Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. ชราวโคฺค
5. Jarāvaggo
๑. ชราธมฺมสุตฺตวณฺณนา
1. Jarādhammasuttavaṇṇanā
๕๑๑. ปญฺจมวคฺคสฺส ปฐเม ปจฺฉาตเปติ ปาสาทจฺฉายาย ปุรตฺถิมทิสํ ปฎิจฺฉนฺนตฺตา ปาสาทสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค อาตโป โหติ, ตสฺมิํ ฐาเน ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺนติ อโตฺถ ฯ ปิฎฺฐิํ โอตาปยมาโนติ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสปิ อุปาทินฺนกสรีเร อุณฺหกาเล อุณฺหํ โหติ, สีตกาเล สีตํ, อยญฺจ หิมปาตสีตสมโยฯ ตสฺมา มหาจีวรํ โอตาเรตฺวา สูริยรสฺมีหิ ปิฎฺฐิํ โอตาปยมาโน นิสีทิฯ
511. Pañcamavaggassa paṭhame pacchātapeti pāsādacchāyāya puratthimadisaṃ paṭicchannattā pāsādassa pacchimadisābhāge ātapo hoti, tasmiṃ ṭhāne paññattavarabuddhāsane nisinnoti attho . Piṭṭhiṃ otāpayamānoti yasmā sammāsambuddhassapi upādinnakasarīre uṇhakāle uṇhaṃ hoti, sītakāle sītaṃ, ayañca himapātasītasamayo. Tasmā mahācīvaraṃ otāretvā sūriyarasmīhi piṭṭhiṃ otāpayamāno nisīdi.
กิํ ปน พุทฺธรสฺมิโย มทฺทิตฺวา สูริยรสฺมิ อโนฺต ปวิสิตุํ สโกฺกตีติ? น สโกฺกติฯ เอวํ สเนฺต กิํ ตาเปตีติ? รสฺมิเตชํฯ ยเถว หิ ฐิตมชฺฌนฺหิเก ปริมณฺฑลาย ฉายาย รุกฺขมูเล นิสินฺนสฺส กิญฺจาปิ สูริยรสฺมิโย สรีรํ น ผุสนฺติ, สพฺพทิสาสุ ปน เตโช ผรติ, อคฺคิชาลาหิ ปริกฺขิโตฺต วิย โหติ, เอวํ สูริยรสฺมีสุ พุทฺธรสฺมิโย มทฺทิตฺวา อโนฺต ปวิสิตุํ อสกฺกุณนฺตีสุปิ สตฺถา เตชํ ตาเปโนฺต นิสิโนฺนติ เวทิตโพฺพฯ
Kiṃ pana buddharasmiyo madditvā sūriyarasmi anto pavisituṃ sakkotīti? Na sakkoti. Evaṃ sante kiṃ tāpetīti? Rasmitejaṃ. Yatheva hi ṭhitamajjhanhike parimaṇḍalāya chāyāya rukkhamūle nisinnassa kiñcāpi sūriyarasmiyo sarīraṃ na phusanti, sabbadisāsu pana tejo pharati, aggijālāhi parikkhitto viya hoti, evaṃ sūriyarasmīsu buddharasmiyo madditvā anto pavisituṃ asakkuṇantīsupi satthā tejaṃ tāpento nisinnoti veditabbo.
อโนมชฺชโนฺตติ ปิฎฺฐิปริกมฺมกรณวเสน อนุมชฺชโนฺตฯ อจฺฉริยํ ภเนฺตติ เถโร ภควโต ปิฎฺฐิโต มหาจีวรํ โอตาเรตฺวา นิสินฺนสฺส ทฺวินฺนํ อํสกูฎานํ อนฺตเร สุวณฺณาวฎฺฎํ วิย เกสคฺคปฺปมาณํ วลิยาวฎฺฎํ ทิสฺวา – ‘‘เอวรูเปปิ นาม สรีเร ชรา ปญฺญายตี’’ติ สญฺชาตสํเวโค ชรํ ครหโนฺต เอวมาหฯ ครหนจฺฉริยํ นาม กิเรตํฯ
Anomajjantoti piṭṭhiparikammakaraṇavasena anumajjanto. Acchariyaṃ bhanteti thero bhagavato piṭṭhito mahācīvaraṃ otāretvā nisinnassa dvinnaṃ aṃsakūṭānaṃ antare suvaṇṇāvaṭṭaṃ viya kesaggappamāṇaṃ valiyāvaṭṭaṃ disvā – ‘‘evarūpepi nāma sarīre jarā paññāyatī’’ti sañjātasaṃvego jaraṃ garahanto evamāha. Garahanacchariyaṃ nāma kiretaṃ.
น เจวํ ทานิ, ภเนฺต, ภควโต ตาว ปริสุโทฺธติ ยถา ปกติยา ฉวิวโณฺณ ปริสุโทฺธ, น เอวเมตรหีติ ทีเปโนฺต เอวมาหฯ ตถาคตสฺส หิ ทหรกาเล สงฺกุสตสมพฺภาหตํ อุสภจมฺมํ วิย วิหตวลิโก กาโย โหติ, ตสฺมิํ ฐปิโต หโตฺถ ภสฺสเตว, น สนฺติฎฺฐติ, เตลปุญฺฉนาการปฺปโตฺต วิย โหติฯ มหลฺลกกาเล ปน สิราชาลา มิลายนฺติ, สนฺธิปพฺพานิ สิถิลานิ โหนฺติ, มํสํ อฎฺฐิโต มุจฺจิตฺวา สิถิลภาวํ อาปชฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ โอลมฺพติฯ พุทฺธานํ ปน เอวรูปํ น โหติฯ อเญฺญสํ อปากฎํ, สนฺติกาวจรตฺตา อานนฺทเตฺถรเสฺสว ปากฎํ โหติ, ตสฺมา เอวมาหฯ
Na cevaṃ dāni, bhante, bhagavato tāva parisuddhoti yathā pakatiyā chavivaṇṇo parisuddho, na evametarahīti dīpento evamāha. Tathāgatassa hi daharakāle saṅkusatasamabbhāhataṃ usabhacammaṃ viya vihatavaliko kāyo hoti, tasmiṃ ṭhapito hattho bhassateva, na santiṭṭhati, telapuñchanākārappatto viya hoti. Mahallakakāle pana sirājālā milāyanti, sandhipabbāni sithilāni honti, maṃsaṃ aṭṭhito muccitvā sithilabhāvaṃ āpajjitvā tattha tattha olambati. Buddhānaṃ pana evarūpaṃ na hoti. Aññesaṃ apākaṭaṃ, santikāvacarattā ānandattherasseva pākaṭaṃ hoti, tasmā evamāha.
สิถิลานิ จ คตฺตานีติ อเญฺญสํ มุเข อํสกูฎนฺตเรหิ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ วลิโย สนฺติฎฺฐนฺติ, สตฺถุ ปเนตํ นตฺถิ, เถโร จ ทฺวินฺนํ อํสกูฎานํ อนฺตเร วลิยาวฎฺฎกํ ทิสฺวา เอวมาหฯ สพฺพานิ วลิยชาตานีติ อิทมฺปิ อตฺตโน ปากฎวเสน เอวมาห – สตฺถุ ปน อเญฺญสํ วิย วลิโย นาม นตฺถิฯ ปุรโต ปพฺภาโร จ กาโยติ สตฺถา พฺรหฺมุชุคโตฺต, เทวนคเร สมุสฺสิตสุวณฺณโตรณํ วิยสฺส กาโย อุชุกเมว อุคฺคโตฯ มหลฺลกกาเล ปน กาโย ปุรโต วโงฺก โหติ, สฺวายํ อเญฺญสํ อปากโฎ, สนฺติกาวจรตฺตา ปน เถรเสฺสว ปากโฎ, ตสฺมา เอวมาหฯ ทิสฺสติ จ อินฺทฺริยานํ อญฺญถตฺตนฺติ อินฺทฺริยานิ นาม น จกฺขุวิเญฺญยฺยานิฯ ยโต ปน ปกติยา ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ, อิทานิ น ตถา ปริสุโทฺธ, อํสกูฎนฺตเร วลิ ปญฺญายติ , พฺรหฺมุชุกาโย ปุรโต วโงฺก, อิมินาว การเณน จกฺขาทีนญฺจ อินฺทฺริยานํ อญฺญถเตฺตน ภวิตพฺพนฺติ นยคฺคาหโต เอวมาหฯ ธี ตํ ชมฺมิ ชเร อตฺถูติ ลามเก ชเร ธี ตํ ตุยฺหํ โหตุ, ธิกฺกาโร ตํ ผุสตุฯ พิมฺพนฺติ อตฺตภาโวฯ
Sithilāni ca gattānīti aññesaṃ mukhe aṃsakūṭantarehi tesu tesu ṭhānesu valiyo santiṭṭhanti, satthu panetaṃ natthi, thero ca dvinnaṃ aṃsakūṭānaṃ antare valiyāvaṭṭakaṃ disvā evamāha. Sabbāni valiyajātānīti idampi attano pākaṭavasena evamāha – satthu pana aññesaṃ viya valiyo nāma natthi. Purato pabbhāro ca kāyoti satthā brahmujugatto, devanagare samussitasuvaṇṇatoraṇaṃ viyassa kāyo ujukameva uggato. Mahallakakāle pana kāyo purato vaṅko hoti, svāyaṃ aññesaṃ apākaṭo, santikāvacarattā pana therasseva pākaṭo, tasmā evamāha. Dissati ca indriyānaṃ aññathattanti indriyāni nāma na cakkhuviññeyyāni. Yato pana pakatiyā parisuddho chavivaṇṇo, idāni na tathā parisuddho, aṃsakūṭantare vali paññāyati , brahmujukāyo purato vaṅko, imināva kāraṇena cakkhādīnañca indriyānaṃ aññathattena bhavitabbanti nayaggāhato evamāha. Dhī taṃ jammi jare atthūti lāmake jare dhī taṃ tuyhaṃ hotu, dhikkāro taṃ phusatu. Bimbanti attabhāvo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ชราธมฺมสุตฺตํ • 1. Jarādhammasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. ชราธมฺมสุตฺตวณฺณนา • 1. Jarādhammasuttavaṇṇanā