Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. ชรามรณสุตฺตวณฺณนา
3. Jarāmaraṇasuttavaṇṇanā
๑๑๔. ตติเย อญฺญตฺร ชรามรณาติ ชรามรณโต มุโตฺต นาม อตฺถีติ วุจฺจติฯ ขตฺติยมหาสาลาติ ขตฺติยมหาสาลา นาม มหาสารปฺปตฺตา ขตฺติยาฯ เยสํ หิ ขตฺติยานํ เหฎฺฐิมเนฺตน โกฎิสตํ นิธานคตํ โหติ, ตโย กหาปณกุมฺภา วลญฺชนตฺถาย เคหมเชฺฌ ราสิํ กตฺวา ฐปิตา โหนฺติ, เต ขตฺติยมหาสาลา นามฯ เยสํ พฺราหฺมณานํ อสีติโกฎิธนํ นิหิตํ โหติ, ทิยโฑฺฒ กหาปณกุโมฺภ วลญฺชนตฺถาย เคหมเชฺฌ ราสิํ กตฺวา ฐปิโต โหติ, เต พฺราหฺมณมหาสาลา นามฯ เยสํ คหปตีนํ จตฺตาลีสโกฎิธนํ นิหิตํ โหติ, กหาปณกุโมฺภ วลญฺชนตฺถาย เคหมเชฺฌ ราสิํ กตฺวา ฐปิโต โหติ, เต คหปติมหาสาลา นามฯ
114. Tatiye aññatra jarāmaraṇāti jarāmaraṇato mutto nāma atthīti vuccati. Khattiyamahāsālāti khattiyamahāsālā nāma mahāsārappattā khattiyā. Yesaṃ hi khattiyānaṃ heṭṭhimantena koṭisataṃ nidhānagataṃ hoti, tayo kahāpaṇakumbhā valañjanatthāya gehamajjhe rāsiṃ katvā ṭhapitā honti, te khattiyamahāsālā nāma. Yesaṃ brāhmaṇānaṃ asītikoṭidhanaṃ nihitaṃ hoti, diyaḍḍho kahāpaṇakumbho valañjanatthāya gehamajjhe rāsiṃ katvā ṭhapito hoti, te brāhmaṇamahāsālā nāma. Yesaṃ gahapatīnaṃ cattālīsakoṭidhanaṃ nihitaṃ hoti, kahāpaṇakumbho valañjanatthāya gehamajjhe rāsiṃ katvā ṭhapito hoti, te gahapatimahāsālā nāma.
อฑฺฒาติ อิสฺสราฯ นิธานคตธนสฺส มหนฺตตาย มหทฺธนาฯ สุวณฺณรชตภาชนาทีนํ อุปโภคภณฺฑานํ มหนฺตตาย มหาโภคาฯ อนิธานคตสฺส ชาตรูปรชตสฺส ปหูตตาย, ปหูตชาตรูปรชตา ฯ วิตฺตูปกรณสฺส ตุฎฺฐิกรณสฺส ปหูตตาย ปหูตวิตฺตูปกรณาฯ โคธนาทีนญฺจ สตฺตวิธธญฺญานญฺจ ปหูตตาย ปหูตธนธญฺญาฯ เตสมฺปิ ชาตานํ นตฺถิ อญฺญตฺร ชรามรณาติ เตสมฺปิ เอวํ อิสฺสรานํ ชาตานํ นิพฺพตฺตานํ นตฺถิ อญฺญตฺร ชรามรณา, ชาตตฺตาเยว ชรามรณโต โมโกฺข นาม นตฺถิ, อโนฺตชรามรเณเยว โหติฯ
Aḍḍhāti issarā. Nidhānagatadhanassa mahantatāya mahaddhanā. Suvaṇṇarajatabhājanādīnaṃ upabhogabhaṇḍānaṃ mahantatāya mahābhogā. Anidhānagatassa jātarūparajatassa pahūtatāya, pahūtajātarūparajatā. Vittūpakaraṇassa tuṭṭhikaraṇassa pahūtatāya pahūtavittūpakaraṇā. Godhanādīnañca sattavidhadhaññānañca pahūtatāya pahūtadhanadhaññā. Tesampi jātānaṃ natthi aññatra jarāmaraṇāti tesampi evaṃ issarānaṃ jātānaṃ nibbattānaṃ natthi aññatra jarāmaraṇā, jātattāyeva jarāmaraṇato mokkho nāma natthi, antojarāmaraṇeyeva hoti.
อรหโนฺตติอาทีสุ อารกา กิเลเสหีติ อรหโนฺตฯ ขีณา เอเตสํ จตฺตาโร อาสวาติ ขีณาสวาฯ พฺรหฺมจริยวาสํ วุฎฺฐา ปรินิฎฺฐิตวาสาติ วุสิตวโนฺตฯ จตูหิ มเคฺคหิ กรณียํ เอเตสํ กตนฺติ กตกรณียาฯ ขนฺธภาโร กิเลสภาโร อภิสงฺขารภาโร กามคุณภาโรติ, อิเม โอหิตา ภารา เอเตสนฺติ โอหิตภาราฯ อนุปฺปโตฺต อรหตฺตสงฺขาโต สโก อโตฺถ เอเตสนฺติ อนุปฺปตฺตสทตฺถาฯ ทสวิธมฺปิ ปริกฺขีณํ ภวสํโยชนํ เอเตสนฺติ ปริกฺขีณภวสํโยชนาฯ สมฺมา การเณหิ ชานิตฺวา วิมุตฺตาติ สมฺมทญฺญาวิมุตฺตาฯ มคฺคปญฺญาย จตุสจฺจธมฺมํ ญตฺวา ผลวิมุตฺติยา วิมุตฺตาติ อโตฺถฯ เภทนธโมฺมติ ภิชฺชนสภาโวฯ นิเกฺขปนธโมฺมติ นิกฺขิปิตพฺพสภาโวฯ ขีณาสวสฺส หิ อชีรณธโมฺมปิ อตฺถิ, อารมฺมณโต ปฎิวิทฺธํ นิพฺพานํ, ตํ หิ น ชีรติฯ อิธ ปนสฺส ชีรณธมฺมํ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ อตฺถุปฺปตฺติโก กิรสฺส สุตฺตสฺส นิเกฺขโปฯ สิวิกสาลาย นิสีทิตฺวา กถิตนฺติ วทนฺติฯ ตตฺถ ภควา จิตฺรานิ รถยานาทีนิ ทิสฺวา ทิฎฺฐเมว อุปมํ กตฺวา, ‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา’’ติ คาถมาหฯ
Arahantotiādīsu ārakā kilesehīti arahanto. Khīṇā etesaṃ cattāro āsavāti khīṇāsavā. Brahmacariyavāsaṃ vuṭṭhā pariniṭṭhitavāsāti vusitavanto. Catūhi maggehi karaṇīyaṃ etesaṃ katanti katakaraṇīyā. Khandhabhāro kilesabhāro abhisaṅkhārabhāro kāmaguṇabhāroti, ime ohitā bhārā etesanti ohitabhārā. Anuppatto arahattasaṅkhāto sako attho etesanti anuppattasadatthā. Dasavidhampi parikkhīṇaṃ bhavasaṃyojanaṃ etesanti parikkhīṇabhavasaṃyojanā. Sammā kāraṇehi jānitvā vimuttāti sammadaññāvimuttā. Maggapaññāya catusaccadhammaṃ ñatvā phalavimuttiyā vimuttāti attho. Bhedanadhammoti bhijjanasabhāvo. Nikkhepanadhammoti nikkhipitabbasabhāvo. Khīṇāsavassa hi ajīraṇadhammopi atthi, ārammaṇato paṭividdhaṃ nibbānaṃ, taṃ hi na jīrati. Idha panassa jīraṇadhammaṃ dassento evamāha. Atthuppattiko kirassa suttassa nikkhepo. Sivikasālāya nisīditvā kathitanti vadanti. Tattha bhagavā citrāni rathayānādīni disvā diṭṭhameva upamaṃ katvā, ‘‘jīranti ve rājarathā’’ti gāthamāha.
ตตฺถ ชีรนฺตีติ ชรํ ปาปุณนฺติฯ ราชรถาติ รโญฺญ อภิรูหนรถาฯ สุจิตฺตาติ สุวณฺณรชตาทีหิ สุฎฺฐุ จิตฺติตาฯ อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปตีติ เอวรูเปสุ อนุปาทิณฺณเกสุ สารทารุมเยสุ รเถสุ ชีรเนฺตสุ อิมสฺมิํ อชฺฌตฺติเก อุปาทิณฺณเก มํสโลหิตาทิมเย สรีเร กิํ วตฺตพฺพํ? สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติเยวาติ อโตฺถฯ สโนฺต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตีติ สโนฺต สพฺภีหิ สทฺธิํ สตํ ธโมฺม น ชรํ อุเปตีติ เอวํ ปเวทยนฺติฯ ‘‘สตํ ธโมฺม นาม นิพฺพานํ, ตํ น ชีรติ, อชรํ อมตนฺติ เอวํ กเถนฺตี’’ติ อโตฺถฯ ยสฺมา วา นิพฺพานํ อาคมฺม สีทนสภาวา กิเลสา ภิชฺชนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺภีติ วุจฺจติฯ อิติ ปุริมปทสฺส การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สโนฺต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติ อาหฯ อิทํ หิ วุตฺตํ โหติ – สตํ ธโมฺม น ชรํ อุเปติ, ตสฺมา สโนฺต สพฺภิ ปเวทยนฺติฯ อชรํ นิพฺพานํ สตํ ธโมฺมติ อาจิกฺขนฺตีติ อโตฺถฯ สุนฺทราธิวจนํ วา เอตํ สพฺภีติฯ ยํ สพฺภิธมฺมภูตํ นิพฺพานํ สโนฺต ปเวทยนฺติ กถยนฺติ, โส สตํ ธโมฺม น ชรํ อุเปตีติปิ อโตฺถฯ ตติยํฯ
Tattha jīrantīti jaraṃ pāpuṇanti. Rājarathāti rañño abhirūhanarathā. Sucittāti suvaṇṇarajatādīhi suṭṭhu cittitā. Atho sarīrampi jaraṃ upetīti evarūpesu anupādiṇṇakesu sāradārumayesu rathesu jīrantesu imasmiṃ ajjhattike upādiṇṇake maṃsalohitādimaye sarīre kiṃ vattabbaṃ? Sarīrampi jaraṃ upetiyevāti attho. Santo have sabbhi pavedayantīti santo sabbhīhi saddhiṃ sataṃ dhammo na jaraṃ upetīti evaṃ pavedayanti. ‘‘Sataṃ dhammo nāma nibbānaṃ, taṃ na jīrati, ajaraṃ amatanti evaṃ kathentī’’ti attho. Yasmā vā nibbānaṃ āgamma sīdanasabhāvā kilesā bhijjanti, tasmā taṃ sabbhīti vuccati. Iti purimapadassa kāraṇaṃ dassento ‘‘santo have sabbhi pavedayantī’’ti āha. Idaṃ hi vuttaṃ hoti – sataṃ dhammo na jaraṃ upeti, tasmā santo sabbhi pavedayanti. Ajaraṃ nibbānaṃ sataṃ dhammoti ācikkhantīti attho. Sundarādhivacanaṃ vā etaṃ sabbhīti. Yaṃ sabbhidhammabhūtaṃ nibbānaṃ santo pavedayanti kathayanti, so sataṃ dhammo na jaraṃ upetītipi attho. Tatiyaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. ชรามรณสุตฺตํ • 3. Jarāmaraṇasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. ชรามรณสุตฺตวณฺณนา • 3. Jarāmaraṇasuttavaṇṇanā