Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๕๖] ๖. ชรูทปานชาตกวณฺณนา

    [256] 6. Jarūdapānajātakavaṇṇanā

    ชรูทปานํ ขณมานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สาวตฺถิวาสิโน วาณิเช อารพฺภ กเถสิฯ เต กิร สาวตฺถิยํ ภณฺฑํ คเหตฺวา สกฎานิ ปูเรตฺวา โวหารตฺถาย คมนกาเล ตถาคตํ นิมเนฺตตฺวา สรณานิ คเหตฺวา สีเลสุ ปติฎฺฐาย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘มยํ, ภเนฺต, โวหารตฺถาย ทีฆมคฺคํ คมิสฺสาม, ภณฺฑํ วิสฺสเชฺชตฺวา สิทฺธิปฺปตฺตา โสตฺถินา ปจฺจาคนฺตฺวา ปน ตุเมฺห วนฺทิสฺสามา’’ติ วตฺวา มคฺคํ ปฎิปชฺชิํสุฯ เต กนฺตารมเคฺค ปุราณอุทปานํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺมิํ อุทปาเน ปานียํ นตฺถิ, มยญฺจ ปิปาสิตา, ขณิสฺสาม น’’นฺติ ขณนฺตา ปฎิปาฎิยา พหุํ อยํ…เป.… เวฬุริยํ ลภิํสุฯ เต เตเนว สนฺตุฎฺฐา หุตฺวา เตสํ รตนานํ สกฎานิ ปูเรตฺวา โสตฺถินา สาวตฺถิํ ปจฺจาคมิํสุฯ เต อาภตํ ธนํ ปฎิสาเมตฺวา มยํ ‘‘สิทฺธิปฺปตฺตา ภตฺตํ ทสฺสามา’’ติ ตถาคตํ นิมเนฺตตฺวา ทานํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา อตฺตโน ธนสฺส ลทฺธาการํ สตฺถุ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ‘‘ตุเมฺห โข อุปาสกา เตน ธเนน สนฺตุฎฺฐา หุตฺวา ปมาณญฺญุตาย ธนญฺจ ชีวิตญฺจ อลภิตฺถ, โปราณกา ปน อสนฺตุฎฺฐา อมตฺตญฺญุโน ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา ชีวิกฺขยํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Jarūdapānaṃ khaṇamānāti idaṃ satthā jetavane viharanto sāvatthivāsino vāṇije ārabbha kathesi. Te kira sāvatthiyaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā sakaṭāni pūretvā vohāratthāya gamanakāle tathāgataṃ nimantetvā saraṇāni gahetvā sīlesu patiṭṭhāya satthāraṃ vanditvā ‘‘mayaṃ, bhante, vohāratthāya dīghamaggaṃ gamissāma, bhaṇḍaṃ vissajjetvā siddhippattā sotthinā paccāgantvā pana tumhe vandissāmā’’ti vatvā maggaṃ paṭipajjiṃsu. Te kantāramagge purāṇaudapānaṃ disvā ‘‘imasmiṃ udapāne pānīyaṃ natthi, mayañca pipāsitā, khaṇissāma na’’nti khaṇantā paṭipāṭiyā bahuṃ ayaṃ…pe… veḷuriyaṃ labhiṃsu. Te teneva santuṭṭhā hutvā tesaṃ ratanānaṃ sakaṭāni pūretvā sotthinā sāvatthiṃ paccāgamiṃsu. Te ābhataṃ dhanaṃ paṭisāmetvā mayaṃ ‘‘siddhippattā bhattaṃ dassāmā’’ti tathāgataṃ nimantetvā dānaṃ datvā vanditvā ekamantaṃ nisinnā attano dhanassa laddhākāraṃ satthu ārocesuṃ. Satthā ‘‘tumhe kho upāsakā tena dhanena santuṭṭhā hutvā pamāṇaññutāya dhanañca jīvitañca alabhittha, porāṇakā pana asantuṭṭhā amattaññuno paṇḍitānaṃ vacanaṃ akatvā jīvikkhayaṃ pattā’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พาราณสิยํ วาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต สตฺถวาหเชฎฺฐโก อโหสิฯ โส พาราณสิยํ ภณฺฑํ คเหตฺวา สกฎานิ ปูเรตฺวา พหู วาณิเช อาทาย ตเมว กนฺตารํ ปฎิปโนฺน ตเมว อุทปานํ อทฺทสฯ ตตฺถ เต วาณิชา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ ตํ อุทปานํ ขณนฺตา ปฎิปาฎิยา พหูนิ อยาทีนิ ลภิํสุฯ เต พหุมฺปิ รตนํ ลภิตฺวา เตน อสนฺตุฎฺฐา ‘‘อญฺญมฺปิ เอตฺถ อิโต สุนฺทรตรํ ภวิสฺสตี’’ติ ภิโยฺยโสมตฺตาย ตํ ขณิํสุเยวฯ อถ โพธิสโตฺต เต อาห – ‘‘โภ วาณิชา, โลโภ นาเมส วินาสมูลํ, อเมฺหหิ พหุ ธนํ ลทฺธํ, เอตฺตเกเนว สนฺตุฎฺฐา โหถ, มา อติขณถา’’ติฯ เต เตน นิวาริยมานาปิ ขณิํสุเยวฯ โส จ อุทปาโน นาคปริคฺคหิโต, อถสฺส เหฎฺฐา วสนกนาคราชา อตฺตโน วิมาเน ภิชฺชเนฺต เลฑฺฑูสู จ ปํสูสุ จ ปตมาเนสุ กุโทฺธ ฐเปตฺวา โพธิสตฺตํ อวเสเส สเพฺพปิ นาสิกวาเตน ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา นาคภวนา นิกฺขมฺม สกฎานิ โยเชตฺวา สพฺพรตนานํ ปูเรตฺวา โพธิสตฺตํ สุขยานเก นิสีทาเปตฺวา นาคมาณวเกหิ สทฺธิํ สกฎานิ โยชาเปโนฺต โพธิสตฺตํ พาราณสิํ เนตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา ตํ ปฎิสาเมตฺวา อตฺตโน นาคภวนเมว คโตฯ โพธิสโตฺต ตํ ธนํ วิสฺสเชฺชตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto bārāṇasiyaṃ vāṇijakule nibbattitvā vayappatto satthavāhajeṭṭhako ahosi. So bārāṇasiyaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā sakaṭāni pūretvā bahū vāṇije ādāya tameva kantāraṃ paṭipanno tameva udapānaṃ addasa. Tattha te vāṇijā ‘‘pānīyaṃ pivissāmā’’ti taṃ udapānaṃ khaṇantā paṭipāṭiyā bahūni ayādīni labhiṃsu. Te bahumpi ratanaṃ labhitvā tena asantuṭṭhā ‘‘aññampi ettha ito sundarataraṃ bhavissatī’’ti bhiyyosomattāya taṃ khaṇiṃsuyeva. Atha bodhisatto te āha – ‘‘bho vāṇijā, lobho nāmesa vināsamūlaṃ, amhehi bahu dhanaṃ laddhaṃ, ettakeneva santuṭṭhā hotha, mā atikhaṇathā’’ti. Te tena nivāriyamānāpi khaṇiṃsuyeva. So ca udapāno nāgapariggahito, athassa heṭṭhā vasanakanāgarājā attano vimāne bhijjante leḍḍūsū ca paṃsūsu ca patamānesu kuddho ṭhapetvā bodhisattaṃ avasese sabbepi nāsikavātena paharitvā jīvitakkhayaṃ pāpetvā nāgabhavanā nikkhamma sakaṭāni yojetvā sabbaratanānaṃ pūretvā bodhisattaṃ sukhayānake nisīdāpetvā nāgamāṇavakehi saddhiṃ sakaṭāni yojāpento bodhisattaṃ bārāṇasiṃ netvā gharaṃ pavesetvā taṃ paṭisāmetvā attano nāgabhavanameva gato. Bodhisatto taṃ dhanaṃ vissajjetvā sakalajambudīpaṃ unnaṅgalaṃ katvā dānaṃ datvā sīlaṃ samādiyitvā uposathakammaṃ katvā jīvitapariyosāne saggapuraṃ pūresi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā abhisambuddho hutvā imā gāthā avoca –

