Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๕. ชนวสภสุตฺตวณฺณนา
5. Janavasabhasuttavaṇṇanā
นาติกิยาทิพฺยากรณวณฺณนา
Nātikiyādibyākaraṇavaṇṇanā
๒๗๓-๒๗๕. ‘‘ปริโต’’ติ ปทํ ยถา สมนฺตตฺถวาจโก, เอวํ สมีปตฺถวาจโกปิ โหตีติ สมนฺตา สามนฺตาติ อโตฺถ วุโตฺตฯ อาเมฑิเตน ปน สมนฺตโตฺถ โชติโตฯ ยสฺส ปน สามนฺตา ชนปเทสุ ‘‘นาติเก วิหรตี’’ติ วุตฺตตฺตา นาติกสฺสาติ วิญฺญาโต ยมโตฺถฯ ยสฺส ปริโต ชนปเทสุ พฺยากโรติ, ตตฺถ ปริจารการกานํ พฺยากรณํ อวุตฺตสิทฺธํ, นิทสฺสนวเสน วา ตสฺส วกฺขมานตฺตา ‘‘ปริโต ปริโต ชนปเทสุ’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ ปริจารเกติ อุปาสเกฯ เตนาห ‘‘พุทฺธธมฺมสงฺฆานํ ปริจารเก’’ติฯ อุปปตฺตีสูติ นิพฺพตฺตีสุฯ ญาณคติปุญฺญานํ อุปปตฺตีสูติ เอตฺถ ญาณคตูปปตฺติ นาม ตสฺส ตสฺส มคฺคญาณคมนสฺส นิพฺพตฺติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ ปริกฺขยา’’ติอาทิฯ ปุญฺญูปปตฺติ นาม ตํตํเทวนิกายูปปตฺติฯ สพฺพตฺถาติ ‘‘วชฺชิมเลฺลสู’’ติอาทิเก สพฺพตฺถ จตูสุปิ ปเทสุฯ ปุริเมสูติ ปาฬิยํ วุเตฺต สนฺธายาหฯ ทสสุเยวาติ เตสุ เอว ทสสุ ชนปเทสุฯ ปริจารเก พฺยากโรติ พฺยกาตพฺพานํ พหูนํ ตตฺถ ลพฺภนโตฯ นาติเก ภวา นาติกิยาฯ
273-275.‘‘Parito’’ti padaṃ yathā samantatthavācako, evaṃ samīpatthavācakopi hotīti samantā sāmantāti attho vutto. Āmeḍitena pana samantattho jotito. Yassa pana sāmantā janapadesu ‘‘nātike viharatī’’ti vuttattā nātikassāti viññāto yamattho. Yassa parito janapadesu byākaroti, tattha paricārakārakānaṃ byākaraṇaṃ avuttasiddhaṃ, nidassanavasena vā tassa vakkhamānattā ‘‘parito parito janapadesu’’ icceva vuttaṃ. Paricāraketi upāsake. Tenāha ‘‘buddhadhammasaṅghānaṃ paricārake’’ti. Upapattīsūti nibbattīsu. Ñāṇagatipuññānaṃ upapattīsūti ettha ñāṇagatūpapatti nāma tassa tassa maggañāṇagamanassa nibbatti. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ parikkhayā’’tiādi. Puññūpapatti nāma taṃtaṃdevanikāyūpapatti. Sabbatthāti ‘‘vajjimallesū’’tiādike sabbattha catūsupi padesu. Purimesūti pāḷiyaṃ vutte sandhāyāha. Dasasuyevāti tesu eva dasasu janapadesu. Paricārake byākaroti byakātabbānaṃ bahūnaṃ tattha labbhanato. Nātike bhavā nātikiyā.
นิฎฺฐงฺคตาติ นิฎฺฐํ นิจฺฉยํ อุปคตาฯ
Niṭṭhaṅgatāti niṭṭhaṃ nicchayaṃ upagatā.
อานนฺทปริกถาวณฺณนา
Ānandaparikathāvaṇṇanā
๒๗๖. ยสฺมา สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติ นาม ธมฺมสุธมฺมตาย, ธมฺมสุธมฺมตา จ พุทฺธสุพุทฺธตาย, ตสฺมา ‘‘อโห ธโมฺม, อโห สโงฺฆ’’ติ ธมฺมสงฺฆคุณกิตฺตนาปิ อตฺถโต พุทฺธคุณกิตฺตนา เอว โหตีติ ‘‘ภควนฺตํ กิตฺตยมานรูปา’’ติ ปทสฺส ‘‘อโห ธโมฺม’’ติอาทินาปิ อโตฺถ วุโตฺตฯ
276. Yasmā saṅghasuppaṭipatti nāma dhammasudhammatāya, dhammasudhammatā ca buddhasubuddhatāya, tasmā ‘‘aho dhammo, aho saṅgho’’ti dhammasaṅghaguṇakittanāpi atthato buddhaguṇakittanā eva hotīti ‘‘bhagavantaṃ kittayamānarūpā’’ti padassa ‘‘aho dhammo’’tiādināpi attho vutto.
๒๗๘. ญาณคตีติ ‘‘ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา’’ติอาทินา อาคตํ ปหาตพฺพปหานวเสน ปวตฺตํ มคฺคญาณคมนํฯ ยสฺมา ตสฺสา เอว ญาณคติยา วเสน ตสฺส ตสฺส อริยปุคฺคลสฺส โอปปาติกตาทิวิเสโส, ตสฺมา ตํ ตาทิสํ ตสฺส อภิสมฺปรายํ สนฺธายาห ‘‘ญาณาภิสมฺปรายเมวา’’ติฯ
278.Ñāṇagatīti ‘‘pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā’’tiādinā āgataṃ pahātabbapahānavasena pavattaṃ maggañāṇagamanaṃ. Yasmā tassā eva ñāṇagatiyā vasena tassa tassa ariyapuggalassa opapātikatādiviseso, tasmā taṃ tādisaṃ tassa abhisamparāyaṃ sandhāyāha ‘‘ñāṇābhisamparāyamevā’’ti.
๒๗๙. อุปสนฺตํ ปติ สมฺมติ อาโลกียตีติ อุปสนฺตปติโสฯ อุปสนฺตทสฺสโน อุปสนฺตอุสฺสโนฺนฯ ภาติริวาติ เอตฺถ ร-กาโร ปทสนฺธิกโร, อิว-สโทฺท ภุสโตฺถติ อาห ‘‘อติวิย ภาตี’’ติฯ
279. Upasantaṃ pati sammati ālokīyatīti upasantapatiso. Upasantadassano upasantaussanno. Bhātirivāti ettha ra-kāro padasandhikaro, iva-saddo bhusatthoti āha ‘‘ativiya bhātī’’ti.
ชนวสภยกฺขวณฺณนา
Janavasabhayakkhavaṇṇanā
๒๘๐. เชฎฺฐกภาเวน ชเน วสภสทิโสติ ชนวสโภติ อสฺส เทวปุตฺตสฺส นามํ อโหสิฯ
280. Jeṭṭhakabhāvena jane vasabhasadisoti janavasabhoti assa devaputtassa nāmaṃ ahosi.
อิโต เทวโลกา จวิตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ มนุสฺสโลเก ราชภูตสฺสฯ มนุสฺสโลกา จวิตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ เทวภูตสฺสฯ เอเตฺถวาติ เอตสฺมิํเยว จาตุมหาราชิกภเว, เอตฺถาปิ เวสฺสวณสฺส สหพฺยตาวเสนฯ
Ito devalokā cavitvā sattakkhattuṃ manussaloke rājabhūtassa. Manussalokā cavitvā sattakkhattuṃ devabhūtassa. Etthevāti etasmiṃyeva cātumahārājikabhave, etthāpi vessavaṇassa sahabyatāvasena.
๒๘๑. อาสิสนํ อาสา, ปตฺถนาฯ อาสาสีเสน เจตฺถ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทํ วทติฯ เตเนวาห ‘‘สกทาคามิมคฺคตฺถายา’’ติอาทิฯ ยทเคฺคติ เอตฺถ อคฺค-สโทฺท อาทิปริยาโยติ อาห ‘‘ตํ ทิวสํ อาทิํ กตฺวา’’ติฯ ‘‘ปุริมํ…เป.… อวินิปาโต’’ติ อิทํ ยถา ตตฺตกํ กาลํ สุคติโต สุคตูปปตฺติเยว อโหสิ, ตถา กตูปจิตกุสลกมฺมตฺตาฯ ผุสฺสสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาลโต ปภุติ หิ สมฺภตวิวฎฺฎูปนิสฺสยกุสลสมฺภาโร เอส เทวปุโตฺตฯ อนจฺฉริยนฺติ อนุ อนุ อจฺฉริยํฯ เตนาห ‘‘ปุนปฺปุนํ อจฺฉริยเมวา’’ติฯ สยํปริสายาติ สกาย ปริสายฯ ภควโต ทิฎฺฐสทิสเมวาติ อาวชฺชนสมนนฺตรํ ยถา เต ภควโต จตุวีสติสตสหสฺสมตฺตา สตฺตา ญาณคติโต ทิฎฺฐา, เอวํ ตุเมฺหหิ ทิฎฺฐสทิสเมวฯ เวสฺสวณสฺส สมฺมุขา สุตํ มยาติ วทติฯ
281. Āsisanaṃ āsā, patthanā. Āsāsīsena cettha kattukamyatākusalacchandaṃ vadati. Tenevāha ‘‘sakadāgāmimaggatthāyā’’tiādi. Yadaggeti ettha agga-saddo ādipariyāyoti āha ‘‘taṃ divasaṃ ādiṃ katvā’’ti. ‘‘Purimaṃ…pe… avinipāto’’ti idaṃ yathā tattakaṃ kālaṃ sugatito sugatūpapattiyeva ahosi, tathā katūpacitakusalakammattā. Phussassa sammāsambuddhassa kālato pabhuti hi sambhatavivaṭṭūpanissayakusalasambhāro esa devaputto. Anacchariyanti anu anu acchariyaṃ. Tenāha ‘‘punappunaṃ acchariyamevā’’ti. Sayaṃparisāyāti sakāya parisāya. Bhagavato diṭṭhasadisamevāti āvajjanasamanantaraṃ yathā te bhagavato catuvīsatisatasahassamattā sattā ñāṇagatito diṭṭhā, evaṃ tumhehi diṭṭhasadisameva. Vessavaṇassa sammukhā sutaṃ mayāti vadati.
เทวสภาวณฺณนา
Devasabhāvaṇṇanā
๒๘๒. วสฺสูปนายิกสงฺคหตฺถนฺติ วสฺสูปนายิกาย อารกฺขาสํวิธานวเสน ภิกฺขูนํ สงฺคหณตฺถํ ‘‘วสฺสูปคตา ภิกฺขู เอวํ สุเขน สมณธมฺมํ กโรนฺตี’’ติ, ปวารณสงฺคโห ปนสฺส ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺตานํ ภิกฺขูนํ อนฺตรามเคฺค ปริสฺสยปริหรณตฺถํฯ ธมฺมสฺสวนตฺถํ ทูรฎฺฐานํ คจฺฉเนฺตสุปิ เอเสว นโยฯ อตฺตนาปิ อาคนฺตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถํ สนฺนิปติเยวฯ เอเตฺถตฺถาติ เอตฺถ เอตฺถ อยฺยานํ วสนฎฺฐาเนฯ
282.Vassūpanāyikasaṅgahatthanti vassūpanāyikāya ārakkhāsaṃvidhānavasena bhikkhūnaṃ saṅgahaṇatthaṃ ‘‘vassūpagatā bhikkhū evaṃ sukhena samaṇadhammaṃ karontī’’ti, pavāraṇasaṅgaho panassa pavāretvā satthu santikaṃ gacchantānaṃ bhikkhūnaṃ antarāmagge parissayapariharaṇatthaṃ. Dhammassavanatthaṃ dūraṭṭhānaṃ gacchantesupi eseva nayo. Attanāpi āgantvā dhammassavanatthaṃ sannipatiyeva. Etthetthāti ettha ettha ayyānaṃ vasanaṭṭhāne.
ตทาปีติ ‘‘ปุริมานิ ภเนฺต ทิวสานี’’ติ วุตฺตกาเลปิฯ เอเตเนว การเณนาติ วสฺสูปนายิกนิมิตฺตเมวฯ เตนาห ปาฬิยํ ‘‘ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วสฺสูปนายิกายา’’ติอาทิฯ อาสเนปิ นิสชฺชาย สุธมฺมาย เทวสภาย ปฐมํ เทเวสุ ตาวติํเสสุ นิสิเนฺนสุ ตสฺสา จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาโร มหาราชาโน นิสีทนฺติ, อิทํ เนสํ อาสเน นิสชฺชาย จาริตฺตํ โหติฯ
Tadāpīti ‘‘purimāni bhante divasānī’’ti vuttakālepi. Eteneva kāraṇenāti vassūpanāyikanimittameva. Tenāha pāḷiyaṃ ‘‘tadahuposathe pannarase vassūpanāyikāyā’’tiādi. Āsanepi nisajjāya sudhammāya devasabhāya paṭhamaṃ devesu tāvatiṃsesu nisinnesu tassā catūsu dvāresu cattāro mahārājāno nisīdanti, idaṃ nesaṃ āsane nisajjāya cārittaṃ hoti.
เยนเตฺถนาติ เยน กิเจฺจน เยน ปโยชเนนฯ อารกฺขตฺถนฺติ อารกฺขภูตมตฺถํฯ วุตฺตํ วจนํ เอเตสนฺติ วุตฺตวจนา, มหาราชาโนฯ
Yenatthenāti yena kiccena yena payojanena. Ārakkhatthanti ārakkhabhūtamatthaṃ. Vuttaṃ vacanaṃ etesanti vuttavacanā, mahārājāno.
๒๘๓. อติกฺกมิตฺวาติ อภิภวิตฺวาฯ
283.Atikkamitvāti abhibhavitvā.
สนงฺกุมารกถาวณฺณนา
Sanaṅkumārakathāvaṇṇanā
๒๘๔. อภิสมฺภวิตุํ อธิคนฺตุํ อสกฺกุเณโยฺย อนภิสมฺภวนีโยฯ เตนาห ‘‘อปฺปตฺตโพฺพ’’ติอาทิฯ จกฺขุเยว ปโถ รูปทสฺสนสฺส มโคฺค อุปาโยติ จกฺขุปโถ, ตสฺมิํ จกฺขุปถสฺมินฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาเท’’ติ, จกฺขุสฺส โคจรโยโคฺค วา จกฺขุปโถติ อาห ‘‘อาปาเถ วา’’ติฯ นาภิภวตีติ น อภิภวติ, โคจรภาวํ น คจฺฉตีติ อโตฺถฯ เหฎฺฐา เหฎฺฐาติ ตาวติํสโต ปฎฺฐาย เหฎฺฐา เหฎฺฐา, น จาตุมหาราชิกโต ปฎฺฐาย, นาปิ พฺรหฺมปาริสชฺชโต ปฎฺฐายฯ ‘‘จาตุมหาราชิกา หิ ตาวติํสานํ ยถา ชาติรูปานิ ปสฺสิตุํ สโกฺกนฺติ, ตถา พฺรหฺมาโน เหฎฺฐิมา อุปริมาน’’นฺติ เกจิ, ตํ น ยุตฺตํฯ น หิ เหฎฺฐิมา พฺรหฺมาโน อุปริมานํ มูลปฎิสนฺธิรูปํ ปสฺสิตุํ สโกฺกนฺติ, มาปิตเมว ปสฺสิตุํ สโกฺกนฺตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
284. Abhisambhavituṃ adhigantuṃ asakkuṇeyyo anabhisambhavanīyo. Tenāha ‘‘appattabbo’’tiādi. Cakkhuyeva patho rūpadassanassa maggo upāyoti cakkhupatho, tasmiṃ cakkhupathasminti āha ‘‘cakkhupasāde’’ti, cakkhussa gocarayoggo vā cakkhupathoti āha ‘‘āpāthe vā’’ti. Nābhibhavatīti na abhibhavati, gocarabhāvaṃ na gacchatīti attho. Heṭṭhā heṭṭhāti tāvatiṃsato paṭṭhāya heṭṭhā heṭṭhā, na cātumahārājikato paṭṭhāya, nāpi brahmapārisajjato paṭṭhāya. ‘‘Cātumahārājikā hi tāvatiṃsānaṃ yathā jātirūpāni passituṃ sakkonti, tathā brahmāno heṭṭhimā uparimāna’’nti keci, taṃ na yuttaṃ. Na hi heṭṭhimā brahmāno uparimānaṃ mūlapaṭisandhirūpaṃ passituṃ sakkonti, māpitameva passituṃ sakkontīti daṭṭhabbaṃ.
สุณโนฺตว นิทฺทํ โอกฺกมีติ คติโย อุปธาเรโนฺต พหิ วิสฎวิตกฺกวิเจฺฉเทน สโงฺกจํ อาปนฺนจิตฺตตายฯ มยฺหํ อยฺยกสฺสาติ ภควนฺตํ สนฺธาย วทติฯ
Suṇantovaniddaṃ okkamīti gatiyo upadhārento bahi visaṭavitakkavicchedena saṅkocaṃ āpannacittatāya. Mayhaṃ ayyakassāti bhagavantaṃ sandhāya vadati.
ปญฺจ สิขา เอตสฺสาติ ปญฺจสิโข, ปญฺจสิโข วิย ปญฺจสิโขติ อาห ‘‘ปญฺจสิขคนฺธพฺพสทิโส’’ติฯ มมายนฺตีติ ปิยายนฺติฯ
Pañca sikhā etassāti pañcasikho, pañcasikho viya pañcasikhoti āha ‘‘pañcasikhagandhabbasadiso’’ti. Mamāyantīti piyāyanti.
๒๘๕. สุมุโตฺตติ สรโทเสหิ สุฎฺฐุ มุโตฺตฯ เยหิ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ ปลิพุทฺธตฺตา สโร อวิสฺสโฎฺฐ สิยา, ตทภาวโต วิสฺสโฎฺฐติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อปลิพุโทฺธ’’ติฯ วิญฺญาเปตีติ วิเญฺญโยฺย, อโนฺตคธเหตุอโตฺถ กตฺตุสาธโน เอส วิเญฺญยฺยสโทฺทติ อาห ‘‘อตฺถวิญฺญาปโน’’ติฯ สรสฺส มธุรตา นาม มทฺทวนฺติ อาห ‘‘มธุโร มุทู’’ติฯ สวนํ อรหตีติ สวนีโยฯ สวนารหตาย จ อาปาถสุขตายาติ อาห ‘‘กณฺณสุโข’’ติฯ พินฺทูติ ปิณฺฑิโตฯ อาโกฎิตภินฺนกํสสโทฺท วิย อเนกาวยโว อหุตฺวา นิรวยโว, เอกภาโวติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เอกคฺฆโน’’ติ, เอเตเนวสฺส อวิสาริตา สํวณฺณิตา ทฎฺฐพฺพาฯ คมฺภีรุปฺปตฺติฎฺฐานตาย จสฺส คมฺภีรตาติ อาห ‘‘นาภิมูลโต’’ติอาทิฯ เอวํ สมุฎฺฐิโตติ ชีวฺหาทิปฺปหารมตฺตสมุฎฺฐิโตฯ อมธุโร จ โหติ อุปฺปตฺติฎฺฐานานํ ปริลหุภาวโตฯ น จ ทูรํ สาเวติ วีรภาวาภาวโตฯ นินฺนาที สุวิปุลภาวโต สวิเสสํ นินฺนาโท, ปาสํสนินฺนาโท วาฯ เตนาห ‘‘มหาเมฆ…เป.… ยุโตฺต’’ติฯ
285.Sumuttoti saradosehi suṭṭhu mutto. Yehi pittasemhādīhi palibuddhattā saro avissaṭṭho siyā, tadabhāvato vissaṭṭhoti dassento āha ‘‘apalibuddho’’ti. Viññāpetīti viññeyyo, antogadhahetuattho kattusādhano esa viññeyyasaddoti āha ‘‘atthaviññāpano’’ti. Sarassa madhuratā nāma maddavanti āha ‘‘madhuro mudū’’ti. Savanaṃ arahatīti savanīyo. Savanārahatāya ca āpāthasukhatāyāti āha ‘‘kaṇṇasukho’’ti. Bindūti piṇḍito. Ākoṭitabhinnakaṃsasaddo viya anekāvayavo ahutvā niravayavo, ekabhāvoti attho. Tenāha ‘‘ekagghano’’ti, etenevassa avisāritā saṃvaṇṇitā daṭṭhabbā. Gambhīruppattiṭṭhānatāya cassa gambhīratāti āha ‘‘nābhimūlato’’tiādi. Evaṃ samuṭṭhitoti jīvhādippahāramattasamuṭṭhito. Amadhuro ca hoti uppattiṭṭhānānaṃ parilahubhāvato. Na ca dūraṃ sāveti vīrabhāvābhāvato. Ninnādī suvipulabhāvato savisesaṃ ninnādo, pāsaṃsaninnādo vā. Tenāha ‘‘mahāmegha…pe… yutto’’ti.
ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมนฺติ ทุติยํ, จตุตฺถํ, ฉฎฺฐํ, อฎฺฐมญฺจ ปทํฯ ปุริมสฺส ปุริมสฺสาติ ยถากฺกมํ ปฐมสฺส, ตติยสฺส, ปญฺจมสฺส, สตฺตมสฺส จฯ อโตฺถเยวาติ อตฺถนิเทฺทโส เอวฯ วิสฺสฎฺฐตา หิสฺส วิเญฺญยฺยตาย เวทิตพฺพา, มญฺชุภาโว สวนียตาย, พินฺทุภาโว อวิสาริตาย, คมฺภีรภาโว นินฺนาทิตายาติฯ ยถาปริสนฺติ เอตฺถ ยถา-สโทฺท ปริมาณวาจี, น ปการาทิวาจีติ อาห ‘‘ยตฺตกา ปริสา’’ติ, เตน ปริสปฺปมาณํ เอวสฺส สโร นิจฺฉรติ, อยมสฺส ธมฺมตาติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ตตฺตกเมวา’’ติอาทิฯ
Pacchimaṃ pacchimanti dutiyaṃ, catutthaṃ, chaṭṭhaṃ, aṭṭhamañca padaṃ. Purimassa purimassāti yathākkamaṃ paṭhamassa, tatiyassa, pañcamassa, sattamassa ca. Atthoyevāti atthaniddeso eva. Vissaṭṭhatā hissa viññeyyatāya veditabbā, mañjubhāvo savanīyatāya, bindubhāvo avisāritāya, gambhīrabhāvo ninnāditāyāti. Yathāparisanti ettha yathā-saddo parimāṇavācī, na pakārādivācīti āha ‘‘yattakāparisā’’ti, tena parisappamāṇaṃ evassa saro niccharati, ayamassa dhammatāti dasseti. Tenāha ‘‘tattakamevā’’tiādi.
‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิ ‘‘ยาวญฺจ โส ภควา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส เหตุกิตฺตนวเสน สมตฺถนํ สรเณสุ เนสํ นิจฺจเสวเนน, สีเลสุ จ ปติฎฺฐาปเนน ฉกามสคฺคสมฺปตฺติอนุปฺปาทนโตฯ เตนาห ‘‘เย หิ เกจิ…เป.… วทตี’’ติฯ นิเพฺพมติกคหิตสรเณติ มเคฺคนาคตสรณคมเนฯ เต หิ สพฺพโส สมุคฺฆาติตวิจิกิจฺฉตาย รตนตฺตเย อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตาเยว, โปถุชฺชนิกสทฺธาย วเสน พุทฺธาทีนํ คุเณ โอคาเหตฺวา ชานนฺติ, อปรเนยฺยพุทฺธิโน เต ปริยายโต นิเพฺพมติกคหิตสรณา เวทิตพฺพาฯ คนฺธพฺพเทวคณนฺติ คนฺธพฺพเทวสมูหํฯ ตุกา วุจฺจติ ขีริณี ยา ตุกาติปิ วุจฺจติฯ ตสฺสา จุณฺณํ ตุกาปิฎฺฐํฯ ตํ โกเฎฺฎตฺวา ปกฺขิตฺตํ ฆนํ นิรนฺตรจิตํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ
‘‘Ye hi kecī’’tiādi ‘‘yāvañca so bhagavā’’tiādinā vuttassa atthassa hetukittanavasena samatthanaṃ saraṇesu nesaṃ niccasevanena, sīlesu ca patiṭṭhāpanena chakāmasaggasampattianuppādanato. Tenāha ‘‘ye hi keci…pe… vadatī’’ti. Nibbematikagahitasaraṇeti maggenāgatasaraṇagamane. Te hi sabbaso samugghātitavicikicchatāya ratanattaye aveccappasādena samannāgatāyeva, pothujjanikasaddhāya vasena buddhādīnaṃ guṇe ogāhetvā jānanti, aparaneyyabuddhino te pariyāyato nibbematikagahitasaraṇā veditabbā. Gandhabbadevagaṇanti gandhabbadevasamūhaṃ. Tukā vuccati khīriṇī yā tukātipi vuccati. Tassā cuṇṇaṃ tukāpiṭṭhaṃ. Taṃ koṭṭetvā pakkhittaṃ ghanaṃ nirantaracitaṃ hutvā tiṭṭhati.
ภาวิตอิทฺธิปาทวณฺณนา
Bhāvitaiddhipādavaṇṇanā
๒๘๗. สุปญฺญตฺตาติ สุฎฺฐุ ปกาเรหิ ญาปิตา โพธิตา, อสงฺกรโต วา ฐปิตา, ตํ ปน โพธนํ, อสงฺกรโต ฐปนญฺจ อตฺถโต เทสนา เอวาติ อาห ‘‘สุกถิตา’’ติฯ อิชฺฌนเฎฺฐนาติ สมิชฺฌนเฎฺฐน, นิปฺปชฺชนสฺส การณภาเวนาติ อโตฺถฯ ปติฎฺฐานเฎฺฐนาติ อธิฎฺฐานเฎฺฐนฯ อิทฺธิยา ปาโทติ อิทฺธิปาโท, อิทฺธิยา อธิคมุปาโยติ อโตฺถฯ เตน หิ ยสฺมา อุปรูปริ วิเสสสงฺขาตํ อิทฺธิํ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปาโท’’ติ วุจฺจติฯ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฎฺฐาโสติ อโตฺถฯ เอวํ ตาว ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติ เอตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิทฺธิปโหนกตายาติ อิทฺธิยา นิปฺผาทเน สมตฺถภาวายฯ อิทฺธิวิสวิตายาติ อิทฺธิยา นิปฺผาทเน โยคฺยภาวายฯ อเนกตฺถตฺตา หิ ธาตูนํ โยคฺยโตฺถ วิ-ปุโพฺพ สุ-สโทฺท, วิสวนํ วา ปชฺชนํ วิสวิตา, ตตฺถ กามการิตา วิสวิตาฯ เตนาห ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติอาทิฯ อิทฺธิวิกุพฺพนตายาติ วิกุพฺพนิทฺธิยา วิวิธรูปกรณายฯ เตนาห ‘‘นานปฺปการโต กตฺวา ทสฺสนตฺถายา’’ติฯ
287.Supaññattāti suṭṭhu pakārehi ñāpitā bodhitā, asaṅkarato vā ṭhapitā, taṃ pana bodhanaṃ, asaṅkarato ṭhapanañca atthato desanā evāti āha ‘‘sukathitā’’ti. Ijjhanaṭṭhenāti samijjhanaṭṭhena, nippajjanassa kāraṇabhāvenāti attho. Patiṭṭhānaṭṭhenāti adhiṭṭhānaṭṭhena. Iddhiyā pādoti iddhipādo, iddhiyā adhigamupāyoti attho. Tena hi yasmā uparūpari visesasaṅkhātaṃ iddhiṃ pajjanti pāpuṇanti, tasmā ‘‘pādo’’ti vuccati. Ijjhatīti iddhi, samijjhati nippajjatīti attho. Iddhi eva pādo iddhipādo, iddhikoṭṭhāsoti attho. Evaṃ tāva ‘‘cattāro iddhipādā’’ti ettha attho veditabbo. Iddhipahonakatāyāti iddhiyā nipphādane samatthabhāvāya. Iddhivisavitāyāti iddhiyā nipphādane yogyabhāvāya. Anekatthattā hi dhātūnaṃ yogyattho vi-pubbo su-saddo, visavanaṃ vā pajjanaṃ visavitā, tattha kāmakāritā visavitā. Tenāha ‘‘punappuna’’ntiādi. Iddhivikubbanatāyāti vikubbaniddhiyā vividharūpakaraṇāya. Tenāha ‘‘nānappakārato katvā dassanatthāyā’’ti.
‘‘ฉนฺทญฺจ ภิกฺขุ อธิปติํ กริตฺวา ลภติ สมาธิํ, ลภติ จิตฺตเสฺสกคฺคตํ, อยํ วุจฺจติ ฉนฺทสมาธี’’ติ (วิภ. ๔๓๒) อิมาย ปาฬิยา ฉนฺทาธิปติ สมาธิ ฉนฺทสมาธีติ อธิปติสทฺทโลปํ กตฺวา สมาโส วุโตฺตติ วิญฺญายติ, อธิปติสทฺทตฺถทสฺสนวเสน ปน ‘‘ฉนฺทเหตุโก, ฉนฺทาธิโก วา สมาธิ ฉนฺทสสมาธี’’ติ อฎฺฐกถายํวุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ปธานภูตาติ วีริยภูตา’’ติ เกจิ วทนฺติฯ สงฺขตสงฺขาราทินิวตฺตนตฺถญฺหิ ปธานคฺคหณนฺติฯ อถ วา ตํ ตํ วิเสสํ สงฺขโรตีติ สงฺขาโร, สพฺพมฺปิ วีริยํฯ ตตฺถ จตุกิจฺจสาธกโต อญฺญสฺส นิวตฺตนตฺถํ ปธานคฺคหณนฺติ ปธานภูตา เสฎฺฐภูตาติ อโตฺถฯ จตุพฺพิธสฺส ปน วีริยสฺส อธิเปฺปตตฺตา พหุวจนนิเทฺทโส กโตฯ วิสุํ สมาสโยชนวเสน โย ปุเพฺพ อิทฺธิปาทโตฺถ ปาทสฺส อุปายตฺถตํ, โกฎฺฐาสตฺถตญฺจ คเหตฺวา ยถาโยควเสน อิธ วุโตฺต, โส วกฺขมานานํ ปฎิลาภปุพฺพภาคานํ กตฺตุกรณิทฺธิภาวํ, อุตฺตรจูฬภาชนีเย วา วุเตฺตหิ ฉนฺทาทีหิ อิทฺธิปาเทหิ สาเธตพฺพาย อิทฺธิยา กตฺติทฺธิภาวํ, ฉนฺทาทีนญฺจ กรณิทฺธิภาวํ สนฺธาย วุโตฺตติ เวทิตโพฺพ, ตสฺมา ‘‘อิชฺฌนเฎฺฐน อิทฺธี’’ติ เอตฺถ กตฺตุอโตฺถ, กรณโตฺถ จ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุโตฺตติ กตฺตุอตฺถํ ตาว ทเสฺสตุํ ‘‘นิปฺผตฺติปริยาเยน อิชฺฌนเฎฺฐน วา’’ติ วตฺวา อิตรํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิชฺฌนฺติ เอตายา’’ติอาทิมาหฯ วุตฺตนฺติ กตฺถ วุตฺตํ? อิทฺธิปาทวิภงฺคปาเฐฯ (วิภ. ๔๓๔) ตถาภูตสฺสาติ เตนากาเรน ภูตสฺส, เต ฉนฺทาทิธเมฺม ปฎิลภิตฺวา ฐิตสฺสาติ อโตฺถฯ ‘‘เวทนากฺขโนฺธ’’ติอาทีหิ ฉนฺทาทโย อโนฺตกตฺวา จตฺตาโรปิ ขนฺธา กถิตาฯ เสเสสูติ เสสิทฺธิปาเทสุฯ
‘‘Chandañca bhikkhu adhipatiṃ karitvā labhati samādhiṃ, labhati cittassekaggataṃ, ayaṃ vuccati chandasamādhī’’ti (vibha. 432) imāya pāḷiyā chandādhipati samādhi chandasamādhīti adhipatisaddalopaṃ katvā samāso vuttoti viññāyati, adhipatisaddatthadassanavasena pana ‘‘chandahetuko, chandādhiko vā samādhi chandasasamādhī’’ti aṭṭhakathāyaṃvuttanti veditabbaṃ. ‘‘Padhānabhūtāti vīriyabhūtā’’ti keci vadanti. Saṅkhatasaṅkhārādinivattanatthañhi padhānaggahaṇanti. Atha vā taṃ taṃ visesaṃ saṅkharotīti saṅkhāro, sabbampi vīriyaṃ. Tattha catukiccasādhakato aññassa nivattanatthaṃ padhānaggahaṇanti padhānabhūtā seṭṭhabhūtāti attho. Catubbidhassa pana vīriyassa adhippetattā bahuvacananiddeso kato. Visuṃ samāsayojanavasena yo pubbe iddhipādattho pādassa upāyatthataṃ, koṭṭhāsatthatañca gahetvā yathāyogavasena idha vutto, so vakkhamānānaṃ paṭilābhapubbabhāgānaṃ kattukaraṇiddhibhāvaṃ, uttaracūḷabhājanīye vā vuttehi chandādīhi iddhipādehi sādhetabbāya iddhiyā kattiddhibhāvaṃ, chandādīnañca karaṇiddhibhāvaṃ sandhāya vuttoti veditabbo, tasmā ‘‘ijjhanaṭṭhena iddhī’’ti ettha kattuattho, karaṇattho ca ekajjhaṃ gahetvā vuttoti kattuatthaṃ tāva dassetuṃ ‘‘nipphattipariyāyena ijjhanaṭṭhena vā’’ti vatvā itaraṃ dassento ‘‘ijjhantietāyā’’tiādimāha. Vuttanti kattha vuttaṃ? Iddhipādavibhaṅgapāṭhe. (Vibha. 434) tathābhūtassāti tenākārena bhūtassa, te chandādidhamme paṭilabhitvā ṭhitassāti attho. ‘‘Vedanākkhandho’’tiādīhi chandādayo antokatvā cattāropi khandhā kathitā. Sesesūti sesiddhipādesu.
วีริยิทฺธิปาทนิเทฺทเส ‘‘วีริยสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคต’’นฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ วีริยํ อาคตํฯ ตตฺถ ปุริมํ สมาธิวิเสสนํ ‘‘วีริยาธิปติ สมาธิ วีริยสมาธี’’ติ, ทุติยํ สมนฺนาคมงฺคทสฺสนํฯ เทฺวเยว หิ สพฺพตฺถ สมนฺนาคมงฺคานิ, สมาธิ, ปธานสงฺขาโร จฯ ฉนฺทาทโย หิ สมาธิวิเสสนานิ, ปธานสงฺขาโร ปน ปธานวจเนเนว วิเสสิโต, น ฉนฺทาทีหีติ น อิธ วีริยาธิปติตา ปธานสงฺขารสฺส วุตฺตา โหติฯ วีริยญฺจ สมาธิํ วิเสเสตฺวา ฐิตเมว, สมนฺนาคมงฺควเสน ปน ปธานสงฺขารวจเนน วุตฺตนฺติ นาปิ ทฺวีหิ วีริเยหิ สมนฺนาคโม วุโตฺต โหติฯ ยสฺมา ปน ฉนฺทาทีหิ วิสิโฎฺฐ สมาธิ, ตถาวิสิเฎฺฐเนว จ เตน สมฺปยุโตฺต ปธานสงฺขาโร, เสสธมฺมา จ, ตสฺมา สมาธิวิเสสนานํ วเสน จตฺตาโร อิทฺธิปาทา วุตฺตา, วิเสสนภาโว จ ฉนฺทาทีนํ ตํตํอวสฺสยทสฺสนวเสน โหตีติ ‘‘ฉนฺทสมาธิ…เป.… อิทฺธิปาท’’นฺติ เอตฺถ นิสฺสยเตฺถปิ ปาท-สเทฺท อุปายเตฺถน ฉนฺทาทีนํ อิทฺธิปาทตา วุตฺตา โหติฯ เตเนว หิ อภิธเมฺม อุตฺตรจูฬภาชนีเย (วิภ. ๔๕๖) ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ฉนฺทิทฺธิปาโท’’ติอาทินา ฉนฺทาทีนเมว อิทฺธิปาทตา วุตฺตาฯ ปญฺหปุจฺฉเก (วิภ. ๔๕๗ อาทโย) ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา อิธ ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธี’’ติอาทินา จ อุเทฺทสํ กตฺวาปิ ปุน ฉนฺทาทีนํเยว กุสลาทิภาโว วิภโตฺตฯ อุปายิทฺธิปาททสฺสนตฺถเมว หิ นิสฺสยิทฺธิปาททสฺสนํ กตํ, อญฺญถา จตุพฺพิธตา น สิยาติฯ อยเมตฺถ ปาฬิวเสน อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ อิทานิ ปฎิลาภปุพฺพภาคานํ วเสน อิทฺธิปาเท วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ อิธ อิทฺธิปาทกถา สเงฺขเปเนว วุตฺตาติ อาห ‘‘วิตฺถาเรน ปน…เป.… วุตฺตา’’ติฯ
Vīriyiddhipādaniddese ‘‘vīriyasamādhipadhānasaṅkhārasamannāgata’’nti dvikkhattuṃ vīriyaṃ āgataṃ. Tattha purimaṃ samādhivisesanaṃ ‘‘vīriyādhipati samādhi vīriyasamādhī’’ti, dutiyaṃ samannāgamaṅgadassanaṃ. Dveyeva hi sabbattha samannāgamaṅgāni, samādhi, padhānasaṅkhāro ca. Chandādayo hi samādhivisesanāni, padhānasaṅkhāro pana padhānavacaneneva visesito, na chandādīhīti na idha vīriyādhipatitā padhānasaṅkhārassa vuttā hoti. Vīriyañca samādhiṃ visesetvā ṭhitameva, samannāgamaṅgavasena pana padhānasaṅkhāravacanena vuttanti nāpi dvīhi vīriyehi samannāgamo vutto hoti. Yasmā pana chandādīhi visiṭṭho samādhi, tathāvisiṭṭheneva ca tena sampayutto padhānasaṅkhāro, sesadhammā ca, tasmā samādhivisesanānaṃ vasena cattāro iddhipādā vuttā, visesanabhāvo ca chandādīnaṃ taṃtaṃavassayadassanavasena hotīti ‘‘chandasamādhi…pe… iddhipāda’’nti ettha nissayatthepi pāda-sadde upāyatthena chandādīnaṃ iddhipādatā vuttā hoti. Teneva hi abhidhamme uttaracūḷabhājanīye (vibha. 456) ‘‘cattāro iddhipādā chandiddhipādo’’tiādinā chandādīnameva iddhipādatā vuttā. Pañhapucchake (vibha. 457 ādayo) ‘‘cattāro iddhipādā idha bhikkhu chandasamādhī’’tiādinā ca uddesaṃ katvāpi puna chandādīnaṃyeva kusalādibhāvo vibhatto. Upāyiddhipādadassanatthameva hi nissayiddhipādadassanaṃ kataṃ, aññathā catubbidhatā na siyāti. Ayamettha pāḷivasena atthavinicchayo veditabbo. Idāni paṭilābhapubbabhāgānaṃ vasena iddhipāde vibhajitvā dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ, taṃ suviññeyyameva. Idha iddhipādakathā saṅkhepeneva vuttāti āha ‘‘vitthārena pana…pe… vuttā’’ti.
เกจีติ อภยคิริวาสิโนฯ เตสุ หิ เอกเจฺจ ‘‘อิทฺธิ นาม อนิปฺผนฺนา’’ติ วทนฺติ, เอกเจฺจ ‘‘อิทฺธิปาโท ปน อนิปฺผโนฺน’’ติ วทนฺติ, อนิปฺผโนฺนติ จ ปรมตฺถโต อสิโทฺธ, นตฺถีติ อโตฺถฯ อาภโตติ อภิธมฺมปาฐโต (วิภ. ๔๕๘) ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๘๗) อานีโต ปุริมนยโต อเญฺญนากาเรน เทสนาย ปวตฺตตฺตาฯ ฉโนฺท เอว อิทฺธิปาโท ฉนฺทิทฺธิปาโทฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ อิเม ปนาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต อาคตา อิทฺธิปาทา ฯ รฎฺฐปาลเตฺถโร (ม. นิ. ๒.๒๙๓; อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๑๐; อป. อฎฺฐ. ๒.รฎฺฐปาลเตฺถรอปทานวณฺณนาย วิตฺถาโร) ‘‘ฉเนฺท สติ กถํ นานุชานิสฺสนฺตี’’ติ สตฺตาหํ ภตฺตานิ อภุญฺชิตฺวา มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฉนฺทเมว อวสฺสาย โลกุตฺตรํ ธมฺมํ นิพฺพเตฺตสีติ อาห ‘‘รฎฺฐปาลเตฺถโร…เป.… นิพฺพเตฺตสี’’ติฯ โสณเตฺถโร (มหาว. ๒๔๓; อ. นิ. ๖.๕๕; เถรคา. อฎฺฐ. เตรสนิปาต; อป. อฎฺฐ. ๒.โสณโกฎิวีสเตฺถรอปทานวณฺณนาย วิตฺถาโร) ภาวนมนุยุโตฺต อารทฺธวีริโย ปรมสุขุมาโล ปาเทสุ โผเฎสุ ชาเตสุปิ วีริยํ นปฺปฎิปสฺสเมฺภสีติ อาห ‘‘โสณเตฺถโร วีริยํ ธุรํ กตฺวา’’ติฯ สมฺภูตเตฺถโร (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.สมฺมูตเตฺถรคาถาวณฺณนาย วิตฺถาโร) ‘‘จิตฺตวโต กิํ นาม น สิชฺฌตี’’ติ จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ภาวนํ อาราเธสีติ อาห ‘‘สมฺภูตเตฺถโร จิตฺตํ ธุรํ กตฺวา’’ติฯ โมฆเตฺถโร วีมํสํ อวสฺสยิ, ตสฺมา ตสฺส ภควา ‘‘สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสู’’ติ (สุ. นิ. ๑๑๒๕; พุ. วํ. ๕๔.๓๕๓; มหา. นิ. ๑๘๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉา ๑๔๔; โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทเส ๘๘; เนตฺติ. ๕; เปฎโก. ๒๒, ๓๑) สุญฺญตากถํ กเถสิ, ปญฺญานิสฺสิตมานนิคฺคหตฺถํ, ปญฺญาย ปริคฺคหตฺถญฺจ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิโต สมาโน ปญฺหํ กเถสิฯ เตนาห ‘‘อายสฺมา โมฆราชา วีมํสํ ธุรํ กตฺวา’’ติฯ
Kecīti abhayagirivāsino. Tesu hi ekacce ‘‘iddhi nāma anipphannā’’ti vadanti, ekacce ‘‘iddhipādo pana anipphanno’’ti vadanti, anipphannoti ca paramatthato asiddho, natthīti attho. Ābhatoti abhidhammapāṭhato (vibha. 458) dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.287) ānīto purimanayato aññenākārena desanāya pavattattā. Chando eva iddhipādo chandiddhipādo. Eseva nayo sesesupi. Ime panāti imasmiṃ sutte āgatā iddhipādā . Raṭṭhapālatthero (ma. ni. 2.293; a. ni. aṭṭha. 1.1.210; apa. aṭṭha. 2.raṭṭhapālattheraapadānavaṇṇanāya vitthāro) ‘‘chande sati kathaṃ nānujānissantī’’ti sattāhaṃ bhattāni abhuñjitvā mātāpitaro anujānāpetvā pabbajitvā chandameva avassāya lokuttaraṃ dhammaṃ nibbattesīti āha ‘‘raṭṭhapālatthero…pe… nibbattesī’’ti. Soṇatthero (mahāva. 243; a. ni. 6.55; theragā. aṭṭha. terasanipāta; apa. aṭṭha. 2.soṇakoṭivīsattheraapadānavaṇṇanāya vitthāro) bhāvanamanuyutto āraddhavīriyo paramasukhumālo pādesu phoṭesu jātesupi vīriyaṃ nappaṭipassambhesīti āha ‘‘soṇatthero vīriyaṃ dhuraṃ katvā’’ti. Sambhūtatthero (theragā. aṭṭha. 2.sammūtattheragāthāvaṇṇanāya vitthāro) ‘‘cittavato kiṃ nāma na sijjhatī’’ti cittaṃ pubbaṅgamaṃ katvā bhāvanaṃ ārādhesīti āha ‘‘sambhūtatthero cittaṃ dhuraṃ katvā’’ti. Moghatthero vīmaṃsaṃ avassayi, tasmā tassa bhagavā ‘‘suññato lokaṃ avekkhassū’’ti (su. ni. 1125; bu. vaṃ. 54.353; mahā. ni. 186; cūḷani. mogharājamāṇavapucchā 144; mogharājamāṇavapucchāniddese 88; netti. 5; peṭako. 22, 31) suññatākathaṃ kathesi, paññānissitamānaniggahatthaṃ, paññāya pariggahatthañca dvikkhattuṃ pucchito samāno pañhaṃ kathesi. Tenāha ‘‘āyasmā mogharājā vīmaṃsaṃ dhuraṃ katvā’’ti.
ปุนปฺปุนํ ฉนฺทุปฺปาทนํ เปสนํ วิย โหตีติ ฉนฺทสฺส อุปฎฺฐานสทิสตา วุตฺตาฯ
Punappunaṃ chanduppādanaṃ pesanaṃ viya hotīti chandassa upaṭṭhānasadisatā vuttā.
ปรกฺกเมนาติ ปรกฺกมสีเสน สูรภาวํ วทติฯ ถามภาวโต จ วีริยสฺส สูรภาวสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Parakkamenāti parakkamasīsena sūrabhāvaṃ vadati. Thāmabhāvato ca vīriyassa sūrabhāvasadisatā daṭṭhabbā.
จินฺตนปฺปธานตฺตา จิตฺตสฺส มนฺตสํวิธานสทิสตา วุตฺตาฯ
Cintanappadhānattā cittassa mantasaṃvidhānasadisatā vuttā.
ชาติสมฺปตฺติ นาม วิสิฎฺฐชาติตาฯ ‘‘สพฺพธเมฺมสุ จ ปญฺญา เสฎฺฐา’’ติ วีมํสาย ชาติสมฺปตฺติสทิสตา วุตฺตาฯ สโมฺมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฎฺฐ. ๔๓๓) ปน จิตฺติทฺธิปาทสฺส ชาติสมฺปตฺติสทิสตา, วีมํสิทฺธิปาทสฺส มนฺตพลสทิสตา จ โยชิตาฯ
Jātisampatti nāma visiṭṭhajātitā. ‘‘Sabbadhammesu ca paññā seṭṭhā’’ti vīmaṃsāya jātisampattisadisatā vuttā. Sammohavinodaniyaṃ (vibha. aṭṭha. 433) pana cittiddhipādassa jātisampattisadisatā, vīmaṃsiddhipādassa mantabalasadisatā ca yojitā.
อเนกํ วิหิตํ วิธํ เอตสฺสาติ อเนกวิหิตนฺติ อาห ‘‘อเนกวิธ’’นฺติฯ วิธ-สโทฺท โกฎฺฐาสปริยาโย ‘‘เอกวิเธน ญาณวตฺถู’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) วิยาติ อาห ‘‘อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฎฺฐาส’’นฺติฯ
Anekaṃ vihitaṃ vidhaṃ etassāti anekavihitanti āha ‘‘anekavidha’’nti. Vidha-saddo koṭṭhāsapariyāyo ‘‘ekavidhena ñāṇavatthū’’tiādīsu (vibha. 751) viyāti āha ‘‘iddhividhanti iddhikoṭṭhāsa’’nti.
ติวิธโอกาสาธิคมวณฺณนา
Tividhaokāsādhigamavaṇṇanā
๒๘๘. ‘‘สุขสฺสา’’ติ อิทํ ติณฺณมฺปิ สุขานํ สาธารณวจนนฺติ อาห ‘‘ฌานสุขสฺส มคฺคสุขสฺส ผลสุขสฺสา’’ติฯ นานปฺปนาปตฺตตาย ปน อปฺปธานตฺตา อุปจารชฺฌานสุขสฺส, วิปสฺสนาสุขสฺส เจตฺถ อคฺคหณํฯ ปุริเมสุ ตาว ทฺวีสุ โอกาสาธิคเมสุ ตีณิปิ สุขานิ ลพฺภนฺติ, ตติเย ปน กถนฺติ? ตตฺถ กามํ ตีณิ น ลพฺภนฺติ, เทฺว ปน ลพฺภนฺติเยวฯ ยถาลาภวเสน เหตํ วุตฺตํฯ ‘‘สกฺขรกถลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฎฺฐนฺตมฺปี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๔๙; ม. นิ. ๑.๔๓๓; ๒.๒๕๙; อ. นิ. ๑.๔๕, ๔๖) วิยฯ สํสโฎฺฐติ สํสคฺคํ อุปคโต สมงฺคีภูโต, โส ปน เตหิ สมนฺนาคตจิโตฺตปิ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สมฺปยุตฺตจิโตฺต’’ติฯ อริยธมฺมนฺติ อริยภาวกรํ ธมฺมํฯ อุปายโตติ วิธิโตฯ ปถโตติ มคฺคโตฯ การณโตติ เหตุโตฯ เยน หิ วิธินา ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺติ โหติ, โส อุเปติ เอเตนาติ อุปาโย, โส ตทธิคมสฺส มคฺคภาวโต ปโถ, ตสฺส กรณโต การณนฺติ จ วุจฺจติฯ
288.‘‘Sukhassā’’ti idaṃ tiṇṇampi sukhānaṃ sādhāraṇavacananti āha ‘‘jhānasukhassa maggasukhassa phalasukhassā’’ti. Nānappanāpattatāya pana appadhānattā upacārajjhānasukhassa, vipassanāsukhassa cettha aggahaṇaṃ. Purimesu tāva dvīsu okāsādhigamesu tīṇipi sukhāni labbhanti, tatiye pana kathanti? Tattha kāmaṃ tīṇi na labbhanti, dve pana labbhantiyeva. Yathālābhavasena hetaṃ vuttaṃ. ‘‘Sakkharakathalampi macchagumbampi carantampi tiṭṭhantampī’’tiādīsu (dī. ni. 1.249; ma. ni. 1.433; 2.259; a. ni. 1.45, 46) viya. Saṃsaṭṭhoti saṃsaggaṃ upagato samaṅgībhūto, so pana tehi samannāgatacittopi hotīti vuttaṃ ‘‘sampayuttacitto’’ti. Ariyadhammanti ariyabhāvakaraṃ dhammaṃ. Upāyatoti vidhito. Pathatoti maggato. Kāraṇatoti hetuto. Yena hi vidhinā dhammānudhammapaṭipatti hoti, so upeti etenāti upāyo, so tadadhigamassa maggabhāvato patho, tassa karaṇato kāraṇanti ca vuccati.
‘‘อนิจฺจนฺติอาทิวเสน มนสิ กโรตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘โยนิโส มนสิกาโร นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุปายมนสิกาโรติ กุสลธมฺมปฺปวตฺติยา การณภูโต มนสิกาโรฯ ปถมนสิกาโรติ ตสฺส เอว มคฺคภูโต มนสิกาโรฯ อนิเจฺจติ อาทิอนฺตวนฺตตาย, อนจฺจนฺติกตาย จ อนิเจฺจ เตภูมเก สงฺขาเร ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ มนสิกาโรติ โยชนาฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ อยํ ปน วิเสโส ตสฺมิํเยว อุทยพฺพยปฎิปีฬนตาย ทุกฺขนโต, ทุกฺขมโต จ ทุเกฺข, อวสวตฺตนเตฺถน, อนตฺตสภาวตาย จ อนตฺตนิ, อสุจิสภาวตาย อสุเภฯ สพฺพมฺปิ หิ เตภูมกํ สงฺขตํ กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต ‘‘อสุภ’’เนฺตฺวว วตฺตุํ อรหติฯ สจฺจานุโลมิเกน วาติ สจฺจาภิสมยสฺส อนุโลมนวเสนฯ ‘‘จิตฺตสฺส อาวฎฺฎนา’’ติอาทินา อาวชฺชนาย ปจฺจยภูตา ตโต ปุริมุปฺปนฺนา มโนทฺวาริกา กุสลชวนปฺปวตฺติ ผลโวหาเรเนว ตถา วุตฺตาฯ ตสฺสา หิ วเสน สา กุสลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสโย โหตีติฯ อาวชฺชนา หิ ภวงฺคจิตฺตํ อาวเฎฺฎตีติ จิตฺตสฺส อาวฎฺฎนา, อนุ อนุ อาวเฎฺฎตีติ อนฺวาวฎฺฎนาฯ ภวงฺคารมฺมณโต อญฺญํ อาภุชตีติ อาโภโคฯ สมนฺนาหรตีติ สมนฺนาหาโรฯ ตเทวารมฺมณํ อตฺตานํ อนุพนฺธิตฺวา อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน มนสิ กโรติ ฐเปตีติ มนสิกาโรฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ อุปายมนสิการลกฺขโณ โยนิโสมนสิกาโร นาม วุจฺจติ, ยสฺส วเสน ปุคฺคโล ทุกฺขาทีนิ สจฺจานิ อาวชฺชิตุํ สโกฺกติฯ
‘‘Aniccantiādivasena manasi karotī’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘yoniso manasikāro nāmā’’tiādi vuttaṃ. Tattha upāyamanasikāroti kusaladhammappavattiyā kāraṇabhūto manasikāro. Pathamanasikāroti tassa eva maggabhūto manasikāro. Anicceti ādiantavantatāya, anaccantikatāya ca anicce tebhūmake saṅkhāre ‘‘anicca’’nti manasikāroti yojanā. Eseva nayo sesesupi. Ayaṃ pana viseso tasmiṃyeva udayabbayapaṭipīḷanatāya dukkhanato, dukkhamato ca dukkhe, avasavattanatthena, anattasabhāvatāya ca anattani, asucisabhāvatāya asubhe. Sabbampi hi tebhūmakaṃ saṅkhataṃ kilesāsucipaggharaṇato ‘‘asubha’’ntveva vattuṃ arahati. Saccānulomikena vāti saccābhisamayassa anulomanavasena. ‘‘Cittassa āvaṭṭanā’’tiādinā āvajjanāya paccayabhūtā tato purimuppannā manodvārikā kusalajavanappavatti phalavohāreneva tathā vuttā. Tassā hi vasena sā kusaluppattiyā upanissayo hotīti. Āvajjanā hi bhavaṅgacittaṃ āvaṭṭetīti cittassa āvaṭṭanā, anu anu āvaṭṭetīti anvāvaṭṭanā. Bhavaṅgārammaṇato aññaṃ ābhujatīti ābhogo. Samannāharatīti samannāhāro. Tadevārammaṇaṃ attānaṃ anubandhitvā anubandhitvā uppajjamāne manasi karoti ṭhapetīti manasikāro. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ upāyamanasikāralakkhaṇo yonisomanasikāro nāma vuccati, yassa vasena puggalo dukkhādīni saccāni āvajjituṃ sakkoti.
อสํสโฎฺฐติ น สํสโฎฺฐ กามาทีหิ วิวิโตฺต วินาภูโตฯ กามาทิวิสํสคฺคเหตุ อุปฺปชฺชนกสุขํ นาม วิเวกชํ ปีติสุขนฺติ อาห ‘‘ปฐมชฺฌานสุข’’นฺติฯ กามํ ปฐมชฺฌานสุขมฺปิ โสมนสฺสเมว, สุเตฺตสุ ปน ตํ กายิกสุขสฺสาปิ ปจฺจยภาวโต วิเสสโต ‘‘สุข’’เนฺตฺวว วุจฺจตีติ อิธาปิ ฌานภูตํ โสมนสฺสํ สุขนฺติ, อิตรํ โสมนสฺสํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สุขา’’ติฯ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ฌานสุขปจฺจยา’’ติฯ อปราปรํ โสมนสฺสนฺติ ฌานาธิคมเหตุ ปจฺจเวกฺขณาทิวเสน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนกโสมนสฺสํฯ
Asaṃsaṭṭhoti na saṃsaṭṭho kāmādīhi vivitto vinābhūto. Kāmādivisaṃsaggahetu uppajjanakasukhaṃ nāma vivekajaṃ pītisukhanti āha ‘‘paṭhamajjhānasukha’’nti. Kāmaṃ paṭhamajjhānasukhampi somanassameva, suttesu pana taṃ kāyikasukhassāpi paccayabhāvato visesato ‘‘sukha’’ntveva vuccatīti idhāpi jhānabhūtaṃ somanassaṃ sukhanti, itaraṃ somanassaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘sukhā’’ti. Hetumhi nissakkavacananti āha ‘‘jhānasukhapaccayā’’ti. Aparāparaṃ somanassanti jhānādhigamahetu paccavekkhaṇādivasena punappunaṃ uppajjanakasomanassaṃ.
ปโมทนํ ปมุโท, ตรุณปีติ, ตโต ปมุทาฯ ‘‘ปาโมชฺชํ ปีตตฺถายา’’ติอาทีสุ ตรุณปีติ ‘‘ปาโมชฺช’’นฺติ วุจฺจติ, อิธ ปน ปกโฎฺฐ มุโท ปมุโท ปาโมชฺชนฺติ อธิเปฺปตํ, ตญฺจ โสมนสฺสรหิตํ นตฺถีติ อวินาภาวิตาย ‘‘พลวตรํ ปีติโสมนสฺส’’นฺติ วุตฺตํฯ ฌานสฺส อุชุวิปจฺจนีกตํ สนฺธาย ‘‘ปญฺจ นีวรณานิ วิกฺขเมฺภตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ฌานํ ปน ตเทกเฎฺฐ สเพฺพปิ กิเลเส, สเพฺพปิ อกุสเล ธเมฺม วิกฺขเมฺภติเยว, อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฎฺฐติ ปฎิปกฺขธเมฺมหิ อนภิภวนียโตฯ ตสฺมาติ โอกาสคฺคหณโต, ลโทฺธกาสตายาติ อโตฺถฯ มคฺคผลสุขาธิคมาย โอกาสภาวโต วา โอกาโส, อสฺส อธิคโม โอกาสาธิคโมฯ ปุริมปเกฺข ปน โอกาสํ อวสรํ อธิคจฺฉติ เอเตนาติ โอกาสาธิคโมฯ
Pamodanaṃ pamudo, taruṇapīti, tato pamudā. ‘‘Pāmojjaṃ pītatthāyā’’tiādīsu taruṇapīti ‘‘pāmojja’’nti vuccati, idha pana pakaṭṭho mudo pamudo pāmojjanti adhippetaṃ, tañca somanassarahitaṃ natthīti avinābhāvitāya ‘‘balavataraṃ pītisomanassa’’nti vuttaṃ. Jhānassa ujuvipaccanīkataṃ sandhāya ‘‘pañca nīvaraṇāni vikkhambhetvā’’ti vuttaṃ. Jhānaṃ pana tadekaṭṭhe sabbepi kilese, sabbepi akusale dhamme vikkhambhetiyeva, attano okāsaṃ gahetvā tiṭṭhati paṭipakkhadhammehi anabhibhavanīyato. Tasmāti okāsaggahaṇato, laddhokāsatāyāti attho. Maggaphalasukhādhigamāya okāsabhāvato vā okāso, assa adhigamo okāsādhigamo. Purimapakkhe pana okāsaṃ avasaraṃ adhigacchati etenāti okāsādhigamo.
รูปสภาวตาย , เอกนฺตรูปาธีนวุตฺติตาย, สวิปฺผาริกตาย จ อานาปานวิตกฺกวิจารานํ ถูลภาวํ อนุชานโนฺต ‘‘กายวจีสงฺขารา ตาว โอฬาริกา โหนฺตู’’ติ อาหฯ ตพฺพิธุรตาย ปน เอกจฺจานํ เวทนาสญฺญานํ ถูลตํ อนนุชานโนฺต ‘‘จิตฺตสงฺขารา กถํ โอฬาริกา’’ติ อาหฯ อิตโร ‘‘อปฺปหีนตฺตา’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘กายสงฺขารา หี’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิวรติฯ เตติ จิตฺตสงฺขาราฯ อปฺปหีนา สงฺขารา ลพฺภมานสงฺขารนิมิตฺตตาย ‘‘โอฬาริกา’’ติ วตฺตุํ อรหนฺติ, ปหีนา ปน ตทภาวโต ‘‘สุขุมา’’ติ อาห ‘‘ปหีเน อุปาทาย อปฺปหีนตฺตา โอฬาริกา นาม ชาตา’’ติฯ ปาฬิยํ ‘‘กายสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สุขนฺติ จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติสุข’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘จิตฺตสงฺขารานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา’’ติ ปน วุตฺตตฺตา ‘‘นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ วจีสงฺขารปฎิปฺปสฺสทฺธิ กายสงฺขารปฎิปฺปสฺสทฺธิยาว สิทฺธาติ เวทิตพฺพาฯ เตเนวาห ‘‘ทุติย…เป.… วิสุํ น วุตฺตานี’’ติฯ ปาฬิยํ ปน อตฺถโต สิทฺธาปิ สุปากฎภาเวน วิภาเวตุํ สรูปโต คณฺหาติฯ น หิ อริยวินเย อตฺถาปตฺติวิภาวนา อภิธมฺมเทสนาย ปกตีติฯ ยถา นีวรณวิกฺขมฺภนญฺจ ปฐมสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อุปาโย, เอวํ สุขทุกฺขวิกฺขมฺภนํ จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อุปาโยติ ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ สุขํ ทุกฺขํ วิกฺขเมฺภตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ
Rūpasabhāvatāya , ekantarūpādhīnavuttitāya, savipphārikatāya ca ānāpānavitakkavicārānaṃ thūlabhāvaṃ anujānanto ‘‘kāyavacīsaṅkhārā tāva oḷārikā hontū’’ti āha. Tabbidhuratāya pana ekaccānaṃ vedanāsaññānaṃ thūlataṃ ananujānanto ‘‘cittasaṅkhārā kathaṃ oḷārikā’’ti āha. Itaro ‘‘appahīnattā’’ti kāraṇaṃ vatvā ‘‘kāyasaṅkhārā hī’’tiādinā tamatthaṃ vivarati. Teti cittasaṅkhārā. Appahīnā saṅkhārā labbhamānasaṅkhāranimittatāya ‘‘oḷārikā’’ti vattuṃ arahanti, pahīnā pana tadabhāvato ‘‘sukhumā’’ti āha ‘‘pahīne upādāyaappahīnattā oḷārikā nāma jātā’’ti. Pāḷiyaṃ ‘‘kāyasaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā’’ti vuttattā ‘‘sukhanti catutthajjhānikaphalasamāpattisukha’’nti vuttaṃ. ‘‘Cittasaṅkhārānaṃ paṭippassaddhiyā’’ti pana vuttattā ‘‘nirodhā vuṭṭhahantassā’’ti vuttaṃ. Vacīsaṅkhārapaṭippassaddhi kāyasaṅkhārapaṭippassaddhiyāva siddhāti veditabbā. Tenevāha ‘‘dutiya…pe… visuṃ na vuttānī’’ti. Pāḷiyaṃ pana atthato siddhāpi supākaṭabhāvena vibhāvetuṃ sarūpato gaṇhāti. Na hi ariyavinaye atthāpattivibhāvanā abhidhammadesanāya pakatīti. Yathā nīvaraṇavikkhambhanañca paṭhamassa jhānassa adhigamāya upāyo, evaṃ sukhadukkhavikkhambhanaṃ catutthassa jhānassa adhigamāya upāyoti ‘‘catutthajjhānaṃ sukhaṃ dukkhaṃ vikkhambhetvā’’ti vuttaṃ. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.
อวิชฺชาราคาทีหิ สห วเชฺชหีติ สาวชฺชํ, อกุสลํ, ตทภาวโต อนวชฺชํ กุสลํฯ อตฺตโน หิตสุขํ อากงฺขเนฺตน เสวนียโต เสวิตพฺพํ, กุสลํ, ตพฺพิปริยายโต น เสวิตพฺพํ, อกุสลํฯ ลามกภาเวน หีนํ, อกุสลํ, เสฎฺฐภาเวน ปณีตํ, กุสลนฺติ สาวชฺชทุกาทโย ตโยปิ ทุกา ยถารหํ เอเตสํ กุสลากุสลกมฺมปถานํ วเสเนว เวทิตพฺพาฯ สพฺพนฺติ ยถาวุตฺตํ สพฺพํ จตูหิ ทุเกหิ สงฺคหิตํ ธมฺมชาตํฯ ยถารหํ กณฺหญฺจ สุกฺกญฺจ ปฎิทฺวนฺทิภาวโต, สปฺปฎิภาคญฺจ อปฺปฎิภาคญฺจ อทฺวยภาวโตฯ วฎฺฎปฎิจฺฉาทิกา อวิชฺชา ปหียติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ สมฺมเทว ปฎิวิชฺฌนโตฯ ตโต เอว อรหตฺตมคฺควิชฺชา อุปฺปชฺชติฯ สุขนฺติ เอวํ กมฺมปถมุเขน เตภูมกธเมฺม สมฺมสิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อรหเตฺต ปติฎฺฐหนฺตสฺส ยํ อรหตฺตมคฺคสุขเญฺจว อรหตฺตผลสุขญฺจ, ตํ อิธ ‘‘สุข’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ อโนฺตคธา เอว นานนฺตริยภาวโตฯ
Avijjārāgādīhi saha vajjehīti sāvajjaṃ, akusalaṃ, tadabhāvato anavajjaṃ kusalaṃ. Attano hitasukhaṃ ākaṅkhantena sevanīyato sevitabbaṃ, kusalaṃ, tabbipariyāyato na sevitabbaṃ, akusalaṃ. Lāmakabhāvena hīnaṃ, akusalaṃ, seṭṭhabhāvena paṇītaṃ, kusalanti sāvajjadukādayo tayopi dukā yathārahaṃ etesaṃ kusalākusalakammapathānaṃ vaseneva veditabbā. Sabbanti yathāvuttaṃ sabbaṃ catūhi dukehi saṅgahitaṃ dhammajātaṃ. Yathārahaṃ kaṇhañca sukkañca paṭidvandibhāvato, sappaṭibhāgañca appaṭibhāgañca advayabhāvato. Vaṭṭapaṭicchādikā avijjā pahīyati catunnaṃ ariyasaccānaṃ sammadeva paṭivijjhanato. Tato eva arahattamaggavijjā uppajjati. Sukhanti evaṃ kammapathamukhena tebhūmakadhamme sammasitvā vipassanaṃ ussukkāpetvā maggapaṭipāṭiyā arahatte patiṭṭhahantassa yaṃ arahattamaggasukhañceva arahattaphalasukhañca, taṃ idha ‘‘sukha’’nti adhippetaṃ. Antogadhā eva nānantariyabhāvato.
อฎฺฐติํสารมฺมณวเสนาติ ปาฬิยํ อาคตานํ อฎฺฐติํสาย กมฺมฎฺฐานานํ วเสนฯ วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพา ปฐมชฺฌานาทิวเสน อาคตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘กถ’’นฺติอาทินา ตเมว วิตฺถาเรตฺวา กถนํ นยโต ทเสฺสติฯ ‘‘จตุวีสติยา ฐาเนสู’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาปรินิพฺพานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๑๙) วุตฺตเมวฯ ‘‘นิโรธสมาปตฺติํ ปาเปตฺวา’’ติ อิมินา อรูปชฺฌานานิปิ คหิตานิ โหนฺติ เตหิ วินา นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนสฺส อสมฺภวโต, จตุตฺถชฺฌานสภาวตฺตา จ เตสํฯ ทส อุปจารชฺฌานานีติ ฐเปตฺวา กายคตาสติํ อานาปานญฺจ อฎฺฐ อนุสฺสติโย, สญฺญาววตฺถานญฺจาติ ทส อุปจารชฺฌานานิฯ อธิสีลํ นาม สมาธิสํวตฺตนิยนฺติ ตสฺส เหฎฺฐิมเนฺตน ปฐมชฺฌานํ ปริโยสานนฺติ วุตฺตํ ‘‘อธิสีลสิกฺขา ปฐมํ โอกาสาธิคมํ ภชตี’’ติฯ อธิจิตฺตํ นาม จตุตฺถชฺฌานนิฎฺฐํ ตทโนฺตคธตฺตา อรูปชฺฌานานํ, ตปฺปริโยสานตฺตา ผลชฺฌานานนฺติ วุตฺตํ ‘‘อธิจิตฺตสิกฺขา ทุติย’’นฺติฯ มตฺถกปฺปตฺตา อธิปญฺญาสิกฺขา นาม อคฺคมคฺควิชฺชาติ อาห ‘‘อธิปญฺญาสิกฺขา ตติย’’นฺติฯ สิกฺขตฺตยวเสน ตโย โอกาสาธิคเม นีหรเนฺตน ยถารหํ ตํตํสุตฺตวเสนปิ นีหริตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สามญฺญผเลปี’’ติอาทิมาหฯ
Aṭṭhatiṃsārammaṇavasenāti pāḷiyaṃ āgatānaṃ aṭṭhatiṃsāya kammaṭṭhānānaṃ vasena. Vitthāretvā kathetabbā paṭhamajjhānādivasena āgatattāti adhippāyo. ‘‘Katha’’ntiādinā tameva vitthāretvā kathanaṃ nayato dasseti. ‘‘Catuvīsatiyā ṭhānesū’’tiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ mahāparinibbānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.219) vuttameva. ‘‘Nirodhasamāpattiṃ pāpetvā’’ti iminā arūpajjhānānipi gahitāni honti tehi vinā nirodhasamāpattisamāpajjanassa asambhavato, catutthajjhānasabhāvattā ca tesaṃ. Dasa upacārajjhānānīti ṭhapetvā kāyagatāsatiṃ ānāpānañca aṭṭha anussatiyo, saññāvavatthānañcāti dasa upacārajjhānāni. Adhisīlaṃ nāma samādhisaṃvattaniyanti tassa heṭṭhimantena paṭhamajjhānaṃ pariyosānanti vuttaṃ ‘‘adhisīlasikkhā paṭhamaṃ okāsādhigamaṃ bhajatī’’ti. Adhicittaṃ nāma catutthajjhānaniṭṭhaṃ tadantogadhattā arūpajjhānānaṃ, tappariyosānattā phalajjhānānanti vuttaṃ ‘‘adhicittasikkhā dutiya’’nti. Matthakappattā adhipaññāsikkhā nāma aggamaggavijjāti āha ‘‘adhipaññāsikkhā tatiya’’nti. Sikkhattayavasena tayo okāsādhigame nīharantena yathārahaṃ taṃtaṃsuttavasenapi nīharitabbanti dassento ‘‘sāmaññaphalepī’’tiādimāha.
ยทเคฺคน จ ติโสฺส สิกฺขา ยถากฺกมํ ตโย โอกาสาธิคเม ภชนฺติ, ตทเคฺคน ตปฺปธานตฺตา ยถากฺกมํ ตีณิ ปิฎกานิ เต ภชนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตีสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตีณิ ปิฎกานิ วิภชิตฺวาติ ติณฺณํ โอกาสาธิคมานํ วเสน ยถานุปุพฺพํ ตีณิ ปิฎกานิ วิตฺถาเรตฺวา กเถตุํ ลภิสฺสามาติฯ สโมธาเนตฺวาติ สมาโยเชตฺวา ตตฺถ วุตฺตมตฺถํ อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺถภาเวน สมาเนตฺวาฯ ทุกฺกถิตนฺติ อสมฺพนฺธกถเนน, อติปปญฺจกถเนน วา ทุฎฺฐุ กถิตนฺติ น สกฺกา วตฺตุํ ตถากถนเสฺสว สุกถนภาวโตติ อาห ‘‘เตปิฎกํ…เป.… สุกถิตํ โหตี’’ติฯ
Yadaggena ca tisso sikkhā yathākkamaṃ tayo okāsādhigame bhajanti, tadaggena tappadhānattā yathākkamaṃ tīṇi piṭakāni te bhajantīti dassetuṃ ‘‘tīsu panā’’tiādi vuttaṃ. Tīṇipiṭakāni vibhajitvāti tiṇṇaṃ okāsādhigamānaṃ vasena yathānupubbaṃ tīṇi piṭakāni vitthāretvā kathetuṃ labhissāmāti. Samodhānetvāti samāyojetvā tattha vuttamatthaṃ imassa suttassa atthabhāvena samānetvā. Dukkathitanti asambandhakathanena, atipapañcakathanena vā duṭṭhu kathitanti na sakkā vattuṃ tathākathanasseva sukathanabhāvatoti āha ‘‘tepiṭakaṃ…pe… sukathitaṃ hotī’’ti.
จตุสติปฎฺฐานวณฺณนา
Catusatipaṭṭhānavaṇṇanā
๒๘๙. น เกวลํ อภิธมฺมปริยาเยเนว กุสลโฎฺฐ คเหตโพฺพ, อถ โข พาหิติกปริยาเยน ปีติ อาห ‘‘ผลกุสลสฺส จา’’ติฯ เขมเฎฺฐนาติ จตูหิปิ โยเคหิ อนุปทฺทวภาเวน ฯ สมฺมา สมาหิโตติ สมถวเสน เจว วิปสฺสนาวเสน จ สุฎฺฐุ สมาหิโตฯ เอกคฺคจิโตฺตติ วิเกฺขปสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตา เอกคฺคตํ อวิเกฺขปํ ปตฺตจิโตฺตฯ อตฺตโน กายโตติ อชฺฌตฺตํ กาเย กายานุปสฺสนาวเสน สมฺมา สมาหิตจิโตฺต สมาโน ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๕.๑๐๗๑, ๑๐๗๒; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๑.๑๔) วจนโตฯ ตตฺถ ญาณทสฺสนํ นิพฺพเตฺตโนฺต ตโต พหิทฺธา ปรสฺส กาเยปิ ญาณทสฺสนํ นิพฺพเตฺตติฯ เตนาห ‘‘ปรสฺส กายาภิมุขํ ญาณํ เปเสตี’’ติฯ สมฺมา วิปฺปสีทตีติ สมฺมา สมาธานปจฺจเยน อภิปฺปสาเทน ญาณูปสญฺหิเตน อชฺฌตฺตํ กายํ โอกเปฺปติฯ สพฺพตฺถาติ สพฺพฎฺฐาเนสุฯ สติ กถิตาติ โยชนาฯ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตา อนุปสฺสนาญาณทสฺสนานํ ตทุภยสาธารณภาวโตฯ
289. Na kevalaṃ abhidhammapariyāyeneva kusalaṭṭho gahetabbo, atha kho bāhitikapariyāyena pīti āha ‘‘phalakusalassa cā’’ti. Khemaṭṭhenāti catūhipi yogehi anupaddavabhāvena . Sammā samāhitoti samathavasena ceva vipassanāvasena ca suṭṭhu samāhito. Ekaggacittoti vikkhepassa dūrasamussāritattā ekaggataṃ avikkhepaṃ pattacitto. Attano kāyatoti ajjhattaṃ kāye kāyānupassanāvasena sammā samāhitacitto samāno ‘‘samāhito yathābhūtaṃ pajānāti passatī’’ti (saṃ. ni. 3.5; 5.1071, 1072; netti. 40; mi. pa. 1.14) vacanato. Tattha ñāṇadassanaṃ nibbattento tato bahiddhā parassa kāyepi ñāṇadassanaṃ nibbatteti. Tenāha ‘‘parassa kāyābhimukhaṃ ñāṇaṃ pesetī’’ti. Sammā vippasīdatīti sammā samādhānapaccayena abhippasādena ñāṇūpasañhitena ajjhattaṃ kāyaṃ okappeti. Sabbatthāti sabbaṭṭhānesu. Sati kathitāti yojanā. Lokiyalokuttaramissakā kathitā anupassanāñāṇadassanānaṃ tadubhayasādhāraṇabhāvato.
สตฺตสมาธิปริกฺขารวณฺณนา
Sattasamādhiparikkhāravaṇṇanā
๒๙๐. เอตฺถาติ อิมิสฺสา กถายฯ ฌานกฺขสฺส วีริยจกฺกสฺส อริยมคฺครถสฺส สีลํ วิภูสนภาเวน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อลงฺกาโร ปริกฺขาโร นามา’’ติฯ สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหีติ นครํ ปริวาเรตฺวา รกฺขณเกหิ กตปริเกฺขโป, ปริขา, อุทฺทาโป, ปากาโร, เอสิกา, ปลิฆา, ปาการปกฺขณฺฑิลนฺติ อิเมหิ สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิฯ สมฺภรียติ ผลํ เอเตนาติ สมฺภาโร, การณํฯ เภสชฺชญฺหิ พฺยาธิวูปสมเนน ชีวิตสฺส การณํฯ ปริวารปริกฺขารวเสนาติ ปริวารสงฺขาตปริกฺขารวเสนฯ ปริกฺขาโร หิ สมฺมาทิฎฺฐิยาทโย มคฺคธมฺมา สมฺมาสมาธิสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาเวน ปริกรณโต อภิสงฺขรณโตฯ อุเปจฺจ นิสฺสียตีติ อุปนิสา, สห อุปนิสายาติ สอุปนิโสติ อาห ‘‘สอุปนิสฺสโย’’ติ, สหการีการณภูโต ธมฺมสมูโห อิธ ‘‘อุปนิสฺสโย’’ติ อธิเปฺปโตฯ สมฺมา ปสตฺถา สุนฺทรา ทิฎฺฐิ เอตสฺสาติ สมฺมาทิฎฺฐิ, ปุคฺคโล, ตสฺส สมฺมาทิฎฺฐิสฺสฯ โส ปน ยสฺมา ปติฎฺฐิตสมฺมาทิฎฺฐิโก, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิยํ ฐิตสฺสา’’ติฯ สมฺมาสงฺกโปฺป ปโหตีติ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา ทุกฺขาทีสุ ปริชานนาทิกิจฺจํ สาเธนฺติยา กามวิตกฺกาทิเก สมุคฺฆาเฎโนฺต สมฺมาสงฺกโปฺป ยถา อตฺตโน กิจฺจสาธเน ปโหติ, ตถา ปวตฺติํ ปนสฺส ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สมฺมาสงฺกโปฺป ปวตฺตตี’’ติฯ เอส นโย สพฺพปเทสูติ ‘‘สมฺมาสงฺกปฺปสฺส สมฺมาวาจา ปโหตี’’ติอาทีสุ เสสปเทสุ ยถาวุตฺตมตฺถํ อติทิสติฯ
290.Etthāti imissā kathāya. Jhānakkhassa vīriyacakkassa ariyamaggarathassa sīlaṃ vibhūsanabhāvena vuttanti āha ‘‘alaṅkāro parikkhāro nāmā’’ti. Sattahi nagaraparikkhārehīti nagaraṃ parivāretvā rakkhaṇakehi kataparikkhepo, parikhā, uddāpo, pākāro, esikā, palighā, pākārapakkhaṇḍilanti imehi sattahi nagaraparikkhārehi. Sambharīyati phalaṃ etenāti sambhāro, kāraṇaṃ. Bhesajjañhi byādhivūpasamanena jīvitassa kāraṇaṃ. Parivāraparikkhāravasenāti parivārasaṅkhātaparikkhāravasena. Parikkhāro hi sammādiṭṭhiyādayo maggadhammā sammāsamādhissa sahajātādipaccayabhāvena parikaraṇato abhisaṅkharaṇato. Upecca nissīyatīti upanisā, saha upanisāyāti saupanisoti āha ‘‘saupanissayo’’ti, sahakārīkāraṇabhūto dhammasamūho idha ‘‘upanissayo’’ti adhippeto. Sammā pasatthā sundarā diṭṭhi etassāti sammādiṭṭhi, puggalo, tassa sammādiṭṭhissa. So pana yasmā patiṭṭhitasammādiṭṭhiko, tasmā vuttaṃ ‘‘sammādiṭṭhiyaṃ ṭhitassā’’ti. Sammāsaṅkappo pahotīti maggasammādiṭṭhiyā dukkhādīsu parijānanādikiccaṃ sādhentiyā kāmavitakkādike samugghāṭento sammāsaṅkappo yathā attano kiccasādhane pahoti, tathā pavattiṃ panassa dassento āha ‘‘sammāsaṅkappo pavattatī’’ti. Esa nayo sabbapadesūti ‘‘sammāsaṅkappassa sammāvācā pahotī’’tiādīsu sesapadesu yathāvuttamatthaṃ atidisati.
เอตฺถ จ ยสฺมา นิพฺพานาธิคมาย ปฎิปนฺนสฺส โยคิโน พหูปการา สมฺมาทิฎฺฐิฯ ตถา หิ สา ‘‘ปญฺญาปโชฺชโต, ปญฺญาสตฺถ’’นฺติ จ วุตฺตาฯ ตาย หิ โส อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา กิเลสโจเร ฆาเตโนฺต เขเมน นิพฺพานํ ปาปุณาติ, ตสฺมา อริยมคฺคกถายํ สมฺมาทิฎฺฐิ อาทิโต คยฺหติ, อิธ ปน ปุคฺคลาธิฎฺฐานเทสนาย ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺมา ปน สมฺมาทิฎฺฐิปุคฺคโล เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทิวเสน สมฺมเทว สงฺกเปฺปติ, น มิจฺฉากามสงฺกปฺปาทิวเสน, ตสฺมา สมฺมาทิฎฺฐิสฺส สมฺมาสงฺกโปฺป ปโหติฯ ยสฺมา จ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจาย อุปการโกฯ ยถาห ‘‘ปุเพฺพ โข คหปติ วิตเกฺกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทตี’’ติ, (สํ. นิ. ๒.๓๔๘) ตสฺมา สมฺมาสงฺกปฺปสฺส สมฺมาวาจา ปโหติฯ ยสฺมา ปน ‘‘อิทญฺจิทญฺจ กริสฺสามา’’ติ หิ ปฐมํ วาจาย สํวิทหิตฺวา เยภุเยฺยน เต เต กมฺมนฺตา สมฺมา ปโยชียนฺติ, ตสฺมา วาจา กายกมฺมสฺส อุปการิกาติ สมฺมาวาจสฺส สมฺมากมฺมโนฺต ปโหติฯ ยสฺมา ปน จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ, ติวิธญฺจ กายทุจฺจริตํ ปหาย อุภยํ สุจริตํ ปูเรนฺตเสฺสว อาชีวฎฺฐมกสีลํ ปูรติ, น อิตรสฺส , ตสฺมา สมฺมาวาจสฺส สมฺมากมฺมนฺตสฺส จ สมฺมาอาชีโว ปโหติฯ วิสุทฺธิทิฎฺฐิสมุทาคตสมฺมาอาชีวสฺส โยนิโส ปธานสฺส สมฺภวโต สมฺมาอาชีวสฺส สมฺมาวายาโม ปโหติฯ โยนิโส ปทหนฺตสฺส กายาทีสุ จตูสุ วตฺถูสุ สติ สูปฎฺฐิตา โหตีติ สมฺมาวายามสฺส สมฺมาสติ ปโหติฯ ยสฺมา เอวํ สูปฎฺฐิตา สติ สมาธิสฺส อุปการานุปการานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺนสิตฺวา ปโหติ เอกตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ สมาธาตุํ, ตสฺมา สมฺมาสติสฺส สมฺมาสมาธิ ปโหตีติฯ อยญฺจ นโย ปุพฺพภาเค นานากฺขณิกานํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ วเสน วุโตฺต, มคฺคกฺขเณ ปน สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ ตสฺส ตสฺส สหชาตาทิวเสน วุโตฺต ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิสฺส สมฺมาสงฺกโปฺป ปโหตี’’ติอาทีนํ ปทานมโตฺถ ยุโตฺต, อยเมว จ อิธาธิเปฺปโตฯ เตนาห ‘‘อยํ ปนโตฺถ’’ติอาทิฯ
Ettha ca yasmā nibbānādhigamāya paṭipannassa yogino bahūpakārā sammādiṭṭhi. Tathā hi sā ‘‘paññāpajjoto, paññāsattha’’nti ca vuttā. Tāya hi so avijjandhakāraṃ vidhamitvā kilesacore ghātento khemena nibbānaṃ pāpuṇāti, tasmā ariyamaggakathāyaṃ sammādiṭṭhi ādito gayhati, idha pana puggalādhiṭṭhānadesanāya ‘‘sammādiṭṭhissā’’ti vuttaṃ. Yasmā pana sammādiṭṭhipuggalo nekkhammasaṅkappādivasena sammadeva saṅkappeti, na micchākāmasaṅkappādivasena, tasmā sammādiṭṭhissa sammāsaṅkappo pahoti. Yasmā ca sammāsaṅkappo sammāvācāya upakārako. Yathāha ‘‘pubbe kho gahapati vitakketvā vicāretvā pacchā vācaṃ bhindatī’’ti, (saṃ. ni. 2.348) tasmā sammāsaṅkappassa sammāvācā pahoti. Yasmā pana ‘‘idañcidañca karissāmā’’ti hi paṭhamaṃ vācāya saṃvidahitvā yebhuyyena te te kammantā sammā payojīyanti, tasmā vācā kāyakammassa upakārikāti sammāvācassa sammākammanto pahoti. Yasmā pana catubbidhaṃ vacīduccaritaṃ, tividhañca kāyaduccaritaṃ pahāya ubhayaṃ sucaritaṃ pūrentasseva ājīvaṭṭhamakasīlaṃ pūrati, na itarassa , tasmā sammāvācassa sammākammantassa ca sammāājīvo pahoti. Visuddhidiṭṭhisamudāgatasammāājīvassa yoniso padhānassa sambhavato sammāājīvassa sammāvāyāmo pahoti. Yoniso padahantassa kāyādīsu catūsu vatthūsu sati sūpaṭṭhitā hotīti sammāvāyāmassa sammāsati pahoti. Yasmā evaṃ sūpaṭṭhitā sati samādhissa upakārānupakārānaṃ dhammānaṃ gatiyo samannesitvā pahoti ekattārammaṇe cittaṃ samādhātuṃ, tasmā sammāsatissa sammāsamādhi pahotīti. Ayañca nayo pubbabhāge nānākkhaṇikānaṃ sammādiṭṭhiādīnaṃ vasena vutto, maggakkhaṇe pana sammādiṭṭhiādīnaṃ tassa tassa sahajātādivasena vutto ‘‘sammādiṭṭhissa sammāsaṅkappo pahotī’’tiādīnaṃ padānamattho yutto, ayameva ca idhādhippeto. Tenāha ‘‘ayaṃ panattho’’tiādi.
มคฺคญาเณติ มคฺคปริยาปนฺนญาเณ ฐิตสฺส ตํสมงฺคิโนฯ มคฺคปญฺญา หิ จตุนฺนํ สจฺจานํ สมฺมาทสฺสนเฎฺฐน ‘‘มคฺคสมฺมาทิฎฺฐี’’ติ วุตฺตา, สา เอว เนสํ ยาถาวโต ชานนโต ปฎิวิชฺฌนโต อิธ ‘‘มคฺคญาณ’’นฺติปิ วุตฺตาฯ มคฺควิมุตฺตีติ มเคฺคน กิเลสานํ วิมุจฺจนํ สมุเจฺฉทปฺปหานเมวฯ ผลสมฺมาทิฎฺฐิ เอว ‘‘ผลสมฺมาญาณ’’นฺติ ปริยาเยน วุตฺตํ, ปริยายวจนญฺจ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ ผลวิมุตฺติ ปน ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Maggañāṇeti maggapariyāpannañāṇe ṭhitassa taṃsamaṅgino. Maggapaññā hi catunnaṃ saccānaṃ sammādassanaṭṭhena ‘‘maggasammādiṭṭhī’’ti vuttā, sā eva nesaṃ yāthāvato jānanato paṭivijjhanato idha ‘‘maggañāṇa’’ntipi vuttā. Maggavimuttīti maggena kilesānaṃ vimuccanaṃ samucchedappahānameva. Phalasammādiṭṭhi eva ‘‘phalasammāñāṇa’’nti pariyāyena vuttaṃ, pariyāyavacanañca vuttanayānusārena veditabbaṃ. Phalavimutti pana paṭippassaddhippahānaṃ daṭṭhabbaṃ.
อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมคฺคมาหฯ โส ปน วินา จ อาจริยมุฎฺฐินา อนนฺตรํ อพาหิรํ กริตฺวา ยาวเทว มนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตตฺตา วิวโฎฯ ธมฺมวินีตาติ อริยธเมฺม วินีตาฯ โส ปเนตฺถ กิเลสานํ สมุเจฺฉทวินยวเสน เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘สมฺมานิยฺยาเนน นิยฺยาตา’’ติฯ
Amatassa dvārāti ariyamaggamāha. So pana vinā ca ācariyamuṭṭhinā anantaraṃ abāhiraṃ karitvā yāvadeva manussehi suppakāsitattā vivaṭo. Dhammavinītāti ariyadhamme vinītā. So panettha kilesānaṃ samucchedavinayavasena veditabboti āha ‘‘sammāniyyānena niyyātā’’ti.
อตฺถีติ ปุถุตฺถวิสยํ นิปาตปทํ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๕๔; สํ. นิ. ๔.๑๒๗; อ. นิ. ๖.๒๙; ๑๐.๖๐; วิภ. ๓๕๖; ขุ. ปา. ๒.๑.ทฺวตฺติํสอาการ; เนตฺติ. ๔๗) วิยาติ อาห ‘‘อนาคามิโน จ อตฺถี’’ติฯ เตเนวาห ‘‘อตฺถิ เจเวตฺถ สกทาคามิโน’’ติฯ พหิทฺธา สํโยชนปจฺจโย นิพฺพตฺติเหตุภูโต ปุญฺญภาโค เอติสฺสา อตฺถีติ ปุญฺญภาคา, อติสยวิสิโฎฺฐ เจตฺถ อตฺถิอโตฺถ เวทิตโพฺพฯ โอตฺตปฺปมาโนติ อุตฺตสโนฺต ภายโนฺตฯ น ปน นตฺถิ, อตฺถิ เอวาติ ทีเปติฯ
Atthīti puthutthavisayaṃ nipātapadaṃ ‘‘atthi imasmiṃ kāye kesā’’tiādīsu (dī. ni. 2.377; ma. ni. 1.110; 3.154; saṃ. ni. 4.127; a. ni. 6.29; 10.60; vibha. 356; khu. pā. 2.1.dvattiṃsaākāra; netti. 47) viyāti āha ‘‘anāgāmino ca atthī’’ti. Tenevāha ‘‘atthi cevettha sakadāgāmino’’ti. Bahiddhā saṃyojanapaccayo nibbattihetubhūto puññabhāgo etissā atthīti puññabhāgā, atisayavisiṭṭho cettha atthiattho veditabbo. Ottappamānoti uttasanto bhāyanto. Na pana natthi, atthi evāti dīpeti.
๒๙๑. อสฺสาติ เวสฺสวณสฺสฯ ลทฺธิ ปน น อตฺถิ ปฎิวิทฺธสจฺจตฺตาฯ ‘‘อภิสมเย วิเสโส นตฺถี’’ติ เอเตน สเพฺพปิ สพฺพญฺญุคุณา สพฺพพุทฺธานํ สทิสา เอวาติ ทเสฺสติฯ
291.Assāti vessavaṇassa. Laddhi pana na atthi paṭividdhasaccattā. ‘‘Abhisamaye viseso natthī’’ti etena sabbepi sabbaññuguṇā sabbabuddhānaṃ sadisā evāti dasseti.
๒๙๒. การณสฺส เอกรูปตฺตา อิมานิ ปน ปทานีติ น เกวลํ ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริย’’นฺติอาทีนิ ปทานิ, อถ โข ‘‘อิมมตฺถํ ชนวสโภ ยโกฺข’’ติอาทีนิ ปทานิ ปีติฯ
292. Kāraṇassa ekarūpattā imāni pana padānīti na kevalaṃ ‘‘tayidaṃ brahmacariya’’ntiādīni padāni, atha kho ‘‘imamatthaṃ janavasabho yakkho’’tiādīni padāni pīti.
ชนวสภสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Janavasabhasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๕. ชนวสภสุตฺตํ • 5. Janavasabhasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๕. ชนวสภสุตฺตวณฺณนา • 5. Janavasabhasuttavaṇṇanā