Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi

    ๑๒. ฌานวิภโงฺค

    12. Jhānavibhaṅgo

    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ

    1. Suttantabhājanīyaṃ

    ๕๐๘. อิธ ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ, อาจารโคจรสมฺปโนฺน, อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตญฺญู ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺต สาตจฺจํ เนปกฺกํ โพธิปกฺขิกานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุโตฺตฯ โส อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิญฺชิเต 1 ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกเมฺม สมฺปชานการี โหติ, คเต ฐิเต นิสิเนฺน สุเตฺต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติฯ โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิโคฺฆสํ วิชนวาตํ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ 2 ปฎิสลฺลานสารุปฺปํฯ โส อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิเชฺฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติฯ พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิโตฺต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิโทฺธ วิหรติ อาโลกสญฺญี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต , อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติฯ โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘‘อนโนฺต อากาโส’’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติ อากิญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ

    508. Idha bhikkhu pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati, ācāragocarasampanno, aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu indriyesu guttadvāro bhojane mattaññū pubbarattāpararattaṃ jāgariyānuyogamanuyutto sātaccaṃ nepakkaṃ bodhipakkhikānaṃ dhammānaṃ bhāvanānuyogamanuyutto. So abhikkante paṭikkante sampajānakārī hoti, ālokite vilokite sampajānakārī hoti, samiñjite 3 pasārite sampajānakārī hoti, saṅghāṭipattacīvaradhāraṇe sampajānakārī hoti, asite pīte khāyite sāyite sampajānakārī hoti, uccārapassāvakamme sampajānakārī hoti, gate ṭhite nisinne sutte jāgarite bhāsite tuṇhībhāve sampajānakārī hoti. So vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ appasaddaṃ appanigghosaṃ vijanavātaṃ manussarāhasseyyakaṃ 4 paṭisallānasāruppaṃ. So araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So abhijjhaṃ loke pahāya vigatābhijjhena cetasā viharati, abhijjhāya cittaṃ parisodheti. Byāpādapadosaṃ pahāya abyāpannacitto viharati sabbapāṇabhūtahitānukampī, byāpādapadosā cittaṃ parisodheti. Thinamiddhaṃ pahāya vigatathinamiddho viharati ālokasaññī sato sampajāno, thinamiddhā cittaṃ parisodheti. Uddhaccakukkuccaṃ pahāya anuddhato viharati ajjhattaṃ vūpasantacitto , uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodheti. Vicikicchaṃ pahāya tiṇṇavicikiccho viharati akathaṃkathī kusalesu dhammesu, vicikicchāya cittaṃ parisodheti. So ime pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati; vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati; pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati sato ca sampajāno sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati; sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati; sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘‘ananto ākāso’’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati; sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘‘anantaṃ viññāṇa’’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati; sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘‘natthi kiñcī’’ti ākiñcāyatanaṃ upasampajja viharati; sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati.

    มาติกา

    Mātikā

    ๕๐๙. ‘‘อิธา’’ติ อิมิสฺสา ทิฎฺฐิยา, อิมิสฺสา ขนฺติยา, อิมิสฺสา รุจิยา, อิมสฺมิํ อาทาเย, อิมสฺมิํ ธเมฺม, อิมสฺมิํ วินเย, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย, อิมสฺมิํ ปาวจเน, อิมสฺมิํ พฺรหฺมจริเย, อิมสฺมิํ สตฺถุสาสเนฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อิธา’’ติฯ

    509. ‘‘Idhā’’ti imissā diṭṭhiyā, imissā khantiyā, imissā ruciyā, imasmiṃ ādāye, imasmiṃ dhamme, imasmiṃ vinaye, imasmiṃ dhammavinaye, imasmiṃ pāvacane, imasmiṃ brahmacariye, imasmiṃ satthusāsane. Tena vuccati ‘‘idhā’’ti.

    ๕๑๐. ‘‘ภิกฺขู’’ติ สมญฺญาย ภิกฺขุ, ปฎิญฺญาย ภิกฺขุ, ภิกฺขตีติ ภิกฺขุ, ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ, ภินฺนปฎธโรติ ภิกฺขุ, ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธเมฺมติ ภิกฺขุ, ภินฺนตฺตา ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ภิกฺขุ, โอธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ, อโนธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขุ, เสโกฺข ภิกฺขุ, อเสโกฺข ภิกฺขุ, เนวเสกฺขนาเสโกฺข ภิกฺขุ, อโคฺค ภิกฺขุ, ภโทฺร ภิกฺขุ, มโณฺฑ ภิกฺขุ, สาโร ภิกฺขุ, สมเคฺคน สเงฺฆน ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อกุเปฺปน ฐานารเหน อุปสมฺปโนฺน ภิกฺขุฯ

    510. ‘‘Bhikkhū’’ti samaññāya bhikkhu, paṭiññāya bhikkhu, bhikkhatīti bhikkhu, bhikkhakoti bhikkhu, bhikkhācariyaṃ ajjhupagatoti bhikkhu, bhinnapaṭadharoti bhikkhu, bhindati pāpake akusale dhammeti bhikkhu, bhinnattā pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ bhikkhu, odhiso kilesānaṃ pahānā bhikkhu, anodhiso kilesānaṃ pahānā bhikkhu, sekkho bhikkhu, asekkho bhikkhu, nevasekkhanāsekkho bhikkhu, aggo bhikkhu, bhadro bhikkhu, maṇḍo bhikkhu, sāro bhikkhu, samaggena saṅghena ñatticatutthena kammena akuppena ṭhānārahena upasampanno bhikkhu.

    ๕๑๑. ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ สีลํ ปติฎฺฐา อาทิ จรณํ สํยโม สํวโร โมกฺขํ ปาโมกฺขํ กุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยาฯ สํวโรติฯ กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม , กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโมฯ สํวุโตติฯ อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปโนฺน สมฺปโนฺน สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติฯ

    511. ‘‘Pātimokkha’’nti sīlaṃ patiṭṭhā ādi caraṇaṃ saṃyamo saṃvaro mokkhaṃ pāmokkhaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā. Saṃvaroti. Kāyiko avītikkamo, vācasiko avītikkamo , kāyikavācasiko avītikkamo. Saṃvutoti. Iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hoti samupeto upāgato samupāgato upapanno sampanno samannāgato. Tena vuccati ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto’’ti.

    ๕๑๒. ‘‘วิหรตี’’ติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    512. ‘‘Viharatī’’ti iriyati vattati pāleti yapeti yāpeti carati viharati. Tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๑๓. ‘‘อาจารโคจรสมฺปโนฺน’’ติ อตฺถิ อาจาโร, อตฺถิ อนาจาโรฯ

    513. ‘‘Ācāragocarasampanno’’ti atthi ācāro, atthi anācāro.

    ตตฺถ กตโม อนาจาโร? กายิโก วีติกฺกโม, วาจสิโก วีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก วีติกฺกโม – อยํ วุจฺจติ ‘‘อนาจาโร’’ฯ สพฺพมฺปิ ทุสฺสีลฺยํ อนาจาโรฯ อิเธกโจฺจ เวฬุทาเนน วา ปตฺตทาเนน วา ปุปฺผทาเนน วา ผลทาเนน วา สินานทาเนน วา ทนฺตกฎฺฐทาเนน วา จาฎุกมฺยตาย วา มุคฺคสูปฺยตาย 5 วา ปาริภฎยตาย วา ชงฺฆเปสนิเกน วา อญฺญตรญฺญตเรน วา พุทฺธปฎิกุเฎฺฐน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กเปฺปติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘อนาจาโร’’ฯ

    Tattha katamo anācāro? Kāyiko vītikkamo, vācasiko vītikkamo, kāyikavācasiko vītikkamo – ayaṃ vuccati ‘‘anācāro’’. Sabbampi dussīlyaṃ anācāro. Idhekacco veḷudānena vā pattadānena vā pupphadānena vā phaladānena vā sinānadānena vā dantakaṭṭhadānena vā cāṭukamyatāya vā muggasūpyatāya 6 vā pāribhaṭayatāya vā jaṅghapesanikena vā aññataraññatarena vā buddhapaṭikuṭṭhena micchāājīvena jīvikaṃ kappeti – ayaṃ vuccati ‘‘anācāro’’.

    ตตฺถ กตโม อาจาโร? กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม – อยํ วุจฺจติ ‘‘อาจาโร’’ ฯ สโพฺพปิ สีลสํวโร อาจาโรฯ อิเธกโจฺจ น เวฬุทาเนน น ปตฺตทาเนน น ปุปฺผทาเนน น ผลทาเนน น สินานทาเนน น ทนฺตกฎฺฐทาเนน น จาฎุกมฺยตาย น มุคฺคสูปฺยตาย น ปาริภฎยตาย น ชงฺฆเปสนิเกน น อญฺญตรญฺญตเรน พุทฺธปฎิกุเฎฺฐน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กเปฺปติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘อาจาโร’’ฯ

    Tattha katamo ācāro? Kāyiko avītikkamo, vācasiko avītikkamo, kāyikavācasiko avītikkamo – ayaṃ vuccati ‘‘ācāro’’ . Sabbopi sīlasaṃvaro ācāro. Idhekacco na veḷudānena na pattadānena na pupphadānena na phaladānena na sinānadānena na dantakaṭṭhadānena na cāṭukamyatāya na muggasūpyatāya na pāribhaṭayatāya na jaṅghapesanikena na aññataraññatarena buddhapaṭikuṭṭhena micchāājīvena jīvikaṃ kappeti – ayaṃ vuccati ‘‘ācāro’’.

    ๕๑๔. ‘‘โคจโร’’ติ อตฺถิ โคจโร, อตฺถิ อโคจโรฯ

    514. ‘‘Gocaro’’ti atthi gocaro, atthi agocaro.

    ตตฺถ กตโม อโคจโร? อิเธกโจฺจ เวสิยาโคจโร วา โหติ วิธวาโคจโร วา ถุลฺลกุมาริโคจโร วา ปณฺฑกโคจโร วา ภิกฺขุนิโคจโร วา ปานาคารโคจโร วา, สํสโฎฺฐ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน สํสเคฺคน ; ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ อโนปานภูตานิ อโกฺกสกปริภาสกานิ อนตฺถกามานิ อหิตกามานิ อผาสุกกามานิ อโยคเกฺขมกามานิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘อโคจโร’’ฯ

    Tattha katamo agocaro? Idhekacco vesiyāgocaro vā hoti vidhavāgocaro vā thullakumārigocaro vā paṇḍakagocaro vā bhikkhunigocaro vā pānāgāragocaro vā, saṃsaṭṭho viharati rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi ananulomikena saṃsaggena ; yāni vā pana tāni kulāni assaddhāni appasannāni anopānabhūtāni akkosakaparibhāsakāni anatthakāmāni ahitakāmāni aphāsukakāmāni ayogakkhemakāmāni bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ, tathārūpāni kulāni sevati bhajati payirupāsati – ayaṃ vuccati ‘‘agocaro’’.

    ตตฺถ กตโม โคจโร? อิเธกโจฺจ น เวสิยาโคจโร โหติ น วิธวาโคจโร น ถุลฺลกุมาริโคจโร น ปณฺฑกโคจโร น ภิกฺขุนิโคจโร น ปานาคารโคจโร, อสํสโฎฺฐ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน สํสเคฺคน; ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ สทฺธานิ ปสนฺนานิ โอปานภูตานิ กาสาวปโชฺชตานิ อิสิวาตปฎิวาตานิ อตฺถกามานิ หิตกามานิ ผาสุกกามานิ โยคเกฺขมกามานิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘โคจโร’’ฯ อิติ อิมินา จ อาจาเรน อิมินา จ โคจเรน อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อาจารโคจรสมฺปโนฺน’’ติฯ

    Tattha katamo gocaro? Idhekacco na vesiyāgocaro hoti na vidhavāgocaro na thullakumārigocaro na paṇḍakagocaro na bhikkhunigocaro na pānāgāragocaro, asaṃsaṭṭho viharati rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi ananulomikena saṃsaggena; yāni vā pana tāni kulāni saddhāni pasannāni opānabhūtāni kāsāvapajjotāni isivātapaṭivātāni atthakāmāni hitakāmāni phāsukakāmāni yogakkhemakāmāni bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ, tathārūpāni kulāni sevati bhajati payirupāsati – ayaṃ vuccati ‘‘gocaro’’. Iti iminā ca ācārena iminā ca gocarena upeto hoti…pe… samannāgato. Tena vuccati ‘‘ācāragocarasampanno’’ti.

    ๕๑๕. ‘‘อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี’’ติ ตตฺถ กตเม อณุมตฺตา วชฺชา? ยานิ ตานิ วชฺชานิ อปฺปมตฺตกานิ โอรมตฺตกานิ ลหุสานิ ลหุสมฺมตานิ สํยมกรณียานิ สํวรกรณียานิ จิตฺตุปฺปาทกรณียานิ มนสิการปฎิพทฺธานิ – อิเม วุจฺจนฺติ ‘‘อณุมตฺตา วชฺชา’’ฯ อิติ อิเมสุ อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ วชฺชทสฺสาวี จ โหติ ภยทสฺสาวี จ อาทีนวทสฺสาวี จ นิสฺสรณทสฺสาวี จฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี’’ติฯ

    515. ‘‘Aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī’’ti tattha katame aṇumattā vajjā? Yāni tāni vajjāni appamattakāni oramattakāni lahusāni lahusammatāni saṃyamakaraṇīyāni saṃvarakaraṇīyāni cittuppādakaraṇīyāni manasikārapaṭibaddhāni – ime vuccanti ‘‘aṇumattā vajjā’’. Iti imesu aṇumattesu vajjesu vajjadassāvī ca hoti bhayadassāvī ca ādīnavadassāvī ca nissaraṇadassāvī ca. Tena vuccati ‘‘aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī’’ti.

    ๕๑๖. ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ ตตฺถ กตมา สิกฺขา? จตโสฺส สิกฺขา – ภิกฺขูนํ ภิกฺขุสิกฺขา, ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขุนิสิกฺขา, อุปาสกานํ อุปาสกสิกฺขา, อุปาสิกานํ อุปาสิกสิกฺขาฯ อิมา วุจฺจนฺติ ‘‘สิกฺขาโย’’ฯ อิติ อิมาสุ สิกฺขาสุ สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อเสสํ นิเสฺสสํ สมาทาย วตฺตติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติฯ

    516. ‘‘Samādāya sikkhati sikkhāpadesū’’ti tattha katamā sikkhā? Catasso sikkhā – bhikkhūnaṃ bhikkhusikkhā, bhikkhunīnaṃ bhikkhunisikkhā, upāsakānaṃ upāsakasikkhā, upāsikānaṃ upāsikasikkhā. Imā vuccanti ‘‘sikkhāyo’’. Iti imāsu sikkhāsu sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ asesaṃ nissesaṃ samādāya vattati. Tena vuccati ‘‘samādāya sikkhati sikkhāpadesū’’ti.

    ๕๑๗. ‘‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร’’ติ อตฺถิ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, อตฺถิ อคุตฺตทฺวารตาฯ

    517. ‘‘Indriyesu guttadvāro’’ti atthi indriyesu guttadvāratā, atthi aguttadvāratā.

    ตตฺถ กตมา อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา? อิเธกโจฺจ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหติ อนุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย น ปฎิปชฺชติ, น รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป.… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป.… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา…เป.… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย นิมิตฺตคฺคาหี โหติ อนุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย น ปฎิปชฺชติ, น รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติฯ ยา อิเมสํ ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ อคุตฺติ อโคปนา อนารโกฺข อสํวโร – อยํ วุจฺจติ ‘‘อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา’’ฯ

    Tattha katamā indriyesu aguttadvāratā? Idhekacco cakkhunā rūpaṃ disvā nimittaggāhī hoti anubyañjanaggāhī. Yatvādhikaraṇamenaṃ cakkhundriyaṃ asaṃvutaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssaveyyuṃ, tassa saṃvarāya na paṭipajjati, na rakkhati cakkhundriyaṃ, cakkhundriye na saṃvaraṃ āpajjati. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā…pe… jivhāya rasaṃ sāyitvā…pe… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā…pe… manasā dhammaṃ viññāya nimittaggāhī hoti anubyañjanaggāhī. Yatvādhikaraṇamenaṃ manindriyaṃ asaṃvutaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssaveyyuṃ, tassa saṃvarāya na paṭipajjati, na rakkhati manindriyaṃ, manindriye na saṃvaraṃ āpajjati. Yā imesaṃ channaṃ indriyānaṃ agutti agopanā anārakkho asaṃvaro – ayaṃ vuccati ‘‘indriyesu aguttadvāratā’’.

    ตตฺถ กตมา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา? อิเธกโจฺจ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฎิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป.… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป.… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา…เป.… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ ญตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฎิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติฯ ยา อิเมสํ ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ คุตฺติ โคปนา อารโกฺข สํวโร – อยํ วุจฺจติ ‘‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา’’ฯ อิมาย อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาย อุเปโต โหติ สมุเปโต…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร’’ติฯ

    Tattha katamā indriyesu guttadvāratā? Idhekacco cakkhunā rūpaṃ disvā na nimittaggāhī hoti nānubyañjanaggāhī. Yatvādhikaraṇamenaṃ cakkhundriyaṃ asaṃvutaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssaveyyuṃ, tassa saṃvarāya paṭipajjati, rakkhati cakkhundriyaṃ, cakkhundriye saṃvaraṃ āpajjati. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā…pe… jivhāya rasaṃ sāyitvā…pe… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā…pe… manasā dhammaṃ viññāya na nimittaggāhī hoti nānubyañjanaggāhī. Ñatvādhikaraṇamenaṃ manindriyaṃ asaṃvutaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssaveyyuṃ, tassa saṃvarāya paṭipajjati, rakkhati manindriyaṃ, manindriye saṃvaraṃ āpajjati. Yā imesaṃ channaṃ indriyānaṃ gutti gopanā ārakkho saṃvaro – ayaṃ vuccati ‘‘indriyesu guttadvāratā’’. Imāya indriyesu guttadvāratāya upeto hoti samupeto…pe… samannāgato. Tena vuccati ‘‘indriyesu guttadvāro’’ti.

    ๕๑๘. ‘‘โภชเน มตฺตญฺญู’’ติ อตฺถิ โภชเน มตฺตญฺญุตา, อตฺถิ โภชเน อมตฺตญฺญุตาฯ

    518. ‘‘Bhojane mattaññū’’ti atthi bhojane mattaññutā, atthi bhojane amattaññutā.

    ตตฺถ กตมา โภชเน อมตฺตญฺญุตา? อิเธกโจฺจ อปฺปฎิสงฺขา อโยนิโส อาหารํ อาหาเรติ ทวาย มทาย มณฺฑนาย วิภูสนายฯ ยา ตตฺถ อสนฺตุฎฺฐิตา อมตฺตญฺญุตา อปฺปฎิสงฺขา โภชเน – อยํ วุจฺจติ ‘‘โภชเน อมตฺตญฺญุตา’’ติฯ

    Tattha katamā bhojane amattaññutā? Idhekacco appaṭisaṅkhā ayoniso āhāraṃ āhāreti davāya madāya maṇḍanāya vibhūsanāya. Yā tattha asantuṭṭhitā amattaññutā appaṭisaṅkhā bhojane – ayaṃ vuccati ‘‘bhojane amattaññutā’’ti.

    ตตฺถ กตมา โภชเน มตฺตญฺญุตา? อิเธกโจฺจ ปฎิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ – ‘‘เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ฐิติยา ยาปนาย วิหิํสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย, อิติ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฎิหงฺขามิ นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุ วิหาโร จา’’ติฯ ยา ตตฺถ สนฺตุฎฺฐิตา มตฺตญฺญุตา ปฎิสงฺขา โภชเน – อยํ วุจฺจติ ‘‘โภชเน มตฺตญฺญุตา’’ฯ อิมาย โภชเน มตฺตญฺญุตาย อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘โภชเน มตฺตญฺญู’’ติฯ

    Tattha katamā bhojane mattaññutā? Idhekacco paṭisaṅkhā yoniso āhāraṃ āhāreti – ‘‘neva davāya na madāya na maṇḍanāya na vibhūsanāya, yāvadeva imassa kāyassa ṭhitiyā yāpanāya vihiṃsūparatiyā brahmacariyānuggahāya, iti purāṇañca vedanaṃ paṭihaṅkhāmi navañca vedanaṃ na uppādessāmi yātrā ca me bhavissati anavajjatā ca phāsu vihāro cā’’ti. Yā tattha santuṭṭhitā mattaññutā paṭisaṅkhā bhojane – ayaṃ vuccati ‘‘bhojane mattaññutā’’. Imāya bhojane mattaññutāya upeto hoti…pe… samannāgato. Tena vuccati ‘‘bhojane mattaññū’’ti.

    ๕๑๙. กถญฺจ ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺต โหติ? อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปฐมยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา มชฺฌิมยามํ ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปติ ปาเท ปาทํ 7 อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิกริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมยามํ ปจฺจุฎฺฐาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติฯ เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺตฯ

    519. Kathañca bhikkhu pubbarattāpararattaṃ jāgariyānuyogamanuyutto hoti? Idha bhikkhu divasaṃ caṅkamena nisajjāya āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodheti, rattiyā paṭhamayāmaṃ caṅkamena nisajjāya āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodheti, rattiyā majjhimayāmaṃ dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappeti pāde pādaṃ 8 accādhāya sato sampajāno uṭṭhānasaññaṃ manasikaritvā, rattiyā pacchimayāmaṃ paccuṭṭhāya caṅkamena nisajjāya āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodheti. Evaṃ bhikkhu pubbarattāpararattaṃ jāgariyānuyogamanuyutto.

    ๕๒๐. ‘‘สาตจฺจ’’นฺติฯ โย เจตสิโก วีริยารโมฺภ…เป.… สมฺมาวายาโมฯ

    520. ‘‘Sātacca’’nti. Yo cetasiko vīriyārambho…pe… sammāvāyāmo.

    ๕๒๑. ‘‘เนปกฺก’’นฺติฯ ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิฯ

    521. ‘‘Nepakka’’nti. Yā paññā pajānanā…pe… amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi.

    ๕๒๒. ‘‘โพธิปกฺขิกานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุโตฺต’’ติฯ ตตฺถ กตเม โพธิปกฺขิกา ธมฺมา? สตฺต โพชฺฌงฺคา – สติสโมฺพชฺฌโงฺค, ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค, วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค, ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค, ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค, อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค ฯ อิเม วุจฺจนฺติ ‘‘โพธิปกฺขิกา ธมฺมา’’ฯ อิติ เต โพธิปกฺขิเก ธเมฺม อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘โพธิปกฺขิกานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุโตฺต’’ติฯ

    522. ‘‘Bodhipakkhikānaṃ dhammānaṃ bhāvanānuyogamanuyutto’’ti. Tattha katame bodhipakkhikā dhammā? Satta bojjhaṅgā – satisambojjhaṅgo, dhammavicayasambojjhaṅgo, vīriyasambojjhaṅgo, pītisambojjhaṅgo, passaddhisambojjhaṅgo, samādhisambojjhaṅgo, upekkhāsambojjhaṅgo . Ime vuccanti ‘‘bodhipakkhikā dhammā’’. Iti te bodhipakkhike dhamme āsevati bhāveti bahulīkaroti. Tena vuccati ‘‘bodhipakkhikānaṃ dhammānaṃ bhāvanānuyogamanuyutto’’ti.

    ๕๒๓. กถญฺจ ภิกฺขุ อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิญฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ , อุจฺจารปสฺสาวกเมฺม สมฺปชานการี โหติ; คเต ฐิเต นิสิเนฺน สุเตฺต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ? อิธ ภิกฺขุ สโต สมฺปชาโน อภิกฺกมติ, สโต สมฺปชาโน ปฎิกฺกมติ, สโต สมฺปชาโน อาโลเกติ, สโต สมฺปชาโน วิโลเกติ, สโต สมฺปชาโน สมิเญฺชติ, สโต สมฺปชาโน ปสาเรติ, สโต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารเณ สโต สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สโต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกเมฺม สโต สมฺปชานการี โหติ, คเต ฐิเต นิสิเนฺน สุเตฺต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สโต สมฺปชานการี โหตีติฯ

    523. Kathañca bhikkhu abhikkante paṭikkante sampajānakārī hoti, ālokite vilokite sampajānakārī hoti, samiñjite pasārite sampajānakārī hoti, saṅghāṭipattacīvaradhāraṇe sampajānakārī hoti, asite pīte khāyite sāyite sampajānakārī hoti , uccārapassāvakamme sampajānakārī hoti; gate ṭhite nisinne sutte jāgarite bhāsite tuṇhībhāve sampajānakārī hoti? Idha bhikkhu sato sampajāno abhikkamati, sato sampajāno paṭikkamati, sato sampajāno āloketi, sato sampajāno viloketi, sato sampajāno samiñjeti, sato sampajāno pasāreti, sato sampajānakārī hoti, saṅghāṭipattacīvaradhāraṇe sato sampajānakārī hoti, asite pīte khāyite sāyite sato sampajānakārī hoti, uccārapassāvakamme sato sampajānakārī hoti, gate ṭhite nisinne sutte jāgarite bhāsite tuṇhībhāve sato sampajānakārī hotīti.

    ๕๒๔. ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ ปฎิสฺสติ สติ สรณตา ธารณตา อปิลาปนตา อสมฺมุสนตา สติ สตินฺทฺริยํ สติพลํ สมฺมาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สติ’’ฯ

    524. Tattha katamā sati? Yā sati anussati paṭissati sati saraṇatā dhāraṇatā apilāpanatā asammusanatā sati satindriyaṃ satibalaṃ sammāsati – ayaṃ vuccati ‘‘sati’’.

    ๕๒๕. ‘‘สมฺปชาโน’’ติ ตตฺถ กตมํ สมฺปชญฺญํ? ยา ปญฺญา ปชานนา วิจโย ปวิจโย ธมฺมวิจโย สลฺลกฺขณา อุปลกฺขณา ปจฺจุปลกฺขณา ปณฺฑิจฺจํ โกสลฺลํ เนปุญฺญํ เวภพฺยา จินฺตา อุปปริกฺขา ภูรีเมธา ปริณายิกา วิปสฺสนา สมฺปชญฺญํ ปโตโท ปญฺญา ปญฺญินฺทฺริยํ ปญฺญาพลํ ปญฺญาสตฺถํ ปญฺญาปาสาโท ปญฺญาอาโลโก ปญฺญาโอภาโส ปญฺญาปโชฺชโต ปญฺญารตนํ อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘สมฺปชญฺญํ’’ฯ อิติ อิมาย จ สติยา อิมินา จ สมฺปชเญฺญน อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโตฯ เอวํ ภิกฺขุ สโต สมฺปชาโน อภิกฺกมติ, สโต สมฺปชาโน ปฎิกฺกมติ, สโต สมฺปชาโน อาโลเกติ, สโต สมฺปชาโน วิโลเกติ, สโต สมฺปชาโน สมิเญฺชติ, สโต สมฺปชาโน ปสาเรติ, สโต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารเณ สโต สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สโต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกเมฺม สโต สมฺปชานการี โหติ, คเต ฐิเต นิสิเนฺน สุเตฺต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติฯ

    525. ‘‘Sampajāno’’ti tattha katamaṃ sampajaññaṃ? Yā paññā pajānanā vicayo pavicayo dhammavicayo sallakkhaṇā upalakkhaṇā paccupalakkhaṇā paṇḍiccaṃ kosallaṃ nepuññaṃ vebhabyā cintā upaparikkhā bhūrīmedhā pariṇāyikā vipassanā sampajaññaṃ patodo paññā paññindriyaṃ paññābalaṃ paññāsatthaṃ paññāpāsādo paññāāloko paññāobhāso paññāpajjoto paññāratanaṃ amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi – idaṃ vuccati ‘‘sampajaññaṃ’’. Iti imāya ca satiyā iminā ca sampajaññena upeto hoti…pe… samannāgato. Evaṃ bhikkhu sato sampajāno abhikkamati, sato sampajāno paṭikkamati, sato sampajāno āloketi, sato sampajāno viloketi, sato sampajāno samiñjeti, sato sampajāno pasāreti, sato sampajānakārī hoti, saṅghāṭipattacīvaradhāraṇe sato sampajānakārī hoti, asite pīte khāyite sāyite sato sampajānakārī hoti, uccārapassāvakamme sato sampajānakārī hoti, gate ṭhite nisinne sutte jāgarite bhāsite tuṇhībhāve sampajānakārī hoti.

    ๕๒๖. ‘‘วิวิตฺต’’นฺติ สนฺติเก เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตญฺจ อนากิณฺณํ คหเฎฺฐหิ ปพฺพชิเตหิฯ เตน ตํ วิวิตฺตํฯ ทูเร เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตญฺจ อนากิณฺณํ คหเฎฺฐหิ ปพฺพชิเตหิฯ เตน ตํ วิวิตฺตํฯ

    526. ‘‘Vivitta’’nti santike cepi senāsanaṃ hoti, tañca anākiṇṇaṃ gahaṭṭhehi pabbajitehi. Tena taṃ vivittaṃ. Dūre cepi senāsanaṃ hoti, tañca anākiṇṇaṃ gahaṭṭhehi pabbajitehi. Tena taṃ vivittaṃ.

    ๕๒๗. ‘‘เสนาสน’’นฺติ มโญฺจปิ เสนาสนํ, ปีฐมฺปิ เสนาสนํ, ภิสิปิ เสนาสนํ, พิโพฺพหนมฺปิ 9 เสนาสนํ, วิหาโรปิ เสนาสนํ, อฑฺฒโยโคปิ เสนาสนํ, ปาสาโทปิ เสนาสนํ, อโฎฺฎปิ เสนาสนํ, มาโฬปิ เสนาสนํ, เลณมฺปิ เสนาสนํ, คุหาปิ เสนาสนํ, รุกฺขมูลมฺปิ เสนาสนํ, เวฬุคุโมฺพปิ เสนาสนํฯ ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺติ สพฺพเมตํ เสนาสนํฯ

    527. ‘‘Senāsana’’nti mañcopi senāsanaṃ, pīṭhampi senāsanaṃ, bhisipi senāsanaṃ, bibbohanampi 10 senāsanaṃ, vihāropi senāsanaṃ, aḍḍhayogopi senāsanaṃ, pāsādopi senāsanaṃ, aṭṭopi senāsanaṃ, māḷopi senāsanaṃ, leṇampi senāsanaṃ, guhāpi senāsanaṃ, rukkhamūlampi senāsanaṃ, veḷugumbopi senāsanaṃ. Yattha vā pana bhikkhū paṭikkamanti sabbametaṃ senāsanaṃ.

    ๕๒๘. ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตี’’ติ อิมํ วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ สมฺภชติ เสวติ นิเสวติ สํเสวติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตี’’ติฯ

    528. ‘‘Vivittaṃ senāsanaṃ bhajatī’’ti imaṃ vivittaṃ senāsanaṃ bhajati sambhajati sevati nisevati saṃsevati. Tena vuccati ‘‘vivittaṃ senāsanaṃ bhajatī’’ti.

    ๕๒๙. ‘‘อรญฺญ’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญํฯ

    529. ‘‘Arañña’’nti nikkhamitvā bahi indakhīlā sabbametaṃ araññaṃ.

    ๕๓๐. ‘‘รุกฺขมูล’’นฺติ รุกฺขมูลํเยว รุกฺขมูลํฯ ปพฺพโตเยว ปพฺพโตฯ กนฺทราเยว กนฺทราฯ คิริคุหาเยว คิริคุหาฯ สุสานํเยว สุสานํฯ อโพฺภกาโสเยว อโพฺภกาโสฯ ปลาลปุโญฺชเยว ปลาลปุโญฺชฯ

    530. ‘‘Rukkhamūla’’nti rukkhamūlaṃyeva rukkhamūlaṃ. Pabbatoyeva pabbato. Kandarāyeva kandarā. Giriguhāyeva giriguhā. Susānaṃyeva susānaṃ. Abbhokāsoyeva abbhokāso. Palālapuñjoyeva palālapuñjo.

    ๕๓๑. ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํฯ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ วนสณฺฑานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํฯ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ ภีสนกานเมตํ 11 เสนาสนานํ อธิวจนํฯ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ สโลมหํสานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํฯ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ ปริยนฺตานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํฯ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํฯ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ ทุรภิสมฺภวานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํฯ

    531. ‘‘Vanapattha’’nti dūrānametaṃ senāsanānaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Vanapattha’’nti vanasaṇḍānametaṃ senāsanānaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Vanapattha’’nti bhīsanakānametaṃ 12 senāsanānaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Vanapattha’’nti salomahaṃsānametaṃ senāsanānaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Vanapattha’’nti pariyantānametaṃ senāsanānaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Vanapattha’’nti na manussūpacārānametaṃ senāsanānaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Vanapattha’’nti durabhisambhavānametaṃ senāsanānaṃ adhivacanaṃ.

    ๕๓๒. ‘‘อปฺปสทฺท’’นฺติ สนฺติเก เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตญฺจ อนากิณฺณํ คหเฎฺฐหิ ปพฺพชิเตหิฯ เตน ตํ อปฺปสทฺทํฯ ทูเร เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตญฺจ อนากิณฺณํ คหเฎฺฐหิ ปพฺพชิเตหิฯ เตน ตํ อปฺปสทฺทํฯ

    532. ‘‘Appasadda’’nti santike cepi senāsanaṃ hoti, tañca anākiṇṇaṃ gahaṭṭhehi pabbajitehi. Tena taṃ appasaddaṃ. Dūre cepi senāsanaṃ hoti, tañca anākiṇṇaṃ gahaṭṭhehi pabbajitehi. Tena taṃ appasaddaṃ.

    ๕๓๓. ‘‘อปฺปนิโคฺฆส’’นฺติ ยเทว ตํ อปฺปสทฺทํ ตเทว ตํ อปฺปนิโคฺฆสํฯ ยเทว ตํ อปฺปนิโคฺฆสํ ตเทว ตํ วิชนวาตํฯ ยเทว ตํ วิชนวาตํ ตเทว ตํ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํฯ ยเทว ตํ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ ตเทว ตํ ปฎิสลฺลานสารุปฺปํฯ

    533. ‘‘Appanigghosa’’nti yadeva taṃ appasaddaṃ tadeva taṃ appanigghosaṃ. Yadeva taṃ appanigghosaṃ tadeva taṃ vijanavātaṃ. Yadeva taṃ vijanavātaṃ tadeva taṃ manussarāhasseyyakaṃ. Yadeva taṃ manussarāhasseyyakaṃ tadeva taṃ paṭisallānasāruppaṃ.

    ๕๓๔. ‘‘อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา’’ติ อรญฺญคโต วา โหติ รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วาฯ

    534. ‘‘Araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā’’ti araññagato vā hoti rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā.

    ๕๓๕. ‘‘นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา’’ติ นิสิโนฺน โหติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาฯ

    535. ‘‘Nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā’’ti nisinno hoti pallaṅkaṃ ābhujitvā.

    ๕๓๖. ‘‘อุชุํ กายํ ปณิธายา’’ติ อุชุโก โหติ กาโย ฐิโต ปณิหิโตฯ

    536. ‘‘Ujuṃ kāyaṃ paṇidhāyā’’ti ujuko hoti kāyo ṭhito paṇihito.

    ๕๓๗. ‘‘ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติ ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ ปฎิสฺสติ…เป.… สมฺมาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สติ’’ฯ อยํ สติ อุปฎฺฐิตา โหติ สุปฎฺฐิตา นาสิกเคฺค วา มุขนิมิเตฺต วาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติฯ

    537. ‘‘Parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti tattha katamā sati? Yā sati anussati paṭissati…pe… sammāsati – ayaṃ vuccati ‘‘sati’’. Ayaṃ sati upaṭṭhitā hoti supaṭṭhitā nāsikagge vā mukhanimitte vā. Tena vuccati ‘‘parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti.

    ๕๓๘. ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติ ตตฺถ กตมา อภิชฺฌา? โย ราโค สาราโค…เป.… จิตฺตสฺส สาราโค – อยํ วุจฺจติ ‘‘อภิชฺฌา’’ฯ

    538. ‘‘Abhijjhaṃ loke pahāyā’’ti tattha katamā abhijjhā? Yo rāgo sārāgo…pe… cittassa sārāgo – ayaṃ vuccati ‘‘abhijjhā’’.

    ตตฺถ กตโม โลโก? ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา โลโก – อยํ วุจฺจติ ‘‘โลโก’’ฯ อยํ อภิชฺฌา อิมมฺหิ โลเก สนฺตา โหติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติฯ

    Tattha katamo loko? Pañcupādānakkhandhā loko – ayaṃ vuccati ‘‘loko’’. Ayaṃ abhijjhā imamhi loke santā hoti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘abhijjhaṃ loke pahāyā’’ti.

    ๕๓๙. ‘‘วิคตาภิเชฺฌน เจตสา’’ติ ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ? ยํ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… ตชฺชามโนวิญฺญาณธาตุ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ วิคตาภิชฺฌํ โหติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิคตาภิเชฺฌน เจตสา’’ติฯ

    539. ‘‘Vigatābhijjhena cetasā’’ti tattha katamaṃ cittaṃ? Yaṃ cittaṃ mano mānasaṃ…pe… tajjāmanoviññāṇadhātu – idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ vigatābhijjhaṃ hoti. Tena vuccati ‘‘vigatābhijjhena cetasā’’ti.

    ๕๔๐. ‘‘วิหรตี’’ติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    540. ‘‘Viharatī’’ti iriyati vattati pāleti yapeti yāpeti carati viharati. Tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๔๑. ‘‘อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ ตตฺถ กตมา อภิชฺฌา? โย ราโค สาราโค…เป.… จิตฺตสฺส สาราโค – อยํ วุจฺจติ ‘‘อภิชฺฌา’’ฯ

    541. ‘‘Abhijjhāya cittaṃ parisodhetī’’ti tattha katamā abhijjhā? Yo rāgo sārāgo…pe… cittassa sārāgo – ayaṃ vuccati ‘‘abhijjhā’’.

    ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ? ยํ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… ตชฺชามโนวิญฺญาณธาตุ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ อิมาย อภิชฺฌาย โสเธติ วิโสเธติ ปริโสเธติ โมเจติ วิโมเจติ ปริโมเจติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติฯ

    Tattha katamaṃ cittaṃ? Yaṃ cittaṃ mano mānasaṃ…pe… tajjāmanoviññāṇadhātu – idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ imāya abhijjhāya sodheti visodheti parisodheti moceti vimoceti parimoceti. Tena vuccati ‘‘abhijjhāya cittaṃ parisodhetī’’ti.

    ๕๔๒. ‘‘พฺยาปาทปโทสํ ปหายา’’ติ อตฺถิ พฺยาปาโท, อตฺถิ ปโทโสฯ

    542. ‘‘Byāpādapadosaṃ pahāyā’’ti atthi byāpādo, atthi padoso.

    ตตฺถ กตโม พฺยาปาโท? โย จิตฺตสฺส อาฆาโต ปฎิฆาโต ปฎิฆํ ปฎิวิโรโธ โกโป ปโกโป สมฺปโกโป โทโส ปโทโส สมฺปโทโส จิตฺตสฺส พฺยาปตฺติ มโนปโทโส โกโธ กุชฺฌนา กุชฺฌิตตฺตํ โทโส ทุสฺสนา ทุสฺสิตตฺตํ 13 พฺยาปตฺติ พฺยาปชฺชนา พฺยาปชฺชิตตฺตํ วิโรโธ ปฎิวิโรโธ จณฺฑิกฺกํ อสุโรโป อนตฺตมนตา จิตฺตสฺส – อยํ วุจฺจติ ‘‘พฺยาปาโท’’ฯ

    Tattha katamo byāpādo? Yo cittassa āghāto paṭighāto paṭighaṃ paṭivirodho kopo pakopo sampakopo doso padoso sampadoso cittassa byāpatti manopadoso kodho kujjhanā kujjhitattaṃ doso dussanā dussitattaṃ 14 byāpatti byāpajjanā byāpajjitattaṃ virodho paṭivirodho caṇḍikkaṃ asuropo anattamanatā cittassa – ayaṃ vuccati ‘‘byāpādo’’.

    ตตฺถ กตโม ปโทโส? โย พฺยาปาโท โส ปโทโส, โย ปโทโส โส พฺยาปาโทฯ อิติ อยญฺจ พฺยาปาโท อยญฺจ ปโทโส สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘พฺยาปาทปโทสํ ปหายา’’ติฯ

    Tattha katamo padoso? Yo byāpādo so padoso, yo padoso so byāpādo. Iti ayañca byāpādo ayañca padoso santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘byāpādapadosaṃ pahāyā’’ti.

    ๕๔๓. ‘‘อพฺยาปนฺนจิโตฺต’’ติ ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ? ยํ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… ตชฺชามโนวิญฺญาณธาตุ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ อพฺยาปนฺนํ โหติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อพฺยาปนฺนจิโตฺต’’ติฯ

    543. ‘‘Abyāpannacitto’’ti tattha katamaṃ cittaṃ? Yaṃ cittaṃ mano mānasaṃ…pe… tajjāmanoviññāṇadhātu – idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ abyāpannaṃ hoti. Tena vuccati ‘‘abyāpannacitto’’ti.

    ๕๔๔. ‘‘วิหรตี’’ติ…เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    544. ‘‘Viharatī’’ti…pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๔๕. ‘‘พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติฯ อตฺถิ พฺยาปาโท อตฺถิ ปโทโสฯ

    545. ‘‘Byāpādapadosā cittaṃ parisodhetī’’ti. Atthi byāpādo atthi padoso.

    ตตฺถ กตโม พฺยาปาโท? โย จิตฺตสฺส อาฆาโต…เป.… จณฺฑิกฺกํ อสุโรโป อนตฺตมนตา จิตฺตสฺส – อยํ วุจฺจติ ‘‘พฺยาปาโท’’ฯ

    Tattha katamo byāpādo? Yo cittassa āghāto…pe… caṇḍikkaṃ asuropo anattamanatā cittassa – ayaṃ vuccati ‘‘byāpādo’’.

    ตตฺถ กตโม ปโทโส? โย พฺยาปาโท โส ปโทโส, โย ปโทโส โส พฺยาปาโทฯ

    Tattha katamo padoso? Yo byāpādo so padoso, yo padoso so byāpādo.

    ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ? ยํ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… ตชฺชามโนวิญฺญาณธาตุ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ อิมมฺหา พฺยาปาทปโทสา โสเธติ วิโสเธติ ปริโสเธติ โมเจติ วิโมเจติ ปริโมเจติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติฯ

    Tattha katamaṃ cittaṃ? Yaṃ cittaṃ mano mānasaṃ…pe… tajjāmanoviññāṇadhātu – idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ imamhā byāpādapadosā sodheti visodheti parisodheti moceti vimoceti parimoceti. Tena vuccati ‘‘byāpādapadosā cittaṃ parisodhetī’’ti.

    ๕๔๖. ‘‘ถินมิทฺธํ ปหายา’’ติ อตฺถิ ถินํ 15, อตฺถิ มิทฺธํฯ

    546. ‘‘Thinamiddhaṃ pahāyā’’ti atthi thinaṃ 16, atthi middhaṃ.

    ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺยตา อกมฺมญฺญตา โอลียนา สลฺลียนา ลีนํ ลียนา ลียิตตฺตํ ถินํ ถิยนา ถิยิตตฺตํ 17 จิตฺตสฺส – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ถินํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ thinaṃ? Yā cittassa akalyatā akammaññatā olīyanā sallīyanā līnaṃ līyanā līyitattaṃ thinaṃ thiyanā thiyitattaṃ 18 cittassa – idaṃ vuccati ‘‘thinaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺยตา อกมฺมญฺญตา โอนาโห ปริโยนาโห อโนฺตสโมโรโธ มิทฺธํ สุปฺปํ ปจลายิกา สุปฺปํ สุปฺปนา สุปฺปิตตฺตํ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘มิทฺธํ’’ฯ อิติ อิทญฺจ ถินํ อิทญฺจ มิทฺธํ สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ถินมิทฺธํ ปหายา’’ติฯ

    Tattha katamaṃ middhaṃ? Yā kāyassa akalyatā akammaññatā onāho pariyonāho antosamorodho middhaṃ suppaṃ pacalāyikā suppaṃ suppanā suppitattaṃ – idaṃ vuccati ‘‘middhaṃ’’. Iti idañca thinaṃ idañca middhaṃ santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘thinamiddhaṃ pahāyā’’ti.

    ๕๔๗. ‘‘วิคตถินมิโทฺธ’’ติฯ ตสฺส ถินมิทฺธสฺส จตฺตตฺตา วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา ปหีนตฺตา ปฎินิสฺสฎฺฐตฺตา ปหีนปฎินิสฺสฎฺฐตฺตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิคตถินมิโทฺธ’’ติฯ

    547. ‘‘Vigatathinamiddho’’ti. Tassa thinamiddhassa cattattā vantattā muttattā pahīnattā paṭinissaṭṭhattā pahīnapaṭinissaṭṭhattā. Tena vuccati ‘‘vigatathinamiddho’’ti.

    ๕๔๘. ‘‘วิหรตี’’ติ…เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    548. ‘‘Viharatī’’ti…pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๔๙. ‘‘อาโลกสญฺญี’’ติฯ ตตฺถ กตมา สญฺญา? ยา สญฺญา สญฺชานนา สญฺชานิตตฺตํ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สญฺญา’’ฯ อยํ สญฺญา อาโลกา โหติ วิวฎา ปริสุทฺธา ปริโยทาตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อาโลกสญฺญี’’ติฯ

    549. ‘‘Ālokasaññī’’ti. Tattha katamā saññā? Yā saññā sañjānanā sañjānitattaṃ – ayaṃ vuccati ‘‘saññā’’. Ayaṃ saññā ālokā hoti vivaṭā parisuddhā pariyodātā. Tena vuccati ‘‘ālokasaññī’’ti.

    ๕๕๐. ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติฯ ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ …เป.… สมฺมาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สติ’’ฯ

    550. ‘‘Sato sampajāno’’ti. Tattha katamā sati? Yā sati anussati …pe… sammāsati – ayaṃ vuccati ‘‘sati’’.

    ตตฺถ กตมํ สมฺปชญฺญํ? ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘สมฺปชญฺญํ’’ฯ อิติ อิมาย จ สติยา อิมินา จ สมฺปชเญฺญน อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติฯ

    Tattha katamaṃ sampajaññaṃ? Yā paññā pajānanā…pe… amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi – idaṃ vuccati ‘‘sampajaññaṃ’’. Iti imāya ca satiyā iminā ca sampajaññena upeto hoti…pe… samannāgato. Tena vuccati ‘‘sato sampajāno’’ti.

    ๕๕๑. ‘‘ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติฯ อตฺถิ ถินํ, อตฺถิ มิทฺธํฯ

    551. ‘‘Thinamiddhā cittaṃ parisodhetī’’ti. Atthi thinaṃ, atthi middhaṃ.

    ตตฺถ กตมํ ถินํ…เป.… อิทํ วุจฺจติ ‘‘ถินํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ thinaṃ…pe… idaṃ vuccati ‘‘thinaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ…เป.… อิทํ วุจฺจติ ‘‘มิทฺธํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ middhaṃ…pe… idaṃ vuccati ‘‘middhaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ…เป.… อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ อิมมฺหา ถินมิทฺธา โสเธติ วิโสเธติ ปริโสเธติ โมเจติ วิโมเจติ ปริโมเจติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติฯ

    Tattha katamaṃ cittaṃ…pe… idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ imamhā thinamiddhā sodheti visodheti parisodheti moceti vimoceti parimoceti. Tena vuccati ‘‘thinamiddhā cittaṃ parisodhetī’’ti.

    ๕๕๒. ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหายา’’ติ อตฺถิ อุทฺธจฺจํ, อตฺถิ กุกฺกุจฺจํฯ

    552. ‘‘Uddhaccakukkuccaṃ pahāyā’’ti atthi uddhaccaṃ, atthi kukkuccaṃ.

    ตตฺถ กตมํ อุทฺธจฺจํ? ยํ จิตฺตสฺส อุทฺธจฺจํ อวูปสโม เจตโส วิเกฺขโป ภนฺตตฺตํ จิตฺตสฺส – อิทํ วุจฺจติ ‘‘อุทฺธจฺจํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ uddhaccaṃ? Yaṃ cittassa uddhaccaṃ avūpasamo cetaso vikkhepo bhantattaṃ cittassa – idaṃ vuccati ‘‘uddhaccaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ กุกฺกุจฺจํ? อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตา, กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตา, อวเชฺช วชฺชสญฺญิตา, วเชฺช อวชฺชสญฺญิตา, ยํ เอวรูปํ กุกฺกุจฺจํ กุกฺกุจฺจายนา กุกฺกุจฺจายิตตฺตํ เจตโส วิปฺปฎิสาโร มโนวิเลขา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘กุกฺกุจฺจํ’’ฯ อิติ อิทญฺจ อุทฺธจฺจํ อิทญฺจ กุกฺกุจฺจํ สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหายา’’ติฯ

    Tattha katamaṃ kukkuccaṃ? Akappiye kappiyasaññitā, kappiye akappiyasaññitā, avajje vajjasaññitā, vajje avajjasaññitā, yaṃ evarūpaṃ kukkuccaṃ kukkuccāyanā kukkuccāyitattaṃ cetaso vippaṭisāro manovilekhā – idaṃ vuccati ‘‘kukkuccaṃ’’. Iti idañca uddhaccaṃ idañca kukkuccaṃ santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘uddhaccakukkuccaṃ pahāyā’’ti.

    ๕๕๓. ‘‘อนุทฺธโต’’ติ ตสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส จตฺตตฺตา วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา ปหีนตฺตา ปฎินิสฺสฎฺฐตฺตา ปหีนปฎินิสฺสฎฺฐตฺตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อนุทฺธโต’’ติฯ

    553. ‘‘Anuddhato’’ti tassa uddhaccakukkuccassa cattattā vantattā muttattā pahīnattā paṭinissaṭṭhattā pahīnapaṭinissaṭṭhattā. Tena vuccati ‘‘anuddhato’’ti.

    ๕๕๔. ‘‘วิหรตี’’ติ …เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    554. ‘‘Viharatī’’ti …pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๕๕. ‘‘วูปสนฺตจิโตฺต’’ติ ฯ ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ? ยํ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… ตชฺชามโนวิญฺญาณธาตุ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ อชฺฌตฺตํ สนฺตํ โหติ สมิตํ วูปสนฺตํฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต’’ติฯ

    555. ‘‘Vūpasantacitto’’ti . Tattha katamaṃ cittaṃ? Yaṃ cittaṃ mano mānasaṃ…pe… tajjāmanoviññāṇadhātu – idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ ajjhattaṃ santaṃ hoti samitaṃ vūpasantaṃ. Tena vuccati ‘‘ajjhattaṃ vūpasantacitto’’ti.

    ๕๕๖. ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ อตฺถิ อุทฺธจฺจํ, อตฺถิ กุกฺกุจฺจํฯ

    556. ‘‘Uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodhetī’’ti atthi uddhaccaṃ, atthi kukkuccaṃ.

    ตตฺถ กตมํ อุทฺธจฺจํ? ยํ จิตฺตสฺส อุทฺธจฺจํ อวูปสโม เจตโส วิเกฺขโป ภนฺตตฺตํ จิตฺตสฺส – อิทํ วุจฺจติ ‘‘อุทฺธจฺจํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ uddhaccaṃ? Yaṃ cittassa uddhaccaṃ avūpasamo cetaso vikkhepo bhantattaṃ cittassa – idaṃ vuccati ‘‘uddhaccaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ กุกฺกุจฺจํ…เป.… อิทํ วุจฺจติ ‘‘กุกฺกุจฺจํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ kukkuccaṃ…pe… idaṃ vuccati ‘‘kukkuccaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ…เป.… อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ อิมมฺหา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา โสเธติ วิโสเธติ ปริโสเธติ โมเจติ วิโมเจติ ปริโมเจติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติฯ

    Tattha katamaṃ cittaṃ…pe… idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ imamhā uddhaccakukkuccā sodheti visodheti parisodheti moceti vimoceti parimoceti. Tena vuccati ‘‘uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodhetī’’ti.

    ๕๕๗. ‘‘วิจิกิจฺฉํ ปหายา’’ติ, ตตฺถ กตมา วิจิกิจฺฉา? ยา กงฺขา กงฺขายนา กงฺขายิตตฺตํ วิมติ วิจิกิจฺฉา เทฺวฬฺหกํ ทฺวิธาปโถ สํสโย อเนกํสคฺคาโห อาสปฺปนา ปริสปฺปนา อปริโยคาหณา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส มโนวิเลโข – อยํ วุจฺจติ ‘‘วิจิกิจฺฉา’’ฯ อยํ วิจิกิจฺฉา สนฺตา โหติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิจิกิจฺฉํ ปหายา’’ติฯ

    557. ‘‘Vicikicchaṃ pahāyā’’ti, tattha katamā vicikicchā? Yā kaṅkhā kaṅkhāyanā kaṅkhāyitattaṃ vimati vicikicchā dveḷhakaṃ dvidhāpatho saṃsayo anekaṃsaggāho āsappanā parisappanā apariyogāhaṇā chambhitattaṃ cittassa manovilekho – ayaṃ vuccati ‘‘vicikicchā’’. Ayaṃ vicikicchā santā hoti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘vicikicchaṃ pahāyā’’ti.

    ๕๕๘. ‘‘ติณฺณวิจิกิโจฺฉ’’ติ, อิมํ วิจิกิจฺฉํ ติโณฺณ โหติ อุตฺติโณฺณ นิตฺติโณฺณ ปารงฺคโต ปารมนุปฺปโตฺตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ติณฺณวิจิกิโจฺฉ’’ติฯ

    558. ‘‘Tiṇṇavicikiccho’’ti, imaṃ vicikicchaṃ tiṇṇo hoti uttiṇṇo nittiṇṇo pāraṅgato pāramanuppatto. Tena vuccati ‘‘tiṇṇavicikiccho’’ti.

    ๕๕๙. ‘‘อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติ อิมาย วิจิกิจฺฉาย กุสเลสุ ธเมฺมสุ น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อกถํกถี โหติ นิกฺกถํกถี วิกถํกโถฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติฯ

    559. ‘‘Akathaṃkathī kusalesu dhammesū’’ti imāya vicikicchāya kusalesu dhammesu na kaṅkhati na vicikicchati akathaṃkathī hoti nikkathaṃkathī vikathaṃkatho. Tena vuccati ‘‘akathaṃkathī kusalesu dhammesū’’ti.

    ๕๖๐. ‘‘วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ, ตตฺถ กตมา วิจิกิจฺฉา? ยา กงฺขา กงฺขายนา กงฺขายิตตฺตํ ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส มโนวิเลโข – อยํ วุจฺจติ ‘‘วิจิกิจฺฉา’’ฯ

    560. ‘‘Vicikicchāya cittaṃ parisodhetī’’ti, tattha katamā vicikicchā? Yā kaṅkhā kaṅkhāyanā kaṅkhāyitattaṃ chambhitattaṃ cittassa manovilekho – ayaṃ vuccati ‘‘vicikicchā’’.

    ตตฺถ กตมํ จิตฺตํ? ยํ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… ตชฺชามโนวิญฺญาณธาตุ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘จิตฺตํ’’ฯ อิทํ จิตฺตํ อิมาย วิจิกิจฺฉาย โสเธติ วิโสเธติ ปริโสเธติ โมเจติ วิโมเจติ ปริโมเจติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติฯ

    Tattha katamaṃ cittaṃ? Yaṃ cittaṃ mano mānasaṃ…pe… tajjāmanoviññāṇadhātu – idaṃ vuccati ‘‘cittaṃ’’. Idaṃ cittaṃ imāya vicikicchāya sodheti visodheti parisodheti moceti vimoceti parimoceti. Tena vuccati ‘‘vicikicchāya cittaṃ parisodhetī’’ti.

    ๕๖๑. ‘‘อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหายา’’ติ อิเม ปญฺจ นีวรณา สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหายา’’ติฯ

    561. ‘‘Ime pañca nīvaraṇe pahāyā’’ti ime pañca nīvaraṇā santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘ime pañca nīvaraṇe pahāyā’’ti.

    ๕๖๒. ‘‘เจตโส อุปกฺกิเลเส’’ติ อิเม ปญฺจ นีวรณา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสาฯ

    562. ‘‘Cetaso upakkilese’’ti ime pañca nīvaraṇā cittassa upakkilesā.

    ๕๖๓. ‘‘ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ’’ติ อิเมหิ ปญฺจหิ นีวรเณหิ อนุปฺปนฺนา เจว ปญฺญา น อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺนา จ ปญฺญา นิรุชฺฌติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ’’ติฯ

    563. ‘‘Paññāya dubbalīkaraṇe’’ti imehi pañcahi nīvaraṇehi anuppannā ceva paññā na uppajjati uppannā ca paññā nirujjhati. Tena vuccati ‘‘paññāya dubbalīkaraṇe’’ti.

    ๕๖๔. ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติ ตตฺถ กตเม กามา? ฉโนฺท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม, สงฺกโปฺป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม – อิเม วุจฺจนฺติ ‘‘กามา’’ฯ

    564. ‘‘Vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehī’’ti tattha katame kāmā? Chando kāmo, rāgo kāmo, chandarāgo kāmo, saṅkappo kāmo, rāgo kāmo, saṅkapparāgo kāmo – ime vuccanti ‘‘kāmā’’.

    ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา? กามจฺฉโนฺท, พฺยาปาโท, ถินํ, มิทฺธํ, อุทฺธจฺจํ, กุกฺกุจฺจํ, วิจิกิจฺฉา – อิเม วุจฺจนฺติ ‘‘อกุสลา ธมฺมา’’ฯ อิติ อิเมหิ จ กาเมหิ อิเมหิ จ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ วิวิโตฺต โหติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’’ติฯ

    Tattha katame akusalā dhammā? Kāmacchando, byāpādo, thinaṃ, middhaṃ, uddhaccaṃ, kukkuccaṃ, vicikicchā – ime vuccanti ‘‘akusalā dhammā’’. Iti imehi ca kāmehi imehi ca akusalehi dhammehi vivitto hoti. Tena vuccati ‘‘vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehī’’ti.

    ๕๖๕. ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ อตฺถิ วิตโกฺก, อตฺถิ วิจาโรฯ

    565. ‘‘Savitakkaṃ savicāra’’nti atthi vitakko, atthi vicāro.

    ตตฺถ กตโม วิตโกฺก? โย ตโกฺก วิตโกฺก สงฺกโปฺป อปฺปนา พฺยปฺปนา เจตโส อภินิโรปนา สมฺมาสงฺกโปฺป – อยํ วุจฺจติ ‘‘วิตโกฺก’’ฯ

    Tattha katamo vitakko? Yo takko vitakko saṅkappo appanā byappanā cetaso abhiniropanā sammāsaṅkappo – ayaṃ vuccati ‘‘vitakko’’.

    ตตฺถ กตโม วิจาโร? โย จาโร วิจาโร อนุวิจาโร อุปวิจาโร จิตฺตสฺส อนุสนฺธนตา อนุเปกฺขนตา – อยํ วุจฺจติ วิจาโรฯ อิติ อิมินา จ วิตเกฺกน อิมินา จ วิจาเรน อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติฯ

    Tattha katamo vicāro? Yo cāro vicāro anuvicāro upavicāro cittassa anusandhanatā anupekkhanatā – ayaṃ vuccati vicāro. Iti iminā ca vitakkena iminā ca vicārena upeto hoti…pe… samannāgato. Tena vuccati ‘‘savitakkaṃ savicāra’’nti.

    ๕๖๖. ‘‘วิเวกช’’นฺติ วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตา – เต อิมสฺมิํ วิเวเก ชาตา โหนฺติ สญฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิเวกช’’นฺติฯ

    566. ‘‘Vivekaja’’nti vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā – te imasmiṃ viveke jātā honti sañjātā nibbattā abhinibbattā pātubhūtā. Tena vuccati ‘‘vivekaja’’nti.

    ๕๖๗. ‘‘ปีติสุข’’นฺติ อตฺถิ ปีติ, อตฺถิ สุขํฯ

    567. ‘‘Pītisukha’’nti atthi pīti, atthi sukhaṃ.

    ตตฺถ กตมา ปีติ? ยา ปีติ ปาโมชฺชํ อาโมทนา ปโมทนา หาโส ปหาโส วิตฺติ โอทคฺยํ อตฺตมนตา จิตฺตสฺส – อยํ วุจฺจติ ‘‘ปีติ’’ฯ

    Tattha katamā pīti? Yā pīti pāmojjaṃ āmodanā pamodanā hāso pahāso vitti odagyaṃ attamanatā cittassa – ayaṃ vuccati ‘‘pīti’’.

    ตตฺถ กตมํ สุขํ? ยํ เจตสิกํ สาตํ เจตสิกํ สุขํ เจโตสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ เจโตสมฺผสฺสชา สาตา สุขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘สุขํ’’ฯ อิทํ สุขํ อิมาย ปีติยา สหคตํ โหติ สหชาตํ สํสฎฺฐํ สมฺปยุตฺตํฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปีติสุข’’นฺติฯ

    Tattha katamaṃ sukhaṃ? Yaṃ cetasikaṃ sātaṃ cetasikaṃ sukhaṃ cetosamphassajaṃ sātaṃ sukhaṃ vedayitaṃ cetosamphassajā sātā sukhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘sukhaṃ’’. Idaṃ sukhaṃ imāya pītiyā sahagataṃ hoti sahajātaṃ saṃsaṭṭhaṃ sampayuttaṃ. Tena vuccati ‘‘pītisukha’’nti.

    ๕๖๘. ‘‘ปฐม’’นฺติ คณนานุปุพฺพตา 19 ปฐมํฯ อิทํ ปฐมํ สมาปชฺชตีติ ปฐมํฯ

    568. ‘‘Paṭhama’’nti gaṇanānupubbatā 20 paṭhamaṃ. Idaṃ paṭhamaṃ samāpajjatīti paṭhamaṃ.

    ๕๖๙. ‘‘ฌาน’’นฺติ วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ

    569. ‘‘Jhāna’’nti vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā.

    ๕๗๐. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย ปฐมสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    570. ‘‘Upasampajjā’’ti yo paṭhamassa jhānassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๕๗๑. ‘‘วิหรตี’’ติ …เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    571. ‘‘Viharatī’’ti …pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๗๒. ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ, อตฺถิ วิตโกฺก, อตฺถิ วิจาโรฯ

    572. ‘‘Vitakkavicārānaṃ vūpasamā’’ti, atthi vitakko, atthi vicāro.

    ตตฺถ กตโม วิตโกฺก? โย ตโกฺก วิตโกฺก…เป.… สมฺมาสงฺกโปฺป – อยํ วุจฺจติ ‘‘วิตโกฺก’’ฯ

    Tattha katamo vitakko? Yo takko vitakko…pe… sammāsaṅkappo – ayaṃ vuccati ‘‘vitakko’’.

    ตตฺถ กตโม วิจาโร? โย จาโร วิจาโร อนุวิจาโร อุปวิจาโร จิตฺตสฺส อนุสนฺธนตา อนุเปกฺขนตา – อยํ วุจฺจติ ‘‘วิจาโร’’ฯ อิติ อยญฺจ วิตโกฺก อยญฺจ วิจาโร สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติฯ

    Tattha katamo vicāro? Yo cāro vicāro anuvicāro upavicāro cittassa anusandhanatā anupekkhanatā – ayaṃ vuccati ‘‘vicāro’’. Iti ayañca vitakko ayañca vicāro santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘vitakkavicārānaṃ vūpasamā’’ti.

    ๕๗๓. ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติ ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํฯ

    573. ‘‘Ajjhatta’’nti yaṃ ajjhattaṃ paccattaṃ.

    ๕๗๔. ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ ยา สทฺธา สทฺทหนา โอกปฺปนา อภิปฺปสาโทฯ

    574. ‘‘Sampasādana’’nti yā saddhā saddahanā okappanā abhippasādo.

    ๕๗๕. ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ ยา จิตฺตสฺส ฐิติ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ

    575. ‘‘Cetaso ekodibhāva’’nti yā cittassa ṭhiti…pe… sammāsamādhi.

    ๕๗๖. ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ อตฺถิ วิตโกฺก, อตฺถิ วิจาโรฯ

    576. ‘‘Avitakkaṃ avicāra’’nti atthi vitakko, atthi vicāro.

    ตตฺถ กตโม วิตโกฺก? โย ตโกฺก วิตโกฺก…เป.… สมฺมาสงฺกโปฺป – อยํ วุจฺจติ ‘‘วิตโกฺก’’ฯ

    Tattha katamo vitakko? Yo takko vitakko…pe… sammāsaṅkappo – ayaṃ vuccati ‘‘vitakko’’.

    ตตฺถ กตโม วิจาโร? โย จาโร อนุจาโร วิจาโร อนุวิจาโร อุปวิจาโร จิตฺตสฺส อนุสนฺธนตา อนุเปกฺขนตา – อยํ วุจฺจติ ‘‘วิจาโร’’ฯ อิติ อยญฺจ วิตโกฺก อยญฺจ วิจาโร สนฺตา โหติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติฯ

    Tattha katamo vicāro? Yo cāro anucāro vicāro anuvicāro upavicāro cittassa anusandhanatā anupekkhanatā – ayaṃ vuccati ‘‘vicāro’’. Iti ayañca vitakko ayañca vicāro santā hoti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘avitakkaṃ avicāra’’nti.

    ๕๗๗. ‘‘สมาธิช’’นฺติ สมฺปสาโท ปีติสุขํ – เต อิมสฺมิํ สมาธิมฺหิ ชาตา โหนฺติ สญฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สมาธิช’’นฺติฯ

    577. ‘‘Samādhija’’nti sampasādo pītisukhaṃ – te imasmiṃ samādhimhi jātā honti sañjātā nibbattā abhinibbattā pātubhūtā. Tena vuccati ‘‘samādhija’’nti.

    ๕๗๘. ‘‘ปีติสุข’’นฺติ อตฺถิ ปีติ, อตฺถิ สุขํฯ

    578. ‘‘Pītisukha’’nti atthi pīti, atthi sukhaṃ.

    ตตฺถ กตมา ปีติ…เป.… อยํ วุจฺจติ ‘‘ปีติ’’ฯ

    Tattha katamā pīti…pe… ayaṃ vuccati ‘‘pīti’’.

    ตตฺถ กตมํ สุขํ…เป.… อิทํ วุจฺจติ ‘‘สุขํ’’ฯ อิทํ สุขํ อิมาย ปีติยา สหคตํ โหติ สหชาตํ สํสฎฺฐํ สมฺปยุตฺตํฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปีติสุข’’นฺติฯ

    Tattha katamaṃ sukhaṃ…pe… idaṃ vuccati ‘‘sukhaṃ’’. Idaṃ sukhaṃ imāya pītiyā sahagataṃ hoti sahajātaṃ saṃsaṭṭhaṃ sampayuttaṃ. Tena vuccati ‘‘pītisukha’’nti.

    ๕๗๙. ‘‘ทุติย’’นฺติ คณนานุปุพฺพตา ทุติยํฯ อิทํ ทุติยํ สมาปชฺชตีติ ทุติยํฯ

    579. ‘‘Dutiya’’nti gaṇanānupubbatā dutiyaṃ. Idaṃ dutiyaṃ samāpajjatīti dutiyaṃ.

    ๕๘๐. ‘‘ฌาน’’นฺติ สมฺปสาโท, ปีติสุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ

    580. ‘‘Jhāna’’nti sampasādo, pītisukhaṃ, cittassekaggatā.

    ๕๘๑. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย ทุติยสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    581. ‘‘Upasampajjā’’ti yo dutiyassa jhānassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๕๘๒. ‘‘วิหรตี’’ติ …เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    582. ‘‘Viharatī’’ti …pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๘๓. ‘‘ปีติยา จ วิราคา’’ติ ตตฺถ กตมา ปีติ? ยา ปีติ ปาโมชฺชํ อาโมทนา ปโมทนา หาโส ปหาโส วิตฺติ โอทคฺยํ อตฺตมนตา จิตฺตสฺส – อยํ วุจฺจติ ‘‘ปีติ’’ฯ อยํ ปีติ สนฺตา โหติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปีติยา จ วิราคา’’ติฯ

    583. ‘‘Pītiyā ca virāgā’’ti tattha katamā pīti? Yā pīti pāmojjaṃ āmodanā pamodanā hāso pahāso vitti odagyaṃ attamanatā cittassa – ayaṃ vuccati ‘‘pīti’’. Ayaṃ pīti santā hoti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘pītiyā ca virāgā’’ti.

    ๕๘๔. ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ ตตฺถ กตมา อุเปกฺขา? ยา อุเปกฺขา อุเปกฺขนา อชฺฌุเปกฺขนา มชฺฌตฺตตา จิตฺตสฺส – อยํ วุจฺจติ ‘‘อุเปกฺขา’’ฯ อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อุเปกฺขโก’’ติฯ

    584. ‘‘Upekkhako’’ti tattha katamā upekkhā? Yā upekkhā upekkhanā ajjhupekkhanā majjhattatā cittassa – ayaṃ vuccati ‘‘upekkhā’’. Imāya upekkhāya upeto hoti…pe… samannāgato. Tena vuccati ‘‘upekkhako’’ti.

    ๕๘๕. ‘‘วิหรตี’’ติ …เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    585. ‘‘Viharatī’’ti …pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๘๖. ‘‘สโต จ สมฺปชาโน’’ติ ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ…เป.… สมฺมาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สติ’’ฯ

    586. ‘‘Sato ca sampajāno’’ti tattha katamā sati? Yā sati anussati…pe… sammāsati – ayaṃ vuccati ‘‘sati’’.

    ตตฺถ กตมํ สมฺปชญฺญํ? ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิ – อิทํ วุจฺจติ ‘‘สมฺปชญฺญํ’’ฯ อิติ อิมาย จ สติยา อิมินา จ สมฺปชเญฺญน อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สโต จ สมฺปชาโน’’ติฯ

    Tattha katamaṃ sampajaññaṃ? Yā paññā pajānanā…pe… amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi – idaṃ vuccati ‘‘sampajaññaṃ’’. Iti imāya ca satiyā iminā ca sampajaññena upeto hoti…pe… samannāgato. Tena vuccati ‘‘sato ca sampajāno’’ti.

    ๕๘๗. ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทตี’’ติ ตตฺถ กตมํ สุขํ? ยํ เจตสิกํ สาตํ เจตสิกํ สุขํ เจโตสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ เจโตสมฺผสฺสชา สาตา สุขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘สุขํ’’ฯ

    587. ‘‘Sukhañca kāyena paṭisaṃvedetī’’ti tattha katamaṃ sukhaṃ? Yaṃ cetasikaṃ sātaṃ cetasikaṃ sukhaṃ cetosamphassajaṃ sātaṃ sukhaṃ vedayitaṃ cetosamphassajā sātā sukhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘sukhaṃ’’.

    ตตฺถ กตโม กาโย? สญฺญากฺขโนฺธ, สงฺขารกฺขโนฺธ, วิญฺญาณกฺขโนฺธ – อยํ วุจฺจติ ‘‘กาโย’’ฯ อิทํ สุขํ อิมินา กาเยน ปฎิสํเวเทติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทตี’’ติฯ

    Tattha katamo kāyo? Saññākkhandho, saṅkhārakkhandho, viññāṇakkhandho – ayaṃ vuccati ‘‘kāyo’’. Idaṃ sukhaṃ iminā kāyena paṭisaṃvedeti. Tena vuccati ‘‘sukhañca kāyena paṭisaṃvedetī’’ti.

    ๕๘๘. ‘‘ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺตี’’ติ ตตฺถ กตเม อริยา? อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จฯ เต อิมํ อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปญฺญเปนฺติ 21 ปฎฺฐเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานิํ กโรนฺติ ปกาเสนฺติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺตี’’ติฯ

    588. ‘‘Yaṃ taṃ ariyā ācikkhantī’’ti tattha katame ariyā? Ariyā vuccanti buddhā ca buddhasāvakā ca. Te imaṃ ācikkhanti desenti paññapenti 22 paṭṭhapenti vivaranti vibhajanti uttāniṃ karonti pakāsenti. Tena vuccati ‘‘yaṃ taṃ ariyā ācikkhantī’’ti.

    ๕๘๙. ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ ตตฺถ กตมา อุเปกฺขา? ยา อุเปกฺขา อุเปกฺขนา อชฺฌุเปกฺขนา มชฺฌตฺตตา จิตฺตสฺส – อยํ วุจฺจติ ‘‘อุเปกฺขา’’ฯ

    589. ‘‘Upekkhako satimā sukhavihārī’’ti tattha katamā upekkhā? Yā upekkhā upekkhanā ajjhupekkhanā majjhattatā cittassa – ayaṃ vuccati ‘‘upekkhā’’.

    ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ…เป.… สมฺมาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สติ’’ฯ

    Tattha katamā sati? Yā sati anussati…pe… sammāsati – ayaṃ vuccati ‘‘sati’’.

    ตตฺถ กตมํ สุขํ? ยํ เจตสิกํ สาตํ เจตสิกํ สุขํ เจโตสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ เจโตสมฺผสฺสชา สาตา สุขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘สุขํ’’ฯ อิติ อิมาย จ อุเปกฺขาย อิมาย จ สติยา อิมินา จ สุเขน สมนฺนาคโต อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติฯ

    Tattha katamaṃ sukhaṃ? Yaṃ cetasikaṃ sātaṃ cetasikaṃ sukhaṃ cetosamphassajaṃ sātaṃ sukhaṃ vedayitaṃ cetosamphassajā sātā sukhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘sukhaṃ’’. Iti imāya ca upekkhāya imāya ca satiyā iminā ca sukhena samannāgato iriyati vattati pāleti yapeti yāpeti carati viharati. Tena vuccati ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’’ti.

    ๕๙๐. ‘‘ตติย’’นฺติ คณนานุปุพฺพตา ตติยํฯ อิทํ ตติยํ สมาปชฺชตีติ ตติยํฯ

    590. ‘‘Tatiya’’nti gaṇanānupubbatā tatiyaṃ. Idaṃ tatiyaṃ samāpajjatīti tatiyaṃ.

    ๕๙๑. ‘‘ฌาน’’นฺติ อุเปกฺขา, สติ, สมฺปชญฺญํ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ

    591. ‘‘Jhāna’’nti upekkhā, sati, sampajaññaṃ, sukhaṃ, cittassekaggatā.

    ๕๙๒. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย ตติยสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    592. ‘‘Upasampajjā’’ti yo tatiyassa jhānassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๕๙๓. ‘‘วิหรตี’’ติ…เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    593. ‘‘Viharatī’’ti…pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๕๙๔. ‘‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา’’ติ, อตฺถิ สุขํ, อตฺถิ ทุกฺขํฯ

    594. ‘‘Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā’’ti, atthi sukhaṃ, atthi dukkhaṃ.

    ตตฺถ กตมํ สุขํ? ยํ กายิกํ สาตํ กายิกํ สุขํ กายสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ กายสมฺผสฺสชา สาตา สุขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘สุขํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ sukhaṃ? Yaṃ kāyikaṃ sātaṃ kāyikaṃ sukhaṃ kāyasamphassajaṃ sātaṃ sukhaṃ vedayitaṃ kāyasamphassajā sātā sukhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘sukhaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ ทุกฺขํ? ยํ กายิกํ อสาตํ กายิกํ ทุกฺขํ กายสมฺผสฺสชํ อสาตํ ทุกฺขํ เวทยิตํ กายสมฺผสฺสชา อสาตา ทุกฺขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุกฺขํ’’ฯ อิติ อิทญฺจ สุขํ อิทญฺจ ทุกฺขํ สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา’’ติฯ

    Tattha katamaṃ dukkhaṃ? Yaṃ kāyikaṃ asātaṃ kāyikaṃ dukkhaṃ kāyasamphassajaṃ asātaṃ dukkhaṃ vedayitaṃ kāyasamphassajā asātā dukkhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘dukkhaṃ’’. Iti idañca sukhaṃ idañca dukkhaṃ santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā’’ti.

    ๕๙๕. ‘‘ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา’’ติ อตฺถิ โสมนสฺสํ, อตฺถิ โทมนสฺสํฯ

    595. ‘‘Pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā’’ti atthi somanassaṃ, atthi domanassaṃ.

    ตตฺถ กตมํ โสมนสฺสํ? ยํ เจตสิกํ สาตํ เจตสิกํ สุขํ เจโตสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ เจโตสมฺผสฺสชา สาตา สุขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘โสมนสฺสํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ somanassaṃ? Yaṃ cetasikaṃ sātaṃ cetasikaṃ sukhaṃ cetosamphassajaṃ sātaṃ sukhaṃ vedayitaṃ cetosamphassajā sātā sukhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘somanassaṃ’’.

    ตตฺถ กตมํ โทมนสฺสํ? ยํ เจตสิกํ อสาตํ เจตสิกํ ทุกฺขํ เจโตสมฺผสฺสชํ อสาตํ ทุกฺขํ เวทยิตํ เจโตสมฺผสฺสชา อสาตา ทุกฺขา เวทนา – อิทํ วุจฺจติ ‘‘โทมนสฺสํ’’ฯ อิติ อิทญฺจ โสมนสฺสํ อิทญฺจ โทมนสฺสํ ปุเพฺพว สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา’’ติฯ

    Tattha katamaṃ domanassaṃ? Yaṃ cetasikaṃ asātaṃ cetasikaṃ dukkhaṃ cetosamphassajaṃ asātaṃ dukkhaṃ vedayitaṃ cetosamphassajā asātā dukkhā vedanā – idaṃ vuccati ‘‘domanassaṃ’’. Iti idañca somanassaṃ idañca domanassaṃ pubbeva santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā’’ti.

    ๕๙๖. ‘‘อทุกฺขมสุข’’นฺติ ยํ เจตสิกํ เนว สาตํ นาสาตํ เจโตสมฺผสฺสชํ อทุกฺขมสุขํ เวทยิตํ เจโตสมฺผสฺสชา อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อทุกฺขมสุข’’นฺติฯ

    596. ‘‘Adukkhamasukha’’nti yaṃ cetasikaṃ neva sātaṃ nāsātaṃ cetosamphassajaṃ adukkhamasukhaṃ vedayitaṃ cetosamphassajā adukkhamasukhā vedanā. Tena vuccati ‘‘adukkhamasukha’’nti.

    ๕๙๗. ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ, ตตฺถ กตมา อุเปกฺขา? ยา อุเปกฺขา อุเปกฺขนา อชฺฌุเปกฺขนา มชฺฌตฺตตา จิตฺตสฺส – อยํ วุจฺจติ ‘‘อุเปกฺขา’’ฯ

    597. ‘‘Upekkhāsatipārisuddhi’’nti, tattha katamā upekkhā? Yā upekkhā upekkhanā ajjhupekkhanā majjhattatā cittassa – ayaṃ vuccati ‘‘upekkhā’’.

    ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ…เป.… สมฺมาสติ – อยํ วุจฺจติ ‘‘สติ’’ฯ อยํ สติ อิมาย อุเปกฺขาย วิวฎา โหติ ปริสุทฺธา ปริโยทาตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติฯ

    Tattha katamā sati? Yā sati anussati…pe… sammāsati – ayaṃ vuccati ‘‘sati’’. Ayaṃ sati imāya upekkhāya vivaṭā hoti parisuddhā pariyodātā. Tena vuccati ‘‘upekkhāsatipārisuddhi’’nti.

    ๕๙๘. ‘‘จตุตฺถ’’นฺติ คณนานุปุพฺพตา จตุตฺถํ, อิทํ จตุตฺถํ สมาปชฺชตีติ จตุตฺถํฯ

    598. ‘‘Catuttha’’nti gaṇanānupubbatā catutthaṃ, idaṃ catutthaṃ samāpajjatīti catutthaṃ.

    ๕๙๙. ‘‘ฌาน’’นฺติ อุเปกฺขา, สติ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ

    599. ‘‘Jhāna’’nti upekkhā, sati, cittassekaggatā.

    ๖๐๐. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย จตุตฺถสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    600. ‘‘Upasampajjā’’ti yo catutthassa jhānassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๖๐๑. ‘‘วิหรตี’’ติ…เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    601. ‘‘Viharatī’’ti…pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๖๐๒. ‘‘สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา’’ติ ตตฺถ กตมา รูปสญฺญา? รูปาวจรสมาปตฺติํ สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาริสฺส วา สญฺญา สญฺชานนา สญฺชานิตตฺตํ – อิมา วุจฺจนฺติ ‘‘รูปสญฺญาโย’’ฯ อิมา รูปสญฺญาโย อติกฺกโนฺต โหติ วีติกฺกโนฺต สมติกฺกโนฺตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา’’ติฯ

    602. ‘‘Sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā’’ti tattha katamā rūpasaññā? Rūpāvacarasamāpattiṃ samāpannassa vā upapannassa vā diṭṭhadhammasukhavihārissa vā saññā sañjānanā sañjānitattaṃ – imā vuccanti ‘‘rūpasaññāyo’’. Imā rūpasaññāyo atikkanto hoti vītikkanto samatikkanto. Tena vuccati ‘‘sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā’’ti.

    ๖๐๓. ‘‘ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา’’ติ ตตฺถ กตมา ปฎิฆสญฺญา? รูปสญฺญา สทฺทสญฺญา…เป.… โผฎฺฐพฺพสญฺญา – อิมา วุจฺจนฺติ ปฎิฆสญฺญาโยฯ อิมา ปฎิฆสญฺญาโย สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตาฯ เตน วุจฺจติ ‘‘ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา’’ติฯ

    603. ‘‘Paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā’’ti tattha katamā paṭighasaññā? Rūpasaññā saddasaññā…pe… phoṭṭhabbasaññā – imā vuccanti paṭighasaññāyo. Imā paṭighasaññāyo santā honti samitā vūpasantā atthaṅgatā abbhatthaṅgatā appitā byappitā sositā visositā byantīkatā. Tena vuccati ‘‘paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā’’ti.

    ๖๐๔. ‘‘นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา’’ติ ตตฺถ กตมา นานตฺตสญฺญา? อสมาปนฺนสฺส มโนธาตุ สมงฺคิสฺส วา มโนวิญฺญาณธาตุ สมงฺคิสฺส วา สญฺญา สญฺชานนา สญฺชานิตตฺตํ – อิมา วุจฺจนฺติ ‘‘นานตฺตสญฺญาโย’’ฯ อิมา นานตฺตสญฺญาโย น มนสิ กโรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา’’ติฯ

    604. ‘‘Nānattasaññānaṃ amanasikārā’’ti tattha katamā nānattasaññā? Asamāpannassa manodhātu samaṅgissa vā manoviññāṇadhātu samaṅgissa vā saññā sañjānanā sañjānitattaṃ – imā vuccanti ‘‘nānattasaññāyo’’. Imā nānattasaññāyo na manasi karoti. Tena vuccati ‘‘nānattasaññānaṃ amanasikārā’’ti.

    ๖๐๕. ‘‘อนโนฺต อากาโส’’ติ, ตตฺถ กตโม อากาโส? โย อากาโส อากาสคตํ อฆํ อฆคตํ วิวโร วิวรคตํ อสมฺผุฎฺฐํ จตูหิ มหาภูเตหิ – อยํ วุจฺจติ ‘‘อากาโส’’ฯ ตสฺมิํ อากาเส จิตฺตํ ฐเปติ สณฺฐเปติ อนนฺตํ ผรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อนโนฺต อากาโส’’ติฯ

    605. ‘‘Ananto ākāso’’ti, tattha katamo ākāso? Yo ākāso ākāsagataṃ aghaṃ aghagataṃ vivaro vivaragataṃ asamphuṭṭhaṃ catūhi mahābhūtehi – ayaṃ vuccati ‘‘ākāso’’. Tasmiṃ ākāse cittaṃ ṭhapeti saṇṭhapeti anantaṃ pharati. Tena vuccati ‘‘ananto ākāso’’ti.

    ๖๐๖. ‘‘อากาสานญฺจายตน’’นฺติ อากาสานญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาริสฺส วา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมาฯ

    606. ‘‘Ākāsānañcāyatana’’nti ākāsānañcāyatanaṃ samāpannassa vā upapannassa vā diṭṭhadhammasukhavihārissa vā cittacetasikā dhammā.

    ๖๐๗. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย อากาสานญฺจายตนสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    607. ‘‘Upasampajjā’’ti yo ākāsānañcāyatanassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๖๐๘. ‘‘วิหรตี’’ติ…เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    608. ‘‘Viharatī’’ti…pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๖๐๙. ‘‘สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ อิมํ อากาสานญฺจายตนํ อติกฺกโนฺต โหติ วีติกฺกโนฺต สมติกฺกโนฺตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติฯ

    609. ‘‘Sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkammā’’ti imaṃ ākāsānañcāyatanaṃ atikkanto hoti vītikkanto samatikkanto. Tena vuccati ‘‘sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkammā’’ti.

    ๖๑๐. ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ ตํเยว อากาสํ วิญฺญาเณน ผุฎฺฐํ มนสิ กโรติ อนนฺตํ ผรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติฯ

    610. ‘‘Anantaṃ viññāṇa’’nti taṃyeva ākāsaṃ viññāṇena phuṭṭhaṃ manasi karoti anantaṃ pharati. Tena vuccati ‘‘anantaṃ viññāṇa’’nti.

    ๖๑๑. ‘‘วิญฺญาณญฺจายตน’’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาริสฺส วา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมาฯ

    611. ‘‘Viññāṇañcāyatana’’nti viññāṇañcāyatanaṃ samāpannassa vā upapannassa vā diṭṭhadhammasukhavihārissa vā cittacetasikā dhammā.

    ๖๑๒. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย วิญฺญาณญฺจายตนสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    612. ‘‘Upasampajjā’’ti yo viññāṇañcāyatanassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๖๑๓. ‘‘วิหรตี’’ติ…เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    613. ‘‘Viharatī’’ti…pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๖๑๔. ‘‘สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ อิมํ วิญฺญาณญฺจายตนํ อติกฺกโนฺต โหติ วีติกฺกโนฺต สมติกฺกโนฺตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติฯ

    614. ‘‘Sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkammā’’ti imaṃ viññāṇañcāyatanaṃ atikkanto hoti vītikkanto samatikkanto. Tena vuccati ‘‘sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkammā’’ti.

    ๖๑๕. ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติ ตํเยว วิญฺญาณํ ภาเวติ วิภาเวติ อนฺตรภาเวติ, ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติ ปสฺสติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติฯ

    615. ‘‘Natthi kiñcī’’ti taṃyeva viññāṇaṃ bhāveti vibhāveti antarabhāveti, ‘‘natthi kiñcī’’ti passati. Tena vuccati ‘‘natthi kiñcī’’ti.

    ๖๑๖. ‘‘อากิญฺจญฺญายตน’’นฺติ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาริสฺส วา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมาฯ

    616. ‘‘Ākiñcaññāyatana’’nti ākiñcaññāyatanaṃ samāpannassa vā upapannassa vā diṭṭhadhammasukhavihārissa vā cittacetasikā dhammā.

    ๖๑๗. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย อากิญฺจญฺญายตนสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    617. ‘‘Upasampajjā’’ti yo ākiñcaññāyatanassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๖๑๘. ‘‘วิหรตี’’ติ …เป.… เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    618. ‘‘Viharatī’’ti …pe… tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    ๖๑๙. ‘‘สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ อิมํ อากิญฺจญฺญายตนํ อติกฺกโนฺต โหติ วีติกฺกโนฺต สมติกฺกโนฺตฯ เตน วุจฺจติ ‘‘สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติฯ

    619. ‘‘Sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkammā’’ti imaṃ ākiñcaññāyatanaṃ atikkanto hoti vītikkanto samatikkanto. Tena vuccati ‘‘sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkammā’’ti.

    ‘‘เนวสญฺญีนาสญฺญี’’ติ ตํเยว อากิญฺจญฺญายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรติ สงฺขาราวเสสสมาปตฺติํ ภาเวติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘เนวสญฺญีนาสญฺญี’’ติ 23

    ‘‘Nevasaññīnāsaññī’’ti taṃyeva ākiñcaññāyatanaṃ santato manasi karoti saṅkhārāvasesasamāpattiṃ bhāveti. Tena vuccati ‘‘nevasaññīnāsaññī’’ti 24.

    ๖๒๐. ‘‘เนวสญฺญานาสญฺญายตน’’นฺติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาริสฺส วา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมาฯ

    620. ‘‘Nevasaññānāsaññāyatana’’nti nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpannassa vā upapannassa vā diṭṭhadhammasukhavihārissa vā cittacetasikā dhammā.

    ๖๒๑. ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ โย เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺส ลาโภ ปฎิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทาฯ

    621. ‘‘Upasampajjā’’ti yo nevasaññānāsaññāyatanassa lābho paṭilābho patti sampatti phusanā sacchikiriyā upasampadā.

    ๖๒๒. ‘‘วิหรตี’’ติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติฯ เตน วุจฺจติ ‘‘วิหรตี’’ติฯ

    622. ‘‘Viharatī’’ti iriyati vattati pāleti yapeti yāpeti carati viharati. Tena vuccati ‘‘viharatī’’ti.

    สุตฺตนฺตภาชนียํฯ

    Suttantabhājanīyaṃ.

    ๒. อภิธมฺมภาชนียํ

    2. Abhidhammabhājanīyaṃ

    ๑. รูปาวจรกุสลํ

    1. Rūpāvacarakusalaṃ

    ๖๒๓. จตฺตาริ ฌานานิ – ปฐมํ ฌานํ, ทุติยํ ฌานํ, ตติยํ ฌานํ, จตุตฺถํ ฌานํฯ

    623. Cattāri jhānāni – paṭhamaṃ jhānaṃ, dutiyaṃ jhānaṃ, tatiyaṃ jhānaṃ, catutthaṃ jhānaṃ.

    ๖๒๔. ตตฺถ กตมํ ปฐมํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    624. Tattha katamaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ ทุติยํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ , ตสฺมิํ สมเย ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ dutiyaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ , tasmiṃ samaye tivaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘dutiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ ตติยํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ ปีติยา จ วิราคา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ตติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ tatiyaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti pītiyā ca virāgā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘tatiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ จตุตฺถํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จตุตฺถํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ catutthaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘catutthaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    จตุกฺกํฯ

    Catukkaṃ.

    ๖๒๕. อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    625. Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อวิตกฺกํ วิจารมตฺตํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย จตุรงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi avitakkaṃ vicāramattaṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye caturaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘dutiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ตติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye tivaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘tatiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ ปีติยา จ วิราคา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จตุตฺถํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti pītiyā ca virāgā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘catutthaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… ปญฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปญฺจมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti sukhassa ca pahānā…pe… pañcamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘pañcamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ปญฺจกํฯ

    Pañcakaṃ.

    ๒. อรูปาวจรกุสลํ

    2. Arūpāvacarakusalaṃ

    ๖๒๖. อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย อรูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญาสหคตํ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จตุตฺถํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    626. Idha bhikkhu yasmiṃ samaye arūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanasaññāsahagataṃ sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘catutthaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ๓. โลกุตฺตรกุสลํ

    3. Lokuttarakusalaṃ

    ๖๒๗. จตฺตาริ ฌานานิ – ปฐมํ ฌานํ, ทุติยํ ฌานํ, ตติยํ ฌานํ, จตุตฺถํ ฌานํฯ

    627. Cattāri jhānāni – paṭhamaṃ jhānaṃ, dutiyaṃ jhānaṃ, tatiyaṃ jhānaṃ, catutthaṃ jhānaṃ.

    ๖๒๘. ตตฺถ กตมํ ปฐมํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    628. Tattha katamaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ ทุติยํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ dutiyaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye tivaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘dutiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ ตติยํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา ปีติยา จ วิราคา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ตติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ tatiyaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā pītiyā ca virāgā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘tatiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ จตุตฺถํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา สุขสฺส จ ปหานา …เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จตุตฺถํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ catutthaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā sukhassa ca pahānā …pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘catutthaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    จตุกฺกํฯ

    Catukkaṃ.

    ๖๒๙. อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    629. Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อวิตกฺกํ วิจารมตฺตํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย จตุรงฺคิกํ ฌานํ โหติ วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ทุติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi avitakkaṃ vicāramattaṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye caturaṅgikaṃ jhānaṃ hoti vicāro pīti sukhaṃ cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘dutiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ตติยํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye tivaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘tatiyaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา ปีติยา จ วิราคา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จตุตฺถํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā pītiyā ca virāgā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘catutthaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา สุขสฺส จ ปหานา…เป.… ปญฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปญฺจมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā sukhassa ca pahānā…pe… pañcamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘pañcamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ปญฺจกํฯ

    Pañcakaṃ.

    ๔. รูปาวจรวิปากา

    4. Rūpāvacaravipākā

    ๖๓๐. จตฺตาริ ฌานานิ – ปฐมํ ฌานํ, ทุติยํ ฌานํ, ตติยํ ฌานํ, จตุตฺถํ ฌานํฯ

    630. Cattāri jhānāni – paṭhamaṃ jhānaṃ, dutiyaṃ jhānaṃ, tatiyaṃ jhānaṃ, catutthaṃ jhānaṃ.

    ๖๓๑. ตตฺถ กตมํ ปฐมํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติฯ อิเม ธมฺมา กุสลาฯ ตเสฺสว รูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    631. Tattha katamaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti. Ime dhammā kusalā. Tasseva rūpāvacarassa kusalassa kammassa katattā upacitattā vipākaṃ vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ ทุติยํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติฯ อิเม ธมฺมา กุสลาฯ ตเสฺสว รูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ…เป.… ปฐมํ ฌานํ…เป.… ปญฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปญฺจมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตา…เป.…ฯ

    Tattha katamaṃ dutiyaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti. Ime dhammā kusalā. Tasseva rūpāvacarassa kusalassa kammassa katattā upacitattā vipākaṃ vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ…pe… catutthaṃ jhānaṃ…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ…pe… pañcamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘pañcamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā…pe….

    ๕. อรูปาวจรวิปากา

    5. Arūpāvacaravipākā

    ๖๓๒. อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย อรูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญาสหคตํ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติฯ อิเม ธมฺมา กุสลาฯ ตเสฺสว อรูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญาสหคตํ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จตุตฺถํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    632. Idha bhikkhu yasmiṃ samaye arūpūpapattiyā maggaṃ bhāveti sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanasaññāsahagataṃ sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti. Ime dhammā kusalā. Tasseva arūpāvacarassa kusalassa kammassa katattā upacitattā vipākaṃ sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanasaññāsahagataṃ sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘catutthaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ๖. โลกุตฺตรวิปากา

    6. Lokuttaravipākā

    ๖๓๓. จตฺตาริ ฌานานิ – ปฐมํ ฌานํ, ทุติยํ ฌานํ, ตติยํ ฌานํ, จตุตฺถํ ฌานํฯ

    633. Cattāri jhānāni – paṭhamaṃ jhānaṃ, dutiyaṃ jhānaṃ, tatiyaṃ jhānaṃ, catutthaṃ jhānaṃ.

    ๖๓๔. ตตฺถ กตมํ ปฐมํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติฯ อิเม ธมฺมา กุสลาฯ ตเสฺสว โลกุตฺตรสฺส กุสลสฺส ฌานสฺส กตตฺตา ภาวิตตฺตา วิปากํ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ สุญฺญตํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    634. Tattha katamaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti. Ime dhammā kusalā. Tasseva lokuttarassa kusalassa jhānassa katattā bhāvitattā vipākaṃ vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ suññataṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ ทุติยํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ ทิฎฺฐิคตานํ ปหานาย ปฐมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติฯ อิเม ธมฺมา กุสลาฯ ตเสฺสว โลกุตฺตรสฺส กุสลสฺส ฌานสฺส กตตฺตา ภาวิตตฺตา วิปากํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ …เป.… ตติยํ ฌานํ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ…เป.… ปฐมํ ฌานํ…เป.… ปญฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ สุญฺญตํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปญฺจมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ dutiyaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ diṭṭhigatānaṃ pahānāya paṭhamāya bhūmiyā pattiyā vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti. Ime dhammā kusalā. Tasseva lokuttarassa kusalassa jhānassa katattā bhāvitattā vipākaṃ vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ …pe… tatiyaṃ jhānaṃ…pe… catutthaṃ jhānaṃ…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ…pe… pañcamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ suññataṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘pañcamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ๗. รูปารูปาวจรกิริยา

    7. Rūpārūpāvacarakiriyā

    ๖๓๕. จตฺตาริ ฌานานิ – ปฐมํ ฌานํ, ทุติยํ ฌานํ, ตติยํ ฌานํ, จตุตฺถํ ฌานํฯ

    635. Cattāri jhānāni – paṭhamaṃ jhānaṃ, dutiyaṃ jhānaṃ, tatiyaṃ jhānaṃ, catutthaṃ jhānaṃ.

    ๖๓๖. ตตฺถ กตมํ ปฐมํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปาวจรํ ฌานํ ภาเวติ กิริยํ เนว กุสลํ นากุสลํ น จ กมฺมวิปากํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหติ – วิตโกฺก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    636. Tattha katamaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpāvacaraṃ jhānaṃ bhāveti kiriyaṃ neva kusalaṃ nākusalaṃ na ca kammavipākaṃ diṭṭhadhammasukhavihāraṃ vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – vitakko, vicāro, pīti, sukhaṃ, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ตตฺถ กตมํ ทุติยํ ฌานํ? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย รูปาวจรํ ฌานํ ภาเวติ กิริยํ เนว กุสลํ นากุสลํ น จ กมฺมวิปากํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ…เป.… ปฐมํ ฌานํ…เป.… ปญฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ปญฺจมํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha katamaṃ dutiyaṃ jhānaṃ? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye rūpāvacaraṃ jhānaṃ bhāveti kiriyaṃ neva kusalaṃ nākusalaṃ na ca kammavipākaṃ diṭṭhadhammasukhavihāraṃ vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ…pe… catutthaṃ jhānaṃ…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ…pe… pañcamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati pathavīkasiṇaṃ, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘pañcamaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttā.

    ๖๓๗. อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย อรูปาวจรํ ฌานํ ภาเวติ กิริยํ เนว กุสลํ นากุสลํ น จ กมฺมวิปากํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญาสหคตํ สุขสฺส จ ปหานา…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตสฺมิํ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ – อุเปกฺขา, จิตฺตเสฺสกคฺคตาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จตุตฺถํ ฌานํ’’ฯ อวเสสา ธมฺมา ฌานสมฺปยุตฺตาติฯ

    637. Idha bhikkhu yasmiṃ samaye arūpāvacaraṃ jhānaṃ bhāveti kiriyaṃ neva kusalaṃ nākusalaṃ na ca kammavipākaṃ diṭṭhadhammasukhavihāraṃ sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanasaññāsahagataṃ sukhassa ca pahānā…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, tasmiṃ samaye duvaṅgikaṃ jhānaṃ hoti – upekkhā, cittassekaggatā. Idaṃ vuccati ‘‘catutthaṃ jhānaṃ’’. Avasesā dhammā jhānasampayuttāti.

    อภิธมฺมภาชนียํฯ

    Abhidhammabhājanīyaṃ.

    ๓. ปญฺหาปุจฺฉกํ

    3. Pañhāpucchakaṃ

    ๖๓๘. จตฺตาริ ฌานานิ – อิธ ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ

    638. Cattāri jhānāni – idha bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati sato ca sampajāno sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati.

    ๖๓๙. จตุนฺนํ ฌานานํ กติ กุสลา, กติ อกุสลา, กติ อพฺยากตา…เป.… กติ สรณา, กติ อรณา?

    639. Catunnaṃ jhānānaṃ kati kusalā, kati akusalā, kati abyākatā…pe… kati saraṇā, kati araṇā?

    ๑. ติกํ

    1. Tikaṃ

    ๖๔๐. สิยา กุสลา, สิยา อพฺยากตาฯ ตีณิ ฌานานิ – เอตฺถุปฺปนฺนํ สุขํ เวทนํ ฐเปตฺวา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, จตุตฺถํ ฌานํ – เอตฺถุปฺปนฺนํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ ฐเปตฺวา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํฯ สิยา วิปากา, สิยา วิปากธมฺมธมฺมา, สิยา เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมาฯ สิยา อุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อนุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อนุปาทินฺนอนุปาทานิยาฯ สิยา อสํกิลิฎฺฐสํกิเลสิกา, สิยา อสํกิลิฎฺฐอสํกิเลสิกาฯ ปฐมํ ฌานํ – เอตฺถุปฺปเนฺน วิตกฺกวิจาเร ฐเปตฺวา สวิตกฺกํ สวิจารํ, ตีณิ ฌานานิ อวิตกฺกอวิจาราฯ เทฺว ฌานานิ – เอตฺถุปฺปนฺนํ ปีติํ ฐเปตฺวา ปีติสหคตา, ตีณิ ฌานานิ – เอตฺถุปฺปนฺนํ สุขํ ฐเปตฺวา สุขสหคตา, จตุตฺถํ ฌานํ – เอตฺถุปฺปนฺนํ อุเปกฺขํ ฐเปตฺวา อุเปกฺขาสหคตํฯ เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ สิยา อาจยคามิโน, สิยา อปจยคามิโน, สิยา เนวาจยคามินาปจยคามิโนฯ สิยา เสกฺขา, สิยา อเสกฺขา, สิยา เนวเสกฺขนาเสกฺขาฯ สิยา มหคฺคตา, สิยา อปฺปมาณาฯ ตีณิ ฌานานิ น วตฺตพฺพา ปริตฺตารมฺมณาติปิ, มหคฺคตารมฺมณาติปิ, สิยา อปฺปมาณารมฺมณา , สิยา น วตฺตพฺพา อปฺปมาณารมฺมณาติ; จตุตฺถํ ฌานํ สิยา ปริตฺตารมฺมณํ, สิยา มหคฺคตารมฺมณํ, สิยา อปฺปมาณารมฺมณํ; สิยา น วตฺตพฺพํ ปริตฺตารมฺมณนฺติปิ, มหคฺคตารมฺมณนฺติปิ, อปฺปมาณารมฺมณนฺติปิ ฯ สิยา มชฺฌิมา, สิยา ปณีตาฯ สิยา สมฺมตฺตนิยตา, สิยา อนิยตาฯ ตีณิ ฌานานิ น มคฺคารมฺมณา, สิยา มคฺคเหตุกา, สิยา มคฺคาธิปติโน, สิยา น วตฺตพฺพา มคฺคเหตุกาติปิ, มคฺคาธิปติโนติปิ; จตุตฺถํ ฌานํ สิยา มคฺคารมฺมณํ, สิยา มคฺคเหตุกํ, สิยา มคฺคาธิปติ, สิยา น วตฺตพฺพํ มคฺคารมฺมณนฺติปิ, มคฺคเหตุกนฺติปิ มคฺคาธิปตีติปิฯ สิยา อุปฺปนฺนา, สิยา อนุปฺปนฺนา, สิยา อุปฺปาทิโนฯ สิยา อตีตา, สิยา อนาคตา, สิยา ปจฺจุปฺปนฺนาฯ ตีณิ ฌานานิ น วตฺตพฺพา อตีตารมฺมณาติปิ, อนาคตารมฺมณาติปิ, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาติปิ; จตุตฺถํ ฌานํ สิยา อตีตารมฺมณํ, สิยา อนาคตารมฺมณํ, สิยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ อตีตารมฺมณนฺติปิ, อนาคตารมฺมณนฺติปิ, ปจฺจุปฺปนฺนารมณนฺติปิฯ สิยา อชฺฌตฺตา, สิยา พหิทฺธา, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธาฯ ตีณิ ฌานานิ พหิทฺธารมฺมณา, จตุตฺถํ ฌานํ สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณํ, สิยา พหิทฺธารมฺมณํ, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ อชฺฌตฺตารมฺมณนฺติปิ, พหิทฺธารมฺมณนฺติปิ, อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณนฺติปิฯ อนิทสฺสนอปฺปฎิฆาฯ

    640. Siyā kusalā, siyā abyākatā. Tīṇi jhānāni – etthuppannaṃ sukhaṃ vedanaṃ ṭhapetvā sukhāya vedanāya sampayuttā, catutthaṃ jhānaṃ – etthuppannaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ ṭhapetvā adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttaṃ. Siyā vipākā, siyā vipākadhammadhammā, siyā nevavipākanavipākadhammadhammā. Siyā upādinnupādāniyā, siyā anupādinnupādāniyā, siyā anupādinnaanupādāniyā. Siyā asaṃkiliṭṭhasaṃkilesikā, siyā asaṃkiliṭṭhaasaṃkilesikā. Paṭhamaṃ jhānaṃ – etthuppanne vitakkavicāre ṭhapetvā savitakkaṃ savicāraṃ, tīṇi jhānāni avitakkaavicārā. Dve jhānāni – etthuppannaṃ pītiṃ ṭhapetvā pītisahagatā, tīṇi jhānāni – etthuppannaṃ sukhaṃ ṭhapetvā sukhasahagatā, catutthaṃ jhānaṃ – etthuppannaṃ upekkhaṃ ṭhapetvā upekkhāsahagataṃ. Neva dassanena na bhāvanāya pahātabbā. Neva dassanena na bhāvanāya pahātabbahetukā. Siyā ācayagāmino, siyā apacayagāmino, siyā nevācayagāmināpacayagāmino. Siyā sekkhā, siyā asekkhā, siyā nevasekkhanāsekkhā. Siyā mahaggatā, siyā appamāṇā. Tīṇi jhānāni na vattabbā parittārammaṇātipi, mahaggatārammaṇātipi, siyā appamāṇārammaṇā , siyā na vattabbā appamāṇārammaṇāti; catutthaṃ jhānaṃ siyā parittārammaṇaṃ, siyā mahaggatārammaṇaṃ, siyā appamāṇārammaṇaṃ; siyā na vattabbaṃ parittārammaṇantipi, mahaggatārammaṇantipi, appamāṇārammaṇantipi . Siyā majjhimā, siyā paṇītā. Siyā sammattaniyatā, siyā aniyatā. Tīṇi jhānāni na maggārammaṇā, siyā maggahetukā, siyā maggādhipatino, siyā na vattabbā maggahetukātipi, maggādhipatinotipi; catutthaṃ jhānaṃ siyā maggārammaṇaṃ, siyā maggahetukaṃ, siyā maggādhipati, siyā na vattabbaṃ maggārammaṇantipi, maggahetukantipi maggādhipatītipi. Siyā uppannā, siyā anuppannā, siyā uppādino. Siyā atītā, siyā anāgatā, siyā paccuppannā. Tīṇi jhānāni na vattabbā atītārammaṇātipi, anāgatārammaṇātipi, paccuppannārammaṇātipi; catutthaṃ jhānaṃ siyā atītārammaṇaṃ, siyā anāgatārammaṇaṃ, siyā paccuppannārammaṇaṃ, siyā na vattabbaṃ atītārammaṇantipi, anāgatārammaṇantipi, paccuppannāramaṇantipi. Siyā ajjhattā, siyā bahiddhā, siyā ajjhattabahiddhā. Tīṇi jhānāni bahiddhārammaṇā, catutthaṃ jhānaṃ siyā ajjhattārammaṇaṃ, siyā bahiddhārammaṇaṃ, siyā ajjhattabahiddhārammaṇaṃ, siyā na vattabbaṃ ajjhattārammaṇantipi, bahiddhārammaṇantipi, ajjhattabahiddhārammaṇantipi. Anidassanaappaṭighā.

    ๒. ทุกํ

    2. Dukaṃ

    ๖๔๑. น เหตู, สเหตุกา, เหตุสมฺปยุตฺตา, น วตฺตพฺพา ‘‘เหตู เจว สเหตุกา จา’’ติ, สเหตุกา เจว น จ เหตู, น วตฺตพฺพา ‘‘เหตู เจว เหตุสมฺปยุตฺตา จา’’ติ, เหตุสมฺปยุตฺตา เจว น จ เหตู, น เหตู สเหตุกาฯ

    641. Na hetū, sahetukā, hetusampayuttā, na vattabbā ‘‘hetū ceva sahetukā cā’’ti, sahetukā ceva na ca hetū, na vattabbā ‘‘hetū ceva hetusampayuttā cā’’ti, hetusampayuttā ceva na ca hetū, na hetū sahetukā.

    สปฺปจฺจยา, สงฺขตา, อนิทสฺสนา, อปฺปฎิฆา, อรูปา , สิยา โลกิยา, สิยา โลกุตฺตรา, เกนจิ วิเญฺญยฺยา, เกนจิ น วิเญฺญยฺยาฯ

    Sappaccayā, saṅkhatā, anidassanā, appaṭighā, arūpā , siyā lokiyā, siyā lokuttarā, kenaci viññeyyā, kenaci na viññeyyā.

    โน อาสวา, สิยา สาสวา, สิยา อนาสวา, อาสววิปฺปยุตฺตา, น วตฺตพฺพา ‘‘อาสวา เจว สาสวา จา’’ติ, สิยา สาสวา เจว โน จ อาสวา, สิยา น วตฺตพฺพา ‘‘สาสวา เจว โน จ อาสวา’’ติฯ น วตฺตพฺพา ‘‘อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จาติ’’ปิ, อาสวสมฺปยุตฺตา เจว โน จ อาสวาติปิฯ สิยา อาสววิปฺปยุตฺตา สาสวา, สิยา อาสววิปฺปยุตฺตา อนาสวาฯ

    No āsavā, siyā sāsavā, siyā anāsavā, āsavavippayuttā, na vattabbā ‘‘āsavā ceva sāsavā cā’’ti, siyā sāsavā ceva no ca āsavā, siyā na vattabbā ‘‘sāsavā ceva no ca āsavā’’ti. Na vattabbā ‘‘āsavā ceva āsavasampayuttā cāti’’pi, āsavasampayuttā ceva no ca āsavātipi. Siyā āsavavippayuttā sāsavā, siyā āsavavippayuttā anāsavā.

    โน สํโยชนา…เป.… โน คนฺถา…เป.… โน โอฆา…เป.… โน โยคา…เป.… โน นีวรณา…เป.… โน ปรามาสา…เป.… สารมฺมณา, โน จิตฺตา, เจตสิกา, จิตฺตสมฺปยุตฺตา, จิตฺตสํสฎฺฐา, จิตฺตสมุฎฺฐานา, จิตฺตสหภุโน, จิตฺตานุปริวตฺติโน, จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานา, จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภุโน, จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติโน, พาหิรา, โน อุปาทา, สิยา อุปาทินฺนา, สิยา อนุปาทินฺนาฯ

    No saṃyojanā…pe… no ganthā…pe… no oghā…pe… no yogā…pe… no nīvaraṇā…pe… no parāmāsā…pe… sārammaṇā, no cittā, cetasikā, cittasampayuttā, cittasaṃsaṭṭhā, cittasamuṭṭhānā, cittasahabhuno, cittānuparivattino, cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānā, cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhuno, cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivattino, bāhirā, no upādā, siyā upādinnā, siyā anupādinnā.

    โน อุปาทานา…เป.… โน กิเลสา…เป.… น ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, น ภาวนาย ปหาตพฺพา, น ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกา, น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ ปฐมํ ฌานํ – เอตฺถุปฺปนฺนํ วิตกฺกํ ฐเปตฺวา สวิตกฺกํ, ตีณิ ฌานานิ อวิตกฺกาฯ ปฐมํ ฌานํ – เอตฺถุปฺปนฺนํ วิจารํ ฐเปตฺวา สวิจารํ, ตีณิ ฌานานิ อวิจาราฯ เทฺว ฌานานิ – เอตฺถุปฺปนฺนํ ปีติํ ฐเปตฺวา สปฺปีติกา, เทฺว ฌานานิ อปฺปีติกาฯ เทฺว ฌานานิ – เอตฺถุปฺปนฺนํ ปีติํ ฐเปตฺวา ปีติสหคตา, เทฺว ฌานานิ น ปีติสหคตาฯ ตีณิ ฌานานิ – เอตฺถุปฺปนฺนํ สุขํ ฐเปตฺวา สุขสหคตา, จตุตฺถํ ฌานํ น สุขสหคตํฯ จตุตฺถํ ฌานํ – เอตฺถุปฺปนฺนํ อุเปกฺขํ ฐเปตฺวา อุเปกฺขาสหคตํ, ตีณิ ฌานานิ อุเปกฺขาสหคตา, น กามาวจรา, สิยา รูปาวจรา, สิยา น รูปาวจรา, ตีณิ ฌานานิ น อรูปาวจรา, จตุตฺถํ ฌานํ สิยา อรูปาวจรํ, สิยา น อรูปาวจรํ, สิยา ปริยาปนฺนา, สิยา อปริยาปนฺนา, สิยา นิยฺยานิกา, สิยา อนิยฺยานิกา, สิยา นิยตา, สิยา อนิยตา, สิยา สอุตฺตรา, สิยา อนุตฺตรา, อรณาติฯ

    No upādānā…pe… no kilesā…pe… na dassanena pahātabbā, na bhāvanāya pahātabbā, na dassanena pahātabbahetukā, na bhāvanāya pahātabbahetukā. Paṭhamaṃ jhānaṃ – etthuppannaṃ vitakkaṃ ṭhapetvā savitakkaṃ, tīṇi jhānāni avitakkā. Paṭhamaṃ jhānaṃ – etthuppannaṃ vicāraṃ ṭhapetvā savicāraṃ, tīṇi jhānāni avicārā. Dve jhānāni – etthuppannaṃ pītiṃ ṭhapetvā sappītikā, dve jhānāni appītikā. Dve jhānāni – etthuppannaṃ pītiṃ ṭhapetvā pītisahagatā, dve jhānāni na pītisahagatā. Tīṇi jhānāni – etthuppannaṃ sukhaṃ ṭhapetvā sukhasahagatā, catutthaṃ jhānaṃ na sukhasahagataṃ. Catutthaṃ jhānaṃ – etthuppannaṃ upekkhaṃ ṭhapetvā upekkhāsahagataṃ, tīṇi jhānāni upekkhāsahagatā, na kāmāvacarā, siyā rūpāvacarā, siyā na rūpāvacarā, tīṇi jhānāni na arūpāvacarā, catutthaṃ jhānaṃ siyā arūpāvacaraṃ, siyā na arūpāvacaraṃ, siyā pariyāpannā, siyā apariyāpannā, siyā niyyānikā, siyā aniyyānikā, siyā niyatā, siyā aniyatā, siyā sauttarā, siyā anuttarā, araṇāti.

    ปญฺหาปุจฺฉกํฯ

    Pañhāpucchakaṃ.

    ฌานวิภโงฺค นิฎฺฐิโตฯ

    Jhānavibhaṅgo niṭṭhito.







    Footnotes:
    1. สมฺมิญฺชิเต (สี. สฺยา.)
    2. มนุสฺสราหเสยฺยกํ (สี. สฺยา.)
    3. sammiñjite (sī. syā.)
    4. manussarāhaseyyakaṃ (sī. syā.)
    5. มุคฺคสุปฺปตาย (สี.)
    6. muggasuppatāya (sī.)
    7. ปาเทน ปาทํ (สฺยา.)
    8. pādena pādaṃ (syā.)
    9. พิโมฺพหนมฺปิ (สี. สฺยา.)
    10. bimbohanampi (sī. syā.)
    11. ภิํสนกานเมตํ (สี. สฺยา.)
    12. bhiṃsanakānametaṃ (sī. syā.)
    13. ทูสนา ทูสิตตฺตํ (สฺยา.)
    14. dūsanā dūsitattaṃ (syā.)
    15. ถีนํ (สี. สฺยา.)
    16. thīnaṃ (sī. syā.)
    17. ถียนา ถียิตตฺตํ (สี. สฺยา.)
    18. thīyanā thīyitattaṃ (sī. syā.)
    19. คณนานุปุพฺพโต (สฺยา.) เอวมุปริปิ
    20. gaṇanānupubbato (syā.) evamuparipi
    21. ปญฺญาเปนฺติ (สี. สฺยา.)
    22. paññāpenti (sī. syā.)
    23. อยํ ปาโฐ มาติกายํ นตฺถิ, นิเทฺทเส ปน สพฺพโปตฺถเกสุ ทิสฺสติ
    24. ayaṃ pāṭho mātikāyaṃ natthi, niddese pana sabbapotthakesu dissati



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ • 1. Suttantabhājanīyaṃ
    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
    ๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 3. Pañhāpucchakavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๒. ฌานวิภโงฺค • 12. Jhānavibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๒. ฌานวิภโงฺค • 12. Jhānavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact