Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā

    ๑๒. ฌานวิภโงฺค

    12. Jhānavibhaṅgo

    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ

    1. Suttantabhājanīyaṃ

    มาติกาวณฺณนา

    Mātikāvaṇṇanā

    ๕๐๘. ฌานสฺส ปุพฺพภาคกรณียสมฺปทา ปาติโมกฺขสํวราทิฯ อสุภานุสฺสติโย โลกุตฺตรชฺฌานานิ จ อิโต พหิทฺธา นตฺถีติ สพฺพปฺปการ-คฺคหณํ กโรติ, สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณภีติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑) วจเนน สมณภาวกรปุพฺพภาคกรณียสมฺปทาสมฺปนฺนสฺสปิ อภาวํ ทเสฺสติฯ สิกฺขาปเทสุ นามกายาทิวเสน วุเตฺตสุ วจนานติกฺกมวเสน สิกฺขิตเพฺพสุ, อวีติกฺกมนวิรติเจตนาสงฺขาเตสุ วา สิกฺขาโกฎฺฐาเสสุ ปริปูรณวเสน สิกฺขิตเพฺพสุ สา สา ภิกฺขุสิกฺขาทิกา สิกฺขาปเทกเทสภูตา สิกฺขิตพฺพาติ อาห ‘‘สิกฺขาปเทสูติ อิทมสฺส สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปน’’นฺติฯ

    508. Jhānassa pubbabhāgakaraṇīyasampadā pātimokkhasaṃvarādi. Asubhānussatiyo lokuttarajjhānāni ca ito bahiddhā natthīti sabbappakāra-ggahaṇaṃ karoti, suññā parappavādā samaṇebhīti (ma. ni. 1.139; a. ni. 4.241) vacanena samaṇabhāvakarapubbabhāgakaraṇīyasampadāsampannassapi abhāvaṃ dasseti. Sikkhāpadesu nāmakāyādivasena vuttesu vacanānatikkamavasena sikkhitabbesu, avītikkamanaviraticetanāsaṅkhātesu vā sikkhākoṭṭhāsesu paripūraṇavasena sikkhitabbesu sā sā bhikkhusikkhādikā sikkhāpadekadesabhūtā sikkhitabbāti āha ‘‘sikkhāpadesūti idamassa sikkhitabbadhammaparidīpana’’nti.

    สโนฺตสาทิวเสน อิตรีตรสโนฺตสํ, ตสฺส จ วณฺณวาทิตํ, อลทฺธา จ อปริตสฺสนํ, ลทฺธา จ อคธิตปริโภคนฺติ เอเต คุเณ ทเสฺสติฯ ฌานภาวนาย การโกติ ปริทีปนํ การกภาวปริทีปนํอรญฺญนฺติอาทินา เสนาสนสฺส ปเภทํ, อปฺปสทฺทนฺติอาทินา นิราทีนวตํ, ปฎิสลฺลานสารุปฺปนฺติ อานิสํสํ ทีเปตีติ อาห ‘‘เสนาสนปฺปเภเท…เป.… ปริทีปน’’นฺติฯ

    Santosādivasena itarītarasantosaṃ, tassa ca vaṇṇavāditaṃ, aladdhā ca aparitassanaṃ, laddhā ca agadhitaparibhoganti ete guṇe dasseti. Jhānabhāvanāya kārakoti paridīpanaṃ kārakabhāvaparidīpanaṃ. Araññantiādinā senāsanassa pabhedaṃ, appasaddantiādinā nirādīnavataṃ, paṭisallānasāruppanti ānisaṃsaṃ dīpetīti āha ‘‘senāsanappabhede…pe… paridīpana’’nti.

    มาติกาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mātikāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิเทฺทสวณฺณนา

    Niddesavaṇṇanā

    ๕๐๙. กมฺมเตฺถหิ ทิฎฺฐิ-สทฺทาทีหิ สาสนํ วุตฺตนฺติ ‘‘ทิฎฺฐตฺตา ทิฎฺฐี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สภาวเฎฺฐนาติ อวิปรีตเฎฺฐนฯ สิกฺขิยมาโน กายาทีนิ วิเนติ, น อญฺญถาติ อาห ‘‘สิกฺขิตพฺพเฎฺฐน วินโย’’ติ, วินโย วา สิกฺขิตพฺพานิ สิกฺขาปทานิ, ขนฺธตฺตยํ สิกฺขิตพฺพนฺติ วินโย วิยาติ วินโยติ ทเสฺสติฯ สตฺถุ อนุสาสนทานภูตํ สิกฺขตฺตยนฺติ อาห ‘‘อนุสิฎฺฐิทานวเสนา’’ติฯ

    509. Kammatthehi diṭṭhi-saddādīhi sāsanaṃ vuttanti ‘‘diṭṭhattā diṭṭhī’’tiādi vuttaṃ. Sabhāvaṭṭhenāti aviparītaṭṭhena. Sikkhiyamāno kāyādīni vineti, na aññathāti āha ‘‘sikkhitabbaṭṭhena vinayo’’ti, vinayo vā sikkhitabbāni sikkhāpadāni, khandhattayaṃ sikkhitabbanti vinayo viyāti vinayoti dasseti. Satthu anusāsanadānabhūtaṃ sikkhattayanti āha ‘‘anusiṭṭhidānavasenā’’ti.

    สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยตฺตาติ สมฺมาทิฎฺฐิยา ปจฺจยตฺตาฯ ติโสฺส หิ สิกฺขา สิกฺขนฺตสฺส สมฺมาทิฎฺฐิ ปริปูรตีติฯ ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ ภิกฺขุ อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลญฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฎฺฐิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙) วจนโต สมฺมาทิฎฺฐิปุพฺพงฺคมํ สิกฺขตฺตยํฯ เอตสฺมิญฺจ อตฺถทฺวเย ผลการโณปจาเรหิ สิกฺขตฺตยํ ‘‘ทิฎฺฐี’’ติ วุตฺตํ, กุสลธเมฺมหิ วา อตฺตโน เอกเทสภูเตหีติ อธิปฺปาโยฯ ภควโต วินยนกิริยตฺตา วินโย สิกฺขตฺตยํ, ตํ ปน วินยนํ ธเมฺมเนว อวิสมสภาเวน, เทสนาธเมฺมน วา ปวตฺตํ, น ทณฺฑาทินาติ ‘‘ธมฺมวินโย’’ติ วุตฺตํฯ

    Sammādiṭṭhipaccayattāti sammādiṭṭhiyā paccayattā. Tisso hi sikkhā sikkhantassa sammādiṭṭhi paripūratīti. ‘‘Tasmātiha tvaṃ bhikkhu ādimeva visodhehi kusalesu dhammesu, ko cādi kusalānaṃ dhammānaṃ? Sīlañca suvisuddhaṃ diṭṭhi ca ujukā’’ti (saṃ. ni. 5.369) vacanato sammādiṭṭhipubbaṅgamaṃ sikkhattayaṃ. Etasmiñca atthadvaye phalakāraṇopacārehi sikkhattayaṃ ‘‘diṭṭhī’’ti vuttaṃ, kusaladhammehi vā attano ekadesabhūtehīti adhippāyo. Bhagavato vinayanakiriyattā vinayo sikkhattayaṃ, taṃ pana vinayanaṃ dhammeneva avisamasabhāvena, desanādhammena vā pavattaṃ, na daṇḍādināti ‘‘dhammavinayo’’ti vuttaṃ.

    อนวชฺชธมฺมตฺถนฺติ ปรมานวชฺชนิพฺพานตฺถํ, อกุปฺปเจโตวิมุตฺติอตฺถํ วาฯ ธเมฺมสุ อภิเญฺญยฺยาทีสุ อภิชานนาทิการณํ สิกฺขตฺตยนฺติ ตํ ‘‘ธมฺมวินโย’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อิมิสฺสา อิมสฺมิ’’นฺติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานํ นิยมกรณํ โหติ, เอว-สทฺทโลโป วา กโตติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘นิยโม กโต’’ติฯ

    Anavajjadhammatthanti paramānavajjanibbānatthaṃ, akuppacetovimuttiatthaṃ vā. Dhammesu abhiññeyyādīsu abhijānanādikāraṇaṃ sikkhattayanti taṃ ‘‘dhammavinayo’’ti vuttaṃ. ‘‘Imissā imasmi’’nti punappunaṃ vuccamānaṃ niyamakaraṇaṃ hoti, eva-saddalopo vā katoti adhippāyenāha ‘‘niyamo kato’’ti.

    ๕๑๐. ภิกฺขุโกติ อนญฺญเตฺถน -กาเรน ปทํ วฑฺฒิตนฺติ ‘‘ภิกฺขนธมฺมตายา’’ติ อตฺถมาหฯ ภิกฺขโกติ ปน ปาเฐ ภิกฺขตีติ ภิกฺขโกติ อโตฺถฯ ชลฺลิกํ รชมิสฺสํ มลํ, อมิสฺสํ มลเมวฯ ภินฺนปฎธโรติ นิพฺพจนํ ภินฺนปฎธเร ภิกฺขุ-สทฺทสฺส นิรุฬฺหตฺตา วุตฺตํฯ

    510. Bhikkhukoti anaññatthena ka-kārena padaṃ vaḍḍhitanti ‘‘bhikkhanadhammatāyā’’ti atthamāha. Bhikkhakoti pana pāṭhe bhikkhatīti bhikkhakoti attho. Jallikaṃ rajamissaṃ malaṃ, amissaṃ malameva. Bhinnapaṭadharoti nibbacanaṃ bhinnapaṭadhare bhikkhu-saddassa niruḷhattā vuttaṃ.

    ยสฺส ภาเวตโพฺพ ปหาตโพฺพ จ โอธิ อวสิโฎฺฐ อตฺถิ, โส โอธิโส, อรหา ปน ตทภาวา โอธิรหิโตติ ‘‘อโนธิโส กิเลสานํ ปหานา ภิกฺขู’’ติ วุโตฺตฯ โอธิ-สโทฺท วา เอกเทเส นิรุโฬฺหติ สพฺพมคฺคา สพฺพกิเลสา จ อรหตา ภาวิตา ปหีนา จ ‘‘โอธี’’ติ น วุจฺจนฺติฯ ปหานาติ อิทญฺจ นิพฺพจนํ เภทนปริยายวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Yassa bhāvetabbo pahātabbo ca odhi avasiṭṭho atthi, so odhiso, arahā pana tadabhāvā odhirahitoti ‘‘anodhiso kilesānaṃ pahānā bhikkhū’’ti vutto. Odhi-saddo vā ekadese niruḷhoti sabbamaggā sabbakilesā ca arahatā bhāvitā pahīnā ca ‘‘odhī’’ti na vuccanti. Pahānāti idañca nibbacanaṃ bhedanapariyāyavasena vuttanti veditabbaṃ.

    เสโกฺขติอาทินา ภิกฺขุ-สเทฺทน วุจฺจมานํ อตฺถํ คุณวเสน ทเสฺสติ, เหฎฺฐา ปน ‘‘สมญฺญาย ปฎิญฺญายา’’ติ ปญฺญายนวเสน, ‘‘ภิกฺขตี’’ติอาทินา นิพฺพจนวเสน ทสฺสิโตฯ

    Sekkhotiādinā bhikkhu-saddena vuccamānaṃ atthaṃ guṇavasena dasseti, heṭṭhā pana ‘‘samaññāya paṭiññāyā’’ti paññāyanavasena, ‘‘bhikkhatī’’tiādinā nibbacanavasena dassito.

    เสโกฺข ภิกฺขูติ สตฺต เสกฺขา กถิตา, ภินฺนตฺตา ปาปกานํ…เป.… ภิกฺขูติ ขีณาสโวว กถิโตติ อิทํ ทฺวยํ ‘‘เสโกฺขติ ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน สทฺธิํ สตฺต อริยา, ภินฺนตฺตาติ อิมินา ปน จตฺตาโร ผลฎฺฐา’’ติ อิมินา ทฺวเยน น สเมติ, ตทิทํ นิปฺปริยายทสฺสนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘เสสฎฺฐาเนสุ ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย กถิตา’’ติ วุตฺตํ, นนุ ปฎิญฺญาย ภิกฺขุสีโลปิ วุโตฺตติ? วุโตฺต, น ปน อิธาธิเปฺปโต สพฺพปฺปการชฺฌานนิพฺพตฺตกสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ

    Sekkho bhikkhūti satta sekkhā kathitā, bhinnattā pāpakānaṃ…pe… bhikkhūti khīṇāsavova kathitoti idaṃ dvayaṃ ‘‘sekkhoti puthujjanakalyāṇakena saddhiṃ satta ariyā, bhinnattāti iminā pana cattāro phalaṭṭhā’’ti iminā dvayena na sameti, tadidaṃ nippariyāyadassanaṃ vuttanti veditabbaṃ. ‘‘Sesaṭṭhānesu puthujjanakalyāṇakādayo kathitā’’ti vuttaṃ, nanu paṭiññāya bhikkhusīlopi vuttoti? Vutto, na pana idhādhippeto sabbappakārajjhānanibbattakassa adhippetattā.

    ภควโต วจนํ อุปสมฺปทากมฺมกรณสฺส การณตฺตา ฐานํ, ตทนุรูปํ ฐานารหํ, อนูนญตฺติอนุสฺสาวนํ อุปฺปฎิปาฎิยา จ อวุตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    Bhagavato vacanaṃ upasampadākammakaraṇassa kāraṇattā ṭhānaṃ, tadanurūpaṃ ṭhānārahaṃ, anūnañattianussāvanaṃ uppaṭipāṭiyā ca avuttanti attho.

    ๕๑๑. นิปฺปริยายโต สีลํ สมาทานวิรติอวีติกฺกมนวิรติภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ อนภิชฺฌาทีนิ สนฺธาย เจตสิกสีลสฺส ปริยายสีลตา วุตฺตาฯ นครวฑฺฒกี วตฺถุวิชฺชาจริโยติ วทนฺติฯ จตุพฺพิโธ อาหาโร อสิตาทีนิ, ภกฺขิตพฺพภุญฺชิตพฺพเลหิตพฺพจุพิตพฺพานิ วาฯ

    511. Nippariyāyato sīlaṃ samādānaviratiavītikkamanaviratibhāvatoti adhippāyo. Anabhijjhādīni sandhāya cetasikasīlassa pariyāyasīlatā vuttā. Nagaravaḍḍhakī vatthuvijjācariyoti vadanti. Catubbidho āhāro asitādīni, bhakkhitabbabhuñjitabbalehitabbacubitabbāni vā.

    ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต ปิหิตินฺทฺริโย โหติ ติณฺณํ สุจริตานํ อินฺทฺริยสํวราหารตฺตา, ปาติโมกฺขสํวโร วา อินฺทฺริยสํวรสฺส อุปนิสฺสโย โหติฯ อิติ ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตินฺทฺริโย ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ วุโตฺตฯ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘สํวุโต’’ติ เอตสฺส ปิหิตินฺทฺริโยติ อตฺถมาหฯ ปาติโมเกฺขน จ สํวเรน จาติ อิทํ ปาติโมกฺขโต อญฺญํ สีลํ กายิกอวีติกฺกมาทิคฺคหเณน คหิตนฺติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ทุติโย ปนโตฺถ ทฺวินฺนมฺปิ เอกตฺถตํ สนฺธาย วุโตฺตฯ

    Pātimokkhasaṃvarena upeto pihitindriyo hoti tiṇṇaṃ sucaritānaṃ indriyasaṃvarāhārattā, pātimokkhasaṃvaro vā indriyasaṃvarassa upanissayo hoti. Iti pātimokkhasaṃvarena pihitindriyo ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto’’ti vutto. Iminā adhippāyena ‘‘saṃvuto’’ti etassa pihitindriyoti atthamāha. Pātimokkhena ca saṃvarena cāti idaṃ pātimokkhato aññaṃ sīlaṃ kāyikaavītikkamādiggahaṇena gahitanti iminā adhippāyena vuttanti daṭṭhabbaṃ. Dutiyo panattho dvinnampi ekatthataṃ sandhāya vutto.

    ๕๑๓. สพฺพมฺปิ ทุสฺสีลฺยนฺติ อิมินา อภิชฺฌาทโย จ คหิตาติ สนฺธายาห ‘‘มนสาปิ อาจรติ เอว, ตสฺมา ตํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ ตตฺถาติ กายิกวีติกฺกมาทิวเสน วุเตฺตสุ อนาจาเรสุฯ ครุภณฺฑวิสฺสชฺชนมาปชฺชตีติ ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ

    513. Sabbampidussīlyanti iminā abhijjhādayo ca gahitāti sandhāyāha ‘‘manasāpi ācarati eva, tasmā taṃ dassetu’’nti. Tatthāti kāyikavītikkamādivasena vuttesu anācāresu. Garubhaṇḍavissajjanamāpajjatīti thullaccayaṃ āpajjatīti attho.

    อโรปิโมติ สงฺฆิกภูมิยํ อุฎฺฐิโต วุโตฺตฯ ผาติกมฺมนฺติ ครุภณฺฑนฺตรภูตํ กมฺมํฯ ทณฺฑกมฺมนฺติ ยถาวุตฺตํ หตฺถกมฺมมาหฯ สินายนฺติ เอเตนาติ สินานํ, จุณฺณาทิฯ

    Aropimoti saṅghikabhūmiyaṃ uṭṭhito vutto. Phātikammanti garubhaṇḍantarabhūtaṃ kammaṃ. Daṇḍakammanti yathāvuttaṃ hatthakammamāha. Sināyanti etenāti sinānaṃ, cuṇṇādi.

    สจฺจาลีเกน ปิยวาที ‘‘จาฎู’’ติ วุจฺจติ, จาฎุํ อตฺตานํ อิจฺฉตีติ จาฎุกาโม, ตสฺส ภาโว จาฎุกมฺยตาฯ มุคฺคสูปสฺส อปฺปวิสนฎฺฐานํ นาม นตฺถิ สพฺพาหาเรหิ อวิรุทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ปริภฎติ ธาเรติ, โปเสติ วาติ ปริภโฎ, อถ วา ปริวารภูโต ภโฎ เสวโก ปริภโฎ

    Saccālīkena piyavādī ‘‘cāṭū’’ti vuccati, cāṭuṃ attānaṃ icchatīti cāṭukāmo, tassa bhāvo cāṭukamyatā. Muggasūpassa appavisanaṭṭhānaṃ nāma natthi sabbāhārehi aviruddhattāti adhippāyo. Paribhaṭati dhāreti, poseti vāti paribhaṭo, atha vā parivārabhūto bhaṭo sevako paribhaṭo.

    ภณฺฑาคาริกกมฺมํ คิหีนํ กริยมานํ วุตฺตํฯ ปิณฺฑตฺถํ ปฎิปิณฺฑทานํ, ปิณฺฑํ ทตฺวา ปฎิปิณฺฑคฺคหณํ วา ปิณฺฑปฎิปิณฺฑํฯ สงฺฆโภคเจติยโภคานํ อโยนิโส วิจารณํ สงฺฆุปฺปาทเจติยุปฺปาทปฎฺฐปนํ, อตฺตโน สนฺตเก วิย ปฎิปชฺชนนฺติ เกจิฯ

    Bhaṇḍāgārikakammaṃ gihīnaṃ kariyamānaṃ vuttaṃ. Piṇḍatthaṃ paṭipiṇḍadānaṃ, piṇḍaṃ datvā paṭipiṇḍaggahaṇaṃ vā piṇḍapaṭipiṇḍaṃ. Saṅghabhogacetiyabhogānaṃ ayoniso vicāraṇaṃ saṅghuppādacetiyuppādapaṭṭhapanaṃ, attano santake viya paṭipajjananti keci.

    ๕๑๔. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, โคจโร วิยาติ โคจโร, อภิณฺหํ จริตพฺพฎฺฐานํฯ คาโว วา จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ, เตหิ จริตพฺพฎฺฐานํ โคจโรฯ อยุโตฺต โคจโร อโคจโรติ ตทโญฺญ ยุโตฺต ‘‘โคจโร’’ติ วุโตฺตฯ

    514. Gāvo caranti etthāti gocaro, gocaro viyāti gocaro, abhiṇhaṃ caritabbaṭṭhānaṃ. Gāvo vā cakkhādīni indriyāni, tehi caritabbaṭṭhānaṃ gocaro. Ayutto gocaro agocaroti tadañño yutto ‘‘gocaro’’ti vutto.

    วา-สโทฺท วิธุนนโตฺถปิ โหตีติ กตฺวา อาห ‘‘วินิทฺธุตกิพฺพิสานิ วา’’ติฯ

    -saddo vidhunanatthopi hotīti katvā āha ‘‘viniddhutakibbisāni vā’’ti.

    ๕๑๕. อวรา ปจฺฉิมา มตฺตา เอเตสนฺติ โอรมตฺตกานิฯ สํยมกรณียานีติ กายวาจาสํยมมเตฺตน กตฺตพฺพปฎิกมฺมานิ, วิกฺขิปิตพฺพานิ วาฯ ‘‘ปุน น เอวํ กโรมี’’ติ จิเตฺตน สํวรมเตฺตน, อินฺทฺริยสํวเรเนว วา กรณียานิ สํวรกรณียานิฯ ทิวิวิหารชนปทวาสี ทิวิวิหารวาสีฯ มนสฺส อธิฎฺฐานเมว อธิฎฺฐานาวิกมฺมํฯ เทสนา อิธ ‘‘วุฎฺฐานาวิกมฺม’’นฺติ อธิเปฺปตาฯ ตตฺถ ‘‘จิตฺตุปฺปาทกรณียานิ มนสิการปฎิพทฺธานี’’ติ วจนโต ปาติโมกฺขสํวรวิสุทฺธตฺถํ อนติกฺกมนียานิ อนาปตฺติคมนียานิ วชฺชานิ วุตฺตานีติ อาจริยสฺส อธิปฺปาโยฯ จตุพฺพิธสฺสาติ อตฺตานุวาทปรานุวาททณฺฑทุคฺคติภยสฺสฯ

    515. Avarā pacchimā mattā etesanti oramattakāni. Saṃyamakaraṇīyānīti kāyavācāsaṃyamamattena kattabbapaṭikammāni, vikkhipitabbāni vā. ‘‘Puna na evaṃ karomī’’ti cittena saṃvaramattena, indriyasaṃvareneva vā karaṇīyāni saṃvarakaraṇīyāni. Divivihārajanapadavāsī divivihāravāsī. Manassa adhiṭṭhānameva adhiṭṭhānāvikammaṃ. Desanā idha ‘‘vuṭṭhānāvikamma’’nti adhippetā. Tattha ‘‘cittuppādakaraṇīyāni manasikārapaṭibaddhānī’’ti vacanato pātimokkhasaṃvaravisuddhatthaṃ anatikkamanīyāni anāpattigamanīyāni vajjāni vuttānīti ācariyassa adhippāyo. Catubbidhassāti attānuvādaparānuvādadaṇḍaduggatibhayassa.

    ๕๑๖. ‘‘อิธ ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุ เอว อธิเปฺปโตติ สนฺธาย ‘‘เสสสิกฺขา ปน อตฺถุทฺธารวเสน สิกฺขา-สทฺทสฺส อตฺถทสฺสนตฺถํ วุตฺตา’’ติ อาหฯ ภิกฺขุคฺคหณํ ปน อคฺคปริสามุเขน สพฺพชฺฌานนิพฺพตฺตกานํ จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ ทสฺสนตฺถํ กตํฯ คุณโต วา ภิกฺขุ อธิเปฺปโตติ สพฺพาปิ สิกฺขา อิธาธิเปฺปตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ สเพฺพน สิกฺขาสมาทาเนนาติ เอตฺถ เยน สมาทาเนน สพฺพาปิ สิกฺขา สมาทินฺนา โหนฺติ, ตํ เอกมฺปิ สพฺพสมาทานกิจฺจกรตฺตา สพฺพสมาทานํ นาม โหติ, อเนเกสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ สเพฺพน สิกฺขิตพฺพากาเรนาติ อวีติกฺกมเทสนาวุฎฺฐานวตฺตจรณาทิอากาเรนฯ วีติกฺกมนวเสน เสสสฺสปิ นิเสฺสสตากรณํ สนฺธาย ‘‘ภินฺนสฺสปี’’ติอาทิมาหฯ

    516. ‘‘Idha bhikkhū’’ti bhikkhu eva adhippetoti sandhāya ‘‘sesasikkhā pana atthuddhāravasena sikkhā-saddassa atthadassanatthaṃ vuttā’’ti āha. Bhikkhuggahaṇaṃ pana aggaparisāmukhena sabbajjhānanibbattakānaṃ catunnampi parisānaṃ dassanatthaṃ kataṃ. Guṇato vā bhikkhu adhippetoti sabbāpi sikkhā idhādhippetāti daṭṭhabbā. Sabbena sikkhāsamādānenāti ettha yena samādānena sabbāpi sikkhā samādinnā honti, taṃ ekampi sabbasamādānakiccakarattā sabbasamādānaṃ nāma hoti, anekesu pana vattabbameva natthi. Sabbena sikkhitabbākārenāti avītikkamadesanāvuṭṭhānavattacaraṇādiākārena. Vītikkamanavasena sesassapi nissesatākaraṇaṃ sandhāya ‘‘bhinnassapī’’tiādimāha.

    ๕๑๙. อาวรณีเยหิ จิตฺตปริโสธนภาวนา ชาคริยานุโยโคติ กตฺวา อาห ‘‘ภาวน’’นฺติฯ สุปฺปปริคฺคาหกนฺติ ‘‘สุปฺปปริคฺคาหกํ นาม อิทํ อิโต ปุเพฺพ อิโต ปรญฺจ นตฺถิ, อยเมตสฺส ปจฺจโย’’ติอาทินา ปริคฺคาหกํฯ

    519. Āvaraṇīyehi cittaparisodhanabhāvanā jāgariyānuyogoti katvā āha ‘‘bhāvana’’nti. Suppapariggāhakanti ‘‘suppapariggāhakaṃ nāma idaṃ ito pubbe ito parañca natthi, ayametassa paccayo’’tiādinā pariggāhakaṃ.

    ๕๒๐-๕๒๑. ยุโตฺตติ อารมฺภมาโนฯ สาตจฺจํ เนปกฺกญฺจ ปวตฺตยมาโน ชาคริยานุโยคํ อนุยุโตฺต โหตีติ สมฺพนฺธํ ทเสฺสติฯ

    520-521. Yuttoti ārambhamāno. Sātaccaṃ nepakkañca pavattayamāno jāgariyānuyogaṃ anuyutto hotīti sambandhaṃ dasseti.

    ๕๒๒. โลกิยายปิ…เป.… อาหาติ อิทํ วิปสฺสนาภาวนาย สติปฎฺฐานาทโย เอกสฺมิํ อารมฺมเณ สห นปฺปวตฺตนฺติ, ปวตฺตมานานิปิ อินฺทฺริยพลานิ โพชฺฌเงฺคเสฺวว อโนฺตคธานิ โหนฺติฯ ปีติสโมฺพชฺฌงฺคคฺคหเณน หิ ตทุปนิสฺสยภูตํ สทฺธินฺทฺริยํ สทฺธาพลญฺจ คหิตเมว โหติ ‘‘สทฺธูปนิสํ ปาโมชฺช’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๓) วุตฺตตฺตาฯ มคฺคงฺคานิ ปเญฺจว วิปสฺสนากฺขเณ ปวตฺตนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    522. Lokiyāyapi…pe… āhāti idaṃ vipassanābhāvanāya satipaṭṭhānādayo ekasmiṃ ārammaṇe saha nappavattanti, pavattamānānipi indriyabalāni bojjhaṅgesveva antogadhāni honti. Pītisambojjhaṅgaggahaṇena hi tadupanissayabhūtaṃ saddhindriyaṃ saddhābalañca gahitameva hoti ‘‘saddhūpanisaṃ pāmojja’’nti (saṃ. ni. 2.23) vuttattā. Maggaṅgāni pañceva vipassanākkhaṇe pavattantīti imamatthaṃ sandhāya vuttanti daṭṭhabbaṃ.

    ๕๒๓. สมนฺตโต, สมฺมา, สมํ วา สาตฺถกาทิปชานนํ สมฺปชานํ, ตเทว สมฺปชญฺญํฯ เตนาติ สติสมฺปยุตฺตตฺตา เอว อุเทฺทเส อวุตฺตาปิ สติ นิเทฺทเส ‘‘สโต’’ติ อิมินา วุตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ

    523. Samantato, sammā, samaṃ vā sātthakādipajānanaṃ sampajānaṃ, tadeva sampajaññaṃ. Tenāti satisampayuttattā eva uddese avuttāpi sati niddese ‘‘sato’’ti iminā vuttāti adhippāyo.

    สาตฺถกานํ อภิกฺกมาทีนํ สมฺปชานนํ สาตฺถกสมฺปชญฺญํฯ เอวํ สปฺปายสมฺปชญฺญํฯ อภิกฺกมาทีสุ ปน ภิกฺขาจารโคจเร อญฺญตฺถาปิ จ ปวเตฺตสุ อวิชหิเต กมฺมฎฺฐานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชญฺญํ โคจรสมฺปชญฺญํฯ อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนเมว สมฺปชญฺญํ อสโมฺมหสมฺปชญฺญํ

    Sātthakānaṃ abhikkamādīnaṃ sampajānanaṃ sātthakasampajaññaṃ. Evaṃ sappāyasampajaññaṃ. Abhikkamādīsu pana bhikkhācāragocare aññatthāpi ca pavattesu avijahite kammaṭṭhānasaṅkhāte gocare sampajaññaṃ gocarasampajaññaṃ. Abhikkamādīsu asammuyhanameva sampajaññaṃ asammohasampajaññaṃ.

    เทฺว กถาติ วจนกรณากรณกถา น กถิตปุพฺพาฯ วจนํ กโรมิ เอว, ตสฺมา สุพฺพจตฺตา ปฎิวจนํ เทมีติ อโตฺถฯ

    Dvekathāti vacanakaraṇākaraṇakathā na kathitapubbā. Vacanaṃ karomi eva, tasmā subbacattā paṭivacanaṃ demīti attho.

    กมฺมฎฺฐานสีเสเนวาติ กมฺมฎฺฐานเคฺคเนว, กมฺมฎฺฐานํ ปธานํ กตฺวา เอวาติ อโตฺถฯ เตน ‘‘ปตฺตมฺปิ อเจตน’’นฺติอาทินา วกฺขมานํ กมฺมฎฺฐานํ, ยถาปริหริยมานํ วา อวิชหิตฺวาติ ทเสฺสติฯ ‘‘ตสฺมา’’ติ เอตสฺส ‘‘ธมฺมกถา กเถตพฺพาเยวาติ วทนฺตี’’ติ เอเตน สมฺพโนฺธฯ ภเยติ ปรจกฺกาทิภเยฯ

    Kammaṭṭhānasīsenevāti kammaṭṭhānaggeneva, kammaṭṭhānaṃ padhānaṃ katvā evāti attho. Tena ‘‘pattampi acetana’’ntiādinā vakkhamānaṃ kammaṭṭhānaṃ, yathāparihariyamānaṃ vā avijahitvāti dasseti. ‘‘Tasmā’’ti etassa ‘‘dhammakathā kathetabbāyevāti vadantī’’ti etena sambandho. Bhayeti paracakkādibhaye.

    อวเสสฎฺฐาเนติ ยาคุอคฺคหิตฎฺฐาเนฯ ฐานจงฺกมนเมวาติ อธิฎฺฐาตพฺพิริยาปถวเสน วุตฺตํ, น โภชนาทิกาเล อวสฺสํ กตฺตพฺพนิสชฺชายปิ ปฎิเกฺขปวเสนฯ

    Avasesaṭṭhāneti yāguaggahitaṭṭhāne. Ṭhānacaṅkamanamevāti adhiṭṭhātabbiriyāpathavasena vuttaṃ, na bhojanādikāle avassaṃ kattabbanisajjāyapi paṭikkhepavasena.

    เถโร ทารุจีริโย

    Thero dārucīriyo

    ‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํฯ ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต มุเต วิญฺญาเตฯ ยโต โข เต, พาหิย, ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต มุเต วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน, ยโต ตฺวํ, พาหิย, น เตนฯ ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ, ยโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถฯ ตโต ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรนฯ เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๑๐) –

    ‘‘Tasmātiha te, bāhiya, evaṃ sikkhitabbaṃ. Diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissati, sute mute viññāte. Yato kho te, bāhiya, diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissati, sute mute viññāte viññātamattaṃ bhavissati, tato tvaṃ, bāhiya, na tena, yato tvaṃ, bāhiya, na tena. Tato tvaṃ, bāhiya, na tattha, yato tvaṃ, bāhiya, na tattha. Tato tvaṃ, bāhiya, nevidha na huraṃ na ubhayamantarena. Esevanto dukkhassā’’ti (udā. 10) –

    เอตฺตเกน อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ

    Ettakena arahattaṃ sacchākāsi.

    ขาณุอาทิปริหรณตฺถํ, ปติฎฺฐิตปาทปริหรณตฺถํ วา ปเสฺสน หรณํ วีติหรณนฺติ วทนฺติฯ ยาว ปติฎฺฐิตปาโท, ตาว อาหรณํ อติหรณํ, ตโต ปรํ หรณํ วีติหรณนฺติ อยํ วา เอเตสํ วิเสโสฯ อวีจินฺติ นิรนฺตรํฯ

    Khāṇuādipariharaṇatthaṃ, patiṭṭhitapādapariharaṇatthaṃ vā passena haraṇaṃ vītiharaṇanti vadanti. Yāva patiṭṭhitapādo, tāva āharaṇaṃ atiharaṇaṃ, tato paraṃ haraṇaṃ vītiharaṇanti ayaṃ vā etesaṃ viseso. Avīcinti nirantaraṃ.

    ปฐมชวเนปิ…เป.… น โหตีติ อิทํ ปญฺจวิญฺญาณวีถิยํ อิตฺถิปุริโสติ รชฺชนาทีนํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ อาวชฺชนโวฎฺฐพฺพนานํ อโยนิโส อาวชฺชนโวฎฺฐพฺพนวเสน อิเฎฺฐ อิตฺถิรูปาทิมฺหิ โลโภ, อนิเฎฺฐ จ ปฎิโฆ อุปฺปชฺชติฯ มโนทฺวาเร ปน อิตฺถิปุริโสติ รชฺชนาทิ โหติ, ตสฺส ปญฺจทฺวารชวนํ มูลํ, ยถาวุตฺตํ วา สพฺพํ ภวงฺคาทิฯ เอวํ มโนทฺวารชวนสฺส มูลวเสน มูลปริญฺญา วุตฺตาฯ อาคนฺตุกตาวกาลิกตา ปน ปญฺจทฺวารชวนเสฺสว อปุพฺพติตฺตรตาวเสนฯ มณิสโปฺป สีหฬทีเป วิชฺชมานา เอกา สปฺปชาตีติ วทนฺติฯ จลนนฺติ กมฺปนํฯ

    Paṭhamajavanepi…pe… na hotīti idaṃ pañcaviññāṇavīthiyaṃ itthipurisoti rajjanādīnaṃ abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Tattha hi āvajjanavoṭṭhabbanānaṃ ayoniso āvajjanavoṭṭhabbanavasena iṭṭhe itthirūpādimhi lobho, aniṭṭhe ca paṭigho uppajjati. Manodvāre pana itthipurisoti rajjanādi hoti, tassa pañcadvārajavanaṃ mūlaṃ, yathāvuttaṃ vā sabbaṃ bhavaṅgādi. Evaṃ manodvārajavanassa mūlavasena mūlapariññā vuttā. Āgantukatāvakālikatā pana pañcadvārajavanasseva apubbatittaratāvasena. Maṇisappo sīhaḷadīpe vijjamānā ekā sappajātīti vadanti. Calananti kampanaṃ.

    อติหรตีติ ยาว มุขา อาหรติฯ วีติหรตีติ ตโต ยาว กุจฺฉิ, ตาว หรติ, กุจฺฉิคตํ วา ปสฺสโต หรติฯ อลฺลตฺตญฺจ อนุปาเลตีติ วายุอาทีหิ อติวิโสสนํ ยถา น โหติ, ตถา ปาเลติฯ อาภุชตีติ ปริเยสนโชฺฌหรณชิณฺณาชิณฺณตาทิํ อาวเชฺชติ, วิชานาตีติ อโตฺถฯ ตํตํวิชานนนิปฺผาทโกเยว หิ ปโยโค ‘‘สมฺมาปโยโค’’ติ วุโตฺตติฯ อถ วา ‘‘สมฺมาปฎิปตฺติมาคมฺม อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภุชนโก นตฺถี’’ติอาทินา วิชานนํ อาภุชนํ

    Atiharatīti yāva mukhā āharati. Vītiharatīti tato yāva kucchi, tāva harati, kucchigataṃ vā passato harati. Allattañca anupāletīti vāyuādīhi ativisosanaṃ yathā na hoti, tathā pāleti. Ābhujatīti pariyesanajjhoharaṇajiṇṇājiṇṇatādiṃ āvajjeti, vijānātīti attho. Taṃtaṃvijānananipphādakoyeva hi payogo ‘‘sammāpayogo’’ti vuttoti. Atha vā ‘‘sammāpaṭipattimāgamma abbhantare attā nāma koci bhujanako natthī’’tiādinā vijānanaṃ ābhujanaṃ.

    อฎฺฐาเนติ มนุสฺสามนุสฺสปริคฺคหิเต อยุเตฺต ฐาเน เขตฺตเทวายตนาทิเกฯ ตุมฺพโต เวฬุนาฬิอาทิอุทกภาชนโตฯ นฺติ ฉฑฺฑิตํ อุทกํฯ

    Aṭṭhāneti manussāmanussapariggahite ayutte ṭhāne khettadevāyatanādike. Tumbato veḷunāḷiādiudakabhājanato. Tanti chaḍḍitaṃ udakaṃ.

    คเตติ คมเนติ ปุเพฺพ อภิกฺกมปฎิกฺกมคฺคหเณน คมเนปิ ปุรโต ปจฺฉโต จ กายสฺส อติหรณํ วุตฺตนฺติ อิธ คมนเมว คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ, วกฺขมาโน วา เอเตสํ วิเสโสฯ

    Gateti gamaneti pubbe abhikkamapaṭikkamaggahaṇena gamanepi purato pacchato ca kāyassa atiharaṇaṃ vuttanti idha gamanameva gahitanti veditabbaṃ, vakkhamāno vā etesaṃ viseso.

    เอตฺตเกนาติ กมฺมฎฺฐานํ อวิสฺสเชฺชตฺวา จตุนฺนํ อิริยาปถานํ ปวตฺตนวจนมเตฺตน โคจรสมฺปชญฺญํ น ปากฎํ โหตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปน สุเตฺต กมฺมฎฺฐานํ อวิภูตํ โหตีติ จงฺกมนฎฺฐานนิสชฺชาสุ เอว ปวเตฺต ปริคฺคณฺหนฺตสฺส สุเตฺต ปวตฺตา อปากฎา โหนฺตีติ อโตฺถฯ

    Ettakenāti kammaṭṭhānaṃ avissajjetvā catunnaṃ iriyāpathānaṃ pavattanavacanamattena gocarasampajaññaṃ na pākaṭaṃ hotīti attho. Evaṃ pana sutte kammaṭṭhānaṃ avibhūtaṃ hotīti caṅkamanaṭṭhānanisajjāsu eva pavatte pariggaṇhantassa sutte pavattā apākaṭā hontīti attho.

    กายาทิกิริยามยตฺตา อาวชฺชนกิริยาสมุฎฺฐิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นาม, ทุติยชฺฌานํ วจีสงฺขารวิรหา ‘‘ตุณฺหีภาโว’’ติ วุจฺจติฯ

    Kāyādikiriyāmayattā āvajjanakiriyāsamuṭṭhitattā ca javanaṃ, sabbampi vā chadvārappavattaṃ kiriyāmayapavattaṃ nāma, dutiyajjhānaṃ vacīsaṅkhāravirahā ‘‘tuṇhībhāvo’’ti vuccati.

    ๕๒๖. อุปาสนฎฺฐานนฺติ อิสฺสาสานํ วิย อุปาสนสฺส สิกฺขาโยคกรณสฺส กมฺมฎฺฐานอุปาสนสฺส ฐานนฺติ อโตฺถฯ ตเมว หิ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘โยคปถ’’นฺติ อาหาติฯ สีสํ โธวตีติ อิจฺฉาทาสพฺยา ภุชิสฺสตํ ญาปยติ, มิจฺฉาปฎิปเนฺนหิ วา ปกฺขิตฺตํ อยสรชํ โธวติฯ

    526. Upāsanaṭṭhānanti issāsānaṃ viya upāsanassa sikkhāyogakaraṇassa kammaṭṭhānaupāsanassa ṭhānanti attho. Tameva hi atthaṃ dassetuṃ ‘‘yogapatha’’nti āhāti. Sīsaṃ dhovatīti icchādāsabyā bhujissataṃ ñāpayati, micchāpaṭipannehi vā pakkhittaṃ ayasarajaṃ dhovati.

    ๕๒๙. วินยปริยาเยน อทินฺนาทานปาราชิเก อาคตํฯ สุตฺตนฺตปริยาเยน อารญฺญกสิกฺขาปเท ‘‘ปญฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อาคตํ อารญฺญิกํ ภิกฺขุํ สนฺธายฯ น หิ โส วินยปริยายิเก อรเญฺญ วสนโต ‘‘อารญฺญโก ปนฺตเสนาสโน’’ติ สุเตฺต วุโตฺตติฯ

    529. Vinayapariyāyena adinnādānapārājike āgataṃ. Suttantapariyāyena āraññakasikkhāpade ‘‘pañcadhanusatikaṃ pacchima’’nti āgataṃ āraññikaṃ bhikkhuṃ sandhāya. Na hi so vinayapariyāyike araññe vasanato ‘‘āraññako pantasenāsano’’ti sutte vuttoti.

    ๕๓๐. ‘‘นิตุมฺพ’’นฺติปิ ‘‘นทีกุญฺช’’นฺติปิ ยํ วทนฺติ, ตํ กนฺทรนฺติ อปพฺพตปเทเสปิ วิทุคฺคนทีนิวตฺตนปเทสํ กนฺทรนฺติ ทเสฺสติฯ

    530. ‘‘Nitumba’’ntipi ‘‘nadīkuñja’’ntipi yaṃ vadanti, taṃ kandaranti apabbatapadesepi vidugganadīnivattanapadesaṃ kandaranti dasseti.

    ๕๓๑. ภาเชตฺวา ทสฺสิตนฺติ เอเตน ภาเชตพฺพตํ อเนฺต นิเทฺทสสฺส การณํ ทเสฺสติฯ

    531. Bhājetvā dassitanti etena bhājetabbataṃ ante niddesassa kāraṇaṃ dasseti.

    ๕๓๓. รหสฺส กิริยา รหสฺสํ, ตํ อรหติ ตสฺส โยคฺคนฺติ ราหเสฺสยฺยกํฯ วิจิตฺตา หิ ตทฺธิตาติฯ รหสิ วา สาธุ รหสฺสํ, ตสฺส โยคฺคํ ราหเสฺสยฺยกํ

    533. Rahassa kiriyā rahassaṃ, taṃ arahati tassa yogganti rāhasseyyakaṃ. Vicittā hi taddhitāti. Rahasi vā sādhu rahassaṃ, tassa yoggaṃ rāhasseyyakaṃ.

    ๕๓๖. ปณิหิโตติ สุฎฺฐุ ฐปิโตฯ

    536. Paṇihitoti suṭṭhu ṭhapito.

    ๕๓๗. ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ ปริคฺคหิตนิยฺยานสภาวํ, กายาทีสุ สุฎฺฐุ ปวตฺติยา นิยฺยานสภาวยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ กายาทิปริคฺคหณํ ญาณํ วา ปริคฺคโห, ตํ-สมฺปยุตฺตตาย ปริคฺคหิตํ นิยฺยานภูตํ อุปฎฺฐานํ กตฺวาติ อโตฺถฯ

    537. Pariggahitaniyyānanti pariggahitaniyyānasabhāvaṃ, kāyādīsu suṭṭhu pavattiyā niyyānasabhāvayuttanti attho. Kāyādipariggahaṇaṃ ñāṇaṃ vā pariggaho, taṃ-sampayuttatāya pariggahitaṃ niyyānabhūtaṃ upaṭṭhānaṃ katvāti attho.

    ๕๔๒-๕๔๓. วิการปฺปตฺติยาติ จิตฺตสฺส วิการาปตฺติภาเวนาติ อโตฺถฯ สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ สตฺตสงฺขารคตสพฺพโกธสงฺคาหิกวเสนฯ สพฺพสงฺคหณญฺจ สมุเจฺฉทปฺปหานสฺสปิ อธิเปฺปตตฺตา กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    542-543. Vikārappattiyāti cittassa vikārāpattibhāvenāti attho. Sabbasaṅgāhikavasenāti sattasaṅkhāragatasabbakodhasaṅgāhikavasena. Sabbasaṅgahaṇañca samucchedappahānassapi adhippetattā katanti veditabbaṃ.

    ๕๔๖. อิทํ สนฺธายาติ ‘‘เทฺว ธมฺมา’’ติ สนฺธายฯ เอกวจเนน ‘‘ถินมิทฺธ’’นฺติ อุทฺทิสิตฺวาปิ นิเทฺทเส ‘‘สนฺตา’’ติ วจนเภโท, พหุวจนํ กตนฺติ อโตฺถฯ นิโรธสนฺตตายาติ วจนํ องฺคสนฺตตาย, สภาวสนฺตตาย วา สนฺตตานิวารณตฺถํฯ

    546. Idaṃsandhāyāti ‘‘dve dhammā’’ti sandhāya. Ekavacanena ‘‘thinamiddha’’nti uddisitvāpi niddese ‘‘santā’’ti vacanabhedo, bahuvacanaṃ katanti attho. Nirodhasantatāyāti vacanaṃ aṅgasantatāya, sabhāvasantatāya vā santatānivāraṇatthaṃ.

    ๕๕๐. ถินมิทฺธวิการวิรหา ตปฺปฎิปกฺขสญฺญา อาโลกสญฺญา นาม โหติฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘อยํ สญฺญา อาโลกา โหตี’’ติฯ

    550. Thinamiddhavikāravirahā tappaṭipakkhasaññā ālokasaññā nāma hoti. Teneva vuttaṃ ‘‘ayaṃ saññā ālokā hotī’’ti.

    ๕๕๓. ‘‘วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา’’ติอาทีนิ, ‘‘อาโลกา โหตี’’ติอาทีนิ จ ‘‘จตฺตตฺตาติอาทีนี’’ติ วุตฺตานิฯ อาทิ-สเทฺทน วา ทฺวินฺนมฺปิ นิเทฺทสปทานิ สงฺคเหตฺวา ตตฺถ ยานิ เยสํ เววจนานิ, ตาเนว สนฺธาย ‘‘อญฺญมญฺญเววจนานี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปฎิมุญฺจโตติ เอเตน สารมฺภํ อภิภวํ ทเสฺสติฯ นิราวรณา หุตฺวา อาภุชติ สมฺปชานาตีติ นิราวรณาโภคา, ตํสภาวตฺตา วิวฎา

    553. ‘‘Vantattā muttattā’’tiādīni, ‘‘ālokā hotī’’tiādīni ca ‘‘cattattātiādīnī’’ti vuttāni. Ādi-saddena vā dvinnampi niddesapadāni saṅgahetvā tattha yāni yesaṃ vevacanāni, tāneva sandhāya ‘‘aññamaññavevacanānī’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Paṭimuñcatoti etena sārambhaṃ abhibhavaṃ dasseti. Nirāvaraṇā hutvā ābhujati sampajānātīti nirāvaraṇābhogā, taṃsabhāvattā vivaṭā.

    ๕๕๖. ‘‘วิกาโล นุ โข, น นุ โข’’ติ อนิจฺฉยตาย กตวตฺถุชฺฌาจารมูลโก วิปฺปฎิสาโร วตฺถุชฺฌาจาโร การณโวหาเรน วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ

    556. ‘‘Vikālo nu kho, na nu kho’’ti anicchayatāya katavatthujjhācāramūlako vippaṭisāro vatthujjhācāro kāraṇavohārena vuttoti daṭṭhabbo.

    ๕๖๒. กิลิสฺสนฺตีติ กิเลเสนฺตีติ อตฺถํ วทนฺติ, สทรถภาเวน สยเมว วา กิลิสฺสนฺติฯ น หิ เต อุปฺปชฺชมานา กิเลสรหิตา อุปฺปชฺชนฺตีติฯ

    562. Kilissantīti kilesentīti atthaṃ vadanti, sadarathabhāvena sayameva vā kilissanti. Na hi te uppajjamānā kilesarahitā uppajjantīti.

    ๕๖๔. อิเธว จ วิภเงฺค ‘‘อุเปโต โหตี’’ติอาทิ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว

    564. Idheva ca vibhaṅge ‘‘upeto hotī’’tiādi tattha tattha vuttameva.

    ๕๘๘. นิเทฺทสวเสนาติ ‘‘ตตฺถ กตมา อุเปกฺขา? ยา อุเปกฺขา’’ติอาทินิเทฺทสวเสนฯ ‘‘อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติอาทิ ปฎินิเทฺทสวเสนาติ วทนฺติฯ ‘‘ตตฺถ กตมา…เป.… อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติ เอเตน ปุคฺคโล นิทฺทิโฎฺฐ โหติ, ‘‘สมุเปโต’’ติอาทินา ปฎินิทฺทิโฎฺฐฯ ยาว วา ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ ปทํ, ตาว นิทฺทิโฎฺฐ, ‘‘เตน วุจฺจติ อุเปกฺขโก’’ติ อิมินา ปฎินิทฺทิโฎฺฐติ เตสํ วเสน นิเทฺทสปฎินิเทฺทสา โยเชตพฺพาฯ ปกาเรนาติ อุเปกฺขาย ‘‘อุเปกฺขนา’’ติอาทิธมฺมปฺปกาเรน ‘‘อุเปโต สมุเปโต’’ติอาทิปุคฺคลปฺปกาเรน จ อุเปกฺขกสทฺทสฺส อตฺถํ ฐเปโนฺต ปฎฺฐเปนฺติฯ ‘‘อุเปกฺขา’’ติ เอตสฺส อตฺถสฺส ‘‘อุเปกฺขนา’’ติ การณํฯ อุเปกฺขนาวเสน หิ อุเปกฺขาติฯ ตถา ‘‘อุเปโต สมุเปโต’’ติ เอเตสํ ‘‘อุปาคโต สมุปาคโต’’ติ การณนฺติ เอวํ ธมฺมปุคฺคลวเสน ตสฺส ตสฺสตฺถสฺส การณํ ทเสฺสนฺตา วิวรนฺติ, ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ อิมเสฺสว วา อตฺถสฺส ‘‘อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติอาทินา การณํ ทเสฺสนฺตาฯ ‘‘อุเปกฺขนา อชฺฌุเปกฺขนา สมุเปโต’’ติอาทินา พฺยญฺชนานํ วิภาคํ ทเสฺสนฺตา วิภชนฺติฯ อุเปกฺขก-สทฺทโนฺตคธาย วา อุเปกฺขาย ตเสฺสว จ อุเปกฺขก-สทฺทสฺส วิสุํ อตฺถวจนํ ‘‘ยา อุเปกฺขา อุเปกฺขนา’’ติอาทินา, ‘‘อิมาย อุเปกฺขาย อุเปโต โหตี’’ติอาทินา จ พฺยญฺชนวิภาโคฯ สพฺพถา อญฺญาตตา นิกุชฺฌิตภาโว, เกนจิ ปกาเรน วิญฺญาเตปิ นิรวเสสปริจฺฉินฺทนาภาโว คมฺภีรภาโว

    588. Niddesavasenāti ‘‘tattha katamā upekkhā? Yā upekkhā’’tiādiniddesavasena. ‘‘Imāya upekkhāya upeto hotī’’tiādi paṭiniddesavasenāti vadanti. ‘‘Tattha katamā…pe… imāya upekkhāya upeto hotī’’ti etena puggalo niddiṭṭho hoti, ‘‘samupeto’’tiādinā paṭiniddiṭṭho. Yāva vā ‘‘samannāgato’’ti padaṃ, tāva niddiṭṭho, ‘‘tena vuccati upekkhako’’ti iminā paṭiniddiṭṭhoti tesaṃ vasena niddesapaṭiniddesā yojetabbā. Pakārenāti upekkhāya ‘‘upekkhanā’’tiādidhammappakārena ‘‘upeto samupeto’’tiādipuggalappakārena ca upekkhakasaddassa atthaṃ ṭhapento paṭṭhapenti. ‘‘Upekkhā’’ti etassa atthassa ‘‘upekkhanā’’ti kāraṇaṃ. Upekkhanāvasena hi upekkhāti. Tathā ‘‘upeto samupeto’’ti etesaṃ ‘‘upāgato samupāgato’’ti kāraṇanti evaṃ dhammapuggalavasena tassa tassatthassa kāraṇaṃ dassentā vivaranti, ‘‘upekkhako’’ti imasseva vā atthassa ‘‘imāya upekkhāya upeto hotī’’tiādinā kāraṇaṃ dassentā. ‘‘Upekkhanā ajjhupekkhanā samupeto’’tiādinā byañjanānaṃ vibhāgaṃ dassentā vibhajanti. Upekkhaka-saddantogadhāya vā upekkhāya tasseva ca upekkhaka-saddassa visuṃ atthavacanaṃ ‘‘yā upekkhā upekkhanā’’tiādinā, ‘‘imāya upekkhāya upeto hotī’’tiādinā ca byañjanavibhāgo. Sabbathā aññātatā nikujjhitabhāvo, kenaci pakārena viññātepi niravasesaparicchindanābhāvo gambhīrabhāvo.

    ๖๐๒. อุปริภูมิปฺปตฺติยาติ อิทํ ‘‘รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา’’ติ เอเตฺถว โยเชตพฺพํฯ วิญฺญาณญฺจายตนาทีนิปิ วา อากาสานญฺจายตนาทีนํ อุปริภูมิโยติ สพฺพตฺถาปิ น น ยุชฺชติฯ

    602. Uparibhūmippattiyāti idaṃ ‘‘rūpasaññānaṃ samatikkamā’’ti ettheva yojetabbaṃ. Viññāṇañcāyatanādīnipi vā ākāsānañcāyatanādīnaṃ uparibhūmiyoti sabbatthāpi na na yujjati.

    ๖๑๐. วิญฺญาณญฺจายตนนิเทฺทเส ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺติ ตํเยว อากาสํ วิญฺญาเณน ผุฎํ มนสิ กโรติ อนนฺตํ ผรติ, เตน วุจฺจติ อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ เอตฺถ วิญฺญาเณนาติ เอตํ อุปโยคเตฺถ กรณวจนํ, ตํเยว อากาสํ ผุฎํ วิญฺญาณํ มนสิ กโรตีติ กิร อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ อยํ วา เอตสฺส อโตฺถ – ตํเยว อากาสํ ผุฎํ วิญฺญาณํ วิญฺญาณญฺจายตนวิญฺญาเณน มนสิ กโรตีติฯ อยํ ปนโตฺถ ยุโตฺต – ตํเยว อากาสํ วิญฺญาเณน ผุฎํ เตน คหิตาการํ มนสิ กโรติ, เอวํ ตํ วิญฺญาณํ อนนฺตํ ผรตีติฯ ยญฺหิ อากาสํ ปฐมารุปฺปสมงฺคี วิญฺญาเณน อนนฺตํ ผรติ, ตํ ผรณาการสหิตเมว วิญฺญาณํ มนสิกโรโนฺต ทุติยารุปฺปสมงฺคี อนนฺตํ ผรตีติ วุจฺจตีติฯ

    610. Viññāṇañcāyatananiddese ‘‘anantaṃ viññāṇanti taṃyeva ākāsaṃ viññāṇena phuṭaṃ manasi karoti anantaṃ pharati, tena vuccati anantaṃ viññāṇa’’nti ettha viññāṇenāti etaṃ upayogatthe karaṇavacanaṃ, taṃyeva ākāsaṃ phuṭaṃ viññāṇaṃ manasi karotīti kira aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Ayaṃ vā etassa attho – taṃyeva ākāsaṃ phuṭaṃ viññāṇaṃ viññāṇañcāyatanaviññāṇena manasi karotīti. Ayaṃ panattho yutto – taṃyeva ākāsaṃ viññāṇena phuṭaṃ tena gahitākāraṃ manasi karoti, evaṃ taṃ viññāṇaṃ anantaṃ pharatīti. Yañhi ākāsaṃ paṭhamāruppasamaṅgī viññāṇena anantaṃ pharati, taṃ pharaṇākārasahitameva viññāṇaṃ manasikaronto dutiyāruppasamaṅgī anantaṃ pharatīti vuccatīti.

    ๖๑๕. ตํเยว วิญฺญาณํ อภาเวตีติ ยํ ปุเพฺพ ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ มนสิ กตํ, ตํเยวาติ อโตฺถฯ ตเสฺสว หิ อารมฺมณภูตํ ปฐเมน วิย รูปนิมิตฺตํ ตติเยนารุเปฺปน อภาเวตีติฯ

    615. Taṃyeva viññāṇaṃ abhāvetīti yaṃ pubbe ‘‘anantaṃ viññāṇa’’nti manasi kataṃ, taṃyevāti attho. Tasseva hi ārammaṇabhūtaṃ paṭhamena viya rūpanimittaṃ tatiyenāruppena abhāvetīti.

    นิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Niddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา

    2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ๖๒๓. อภิธมฺมภาชนีเย ปญฺจกนยทสฺสเน ‘‘ปญฺจ ฌานานี’’ติ จ, ‘‘ตตฺถ กตมํ ปฐมํ ฌาน’’นฺติ จ อาทินา อุทฺธฎํฯ อุทฺธฎานํเยว จตุนฺนํ ปฐมตติยจตุตฺถปญฺจมชฺฌานานํ ทสฺสนโต, ทุติยเสฺสว วิเสสทสฺสนโต จฯ

    623. Abhidhammabhājanīye pañcakanayadassane ‘‘pañca jhānānī’’ti ca, ‘‘tattha katamaṃ paṭhamaṃ jhāna’’nti ca ādinā uddhaṭaṃ. Uddhaṭānaṃyeva catunnaṃ paṭhamatatiyacatutthapañcamajjhānānaṃ dassanato, dutiyasseva visesadassanato ca.

    อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา

    3. Pañhapucchakavaṇṇanā

    ๖๔๐. โลกุตฺตราปเนตฺถาติ เอเตสุ ตีสุฌาเนสุ ‘‘โลกุตฺตรา สิยา อปฺปมาณารมฺมณา’’ติ เอวํ โกฎฺฐาสิกา ปน มคฺคกาเล, ผลกาเล วา โลกุตฺตรภูตา เอวาติ อธิปฺปาโยฯ ปริจฺฉินฺนากาสกสิณาโลกกสิณานาปานพฺรหฺมวิหารจตุตฺถานิ สพฺพตฺถปาทกจตุเตฺถ สงฺคหิตานีติ ทฎฺฐพฺพานิฯ

    640. Lokuttarāpanetthāti etesu tīsujhānesu ‘‘lokuttarā siyā appamāṇārammaṇā’’ti evaṃ koṭṭhāsikā pana maggakāle, phalakāle vā lokuttarabhūtā evāti adhippāyo. Paricchinnākāsakasiṇālokakasiṇānāpānabrahmavihāracatutthāni sabbatthapādakacatutthe saṅgahitānīti daṭṭhabbāni.

    พุทฺธปเจฺจกพุทฺธขีณาสวา มคฺคํ ภาวยิํสุ, ผลํ สจฺฉิกริํสูติ, ภาเวสฺสนฺติ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ จ เหฎฺฐิมมคฺคผลานํ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ กุสลโต เตรสสุ หิ จตุเตฺถสุ อยํ กถา ปวตฺตา, น จ กุสลจตุเตฺถน อรหตฺตมคฺคผลานิ ทฎฺฐุํ สโกฺกติฯ

    Buddhapaccekabuddhakhīṇāsavā maggaṃ bhāvayiṃsu, phalaṃ sacchikariṃsūti, bhāvessanti sacchikarissantīti ca heṭṭhimamaggaphalānaṃ vasena vuttanti veditabbaṃ. Kusalato terasasu hi catutthesu ayaṃ kathā pavattā, na ca kusalacatutthena arahattamaggaphalāni daṭṭhuṃ sakkoti.

    ‘‘กิริยโต เตรสนฺน’’นฺติ เอตฺถ โลกุตฺตรจตุตฺถํ กิริยํ นตฺถีติ ‘‘ทฺวาทสนฺน’’นฺติ วตฺตพฺพํ, กุสลโต วา เตรสสุ เสกฺขผลจตุตฺถํ อโนฺตคธํ กตฺวา ‘‘กิริยโต เตรสนฺน’’นฺติ อเสกฺขจตุเตฺถน สห วทตีติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพตฺถปาทกเญฺจตฺถ ขีณาสวานํ ยานิ อภิญฺญาทีนิ สนฺติ, เตสํ สเพฺพสํ ปาทกตฺตา สพฺพตฺถปาทกนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ เตสํ วฎฺฎํ อตฺถีติฯ ปริจฺฉนฺนากาสกสิณจตุตฺถาทีนิ วิย วา นวตฺตพฺพตาย สพฺพตฺถปาทกสมานตฺตา สพฺพตฺถปาทกตา ทฎฺฐพฺพาฯ

    ‘‘Kiriyato terasanna’’nti ettha lokuttaracatutthaṃ kiriyaṃ natthīti ‘‘dvādasanna’’nti vattabbaṃ, kusalato vā terasasu sekkhaphalacatutthaṃ antogadhaṃ katvā ‘‘kiriyato terasanna’’nti asekkhacatutthena saha vadatīti veditabbaṃ. Sabbatthapādakañcettha khīṇāsavānaṃ yāni abhiññādīni santi, tesaṃ sabbesaṃ pādakattā sabbatthapādakanti daṭṭhabbaṃ. Na hi tesaṃ vaṭṭaṃ atthīti. Paricchannākāsakasiṇacatutthādīni viya vā navattabbatāya sabbatthapādakasamānattā sabbatthapādakatā daṭṭhabbā.

    มโนสงฺขารา นาม สญฺญาเวทนา, จตฺตาโรปิ วา ขนฺธาฯ นิมิตฺตํ อารพฺภาติ เอตฺถ ‘‘นิมิตฺตํ นิพฺพานญฺจา’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Manosaṅkhārā nāma saññāvedanā, cattāropi vā khandhā. Nimittaṃ ārabbhāti ettha ‘‘nimittaṃ nibbānañcā’’ti vattabbaṃ.

    ‘‘อชฺฌโตฺต ธโมฺม อชฺฌตฺตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๒๐.๒๘) เอตฺถ ‘‘อชฺฌตฺตา ขนฺธา อิทฺธิวิธญาณสฺส ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส ยถากมฺมูปคญาณสฺส อนาคตํสญาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตตฺตา น เจโตปริยญาณํ วิย ยถากมฺมูปคญาณํ ปรสนฺตานคตเมว ชานาติ, สสนฺตานคตมฺปิ ปน อปากฎํ รูปํ ทิพฺพจกฺขุ วิย อปากฎํ กมฺมํ วิภาเวติฯ เตนาห ‘‘อตฺตโน กมฺมชานนกาเล’’ติฯ

    ‘‘Ajjhatto dhammo ajjhattassa dhammassa ārammaṇapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.20.28) ettha ‘‘ajjhattā khandhā iddhividhañāṇassa pubbenivāsānussatiñāṇassa yathākammūpagañāṇassa anāgataṃsañāṇassa āvajjanāya ārammaṇapaccayena paccayo’’ti vuttattā na cetopariyañāṇaṃ viya yathākammūpagañāṇaṃ parasantānagatameva jānāti, sasantānagatampi pana apākaṭaṃ rūpaṃ dibbacakkhu viya apākaṭaṃ kammaṃ vibhāveti. Tenāha ‘‘attano kammajānanakāle’’ti.

    ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ฌานวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Jhānavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๒. ฌานวิภโงฺค • 12. Jhānavibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ • 1. Suttantabhājanīyaṃ
    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๒. ฌานวิภโงฺค • 12. Jhānavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact