Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๙. ชฎิลสุตฺตวณฺณนา
9. Jaṭilasuttavaṇṇanā
๙. นวเม คยายนฺติ เอตฺถ คยาติ คาโมปิ ติตฺถมฺปิ วุจฺจติฯ คยาคามสฺส หิ อวิทูเร วิหรโนฺต ภควา ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, ตถา คยาติตฺถสฺสฯ คยาติตฺถนฺติ หิ คยาคามสฺส อวิทูเร เอกา โปกฺขรณี อตฺถิ นทีปิ, ตทุภยํ ‘‘ปาปปวาหนติตฺถ’’นฺติ โลกิยมหาชโน สมุทาจรติฯ คยาสีเสติ คชสีสสทิสสิขโร ตตฺถ เอโก ปพฺพโต คยาสีสนามโก, ยตฺถ หตฺถิกุมฺภสทิโส ปิฎฺฐิปาสาโณ ภิกฺขุสหสฺสสฺส โอกาโส ปโหติ, ตตฺร ภควา วิหรติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘คยายํ วิหรติ คยาสีเส’’ติฯ
9. Navame gayāyanti ettha gayāti gāmopi titthampi vuccati. Gayāgāmassa hi avidūre viharanto bhagavā ‘‘gayāyaṃ viharatī’’ti vuccati, tathā gayātitthassa. Gayātitthanti hi gayāgāmassa avidūre ekā pokkharaṇī atthi nadīpi, tadubhayaṃ ‘‘pāpapavāhanatittha’’nti lokiyamahājano samudācarati. Gayāsīseti gajasīsasadisasikharo tattha eko pabbato gayāsīsanāmako, yattha hatthikumbhasadiso piṭṭhipāsāṇo bhikkhusahassassa okāso pahoti, tatra bhagavā viharati. Tena vuttaṃ – ‘‘gayāyaṃ viharati gayāsīse’’ti.
ชฎิลาติ ตาปสาฯ เต หิ ชฎาธาริตาย อิธ ‘‘ชฎิลา’’ติ วุตฺตาฯ อนฺตรฎฺฐเก หิมปาตสมเยติ เหมนฺตสฺส อุตุโน อพฺภนฺตรภูเต มาฆมาสสฺส อวสาเน จตฺตาโร ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตฺตาโรติ อฎฺฐทิวสปริมาเณ หิมสฺส ปตนกาเลฯ คยายํ อุมฺมุชฺชนฺตีติ เกจิ ตสฺมิํ ติตฺถสมฺมเต อุทเก ปฐมํ นิมุคฺคสกลสรีรา ตโต อุมฺมุชฺชนฺติ วุฎฺฐหนฺติ อุปฺปิลวนฺติฯ นิมุชฺชนฺตีติ สสีสํ อุทเก โอสีทนฺติฯ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชมฺปิ กโรนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิปิ กโรนฺติฯ
Jaṭilāti tāpasā. Te hi jaṭādhāritāya idha ‘‘jaṭilā’’ti vuttā. Antaraṭṭhake himapātasamayeti hemantassa utuno abbhantarabhūte māghamāsassa avasāne cattāro phagguṇamāsassa ādimhi cattāroti aṭṭhadivasaparimāṇe himassa patanakāle. Gayāyaṃ ummujjantīti keci tasmiṃ titthasammate udake paṭhamaṃ nimuggasakalasarīrā tato ummujjanti vuṭṭhahanti uppilavanti. Nimujjantīti sasīsaṃ udake osīdanti. Ummujjanimujjampi karontīti punappunaṃ ummujjananimujjanānipi karonti.
ตตฺถ หิ เกจิ ‘‘เอกุมฺมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิกา, เต อุมฺมุชฺชนเมว กตฺวา คจฺฉนฺติฯ อุมฺมุชฺชนํ ปน นิมุชฺชนมนฺตเรน นตฺถีติ อวินาภาวโต นิมุชฺชนมฺปิ เต กโรนฺติเยวฯ เยปิ ‘‘เอกนิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิกา, เตปิ เอกวารเมว นิมุชฺชิตฺวา วุตฺตนเยน อวินาภาวโต อุมฺมุชฺชนมฺปิ กตฺวา ปกฺกมนฺติฯ เย ปน ‘‘ตสฺมิํ ติเตฺถ นิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิกา, เต ตตฺถ นิมุชฺชิตฺวา อสฺสาเส สนฺนิรุมฺภิตฺวา มรุปฺปปาตปติตา วิย ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ ฯ อปเร ‘‘ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กตฺวา นฺหาเต ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิกา, เต กาเลน กาลํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กโรนฺติฯ เต สเพฺพปิ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุมฺมุชฺชนฺติปิ นิมุชฺชนฺติปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชมฺปิ กโรนฺตี’’ติฯ เอตฺถ จ กิญฺจาปิ นิมุชฺชนปุพฺพกํ อุมฺมุชฺชนํ, นิมุชฺชนเมว ปน กโรนฺตา กติปยา, อุมฺมุชฺชนํ ตทุภยญฺจ กโรนฺตา พหูติ เตสํ เยภุยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อุมฺมุชฺชนํ ปฐมํ วุตฺตํฯ ตถา สมฺพหุลา ชฎิลาติ ชฎิลานํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ, มุณฺฑสิขณฺฑิโนปิ จ พฺราหฺมณา อุทกสุทฺธิกา ตสฺมิํ กาเล ตตฺถ ตถา กโรนฺติฯ
Tattha hi keci ‘‘ekummujjaneneva pāpasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhikā, te ummujjanameva katvā gacchanti. Ummujjanaṃ pana nimujjanamantarena natthīti avinābhāvato nimujjanampi te karontiyeva. Yepi ‘‘ekanimujjaneneva pāpasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhikā, tepi ekavārameva nimujjitvā vuttanayena avinābhāvato ummujjanampi katvā pakkamanti. Ye pana ‘‘tasmiṃ titthe nimujjaneneva pāpasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhikā, te tattha nimujjitvā assāse sannirumbhitvā maruppapātapatitā viya tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇanti . Apare ‘‘punappunaṃ ummujjananimujjanāni katvā nhāte pāpasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhikā, te kālena kālaṃ ummujjananimujjanāni karonti. Te sabbepi sandhāya vuttaṃ – ‘‘ummujjantipi nimujjantipi ummujjanimujjampi karontī’’ti. Ettha ca kiñcāpi nimujjanapubbakaṃ ummujjanaṃ, nimujjanameva pana karontā katipayā, ummujjanaṃ tadubhayañca karontā bahūti tesaṃ yebhuyyabhāvadassanatthaṃ ummujjanaṃ paṭhamaṃ vuttaṃ. Tathā sambahulā jaṭilāti jaṭilānaṃ yebhuyyatāya vuttaṃ, muṇḍasikhaṇḍinopi ca brāhmaṇā udakasuddhikā tasmiṃ kāle tattha tathā karonti.
โอสิญฺจนฺตีติ เกจิ คยาย อุทกํ หเตฺถน คเหตฺวา อตฺตโน สีเส จ สรีเร จ โอสิญฺจนฺติ, อปเร ฆเฎหิ อุทกํ คเหตฺวา ตีเร ฐตฺวา ตถา กโรนฺติฯ อคฺคิํ ชุหนฺตีติ เกจิ คยาตีเร เวทิํ สเชฺชตฺวา ธูมทพฺภิปูชาทิเก อุปกรเณ อุปเนตฺวา อคฺคิหุตํ ชุหนฺติ อคฺคิหุตํ ปริจรนฺติฯ อิมินา สุทฺธีติ อิมินา คยายํ อุมฺมุชฺชนาทินา อคฺคิปริจรเณน จ ปาปมลโต สุทฺธิ ปาปปวาหนา สํสารสุทฺธิ เอว วา โหตีติ เอวํทิฎฺฐิกา หุตฺวาติ อโตฺถฯ
Osiñcantīti keci gayāya udakaṃ hatthena gahetvā attano sīse ca sarīre ca osiñcanti, apare ghaṭehi udakaṃ gahetvā tīre ṭhatvā tathā karonti. Aggiṃ juhantīti keci gayātīre vediṃ sajjetvā dhūmadabbhipūjādike upakaraṇe upanetvā aggihutaṃ juhanti aggihutaṃ paricaranti. Iminā suddhīti iminā gayāyaṃ ummujjanādinā aggiparicaraṇena ca pāpamalato suddhi pāpapavāhanā saṃsārasuddhi eva vā hotīti evaṃdiṭṭhikā hutvāti attho.
อุมฺมุชฺชนาทิ เจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตสุ หิ เกจิ อุทกวาสํ วสนฺติ, เกจิ อุทกสฺสญฺชลิํ เทนฺติ, เกจิ ตสฺมิํ อุทเก ฐตฺวา จนฺทิมสูริเย อนุปริวตฺตนฺติ, เกจิ อเนกสหสฺสวารํ สาวิตฺติอาทิเก ชปนฺติ, เกจิ ‘‘อินฺท อาคจฺฉา’’ติอาทินา วิชฺชาชปํ อวฺหายนฺติ, เกจิ มหตุปฎฺฐานํ กโรนฺติ, เอวญฺจ กโรนฺตา เกจิ โอตรนฺติ, เกจิ อุตฺตรนฺติ เกจิ อุตฺตริตฺวา สุทฺธิกอาจมนํ กโรนฺติ, เกจิ อโนฺตอุทเก ฐิตา ตนฺตี วาเทนฺติ, วีณํ วาเทนฺตีติ เอวมาทิกา นานปฺปการกิริยา ทเสฺสนฺติฯ ยสฺมา วา เต เอวรูปา วิการกิริยา กโรนฺตาปิ ตสฺมิํ อุทเก นิมุชฺชนอุมฺมุชฺชนปุพฺพกเมว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนโนฺตคธเมว กตฺวา ‘‘อุมฺมุชฺชนฺตี’’ติปิอาทิ วุตฺตํฯ เอวํ ตตฺถ อากุลพฺยากุเล วตฺตมาเน อุปริปพฺพเต ฐิโต ภควา เตสํ ตํ โกลาหลํ สุตฺวา ‘‘กินฺนุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกโนฺต ตํ กิริยวิการํ อทฺทส, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข ภควา…เป.… อิมินา สุทฺธี’’ติ, ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ
Ummujjanādi cettha nidassanamattaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tesu hi keci udakavāsaṃ vasanti, keci udakassañjaliṃ denti, keci tasmiṃ udake ṭhatvā candimasūriye anuparivattanti, keci anekasahassavāraṃ sāvittiādike japanti, keci ‘‘inda āgacchā’’tiādinā vijjājapaṃ avhāyanti, keci mahatupaṭṭhānaṃ karonti, evañca karontā keci otaranti, keci uttaranti keci uttaritvā suddhikaācamanaṃ karonti, keci antoudake ṭhitā tantī vādenti, vīṇaṃ vādentīti evamādikā nānappakārakiriyā dassenti. Yasmā vā te evarūpā vikārakiriyā karontāpi tasmiṃ udake nimujjanaummujjanapubbakameva karonti, tasmā taṃ sabbaṃ nimujjanummujjanantogadhameva katvā ‘‘ummujjantī’’tipiādi vuttaṃ. Evaṃ tattha ākulabyākule vattamāne uparipabbate ṭhito bhagavā tesaṃ taṃ kolāhalaṃ sutvā ‘‘kinnu kho eta’’nti olokento taṃ kiriyavikāraṃ addasa, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘addasā kho bhagavā…pe… iminā suddhī’’ti, taṃ vuttatthameva.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺถํ อุทโกโรหนาทิอสุทฺธิมเคฺค เตสํ สุทฺธิมคฺคปรามสนํ สจฺจาทิเก จ สุทฺธิมเคฺค อตฺตโน อวิปรีตาวโพธํ สพฺพาการโต วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อุทกสุทฺธิยา อสุทฺธิมคฺคภาวทีปกํ สจฺจาทิธมฺมานญฺจ ยาถาวโต สุทฺธิมคฺคภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃviditvāti etaṃ atthaṃ udakorohanādiasuddhimagge tesaṃ suddhimaggaparāmasanaṃ saccādike ca suddhimagge attano aviparītāvabodhaṃ sabbākārato viditvā. Imaṃ udānanti imaṃ udakasuddhiyā asuddhimaggabhāvadīpakaṃ saccādidhammānañca yāthāvato suddhimaggabhāvadīpakaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ น อุทเกน สุจี โหตีติ เอตฺถ อุทเกนาติ อุทกุมฺมุชฺชนาทินาฯ อุทกุมฺมุชฺชนาทิ หิ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อุทก’’นฺติ วุตฺตํ ยถา รูปภโว รูปนฺติฯ อถ วา อุทเกนาติ อุมฺมุชฺชนาทิกิริยาย สาธนภูเตน อุทเกน สุจิ สตฺตสฺส สุทฺธิ นาม น โหติ, นตฺถีติ อโตฺถฯ อถ วา สุจีติ เตน ยถาวุเตฺตน อุทเกน สุจิ ปาปมลโต สุโทฺธ นาม สโตฺต น โหติฯ กสฺมา? พเหฺวตฺถ นฺหายตี ชโนฯ ยทิ หิ อุทโกโรหนาทินา ยถาวุเตฺตน ปาปสุทฺธิ นาม สิยา, พหุ เอตฺถ อุทเก ชโน นฺหายติ, มาตุฆาตาทิปาปกมฺมการี อโญฺญ จ โคมหิํสาทิโก อนฺตมโส มจฺฉกจฺฉเป อุปาทาย, ตสฺส สพฺพสฺสาปิ ปาปสุทฺธิ สิยา, น ปเนวํ โหติฯ กสฺมา? นฺหานสฺส ปาปเหตูนํ อปฺปฎิปกฺขภาวโตฯ ยญฺหิ ยํ วินาเสติ, โส ตสฺส ปฎิปโกฺข ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส, วิชฺชา จ อวิชฺชาย, น เอวํ นฺหานํ ปาปสฺสฯ ตสฺมา นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘น อุทเกน สุจิ โหตี’’ติฯ
Tattha na udakena sucī hotīti ettha udakenāti udakummujjanādinā. Udakummujjanādi hi idha uttarapadalopena ‘‘udaka’’nti vuttaṃ yathā rūpabhavo rūpanti. Atha vā udakenāti ummujjanādikiriyāya sādhanabhūtena udakena suci sattassa suddhi nāma na hoti, natthīti attho. Atha vā sucīti tena yathāvuttena udakena suci pāpamalato suddho nāma satto na hoti. Kasmā? Bahvettha nhāyatī jano. Yadi hi udakorohanādinā yathāvuttena pāpasuddhi nāma siyā, bahu ettha udake jano nhāyati, mātughātādipāpakammakārī añño ca gomahiṃsādiko antamaso macchakacchape upādāya, tassa sabbassāpi pāpasuddhi siyā, na panevaṃ hoti. Kasmā? Nhānassa pāpahetūnaṃ appaṭipakkhabhāvato. Yañhi yaṃ vināseti, so tassa paṭipakkho yathā āloko andhakārassa, vijjā ca avijjāya, na evaṃ nhānaṃ pāpassa. Tasmā niṭṭhamettha gantabbaṃ ‘‘na udakena suci hotī’’ti.
เยน ปน สุจิ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยมฺหิ สจฺจญฺจา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยมฺหีติ ยสฺมิํ ปุคฺคเล ฯ สจฺจนฺติ วจีสจฺจเญฺจว วิรติสจฺจญฺจฯ อถ วา สจฺจนฺติ ญาณสจฺจเญฺจว ปรมตฺถสจฺจญฺจฯ ธโมฺมติ อริยมคฺคธโมฺม, ผลธโมฺม จ, โส สโพฺพปิ ยสฺมิํ ปุคฺคเล อุปลพฺภติ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณติ โส อริยปุคฺคโล วิเสสโต ขีณาสโว อจฺจนฺตสุทฺธิยา สุจิ จ พฺราหฺมโณ จาติฯ กสฺมา ปเนตฺถ สจฺจํ ธมฺมโต วิสุํ กตฺวา คหิตํ? สจฺจสฺส พหูปการตฺตาฯ ตถา หิ ‘‘สจฺจํ เว อมตา วาจา (สุ. นิ. ๔๕๕), สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔), สเจฺจ อเตฺถ จ ธเมฺม จ, อาหุ สโนฺต ปติฎฺฐิตา (สุ. นิ. ๔๕๕), สเจฺจ ฐิตา สมณพฺราหฺมณา จา’’ติอาทินา (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓) อเนเกสุ สุตฺตปเทสุ สจฺจคุณา ปกาสิตาฯ สจฺจวิปริยสฺส จ ‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน (ธ. ป. ๑๗๖), อภูตวาที นิรยํ อุเปตี’’ติ (ธ. ป. ๓๐๖) จ อาทินา ปกาสิตาติฯ
Yena pana suci hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘yamhi saccañcā’’tiādimāha. Tattha yamhīti yasmiṃ puggale . Saccanti vacīsaccañceva viratisaccañca. Atha vā saccanti ñāṇasaccañceva paramatthasaccañca. Dhammoti ariyamaggadhammo, phaladhammo ca, so sabbopi yasmiṃ puggale upalabbhati, so sucī so ca brāhmaṇoti so ariyapuggalo visesato khīṇāsavo accantasuddhiyā suci ca brāhmaṇo cāti. Kasmā panettha saccaṃ dhammato visuṃ katvā gahitaṃ? Saccassa bahūpakārattā. Tathā hi ‘‘saccaṃ ve amatā vācā (su. ni. 455), saccaṃ have sādutaraṃ rasānaṃ (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 184), sacce atthe ca dhamme ca, āhu santo patiṭṭhitā (su. ni. 455), sacce ṭhitā samaṇabrāhmaṇā cā’’tiādinā (jā. 2.21.433) anekesu suttapadesu saccaguṇā pakāsitā. Saccavipariyassa ca ‘‘ekaṃ dhammaṃ atītassa, musāvādissa jantuno (dha. pa. 176), abhūtavādī nirayaṃ upetī’’ti (dha. pa. 306) ca ādinā pakāsitāti.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Navamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๙. ชฎิลสุตฺตํ • 9. Jaṭilasuttaṃ