    ๑๖.

    16.

    ‘‘ชรูทปานํ ขณมานา, วาณิชา อุทกตฺถิกา;

    ‘‘Jarūdapānaṃ khaṇamānā, vāṇijā udakatthikā;

    อชฺฌคมุํ อยสํ โลหํ, ติปุสีสญฺจ วาณิชา;

    Ajjhagamuṃ ayasaṃ lohaṃ, tipusīsañca vāṇijā;

    รชตํ ชาตรูปญฺจ, มุตฺตา เวฬุริยา พหูฯ

    Rajataṃ jātarūpañca, muttā veḷuriyā bahū.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘เต จ เตน อสนฺตุฎฺฐา, ภิโยฺย ภิโยฺย อขาณิสุํ;

    ‘‘Te ca tena asantuṭṭhā, bhiyyo bhiyyo akhāṇisuṃ;

    เต ตตฺถาสีวิโส โฆโร, เตชสฺสี เตชสา หนิฯ

    Te tatthāsīviso ghoro, tejassī tejasā hani.

    ๑๘.

    18.

    ‘‘ตสฺมา ขเณ นาติขเณ, อติขาตญฺหิ ปาปกํ;

    ‘‘Tasmā khaṇe nātikhaṇe, atikhātañhi pāpakaṃ;

    ขาเตน จ ธนํ ลทฺธํ, อติขาเตน นาสิต’’นฺติฯ

    Khātena ca dhanaṃ laddhaṃ, atikhātena nāsita’’nti.

    ตตฺถ อยสนฺติ กาฬโลหํฯ โลหนฺติ ตมฺพโลหํฯ มุตฺตาติ มุตฺตาโยฯ เต จ เตน อสนฺตุฎฺฐาติ เต จ วาณิชา เตน ธเนน อสนฺตุฎฺฐาฯ เต ตตฺถาติ เต วาณิชา ตสฺมิํ อุทปาเนฯ เตชสฺสีติ วิสเตเชน สมนฺนาคโตฯ เตชสา หนีติ วิสเตเชน ฆาเตสิฯ อติขาเตน นาสิตนฺติ อติขเณน ตญฺจ ธนํ ชีวิตญฺจ นาสิตํฯ

    Tattha ayasanti kāḷalohaṃ. Lohanti tambalohaṃ. Muttāti muttāyo. Te ca tena asantuṭṭhāti te ca vāṇijā tena dhanena asantuṭṭhā. Te tatthāti te vāṇijā tasmiṃ udapāne. Tejassīti visatejena samannāgato. Tejasā hanīti visatejena ghātesi. Atikhātena nāsitanti atikhaṇena tañca dhanaṃ jīvitañca nāsitaṃ.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นาคราชา สาริปุโตฺต อโหสิ, สตฺถวาหเชฎฺฐโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā nāgarājā sāriputto ahosi, satthavāhajeṭṭhako pana ahameva ahosi’’nti.

    ชรูทปานชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ

    Jarūdapānajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๕๖. ชรูทปานชาตกํ • 256. Jarūdapānajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact