Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๗๖] ๓. ชวนหํสชาตกวณฺณนา

    [476] 3. Javanahaṃsajātakavaṇṇanā

    อิเธว หํส นิปตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ทฬฺหธมฺมธนุคฺคหสุตฺตนฺตเทสนํ (สํ. นิ. ๒.๒๒๘) อารพฺภ กเถสิฯ ภควตา หิ –

    Idhevahaṃsa nipatāti idaṃ satthā jetavane viharanto daḷhadhammadhanuggahasuttantadesanaṃ (saṃ. ni. 2.228) ārabbha kathesi. Bhagavatā hi –

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคหา สุสิกฺขิตา กตหตฺถา กตูปาสนา จตุทฺทิสา ฐิตา อสฺสุ, อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ‘อหํ อิเมสํ จตุนฺนํ ทฬฺหธมฺมานํ ธนุคฺคหานํ สุสิกฺขิตานํ กตหตฺถานํ กตูปาสนานํ จตุทฺทิสา กเณฺฑ ขิเตฺต อปติฎฺฐิเต ปถวิยํ คเหตฺวา อาหริสฺสามี’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ‘ชวโน ปุริโส ปรเมน ชเวน สมนฺนาคโต’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ติฯ ยถา จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว, ตโต สีฆตโรฯ ยถา จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว, ยถา จ ยา เทวตา จนฺทิมสูริยานํ ปุรโต ธาวนฺติ, ตาสํ เทวตานํ ชโว, ตโต สีฆตรํ อายุสงฺขารา ขียนฺติ, ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘อปฺปมตฺตา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ –

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, cattāro daḷhadhammā dhanuggahā susikkhitā katahatthā katūpāsanā catuddisā ṭhitā assu, atha puriso āgaccheyya ‘ahaṃ imesaṃ catunnaṃ daḷhadhammānaṃ dhanuggahānaṃ susikkhitānaṃ katahatthānaṃ katūpāsanānaṃ catuddisā kaṇḍe khitte apatiṭṭhite pathaviyaṃ gahetvā āharissāmī’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, ‘javano puriso paramena javena samannāgato’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Evaṃ bhante’’ti. Yathā ca, bhikkhave, tassa purisassa javo, yathā ca candimasūriyānaṃ javo, tato sīghataro. Yathā ca, bhikkhave, tassa purisassa javo, yathā ca candimasūriyānaṃ javo, yathā ca yā devatā candimasūriyānaṃ purato dhāvanti, tāsaṃ devatānaṃ javo, tato sīghataraṃ āyusaṅkhārā khīyanti, tasmātiha, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ ‘appamattā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabba’’nti –

    อิมสฺส สุตฺตสฺส กถิตทิวสโต ทุติยทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา อตฺตโน พุทฺธวิสเย ฐตฺวา อิเมสํ สตฺตานํ อายุสงฺขาเร อิตฺตเร ทุพฺพเล กตฺวา ปริทีเปโนฺต ปุถุชฺชนภิกฺขู อติวิย สนฺตาสํ ปาเปสิ, อโห พุทฺธพลํ นามา’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, สฺวาหํ อิทานิ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต อายุสงฺขารานํ อิตฺตรภาวํ ทเสฺสตฺวา ภิกฺขู สํเวเชตฺวา ธมฺมํ เทเสมิ, มยา หิ ปุเพฺพ อเหตุกหํสโยนิยํ นิพฺพเตฺตนปิ อายุสงฺขารานํ อิตฺตรภาวํ ทเสฺสตฺวา พาราณสิราชานํ อาทิํ กตฺวา สกลราชปริสํ สํเวเชตฺวา ธโมฺม เทสิโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Imassa suttassa kathitadivasato dutiyadivase bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, satthā attano buddhavisaye ṭhatvā imesaṃ sattānaṃ āyusaṅkhāre ittare dubbale katvā paridīpento puthujjanabhikkhū ativiya santāsaṃ pāpesi, aho buddhabalaṃ nāmā’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘anacchariyaṃ, bhikkhave, svāhaṃ idāni sabbaññutaṃ patto āyusaṅkhārānaṃ ittarabhāvaṃ dassetvā bhikkhū saṃvejetvā dhammaṃ desemi, mayā hi pubbe ahetukahaṃsayoniyaṃ nibbattenapi āyusaṅkhārānaṃ ittarabhāvaṃ dassetvā bārāṇasirājānaṃ ādiṃ katvā sakalarājaparisaṃ saṃvejetvā dhammo desito’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ชวนหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา นวุติหํสสหสฺสปริวุโต จิตฺตกูเฎ ปฎิวสติฯ โส เอกทิวสํ ชมฺพุทีปตเล เอกสฺมิํ สเร สปริวาโร สยํชาตสาลิํ ขาทิตฺวา อากาเส สุวณฺณกิลญฺชํ ปตฺถรโนฺต วิย มหเนฺตน ปริวาเรน พาราณสินครสฺส มตฺถเกน มนฺทมนฺทาย วิลาสคติยา จิตฺตกูฎํ คจฺฉติฯ อถ นํ พาราณสิราชา ทิสฺวา ‘‘อิมินาปิ มาทิเสน รญฺญา ภวิตพฺพ’’นฺติ อมจฺจานํ วตฺวา ตสฺมิํ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา มาลาคนฺธวิเลปนํ คเหตฺวา มหาสตฺตํ โอโลเกตฺวา สพฺพตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิฯ มหาสโตฺต อตฺตโน สกฺการํ กโรนฺตํ ทิสฺวา หํเส ปุจฺฉิ ‘‘ราชา , มม เอวรูปํ สกฺการํ กโรโนฺต กิํ ปจฺจาสีสตี’’ติ? ‘‘ตุเมฺหหิ สทฺธิํ มิตฺตภาวํ เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ รโญฺญ อเมฺหหิ สทฺธิํ มิตฺตภาโว โหตู’’ติ รญฺญา สทฺธิํ มิตฺตภาวํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อเถกทิวสํ รโญฺญ อุยฺยานํ คตกาเล อโนตตฺตทหํ คนฺตฺวา เอเกน ปเกฺขน อุทกํ, เอเกน จนฺทนจุณฺณํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ เตน อุทเกน นฺหาเปตฺวา จนฺทนจุเณฺณน โอกิริตฺวา มหาชนสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว สปริวาโร จิตฺตกูฎํ อคมาสิฯ ตโต ปฎฺฐาย ราชา มหาสตฺตํ ทฎฺฐุกาโม หุตฺวา ‘‘สหาโย เม อชฺช อาคมิสฺสติ, สหาโย เม อชฺช อาคมิสฺสตี’’ติ อาคมนมคฺคํ โอโลเกโนฺต อจฺฉติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto javanahaṃsayoniyaṃ nibbattitvā navutihaṃsasahassaparivuto cittakūṭe paṭivasati. So ekadivasaṃ jambudīpatale ekasmiṃ sare saparivāro sayaṃjātasāliṃ khāditvā ākāse suvaṇṇakilañjaṃ pattharanto viya mahantena parivārena bārāṇasinagarassa matthakena mandamandāya vilāsagatiyā cittakūṭaṃ gacchati. Atha naṃ bārāṇasirājā disvā ‘‘imināpi mādisena raññā bhavitabba’’nti amaccānaṃ vatvā tasmiṃ sinehaṃ uppādetvā mālāgandhavilepanaṃ gahetvā mahāsattaṃ oloketvā sabbatūriyāni paggaṇhāpesi. Mahāsatto attano sakkāraṃ karontaṃ disvā haṃse pucchi ‘‘rājā , mama evarūpaṃ sakkāraṃ karonto kiṃ paccāsīsatī’’ti? ‘‘Tumhehi saddhiṃ mittabhāvaṃ devā’’ti. ‘‘Tena hi rañño amhehi saddhiṃ mittabhāvo hotū’’ti raññā saddhiṃ mittabhāvaṃ katvā pakkāmi. Athekadivasaṃ rañño uyyānaṃ gatakāle anotattadahaṃ gantvā ekena pakkhena udakaṃ, ekena candanacuṇṇaṃ ādāya āgantvā rājānaṃ tena udakena nhāpetvā candanacuṇṇena okiritvā mahājanassa passantasseva saparivāro cittakūṭaṃ agamāsi. Tato paṭṭhāya rājā mahāsattaṃ daṭṭhukāmo hutvā ‘‘sahāyo me ajja āgamissati, sahāyo me ajja āgamissatī’’ti āgamanamaggaṃ olokento acchati.

    ตทา มหาสตฺตสฺส กนิฎฺฐา เทฺว หํสโปตกา ‘‘สูริเยน สทฺธิํ ชวิสฺสามา’’ติ มเนฺตตฺวา มหาสตฺตสฺส อาโรเจสุํ ‘‘มยํ สูริเยน สทฺธิํ ชวิสฺสามา’’ติฯ ‘‘ตาตา, สูริยชโว นาม สีโฆ, สูริเยน สทฺธิํ ชวิตุํ น สกฺขิสฺสถ, อนฺตราว วินสฺสิสฺสถ, มา คมิตฺถา’’ติฯ เต ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ยาจิํสุ, โพธิสโตฺตปิ เต ยาวตติยํ วาเรสิเยวฯ เต มานถทฺธา อตฺตโน พลํ อชานนฺตา มหาสตฺตสฺส อนาจิกฺขิตฺวาว ‘‘สูริเยน สทฺธิํ ชวิสฺสามา’’ติ สูริเย อนุคฺคเตเยว คนฺตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเก นิสีทิํสุฯ มหาสโตฺต เต อทิสฺวา ‘‘กหํ นุ โข คตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘เต สูริเยน สทฺธิํ ชวิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, อนฺตราว วินสฺสิสฺสนฺติ, ชีวิตํ เตสํ ทสฺสามี’’ติฯ โสปิ คนฺตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเกเยว นิสีทิฯ อถ อุคฺคเต สูริยมณฺฑเล หํสโปตกา อุปฺปติตฺวา สูริเยน สทฺธิํ ปกฺขนฺทิํสุ, มหาสโตฺตปิ เตหิ สทฺธิํ ปกฺขนฺทิฯ กนิฎฺฐภาติโก ยาว ปุพฺพณฺหสมยา ชวิตฺวา กิลมิ, ปกฺขสนฺธีสุ อคฺคิอุฎฺฐานกาโล วิย อโหสิฯ โส โพธิสตฺตสฺส สญฺญํ อทาสิ ‘‘ภาติก, น สโกฺกมี’’ติฯ อถ นํ มหาสโตฺต ‘‘มา ภายิ, ชีวิตํ เต ทสฺสามี’’ติ ปกฺขปญฺชเรน ปริกฺขิปิตฺวา อสฺสาเสตฺวา จิตฺตกูฎปพฺพตํ เนตฺวา หํสานํ มเชฺฌ ฐเปตฺวา ปุน ปกฺขนฺทิตฺวา สูริยํ ปตฺวา อิตเรน สทฺธิํ ปายาสิฯ โสปิ ยาว อุปกฎฺฐมชฺฌนฺหิกา สูริเยน สทฺธิํ ชวิตฺวา กิลมิ, ปกฺขสนฺธีสุ อคฺคิอุฎฺฐานกาโล วิย อโหสิฯ ตทา โพธิสตฺตสฺส สญฺญํ อทาสิ ‘‘ภาติก, น สโกฺกมี’’ติฯ ตมฺปิ มหาสโตฺต ตเถว สมสฺสาเสตฺวา ปกฺขปญฺชเรนาทาย จิตฺตกูฎเมว อคมาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ สูริโย นภมชฺฌํ ปาปุณิฯ

    Tadā mahāsattassa kaniṭṭhā dve haṃsapotakā ‘‘sūriyena saddhiṃ javissāmā’’ti mantetvā mahāsattassa ārocesuṃ ‘‘mayaṃ sūriyena saddhiṃ javissāmā’’ti. ‘‘Tātā, sūriyajavo nāma sīgho, sūriyena saddhiṃ javituṃ na sakkhissatha, antarāva vinassissatha, mā gamitthā’’ti. Te dutiyampi tatiyampi yāciṃsu, bodhisattopi te yāvatatiyaṃ vāresiyeva. Te mānathaddhā attano balaṃ ajānantā mahāsattassa anācikkhitvāva ‘‘sūriyena saddhiṃ javissāmā’’ti sūriye anuggateyeva gantvā yugandharamatthake nisīdiṃsu. Mahāsatto te adisvā ‘‘kahaṃ nu kho gatā’’ti pucchitvā taṃ pavattiṃ sutvā cintesi ‘‘te sūriyena saddhiṃ javituṃ na sakkhissanti, antarāva vinassissanti, jīvitaṃ tesaṃ dassāmī’’ti. Sopi gantvā yugandharamatthakeyeva nisīdi. Atha uggate sūriyamaṇḍale haṃsapotakā uppatitvā sūriyena saddhiṃ pakkhandiṃsu, mahāsattopi tehi saddhiṃ pakkhandi. Kaniṭṭhabhātiko yāva pubbaṇhasamayā javitvā kilami, pakkhasandhīsu aggiuṭṭhānakālo viya ahosi. So bodhisattassa saññaṃ adāsi ‘‘bhātika, na sakkomī’’ti. Atha naṃ mahāsatto ‘‘mā bhāyi, jīvitaṃ te dassāmī’’ti pakkhapañjarena parikkhipitvā assāsetvā cittakūṭapabbataṃ netvā haṃsānaṃ majjhe ṭhapetvā puna pakkhanditvā sūriyaṃ patvā itarena saddhiṃ pāyāsi. Sopi yāva upakaṭṭhamajjhanhikā sūriyena saddhiṃ javitvā kilami, pakkhasandhīsu aggiuṭṭhānakālo viya ahosi. Tadā bodhisattassa saññaṃ adāsi ‘‘bhātika, na sakkomī’’ti. Tampi mahāsatto tatheva samassāsetvā pakkhapañjarenādāya cittakūṭameva agamāsi. Tasmiṃ khaṇe sūriyo nabhamajjhaṃ pāpuṇi.

    อถ มหาสโตฺต ‘‘มม อชฺช สรีรพลํ วีมํสิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอกเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเก นิสีทิตฺวา ตโต อุปฺปติตฺวา เอกเวเคน สูริยํ ปาปุณิตฺวา กาเลน ปุรโต, กาเลน ปจฺฉโต ชวิตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ สูริเยน สทฺธิํ ชวนํ นาม นิรตฺถกํ อโยนิโสมนสิการสมฺภูตํ, กิํ เม อิมินา, พาราณสิํ คนฺตฺวา มม สหายกสฺส รโญฺญ อตฺถยุตฺตํ ธมฺมยุตฺตํ กถํ กเถสฺสามี’’ติฯ โส นิวตฺติตฺวา สูริเย นภมชฺฌํ อนติกฺกเนฺตเยว สกลจกฺกวาฬคพฺภํ อนฺตเนฺตน อนุสํยายิตฺวา เวคํ ปริหาเปโนฺต สกลชมฺพุทีปํ อนฺตเนฺตน อนุสํยายิตฺวา พาราณสิํ ปาปุณิฯ ทฺวาทสโยชนิกํ สกลนครํ หํสจฺฉนฺนํ วิย อโหสิ, ฉิทฺทํ นาม น ปญฺญายิ, อนุกฺกเมน เวเค ปริหายเนฺต อากาเส ฉิทฺทานิ ปญฺญายิํสุฯ มหาสโตฺต เวคํ ปริหาเปตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา สีหปญฺชรสฺส อภิมุขฎฺฐาเน อฎฺฐาสิฯ ราชา ‘‘อาคโต เม สหาโย’’ติ โสมนสฺสปฺปโตฺต ตสฺส นิสีทนตฺถาย กญฺจนปีฐํ ปญฺญเปตฺวา ‘‘สมฺม, ปวิส, อิธ นิสีทา’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –

    Atha mahāsatto ‘‘mama ajja sarīrabalaṃ vīmaṃsissāmī’’ti cintetvā ekavegena pakkhanditvā yugandharamatthake nisīditvā tato uppatitvā ekavegena sūriyaṃ pāpuṇitvā kālena purato, kālena pacchato javitvā cintesi ‘‘mayhaṃ sūriyena saddhiṃ javanaṃ nāma niratthakaṃ ayonisomanasikārasambhūtaṃ, kiṃ me iminā, bārāṇasiṃ gantvā mama sahāyakassa rañño atthayuttaṃ dhammayuttaṃ kathaṃ kathessāmī’’ti. So nivattitvā sūriye nabhamajjhaṃ anatikkanteyeva sakalacakkavāḷagabbhaṃ antantena anusaṃyāyitvā vegaṃ parihāpento sakalajambudīpaṃ antantena anusaṃyāyitvā bārāṇasiṃ pāpuṇi. Dvādasayojanikaṃ sakalanagaraṃ haṃsacchannaṃ viya ahosi, chiddaṃ nāma na paññāyi, anukkamena vege parihāyante ākāse chiddāni paññāyiṃsu. Mahāsatto vegaṃ parihāpetvā ākāsato otaritvā sīhapañjarassa abhimukhaṭṭhāne aṭṭhāsi. Rājā ‘‘āgato me sahāyo’’ti somanassappatto tassa nisīdanatthāya kañcanapīṭhaṃ paññapetvā ‘‘samma, pavisa, idha nisīdā’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๒๗.

    27.

    ‘‘อิเธว หํส นิปต, ปิยํ เม ตว ทสฺสนํ;

    ‘‘Idheva haṃsa nipata, piyaṃ me tava dassanaṃ;

    อิสฺสโรสิ อนุปฺปโตฺต, ยมิธตฺถิ ปเวทยา’’ติฯ

    Issarosi anuppatto, yamidhatthi pavedayā’’ti.

    ตตฺถ ‘‘อิธา’’ติ กญฺจนปีฐํ สนฺธายาหฯ นิปตาติ นิสีทฯ อิสฺสโรสีติ ตฺวํ อิมสฺส ฐานสฺส อิสฺสโร สามิ หุตฺวา อาคโตสีติ วทติฯ ยมิธตฺถิ ปเวทยาติ ยํ อิมสฺมิํ นิเวสเน อตฺถิ, ตํ อปริสงฺกโนฺต อมฺหากํ กเถหีติฯ

    Tattha ‘‘idhā’’ti kañcanapīṭhaṃ sandhāyāha. Nipatāti nisīda. Issarosīti tvaṃ imassa ṭhānassa issaro sāmi hutvā āgatosīti vadati. Yamidhatthi pavedayāti yaṃ imasmiṃ nivesane atthi, taṃ aparisaṅkanto amhākaṃ kathehīti.

    มหาสโตฺต กญฺจนปีเฐ นิสีทิฯ ราชา สตปากสหสฺสปาเกหิ เตเลหิ ตสฺส ปกฺขนฺตรานิ มเกฺขตฺวา กญฺจนตฎฺฎเก มธุลาเช จ มธุโรทกญฺจ สกฺขโรทกญฺจ ทาเปตฺวา มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ เอกโกว อาคโตสิ, กุหิํ อคมิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ตํ ปวตฺติํ วิตฺถาเรน กเถสิฯ อถ นํ ราชา อาห ‘‘สมฺม, มมปิ สูริเยน สทฺธิํ ชวิตเวคํ ทเสฺสหี’’ติฯ มหาราช, น สกฺกา โส เวโค ทเสฺสตุนฺติฯ เตน หิ เม สริกฺขกมตฺตํ ทเสฺสหีติฯ สาธุ, มหาราช, สริกฺขกมตฺตํ ทเสฺสสฺสามิ, อกฺขณเวธี ธนุคฺคเห สนฺนิปาเตหีติฯ ราชา สนฺนิปาเตสิฯ มหาสโตฺต จตฺตาโร ธนุคฺคเห คเหตฺวา นิเวสนา โอรุยฺห ราชงฺคเณ สิลาถมฺภํ นิขณาเปตฺวา อตฺตโน คีวายํ ฆณฺฎํ พนฺธาเปตฺวา สิลาถมฺภมตฺถเก นิสีทิตฺวา จตฺตาโร ธนุคฺคเห ถมฺภํ นิสฺสาย จตุทฺทิสาภิมุเข ฐเปตฺวา ‘‘มหาราช, อิเม จตฺตาโร ชนา เอกปฺปหาเรเนว จตุทฺทิสาภิมุขา จตฺตาริ กณฺฑานิ ขิปนฺตุ, ตานิ อหํ ปถวิํ อปฺปตฺตาเนว อาหริตฺวา เอเตสํ ปาทมูเล ปาเตสฺสามิฯ มม กณฺฑคหณตฺถาย คตภาวํ ฆณฺฎสทฺทสญฺญาย ชาเนยฺยาสิ, มํ ปน น ปสฺสิสฺสสี’’ติ วตฺวา เตหิ เอกปฺปหาเรเนว ขิตฺตกณฺฑานิ อาหริตฺวา เตสํ ปาทมูเล ปาเตตฺวา สิลาถมฺภมตฺถเก นิสินฺนเมว อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘ทิโฎฺฐ เต, มหาราช, มยฺหํ เวโค’’ติ วตฺวา ‘‘มหาราช, อยํ เวโค มยฺหํ เนว อุตฺตโม, มชฺฌิโม, ปริโตฺต ลามกเวโค เอส, เอวํ สีโฆ, มหาราช, อมฺหากํ เวโค’’ติ อาหฯ

    Mahāsatto kañcanapīṭhe nisīdi. Rājā satapākasahassapākehi telehi tassa pakkhantarāni makkhetvā kañcanataṭṭake madhulāje ca madhurodakañca sakkharodakañca dāpetvā madhurapaṭisanthāraṃ katvā ‘‘samma, tvaṃ ekakova āgatosi, kuhiṃ agamitthā’’ti pucchi. So taṃ pavattiṃ vitthārena kathesi. Atha naṃ rājā āha ‘‘samma, mamapi sūriyena saddhiṃ javitavegaṃ dassehī’’ti. Mahārāja, na sakkā so vego dassetunti. Tena hi me sarikkhakamattaṃ dassehīti. Sādhu, mahārāja, sarikkhakamattaṃ dassessāmi, akkhaṇavedhī dhanuggahe sannipātehīti. Rājā sannipātesi. Mahāsatto cattāro dhanuggahe gahetvā nivesanā oruyha rājaṅgaṇe silāthambhaṃ nikhaṇāpetvā attano gīvāyaṃ ghaṇṭaṃ bandhāpetvā silāthambhamatthake nisīditvā cattāro dhanuggahe thambhaṃ nissāya catuddisābhimukhe ṭhapetvā ‘‘mahārāja, ime cattāro janā ekappahāreneva catuddisābhimukhā cattāri kaṇḍāni khipantu, tāni ahaṃ pathaviṃ appattāneva āharitvā etesaṃ pādamūle pātessāmi. Mama kaṇḍagahaṇatthāya gatabhāvaṃ ghaṇṭasaddasaññāya jāneyyāsi, maṃ pana na passissasī’’ti vatvā tehi ekappahāreneva khittakaṇḍāni āharitvā tesaṃ pādamūle pātetvā silāthambhamatthake nisinnameva attānaṃ dassetvā ‘‘diṭṭho te, mahārāja, mayhaṃ vego’’ti vatvā ‘‘mahārāja, ayaṃ vego mayhaṃ neva uttamo, majjhimo, paritto lāmakavego esa, evaṃ sīgho, mahārāja, amhākaṃ vego’’ti āha.

    อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ ‘‘สมฺม, อตฺถิ ปน ตุมฺหากํ เวคโต อโญฺญ สีฆตโร เวโค’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อมฺหากํ อุตฺตมเวคโตปิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน อิเมสํ สตฺตานํ อายุสงฺขารา สีฆตรํ ขียนฺติ ภิชฺชนฺติ, ขยํ คจฺฉนฺตี’’ติ ขณิกนิโรธวเสน รูปธมฺมานํ นิโรธํ ทเสฺสติ, ตโต นามธมฺมานํฯ ราชา มหาสตฺตสฺส กถํ สุตฺวา มรณภยภีโต สติํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตุํ อสโกฺกโนฺต ภูมิยํ ปติ, มหาชโน อุตฺราสํ ปโตฺต อโหสิฯ รโญฺญ มุขํ อุทเกน สิญฺจิตฺวา สติํ ลภาเปสิฯ อถ นํ มหาสโตฺต ‘‘มหาราช, มา ภายิ, มรณสฺสติํ ภาเวหิ, ธมฺมํ จราหิ, ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กโรหิ, อปฺปมโตฺต โหหิ, เทวา’’ติ โอวทิฯ อถ ราชา ‘‘สามิ, มยํ ตุมฺหาทิเสน ญาณพลสมฺปเนฺนน อาจริเยน วินา วสิตุํ น สกฺขิสฺสาม, จิตฺตกูฎํ อคนฺตฺวา มยฺหํ ธมฺมํ เทเสโนฺต มยฺหํ โอวาทาจริโย หุตฺวา อิเธว วสาหี’’ติ ยาจโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Atha naṃ rājā pucchi ‘‘samma, atthi pana tumhākaṃ vegato añño sīghataro vego’’ti? ‘‘Āma, mahārāja, amhākaṃ uttamavegatopi sataguṇena sahassaguṇena satasahassaguṇena imesaṃ sattānaṃ āyusaṅkhārā sīghataraṃ khīyanti bhijjanti, khayaṃ gacchantī’’ti khaṇikanirodhavasena rūpadhammānaṃ nirodhaṃ dasseti, tato nāmadhammānaṃ. Rājā mahāsattassa kathaṃ sutvā maraṇabhayabhīto satiṃ paccupaṭṭhāpetuṃ asakkonto bhūmiyaṃ pati, mahājano utrāsaṃ patto ahosi. Rañño mukhaṃ udakena siñcitvā satiṃ labhāpesi. Atha naṃ mahāsatto ‘‘mahārāja, mā bhāyi, maraṇassatiṃ bhāvehi, dhammaṃ carāhi, dānādīni puññāni karohi, appamatto hohi, devā’’ti ovadi. Atha rājā ‘‘sāmi, mayaṃ tumhādisena ñāṇabalasampannena ācariyena vinā vasituṃ na sakkhissāma, cittakūṭaṃ agantvā mayhaṃ dhammaṃ desento mayhaṃ ovādācariyo hutvā idheva vasāhī’’ti yācanto dve gāthā abhāsi –

    ๒๘.

    28.

    ‘‘สวเนน เอกสฺส ปิยา ภวนฺติ, ทิสฺวา ปเนกสฺส วิเยติ ฉโนฺท;

    ‘‘Savanena ekassa piyā bhavanti, disvā panekassa viyeti chando;

    ทิสฺวา จ สุตฺวา จ ปิยา ภวนฺติ, กจฺจินฺนุ เม ปียสิ ทสฺสเนนฯ

    Disvā ca sutvā ca piyā bhavanti, kaccinnu me pīyasi dassanena.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘สวเนน ปิโย เมสิ, ภิโยฺย จาคมฺม ทสฺสนํ;

    ‘‘Savanena piyo mesi, bhiyyo cāgamma dassanaṃ;

    เอวํ ปิยทสฺสโน เม, วส หํส มมนฺติเก’’ติฯ

    Evaṃ piyadassano me, vasa haṃsa mamantike’’ti.

    ตาสํ อโตฺถ – สมฺม หํสราช สวเนน เอกสฺส เอกเจฺจ ปิยา โหนฺติ, ‘‘เอวํ คุโณ นามา’’ติ สุตฺวา สวเนน ปิยายติ, เอกสฺส ปน เอกเจฺจ ทิสฺวาว ฉโนฺท วิคจฺฉติ, เปมํ อนฺตรธายติ , ขาทิตุํ อาคตา ยกฺขา วิย อุปฎฺฐหนฺติ, เอกสฺส เอกเจฺจ ทิสฺวา จ สุตฺวา จาติ อุภยถาปิ ปิยา โหนฺติ, เตน ตํ ปุจฺฉามิฯ กจฺจินฺนุ เม ปียสิ ทสฺสเนนาติ กจฺจิ นุ ตฺวํ มํ ปิยายสิ, มยฺหํ ปน ตฺวํ สวเนน ปิโยว, ทสฺสนํ ปนาคมฺม อติปิโยวฯ เอวํ มม ปิยทสฺสโน สมาโน จิตฺตกูฎํ อคนฺตฺวา อิธ มม สนฺติเก วสาติฯ

    Tāsaṃ attho – samma haṃsarāja savanena ekassa ekacce piyā honti, ‘‘evaṃ guṇo nāmā’’ti sutvā savanena piyāyati, ekassa pana ekacce disvāva chando vigacchati, pemaṃ antaradhāyati , khādituṃ āgatā yakkhā viya upaṭṭhahanti, ekassa ekacce disvā ca sutvā cāti ubhayathāpi piyā honti, tena taṃ pucchāmi. Kaccinnu me pīyasi dassanenāti kacci nu tvaṃ maṃ piyāyasi, mayhaṃ pana tvaṃ savanena piyova, dassanaṃ panāgamma atipiyova. Evaṃ mama piyadassano samāno cittakūṭaṃ agantvā idha mama santike vasāti.

    โพธิสโตฺต อาห –

    Bodhisatto āha –

    ๓๐.

    30.

    ‘‘วเสยฺยาม ตวาคาเร, นิจฺจํ สกฺกตปูชิตา;

    ‘‘Vaseyyāma tavāgāre, niccaṃ sakkatapūjitā;

    มโตฺต จ เอกทา วเชฺช, หํสราชํ ปจนฺตุ เม’’ติฯ

    Matto ca ekadā vajje, haṃsarājaṃ pacantu me’’ti.

    ตตฺถ มโตฺต จ เอกทาติ มหาราช, มยํ ตว ฆเร นิจฺจํ ปูชิตา วเสยฺยาม, ตฺวํ ปน กทาจิ สุรามทมโตฺต มํสขาทนตฺถํ ‘‘หํสราชํ ปจนฺตุ เม’’ติ วเทยฺยาสิ, อถ เอวํ ตว อนุชีวิโน มํ มาเรตฺวา ปเจยฺยุํ, ตทาหํ กิํ กริสฺสามีติฯ

    Tattha matto ca ekadāti mahārāja, mayaṃ tava ghare niccaṃ pūjitā vaseyyāma, tvaṃ pana kadāci surāmadamatto maṃsakhādanatthaṃ ‘‘haṃsarājaṃ pacantu me’’ti vadeyyāsi, atha evaṃ tava anujīvino maṃ māretvā paceyyuṃ, tadāhaṃ kiṃ karissāmīti.

    อถสฺส ราชา ‘‘เตน หิ มชฺชเมว น ปิวิสฺสามี’’ติ ปฎิญฺญํ ทาตุํ อิมํ คาถมาห –

    Athassa rājā ‘‘tena hi majjameva na pivissāmī’’ti paṭiññaṃ dātuṃ imaṃ gāthamāha –

    ๓๑.

    31.

    ‘‘ธิรตฺถุ ตํ มชฺชปานํ, ยํ เม ปิยตรํ ตยา;

    ‘‘Dhiratthu taṃ majjapānaṃ, yaṃ me piyataraṃ tayā;

    น จาปิ มชฺชํ ปิสฺสามิ, ยาว เม วจฺฉสี ฆเร’’ติฯ

    Na cāpi majjaṃ pissāmi, yāva me vacchasī ghare’’ti.

    ตโต ปรํ โพธิสโตฺต ฉ คาถา อาห –

    Tato paraṃ bodhisatto cha gāthā āha –

    ๓๒.

    32.

    ‘‘สุวิชานํ สิงฺคาลานํ, สกุณานญฺจ วสฺสิตํ;

    ‘‘Suvijānaṃ siṅgālānaṃ, sakuṇānañca vassitaṃ;

    มนุสฺสวสฺสิตํ ราช, ทุพฺพิชานตรํ ตโตฯ

    Manussavassitaṃ rāja, dubbijānataraṃ tato.

    ๓๓.

    33.

    ‘‘อปิ เจ มญฺญตี โปโส, ญาติ มิโตฺต สขาติ วา;

    ‘‘Api ce maññatī poso, ñāti mitto sakhāti vā;

    โย ปุเพฺพ สุมโน หุตฺวา, ปจฺฉา สมฺปชฺชเต ทิโสฯ

    Yo pubbe sumano hutvā, pacchā sampajjate diso.

    ๓๔.

    34.

    ‘‘ยสฺมิํ มโน นิวิสติ, อวิทูเร สหาปิ โส;

    ‘‘Yasmiṃ mano nivisati, avidūre sahāpi so;

    สนฺติเกปิ หิ โส ทูเร, ยสฺมิํ นาวิสเต มโนฯ

    Santikepi hi so dūre, yasmiṃ nāvisate mano.

    ๓๕.

    35.

    ‘‘อโนฺตปิ โส โหติ ปสนฺนจิโตฺต, ปารํ สมุทฺทสฺส ปสนฺนจิโตฺต;

    ‘‘Antopi so hoti pasannacitto, pāraṃ samuddassa pasannacitto;

    อโนฺตปิ โส โหติ ปทุฎฺฐจิโตฺต, ปารํ สมุทฺทสฺส ปทุฎฺฐจิโตฺตฯ

    Antopi so hoti paduṭṭhacitto, pāraṃ samuddassa paduṭṭhacitto.

    ๓๖.

    36.

    ‘‘สํวสนฺตา วิวสนฺติ, เย ทิสา เต รเถสภ;

    ‘‘Saṃvasantā vivasanti, ye disā te rathesabha;

    อารา สโนฺต สํวสนฺติ, มนสา รฎฺฐวฑฺฒนฯ

    Ārā santo saṃvasanti, manasā raṭṭhavaḍḍhana.

    ๓๗.

    37.

    ‘‘อติจิรํ นิวาเสน, ปิโย ภวติ อปฺปิโย;

    ‘‘Aticiraṃ nivāsena, piyo bhavati appiyo;

    อามนฺต โข ตํ คจฺฉาม, ปุรา เต โหม อปฺปิยา’’ติฯ

    Āmanta kho taṃ gacchāma, purā te homa appiyā’’ti.

    ตตฺถ วสฺสิตนฺติ มหาราช, ติรจฺฉานคตา อุชุหทยา, เตน เตสํ วสฺสิตํ สุวิชานํ, มนุสฺสา ปน กกฺขฬา, ตสฺมา เตสํ วจนํ ทุพฺพิชานตรนฺติ อโตฺถฯ โย ปุเพฺพติ โย ปุคฺคโล ปฐมเมว อตฺตมโน หุตฺวา ‘‘ตฺวํ มยฺหํ ญาตโก มิโตฺต ปาณสโม สขา’’ติ อปิ เอวํ มญฺญติ, เสฺวว ปจฺฉา ทิโส เวรี สมฺปชฺชติ, เอวํ ทุพฺพิชานํ นาม มนุสฺสหทยนฺติฯ นิวิสตีติ มหาราช, ยสฺมิํ ปุคฺคเล เปมวเสน มโน นิวิสติ, โส ทูเร วสโนฺตปิ อวิทูเร สหาปิ วสติเยว นามฯ ยสฺมิํ ปน ปุคฺคเล มโน น นิวิสติ อเปติ, โส สนฺติเก วสโนฺตปิ ทูเรเยวฯ

    Tattha vassitanti mahārāja, tiracchānagatā ujuhadayā, tena tesaṃ vassitaṃ suvijānaṃ, manussā pana kakkhaḷā, tasmā tesaṃ vacanaṃ dubbijānataranti attho. Yo pubbeti yo puggalo paṭhamameva attamano hutvā ‘‘tvaṃ mayhaṃ ñātako mitto pāṇasamo sakhā’’ti api evaṃ maññati, sveva pacchā diso verī sampajjati, evaṃ dubbijānaṃ nāma manussahadayanti. Nivisatīti mahārāja, yasmiṃ puggale pemavasena mano nivisati, so dūre vasantopi avidūre sahāpi vasatiyeva nāma. Yasmiṃ pana puggale mano na nivisati apeti, so santike vasantopi dūreyeva.

    อโนฺตปิ โส โหตีติ มหาราช, โย สหาโย ปสนฺนจิโตฺต, โส จิเตฺตน อลฺลีนตฺตา ปารํ สมุทฺทสฺส วสโนฺตปิ อโนฺตเยว โหติฯ โย ปน ปทุฎฺฐจิโตฺต, โส จิเตฺตน อนลฺลีนตฺตา อโนฺต วสโนฺตปิ ปารํ สมุทฺทสฺส นามฯ เย ทิสา เตติ เย เวริโน ปจฺจตฺถิกา, เต เอกโต วสนฺตาปิ ทูเร วสนฺติเยว นามฯ สโนฺต ปน ปณฺฑิตา อารา ฐิตาปิ เมตฺตาภาวิเตน มนสา อาวเชฺชนฺตา สํวสนฺติเยวฯ ปุรา เต โหมาติ ยาว ตว อปฺปิยา น โหม, ตาวเทว ตํ อามเนฺตตฺวา คจฺฉามาติ วทติฯ

    Antopi so hotīti mahārāja, yo sahāyo pasannacitto, so cittena allīnattā pāraṃ samuddassa vasantopi antoyeva hoti. Yo pana paduṭṭhacitto, so cittena anallīnattā anto vasantopi pāraṃ samuddassa nāma. Ye disā teti ye verino paccatthikā, te ekato vasantāpi dūre vasantiyeva nāma. Santo pana paṇḍitā ārā ṭhitāpi mettābhāvitena manasā āvajjentā saṃvasantiyeva. Purā te homāti yāva tava appiyā na homa, tāvadeva taṃ āmantetvā gacchāmāti vadati.

    อถ นํ ราชา อาห –

    Atha naṃ rājā āha –

    ๓๘.

    38.

    ‘‘เอวํ เจ ยาจมานานํ, อญฺชลิํ นาวพุชฺฌสิ;

    ‘‘Evaṃ ce yācamānānaṃ, añjaliṃ nāvabujjhasi;

    ปริจารกานํ สตํ, วจนํ น กโรสิ โน;

    Paricārakānaṃ sataṃ, vacanaṃ na karosi no;

    เอวํ ตํ อภิยาจาม, ปุน กยิราสิ ปริยาย’’นฺติฯ

    Evaṃ taṃ abhiyācāma, puna kayirāsi pariyāya’’nti.

    ตตฺถ เอวํ เจติ สเจ หํสราช, เอวํ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ยาจมานานํ อมฺหากํ อิมํ อญฺชลิํ นาวพุชฺฌสิ, ตว ปริจารกานํ สมานานํ วจนํ น กโรสิ, อถ นํ เอวํ ยาจามฯ ปุน กยิราสิ ปริยายนฺติ กาเลน กาลํ อิธ อาคมนาย วารํ กเรยฺยาสีติ อโตฺถฯ

    Tattha evaṃ ceti sace haṃsarāja, evaṃ añjaliṃ paggayha yācamānānaṃ amhākaṃ imaṃ añjaliṃ nāvabujjhasi, tava paricārakānaṃ samānānaṃ vacanaṃ na karosi, atha naṃ evaṃ yācāma. Puna kayirāsi pariyāyanti kālena kālaṃ idha āgamanāya vāraṃ kareyyāsīti attho.

    ตโต โพธิสโตฺต อาห –

    Tato bodhisatto āha –

    ๓๙.

    39.

    ‘‘เอวํ เจ โน วิหรตํ, อนฺตราโย น เหสฺสติ;

    ‘‘Evaṃ ce no viharataṃ, antarāyo na hessati;

    ตุยฺหํ จาปิ มหาราช, มยฺหญฺจ รฎฺฐวฑฺฒน;

    Tuyhaṃ cāpi mahārāja, mayhañca raṭṭhavaḍḍhana;

    อเปฺปว นาม ปเสฺสมุ, อโหรตฺตานมจฺจเย’’ติฯ

    Appeva nāma passemu, ahorattānamaccaye’’ti.

    ตตฺถ เอวํ เจ โนติ มหาราช, มา จินฺตยิตฺถ, สเจ อมฺหากมฺปิ เอวํ วิหรนฺตานํ ชีวิตนฺตราโย น ภวิสฺสติ, อเปฺปว นาม อุโภ อญฺญมญฺญํ ปสฺสิสฺสาม, อปิจ ตฺวํ มยา ทินฺนํ โอวาทเมว มม ฐาเน ฐเปตฺวา เอวํ อิตฺตรชีวิเต โลกสนฺนิวาเส อปฺปมโตฺต หุตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กโรโนฺต ทส ราชธเมฺม อโกเปตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรหิ, เอวญฺหิ เม โอวาทํ กโรโนฺต มํ ปสฺสิสฺสติเยวาติฯ เอวํ มหาสโตฺต ราชานํ โอวทิตฺวา จิตฺตกูฎปพฺพตเมว คโตฯ

    Tattha evaṃ ce noti mahārāja, mā cintayittha, sace amhākampi evaṃ viharantānaṃ jīvitantarāyo na bhavissati, appeva nāma ubho aññamaññaṃ passissāma, apica tvaṃ mayā dinnaṃ ovādameva mama ṭhāne ṭhapetvā evaṃ ittarajīvite lokasannivāse appamatto hutvā dānādīni puññāni karonto dasa rājadhamme akopetvā dhammena rajjaṃ kārehi, evañhi me ovādaṃ karonto maṃ passissatiyevāti. Evaṃ mahāsatto rājānaṃ ovaditvā cittakūṭapabbatameva gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุเพฺพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพเตฺตนปิ มยา อายุสงฺขารานํ ทุพฺพลภาวํ ทเสฺสตฺวา ธโมฺม เทสิโต’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, กนิโฎฺฐ โมคฺคลฺลาโน, มชฺฌิโม สาริปุโตฺต, เสสหํสคณา พุทฺธปริสา, ชวนหํโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ, bhikkhave, pubbe tiracchānayoniyaṃ nibbattenapi mayā āyusaṅkhārānaṃ dubbalabhāvaṃ dassetvā dhammo desito’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, kaniṭṭho moggallāno, majjhimo sāriputto, sesahaṃsagaṇā buddhaparisā, javanahaṃso pana ahameva ahosi’’nti.

    ชวนหํสชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Javanahaṃsajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๗๖. ชวนหํสชาตกํ • 476. Javanahaṃsajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact