Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. ชนวสภสุตฺตวณฺณนา

    5. Janavasabhasuttavaṇṇanā

    นาติกิยาทิพฺยากรณวณฺณนา

    Nātikiyādibyākaraṇavaṇṇanā

    ๒๗๓-๒๗๕. เอวํ เม สุตนฺติ ชนวสภสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – ปริโต ปริโต ชนปเทสูติ สมนฺตา สมนฺตา ชนปเทสุฯ ปริจารเกติ พุทฺธธมฺมสงฺฆานํ ปริจารเกฯ อุปปตฺตีสูติ ญาณคติปุญฺญานํ อุปปตฺตีสุฯ กาสิโกสเลสูติ กาสีสุ จ โกสเลสุ จ, กาสิรเฎฺฐ จ โกสลรเฎฺฐ จาติ อโตฺถฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ องฺคมคธโยนกกโมฺพชอสฺสกอวนฺติรเฎฺฐสุ ปน ฉสุ น พฺยากโรติฯ อิเมสํ ปน โสฬสนฺนํ มหาชนปทานํ ปุริเมสุ ทสสุเยว พฺยากโรติฯ นาติกิยาติ นาติกคามวาสิโนฯ

    273-275.Evaṃme sutanti janavasabhasuttaṃ. Tatrāyaṃ anuttānapadavaṇṇanā – parito parito janapadesūti samantā samantā janapadesu. Paricāraketi buddhadhammasaṅghānaṃ paricārake. Upapattīsūti ñāṇagatipuññānaṃ upapattīsu. Kāsikosalesūti kāsīsu ca kosalesu ca, kāsiraṭṭhe ca kosalaraṭṭhe cāti attho. Esa nayo sabbattha. Aṅgamagadhayonakakambojaassakaavantiraṭṭhesu pana chasu na byākaroti. Imesaṃ pana soḷasannaṃ mahājanapadānaṃ purimesu dasasuyeva byākaroti. Nātikiyāti nātikagāmavāsino.

    เตนาติ เตน อนาคามิอาทิภาเวนฯ สุตฺวาติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา พฺยากโรนฺตสฺส ภควโต ปญฺหาพฺยากรณํ สุตฺวา เตสํ อนาคามิอาทีสุ นิฎฺฐงฺคตา หุตฺวาฯ เตน อนาคามิอาทิภาเวน อตฺตมนา อเหสุํฯ อฎฺฐกถายํ ปน เตนาติ เต นาติกิยาติ วุตฺตํฯ เอตสฺมิํ อเตฺถ น-กาโร นิปาตมตฺตํ โหติฯ

    Tenāti tena anāgāmiādibhāvena. Sutvāti sabbaññutaññāṇena paricchinditvā byākarontassa bhagavato pañhābyākaraṇaṃ sutvā tesaṃ anāgāmiādīsu niṭṭhaṅgatā hutvā. Tena anāgāmiādibhāvena attamanā ahesuṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana tenāti te nātikiyāti vuttaṃ. Etasmiṃ atthe na-kāro nipātamattaṃ hoti.

    อานนฺทปริกถาวณฺณนา

    Ānandaparikathāvaṇṇanā

    ๒๗๗. ภควนฺตํ กิตฺตยมานรูโปติ อโห พุโทฺธ, อโห ธโมฺม, อโห สโงฺฆ; อโห ธโมฺม สฺวากฺขาโตติ เอวํ กิตฺตยโนฺตว กาลมกาสิฯ พหุชโน ปสีเทยฺยาติ อมฺหากํ ปิตา มาตา ภาตา ภคินี ปุโตฺต ธีตา สหายโก, เตน อเมฺหหิ สทฺธิํ เอกโต ภุตฺตา, เอกโต สยิตา, ตสฺส อิทญฺจิทญฺจ มนาปํ อกริมฺห, โส กิร อนาคามี สกทาคามี โสตาปโนฺน; อโห สาธุ, อโห สุฎฺฐูติ เอวํ พหุชโน ปสาทํ อาปเชฺชยฺยฯ

    277.Bhagavantaṃ kittayamānarūpoti aho buddho, aho dhammo, aho saṅgho; aho dhammo svākkhātoti evaṃ kittayantova kālamakāsi. Bahujano pasīdeyyāti amhākaṃ pitā mātā bhātā bhaginī putto dhītā sahāyako, tena amhehi saddhiṃ ekato bhuttā, ekato sayitā, tassa idañcidañca manāpaṃ akarimha, so kira anāgāmī sakadāgāmī sotāpanno; aho sādhu, aho suṭṭhūti evaṃ bahujano pasādaṃ āpajjeyya.

    ๒๗๘. คตินฺติ ญาณคติํฯ อภิสมฺปรายนฺติ ญาณาภิสมฺปรายเมวฯ อทฺทสา โขติ กิตฺตเก ชเน อทฺทส? จตุวีสติสตสหสฺสานิฯ

    278.Gatinti ñāṇagatiṃ. Abhisamparāyanti ñāṇābhisamparāyameva. Addasā khoti kittake jane addasa? Catuvīsatisatasahassāni.

    ๒๗๙. อุปสนฺตปทิโสฺสติ อุปสนฺตทสฺสโนฯ ภาติริวาติ อติวิย ภาติ, อติวิย วิโรจติฯ อินฺทฺริยานนฺติ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํฯ อทฺทสํ โข อหํ อานนฺทาติ เนว ทส, น วีสติ, น สตํ, น สหสฺสํ, อนูนาธิกานิ จตุวีสติสตสหสฺสานิ อทฺทสนฺติ อาหฯ

    279.Upasantapadissoti upasantadassano. Bhātirivāti ativiya bhāti, ativiya virocati. Indriyānanti manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ. Addasaṃ kho ahaṃ ānandāti neva dasa, na vīsati, na sataṃ, na sahassaṃ, anūnādhikāni catuvīsatisatasahassāni addasanti āha.

    ชนวสภยกฺขวณฺณนา

    Janavasabhayakkhavaṇṇanā

    ๒๘๐. ทิสฺวา ปน เม เอตฺตโก ชโน มํ นิสฺสาย ทุกฺขา ปมุโตฺตติ พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, จิตฺตํ ปสีทิ, จิตฺตสฺส ปสนฺนตฺตา จิตฺตสมุฎฺฐานํ โลหิตํ ปสีทิ, โลหิตสฺส ปสนฺนตฺตา มนจฺฉฎฺฐานิ อินฺทฺริยานิ ปสีทิํสูติ สพฺพมิทํ วตฺวา อถ โข อานนฺทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา โส ภควโต ธมฺมกถํ สุตฺวา ทสสหสฺสาธิกสฺส ชนสตสหสฺสสฺส เชฎฺฐโก หุตฺวา โสตาปโนฺน ชาโต, ตสฺมา ชนวสโภติสฺส นามํ อโหสิฯ

    280. Disvā pana me ettako jano maṃ nissāya dukkhā pamuttoti balavasomanassaṃ uppajji, cittaṃ pasīdi, cittassa pasannattā cittasamuṭṭhānaṃ lohitaṃ pasīdi, lohitassa pasannattā manacchaṭṭhāni indriyāni pasīdiṃsūti sabbamidaṃ vatvā atha kho ānandātiādimāha. Tattha yasmā so bhagavato dhammakathaṃ sutvā dasasahassādhikassa janasatasahassassa jeṭṭhako hutvā sotāpanno jāto, tasmā janavasabhotissa nāmaṃ ahosi.

    อิโต สตฺตาติ อิโต เทวโลกา จวิตฺวา สตฺตฯ ตโต สตฺตาติ ตโต มนุสฺสโลกา จวิตฺวา สตฺตฯ สํสารานิ จตุทฺทสาติ สพฺพาปิ จตุทฺทสขนฺธปฎิปาฎิโยฯ นิวาสมภิชานามีติ ชาติวเสน นิวาสํ ชานามิฯ ยตฺถ เม วุสิตํ ปุเรติ ยตฺถ เทเวสุ จ เวสฺสวณสฺส สหพฺยตํ อุปคเตน มนุเสฺสสุ จ ราชภูเตน อิโต อตฺตภาวโต ปุเรเยว มยา วุสิตํฯ ปุเร เอวํ วุสิตตฺตา เอว จ อิทานิ โสตาปโนฺน หุตฺวา ตีสุ วตฺถูสุ พหุํ ปุญฺญํ กตฺวา ตสฺสานุภาเวน อุปริ นิพฺพตฺติตุํ สมโตฺถปิ ทีฆรตฺตํ วุสิตฎฺฐาเน นิกนฺติยา พลวตาย เอเตฺถว นิพฺพโตฺตฯ

    Ito sattāti ito devalokā cavitvā satta. Tato sattāti tato manussalokā cavitvā satta. Saṃsārāni catuddasāti sabbāpi catuddasakhandhapaṭipāṭiyo. Nivāsamabhijānāmīti jātivasena nivāsaṃ jānāmi. Yattha me vusitaṃ pureti yattha devesu ca vessavaṇassa sahabyataṃ upagatena manussesu ca rājabhūtena ito attabhāvato pureyeva mayā vusitaṃ. Pure evaṃ vusitattā eva ca idāni sotāpanno hutvā tīsu vatthūsu bahuṃ puññaṃ katvā tassānubhāvena upari nibbattituṃ samatthopi dīgharattaṃ vusitaṭṭhāne nikantiyā balavatāya ettheva nibbatto.

    ๒๘๑. อาสา จ ปน เม สนฺติฎฺฐตีติ อิมินาหํ โสตาปโนฺนติ น สุตฺตปฺปมโตฺตว หุตฺวา กาลํ วีตินาเมสิํฯ สกทาคามิมคฺคตฺถาย ปน เม วิปสฺสนา อารทฺธาฯ อเชฺชว อเชฺชว ปฎิวิชฺฌิสฺสามีติ เอวํ สอุสฺสาโห วิหรามีติ ทเสฺสติฯ ยทเคฺคติ ลฎฺฐิวนุยฺยาเน ปฐมทสฺสเน โสตาปนฺนทิวสํ สนฺธาย วทติฯ ตทเคฺค อหํ, ภเนฺต, ทีฆรตฺตํ อวินิปาโต อวินิปาตํ สญฺชานามีติ ตํทิวสํ อาทิํ กตฺวา, อหํ, ภเนฺต, ปุริมํ จตุทฺทสอตฺตภาวสงฺขาตํ ทีฆรตฺตํ อวินิปาโต ลฎฺฐิวนุยฺยาเน โสตาปตฺติมคฺควเสน อธิคตํ อวินิปาตธมฺมตํ สญฺชานามีติ อโตฺถฯ อนจฺฉริยนฺติ อนุอจฺฉริยํฯ จินฺตยมานํ ปุนปฺปุนํ อจฺฉริยเมวิทํ ยํ เกนจิเทว กรณีเยน คจฺฉโนฺต ภควนฺตํ อนฺตรามเคฺค อทฺทสํฯ อิทมฺปิ อจฺฉริยํ ยญฺจ เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส สยํปริสาย ภาสโต ภควโต ทิฎฺฐสทิสเมว สมฺมุขา สุตํฯ เทฺว ปจฺจยาติ อนฺตรามเคฺค ทิฎฺฐภาโว จ เวสฺสวณสฺส สมฺมุขา สุตํ อาโรเจตุกามตา จฯ

    281.Āsā ca pana me santiṭṭhatīti imināhaṃ sotāpannoti na suttappamattova hutvā kālaṃ vītināmesiṃ. Sakadāgāmimaggatthāya pana me vipassanā āraddhā. Ajjeva ajjeva paṭivijjhissāmīti evaṃ saussāho viharāmīti dasseti. Yadaggeti laṭṭhivanuyyāne paṭhamadassane sotāpannadivasaṃ sandhāya vadati. Tadagge ahaṃ, bhante, dīgharattaṃ avinipāto avinipātaṃ sañjānāmīti taṃdivasaṃ ādiṃ katvā, ahaṃ, bhante, purimaṃ catuddasaattabhāvasaṅkhātaṃ dīgharattaṃ avinipāto laṭṭhivanuyyāne sotāpattimaggavasena adhigataṃ avinipātadhammataṃ sañjānāmīti attho. Anacchariyanti anuacchariyaṃ. Cintayamānaṃ punappunaṃ acchariyamevidaṃ yaṃ kenacideva karaṇīyena gacchanto bhagavantaṃ antarāmagge addasaṃ. Idampi acchariyaṃ yañca vessavaṇassa mahārājassa sayaṃparisāya bhāsato bhagavato diṭṭhasadisameva sammukhā sutaṃ. Dve paccayāti antarāmagge diṭṭhabhāvo ca vessavaṇassa sammukhā sutaṃ ārocetukāmatā ca.

    เทวสภาวณฺณนา

    Devasabhāvaṇṇanā

    ๒๘๒. สนฺนิปติตาติ กสฺมา สนฺนิปติตา? เต กิร จตูหิ การเณหิ สนฺนิปตนฺติฯ วสฺสูปนายิกสงฺคหตฺถํ, ปวารณาสงฺคหตฺถํ, ธมฺมสวนตฺถํ, ปาริจฺฉตฺตกกีฬานุภวนตฺถนฺติฯ ตตฺถ เสฺว วสฺสูปนายิกาติ อาสาฬฺหีปุณฺณมาย ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวา สุธมฺมาย เทวสภาย สนฺนิปติตฺวา มเนฺตนฺติ อสุกวิหาเร เอโก ภิกฺขุ วสฺสูปคโต, อสุกวิหาเร เทฺว ตโย จตฺตาโร ปญฺจ ทส วีสติ ติํสํ จตฺตาลีสํ ปญฺญาสํ สตํ สหสฺสํ ภิกฺขู วสฺสูปคตา, เอเตฺถตฺถ ฐาเน อยฺยานํ อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรถาติ เอวํ วสฺสูปนายิกสงฺคโห กโต โหติฯ

    282.Sannipatitāti kasmā sannipatitā? Te kira catūhi kāraṇehi sannipatanti. Vassūpanāyikasaṅgahatthaṃ, pavāraṇāsaṅgahatthaṃ, dhammasavanatthaṃ, pāricchattakakīḷānubhavanatthanti. Tattha sve vassūpanāyikāti āsāḷhīpuṇṇamāya dvīsu devalokesu devā sudhammāya devasabhāya sannipatitvā mantenti asukavihāre eko bhikkhu vassūpagato, asukavihāre dve tayo cattāro pañca dasa vīsati tiṃsaṃ cattālīsaṃ paññāsaṃ sataṃ sahassaṃ bhikkhū vassūpagatā, etthettha ṭhāne ayyānaṃ ārakkhaṃ susaṃvihitaṃ karothāti evaṃ vassūpanāyikasaṅgaho kato hoti.

    ตทาปิ เอเตเนว การเณน สนฺนิปติตาฯ อิทํ เตสํ โหติ อาสนสฺมินฺติ อิทํ เตสํ จตุนฺนํ มหาราชานํ อาสนํ โหติฯ เอวํ เตสุ นิสิเนฺนสุ อถ ปจฺฉา อมฺหากํ อาสนํ โหติฯ

    Tadāpi eteneva kāraṇena sannipatitā. Idaṃ tesaṃ hoti āsanasminti idaṃ tesaṃ catunnaṃ mahārājānaṃ āsanaṃ hoti. Evaṃ tesu nisinnesu atha pacchā amhākaṃ āsanaṃ hoti.

    เยนเตฺถนาติ เยน วสฺสูปนายิกเตฺถนฯ ตํ อตฺถํ จินฺตยิตฺวา ตํ อตฺถํ มนฺตยิตฺวาติ ตํ อรญฺญวาสิโน ภิกฺขุสงฺฆสฺส อารกฺขตฺถํ จินฺตยิตฺวาฯ เอเตฺถตฺถ วุฎฺฐภิกฺขุสงฺฆสฺส อารกฺขํ สํวิทหถาติ จตูหิ มหาราเชหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวาฯ วุตฺตวจนาปิ ตนฺติ เตตฺติํส เทวปุตฺตา วทนฺติ, มหาราชาโน วุตฺตวจนา นามฯ ตถา เตตฺติํส เทวปุตฺตา ปจฺจานุสาสนฺติ, อิตเร ปจฺจานุสิฎฺฐวจนา นามฯ ปททฺวเยปิ ปน ตนฺติ นิปาตมตฺตเมวฯ อวิปกฺกนฺตาติ อคตาฯ

    Yenatthenāti yena vassūpanāyikatthena. Taṃ atthaṃ cintayitvā taṃ atthaṃ mantayitvāti taṃ araññavāsino bhikkhusaṅghassa ārakkhatthaṃ cintayitvā. Etthettha vuṭṭhabhikkhusaṅghassa ārakkhaṃ saṃvidahathāti catūhi mahārājehi saddhiṃ mantetvā. Vuttavacanāpi tanti tettiṃsa devaputtā vadanti, mahārājāno vuttavacanā nāma. Tathā tettiṃsa devaputtā paccānusāsanti, itare paccānusiṭṭhavacanā nāma. Padadvayepi pana tanti nipātamattameva. Avipakkantāti agatā.

    ๒๘๓. อุฬาโรติ วิปุโล มหาฯ เทวานุภาวนฺติ ยา สา สพฺพเทวตานํ วตฺถาลงฺการวิมานสรีรานํ ปภา ทฺวาทส โยชนานิ ผรติฯ มหาปุญฺญานํ ปน สรีรปฺปภา โยชนสตํ ผรติฯ ตํ เทวานุภาวํ อติกฺกมิตฺวาฯ

    283.Uḷāroti vipulo mahā. Devānubhāvanti yā sā sabbadevatānaṃ vatthālaṅkāravimānasarīrānaṃ pabhā dvādasa yojanāni pharati. Mahāpuññānaṃ pana sarīrappabhā yojanasataṃ pharati. Taṃ devānubhāvaṃ atikkamitvā.

    พฺรหฺมุโน เหตํ ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ ยถา สูริยสฺส อุทยโต เอตํ ปุพฺพงฺคมํ เอตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ยทิทํ อรุณุคฺคํ, เอวเมว พฺรหฺมุโนปิ เอตํ – ‘‘ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ ทีเปติฯ

    Brahmunohetaṃ pubbanimittanti yathā sūriyassa udayato etaṃ pubbaṅgamaṃ etaṃ pubbanimittaṃ yadidaṃ aruṇuggaṃ, evameva brahmunopi etaṃ – ‘‘pubbanimitta’’nti dīpeti.

    สนงฺกุมารกถาวณฺณนา

    Sanaṅkumārakathāvaṇṇanā

    ๒๘๔. อนภิสมฺภวนีโยติ อปตฺตโพฺพ, น ตํ เทวา ตาวติํสา ปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ จกฺขุปถสฺมินฺติ จกฺขุปสาเท อาปาเถ วาฯ โส เทวานํ จกฺขุสฺส อาปาเถ สมฺภวนีโย ปตฺตโพฺพ น โหติ, น อภิภวตีติ วุตฺตํ โหติฯ เหฎฺฐา เหฎฺฐา หิ เทวตา อุปรูปริ เทวานํ โอฬาริกํ กตฺวา มาปิตเมว อตฺตภาวํ ปสฺสิตุํ สโกฺกนฺติ, เวทปฎิลาภนฺติ ตุฎฺฐิปฎิลาภํฯ อธุนาภิสิโตฺต รเชฺชนาติ สมฺปติ อภิสิโตฺต รเชฺชนฯ อยํ ปนโตฺถ ทุฎฺฐคามณิอภยวตฺถุนา ทีเปตโพฺพ –

    284.Anabhisambhavanīyoti apattabbo, na taṃ devā tāvatiṃsā passantīti attho. Cakkhupathasminti cakkhupasāde āpāthe vā. So devānaṃ cakkhussa āpāthe sambhavanīyo pattabbo na hoti, na abhibhavatīti vuttaṃ hoti. Heṭṭhā heṭṭhā hi devatā uparūpari devānaṃ oḷārikaṃ katvā māpitameva attabhāvaṃ passituṃ sakkonti, vedapaṭilābhanti tuṭṭhipaṭilābhaṃ. Adhunābhisitto rajjenāti sampati abhisitto rajjena. Ayaṃ panattho duṭṭhagāmaṇiabhayavatthunā dīpetabbo –

    โส กิร ทฺวตฺติํส ทมิฬราชาโน วิชิตฺวา อนุราธปุเร ปตฺตาภิเสโก ตุฎฺฐโสมนเสฺสน มาสํ นิทฺทํ น ลภิ, ตโต – ‘‘นิทฺทํ น ลภามิ, ภเนฺต’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาจิกฺขิฯ เตน หิ, มหาราช, อชฺช อุโปสถํ อธิฎฺฐาหีติฯ โส จ อุโปสถํ อธิฎฺฐาสิฯ สโงฺฆ คนฺตฺวา – ‘‘จิตฺตยมกํ สชฺฌายถา’’ติ อฎฺฐ อาภิธมฺมิกภิกฺขู เปเสสิฯ เต คนฺตฺวา – ‘‘นิปชฺช ตฺวํ, มหาราชา,’’ติ วตฺวา สชฺฌายํ อารภิํสุฯ ราชา สชฺฌายํ สุณโนฺตว นิทฺทํ โอกฺกมิฯ เถรา – ราชานํ มา ปโพธยิตฺถาติ ปกฺกมิํสุฯ ราชา ทุติยทิวเส สูริยุคฺคมเน ปพุชฺฌิตฺวา เถเร อปสฺสโนฺต – ‘‘กุหิํ อยฺยา’’ติ ปุจฺฉิฯ ตุมฺหากํ นิโทฺทกฺกมนภาวํ ญตฺวา คตาติฯ นตฺถิ, โภ, มยฺหํ อยฺยกสฺส ทารกานํ อชานนกเภสชฺชํ นาม, ยาว นิทฺทาเภสชฺชมฺปิ ชานนฺติ เยวาติ อาหฯ

    So kira dvattiṃsa damiḷarājāno vijitvā anurādhapure pattābhiseko tuṭṭhasomanassena māsaṃ niddaṃ na labhi, tato – ‘‘niddaṃ na labhāmi, bhante’’ti bhikkhusaṅghassa ācikkhi. Tena hi, mahārāja, ajja uposathaṃ adhiṭṭhāhīti. So ca uposathaṃ adhiṭṭhāsi. Saṅgho gantvā – ‘‘cittayamakaṃ sajjhāyathā’’ti aṭṭha ābhidhammikabhikkhū pesesi. Te gantvā – ‘‘nipajja tvaṃ, mahārājā,’’ti vatvā sajjhāyaṃ ārabhiṃsu. Rājā sajjhāyaṃ suṇantova niddaṃ okkami. Therā – rājānaṃ mā pabodhayitthāti pakkamiṃsu. Rājā dutiyadivase sūriyuggamane pabujjhitvā there apassanto – ‘‘kuhiṃ ayyā’’ti pucchi. Tumhākaṃ niddokkamanabhāvaṃ ñatvā gatāti. Natthi, bho, mayhaṃ ayyakassa dārakānaṃ ajānanakabhesajjaṃ nāma, yāva niddābhesajjampi jānanti yevāti āha.

    ปญฺจสิโขติ ปญฺจสิขคนฺธพฺพสทิโส หุตฺวาฯ ปญฺจสิขคนฺธพฺพเทวปุตฺตสฺส กิร สพฺพเทวตา อตฺตภาวํ มมายนฺติฯ ตสฺมา พฺรหฺมาปิ ตาทิสํเยว อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา ปาตุรโหสิฯ ปลฺลเงฺกน นิสีทีติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิฯ

    Pañcasikhoti pañcasikhagandhabbasadiso hutvā. Pañcasikhagandhabbadevaputtassa kira sabbadevatā attabhāvaṃ mamāyanti. Tasmā brahmāpi tādisaṃyeva attabhāvaṃ nimminitvā pāturahosi. Pallaṅkena nisīdīti pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdi.

    วิสฺสโฎฺฐติ สุมุโตฺต อปลิพุโทฺธฯ วิเญฺญโยฺยติ อตฺถวิญฺญาปโนฯ มญฺชูติ มธุโร มุทุฯ สวนีโยติ โสตพฺพยุตฺตโก กณฺณสุโขฯ พินฺทูติ เอกคฺฆโนฯ อวิสารีติ สุวิสโท อวิปฺปกิโณฺณฯ คมฺภีโรติ นาภิมูลโต ปฎฺฐาย คมฺภีรสมุฎฺฐิโต, น ชิวฺหาทนฺตโอฎฺฐตาลุมตฺตปฺปหารสมุฎฺฐิโตฯ เอวํ สมุฎฺฐิโต หิ อมธุโร จ โหติ, น จ ทูรํ สาเวติฯ นินฺนาทีติ มหาเมฆมุทิงฺคสโทฺท วิย นินฺนาทยุโตฺตฯ อปิเจตฺถ ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ปทํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อโตฺถเยวาติ เวทิตโพฺพฯ ยถาปริสนฺติ ยตฺตกา ปริสา, ตตฺตกเมว วิญฺญาเปติฯ อโนฺต ปริสายํ เยวสฺส สโทฺท สมฺปริวตฺตติ, น พหิทฺธา วิธาวติฯ เย หิ เกจีติ อาทิ พหุชนหิตาย ปฎิปนฺนภาวทสฺสนตฺถํ วทติฯ สรณํ คตาติ น ยถา วา ตถา วา สรณํ คเต สนฺธาย วทติฯ นิเพฺพมติกคหิตสรเณ ปน สนฺธาย วทติฯ คนฺธพฺพกายํ ปริปูเรนฺตีติ คนฺธพฺพเทวคณํ ปริปูเรนฺติฯ อิติ อมฺหากํ สตฺถุ โลเก อุปฺปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย ฉ เทวโลกาทีสุ ปิฎฺฐํ โกเฎฺฎตฺวา ปูริตนาฬิ วิย สรวนนฬวนํ วิย จ นิรนฺตรํ ชาตปริสาติ อาหฯ

    Vissaṭṭhoti sumutto apalibuddho. Viññeyyoti atthaviññāpano. Mañjūti madhuro mudu. Savanīyoti sotabbayuttako kaṇṇasukho. Bindūti ekagghano. Avisārīti suvisado avippakiṇṇo. Gambhīroti nābhimūlato paṭṭhāya gambhīrasamuṭṭhito, na jivhādantaoṭṭhatālumattappahārasamuṭṭhito. Evaṃ samuṭṭhito hi amadhuro ca hoti, na ca dūraṃ sāveti. Ninnādīti mahāmeghamudiṅgasaddo viya ninnādayutto. Apicettha pacchimaṃ pacchimaṃ padaṃ purimassa purimassa atthoyevāti veditabbo. Yathāparisanti yattakā parisā, tattakameva viññāpeti. Anto parisāyaṃ yevassa saddo samparivattati, na bahiddhā vidhāvati. Ye hi kecīti ādi bahujanahitāya paṭipannabhāvadassanatthaṃ vadati. Saraṇaṃ gatāti na yathā vā tathā vā saraṇaṃ gate sandhāya vadati. Nibbematikagahitasaraṇe pana sandhāya vadati. Gandhabbakāyaṃ paripūrentīti gandhabbadevagaṇaṃ paripūrenti. Iti amhākaṃ satthu loke uppannakālato paṭṭhāya cha devalokādīsu piṭṭhaṃ koṭṭetvā pūritanāḷi viya saravananaḷavanaṃ viya ca nirantaraṃ jātaparisāti āha.

    ภาวิตอิทฺธิปาทวณฺณนา

    Bhāvitaiddhipādavaṇṇanā

    ๒๘๗. ยาวสุปญฺญตฺตา จิเม เตน ภควตาติ เตน มยฺหํ สตฺถารา ภควตา ยาว สุปญฺญตฺตา ยาว สุกถิตาฯ อิทฺธิปาทาติ เอตฺถ อิชฺฌนเฎฺฐน อิทฺธิ, ปติฎฺฐานเฎฺฐน ปาทาติ เวทิตพฺพาฯ อิทฺธิปหุตายาติ อิทฺธิปโหนกตายฯ อิทฺธิวิสวิตายาติ อิทฺธิวิปชฺชนภาวาย, ปุนปฺปุนํ อาเสวนวเสน จิณฺณวสิตายาติ วุตฺตํ โหติฯ อิทฺธิวิกุพฺพนตายาติ อิทฺธิวิกุพฺพนภาวาย, นานปฺปการโต กตฺวา ทสฺสนตฺถายฯ ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตนฺติอาทีสุ ฉนฺทเหตุโก ฉนฺทาธิโก วา สมาธิ ฉนฺทสมาธิ, กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ อธิปติํ กริตฺวา ปฎิลทฺธสมาธิเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขาราฯ จตุกิจฺจสาธกสฺส สมฺมปฺปธานวีริยเสฺสตํ อธิวจนํฯ สมนฺนาคตนฺติ ฉนฺทสมาธินา จ ปธานสงฺขาเรน จ อุเปตํฯ อิทฺธิปาทนฺติ นิปฺผตฺติปริยาเยน อิชฺฌนเฎฺฐน วา, อิชฺฌนฺติ เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิมินา วา ปริยาเยน อิทฺธีติ สงฺขฺยํ คตานํ อภิญฺญาจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารานํ อธิฎฺฐานเฎฺฐน ปาทภูโต เสสจิตฺตเจตสิกราสีติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘อิทฺธิปาโทติ ตถาภูตสฺส เวทนากฺขโนฺธ, สญฺญากฺขโนฺธ, สงฺขารกฺขโนฺธ วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ (วิภ. ๔๓๔)ฯ อิมินา นเยน เสเสสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยเถว หิ ฉนฺทํ อธิปติํ กริตฺวา ปฎิลทฺธสมาธิ ฉนฺทสมาธีติ วุโตฺต, เอวํ วีริยํ, จิตฺตํ, วีมํสํ อธิปติํ กริตฺวา ปฎิลทฺธสมาธิ วีมํสาสมาธีติ วุจฺจติฯ อปิจ อุปจารชฺฌานํ ปาโท, ปฐมชฺฌานํ อิทฺธิฯ สอุปจารํ ปฐมชฺฌานํ ปาโท, ทุติยชฺฌานํ อิทฺธีติ เอวํ ปุพฺพภาเค ปาโท, อปรภาเค อิทฺธีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วิตฺถาเรน อิทฺธิปาทกถา วิสุทฺธิมเคฺควิภงฺคฎฺฐกถาย จ วุตฺตาฯ

    287.Yāvasupaññattā cime tena bhagavatāti tena mayhaṃ satthārā bhagavatā yāva supaññattā yāva sukathitā. Iddhipādāti ettha ijjhanaṭṭhena iddhi, patiṭṭhānaṭṭhena pādāti veditabbā. Iddhipahutāyāti iddhipahonakatāya. Iddhivisavitāyāti iddhivipajjanabhāvāya, punappunaṃ āsevanavasena ciṇṇavasitāyāti vuttaṃ hoti. Iddhivikubbanatāyāti iddhivikubbanabhāvāya, nānappakārato katvā dassanatthāya. Chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgatantiādīsu chandahetuko chandādhiko vā samādhi chandasamādhi, kattukamyatāchandaṃ adhipatiṃ karitvā paṭiladdhasamādhissetaṃ adhivacanaṃ. Padhānabhūtā saṅkhārā padhānasaṅkhārā. Catukiccasādhakassa sammappadhānavīriyassetaṃ adhivacanaṃ. Samannāgatanti chandasamādhinā ca padhānasaṅkhārena ca upetaṃ. Iddhipādanti nipphattipariyāyena ijjhanaṭṭhena vā, ijjhanti etāya sattā iddhā vuddhā ukkaṃsagatā hontīti iminā vā pariyāyena iddhīti saṅkhyaṃ gatānaṃ abhiññācittasampayuttānaṃ chandasamādhipadhānasaṅkhārānaṃ adhiṭṭhānaṭṭhena pādabhūto sesacittacetasikarāsīti attho. Vuttañhetaṃ – ‘‘iddhipādoti tathābhūtassa vedanākkhandho, saññākkhandho, saṅkhārakkhandho viññāṇakkhandho’’ti (vibha. 434). Iminā nayena sesesupi attho veditabbo. Yatheva hi chandaṃ adhipatiṃ karitvā paṭiladdhasamādhi chandasamādhīti vutto, evaṃ vīriyaṃ, cittaṃ, vīmaṃsaṃ adhipatiṃ karitvā paṭiladdhasamādhi vīmaṃsāsamādhīti vuccati. Apica upacārajjhānaṃ pādo, paṭhamajjhānaṃ iddhi. Saupacāraṃ paṭhamajjhānaṃ pādo, dutiyajjhānaṃ iddhīti evaṃ pubbabhāge pādo, aparabhāge iddhīti evamettha attho veditabbo. Vitthārena iddhipādakathā visuddhimagge ca vibhaṅgaṭṭhakathāya ca vuttā.

    เกจิ ปน ‘‘นิปฺผนฺนา อิทฺธิฯ อนิปฺผโนฺน อิทฺธิปาโท’’ติ วทนฺติ, เตสํ วาทมทฺทนตฺถาย อภิธเมฺม อุตฺตรจูฬิกวาโร นาม อาภโต – ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ฉนฺทิทฺธิปาโท, วีริยิทฺธิปาโท, จิตฺติทฺธิปาโท, วีมํสิทฺธิปาโทฯ ตตฺถ กตโม ฉนฺทิทฺธิปาโท? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขาปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํฯ โย ตสฺมิํ สมเย ฉโนฺท ฉนฺทิกตา กตฺตุกมฺยตา กุสโล ธมฺมจฺฉโนฺท, อยํ วุจฺจติ ฉนฺทิทฺธิปาโท, อวเสสา ธมฺมา ฉนฺทิทฺธิปาทสมฺปยุตฺตา’’ติ (วิภ. ๔๕๘)ฯ อิเม ปน โลกุตฺตรวเสเนว อาคตาฯ ตตฺถ รฎฺฐปาลเตฺถโร ฉนฺทํ ธุรํ กตฺวา โลกุตฺตรํ ธมฺมํ นิพฺพเตฺตสิฯ โสณเตฺถโร วีริยํ ธุรํ กตฺวา, สมฺภูตเตฺถโร จิตฺตํ ธุรํ กตฺวา, อายสฺมา โมฆราชา วีมํสํ ธุรํ กตฺวาติฯ

    Keci pana ‘‘nipphannā iddhi. Anipphanno iddhipādo’’ti vadanti, tesaṃ vādamaddanatthāya abhidhamme uttaracūḷikavāro nāma ābhato – ‘‘cattāro iddhipādā chandiddhipādo, vīriyiddhipādo, cittiddhipādo, vīmaṃsiddhipādo. Tattha katamo chandiddhipādo? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhāpaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ. Yo tasmiṃ samaye chando chandikatā kattukamyatā kusalo dhammacchando, ayaṃ vuccati chandiddhipādo, avasesā dhammā chandiddhipādasampayuttā’’ti (vibha. 458). Ime pana lokuttaravaseneva āgatā. Tattha raṭṭhapālatthero chandaṃ dhuraṃ katvā lokuttaraṃ dhammaṃ nibbattesi. Soṇatthero vīriyaṃ dhuraṃ katvā, sambhūtatthero cittaṃ dhuraṃ katvā, āyasmā mogharājā vīmaṃsaṃ dhuraṃ katvāti.

    ตตฺถ ยถา จตูสุ อมจฺจปุเตฺตสุ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา ราชานํ อุปนิสฺสาย วิหรเนฺตสุ เอโก อุปฎฺฐาเน ฉนฺทชาโต รโญฺญ อชฺฌาสยญฺจ รุจิญฺจ ญตฺวา ทิวา จ รโตฺต จ อุปฎฺฐหโนฺต ราชานํ อาราเธตฺวา ฐานนฺตรํ ปาปุณิฯ ยถา โส, เอวํ ฉนฺทธุเรน โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก เวทิตโพฺพฯ

    Tattha yathā catūsu amaccaputtesu ṭhānantaraṃ patthetvā rājānaṃ upanissāya viharantesu eko upaṭṭhāne chandajāto rañño ajjhāsayañca ruciñca ñatvā divā ca ratto ca upaṭṭhahanto rājānaṃ ārādhetvā ṭhānantaraṃ pāpuṇi. Yathā so, evaṃ chandadhurena lokuttaradhammanibbattako veditabbo.

    เอโก ปน – ‘‘ทิวเส ทิวเส อุปฎฺฐาตุํ โก สโกฺกติ, อุปฺปเนฺน กิเจฺจ ปรกฺกเมน อาราเธสฺสามี’’ติ กุปิเต ปจฺจเนฺต รญฺญา ปหิโต ปรกฺกเมน สตฺตุมทฺทนํ กตฺวา ฐานนฺตรํ ปาปุณิฯ ยถา โส, เอวํ วีริยธุเรน โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก เวทิตโพฺพฯ

    Eko pana – ‘‘divase divase upaṭṭhātuṃ ko sakkoti, uppanne kicce parakkamena ārādhessāmī’’ti kupite paccante raññā pahito parakkamena sattumaddanaṃ katvā ṭhānantaraṃ pāpuṇi. Yathā so, evaṃ vīriyadhurena lokuttaradhammanibbattako veditabbo.

    เอโก – ‘‘ทิวเส ทิวเส อุปฎฺฐานมฺปิ อุเรน สตฺติสรปฎิจฺฉนฺนมฺปิ ภาโรเยว, มนฺตพเลน อาราเธสฺสามี’’ติ ขตฺตวิชฺชาย กตปริจยตฺตา มนฺตสํวิธาเนน ราชานํ อาราเธตฺวา ฐานนฺตรํ ปาปุณาติฯ ยถา โส, เอวํ จิตฺตธุเรน โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก เวทิตโพฺพฯ

    Eko – ‘‘divase divase upaṭṭhānampi urena sattisarapaṭicchannampi bhāroyeva, mantabalena ārādhessāmī’’ti khattavijjāya kataparicayattā mantasaṃvidhānena rājānaṃ ārādhetvā ṭhānantaraṃ pāpuṇāti. Yathā so, evaṃ cittadhurena lokuttaradhammanibbattako veditabbo.

    อปโร – ‘‘กิํ อิเมหิ อุปฎฺฐานาทีหิ, ราชาโน นาม ชาติสมฺปนฺนสฺส ฐานนฺตรํ เทนฺติ, ตาทิสสฺส เทโนฺต มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ชาติสมฺปตฺติเมว นิสฺสาย ฐานนฺตรํ ปาปุณิ, ยถา โส, เอวํ สุปริสุทฺธํ วีมํสํ นิสฺสาย วีมํสธุเรน โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก เวทิตโพฺพฯ

    Aparo – ‘‘kiṃ imehi upaṭṭhānādīhi, rājāno nāma jātisampannassa ṭhānantaraṃ denti, tādisassa dento mayhaṃ dassatī’’ti jātisampattimeva nissāya ṭhānantaraṃ pāpuṇi, yathā so, evaṃ suparisuddhaṃ vīmaṃsaṃ nissāya vīmaṃsadhurena lokuttaradhammanibbattako veditabbo.

    อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํฯ อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฎฺฐาสํฯ

    Anekavihitanti anekavidhaṃ. Iddhividhanti iddhikoṭṭhāsaṃ.

    ติวิธโอกาสาธิคมวณฺณนา

    Tividhaokāsādhigamavaṇṇanā

    ๒๘๘. สุขสฺสาธิคมายาติ ฌานสุขสฺส มคฺคสุขสฺส ผลสุขสฺส จ อธิคมายฯ สํสโฎฺฐติ สมฺปยุตฺตจิโตฺตฯ อริยธมฺมนฺติ อริเยน ภควตา พุเทฺธน เทสิตํ ธมฺมํฯ สุณาตีติ สตฺถุ สมฺมุขา ภิกฺขุภิกฺขุนีอาทีหิ วา เทสิยมานํ สุณาติฯ โยนิโส มนสิกโรตีติ อุปายโต ปถโต การณโต ‘อนิจฺจ’นฺติอาทิวเสน มนสิ กโรติฯ ‘‘โยนิโส มนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร ปถมนสิกาโร, อนิเจฺจ อนิจฺจนฺติ ทุเกฺข ทุกฺขนฺติ อนตฺตนิ อนตฺตาติ อสุเภ อสุภนฺติ สจฺจานุโลมิเกน วา จิตฺตสฺส อาวฎฺฎนา อนฺวาวฎฺฎนา อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร, อยํ วุจฺจติ โยนิโสมนสิกาโร’’ติฯ เอวํ วุเตฺต โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ อารภตีติ อโตฺถฯ อสํสโฎฺฐติ วตฺถุกาเมหิปิ กิเลสกาเมหิปิ อสํสโฎฺฐ วิหรติฯ อุปฺปชฺชติ สุขนฺติ อุปฺปชฺชติ ปฐมชฺฌานสุขํฯ สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสนฺติ สมาปตฺติโต วุฎฺฐิตสฺส ฌานสุขปจฺจยา อปราปรํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ ปมุทาติ ตุฎฺฐาการโต ทุพฺพลปีติฯ ปาโมชฺชนฺติ พลวตรํ ปีติโสมนสฺสํฯ ปฐโม โอกาสาธิคโมติ ปฐมชฺฌานํ ปญฺจนีวรณานิ วิกฺขเมฺภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺมา ‘‘ปฐโม โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺตํฯ

    288.Sukhassādhigamāyāti jhānasukhassa maggasukhassa phalasukhassa ca adhigamāya. Saṃsaṭṭhoti sampayuttacitto. Ariyadhammanti ariyena bhagavatā buddhena desitaṃ dhammaṃ. Suṇātīti satthu sammukhā bhikkhubhikkhunīādīhi vā desiyamānaṃ suṇāti. Yoniso manasikarotīti upāyato pathato kāraṇato ‘anicca’ntiādivasena manasi karoti. ‘‘Yoniso manasikāro nāma upāyamanasikāro pathamanasikāro, anicce aniccanti dukkhe dukkhanti anattani anattāti asubhe asubhanti saccānulomikena vā cittassa āvaṭṭanā anvāvaṭṭanā ābhogo samannāhāro manasikāro, ayaṃ vuccati yonisomanasikāro’’ti. Evaṃ vutte yonisomanasikāre kammaṃ ārabhatīti attho. Asaṃsaṭṭhoti vatthukāmehipi kilesakāmehipi asaṃsaṭṭho viharati. Uppajjati sukhanti uppajjati paṭhamajjhānasukhaṃ. Sukhā bhiyyo somanassanti samāpattito vuṭṭhitassa jhānasukhapaccayā aparāparaṃ somanassaṃ uppajjati. Pamudāti tuṭṭhākārato dubbalapīti. Pāmojjanti balavataraṃ pītisomanassaṃ. Paṭhamo okāsādhigamoti paṭhamajjhānaṃ pañcanīvaraṇāni vikkhambhetvā attano okāsaṃ gahetvā tiṭṭhati, tasmā ‘‘paṭhamo okāsādhigamo’’ti vuttaṃ.

    โอฬาริกาติ เอตฺถ กายวจีสงฺขารา ตาว โอฬาริกา โหนฺตุ, จิตฺตสงฺขารา กถํ โอฬาริกาติ? อปฺปหีนตฺตาฯ กายสงฺขารา หิ จตุตฺถชฺฌาเนน ปหียนฺติ, วจีสงฺขารา ทุติยชฺฌาเนน, จิตฺตสงฺขารา นิโรธสมาปตฺติยาฯ อิติ กายวจีสงฺขาเรสุ ปหีเนสุปิ เต ติฎฺฐนฺติเยวาติ ปหีเน อุปาทาย อปฺปหีนตฺตา โอฬาริกา นาม ชาตาฯ สุขนฺติ นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติสุขํฯ สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสติ ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐิตสฺส อปราปรํ โสมนสฺสํฯ ทุติโย โอกาสาธิคโมติ จตุตฺถชฺฌานํ สุขํ ทุกฺขํ วิกฺขเมฺภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺมา ‘‘ทุติโย โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺตํฯ ทุติยตติยชฺฌานานิ ปเนตฺถ จตุเตฺถ คหิเต คหิตาเนว โหนฺตีติ วิสุํ น วุตฺตานีติฯ

    Oḷārikāti ettha kāyavacīsaṅkhārā tāva oḷārikā hontu, cittasaṅkhārā kathaṃ oḷārikāti? Appahīnattā. Kāyasaṅkhārā hi catutthajjhānena pahīyanti, vacīsaṅkhārā dutiyajjhānena, cittasaṅkhārā nirodhasamāpattiyā. Iti kāyavacīsaṅkhāresu pahīnesupi te tiṭṭhantiyevāti pahīne upādāya appahīnattā oḷārikā nāma jātā. Sukhanti nirodhā vuṭṭhahantassa uppannaṃ catutthajjhānikaphalasamāpattisukhaṃ. Sukhā bhiyyo somanassati phalasamāpattito vuṭṭhitassa aparāparaṃ somanassaṃ. Dutiyo okāsādhigamoti catutthajjhānaṃ sukhaṃ dukkhaṃ vikkhambhetvā attano okāsaṃ gahetvā tiṭṭhati, tasmā ‘‘dutiyo okāsādhigamo’’ti vuttaṃ. Dutiyatatiyajjhānāni panettha catutthe gahite gahitāneva hontīti visuṃ na vuttānīti.

    อิทํ กุสลนฺติอาทีสุ กุสลํ นาม ทสกุสลกมฺมปถาฯ อกุสลนฺติ ทสอกุสลกมฺมปถาฯ สาวชฺชทุกาทโยปิ เอเตสํ วเสเนว เวทิตพฺพาฯ สพฺพเญฺจว ปเนตํ กณฺหญฺจ สุกฺกญฺจ สปฺปฎิภาคญฺจาติ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคํฯ นิพฺพานเมว เหตํ อปฺปฎิภาคํฯ อวิชฺชา ปหียตีติ วฎฺฎปฎิจฺฉาทิกา อวิชฺชา ปหียติฯ วิชฺชา อุปฺปชฺชตีติ อรหตฺตมคฺควิชฺชา อุปฺปชฺชติฯ สุขนฺติ อรหตฺตมคฺคสุขเญฺจว ผลสุขญฺจฯ สุขา ภิโยฺย โสมนสฺสนฺติ ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐิตสฺส อปราปรํ โสมนสฺสํฯ ตติโย โอกาสาธิคโมติ อรหตฺตมโคฺค สพฺพกิเลเส วิกฺขเมฺภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺมา ‘‘ตติโย โอกาสาธิคโม’’ติ วุโตฺตฯ เสสมคฺคา ปน ตสฺมิํ คหิเต อโนฺตคธา เอวาติ วิสุํ น วุตฺตาฯ

    Idaṃ kusalantiādīsu kusalaṃ nāma dasakusalakammapathā. Akusalanti dasaakusalakammapathā. Sāvajjadukādayopi etesaṃ vaseneva veditabbā. Sabbañceva panetaṃ kaṇhañca sukkañca sappaṭibhāgañcāti kaṇhasukkasappaṭibhāgaṃ. Nibbānameva hetaṃ appaṭibhāgaṃ. Avijjā pahīyatīti vaṭṭapaṭicchādikā avijjā pahīyati. Vijjā uppajjatīti arahattamaggavijjā uppajjati. Sukhanti arahattamaggasukhañceva phalasukhañca. Sukhā bhiyyo somanassanti phalasamāpattito vuṭṭhitassa aparāparaṃ somanassaṃ. Tatiyo okāsādhigamoti arahattamaggo sabbakilese vikkhambhetvā attano okāsaṃ gahetvā tiṭṭhati, tasmā ‘‘tatiyo okāsādhigamo’’ti vutto. Sesamaggā pana tasmiṃ gahite antogadhā evāti visuṃ na vuttā.

    อิเม ปน ตโย โอกาสาธิคมา อฎฺฐติํสารมฺมณวเสน วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพาฯ กถํ? สพฺพานิ อารมฺมณานิ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนเยเนว อุปจารวเสน จ อปฺปนาวเสน จ ววตฺถเปตฺวา จตุวีสติยา ฐาเนสุ ปฐมชฺฌานํ ‘‘ปฐโม โอกาสาธิคโม’’ติ กเถตพฺพํฯ เตรสสุ ฐาเนสุ ทุติยตติยชฺฌานานิ, ปนฺนรสสุ ฐาเนสุ จตุตฺถชฺฌานญฺจ นิโรธสมาปตฺติํ ปาเปตฺวา ‘‘ทุติโย โอกาสาธิคโม’’ติ กเถตพฺพํฯ ทส อุปจารชฺฌานานิ ปน มคฺคสฺส ปทฎฺฐานภูตานิ ตติยํ โอกาสาธิคมํ ภชนฺติฯ อปิจ ตีสุ สิกฺขาสุ อธิสีลสิกฺขา ปฐมํ โอกาสาธิคมํ ภชติ, อธิจิตฺตสิกฺขา ทุติยํ, อธิปญฺญาสิกฺขา ตติยนฺติ เอวํ สิกฺขาวเสนปิ กเถตพฺพํฯ สามญฺญผเลปิ จูฬสีลโต ยาว ปฐมชฺฌานา ปฐโม โอกาสาธิคโม , ทุติยชฺฌานโต ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนา ทุติโย , วิปสฺสนาโต ยาว อรหตฺตา ตติโย โอกาสาธิคโมติ เอวํ สามญฺญผลสุตฺตนฺตวเสนปิ กเถตพฺพํฯ ตีสุ ปน ปิฎเกสุ วินยปิฎกํ ปฐมํ โอกาสาธิคมํ ภชติ, สุตฺตนฺตปิฎกํ ทุติยํ, อภิธมฺมปิฎกํ ตติยนฺติ เอวํ ปิฎกวเสนปิ กเถตพฺพํฯ

    Ime pana tayo okāsādhigamā aṭṭhatiṃsārammaṇavasena vitthāretvā kathetabbā. Kathaṃ? Sabbāni ārammaṇāni visuddhimagge vuttanayeneva upacāravasena ca appanāvasena ca vavatthapetvā catuvīsatiyā ṭhānesu paṭhamajjhānaṃ ‘‘paṭhamo okāsādhigamo’’ti kathetabbaṃ. Terasasu ṭhānesu dutiyatatiyajjhānāni, pannarasasu ṭhānesu catutthajjhānañca nirodhasamāpattiṃ pāpetvā ‘‘dutiyo okāsādhigamo’’ti kathetabbaṃ. Dasa upacārajjhānāni pana maggassa padaṭṭhānabhūtāni tatiyaṃ okāsādhigamaṃ bhajanti. Apica tīsu sikkhāsu adhisīlasikkhā paṭhamaṃ okāsādhigamaṃ bhajati, adhicittasikkhā dutiyaṃ, adhipaññāsikkhā tatiyanti evaṃ sikkhāvasenapi kathetabbaṃ. Sāmaññaphalepi cūḷasīlato yāva paṭhamajjhānā paṭhamo okāsādhigamo , dutiyajjhānato yāva nevasaññānāsaññāyatanā dutiyo , vipassanāto yāva arahattā tatiyo okāsādhigamoti evaṃ sāmaññaphalasuttantavasenapi kathetabbaṃ. Tīsu pana piṭakesu vinayapiṭakaṃ paṭhamaṃ okāsādhigamaṃ bhajati, suttantapiṭakaṃ dutiyaṃ, abhidhammapiṭakaṃ tatiyanti evaṃ piṭakavasenapi kathetabbaṃ.

    ปุเพฺพ กิร มหาเถรา วสฺสูปนายิกาย อิมเมว สุตฺตํ ปฎฺฐเปนฺติฯ กิํ การณา? ตีณิ ปิฎกานิ วิภชิตฺวา กเถตุํ ลภิสฺสามาติฯ เตปิฎเกน หิ สโมธาเนตฺวา กเถนฺตสฺส ทุกฺกถิตนฺติ น สกฺกา วตฺตุํฯ เตปิฎกํ ภชาเปตฺวา กถิตเมว อิทํ สุตฺตํ สุกถิตํ โหตีติฯ

    Pubbe kira mahātherā vassūpanāyikāya imameva suttaṃ paṭṭhapenti. Kiṃ kāraṇā? Tīṇi piṭakāni vibhajitvā kathetuṃ labhissāmāti. Tepiṭakena hi samodhānetvā kathentassa dukkathitanti na sakkā vattuṃ. Tepiṭakaṃ bhajāpetvā kathitameva idaṃ suttaṃ sukathitaṃ hotīti.

    จตุสติปฎฺฐานวณฺณนา

    Catusatipaṭṭhānavaṇṇanā

    ๒๘๙. กุสลสฺสาธิคมายาติ มคฺคกุสลสฺส เจว ผลกุสลสฺส จ อธิคมตฺถายฯ อุภยมฺปิ เหตํ อนวชฺชเฎฺฐน เขมเฎฺฐน วา กุสลเมวฯ ตตฺถ สมฺมาสมาธิยตีติ ตสฺมิํ อชฺฌตฺตกาเย สมาหิโต เอกคฺคจิโตฺต โหติฯ พหิทฺธา ปรกาเย ญาณทสฺสนํ อภินิพฺพเตฺตตีติ อตฺตโน กายโต ปรสฺส กายาภิมุขํ ญาณํ เปเสติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ สพฺพเตฺถว จ สติมาติ ปเทน กายาทิปริคฺคาหิกา สติ, โลโกติ ปเทน ปริคฺคหิตกายาทโยว โลโกฯ จตฺตาโร เจเต สติปฎฺฐานา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    289.Kusalassādhigamāyāti maggakusalassa ceva phalakusalassa ca adhigamatthāya. Ubhayampi hetaṃ anavajjaṭṭhena khemaṭṭhena vā kusalameva. Tattha sammāsamādhiyatīti tasmiṃ ajjhattakāye samāhito ekaggacitto hoti. Bahiddhā parakāye ñāṇadassanaṃ abhinibbattetīti attano kāyato parassa kāyābhimukhaṃ ñāṇaṃ peseti. Esa nayo sabbattha. Sabbattheva ca satimāti padena kāyādipariggāhikā sati, lokoti padena pariggahitakāyādayova loko. Cattāro cete satipaṭṭhānā lokiyalokuttaramissakā kathitāti veditabbā.

    สตฺตสมาธิปริกฺขารวณฺณนา

    Sattasamādhiparikkhāravaṇṇanā

    ๒๙๐. สมาธิปริกฺขาราติ เอตฺถ ตโย ปริกฺขาราฯ ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร ฌานโกฺข จกฺกวีริโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔) หิ เอตฺถ อลงฺกาโร ปริกฺขาโร นามฯ ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗) เอตฺถ ปริวาโร ปริกฺขาโร นามฯ ‘‘คิลานปจฺจยชีวิตปริกฺขาโร’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ สมฺภาโร ปริกฺขาโร นามฯ อิธ ปน ปริวารปริกฺขารวเสน ‘‘สตฺต สมาธิปริกฺขารา’’ติ วุตฺตํฯ ปริกฺขตาติ ปริวาริตาฯ อยํ วุจฺจติ โส อริโย สมฺมาสมาธีติ อยํ สตฺตหิ รตเนหิ ปริวุโต จกฺกวตฺตี วิย สตฺตหิ อเงฺคหิ ปริวุโต ‘‘อริโย สมฺมาสมาธี’’ติ วุจฺจติฯ สอุปนิโส อิติปีติ สอุปนิสฺสโย อิติปิ วุจฺจติ, สปริวาโร เยวาติ วุตฺตํ โหติฯ สมฺมาทิฎฺฐิสฺสาติ สมฺมาทิฎฺฐิยํ ฐิตสฺสฯ สมฺมาสงฺกโปฺป ปโหตีติ สมฺมาสงฺกโปฺป ปวตฺตติฯ เอส นโย สพฺพปเทสุฯ อยํ ปนโตฺถ มคฺควเสนาปิ ผลวเสนาปิ เวทิตโพฺพฯ กถํ? มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยํ ฐิตสฺส มคฺคสมฺมาสงฺกโปฺป ปโหติ…เป.… มคฺคญาเณ ฐิตสฺส มคฺควิมุตฺติ ปโหติฯ ตถา ผลสมฺมาทิฎฺฐิยํ ฐิตสฺส ผลสมฺมาสงฺกโปฺป ปโหติ…เป.… ผลสมฺมาญาเณ ฐิตสฺส ผลวิมุตฺติ ปโหตีติฯ

    290.Samādhiparikkhārāti ettha tayo parikkhārā. ‘‘Ratho sīlaparikkhāro jhānakkho cakkavīriyo’’ti (saṃ. ni. 5.4) hi ettha alaṅkāro parikkhāro nāma. ‘‘Sattahi nagaraparikkhārehi suparikkhataṃ hotī’’ti (a. ni. 7.67) ettha parivāro parikkhāro nāma. ‘‘Gilānapaccayajīvitaparikkhāro’’ti (dī. ni. 3.182) ettha sambhāro parikkhāro nāma. Idha pana parivāraparikkhāravasena ‘‘satta samādhiparikkhārā’’ti vuttaṃ. Parikkhatāti parivāritā. Ayaṃ vuccati so ariyo sammāsamādhīti ayaṃ sattahi ratanehi parivuto cakkavattī viya sattahi aṅgehi parivuto ‘‘ariyo sammāsamādhī’’ti vuccati. Saupaniso itipīti saupanissayo itipi vuccati, saparivāro yevāti vuttaṃ hoti. Sammādiṭṭhissāti sammādiṭṭhiyaṃ ṭhitassa. Sammāsaṅkappo pahotīti sammāsaṅkappo pavattati. Esa nayo sabbapadesu. Ayaṃ panattho maggavasenāpi phalavasenāpi veditabbo. Kathaṃ? Maggasammādiṭṭhiyaṃ ṭhitassa maggasammāsaṅkappo pahoti…pe… maggañāṇe ṭhitassa maggavimutti pahoti. Tathā phalasammādiṭṭhiyaṃ ṭhitassa phalasammāsaṅkappo pahoti…pe… phalasammāñāṇe ṭhitassa phalavimutti pahotīti.

    สฺวากฺขาโตติอาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค วณฺณิตานิฯ อปารุตาติ วิวฎาฯ อมตสฺสาติ นิพฺพานสฺสฯ ทฺวาราติ ปเวสนมคฺคาฯ อเวจฺจปฺปสาเทนาติ อจลปฺปสาเทนฯ ธมฺมวินีตาติ สมฺมานิยฺยาเนน นิยฺยาตาฯ

    Svākkhātotiādīni visuddhimagge vaṇṇitāni. Apārutāti vivaṭā. Amatassāti nibbānassa. Dvārāti pavesanamaggā. Aveccappasādenāti acalappasādena. Dhammavinītāti sammāniyyānena niyyātā.

    อตฺถายํ อิตรา ปชาติ อนาคามิโน สนฺธายาห, อนาคามิโน จ อตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ ปุญฺญภาคาติ ปุญฺญโกฎฺฐาเสน นิพฺพตฺตาฯ โอตฺตปฺปนฺติ โอตฺตปฺปมาโนฯ เตน กทาจิ นาม มุสา อสฺสาติ มุสาวาทภเยน สงฺขาตุํ น สโกฺกมิ, น ปน มม สงฺขาตุํ พลํ นตฺถีติ ทีเปติฯ

    Atthāyaṃ itarā pajāti anāgāmino sandhāyāha, anāgāmino ca atthīti vuttaṃ hoti. Puññabhāgāti puññakoṭṭhāsena nibbattā. Ottappanti ottappamāno. Tena kadāci nāma musā assāti musāvādabhayena saṅkhātuṃ na sakkomi, na pana mama saṅkhātuṃ balaṃ natthīti dīpeti.

    ๒๙๑. ตํ กิํ มญฺญติ ภวนฺติ อิมินา เกวลํ เวสฺสวณํ ปุจฺฉติ, น ปนสฺส เอวรูโป สตฺถา นาโหสีติ วา น ภวิสฺสตีติ วา ลทฺธิ อตฺถิฯ สพฺพพุทฺธานญฺหิ อภิสมเย วิเสโส นตฺถิฯ

    291.Taṃ kiṃ maññati bhavanti iminā kevalaṃ vessavaṇaṃ pucchati, na panassa evarūpo satthā nāhosīti vā na bhavissatīti vā laddhi atthi. Sabbabuddhānañhi abhisamaye viseso natthi.

    ๒๙๒. สยํปริสายนฺติ อตฺตโน ปริสายํฯ ตยิทํ พฺรหฺมจริยนฺติ ตํ อิทํ สกลํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ อิมานิ ปน ปทานิ ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ฐปิตานีติฯ

    292.Sayaṃparisāyanti attano parisāyaṃ. Tayidaṃ brahmacariyanti taṃ idaṃ sakalaṃ sikkhattayabrahmacariyaṃ. Sesaṃ uttānameva. Imāni pana padāni dhammasaṅgāhakattherehi ṭhapitānīti.

    อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ

    Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ

    ชนวสภสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Janavasabhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๕. ชนวสภสุตฺตํ • 5. Janavasabhasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๕. ชนวสภสุตฺตวณฺณนา • 5. Janavasabhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact