Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๔. ชาณุโสฺสณิพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
4. Jāṇussoṇibrāhmaṇasuttavaṇṇanā
๔. จตุเตฺถ สพฺพเสเตน วฬวาภิรเถนาติ สกลเสเตน จตูหิ วฬวาหิ ยุตฺตรเถนฯ โส กิร สโพฺพ สจกฺกปญฺชรกุพฺพโร รชตปริกฺขิโตฺต โหติฯ รโถ จ นาเมส ทุวิโธ โหติ – โยธรโถ, อลงฺการรโถติฯ ตตฺถ โยธรโถ จตุรสฺสสณฺฐาโน โหติ นาติมหา ทฺวินฺนํ ติณฺณํ วา ชนานํ คหณสมโตฺถฯ อลงฺการรโถ มหา โหติ ทีฆโต ทีโฆ ปุถุลโต ปุถุโล จ, ตตฺถ ฉตฺตคฺคาหโก วาลพีชนิคฺคาหโก ตาลวณฺฎคฺคาหโกติ เอวํ อฎฺฐ วา ทส วา สุเขเนว ฐาตุํ วา นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา สโกฺกนฺติฯ อยมฺปิ อลงฺการรโถเยวฯ
4. Catutthe sabbasetena vaḷavābhirathenāti sakalasetena catūhi vaḷavāhi yuttarathena. So kira sabbo sacakkapañjarakubbaro rajataparikkhitto hoti. Ratho ca nāmesa duvidho hoti – yodharatho, alaṅkārarathoti. Tattha yodharatho caturassasaṇṭhāno hoti nātimahā dvinnaṃ tiṇṇaṃ vā janānaṃ gahaṇasamattho. Alaṅkāraratho mahā hoti dīghato dīgho puthulato puthulo ca, tattha chattaggāhako vālabījaniggāhako tālavaṇṭaggāhakoti evaṃ aṭṭha vā dasa vā sukheneva ṭhātuṃ vā nisīdituṃ vā nipajjituṃ vā sakkonti. Ayampi alaṅkārarathoyeva.
เสตา สุทํ อสฺสาติ ตา วฬวา ปกติยา เสตวณฺณาวฯ เสตาลงฺการาติ ปสาธนํ ตาสํ รชตมยํ อโหสิฯ เสโต รโถติ รโถปิ วุตฺตนเยเนว รชตปริกฺขิตฺตตฺตา ตตฺถ ตตฺถ ทนฺตกมฺมขจิตตฺตา จ เสโตวฯ เสตปริวาโรติ ยถา อเญฺญ รถา สีหจมฺมปริวาราปิ โหนฺติ, พฺยคฺฆจมฺมปริวาราปิ ปณฺฑุกมฺพลปริวาราปิ โหนฺติ, น เอวํ เอสฯ เอส ปน ฆนทุกูเลน ปริวาริโต อโหสิฯ เสตา รสฺมิโยติ รสฺมิโยปิ รชตปนาฬิสุปริกฺขิตฺตาฯ เสตา ปโตทลฎฺฐีติ ปโตทลฎฺฐิปิ รชตปริกฺขิตฺตาฯ
Setā sudaṃ assāti tā vaḷavā pakatiyā setavaṇṇāva. Setālaṅkārāti pasādhanaṃ tāsaṃ rajatamayaṃ ahosi. Seto rathoti rathopi vuttanayeneva rajataparikkhittattā tattha tattha dantakammakhacitattā ca setova. Setaparivāroti yathā aññe rathā sīhacammaparivārāpi honti, byagghacammaparivārāpi paṇḍukambalaparivārāpi honti, na evaṃ esa. Esa pana ghanadukūlena parivārito ahosi. Setā rasmiyoti rasmiyopi rajatapanāḷisuparikkhittā. Setā patodalaṭṭhīti patodalaṭṭhipi rajataparikkhittā.
เสตํ ฉตฺตนฺติ รถมเชฺฌ อุสฺสาปิตฉตฺตมฺปิ เสตเมว อโหสิฯ เสตํ อุณฺหีสนฺติ อฎฺฐงฺคุลวิตฺถาโร รชตมโย อุณฺหีสปโฎฺฎ เสโตฯ เสตานิ วตฺถานีติ วตฺถานิปิ เสตานิ เผณปุญฺชวณฺณานิฯ เตสุ นิวาสนํ ปญฺจสตคฺฆนกํ, อุตฺตราสโงฺค สหสฺสคฺฆนโกฯ เสตา อุปาหนาติ อุปาหนา นาม มคฺคารุฬฺหสฺส วา โหนฺติ อฎวิํ วา ปวิสนฺตสฺสฯ อยํ ปน รถํ อภิรุโฬฺห, เตนสฺส ตทนุจฺฉวิโก รชตปฎิเสวิโต ปาทาลงฺกาโร นาม เอส เอวํ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ เสตาย สุทํ วาลพีชนิยาติ ผลิกมยทณฺฑาย เสตจมรวาลพีชนิยาฯ น เกวลญฺจ เอตฺตกเมวสฺส เสตํ อโหสิ, โส ปน พฺราหฺมโณ เสตวิเลปนํ วิลิมฺปิ, เสตมาลํ ปิฬนฺธิ, ทสสุ องฺคุลีสุ องฺคุลิมุทฺทิกา กเณฺณสุ กุณฺฑลานีติ เอวมาทิ อลงฺกาโรปิสฺส รชตมโยว อโหสิ ฯ ปริวารพฺราหฺมณาปิสฺส ทสสหสฺสมตฺตา ตเถว เสตวตฺถวิเลปนมาลาลงฺการา อเหสุํฯ
Setaṃ chattanti rathamajjhe ussāpitachattampi setameva ahosi. Setaṃ uṇhīsanti aṭṭhaṅgulavitthāro rajatamayo uṇhīsapaṭṭo seto. Setāni vatthānīti vatthānipi setāni pheṇapuñjavaṇṇāni. Tesu nivāsanaṃ pañcasatagghanakaṃ, uttarāsaṅgo sahassagghanako. Setā upāhanāti upāhanā nāma maggāruḷhassa vā honti aṭaviṃ vā pavisantassa. Ayaṃ pana rathaṃ abhiruḷho, tenassa tadanucchaviko rajatapaṭisevito pādālaṅkāro nāma esa evaṃ vuttoti veditabbo. Setāya sudaṃ vālabījaniyāti phalikamayadaṇḍāya setacamaravālabījaniyā. Na kevalañca ettakamevassa setaṃ ahosi, so pana brāhmaṇo setavilepanaṃ vilimpi, setamālaṃ piḷandhi, dasasu aṅgulīsu aṅgulimuddikā kaṇṇesu kuṇḍalānīti evamādi alaṅkāropissa rajatamayova ahosi . Parivārabrāhmaṇāpissa dasasahassamattā tatheva setavatthavilepanamālālaṅkārā ahesuṃ.
ยํ ปเนตํ สาวตฺถิยา นิยฺยายนฺตนฺติ วุตฺตํ, ตตฺรายํ นิยฺยายนวิภาวนา – โส กิร ฉนฺนํ ฉนฺนํ มาสานํ เอกวารํ นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ – ‘‘อิโต เอตฺตเกหิ ทิวเสหิ นครํ ปทกฺขิณํ กริสฺสตี’’ติ ปุเรตรเมว โฆสนา กยิรติฯ ตํ สุตฺวา เย นครโต น ปกฺกนฺตา, เต น ปกฺกมนฺติฯ เยปิ ปกฺกนฺตา, เตปิ ‘‘ปุญฺญวโต สิริสมฺปตฺติํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาคจฺฉนฺติฯ ยํ ทิวสํ พฺราหฺมโณ นครํ อนุวิจรติ, ตทา ปาโตว นครวีถิโย สมฺมชฺชิตฺวา วาลิกํ โอกิริตฺวา ลาชปญฺจเมหิ ปุเปฺผหิ วิปฺปกิริตฺวา ปุณฺณฆเฎ ฐเปตฺวา กทลิโย จ ธเช จ อุสฺสาเปตฺวา สกลนครํ ธูปิตวาสิตํ กโรนฺติฯ
Yaṃ panetaṃ sāvatthiyā niyyāyantanti vuttaṃ, tatrāyaṃ niyyāyanavibhāvanā – so kira channaṃ channaṃ māsānaṃ ekavāraṃ nagaraṃ padakkhiṇaṃ karoti – ‘‘ito ettakehi divasehi nagaraṃ padakkhiṇaṃ karissatī’’ti puretarameva ghosanā kayirati. Taṃ sutvā ye nagarato na pakkantā, te na pakkamanti. Yepi pakkantā, tepi ‘‘puññavato sirisampattiṃ passissāmā’’ti āgacchanti. Yaṃ divasaṃ brāhmaṇo nagaraṃ anuvicarati, tadā pātova nagaravīthiyo sammajjitvā vālikaṃ okiritvā lājapañcamehi pupphehi vippakiritvā puṇṇaghaṭe ṭhapetvā kadaliyo ca dhaje ca ussāpetvā sakalanagaraṃ dhūpitavāsitaṃ karonti.
พฺราหฺมโณ ปาโตว สีสํ นฺหายิตฺวา ปุเรภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา วุตฺตนเยเนว เสตวตฺถาทีหิ อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห รถํ อภิรุหติฯ อถ นํ เต พฺราหฺมณา สพฺพเสตวตฺถวิเลปนมาลาลงฺการา เสตจฺฉตฺตานิ คเหตฺวา ปริวาเรนฺติฯ ตโต มหาชนสฺส สนฺนิปาตตฺถํ ปฐมํเยว ตรุณทารกานํ ผลาผลานิ วิกิรนฺติ, ตทนนฺตรํ มาสกรูปาทีนิ, ตทนนฺตรํ กหาปเณ วิกิรนฺติฯ มหาชโน สนฺนิปตติ, อุกฺกุฎฺฐิโย เจว เจลุเกฺขปา จ วตฺตนฺติฯ อถ พฺราหฺมโณ มงฺคลิกโสวตฺถิกาทีสุ มงฺคลานิ เจว สุวตฺถิโย จ กโรเนฺตสุ มหาสมฺปตฺติยา นครํ อนุวิจรติฯ ปุญฺญวนฺตา มนุสฺสา เอกภูมิกาทิปาสาเท อารุยฺห สุกปตฺตสทิสานิ วาตปานกวาฎานิ วิวริตฺวา โอโลเกนฺติฯ พฺราหฺมโณปิ อตฺตโน ยสสิริสมฺปตฺติยา นครํ อโชฺฌตฺถรโนฺต วิย ทกฺขิณทฺวาราภิมุโข โหติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ
Brāhmaṇo pātova sīsaṃ nhāyitvā purebhattaṃ bhuñjitvā vuttanayeneva setavatthādīhi attānaṃ alaṅkaritvā pāsādā oruyha rathaṃ abhiruhati. Atha naṃ te brāhmaṇā sabbasetavatthavilepanamālālaṅkārā setacchattāni gahetvā parivārenti. Tato mahājanassa sannipātatthaṃ paṭhamaṃyeva taruṇadārakānaṃ phalāphalāni vikiranti, tadanantaraṃ māsakarūpādīni, tadanantaraṃ kahāpaṇe vikiranti. Mahājano sannipatati, ukkuṭṭhiyo ceva celukkhepā ca vattanti. Atha brāhmaṇo maṅgalikasovatthikādīsu maṅgalāni ceva suvatthiyo ca karontesu mahāsampattiyā nagaraṃ anuvicarati. Puññavantā manussā ekabhūmikādipāsāde āruyha sukapattasadisāni vātapānakavāṭāni vivaritvā olokenti. Brāhmaṇopi attano yasasirisampattiyā nagaraṃ ajjhottharanto viya dakkhiṇadvārābhimukho hoti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.
ตเมนํ ชโน ทิสฺวาติ มหาชโน ตํ รถํ ทิสฺวาฯ พฺรหฺมนฺติ เสฎฺฐาธิวจนเมตํฯ พฺรหฺมํ วต โภ ยานนฺติ เสฎฺฐยานสทิสํ วต โภ ยานนฺติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ อิมเสฺสว โข เอตนฺติ, อานนฺท, มนุสฺสา นาม วณฺณภาณกานํ ธนํ ทตฺวา อตฺตโน ทาริกานํ วณฺณคีตํ คายาเปนฺติ ‘‘อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย มหทฺธโน มหาโภโค’’ติ, น จ เตน วณฺณภณนมเตฺตน อภิรูปา วา โหนฺติ มหทฺธนา วา, เอวเมว มหาชโน พฺราหฺมณสฺส รถํ ทิสฺวา – ‘‘พฺรหฺมํ วต โภ ยาน’’นฺติ กิญฺจาปิ เอวํ วณฺณํ ภณติ, น ปเนตํ ยานํ วณฺณภณนมเตฺตเนว พฺรหฺมยานํ นาม โหติฯ ลามกญฺหิ เอตํ ฉวํฯ ปรมเตฺถน ปน อิมเสฺสว โข เอตํ, อานนฺท, อริยสฺส อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อธิวจนํฯ อยญฺหิ สพฺพโทสวิคเมน เสโฎฺฐ, อิมินา จ อริยา นิพฺพานํ ยนฺตีติ พฺรหฺมยานํ อิติปิ, ธมฺมภูตตฺตา ยานตฺตา จ ธมฺมยานํ อิติปิ, อนุตฺตรตฺตา กิเลสสงฺคามสฺส จ วิชิตตฺตา อนุตฺตโร สงฺคามวิชโย อิติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ
Tamenaṃ jano disvāti mahājano taṃ rathaṃ disvā. Brahmanti seṭṭhādhivacanametaṃ. Brahmaṃ vata bho yānanti seṭṭhayānasadisaṃ vata bho yānanti ayamettha attho. Imasseva kho etanti, ānanda, manussā nāma vaṇṇabhāṇakānaṃ dhanaṃ datvā attano dārikānaṃ vaṇṇagītaṃ gāyāpenti ‘‘abhirūpo hoti dassanīyo mahaddhano mahābhogo’’ti, na ca tena vaṇṇabhaṇanamattena abhirūpā vā honti mahaddhanā vā, evameva mahājano brāhmaṇassa rathaṃ disvā – ‘‘brahmaṃ vata bho yāna’’nti kiñcāpi evaṃ vaṇṇaṃ bhaṇati, na panetaṃ yānaṃ vaṇṇabhaṇanamatteneva brahmayānaṃ nāma hoti. Lāmakañhi etaṃ chavaṃ. Paramatthena pana imasseva kho etaṃ, ānanda, ariyassa aṭṭhaṅgikassa maggassa adhivacanaṃ. Ayañhi sabbadosavigamena seṭṭho, iminā ca ariyā nibbānaṃ yantīti brahmayānaṃ itipi, dhammabhūtattā yānattā ca dhammayānaṃ itipi, anuttarattā kilesasaṅgāmassa ca vijitattā anuttaro saṅgāmavijayo itipi vattuṃ vaṭṭati.
อิทานิสฺส นิโทฺทสภาวเญฺจว สงฺคามวิชยภาวญฺจ ทเสฺสโนฺต ราควินยปริโยสานาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ราคํ วินยมานา ปริโยสาเปติ ปริโยสานํ คจฺฉติ นิปฺผชฺชตีติ ราควินยปริโยสานาฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
Idānissa niddosabhāvañceva saṅgāmavijayabhāvañca dassento rāgavinayapariyosānātiādimāha. Tattha rāgaṃ vinayamānā pariyosāpeti pariyosānaṃ gacchati nipphajjatīti rāgavinayapariyosānā. Esa nayo sabbattha.
ยสฺส สทฺธา จ ปญฺญา จาติ ยสฺส อริยมคฺคยานสฺส สทฺธานุสาริวเสน สทฺธา, ธมฺมานุสาริวเสน ปญฺญาติ อิเม เทฺว ธมฺมา สทา ธุรํ ยุตฺตา, ตตฺรมชฺฌตฺตตายุเค ยุตฺตาติ อโตฺถฯ หิรี อีสาติ อตฺตนา สทฺธิํ อธิวิเฎฺฐน พหิทฺธาสมุฎฺฐาเนน โอตฺตเปฺปน สทฺธิํ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานา หิรี ยสฺส มคฺครถสฺส อีสาฯ มโน โยตฺตนฺติ วิปสฺสนาจิตฺตญฺจ มคฺคจิตฺตญฺจ โยตฺตํฯ ยถา หิ รถสฺส วากาทิมยํ โยตฺตํ โคเณ เอกาพเทฺธ กโรติ เอกสงฺคหิเต, เอวํ มคฺครถสฺส โลกิยวิปสฺสนาจิตฺตํ อติเรกปญฺญาส, โลกุตฺตรวิปสฺสนาจิตฺตํ อติเรกสฎฺฐิ กุสลธเมฺม เอกาพเทฺธ เอกสงฺคเห กโรติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มโน โยตฺต’’นฺติฯ สติ อารกฺขสารถีติ มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ อารกฺขสารถิฯ ยถา หิ รถสฺส อารโกฺข สารถิ นาม โยคฺคิโยฯ ธุรํ วาเหติ โยเชติ อกฺขํ อพฺภญฺชติ รถํ เปเสติ รถยุตฺตเก นิพฺพิเสวเน กโรติ, เอวํ มคฺครถสฺส สติฯ อยญฺหิ อารกฺขปจฺจุปฎฺฐานา เจว กุสลากุสลานญฺจ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺวสตีติ วุตฺตาฯ
Yassa saddhā ca paññā cāti yassa ariyamaggayānassa saddhānusārivasena saddhā, dhammānusārivasena paññāti ime dve dhammā sadā dhuraṃ yuttā, tatramajjhattatāyuge yuttāti attho. Hirī īsāti attanā saddhiṃ adhiviṭṭhena bahiddhāsamuṭṭhānena ottappena saddhiṃ ajjhattasamuṭṭhānā hirī yassa maggarathassa īsā. Mano yottanti vipassanācittañca maggacittañca yottaṃ. Yathā hi rathassa vākādimayaṃ yottaṃ goṇe ekābaddhe karoti ekasaṅgahite, evaṃ maggarathassa lokiyavipassanācittaṃ atirekapaññāsa, lokuttaravipassanācittaṃ atirekasaṭṭhi kusaladhamme ekābaddhe ekasaṅgahe karoti. Tena vuttaṃ ‘‘mano yotta’’nti. Sati ārakkhasārathīti maggasampayuttā sati ārakkhasārathi. Yathā hi rathassa ārakkho sārathi nāma yoggiyo. Dhuraṃ vāheti yojeti akkhaṃ abbhañjati rathaṃ peseti rathayuttake nibbisevane karoti, evaṃ maggarathassa sati. Ayañhi ārakkhapaccupaṭṭhānā ceva kusalākusalānañca dhammānaṃ gatiyo samanvesatīti vuttā.
รโถติ อริยอฎฺฐงฺคิกมคฺครโถฯ สีลปริกฺขาโรติ จตุปาริสุทฺธิสีลาลงฺกาโรฯ ฌานโกฺขติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตานํ ปญฺจนฺนํ ฌานงฺคานํ วเสน ฌานมยอโกฺขฯ จกฺกวีริโยติ วีริยจโกฺก, กายิกเจตสิกสงฺขาตานิ เทฺว วีริยานิ อสฺส จกฺกานีติ อโตฺถฯ อุเปกฺขา ธุรสมาธีติ ธุรสฺส สมาธิ, อุนฺนโตนตาการสฺส อภาเวน ทฺวินฺนมฺปิ ยุคปเทสานํ สมตาติ อโตฺถฯ อยญฺหิ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จิตฺตุปฺปาทสฺส ลีนุทฺธจฺจภาวํ หริตฺวา ปโยคมชฺฌเตฺต จิตฺตํ ฐเปติ, ตสฺมา อิมสฺส มคฺครถสฺส ‘‘ธุรสมาธี’’ติ วุตฺตาฯ อนิจฺฉา ปริวารณนฺติ พาหิรกรถสฺส สีหจมฺมาทีนิ วิย อิมสฺสาปิ อริยมคฺครถสฺส อโลภสงฺขาตา อนิจฺฉา ปริวารณํ นามฯ
Rathoti ariyaaṭṭhaṅgikamaggaratho. Sīlaparikkhāroti catupārisuddhisīlālaṅkāro. Jhānakkhoti vipassanāsampayuttānaṃ pañcannaṃ jhānaṅgānaṃ vasena jhānamayaakkho. Cakkavīriyoti vīriyacakko, kāyikacetasikasaṅkhātāni dve vīriyāni assa cakkānīti attho. Upekkhā dhurasamādhīti dhurassa samādhi, unnatonatākārassa abhāvena dvinnampi yugapadesānaṃ samatāti attho. Ayañhi tatramajjhattupekkhā cittuppādassa līnuddhaccabhāvaṃ haritvā payogamajjhatte cittaṃ ṭhapeti, tasmā imassa maggarathassa ‘‘dhurasamādhī’’ti vuttā. Anicchā parivāraṇanti bāhirakarathassa sīhacammādīni viya imassāpi ariyamaggarathassa alobhasaṅkhātā anicchā parivāraṇaṃ nāma.
อพฺยาปาโทติ เมตฺตา จ เมตฺตาปุพฺพภาโค จฯ อวิหิํสาติ กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จฯ วิเวโกติ กายวิเวกาทิ ติวิธวิเวโกฯ ยสฺส อาวุธนฺติ ยสฺส อริยมคฺครเถ ฐิตสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตํ ปญฺจวิธํ อาวุธํฯ ยถา หิ รเถ ฐิโต ปญฺจหิ อาวุเธหิ สปเตฺต วิชฺฌติ, เอวํ โยคาวจโรปิ อิมสฺมิํ โลกิยโลกุตฺตรมคฺครเถ ฐิโต เมตฺตาย โทสํ วิชฺฌติ, กรุณาย วิหิํสํ , กายวิเวเกน คณสงฺคณิกํ, จิตฺตวิเวเกน กิเลสสงฺคณิกํ, อุปธิวิเวเกน สพฺพากุสลํ วิชฺฌติฯ เตนเสฺสตํ ปญฺจวิธํ ‘‘อาวุธ’’นฺติ วุตฺตํฯ ติติกฺขาติ ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ อธิวาสนกฺขนฺติฯ จมฺมสนฺนาโหติ สนฺนทฺธจโมฺมฯ ยถา หิ รเถ ฐิโต รถิโก ปฎิมุกฺกจโมฺม อาคตาคเต สเร ขมติ, น นํ เต วิชฺฌนฺติ, เอวํ อธิวาสนกฺขนฺติสมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาคตาคเต วจนปเถ ขมติ, น นํ เต วิชฺฌนฺติฯ ตสฺมา ‘‘ติติกฺขา จมฺมสนฺนาโห’’ติ วุโตฺตฯ โยคเกฺขมาย วตฺตตีติ จตูหิ โยเคหิ เขมาย นิพฺพานาย วตฺตติ, นิพฺพานาภิมุโข คจฺฉติเยว, น ติฎฺฐติ น ภิชฺชตีติ อโตฺถฯ
Abyāpādoti mettā ca mettāpubbabhāgo ca. Avihiṃsāti karuṇā ca karuṇāpubbabhāgo ca. Vivekoti kāyavivekādi tividhaviveko. Yassa āvudhanti yassa ariyamaggarathe ṭhitassa kulaputtassa etaṃ pañcavidhaṃ āvudhaṃ. Yathā hi rathe ṭhito pañcahi āvudhehi sapatte vijjhati, evaṃ yogāvacaropi imasmiṃ lokiyalokuttaramaggarathe ṭhito mettāya dosaṃ vijjhati, karuṇāya vihiṃsaṃ , kāyavivekena gaṇasaṅgaṇikaṃ, cittavivekena kilesasaṅgaṇikaṃ, upadhivivekena sabbākusalaṃ vijjhati. Tenassetaṃ pañcavidhaṃ ‘‘āvudha’’nti vuttaṃ. Titikkhāti duruttānaṃ durāgatānaṃ vacanapathānaṃ adhivāsanakkhanti. Cammasannāhoti sannaddhacammo. Yathā hi rathe ṭhito rathiko paṭimukkacammo āgatāgate sare khamati, na naṃ te vijjhanti, evaṃ adhivāsanakkhantisamannāgato bhikkhu āgatāgate vacanapathe khamati, na naṃ te vijjhanti. Tasmā ‘‘titikkhā cammasannāho’’ti vutto. Yogakkhemāya vattatīti catūhi yogehi khemāya nibbānāya vattati, nibbānābhimukho gacchatiyeva, na tiṭṭhati na bhijjatīti attho.
เอตทตฺตนิ สมฺภูตนฺติ เอตํ มคฺคยานํ อตฺตโน ปุริสการํ นิสฺสาย ลทฺธตฺตา อตฺตนิ สมฺภูตํ นาม โหติฯ พฺรหฺมยานํ อนุตฺตรนฺติ อสทิสํ เสฎฺฐยานํฯ นิยฺยนฺติ ธีรา โลกมฺหาติ เยสํ เอตํ ยานํ อตฺถิ, เต ธีรา ปณฺฑิตปุริสา โลกมฺหา นิยฺยนฺติ คจฺฉนฺติฯ อญฺญทตฺถูติ เอกํเสนฯ ชยํ ชยนฺติ ราคาทโย สปเตฺต ชินนฺตา ชินนฺตาฯ
Etadattani sambhūtanti etaṃ maggayānaṃ attano purisakāraṃ nissāya laddhattā attani sambhūtaṃ nāma hoti. Brahmayānaṃ anuttaranti asadisaṃ seṭṭhayānaṃ. Niyyanti dhīrā lokamhāti yesaṃ etaṃ yānaṃ atthi, te dhīrā paṇḍitapurisā lokamhā niyyanti gacchanti. Aññadatthūti ekaṃsena. Jayaṃ jayanti rāgādayo sapatte jinantā jinantā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. ชาณุโสฺสณิพฺราหฺมณสุตฺตํ • 4. Jāṇussoṇibrāhmaṇasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. ชาณุโสฺสณิพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา • 4. Jāṇussoṇibrāhmaṇasuttavaṇṇanā