Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๘. ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Jātarūpasikkhāpadavaṇṇanā
รชตนฺติ น เกวลํ รูปิยเมว อิธาธิเปฺปตํ, อถ โข ยํ กิญฺจิ โวหารคมนียํ กหาปณาทิ จ เอตํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิฯ ตตฺถ กหาปโณติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๘๓-๕๘๔) สุวณฺณมโย วา รูปิยมโย วา ปากติโก วาฯ โลหมาสโก นาม ตมฺพโลหาทีหิ กตมาสโกฯ ทารุมาสโก นาม สารทารุนา วา เวฬุเปสิกาย วา อนฺตมโส ตาลปเณฺณนปิ รูปํ ฉินฺทิตฺวา กตมาสโกฯ ชตุมาสโก นาม ลาขาย วา นิยฺยาเสน วา รูปํ สมุฎฺฐาเปตฺวา กตมาสโกฯ ‘‘เย โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา ปน ปเทน โย โย ยตฺถ ยตฺถ ชนปเท ยทา ยทา โวหารํ คจฺฉติ, อนฺตมโส อฎฺฐิมโยปิ จมฺมมโยปิ รุกฺขผลพีชมโยปิ สมุฎฺฐาปิตรูโปปิ อสมุฎฺฐาปิตรูโปปิ สโพฺพ สงฺคหิโตฯ ตเทวาติ ชาตรูปรชตเมวฯ หิรญฺญํ นาม กหาปโณฯ
Rajatanti na kevalaṃ rūpiyameva idhādhippetaṃ, atha kho yaṃ kiñci vohāragamanīyaṃ kahāpaṇādi ca etaṃ adhippetanti āha ‘‘apicā’’tiādi. Tattha kahāpaṇoti (pārā. aṭṭha. 2.583-584) suvaṇṇamayo vā rūpiyamayo vā pākatiko vā. Lohamāsako nāma tambalohādīhi katamāsako. Dārumāsako nāma sāradārunā vā veḷupesikāya vā antamaso tālapaṇṇenapi rūpaṃ chinditvā katamāsako. Jatumāsako nāma lākhāya vā niyyāsena vā rūpaṃ samuṭṭhāpetvā katamāsako. ‘‘Ye vohāraṃ gacchantī’’ti iminā pana padena yo yo yattha yattha janapade yadā yadā vohāraṃ gacchati, antamaso aṭṭhimayopi cammamayopi rukkhaphalabījamayopi samuṭṭhāpitarūpopi asamuṭṭhāpitarūpopi sabbo saṅgahito. Tadevāti jātarūparajatameva. Hiraññaṃ nāma kahāpaṇo.
‘‘สาทิยตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘คณฺหิตุกาโม โหตี’’ติฯ น เกวลํ กายวาจาหิ ปฎิกฺขิตฺตเมว ปฎิกฺขิตฺตํ โหติ, อถ โข มนสาปิ ปฎิกฺขิตฺตํ ปฎิกฺขิตฺตเมว โหตีติ อาห ‘‘กายวาจาหี’’ติอาทิฯ สเจ ปน กายวาจาหิ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา จิเตฺตน อธิวาเสติ, กายวาจาหิ กตฺตพฺพสฺส ปฎิเกฺขปสฺส อกรณโต อกิริยสมุฎฺฐานํ กายวจีทฺวาเร อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ มโนทฺวาเร ปน อาปตฺติ นาม นตฺถิฯ
‘‘Sādiyatī’’ti vuttamevatthaṃ vibhāveti ‘‘gaṇhitukāmo hotī’’ti. Na kevalaṃ kāyavācāhi paṭikkhittameva paṭikkhittaṃ hoti, atha kho manasāpi paṭikkhittaṃ paṭikkhittameva hotīti āha ‘‘kāyavācāhī’’tiādi. Sace pana kāyavācāhi appaṭikkhipitvā cittena adhivāseti, kāyavācāhi kattabbassa paṭikkhepassa akaraṇato akiriyasamuṭṭhānaṃ kāyavacīdvāre āpattiṃ āpajjati. Manodvāre pana āpatti nāma natthi.
เอโก สตํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๘๓-๕๘๔) วา สหสฺสํ วา ปาทมูเล ฐเปติ ‘‘ตุยฺหิทํ โหตู’’ติ, ภิกฺขุ ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ อุปาสโก ‘‘ปริจฺจตฺตํ มยา ตุมฺหาก’’นฺติ คโต, อโญฺญ ตตฺถ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อิท’’นฺติฯ ยํ เตน จ อตฺตนา จ วุตฺตํ, ตํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ โส เจ วทติ ‘‘โคเปสฺสามิ, ภเนฺต, คุตฺตฎฺฐานํ ทเสฺสถา’’ติ, สตฺตภูมิกมฺปิ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ‘‘อิทํ คุตฺตฎฺฐาน’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํ, ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’’ติ น วตฺตพฺพํฯ เอตฺตาวตา กปฺปิยญฺจ อกปฺปิยญฺจ นิสฺสาย ฐิตํ โหติ, ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รกฺขเนฺตน วสิตพฺพํฯ สเจ กิญฺจิ วิกฺกายิกภณฺฑํ ปตฺตํ วา จีวรํ วา อาคจฺฉติ, ‘‘อิทํ คเหสฺสถ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘อุปาสก, อตฺถิ อมฺหากํ อิมินา อโตฺถ, วตฺถุ จ เอวรูปํ นาม สํวิชฺชติ, กปฺปิยการโก นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ โส วทติ ‘‘อหํ กปฺปิยการโก ภวิสฺสามิ, ทฺวารํ วิวริตฺวา เทถา’’ติ, ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ โอกาเส ฐปิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ, ‘‘อิมํ คณฺหา’’ติ น วตฺตพฺพํฯ เอวญฺจ กปฺปิยญฺจ อกปฺปิยญฺจ นิสฺสาย ฐิตเมว โหติฯ โส เจตํ คเหตฺวา ตสฺส กปฺปิยภณฺฑํ เทติ, วฎฺฎติฯ สเจ อธิกํ คณฺหาติ, ‘‘น มยํ ตว ภณฺฑํ คณฺหาม, นิกฺขมาหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ
Eko sataṃ (pārā. aṭṭha. 2.583-584) vā sahassaṃ vā pādamūle ṭhapeti ‘‘tuyhidaṃ hotū’’ti, bhikkhu ‘‘nayidaṃ kappatī’’ti paṭikkhipati. Upāsako ‘‘pariccattaṃ mayā tumhāka’’nti gato, añño tattha āgantvā pucchati ‘‘kiṃ, bhante, ida’’nti. Yaṃ tena ca attanā ca vuttaṃ, taṃ ācikkhitabbaṃ. So ce vadati ‘‘gopessāmi, bhante, guttaṭṭhānaṃ dassethā’’ti, sattabhūmikampi pāsādaṃ abhiruhitvā ‘‘idaṃ guttaṭṭhāna’’nti ācikkhitabbaṃ, ‘‘idha nikkhipāhī’’ti na vattabbaṃ. Ettāvatā kappiyañca akappiyañca nissāya ṭhitaṃ hoti, dvāraṃ pidahitvā rakkhantena vasitabbaṃ. Sace kiñci vikkāyikabhaṇḍaṃ pattaṃ vā cīvaraṃ vā āgacchati, ‘‘idaṃ gahessatha, bhante’’ti vutte ‘‘upāsaka, atthi amhākaṃ iminā attho, vatthu ca evarūpaṃ nāma saṃvijjati, kappiyakārako natthī’’ti vattabbaṃ. Sace so vadati ‘‘ahaṃ kappiyakārako bhavissāmi, dvāraṃ vivaritvā dethā’’ti, dvāraṃ vivaritvā ‘‘imasmiṃ okāse ṭhapita’’nti vattabbaṃ, ‘‘imaṃ gaṇhā’’ti na vattabbaṃ. Evañca kappiyañca akappiyañca nissāya ṭhitameva hoti. So cetaṃ gahetvā tassa kappiyabhaṇḍaṃ deti, vaṭṭati. Sace adhikaṃ gaṇhāti, ‘‘na mayaṃ tava bhaṇḍaṃ gaṇhāma, nikkhamāhī’’ti vattabbo.
สงฺฆมเชฺฌเยว นิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ เอตฺถ ยสฺมา รูปิยํ นาม อกปฺปิยํ, ตสฺมา ‘‘นิสฺสชฺชิตพฺพํ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา’’ติ น วุตฺตํฯ ยสฺมา ปน ตํ ปฎิคฺคหิตมตฺตเมว, น เตน กิญฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตํ, ตสฺมา อุปาเยน ปริโภคทสฺสนตฺถํ ‘‘สงฺฆมเชฺฌเยว นิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน เตลาทีนํ คหณํฯ โสติ โย คหโฎฺฐ ‘‘สปฺปิ วา เตลํ วา วฎฺฎติ อุปาสกา’’ติอาทินา นเยน วุโตฺต, โสฯ อเญฺญน ลภิตฺวาติ ภิกฺขุนา วา อารามิเกน วา อตฺตโน วสฺสเคฺคน ลภิตฺวาฯ ตโต นิพฺพตฺตรุกฺขจฺฉายาปีติ นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา อาหฎพีชโต นิพฺพตฺตรุกฺขปริเจฺฉเทน ฐิตจฺฉายาปิ, ปริเจฺฉทาติกฺกนฺตา ปน อาคนฺตุกตฺตา วฎฺฎติฯ โน เจ ฉเฑฺฑตีติ อถ เนว คเหตฺวา คจฺฉติ, น ฉเฑฺฑติ, ‘‘กิํ มยฺหํ อิมินา พฺยาปาเรนา’’ติ เยนกามํ ปกฺกมติฯ ปญฺจงฺคสมนฺนาคโต ‘‘โย น ฉนฺทาคติํ คเจฺฉยฺย, น โทสาคติํ คเจฺฉยฺย, น โมหาคติํ คเจฺฉยฺย, น ภยาคติํ คเจฺฉยฺย, ฉฑฺฑิตาฉฑฺฑิตญฺจ ชาเนยฺยา’’ติ (ปารา. ๕๘๔) เอวํ วุตฺตปญฺจเงฺคหิ สมนฺนาคโตฯ สมฺมนฺนิตโพฺพติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ รูปิยฉฑฺฑกํ สมฺมเนฺนยฺยา’’ติอาทินา ปทภาชเน วุตฺตาย ญตฺติทุติยกมฺมวาจาย สมฺมนฺนิตโพฺพฯ
Saṅghamajjheyevanissajjitabbanti ettha yasmā rūpiyaṃ nāma akappiyaṃ, tasmā ‘‘nissajjitabbaṃ saṅghassa vā gaṇassa vā puggalassa vā’’ti na vuttaṃ. Yasmā pana taṃ paṭiggahitamattameva, na tena kiñci kappiyabhaṇḍaṃ cetāpitaṃ, tasmā upāyena paribhogadassanatthaṃ ‘‘saṅghamajjheyeva nissajjitabba’’nti vuttaṃ. Ādi-saddena telādīnaṃ gahaṇaṃ. Soti yo gahaṭṭho ‘‘sappi vā telaṃ vā vaṭṭati upāsakā’’tiādinā nayena vutto, so. Aññena labhitvāti bhikkhunā vā ārāmikena vā attano vassaggena labhitvā. Tato nibbattarukkhacchāyāpīti nissaggiyavatthunā āhaṭabījato nibbattarukkhaparicchedena ṭhitacchāyāpi, paricchedātikkantā pana āgantukattā vaṭṭati. No ce chaḍḍetīti atha neva gahetvā gacchati, na chaḍḍeti, ‘‘kiṃ mayhaṃ iminā byāpārenā’’ti yenakāmaṃ pakkamati. Pañcaṅgasamannāgato ‘‘yo na chandāgatiṃ gaccheyya, na dosāgatiṃ gaccheyya, na mohāgatiṃ gaccheyya, na bhayāgatiṃ gaccheyya, chaḍḍitāchaḍḍitañca jāneyyā’’ti (pārā. 584) evaṃ vuttapañcaṅgehi samannāgato. Sammannitabboti ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmaṃ bhikkhuṃ rūpiyachaḍḍakaṃ sammanneyyā’’tiādinā padabhājane vuttāya ñattidutiyakammavācāya sammannitabbo.
อนิมิตฺตํ กตฺวา คูถํ วิย ฉเฑฺฑตพฺพนฺติ ปติตฎฺฐานํ สลฺลกฺขณวเสน นิมิตฺตํ อกตฺวา คูถํ วิย ฉเฑฺฑตพฺพํ, อกฺขีนิ นิมีเลตฺวาว นทิยา วา ปปาเต วา วนคหเน วา คูถํ วิย อนเปเกฺขน ปติโตกาสํ อสมนฺนาหรเนฺตน ปาเตตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘คูถํ วิย ฉเฑฺฑตพฺพ’’นฺติฯ ติกปาจิตฺติยนฺติ รูปิยสญฺญิเวมติกอรูปิยสญฺญีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิฯ อรูปิเย รูปิยสญฺญิโนติ ขรปตฺตาทีสุ สุวณฺณาทิสญฺญิโนฯ รตนสิกฺขาปทนเยนาติ ‘‘อชฺฌาราเม วา อชฺฌาวสเถ วา’’ติ (ปาจิ. ๕๐๕) เอตฺถ วุตฺตวิธินาฯ
Animittaṃ katvā gūthaṃ viya chaḍḍetabbanti patitaṭṭhānaṃ sallakkhaṇavasena nimittaṃ akatvā gūthaṃ viya chaḍḍetabbaṃ, akkhīni nimīletvāva nadiyā vā papāte vā vanagahane vā gūthaṃ viya anapekkhena patitokāsaṃ asamannāharantena pātetabbanti vuttaṃ hoti. Tenāha ‘‘gūthaṃ viya chaḍḍetabba’’nti. Tikapācittiyanti rūpiyasaññivematikaarūpiyasaññīnaṃ vasena tīṇi pācittiyāni. Arūpiye rūpiyasaññinoti kharapattādīsu suvaṇṇādisaññino. Ratanasikkhāpadanayenāti ‘‘ajjhārāme vā ajjhāvasathe vā’’ti (pāci. 505) ettha vuttavidhinā.
ชาตรูปสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Jātarūpasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.