhante, avinipāto avinipātaṃ sañjānāmī’’ti ca vadesi, ‘‘āsā ca pana me santiṭṭhati sakadāgāmitāyā’’ti ca vadesi, kutonidānaṃ panāyasmā janavasabho yakkho evarūpaṃ uḷāraṃ visesādhigamaṃ sañjānātīti? Na aññatra, bhagavā, tava sāsanā, na aññatra 33, sugata, tava sāsanā; yadagge ahaṃ, bhante, bhagavati ekantikato 34 abhippasanno, tadagge ahaṃ, bhante, dīgharattaṃ avinipāto avinipātaṃ sañjānāmi, āsā ca pana me santiṭṭhati sakadāgāmitāya. Idhāhaṃ, bhante, vessavaṇena mahārājena pesito virūḷhakassa mahārājassa santike kenacideva karaṇīyena addasaṃ bhagavantaṃ antarāmagge giñjakāvasathaṃ pavisitvā māgadhake paricārake ārabbha aṭṭhiṃ katvā manasikatvā sabbaṃ cetasā samannāharitvā nisinnaṃ – ‘‘gatiṃ nesaṃ jānissāmi abhisamparāyaṃ, yaṃgatikā te bhavanto yaṃabhisamparāyā’’ti. Anacchariyaṃ kho panetaṃ, bhante, yaṃ vessavaṇassa mahārājassa tassaṃ parisāyaṃ bhāsato sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – ‘‘yaṃgatikā te bhavanto yaṃabhisamparāyā’’ti. Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi – bhagavantañca dakkhāmi, idañca bhagavato ārocessāmīti. Ime kho me, bhante, dvepaccayā bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ’.

    เทวสภา

    Devasabhā

    ๒๘๒. ‘ปุริมานิ , ภเนฺต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วสฺสูปนายิกาย ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา เกวลกปฺปา จ เทวา ตาวติํสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตาฯ มหตี จ ทิพฺพปริสา 35 สมนฺตโต นิสินฺนา โหนฺติ 36, จตฺตาโร จ มหาราชาโน จตุทฺทิสา นิสินฺนา โหนฺติฯ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ธตรโฎฺฐ มหาราชา ปจฺฉิมาภิมุโข 37 นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; ทกฺขิณาย ทิสาย วิรูฬฺหโก มหาราชา อุตฺตราภิมุโข นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; ปจฺฉิมาย ทิสาย วิรูปโกฺข มหาราชา ปุรตฺถาภิมุโข นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา; อุตฺตราย ทิสาย เวสฺสวโณ มหาราชา ทกฺขิณาภิมุโข นิสิโนฺน โหติ เทเว ปุรกฺขตฺวา ฯ ยทา, ภเนฺต, เกวลกปฺปา จ เทวา ตาวติํสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา, มหตี จ ทิพฺพปริสา สมนฺตโต นิสินฺนา โหนฺติ, จตฺตาโร จ มหาราชาโน จตุทฺทิสา นิสินฺนา โหนฺติฯ อิทํ เนสํ โหติ อาสนสฺมิํ; อถ ปจฺฉา อมฺหากํ อาสนํ โหติฯ เย เต, ภเนฺต, เทวา ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา อธุนูปปนฺนา ตาวติํสกายํ, เต อเญฺญ เทเว อติโรจนฺติ วเณฺณน เจว ยสสา จฯ เตน สุทํ, ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา ‘‘ทิพฺพา วต โภ กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายา’’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทวานํ ตาวติํสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –

    282. ‘Purimāni , bhante, divasāni purimatarāni tadahuposathe pannarase vassūpanāyikāya puṇṇāya puṇṇamāya rattiyā kevalakappā ca devā tāvatiṃsā sudhammāyaṃ sabhāyaṃ sannisinnā honti sannipatitā. Mahatī ca dibbaparisā 38 samantato nisinnā honti 39, cattāro ca mahārājāno catuddisā nisinnā honti. Puratthimāya disāya dhataraṭṭho mahārājā pacchimābhimukho 40 nisinno hoti deve purakkhatvā; dakkhiṇāya disāya virūḷhako mahārājā uttarābhimukho nisinno hoti deve purakkhatvā; pacchimāya disāya virūpakkho mahārājā puratthābhimukho nisinno hoti deve purakkhatvā; uttarāya disāya vessavaṇo mahārājā dakkhiṇābhimukho nisinno hoti deve purakkhatvā . Yadā, bhante, kevalakappā ca devā tāvatiṃsā sudhammāyaṃ sabhāyaṃ sannisinnā honti sannipatitā, mahatī ca dibbaparisā samantato nisinnā honti, cattāro ca mahārājāno catuddisā nisinnā honti. Idaṃ nesaṃ hoti āsanasmiṃ; atha pacchā amhākaṃ āsanaṃ hoti. Ye te, bhante, devā bhagavati brahmacariyaṃ caritvā adhunūpapannā tāvatiṃsakāyaṃ, te aññe deve atirocanti vaṇṇena ceva yasasā ca. Tena sudaṃ, bhante, devā tāvatiṃsā attamanā honti pamuditā pītisomanassajātā ‘‘dibbā vata bho kāyā paripūrenti, hāyanti asurakāyā’’ti. Atha kho, bhante, sakko devānamindo devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sampasādaṃ viditvā imāhi gāthāhi anumodi –

    ‘‘โมทนฺติ วต โภ เทวา, ตาวติํสา สหินฺทกา 41;

    ‘‘Modanti vata bho devā, tāvatiṃsā sahindakā 42;

    ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํฯ

    Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammataṃ.

    นเว เทเว จ ปสฺสนฺตา, วณฺณวเนฺต ยสสฺสิเน 43;

    Nave deve ca passantā, vaṇṇavante yasassine 44;

    สุคตสฺมิํ พฺรหฺมจริยํ, จริตฺวาน อิธาคเตฯ

    Sugatasmiṃ brahmacariyaṃ, caritvāna idhāgate.

    เต อเญฺญ อติโรจนฺติ, วเณฺณน ยสสายุนา;

    Te aññe atirocanti, vaṇṇena yasasāyunā;

    สาวกา ภูริปญฺญสฺส, วิเสสูปคตา อิธฯ

    Sāvakā bhūripaññassa, visesūpagatā idha.

    อิทํ ทิสฺวาน นนฺทนฺติ, ตาวติํสา สหินฺทกา;

    Idaṃ disvāna nandanti, tāvatiṃsā sahindakā;

    ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติฯ

    Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammata’’nti.

    ‘เตน สุทํ, ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา ภิโยฺยโสมตฺตาย อตฺตมนา โหนฺติ ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา ‘‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริปูเรนฺติ, หายนฺติ อสุรกายา’’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, เยนเตฺถน เทวา ตาวติํสา สุธมฺมายํ สภายํ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา, ตํ อตฺถํ จินฺตยิตฺวา ตํ อตฺถํ มนฺตยิตฺวา วุตฺตวจนาปิ ตํ 45 จตฺตาโร มหาราชาโน ตสฺมิํ อเตฺถ โหนฺติฯ ปจฺจานุสิฎฺฐวจนาปิ ตํ 46 จตฺตาโร มหาราชาโน ตสฺมิํ อเตฺถ โหนฺติ, สเกสุ สเกสุ อาสเนสุ ฐิตา อวิปกฺกนฺตา 47

    ‘Tena sudaṃ, bhante, devā tāvatiṃsā bhiyyosomattāya attamanā honti pamuditā pītisomanassajātā ‘‘dibbā vata, bho, kāyā paripūrenti, hāyanti asurakāyā’’ti. Atha kho, bhante, yenatthena devā tāvatiṃsā sudhammāyaṃ sabhāyaṃ sannisinnā honti sannipatitā, taṃ atthaṃ cintayitvā taṃ atthaṃ mantayitvā vuttavacanāpi taṃ 48 cattāro mahārājāno tasmiṃ atthe honti. Paccānusiṭṭhavacanāpi taṃ 49 cattāro mahārājāno tasmiṃ atthe honti, sakesu sakesu āsanesu ṭhitā avipakkantā 50.

    เต วุตฺตวากฺยา ราชาโน, ปฎิคฺคยฺหานุสาสนิํ;

    Te vuttavākyā rājāno, paṭiggayhānusāsaniṃ;

    วิปฺปสนฺนมนา สนฺตา, อฎฺฐํสุ สมฺหิ อาสเนติฯ

    Vippasannamanā santā, aṭṭhaṃsu samhi āsaneti.

    ๒๘๓. ‘อถ โข, ภเนฺต, อุตฺตราย ทิสาย อุฬาโร อาโลโก สญฺชายิ, โอภาโส ปาตุรโหสิ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ อถ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ – ‘‘ยถา โข, มาริสา, นิมิตฺตานิ ทิสฺสนฺติ, อุฬาโร อาโลโก สญฺชายติ, โอภาโส ปาตุภวติ, พฺรหฺมา ปาตุภวิสฺสติฯ พฺรหฺมุโน เหตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปาตุภาวาย ยทิทํ อาโลโก สญฺชายติ โอภาโส ปาตุภวตีติฯ

    283. ‘Atha kho, bhante, uttarāya disāya uḷāro āloko sañjāyi, obhāso pāturahosi atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Atha kho, bhante, sakko devānamindo deve tāvatiṃse āmantesi – ‘‘yathā kho, mārisā, nimittāni dissanti, uḷāro āloko sañjāyati, obhāso pātubhavati, brahmā pātubhavissati. Brahmuno hetaṃ pubbanimittaṃ pātubhāvāya yadidaṃ āloko sañjāyati obhāso pātubhavatīti.

    ‘‘ยถา นิมิตฺตา ทิสฺสนฺติ, พฺรหฺมา ปาตุภวิสฺสติ;

    ‘‘Yathā nimittā dissanti, brahmā pātubhavissati;

    พฺรหฺมุโน เหตํ นิมิตฺตํ, โอภาโส วิปุโล มหา’’ติฯ

    Brahmuno hetaṃ nimittaṃ, obhāso vipulo mahā’’ti.

    สนงฺกุมารกถา

    Sanaṅkumārakathā

    ๒๘๔. ‘อถ โข, ภเนฺต, เทวา ตาวติํสา ยถาสเกสุ อาสเนสุ นิสีทิํสุ – ‘‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา’’ติฯ จตฺตาโรปิ มหาราชาโน ยถาสเกสุ อาสเนสุ นิสีทิํสุ – ‘‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา’’ติฯ อิทํ สุตฺวา เทวา ตาวติํสา เอกคฺคา สมาปชฺชิํสุ – ‘‘โอภาสเมตํ ญสฺสาม, ยํวิปาโก ภวิสฺสติ, สจฺฉิกตฺวาว นํ คมิสฺสามา’’ติฯ

    284. ‘Atha kho, bhante, devā tāvatiṃsā yathāsakesu āsanesu nisīdiṃsu – ‘‘obhāsametaṃ ñassāma, yaṃvipāko bhavissati, sacchikatvāva naṃ gamissāmā’’ti. Cattāropi mahārājāno yathāsakesu āsanesu nisīdiṃsu – ‘‘obhāsametaṃ ñassāma yaṃvipāko bhavissati, sacchikatvāva naṃ gamissāmā’’ti. Idaṃ sutvā devā tāvatiṃsā ekaggā samāpajjiṃsu – ‘‘obhāsametaṃ ñassāma, yaṃvipāko bhavissati, sacchikatvāva naṃ gamissāmā’’ti.

    ‘ยทา, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ, โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา ปาตุภวติฯ โย โข ปน, ภเนฺต, พฺรหฺมุโน ปกติวโณฺณ อนภิสมฺภวนีโย โส เทวานํ ตาวติํสานํ จกฺขุปถสฺมิํฯ ยทา, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ , โส อเญฺญ เทเว อติโรจติ วเณฺณน เจว ยสสา จฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, โสวโณฺณ วิคฺคโห มานุสํ วิคฺคหํ อติโรจติ; เอวเมว โข, ภเนฺต, ยทา พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ, โส อเญฺญ เทเว อติโรจติ วเณฺณน เจว ยสสา จฯ ยทา, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุภวติ, น ตสฺสํ ปริสายํ โกจิ เทโว อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตติฯ สเพฺพว ตุณฺหีภูตา ปญฺชลิกา ปลฺลเงฺกน นิสีทนฺติ – ‘‘ยสฺสทานิ เทวสฺส ปลฺลงฺกํ อิจฺฉิสฺสติ พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร, ตสฺส เทวสฺส ปลฺลเงฺก นิสีทิสฺสตี’’ติฯ

    ‘Yadā, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati, oḷārikaṃ attabhāvaṃ abhinimminitvā pātubhavati. Yo kho pana, bhante, brahmuno pakativaṇṇo anabhisambhavanīyo so devānaṃ tāvatiṃsānaṃ cakkhupathasmiṃ. Yadā, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati , so aññe deve atirocati vaṇṇena ceva yasasā ca. Seyyathāpi, bhante, sovaṇṇo viggaho mānusaṃ viggahaṃ atirocati; evameva kho, bhante, yadā brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati, so aññe deve atirocati vaṇṇena ceva yasasā ca. Yadā, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pātubhavati, na tassaṃ parisāyaṃ koci devo abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimanteti. Sabbeva tuṇhībhūtā pañjalikā pallaṅkena nisīdanti – ‘‘yassadāni devassa pallaṅkaṃ icchissati brahmā sanaṅkumāro, tassa devassa pallaṅke nisīdissatī’’ti.

    ‘ยสฺส โข ปน, ภเนฺต, เทวสฺส พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปลฺลเงฺก นิสีทติ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว เวทปฎิลาภํ; อุฬารํ โส ลภติ เทโว โสมนสฺสปฎิลาภํฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต อธุนาภิสิโตฺต รเชฺชน, อุฬารํ โส ลภติ เวทปฎิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ โสมนสฺสปฎิลาภํฯ เอวเมว โข, ภเนฺต, ยสฺส เทวสฺส พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปลฺลเงฺก นิสีทติ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว เวทปฎิลาภํ, อุฬารํ โส ลภติ เทโว โสมนสฺสปฎิลาภํฯ อถ , ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา กุมารวณฺณี 51 หุตฺวา ปญฺจสิโข เทวานํ ตาวติํสานํ ปาตุรโหสิฯ โส เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิเกฺข ปลฺลเงฺกน นิสีทิฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, พลวา ปุริโส สุปจฺจตฺถเต วา ปลฺลเงฺก สเม วา ภูมิภาเค ปลฺลเงฺกน นิสีเทยฺย; เอวเมว โข, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิเกฺข ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา เทวานํ ตาวติํสานํ สมฺปสาทํ วิทิตฺวา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –

    ‘Yassa kho pana, bhante, devassa brahmā sanaṅkumāro pallaṅke nisīdati, uḷāraṃ so labhati devo vedapaṭilābhaṃ; uḷāraṃ so labhati devo somanassapaṭilābhaṃ. Seyyathāpi, bhante, rājā khattiyo muddhāvasitto adhunābhisitto rajjena, uḷāraṃ so labhati vedapaṭilābhaṃ, uḷāraṃ so labhati somanassapaṭilābhaṃ. Evameva kho, bhante, yassa devassa brahmā sanaṅkumāro pallaṅke nisīdati, uḷāraṃ so labhati devo vedapaṭilābhaṃ, uḷāraṃ so labhati devo somanassapaṭilābhaṃ. Atha , bhante, brahmā sanaṅkumāro oḷārikaṃ attabhāvaṃ abhinimminitvā kumāravaṇṇī 52 hutvā pañcasikho devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pāturahosi. So vehāsaṃ abbhuggantvā ākāse antalikkhe pallaṅkena nisīdi. Seyyathāpi, bhante, balavā puriso supaccatthate vā pallaṅke same vā bhūmibhāge pallaṅkena nisīdeyya; evameva kho, bhante, brahmā sanaṅkumāro vehāsaṃ abbhuggantvā ākāse antalikkhe pallaṅkena nisīditvā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sampasādaṃ viditvā imāhi gāthāhi anumodi –

    ‘‘โมทนฺติ วต โภ เทวา, ตาวติํสา สหินฺทกา;

    ‘‘Modanti vata bho devā, tāvatiṃsā sahindakā;

    ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํฯ

    Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammataṃ.

    ‘‘นเว เทเว จ ปสฺสนฺตา, วณฺณวเนฺต ยสสฺสิเน;

    ‘‘Nave deve ca passantā, vaṇṇavante yasassine;

    สุคตสฺมิํ พฺรหฺมจริยํ, จริตฺวาน อิธาคเตฯ

    Sugatasmiṃ brahmacariyaṃ, caritvāna idhāgate.

    ‘‘เต อเญฺญ อติโรจนฺติ, วเณฺณน ยสสายุนา;

    ‘‘Te aññe atirocanti, vaṇṇena yasasāyunā;

    สาวกา ภูริปญฺญสฺส, วิเสสูปคตา อิธฯ

    Sāvakā bhūripaññassa, visesūpagatā idha.

    ‘‘อิทํ ทิสฺวาน นนฺทนฺติ, ตาวติํสา สหินฺทกา;

    ‘‘Idaṃ disvāna nandanti, tāvatiṃsā sahindakā;

    ตถาคตํ นมสฺสนฺตา, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติฯ

    Tathāgataṃ namassantā, dhammassa ca sudhammata’’nti.

    ๒๘๕. ‘อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺถ; อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภาสโต อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโต สโร โหติ วิสฺสโฎฺฐ จ วิเญฺญโยฺย จ มญฺชุ จ สวนีโย จ พินฺทุ จ อวิสารี จ คมฺภีโร จ นินฺนาที จฯ ยถาปริสํ โข ปน, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร สเรน วิญฺญาเปติ; น จสฺส พหิทฺธา ปริสาย โฆโส นิจฺฉรติฯ ยสฺส โข ปน, ภเนฺต, เอวํ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโต สโร โหติ, โส วุจฺจติ ‘‘พฺรหฺมสฺสโร’’ติฯ

    285. ‘Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsittha; imamatthaṃ, bhante, brahmuno sanaṅkumārassa bhāsato aṭṭhaṅgasamannāgato saro hoti vissaṭṭho ca viññeyyo ca mañju ca savanīyo ca bindu ca avisārī ca gambhīro ca ninnādī ca. Yathāparisaṃ kho pana, bhante, brahmā sanaṅkumāro sarena viññāpeti; na cassa bahiddhā parisāya ghoso niccharati. Yassa kho pana, bhante, evaṃ aṭṭhaṅgasamannāgato saro hoti, so vuccati ‘‘brahmassaro’’ti.

    ‘อถ โข, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เตตฺติํเส อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา เทวานํ ตาวติํสานํ ปเจฺจกปลฺลเงฺกสุ ปลฺลเงฺกน 53 นิสีทิตฺวา เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา, ยาวญฺจ โส ภควา พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺน พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ เย หิ เกจิ, โภ, พุทฺธํ สรณํ คตา ธมฺมํ สรณํ คตา สงฺฆํ สรณํ คตา สีเลสุ ปริปูรการิโน เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อเปฺปกเจฺจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชนฺติ, อเปฺปกเจฺจ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชนฺติ, อเปฺปกเจฺจ ตุสิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชนฺติ, อเปฺปกเจฺจ ยามานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชนฺติ, อเปฺปกเจฺจ ตาวติํสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชนฺติ, อเปฺปกเจฺจ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชนฺติฯ เย สพฺพนิหีนํ กายํ ปริปูเรนฺติ, เต คนฺธพฺพกายํ ปริปูเรนฺตี’’’ติฯ

    ‘Atha kho, bhante, brahmā sanaṅkumāro tettiṃse attabhāve abhinimminitvā devānaṃ tāvatiṃsānaṃ paccekapallaṅkesu pallaṅkena 54 nisīditvā deve tāvatiṃse āmantesi – ‘‘taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā, yāvañca so bhagavā bahujanahitāya paṭipanno bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Ye hi keci, bho, buddhaṃ saraṇaṃ gatā dhammaṃ saraṇaṃ gatā saṅghaṃ saraṇaṃ gatā sīlesu paripūrakārino te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā appekacce paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjanti, appekacce nimmānaratīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjanti, appekacce tusitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjanti, appekacce yāmānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjanti, appekacce tāvatiṃsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjanti, appekacce cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjanti. Ye sabbanihīnaṃ kāyaṃ paripūrenti, te gandhabbakāyaṃ paripūrentī’’’ti.

    ๒๘๖. ‘อิมมตฺถํ , ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺถ; อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภาสโต โฆโสเยว เทวา มญฺญนฺติ – ‘‘ยฺวายํ มม ปลฺลเงฺก สฺวายํ เอโกว ภาสตี’’ติฯ

    286. ‘Imamatthaṃ , bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsittha; imamatthaṃ, bhante, brahmuno sanaṅkumārassa bhāsato ghosoyeva devā maññanti – ‘‘yvāyaṃ mama pallaṅke svāyaṃ ekova bhāsatī’’ti.

    เอกสฺมิํ ภาสมานสฺมิํ, สเพฺพ ภาสนฺติ นิมฺมิตา;

    Ekasmiṃ bhāsamānasmiṃ, sabbe bhāsanti nimmitā;

    เอกสฺมิํ ตุณฺหิมาสีเน, สเพฺพ ตุณฺหี ภวนฺติ เตฯ

    Ekasmiṃ tuṇhimāsīne, sabbe tuṇhī bhavanti te.

    ตทาสุ เทวา มญฺญนฺติ, ตาวติํสา สหินฺทกา;

    Tadāsu devā maññanti, tāvatiṃsā sahindakā;

    ยฺวายํ มม ปลฺลงฺกสฺมิํ, สฺวายํ เอโกว ภาสตีติฯ

    Yvāyaṃ mama pallaṅkasmiṃ, svāyaṃ ekova bhāsatīti.

    ‘อถ โข, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เอกเตฺตน อตฺตานํ อุปสํหรติ, เอกเตฺตน อตฺตานํ อุปสํหริตฺวา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปลฺลเงฺก ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ –

    ‘Atha kho, bhante, brahmā sanaṅkumāro ekattena attānaṃ upasaṃharati, ekattena attānaṃ upasaṃharitvā sakkassa devānamindassa pallaṅke pallaṅkena nisīditvā deve tāvatiṃse āmantesi –

    ภาวิตอิทฺธิปาโท

    Bhāvitaiddhipādo

    ๒๘๗. ‘‘‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา, ยาว สุปญฺญตฺตา จิเม เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺญตฺตา อิทฺธิปหุตาย 55 อิทฺธิวิสวิตาย 56 อิทฺธิวิกุพฺพนตายฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ โภ ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ วีริยสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ จิตฺตสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ วีมํสาสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ อิเม โข, โภ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺญตฺตา อิทฺธิปหุตาย อิทฺธิวิสวิตาย อิทฺธิวิกุพฺพนตายฯ

    287. ‘‘‘Taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā, yāva supaññattā cime tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena cattāro iddhipādā paññattā iddhipahutāya 57 iddhivisavitāya 58 iddhivikubbanatāya. Katame cattāro? Idha bho bhikkhu chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti. Vīriyasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti. Cittasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti. Vīmaṃsāsamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti. Ime kho, bho, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena cattāro iddhipādā paññattā iddhipahutāya iddhivisavitāya iddhivikubbanatāya.

    ‘‘‘เย หิ เกจิ โภ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภสุํ, สเพฺพ เต อิเมสํเยว จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตาฯ เยปิ หิ เกจิ โภ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภสฺสนฺติ, สเพฺพ เต อิเมสํเยว จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตาฯ เยปิ หิ เกจิ โภ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภนฺติ, สเพฺพ เต อิเมสํเยว จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตาฯ ปสฺสนฺติ โน โภโนฺต เทวา ตาวติํสา มมปิมํ เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ? ‘‘เอวํ มหาพฺรเหฺม’’ติฯ ‘‘อหมฺปิ โข โภ อิเมสํเยว จตุนฺนญฺจ อิทฺธิปาทานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา เอวํ มหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’’ติฯ อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺถฯ อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺวา เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ –

    ‘‘‘Ye hi keci bho atītamaddhānaṃ samaṇā vā brāhmaṇā vā anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhosuṃ, sabbe te imesaṃyeva catunnaṃ iddhipādānaṃ bhāvitattā bahulīkatattā. Yepi hi keci bho anāgatamaddhānaṃ samaṇā vā brāhmaṇā vā anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhossanti, sabbe te imesaṃyeva catunnaṃ iddhipādānaṃ bhāvitattā bahulīkatattā. Yepi hi keci bho etarahi samaṇā vā brāhmaṇā vā anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhonti, sabbe te imesaṃyeva catunnaṃ iddhipādānaṃ bhāvitattā bahulīkatattā. Passanti no bhonto devā tāvatiṃsā mamapimaṃ evarūpaṃ iddhānubhāva’’nti? ‘‘Evaṃ mahābrahme’’ti. ‘‘Ahampi kho bho imesaṃyeva catunnañca iddhipādānaṃ bhāvitattā bahulīkatattā evaṃ mahiddhiko evaṃmahānubhāvo’’ti. Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsittha. Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsitvā deve tāvatiṃse āmantesi –

    ติวิโธ โอกาสาธิคโม

    Tividho okāsādhigamo

    ๒๘๘. ‘‘‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา, ยาวญฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ตโย โอกาสาธิคมา อนุพุทฺธา สุขสฺสาธิคมายฯ กตเม ตโย? อิธ โภ เอกโจฺจ สํสโฎฺฐ วิหรติ กาเมหิ สํสโฎฺฐ อกุสเลหิ ธเมฺมหิฯ โส อปเรน สมเยน อริยธมฺมํ สุณาติ, โยนิโส มนสิ กโรติ, ธมฺมานุธมฺมํ ปฎิปชฺชติฯ โส อริยธมฺมสฺสวนํ อาคมฺม โยนิโสมนสิการํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติํ อสํสโฎฺฐ วิหรติ กาเมหิ อสํสโฎฺฐ อกุสเลหิ ธเมฺมหิฯ ตสฺส อสํสฎฺฐสฺส กาเมหิ อสํสฎฺฐสฺส อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อุปฺปชฺชติ สุขํ, สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสํฯ เสยฺยถาปิ, โภ, ปมุทา ปาโมชฺชํ 59 ชาเยถ, เอวเมว โข, โภ, อสํสฎฺฐสฺส กาเมหิ อสํสฎฺฐสฺส อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อุปฺปชฺชติ สุขํ, สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสํฯ อยํ โข, โภ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปฐโม โอกาสาธิคโม อนุพุโทฺธ สุขสฺสาธิคมายฯ

    288. ‘‘‘Taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā, yāvañcidaṃ tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena tayo okāsādhigamā anubuddhā sukhassādhigamāya. Katame tayo? Idha bho ekacco saṃsaṭṭho viharati kāmehi saṃsaṭṭho akusalehi dhammehi. So aparena samayena ariyadhammaṃ suṇāti, yoniso manasi karoti, dhammānudhammaṃ paṭipajjati. So ariyadhammassavanaṃ āgamma yonisomanasikāraṃ dhammānudhammappaṭipattiṃ asaṃsaṭṭho viharati kāmehi asaṃsaṭṭho akusalehi dhammehi. Tassa asaṃsaṭṭhassa kāmehi asaṃsaṭṭhassa akusalehi dhammehi uppajjati sukhaṃ, sukhā bhiyyo somanassaṃ. Seyyathāpi, bho, pamudā pāmojjaṃ 60 jāyetha, evameva kho, bho, asaṃsaṭṭhassa kāmehi asaṃsaṭṭhassa akusalehi dhammehi uppajjati sukhaṃ, sukhā bhiyyo somanassaṃ. Ayaṃ kho, bho, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena paṭhamo okāsādhigamo anubuddho sukhassādhigamāya.

    ‘‘‘ปุน จปรํ, โภ, อิเธกจฺจสฺส โอฬาริกา กายสงฺขารา อปฺปฎิปฺปสฺสทฺธา โหนฺติ, โอฬาริกา วจีสงฺขารา อปฺปฎิปฺปสฺสทฺธา โหนฺติ, โอฬาริกา จิตฺตสงฺขารา อปฺปฎิปฺปสฺสทฺธา โหนฺติฯ โส อปเรน สมเยน อริยธมฺมํ สุณาติ, โยนิโส มนสิ กโรติ, ธมฺมานุธมฺมํ ปฎิปชฺชติฯ ตสฺส อริยธมฺมสฺสวนํ อาคมฺม โยนิโสมนสิการํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติํ โอฬาริกา กายสงฺขารา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ, โอฬาริกา วจีสงฺขารา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ, โอฬาริกา จิตฺตสงฺขารา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ ตสฺส โอฬาริกานํ กายสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา โอฬาริกานํ วจีสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา โอฬาริกานํ จิตฺตสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา อุปฺปชฺชติ สุขํ, สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสํฯ เสยฺยถาปิ, โภ, ปมุทา ปาโมชฺชํ ชาเยถ, เอวเมว โข โภ โอฬาริกานํ กายสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา โอฬาริกานํ วจีสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา โอฬาริกานํ จิตฺตสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา อุปฺปชฺชติ สุขํ, สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสํฯ อยํ โข, โภ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ทุติโย โอกาสาธิคโม อนุพุโทฺธ สุขสฺสาธิคมายฯ

    ‘‘‘Puna caparaṃ, bho, idhekaccassa oḷārikā kāyasaṅkhārā appaṭippassaddhā honti, oḷārikā vacīsaṅkhārā appaṭippassaddhā honti, oḷārikā cittasaṅkhārā appaṭippassaddhā honti. So aparena samayena ariyadhammaṃ suṇāti, yoniso manasi karoti, dhammānudhammaṃ paṭipajjati. Tassa ariyadhammassavanaṃ āgamma yonisomanasikāraṃ dhammānudhammappaṭipattiṃ oḷārikā kāyasaṅkhārā paṭippassambhanti, oḷārikā vacīsaṅkhārā paṭippassambhanti, oḷārikā cittasaṅkhārā paṭippassambhanti. Tassa oḷārikānaṃ kāyasaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā oḷārikānaṃ vacīsaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā oḷārikānaṃ cittasaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā uppajjati sukhaṃ, sukhā bhiyyo somanassaṃ. Seyyathāpi, bho, pamudā pāmojjaṃ jāyetha, evameva kho bho oḷārikānaṃ kāyasaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā oḷārikānaṃ vacīsaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā oḷārikānaṃ cittasaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā uppajjati sukhaṃ, sukhā bhiyyo somanassaṃ. Ayaṃ kho, bho, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena dutiyo okāsādhigamo anubuddho sukhassādhigamāya.

    ‘‘‘ปุน จปรํ, โภ, อิเธกโจฺจ ‘อิทํ กุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ‘อิทํ สาวชฺชํ อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หีนํ อิทํ ปณีตํ, อิทํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาค’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ โส อปเรน สมเยน อริยธมฺมํ สุณาติ, โยนิโส มนสิ กโรติ, ธมฺมานุธมฺมํ ปฎิปชฺชติฯ โส อริยธมฺมสฺสวนํ อาคมฺม โยนิโสมนสิการํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติํ, ‘อิทํ กุสล’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อิทํ สาวชฺชํ อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หีนํ อิทํ ปณีตํ, อิทํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาค’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต อวิชฺชา ปหียติ, วิชฺชา อุปฺปชฺชติฯ ตสฺส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา อุปฺปชฺชติ สุขํ, สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสํฯ เสยฺยถาปิ, โภ, ปมุทา ปาโมชฺชํ ชาเยถ , เอวเมว โข, โภ, อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา อุปฺปชฺชติ สุขํ, สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสํฯ อยํ โข, โภ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ตติโย โอกาสาธิคโม อนุพุโทฺธ สุขสฺสาธิคมายฯ อิเม โข, โภ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ตโย โอกาสาธิคมา อนุพุทฺธา สุขสฺสาธิคมายา’’ติฯ อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺถ, อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺวา เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ –

    ‘‘‘Puna caparaṃ, bho, idhekacco ‘idaṃ kusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti, ‘idaṃ akusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. ‘Idaṃ sāvajjaṃ idaṃ anavajjaṃ, idaṃ sevitabbaṃ idaṃ na sevitabbaṃ, idaṃ hīnaṃ idaṃ paṇītaṃ, idaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāga’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. So aparena samayena ariyadhammaṃ suṇāti, yoniso manasi karoti, dhammānudhammaṃ paṭipajjati. So ariyadhammassavanaṃ āgamma yonisomanasikāraṃ dhammānudhammappaṭipattiṃ, ‘idaṃ kusala’nti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘idaṃ akusala’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Idaṃ sāvajjaṃ idaṃ anavajjaṃ, idaṃ sevitabbaṃ idaṃ na sevitabbaṃ, idaṃ hīnaṃ idaṃ paṇītaṃ, idaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāga’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa evaṃ jānato evaṃ passato avijjā pahīyati, vijjā uppajjati. Tassa avijjāvirāgā vijjuppādā uppajjati sukhaṃ, sukhā bhiyyo somanassaṃ. Seyyathāpi, bho, pamudā pāmojjaṃ jāyetha , evameva kho, bho, avijjāvirāgā vijjuppādā uppajjati sukhaṃ, sukhā bhiyyo somanassaṃ. Ayaṃ kho, bho, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena tatiyo okāsādhigamo anubuddho sukhassādhigamāya. Ime kho, bho, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena tayo okāsādhigamā anubuddhā sukhassādhigamāyā’’ti. Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsittha, imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsitvā deve tāvatiṃse āmantesi –

    จตุสติปฎฺฐานํ

    Catusatipaṭṭhānaṃ

    ๒๘๙. ‘‘‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา, ยาว สุปญฺญตฺตา จิเม เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ปญฺญตฺตา กุสลสฺสาธิคมายฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ , โภ, ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ อชฺฌตฺตํ กาเย กายานุปสฺสี วิหรโนฺต ตตฺถ สมฺมา สมาธิยติ, สมฺมา วิปฺปสีทติฯ โส ตตฺถ สมฺมา สมาหิโต สมฺมา วิปฺปสโนฺน พหิทฺธา ปรกาเย ญาณทสฺสนํ อภินิพฺพเตฺตติฯ อชฺฌตฺตํ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ…เป.… พหิทฺธา ปรเวทนาสุ ญาณทสฺสนํ อภินิพฺพเตฺตติฯ อชฺฌตฺตํ จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ…เป.… พหิทฺธา ปรจิเตฺต ญาณทสฺสนํ อภินิพฺพเตฺตติฯ อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรโนฺต ตตฺถ สมฺมา สมาธิยติ, สมฺมา วิปฺปสีทติฯ โส ตตฺถ สมฺมา สมาหิโต สมฺมา วิปฺปสโนฺน พหิทฺธา ปรธเมฺมสุ ญาณทสฺสนํ อภินิพฺพเตฺตติฯ อิเม โข, โภ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ปญฺญตฺตา กุสลสฺสาธิคมายา’’ติฯ อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺถฯ อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺวา เทเว ตาวติํเส อามเนฺตสิ –

    289. ‘‘‘Taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā, yāva supaññattā cime tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena cattāro satipaṭṭhānā paññattā kusalassādhigamāya. Katame cattāro? Idha , bho, bhikkhu ajjhattaṃ kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Ajjhattaṃ kāye kāyānupassī viharanto tattha sammā samādhiyati, sammā vippasīdati. So tattha sammā samāhito sammā vippasanno bahiddhā parakāye ñāṇadassanaṃ abhinibbatteti. Ajjhattaṃ vedanāsu vedanānupassī viharati…pe… bahiddhā paravedanāsu ñāṇadassanaṃ abhinibbatteti. Ajjhattaṃ citte cittānupassī viharati…pe… bahiddhā paracitte ñāṇadassanaṃ abhinibbatteti. Ajjhattaṃ dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Ajjhattaṃ dhammesu dhammānupassī viharanto tattha sammā samādhiyati, sammā vippasīdati. So tattha sammā samāhito sammā vippasanno bahiddhā paradhammesu ñāṇadassanaṃ abhinibbatteti. Ime kho, bho, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena cattāro satipaṭṭhānā paññattā kusalassādhigamāyā’’ti. Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsittha. Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsitvā deve tāvatiṃse āmantesi –

    สตฺต สมาธิปริกฺขารา

    Satta samādhiparikkhārā

    ๒๙๐. ‘‘‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา, ยาว สุปญฺญตฺตา จิเม เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สตฺต สมาธิปริกฺขารา สมฺมาสมาธิสฺส ปริภาวนาย สมฺมาสมาธิสฺส ปาริปูริยาฯ กตเม สตฺต? สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติฯ ยา โข, โภ, อิเมหิ สตฺตหเงฺคหิ จิตฺตสฺส เอกคฺคตา ปริกฺขตา, อยํ วุจฺจติ, โภ, อริโย สมฺมาสมาธิ สอุปนิโส อิติปิ สปริกฺขาโร อิติปิฯ สมฺมาทิฎฺฐิสฺส โภ, สมฺมาสงฺกโปฺป ปโหติ, สมฺมาสงฺกปฺปสฺส สมฺมาวาจา ปโหติ, สมฺมาวาจสฺส สมฺมากมฺมโนฺต ปโหติฯ สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมฺมาอาชีโว ปโหติ, สมฺมาอาชีวสฺส สมฺมาวายาโม ปโหติ, สมฺมาวายามสฺส สมฺมาสติ ปโหติ , สมฺมาสติสฺส สมฺมาสมาธิ ปโหติ, สมฺมาสมาธิสฺส สมฺมาญาณํ ปโหติ, สมฺมาญาณสฺส สมฺมาวิมุตฺติ ปโหติฯ ยญฺหิ ตํ, โภ, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหิ อปารุตา อมตสฺส ทฺวารา’ติ อิทเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยฯ สฺวากฺขาโต หิ, โภ, ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก, อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหิ อปารุตา อมตสฺส ทฺวารา 61

    290. ‘‘‘Taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā, yāva supaññattā cime tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena satta samādhiparikkhārā sammāsamādhissa paribhāvanāya sammāsamādhissa pāripūriyā. Katame satta? Sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati. Yā kho, bho, imehi sattahaṅgehi cittassa ekaggatā parikkhatā, ayaṃ vuccati, bho, ariyo sammāsamādhi saupaniso itipi saparikkhāro itipi. Sammādiṭṭhissa bho, sammāsaṅkappo pahoti, sammāsaṅkappassa sammāvācā pahoti, sammāvācassa sammākammanto pahoti. Sammākammantassa sammāājīvo pahoti, sammāājīvassa sammāvāyāmo pahoti, sammāvāyāmassa sammāsati pahoti , sammāsatissa sammāsamādhi pahoti, sammāsamādhissa sammāñāṇaṃ pahoti, sammāñāṇassa sammāvimutti pahoti. Yañhi taṃ, bho, sammā vadamāno vadeyya – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhi apārutā amatassa dvārā’ti idameva taṃ sammā vadamāno vadeyya. Svākkhāto hi, bho, bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko, akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhi apārutā amatassa dvārā 62.

    ‘‘‘เย หิ เกจิ, โภ, พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, ธเมฺม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, สเงฺฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา, อริยกเนฺตหิ สีเลหิ สมนฺนาคตา , เย จิเม โอปปาติกา ธมฺมวินีตา สาติเรกานิ จตุวีสติสตสหสฺสานิ มาคธกา ปริจารกา อพฺภตีตา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณาฯ อตฺถิ เจเวตฺถ สกทาคามิโนฯ

    ‘‘‘Ye hi keci, bho, buddhe aveccappasādena samannāgatā, dhamme aveccappasādena samannāgatā, saṅghe aveccappasādena samannāgatā, ariyakantehi sīlehi samannāgatā , ye cime opapātikā dhammavinītā sātirekāni catuvīsatisatasahassāni māgadhakā paricārakā abbhatītā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā. Atthi cevettha sakadāgāmino.

    ‘‘อตฺถายํ 63 อิตรา ปชา, ปุญฺญาภาคาติ เม มโน;

    ‘‘Atthāyaṃ 64 itarā pajā, puññābhāgāti me mano;

    สงฺขาตุํ โนปิ สโกฺกมิ, มุสาวาทสฺส โอตฺตปฺป’’นฺติฯ

    Saṅkhātuṃ nopi sakkomi, musāvādassa ottappa’’nti.

    ๒๙๑. ‘อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภาสิตฺถ, อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส ภาสโต เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, เอวรูโปปิ นาม อุฬาโร สตฺถา ภวิสฺสติ, เอวรูปํ อุฬารํ ธมฺมกฺขานํ, เอวรูปา อุฬารา วิเสสาธิคมา ปญฺญายิสฺสนฺตี’’ติฯ อถ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เวสฺสวณํ มหาราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญติ ภวํ เวสฺสวโณ มหาราชา อตีตมฺปิ อทฺธานํ เอวรูโป อุฬาโร สตฺถา อโหสิ, เอวรูปํ อุฬารํ ธมฺมกฺขานํ, เอวรูปา อุฬารา วิเสสาธิคมา ปญฺญายิํสุฯ อนาคตมฺปิ อทฺธานํ เอวรูโป อุฬาโร สตฺถา ภวิสฺสติ, เอวรูปํ อุฬารํ ธมฺมกฺขานํ, เอวรูปา อุฬารา วิเสสาธิคมา ปญฺญายิสฺสนฺตี’’’ติฯ

    291. ‘Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro bhāsittha, imamatthaṃ, bhante, brahmuno sanaṅkumārassa bhāsato vessavaṇassa mahārājassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘acchariyaṃ vata bho, abbhutaṃ vata bho, evarūpopi nāma uḷāro satthā bhavissati, evarūpaṃ uḷāraṃ dhammakkhānaṃ, evarūpā uḷārā visesādhigamā paññāyissantī’’ti. Atha, bhante, brahmā sanaṅkumāro vessavaṇassa mahārājassa cetasā cetoparivitakkamaññāya vessavaṇaṃ mahārājānaṃ etadavoca – ‘‘taṃ kiṃ maññati bhavaṃ vessavaṇo mahārājā atītampi addhānaṃ evarūpo uḷāro satthā ahosi, evarūpaṃ uḷāraṃ dhammakkhānaṃ, evarūpā uḷārā visesādhigamā paññāyiṃsu. Anāgatampi addhānaṃ evarūpo uḷāro satthā bhavissati, evarūpaṃ uḷāraṃ dhammakkhānaṃ, evarūpā uḷārā visesādhigamā paññāyissantī’’’ti.

    ๒๙๒. ‘‘‘อิมมตฺถํ, ภเนฺต, พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร เทวานํ ตาวติํสานํ อภาสิ, อิมมตฺถํ เวสฺสวโณ มหาราชา พฺรหฺมุโน สนงฺกุมารสฺส เทวานํ ตาวติํสานํ ภาสโต สมฺมุขา สุตํ 65 สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ สยํ ปริสายํ อาโรเจสิ’’ฯ

    292. ‘‘‘Imamatthaṃ, bhante, brahmā sanaṅkumāro devānaṃ tāvatiṃsānaṃ abhāsi, imamatthaṃ vessavaṇo mahārājā brahmuno sanaṅkumārassa devānaṃ tāvatiṃsānaṃ bhāsato sammukhā sutaṃ 66 sammukhā paṭiggahitaṃ sayaṃ parisāyaṃ ārocesi’’.

    อิมมตฺถํ ชนวสโภ ยโกฺข เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส สยํ ปริสายํ ภาสโต สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ 67 ภควโต อาโรเจสิฯ อิมมตฺถํ ภควา ชนวสภสฺส ยกฺขสฺส สมฺมุขา สุตฺวา สมฺมุขา ปฎิคฺคเหตฺวา สามญฺจ อภิญฺญาย อายสฺมโต อานนฺทสฺส อาโรเจสิ, อิมมตฺถมายสฺมา อานโนฺท ภควโต สมฺมุขา สุตฺวา สมฺมุขา ปฎิคฺคเหตฺวา อาโรเจสิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตนฺติฯ

    Imamatthaṃ janavasabho yakkho vessavaṇassa mahārājassa sayaṃ parisāyaṃ bhāsato sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ 68 bhagavato ārocesi. Imamatthaṃ bhagavā janavasabhassa yakkhassa sammukhā sutvā sammukhā paṭiggahetvā sāmañca abhiññāya āyasmato ānandassa ārocesi, imamatthamāyasmā ānando bhagavato sammukhā sutvā sammukhā paṭiggahetvā ārocesi bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ. Tayidaṃ brahmacariyaṃ iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsitanti.

    ชนวสภสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ

    Janavasabhasuttaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. นาทิเก (สี. สฺยา. ปี.)
    2. เจติยวํเสสุ (ก.)
    3. มจฺฉสุรเสเนสุ (สฺยา.), มจฺฉสูรเสเนสุ (สี. ปี.)
    4. อุปปโนฺนติ (ก.)
    5. สกิํเทว (ก.)
    6. nādike (sī. syā. pī.)
    7. cetiyavaṃsesu (ka.)
    8. macchasurasenesu (syā.), macchasūrasenesu (sī. pī.)
    9. upapannoti (ka.)
    10. sakiṃdeva (ka.)
    11. ปญฺหาเวยฺยากรณํ (สฺยา. ก.)
    12. pañhāveyyākaraṇaṃ (syā. ka.)
    13. องฺคมาคธิเกหิ (สฺยา.)
    14. เตน โข ปนาปิ (สฺยา.)
    15. ผาสุกํ (สฺยา.)
    16. นินฺนมนา (สฺยา.), ทีนมานา (สี. ปี.)
    17. aṅgamāgadhikehi (syā.)
    18. tena kho panāpi (syā.)
    19. phāsukaṃ (syā.)
    20. ninnamanā (syā.), dīnamānā (sī. pī.)
    21. อฎฺฐิกตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)
    22. สพฺพเจตสา (ปี.)
    23. aṭṭhikatvā (sī. syā. pī.)
    24. sabbacetasā (pī.)
    25. อุปสนฺตปติโส (ก.)
    26. upasantapatiso (ka.)
    27. สุตฺวา (ปี.)
    28. sutvā (pī.)
    29. โส ตโต จุโต มนุสฺสราชา, อมนุสฺสราชา ทิวิ โหมิ (สี. ปี.)
    30. so tato cuto manussarājā, amanussarājā divi homi (sī. pī.)
    31. อญฺญตฺถ (สี. ปี.)
    32. เอกนฺตโต (สฺยา.), เอกนฺตคโต (ปี.)
    33. aññattha (sī. pī.)
    34. ekantato (syā.), ekantagato (pī.)
    35. ทิพฺพา ปริสา (สี. ปี.)
    36. นิสินฺนา โหติ (สี.), สนฺนิสินฺนา โหนฺติ สนฺนิปติตา (ก.)
    37. ปจฺฉาภิมุโข (ก.)
    38. dibbā parisā (sī. pī.)
    39. nisinnā hoti (sī.), sannisinnā honti sannipatitā (ka.)
    40. pacchābhimukho (ka.)
    41. สอินฺทกา (สี.)
    42. saindakā (sī.)
    43. ยสสฺสิโน (สฺยา.)
    44. yasassino (syā.)
    45. วุตฺตวจนา นามิทํ (ก.)
    46. ปจฺจานุสิฎฺฐวจนา นามิทํ (ก.)
    47. อธิปกฺกนฺตา (ก.)
    48. vuttavacanā nāmidaṃ (ka.)
    49. paccānusiṭṭhavacanā nāmidaṃ (ka.)
    50. adhipakkantā (ka.)
    51. กุมารวโณฺณ (สฺยา. ก.)
    52. kumāravaṇṇo (syā. ka.)
    53. ปเจฺจกปลฺลเงฺกน (ก.)
    54. paccekapallaṅkena (ka.)
    55. อิทฺธิพหุลีกตาย (สฺยา.)
    56. อิทฺธิวิเสวิตาย (สฺยา.)
    57. iddhibahulīkatāya (syā.)
    58. iddhivisevitāya (syā.)
    59. ปามุชฺชํ (ปี. ก.)
    60. pāmujjaṃ (pī. ka.)
    61. ทฺวาราติ (สฺยา. ก.)
    62. dvārāti (syā. ka.)
    63. อถายํ (สี. สฺยา.)
    64. athāyaṃ (sī. syā.)
    65. สุตฺวา (สี. ปี.)
    66. sutvā (sī. pī.)
    67. ปฎิคฺคเหตฺวา (สี. ปี.)
    68. paṭiggahetvā (sī. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๕. ชนวสภสุตฺตวณฺณนา • 5. Janavasabhasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๕. ชนวสภสุตฺตวณฺณนา • 5. Janavasabhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact