Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā

    ๑๒. ฌานวิภโงฺค

    12. Jhānavibhaṅgo

    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ

    1. Suttantabhājanīyaṃ

    มาติกาวณฺณนา

    Mātikāvaṇṇanā

    ๕๐๘. ปาติโมกฺขสํวราทีติ อาทิ-สเทฺทน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตญฺญุตา, สติสมฺปชญฺญํ, ชาคริยานุโยโคติ เอวมาทิเก สงฺคณฺหาติฯ อสุภานุสฺสติโยติ อสุภฌานานิ, อนุสฺสติฌานานิ จฯ สติ สมณภาวกรปุพฺพภาคกรณียสมฺปตฺติยํ สมณภาโวปิ สิโทฺธเยว โหตีติ อาห ‘‘สุญฺญา…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ การเณ หิ สิเทฺธ ผลมฺปิ สิทฺธเมว โหตีติฯ สิกฺขาปทานํ สรูปํ, สิกฺขิตพฺพาการํ, สเงฺขปโต วิภาคญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘สิกฺขาปเทสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นามกายาทิวเสนาติ นามกายปทกายพฺยญฺชนกายวเสน วุเตฺตสุฯ อิมินา สิกฺขาปทานํ สิกฺขาย อธิคมูปายภูตปญฺญตฺติสภาวตํ ทเสฺสติฯ เตสุ สิกฺขิตพฺพากาโร สตฺถุอาณานติกฺกโมเยวาติ อาห ‘‘วจ…เป.… ตเพฺพสู’’ติฯ สิกฺขาโกฎฺฐาเสสูติ วุตฺตปฺปเภเทสุ อธิสีลสิกฺขาภาเคสุฯ เตสุ สมาทานเมว สิกฺขิตพฺพากาโรติ วุตฺตํ ‘‘ปริปูรณวเสน สิกฺขิตเพฺพสู’’ติฯ สิกฺขาปเทกเทสภูตาติ สิกฺขาปทสมุทายสฺส อวยวภูตาฯ ภิกฺขุสิกฺขา หิ อิธาธิเปฺปตา ‘‘อิธ ภิกฺขู’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เสสสิกฺขา ปน อตฺถุทฺธารวเสน สิกฺขาสทฺทสฺส อตฺถทสฺสนตฺถํ วุตฺตา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๕๑๖)ฯ

    508. Pātimokkhasaṃvarādīti ādi-saddena indriyesu guttadvāratā, bhojane mattaññutā, satisampajaññaṃ, jāgariyānuyogoti evamādike saṅgaṇhāti. Asubhānussatiyoti asubhajhānāni, anussatijhānāni ca. Sati samaṇabhāvakarapubbabhāgakaraṇīyasampattiyaṃ samaṇabhāvopi siddhoyeva hotīti āha ‘‘suññā…pe… dassetī’’ti. Kāraṇe hi siddhe phalampi siddhameva hotīti. Sikkhāpadānaṃ sarūpaṃ, sikkhitabbākāraṃ, saṅkhepato vibhāgañca dassetuṃ ‘‘sikkhāpadesū’’tiādi vuttaṃ. Tattha nāmakāyādivasenāti nāmakāyapadakāyabyañjanakāyavasena vuttesu. Iminā sikkhāpadānaṃ sikkhāya adhigamūpāyabhūtapaññattisabhāvataṃ dasseti. Tesu sikkhitabbākāro satthuāṇānatikkamoyevāti āha ‘‘vaca…pe… tabbesū’’ti. Sikkhākoṭṭhāsesūti vuttappabhedesu adhisīlasikkhābhāgesu. Tesu samādānameva sikkhitabbākāroti vuttaṃ ‘‘paripūraṇavasena sikkhitabbesū’’ti. Sikkhāpadekadesabhūtāti sikkhāpadasamudāyassa avayavabhūtā. Bhikkhusikkhā hi idhādhippetā ‘‘idha bhikkhū’’ti vuttattā. Tathā hi vakkhati ‘‘sesasikkhā pana atthuddhāravasena sikkhāsaddassa atthadassanatthaṃ vuttā’’ti (vibha. aṭṭha. 516).

    มาติกาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mātikāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิเทฺทสวณฺณนา

    Niddesavaṇṇanā

    ๕๐๙. ทิฎฺฐตฺตาติ สยมฺภูญาเณน สจฺฉิกตตฺตาฯ ขนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สยมฺภูญาเณน สจฺฉิกรณวเสเนว หิ ภควโต ขมนรุจฺจนาทโย, น อเญฺญสํ วิย อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิมุเขนฯ อวิปรีตโฎฺฐ เอกนฺตนิยฺยานเฎฺฐน เวทิตโพฺพฯ สิกฺขิยมาโนติ สิกฺขาย ปฎิปชฺชิยมาโน ฯ สิกฺขิตพฺพานิ สิกฺขาปทานีติ สิกฺขาปทปาฬิํ วทติฯ ขนฺธตฺตยนฺติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยํฯ ‘‘สพฺพปาปสฺส…เป.… พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๑.๙๐; เนตฺติ. ๓๐) วจนโต อาห ‘‘อนุสาสนทานภูตํ สิกฺขตฺตย’’นฺติฯ

    509. Diṭṭhattāti sayambhūñāṇena sacchikatattā. Khantiādīsupi eseva nayo. Sayambhūñāṇena sacchikaraṇavaseneva hi bhagavato khamanaruccanādayo, na aññesaṃ viya anussavākāraparivitakkādimukhena. Aviparītaṭṭho ekantaniyyānaṭṭhena veditabbo. Sikkhiyamānoti sikkhāya paṭipajjiyamāno . Sikkhitabbāni sikkhāpadānīti sikkhāpadapāḷiṃ vadati. Khandhattayanti sīlādikkhandhattayaṃ. ‘‘Sabbapāpassa…pe… buddhāna sāsana’’nti (dha. pa. 183; dī. ni. 1.90; netti. 30) vacanato āha ‘‘anusāsanadānabhūtaṃ sikkhattaya’’nti.

    สมฺมาทิฎฺฐิยา ปจฺจยตฺตาติ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา เอกนฺตเหตุภาวโตฯ เอตฺถ จ สมฺมาทิฎฺฐีติ กมฺมสฺสกตาสมฺมาทิฎฺฐิ, กมฺมปถสมฺมาทิฎฺฐิ จฯ ผลการโณปจาเรหีติ ผลูปจาเรน สมฺมาทิฎฺฐิปจฺจยตฺตา, การณูปจาเรน สมฺมาทิฎฺฐิปุพฺพงฺคมตฺตาฯ กุสลธเมฺมหิ อตฺตโน เอกเทสภูเตหีติ สมฺมาทิฎฺฐิธเมฺม สนฺธายาหฯ กุสลปญฺญาวิญฺญาณานํ วา ปชานนวิชานนวเสน ทสฺสนํ ทิฎฺฐีติฯ เตน อวยวธเมฺมน สมุทายสฺส อุปจริตตํ ทเสฺสติฯ วินยนกิริยตฺตาติ เทสนาภูตํ สิกฺขตฺตยมาหฯ ธเมฺมนาติ ธมฺมโต อนเปเตนฯ อวิสมสภาเวนาติ อวิสเมน สภาเวน, สเมนาติ อโตฺถฯ

    Sammādiṭṭhiyā paccayattāti maggasammādiṭṭhiyā ekantahetubhāvato. Ettha ca sammādiṭṭhīti kammassakatāsammādiṭṭhi, kammapathasammādiṭṭhi ca. Phalakāraṇopacārehīti phalūpacārena sammādiṭṭhipaccayattā, kāraṇūpacārena sammādiṭṭhipubbaṅgamattā. Kusaladhammehi attano ekadesabhūtehīti sammādiṭṭhidhamme sandhāyāha. Kusalapaññāviññāṇānaṃ vā pajānanavijānanavasena dassanaṃ diṭṭhīti. Tena avayavadhammena samudāyassa upacaritataṃ dasseti. Vinayanakiriyattāti desanābhūtaṃ sikkhattayamāha. Dhammenāti dhammato anapetena. Avisamasabhāvenāti avisamena sabhāvena, samenāti attho.

    ๕๑๐. อนญฺญเตฺถนาติ ครหาทิอญฺญตฺถรหิเตน สกเตฺถนฯ ภินฺนปฎธเรติ ภิกฺขุสารุปฺปวเสน ปญฺจขณฺฑาทินา เฉเทน ฉินฺนจีวรธเรฯ

    510. Anaññatthenāti garahādiaññattharahitena sakatthena. Bhinnapaṭadhareti bhikkhusāruppavasena pañcakhaṇḍādinā chedena chinnacīvaradhare.

    เภทนปริยายวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา กิเลสานํ ปหานา กิเลสานํ เภทา ภิกฺขูติ วุตฺตํ โหติฯ

    Bhedanapariyāyavasena vuttaṃ, tasmā kilesānaṃ pahānā kilesānaṃ bhedā bhikkhūti vuttaṃ hoti.

    คุณวเสนาติ เสกฺขธมฺมาทิคุณานํ วเสนฯ เตน ภาวตฺถโต ภิกฺขุสโทฺท ทสฺสิโต โหติฯ

    Guṇavasenāti sekkhadhammādiguṇānaṃ vasena. Tena bhāvatthato bhikkhusaddo dassito hoti.

    อิทํ ทฺวยนฺติ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินา ปรโต สงฺคหทสฺสนวเสน วุตฺตํ ‘‘เสโกฺข’’ติอาทิกํ วจนทฺวยํฯ อิมินาติ ‘‘เสโกฺข ภิกฺขุ ภินฺนตฺตา ปาปกาน’’นฺติ ปทานํ อตฺถทสฺสเนนฯ น สเมติ เสกฺขอเสกฺขปุถุชฺชนาเสกฺขทีปนโตฯ ตทิทนฺติ ปฐมทฺวยํฯ นิปฺปริยายทสฺสนํ อริยานํ , อเสกฺขานํเยว จ เสกฺขภินฺนกิเลสภาวทีปนโตฯ วุโตฺตติ ปฎิญฺญาวจนํ, สจฺจํ วุโตฺตติ อโตฺถฯ น ปน อิธาธิเปฺปโต อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺสิตตฺตาฯ

    Idaṃ dvayanti ‘‘ettha cā’’tiādinā parato saṅgahadassanavasena vuttaṃ ‘‘sekkho’’tiādikaṃ vacanadvayaṃ. Imināti ‘‘sekkho bhikkhu bhinnattā pāpakāna’’nti padānaṃ atthadassanena. Na sameti sekkhaasekkhaputhujjanāsekkhadīpanato. Tadidanti paṭhamadvayaṃ. Nippariyāyadassanaṃ ariyānaṃ , asekkhānaṃyeva ca sekkhabhinnakilesabhāvadīpanato. Vuttoti paṭiññāvacanaṃ, saccaṃ vuttoti attho. Na pana idhādhippeto atthuddhāravasena dassitattā.

    ภควโต วจนนฺติ อุปสมฺปทากมฺมวาจมาหฯ ตทนุรูปนฺติ ตทนุจฺฉวิกํ, ยถาวุตฺตนฺติ อโตฺถฯ ปริสาวตฺถุสีมาสมฺปตฺติโย ‘‘สมเคฺคน สเงฺฆน อกุเปฺปนา’’ติ (วิภ. ๕๑๐) อิมินา ปกาสิตาติ ‘‘ฐานารห’’นฺติ ปทสฺส ‘‘อนูน…เป.… อวุตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว อตฺถมาหฯ

    Bhagavato vacananti upasampadākammavācamāha. Tadanurūpanti tadanucchavikaṃ, yathāvuttanti attho. Parisāvatthusīmāsampattiyo ‘‘samaggena saṅghena akuppenā’’ti (vibha. 510) iminā pakāsitāti ‘‘ṭhānāraha’’nti padassa ‘‘anūna…pe… avutta’’nti ettakameva atthamāha.

    ๕๑๑. อวีติกฺกมนวิรติภาวโตติ อวีติกฺกมสมาทานภูตา วิรตีติ กตฺวา วาริตฺตสีลํ ปตฺวา วิรติ เอว ปธานนฺติ เจตนาสีลสฺสปิ ปริยายตา วุตฺตาฯ ‘‘นครวฑฺฒกี วตฺถุวิชฺชาจริโย’’ติ อิทํ อิธาธิเปฺปตนครวฑฺฒกีทสฺสนํฯ วตฺถุวิชฺชา, ปาสาทวิชฺชาติ ทุวิธา หิ วฑฺฒกีวิชฺชาฯ เลหิตพฺพนฺติ สายิตพฺพํฯ จุพิตพฺพนฺติ ปาตพฺพํฯ

    511. Avītikkamanaviratibhāvatoti avītikkamasamādānabhūtā viratīti katvā vārittasīlaṃ patvā virati eva padhānanti cetanāsīlassapi pariyāyatā vuttā. ‘‘Nagaravaḍḍhakī vatthuvijjācariyo’’ti idaṃ idhādhippetanagaravaḍḍhakīdassanaṃ. Vatthuvijjā, pāsādavijjāti duvidhā hi vaḍḍhakīvijjā. Lehitabbanti sāyitabbaṃ. Cubitabbanti pātabbaṃ.

    อินฺทฺริยสํวราหารตฺตาติ อินฺทฺริยสํวรเหตุกตฺตาฯ ปาติโมกฺขสีลํ สิกฺขาปทสีลํ น ปกติสีลาทิเกน คยฺหตีติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขโต อญฺญํ สีลํ กายิกอวีติกฺกมาทิคฺคหเณน คหิต’’นฺติฯ ตํ ปน ปาติโมกฺขสีเลน น สงฺคยฺหตีติ น สกฺกา วตฺตุํ, กายิกวาจสิกสํวรสฺส ตพฺพินิมุตฺตสฺส อภาวโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺต’’นฺติ อาหฯ

    Indriyasaṃvarāhārattāti indriyasaṃvarahetukattā. Pātimokkhasīlaṃ sikkhāpadasīlaṃ na pakatisīlādikena gayhatīti āha ‘‘pātimokkhato aññaṃ sīlaṃ kāyikaavītikkamādiggahaṇena gahita’’nti. Taṃ pana pātimokkhasīlena na saṅgayhatīti na sakkā vattuṃ, kāyikavācasikasaṃvarassa tabbinimuttassa abhāvatoti dassento ‘‘iminā adhippāyena vutta’’nti āha.

    ตตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส เอวํ อโตฺถ เวทิตโพฺพ – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย สุกรภาวโต, ปุญฺญกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน, อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิโตฺต ฆฎิยนฺตํ วิย อนวฎฺฐาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโลติ ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วาฯ ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมเกฺขตีติ ปาติโมกฺขํฯ จิตฺตสฺส หิ วิโมเกฺขน สโตฺตปิ ‘‘วิมุโตฺต’’ติ วุจฺจติฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐), ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จฯ อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาตีฯ ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔; ๓.๙๙; ๕.๕๒๐; กถา. ๗๕) หิ วุตฺตํฯ ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมโกฺข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํฯ ‘‘กเณฺฐกาโฬ’’ติอาทีนํ วิย ตสฺส สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ

    Tattha pātimokkhasaddassa evaṃ attho veditabbo – kilesānaṃ balavabhāvato, pāpakiriyāya sukarabhāvato, puññakiriyāya ca dukkarabhāvato bahukkhattuṃ apāyesu patanasīloti pātī, puthujjano, aniccatāya vā bhavādīsu kammavegakkhitto ghaṭiyantaṃ viya anavaṭṭhānena paribbhamanato gamanasīloti pātī, maraṇavasena vā tamhi tamhi sattanikāye attabhāvassa pātanasīloti pātī, sattasantāno, cittameva vā. Taṃ pātinaṃ saṃsāradukkhato mokkhetīti pātimokkhaṃ. Cittassa hi vimokkhena sattopi ‘‘vimutto’’ti vuccati. Vuttañhi ‘‘cittavodānā visujjhantī’’ti (saṃ. ni. 3.100), ‘‘anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’’nti (mahāva. 28) ca. Atha vā avijjādinā hetunā saṃsāre patati gacchati pavattatīti pātī. ‘‘Avijjānīvaraṇānaṃ sattānaṃ taṇhāsaṃyojanānaṃ sandhāvataṃ saṃsarata’’nti (saṃ. ni. 2.124; 3.99; 5.520; kathā. 75) hi vuttaṃ. Tassa pātino sattassa taṇhādisaṃkilesattayato mokkho etenāti pātimokkhaṃ. ‘‘Kaṇṭhekāḷo’’tiādīnaṃ viya tassa samāsasiddhi veditabbā.

    อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุเกฺขติ ปาติ, จิตฺตํฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘จิเตฺตน นียติ โลโก, จิเตฺตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒)ฯ ตสฺส ปาติโน โมโกฺข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํฯ ปตติ วา เอเตน อปายทุเกฺข วา สํสารทุเกฺข วาติ ปาตี, ตณฺหาทิสํกิเลโสฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗), ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถา นิเทฺทส ๑๐๗) จ อาทิฯ ตโต โมโกฺขติ ปาติโมกฺขํ

    Atha vā pāteti vinipāteti dukkheti pāti, cittaṃ. Vuttañhi ‘‘cittena nīyati loko, cittena parikassatī’’ti (saṃ. ni. 1.62). Tassa pātino mokkho etenāti pātimokkhaṃ. Patati vā etena apāyadukkhe vā saṃsāradukkhe vāti pātī, taṇhādisaṃkileso. Vuttañhi ‘‘taṇhā janeti purisaṃ (saṃ. ni. 1.55-57), taṇhādutiyo puriso’’ti (itivu. 15; mahāni. 191; cūḷani. pārāyanānugītigāthā niddesa 107) ca ādi. Tato mokkhoti pātimokkhaṃ.

    อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาตีนิ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปโนฺน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐; สุ. นิ. ๑๗๑)ฯ ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมโกฺขติ ปาติโมกฺขํ

    Atha vā patati etthāti pātīni, cha ajjhattikabāhirāni āyatanāni. Vuttañhi ‘‘chasu loko samuppanno, chasu kubbati santhava’’nti (saṃ. ni. 1.70; su. ni. 171). Tato chaajjhattikabāhirāyatanasaṅkhātato pātito mokkhoti pātimokkhaṃ.

    อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร, ตโต โมโกฺขติ ปาติโมกฺขํ

    Atha vā pāto vinipāto assa atthīti pātī, saṃsāro, tato mokkhoti pātimokkhaṃ.

    อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ‘‘ปตี’’ติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมโกฺข, ปติโน โมโกฺข เตน ปญฺญตฺตตฺตาติ ปติโมโกฺข, ปติโมโกฺข เอว ปาติโมกฺขํฯ สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมเฎฺฐน ปติ จ โส ยถาวุเตฺตนเตฺถน โมโกฺข จาติ ปติโมโกฺข, ปติโมโกฺข เอว ปาติโมกฺขํฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโรฯ

    Atha vā sabbalokādhipatibhāvato dhammissaro bhagavā ‘‘patī’’ti vuccati, muccati etenāti mokkho, patino mokkho tena paññattattāti patimokkho, patimokkho eva pātimokkhaṃ. Sabbaguṇānaṃ vā mūlabhāvato uttamaṭṭhena pati ca so yathāvuttenatthena mokkho cāti patimokkho, patimokkho eva pātimokkhaṃ. Tathā hi vuttaṃ ‘‘pātimokkhanti mukhametaṃ pamukhameta’’nti (mahāva. 135) vitthāro.

    อถ วา ป-อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตเตฺถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมเกฺขตีติ ปาติโมกฺขํฯ อิทญฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปญฺญาสหิตญฺจ วิกฺขมฺภนวเสน สมุเจฺฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมเกฺขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํฯ ปติ ปติ โมโกฺขติ วา ปติโมโกฺข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปเจฺจกํ โมโกฺขติ อโตฺถ, ปติโมโกฺขเยว ปาติโมกฺขํฯ โมโกฺข วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฎิพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺขํฯ สีลสํวโร หิ นิเพฺพธภาคิโย สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฎิภาโค วิย โหติ ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโตติ ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขํเยว ปาติโมกฺขํ

    Atha vā pa-iti pakāre, atīti accantatthe nipāto, tasmā pakārehi accantaṃ mokkhetīti pātimokkhaṃ. Idañhi sīlaṃ sayaṃ tadaṅgavasena, samādhisahitaṃ paññāsahitañca vikkhambhanavasena samucchedavasena ca accantaṃ mokkheti mocetīti pātimokkhaṃ. Pati pati mokkhoti vā patimokkho, tamhā tamhā vītikkamadosato paccekaṃ mokkhoti attho, patimokkhoyeva pātimokkhaṃ. Mokkho vā nibbānaṃ, tassa mokkhassa paṭibimbabhūtoti patimokkhaṃ. Sīlasaṃvaro hi nibbedhabhāgiyo sūriyassa aruṇuggamanaṃ viya nibbānassa udayabhūto tappaṭibhāgo viya hoti yathārahaṃ kilesanibbāpanatoti patimokkhaṃ, patimokkhaṃyeva pātimokkhaṃ.

    อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ, โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขํเยว ปาติโมกฺขนฺติฯ อิทมฺปิ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส มุขมตฺตทสฺสนเมวฯ สพฺพากอาเรน ปน ชินปาติโมโกฺข ภควาว อนวชฺชปติโมกฺขํ ปาติโมกฺขํ สํวเณฺณยฺยฯ

    Atha vā mokkhaṃ pati vattati, mokkhābhimukhanti vā patimokkhaṃ, patimokkhaṃyeva pātimokkhanti. Idampi pātimokkhasaddassa mukhamattadassanameva. Sabbākaārena pana jinapātimokkho bhagavāva anavajjapatimokkhaṃ pātimokkhaṃ saṃvaṇṇeyya.

    ๕๑๓. ครุภณฺฑวิสฺสชฺชนกรณภูตํ เอตสฺส อตฺถีติ ครุภณฺฑวิสฺสชฺชนํครุภณฺฑนฺตรภูตํ ถาวราทิฯ อูนกํ น วฎฺฎตีติ ผาติกมฺมํ วุตฺตํฯ อติเรกคฺฆนกํ, ตทคฺฆนกเมว วา วฎฺฎตีติฯ ยถาวุตฺตนฺติ โปกฺขรณิโต ปํสุอุทฺธรณาทิถาวรกมฺมํฯ

    513. Garubhaṇḍavissajjanakaraṇabhūtaṃ etassa atthīti garubhaṇḍavissajjanaṃ. Garubhaṇḍantarabhūtaṃ thāvarādi. Ūnakaṃ na vaṭṭatīti phātikammaṃ vuttaṃ. Atirekagghanakaṃ, tadagghanakameva vā vaṭṭatīti. Yathāvuttanti pokkharaṇito paṃsuuddharaṇādithāvarakammaṃ.

    ธาเรติ, โปเสติ วา ปเรสํ ทารเกฯ

    Dhāreti, poseti vā paresaṃ dārake.

    คิหีนํ กริยมานํ วุตฺตํ, น สงฺฆสฺส, คณสฺส วาติ อโตฺถฯ ปิณฺฑปฎิปิณฺฑนฺติ อุตฺตรปทโลปํ, ปุริมปเท อุตฺตรปทโลปญฺจ กตฺวา นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ปิณฺฑตฺถ’’นฺติอาทิฯ อโยนิโส วิจารณํ อยาถาวปฎิปตฺติฯ

    Gihīnaṃ kariyamānaṃ vuttaṃ, na saṅghassa, gaṇassa vāti attho. Piṇḍapaṭipiṇḍanti uttarapadalopaṃ, purimapade uttarapadalopañca katvā niddesoti āha ‘‘piṇḍattha’’ntiādi. Ayoniso vicāraṇaṃ ayāthāvapaṭipatti.

    ๕๑๔. คจฺฉนฺติ ยถาสกํ วิสเย ปวตฺตนฺตีติ คาโว, จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิฯ

    514. Gacchanti yathāsakaṃ visaye pavattantīti gāvo, cakkhādīni indriyāni.

    วิธุนนํ ปโปฺผฎนํ, ปวาหนนฺติ อโตฺถฯ

    Vidhunanaṃ papphoṭanaṃ, pavāhananti attho.

    ๕๑๕. ยถา กรณโตฺถ กรณียสโทฺท, เอวํ วิกิรณโตฺถปิ โหตีติ อาห ‘‘วิกฺขิปิตพฺพานี’’ติ, วิทฺธํสิตพฺพานีติ อโตฺถฯ สํยมนียานิ วา สํยมกรณียานิ, ‘‘น ปุน เอวํ กโรมี’’ติ อตฺตโน ทหนํ มนสา อธิฎฺฐานํ สํยมนํ, สํยมนกรณียานิ สํวรกรณียานีติ จิตฺตมตฺตายตฺตา เอว สํยมสํวรา อาจริเยน อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘อนาปตฺติคมนียานี’’ติ ฯ อเนฺตวาสิกเตฺถโร ปน เทสนาปิ จิตฺตุปฺปาทมนสิกาเรหิ วินา น โหตีติ เทสนาวิสุทฺธิํ นิสฺสรณํ วทติฯ

    515. Yathā karaṇattho karaṇīyasaddo, evaṃ vikiraṇatthopi hotīti āha ‘‘vikkhipitabbānī’’ti, viddhaṃsitabbānīti attho. Saṃyamanīyāni vā saṃyamakaraṇīyāni, ‘‘na puna evaṃ karomī’’ti attano dahanaṃ manasā adhiṭṭhānaṃ saṃyamanaṃ, saṃyamanakaraṇīyāni saṃvarakaraṇīyānīti cittamattāyattā eva saṃyamasaṃvarā ācariyena adhippetāti āha ‘‘anāpattigamanīyānī’’ti . Antevāsikatthero pana desanāpi cittuppādamanasikārehi vinā na hotīti desanāvisuddhiṃ nissaraṇaṃ vadati.

    ๕๑๖. ‘‘อลงฺกโต เจปิ…เป.… ส ภิกฺขู’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๔๒) วิย อิธาปิ คุณโต ภิกฺขุ อธิเปฺปโตฯ ตถา จ วุตฺตํ ‘‘อิธ ภิกฺขูติ ปฎิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต เอวมาหา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๓๕๕)ฯ ยตฺตกํ เอเกน ปุคฺคเลน อเสเสตฺวา สมาทาตุํ สกฺกา, ตํ สนฺธายาห ‘‘เยน สมาทาเนน สพฺพาปิ สิกฺขา สมาทินฺนา โหนฺตี’’ติ ยถา อุปสมฺปทาปาริปูริยา อเสสํ อุปสมฺปนฺนสิกฺขาสมาทานํฯ นฺติ สมาทานํฯ อเนเกสูติ วิสุํ วิสุํ สมาทาเนสุฯ ยถา สมาทินฺนาย สิกฺขาย สเพฺพน สพฺพํ อวีติกฺกมนํ สิกฺขิตพฺพากาโร, เอวํ สติ วีติกฺกเม เทสนาคามินิยา เทสนา, วุฎฺฐานคามินิยา วุฎฺฐานํ ตทุปายภูตํ ปาริวาสิกวตฺตจรณาทีติ วุตฺตํ ‘‘อวีติ…เป.… อากาเรนา’’ติฯ ยํ สิกฺขาปทํ ปมาเทน วีติกฺกนฺตํ, ตํ สิกฺขิยมานํ น โหตีติ เสสิตํ นาม โหตีติ อาห ‘‘วีติกฺกมนวเสน เสสสฺสา’’ติฯ

    516. ‘‘Alaṅkato cepi…pe… sa bhikkhū’’tiādīsu (dha. pa. 142) viya idhāpi guṇato bhikkhu adhippeto. Tathā ca vuttaṃ ‘‘idha bhikkhūti paṭipattiyā bhikkhubhāvadassanato evamāhā’’ti (vibha. aṭṭha. 355). Yattakaṃ ekena puggalena asesetvā samādātuṃ sakkā, taṃ sandhāyāha ‘‘yena samādānena sabbāpi sikkhā samādinnā hontī’’ti yathā upasampadāpāripūriyā asesaṃ upasampannasikkhāsamādānaṃ. Tanti samādānaṃ. Anekesūti visuṃ visuṃ samādānesu. Yathā samādinnāya sikkhāya sabbena sabbaṃ avītikkamanaṃ sikkhitabbākāro, evaṃ sati vītikkame desanāgāminiyā desanā, vuṭṭhānagāminiyā vuṭṭhānaṃ tadupāyabhūtaṃ pārivāsikavattacaraṇādīti vuttaṃ ‘‘avīti…pe… ākārenā’’ti. Yaṃ sikkhāpadaṃ pamādena vītikkantaṃ, taṃ sikkhiyamānaṃ na hotīti sesitaṃ nāma hotīti āha ‘‘vītikkamanavasena sesassā’’ti.

    ๕๑๙. จิตฺตปริโสธนภาวนาติ จิตฺตสฺส ปริโสธนภูตา อาวรณียธมฺมวิกฺขมฺภิกา สมาธิวิปสฺสนาภาวนา จิตฺตปริโสธนภาวนาฯ สุปฺปปริคฺคาหกนฺติ นิทฺทาปริคฺคาหกํฯ อิทนฺติ อิทํ อโพฺพกิณฺณภวโงฺคตฺตรณสงฺขาตํ กิริยมยจิตฺตานํ อปฺปวตฺตนํ สุปฺปํ นามฯ อิโต ภวโงฺคตฺตรณโตฯ ปุเพฺพ อิโต กิริยมยจิตฺตปฺปวตฺติโต ปรญฺจ นตฺถิฯ อยํ กายกิลมโถ, ถินมิทฺธญฺจ เอตสฺส สุตฺตสฺส ปจฺจโยฯ

    519. Cittaparisodhanabhāvanāti cittassa parisodhanabhūtā āvaraṇīyadhammavikkhambhikā samādhivipassanābhāvanā cittaparisodhanabhāvanā. Suppapariggāhakanti niddāpariggāhakaṃ. Idanti idaṃ abbokiṇṇabhavaṅgottaraṇasaṅkhātaṃ kiriyamayacittānaṃ appavattanaṃ suppaṃ nāma. Ito bhavaṅgottaraṇato. Pubbe ito kiriyamayacittappavattito parañca natthi. Ayaṃ kāyakilamatho, thinamiddhañca etassa suttassa paccayo.

    ๕๒๒. สติปฎฺฐานาทโยติ สติปฎฺฐานสมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทา, เอกเจฺจ จ มคฺคธมฺมา สห น ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ปาฬิยํ น วุตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เอเต ตาว เอกสฺมิํ อารมฺมเณ สห น ปวตฺตนฺตีติ น คเณฺหยฺยุํ, อินฺทฺริยพลานิ กสฺมา น คหิตานีติ อาห ‘‘ปวตฺต…เป.… โหนฺตี’’ติฯ เอวมฺปิ สทฺธินฺทฺริยพลานิ โพชฺฌเงฺคหิ น สงฺคยฺหนฺตีติ กถํ เตสํ ตทโนฺตคธตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ปีติ…เป.… วุตฺตตฺตา’’ติฯ

    522. Satipaṭṭhānādayoti satipaṭṭhānasammappadhānaiddhipādā, ekacce ca maggadhammā saha na pavattanti, tasmā pāḷiyaṃ na vuttāti adhippāyo. Ete tāva ekasmiṃ ārammaṇe saha na pavattantīti na gaṇheyyuṃ, indriyabalāni kasmā na gahitānīti āha ‘‘pavatta…pe… hontī’’ti. Evampi saddhindriyabalāni bojjhaṅgehi na saṅgayhantīti kathaṃ tesaṃ tadantogadhatāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘pīti…pe… vuttattā’’ti.

    ๕๒๓. สมนฺตโตติ สพฺพภาเคสุ สเพฺพสุ อภิกฺกมาทีสุ, สพฺพภาคโต วา เตสุ เอว อภิกฺกมาทีสุ อตฺถานตฺถาทิสพฺพภาคโต สพฺพาการโตฯ สมฺมาติ อวิปรีตํ โยนิโสฯ สมนฺติ อวิสมํ, อิฎฺฐาทิอารมฺมเณ ราคาทิวิสมรหิตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ

    523. Samantatoti sabbabhāgesu sabbesu abhikkamādīsu, sabbabhāgato vā tesu eva abhikkamādīsu atthānatthādisabbabhāgato sabbākārato. Sammāti aviparītaṃ yoniso. Samanti avisamaṃ, iṭṭhādiārammaṇe rāgādivisamarahitaṃ katvāti attho.

    ภิกฺขา จรียติ เอตฺถาติ ภิกฺขาจาโร, ภิกฺขาย จรณฎฺฐานํ, โส เอว โคจโร, ภิกฺขาย จรณเมว วา สมฺปชญฺญสฺส วิสยภาวโต โคจโร, ตสฺมิํ ภิกฺขาจารโคจเรฯ โส ปน อภิกฺกมาทิเภทภินฺนนฺติ วิเสสนวเสน วุตฺตํ ‘‘อภิกฺกมาทีสุ ปนา’’ติฯ กมฺมฎฺฐานสงฺขาเตติ โยคกมฺมสฺส ภาวนาย ปวตฺติฎฺฐานสงฺขาเต อารมฺมเณ, ภาวนากเมฺมเยว วา, โยคิโน สุขวิเสสเหตุตาย วา กมฺมฎฺฐานสงฺขาเต สมฺปชญฺญสฺส วิสยภาเวน โคจเรอภิกฺกมาทีสูติ อภิกฺกมปฎิกฺกมาทีสุ เจว จีวรปารุปนาทีสุ จฯ อสมฺมุยฺหนํ จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผารวเสเนว เตสํ ปวตฺติ, น อญฺญถาติ ยาถาวโต ชานนํฯ

    Bhikkhā carīyati etthāti bhikkhācāro, bhikkhāya caraṇaṭṭhānaṃ, so eva gocaro, bhikkhāya caraṇameva vā sampajaññassa visayabhāvato gocaro, tasmiṃ bhikkhācāragocare. So pana abhikkamādibhedabhinnanti visesanavasena vuttaṃ ‘‘abhikkamādīsu panā’’ti. Kammaṭṭhānasaṅkhāteti yogakammassa bhāvanāya pavattiṭṭhānasaṅkhāte ārammaṇe, bhāvanākammeyeva vā, yogino sukhavisesahetutāya vā kammaṭṭhānasaṅkhāte sampajaññassa visayabhāvena gocare. Abhikkamādīsūti abhikkamapaṭikkamādīsu ceva cīvarapārupanādīsu ca. Asammuyhanaṃ cittakiriyāvāyodhātuvipphāravaseneva tesaṃ pavatti, na aññathāti yāthāvato jānanaṃ.

    กมฺมฎฺฐานํ ปธานํ กตฺวาติ จีวรปารุปนาทิสรีรปริหรณกิจฺจกาเลปิ กมฺมฎฺฐานมนสิการเมว ปธานํ กตฺวาฯ

    Kammaṭṭhānaṃ padhānaṃ katvāti cīvarapārupanādisarīrapariharaṇakiccakālepi kammaṭṭhānamanasikārameva padhānaṃ katvā.

    ตสฺมาติ ยสฺมา อุสฺสุกฺกชาโต หุตฺวา อติวิย มํ ยาจสิ, ยสฺมา จ ชีวิตนฺตรายานํ ทุชฺชานตํ วทสิ, อินฺทฺริยานิ จ เต ปริปากํ คตานิ, ตสฺมาฯ ติหาติ นิปาตมตฺตํฯ เต ตยาฯ เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ วทติฯ สิกฺขิตพฺพนฺติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ ติสฺสนฺนมฺปิ สิกฺขานํ วเสน สิกฺขนํ กาตพฺพํฯ ยถา ปน สิกฺขิตพฺพํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาหฯ

    Tasmāti yasmā ussukkajāto hutvā ativiya maṃ yācasi, yasmā ca jīvitantarāyānaṃ dujjānataṃ vadasi, indriyāni ca te paripākaṃ gatāni, tasmā. Tihāti nipātamattaṃ. Te tayā. Evanti idāni vattabbākāraṃ vadati. Sikkhitabbanti adhisīlasikkhādīnaṃ tissannampi sikkhānaṃ vasena sikkhanaṃ kātabbaṃ. Yathā pana sikkhitabbaṃ, taṃ dassento ‘‘diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissatī’’tiādimāha.

    ตตฺถ ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตนฺติ รูปายตเน จกฺขุวิญฺญาเณน ทิฎฺฐมตฺตํฯ ยถา หิ จกฺขุวิญฺญาณํ รูเป รูปมตฺตเมว ปสฺสติ, น นิจฺจาทิสภาวํ, เอวํ เสสตํทฺวาริกวิญฺญาเณหิปิ เม เอตฺถ ทิฎฺฐมตฺตเมว ภวิสฺสตีติ สิกฺขิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อถ วา ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐํ นาม จกฺขุวิญฺญาณํ, รูเป รูปวิชานนนฺติ อโตฺถฯ มตฺตาติ ปมาณํฯ ทิฎฺฐํ มตฺตา เอตสฺสาติ ทิฎฺฐมตฺตํ, จกฺขุวิญฺญาณมตฺตเมว เม จิตฺตํ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อาปาถคเต รูเป จกฺขุวิญฺญาณํ น รชฺชติ น ทุสฺสติ น มุยฺหติ, เอวํ ราคาทิวิรเหน จกฺขุวิญฺญาณมตฺตเมว เม ชวนํ ภวิสฺสติ, จกฺขุวิญฺญาณปฺปมาเณเนว นํ ฐเปสฺสามีติฯ อถ วา ทิฎฺฐํ นาม จกฺขุวิญฺญาเณน ทิฎฺฐรูปํฯ ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐํ นาม ตเตฺถว อุปฺปนฺนํ สมฺปฎิจฺฉนสนฺตีรณโวฎฺฐพฺพนสงฺขาตํ จิตฺตตฺตยํฯ ยถา ตํ น รชฺชติ น ทุสฺสติ น มุยฺหติ, เอวํ อาปาถคเต รูเป เตเนว สมฺปฎิจฺฉนาทิปฺปมาเณน ชวนํ อุปฺปาเทสฺสามิ, นาสฺส ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา รชฺชนาทิวเสน อุปฺปชฺชิตุํ ทสฺสามีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอส นโย สุตมุเตสุฯ มุตนฺติ จ ตทารมฺมณวิญฺญาเณหิ สทฺธิํ คนฺธรสโผฎฺฐพฺพายตนํ เวทิตพฺพํฯ วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตนฺติ เอตฺถ ปน วิญฺญาตํ นาม มโนทฺวาราวชฺชเนน วิญฺญาตารมฺมณํ, ตสฺมิํ วิญฺญาเตฯ วิญฺญาตมตฺตนฺติ อาวชฺชนปฺปมาณํฯ ยถา อาวชฺชนํ น รชฺชติ น ทุสฺสติ น มุยฺหติ, เอวํ รชฺชนาทิวเสน อุปฺปชฺชิตุํ อทตฺวา อาวชฺชนปฺปมาเณเนว จิตฺตํ ฐเปสฺสามีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ เอวญฺหิ เต พาหิย สิกฺขิตพฺพนฺติ เอวํ อิมาย ปฎิปทาย ตยา พาหิย ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ อนุปวตฺตนวเสน สิกฺขิตพฺพํฯ อิติ ภควา พาหิยสฺส สํขิตฺตรุจิตาย ฉหิ วิญฺญาณกาเยหิ สทฺธิํ ฉฬารมฺมณเภทภินฺนํ วิปสฺสนาวิสยํ ทิฎฺฐาทีหิ จตูหิ โกฎฺฐาเสหิ วิภชิตฺวา ตตฺถสฺส ญาตตีรณปริญฺญํ ทเสฺสติฯ

    Tattha diṭṭhe diṭṭhamattanti rūpāyatane cakkhuviññāṇena diṭṭhamattaṃ. Yathā hi cakkhuviññāṇaṃ rūpe rūpamattameva passati, na niccādisabhāvaṃ, evaṃ sesataṃdvārikaviññāṇehipi me ettha diṭṭhamattameva bhavissatīti sikkhitabbanti attho. Atha vā diṭṭhe diṭṭhaṃ nāma cakkhuviññāṇaṃ, rūpe rūpavijānananti attho. Mattāti pamāṇaṃ. Diṭṭhaṃ mattā etassāti diṭṭhamattaṃ, cakkhuviññāṇamattameva me cittaṃ bhavissatīti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā āpāthagate rūpe cakkhuviññāṇaṃ na rajjati na dussati na muyhati, evaṃ rāgādivirahena cakkhuviññāṇamattameva me javanaṃ bhavissati, cakkhuviññāṇappamāṇeneva naṃ ṭhapessāmīti. Atha vā diṭṭhaṃ nāma cakkhuviññāṇena diṭṭharūpaṃ. Diṭṭhe diṭṭhaṃ nāma tattheva uppannaṃ sampaṭicchanasantīraṇavoṭṭhabbanasaṅkhātaṃ cittattayaṃ. Yathā taṃ na rajjati na dussati na muyhati, evaṃ āpāthagate rūpe teneva sampaṭicchanādippamāṇena javanaṃ uppādessāmi, nāssa taṃ pamāṇaṃ atikkamitvā rajjanādivasena uppajjituṃ dassāmīti evamettha attho daṭṭhabbo. Esa nayo sutamutesu. Mutanti ca tadārammaṇaviññāṇehi saddhiṃ gandharasaphoṭṭhabbāyatanaṃ veditabbaṃ. Viññāte viññātamattanti ettha pana viññātaṃ nāma manodvārāvajjanena viññātārammaṇaṃ, tasmiṃ viññāte. Viññātamattanti āvajjanappamāṇaṃ. Yathā āvajjanaṃ na rajjati na dussati na muyhati, evaṃ rajjanādivasena uppajjituṃ adatvā āvajjanappamāṇeneva cittaṃ ṭhapessāmīti ayamettha attho. Evañhi te bāhiya sikkhitabbanti evaṃ imāya paṭipadāya tayā bāhiya tissannaṃ sikkhānaṃ anupavattanavasena sikkhitabbaṃ. Iti bhagavā bāhiyassa saṃkhittarucitāya chahi viññāṇakāyehi saddhiṃ chaḷārammaṇabhedabhinnaṃ vipassanāvisayaṃ diṭṭhādīhi catūhi koṭṭhāsehi vibhajitvā tatthassa ñātatīraṇapariññaṃ dasseti.

    กถํ? เอตฺถ หิ รูปายตนํ ปสฺสิตพฺพเฎฺฐน ทิฎฺฐํ นาม, จกฺขุวิญฺญาณํ ปน สทฺธิํ ตํทฺวาริกวิญฺญาเณหิ ทสฺสนเฎฺฐน, ตทุภยมฺปิ ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานํ ธมฺมมตฺตเมว, น เอตฺถ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วาฯ ยโต ตํ หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจํ, อุทยพฺพยปฎิปีฬนเฎฺฐน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนเฎฺฐน อนตฺตาติ กุโต ตตฺถ ปณฺฑิตสฺส รชฺชนาทีนํ โอกาโสติ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโยฯ เอส นโย สุตาทีสุปิฯ

    Kathaṃ? Ettha hi rūpāyatanaṃ passitabbaṭṭhena diṭṭhaṃ nāma, cakkhuviññāṇaṃ pana saddhiṃ taṃdvārikaviññāṇehi dassanaṭṭhena, tadubhayampi yathāpaccayaṃ pavattamānaṃ dhammamattameva, na ettha koci kattā vā kāretā vā. Yato taṃ hutvā abhāvaṭṭhena aniccaṃ, udayabbayapaṭipīḷanaṭṭhena dukkhaṃ, avasavattanaṭṭhena anattāti kuto tattha paṇḍitassa rajjanādīnaṃ okāsoti ayañhettha adhippāyo. Esa nayo sutādīsupi.

    อิทานิ ญาตตีรณปริญฺญาสุ ปติฎฺฐิตสฺส อุปริ สห ผเลน ปหานปริญฺญํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยโต โข เต พาหิยา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยโตติ ยทา, ยสฺมา วาฯ เตติ ตวฯ ตโตติ ตทา, ตสฺมา วาฯ เตนาติ เตน ทิฎฺฐาทินา, ทิฎฺฐาทิปฎิพเทฺธน วา ราคาทินาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – พาหิย, ตว ยสฺมิํ กาเล, เยน วา การเณน ทิฎฺฐาทีสุ มยา วุตฺตวิธิํ ปฎิปชฺชนฺตสฺส อวิปรีตสภาวาวโพเธน ทิฎฺฐาทิมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตสฺมิํ กาเล, เตน วา การเณน ตฺวํ เตน ทิฎฺฐาทิปฎิพเทฺธน ราคาทินา สห น ภวิสฺสสิ, รโตฺต วา ทุโฎฺฐ วา มูโฬฺห วา น ภวิสฺสสิ ปหีนราคาทิกตฺตา, เตน วา ทิฎฺฐาทินา สห ปฎิพโทฺธ น ภวิสฺสสีติฯ ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถาติ ยทา, ยสฺมา วา ตฺวํ เตน ราเคน วา รโตฺต, โทเสน วา ทุโฎฺฐ, โมเหน วา มูโฬฺห น ภวิสฺสสิ, ตทา, ตสฺมา วา ตฺวํ ตตฺถ ทิฎฺฐาทิเก น ภวิสฺสสิ, ตสฺมิํ ทิเฎฺฐ วา สุตมุตวิญฺญาเต วา ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (มหาว. ๒๑) ตณฺหามานทิฎฺฐีหิ อลฺลีโน ปติฎฺฐิโต น ภวิสฺสสิฯ เอตฺตาวตา ปหานปริญฺญํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ขีณาสวภูมิ ทสฺสิตาฯ ตโต ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ, น หุรํ, น อุภยมนฺตเรนาติ ยทา ตฺวํ, พาหิย, เตน ราคาทินา ตตฺถ ทิฎฺฐาทีสุ ปฎิพโทฺธ น ภวิสฺสสิ, ตทา ตฺวํ เนว อิธ โลเก, น ปรโลเก, น อุภยตฺถ โหสิฯ เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสาติ กิเลสทุกฺขสฺส, วฎฺฎทุกฺขสฺส จ อยเมว อโนฺต อยํ ปริเจฺฉโท ปริวฎุมภาโวติ อยเมว หิ เอตฺถ อโตฺถ ฯ เย ปน ‘‘อุภยมนฺตเรนา’’ติ ปทํ คเหตฺวา อนฺตราภวํ นาม อิจฺฉนฺติ, เตสํ ตํ มิจฺฉาฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อนฺตราภวกถายํ (กถา. ๕๐๕ อาทโย ) อาวิ ภวิสฺสติฯ

    Idāni ñātatīraṇapariññāsu patiṭṭhitassa upari saha phalena pahānapariññaṃ dassetuṃ ‘‘yato kho te bāhiyā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha yatoti yadā, yasmā vā. Teti tava. Tatoti tadā, tasmā vā. Tenāti tena diṭṭhādinā, diṭṭhādipaṭibaddhena vā rāgādinā. Idaṃ vuttaṃ hoti – bāhiya, tava yasmiṃ kāle, yena vā kāraṇena diṭṭhādīsu mayā vuttavidhiṃ paṭipajjantassa aviparītasabhāvāvabodhena diṭṭhādimattaṃ bhavissati, tasmiṃ kāle, tena vā kāraṇena tvaṃ tena diṭṭhādipaṭibaddhena rāgādinā saha na bhavissasi, ratto vā duṭṭho vā mūḷho vā na bhavissasi pahīnarāgādikattā, tena vā diṭṭhādinā saha paṭibaddho na bhavissasīti. Tato tvaṃ, bāhiya, na tatthāti yadā, yasmā vā tvaṃ tena rāgena vā ratto, dosena vā duṭṭho, mohena vā mūḷho na bhavissasi, tadā, tasmā vā tvaṃ tattha diṭṭhādike na bhavissasi, tasmiṃ diṭṭhe vā sutamutaviññāte vā ‘‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’ti (mahāva. 21) taṇhāmānadiṭṭhīhi allīno patiṭṭhito na bhavissasi. Ettāvatā pahānapariññaṃ matthakaṃ pāpetvā khīṇāsavabhūmi dassitā. Tato tvaṃ, bāhiya, nevidha, na huraṃ, na ubhayamantarenāti yadā tvaṃ, bāhiya, tena rāgādinā tattha diṭṭhādīsu paṭibaddho na bhavissasi, tadā tvaṃ neva idha loke, na paraloke, na ubhayattha hosi. Esevanto dukkhassāti kilesadukkhassa, vaṭṭadukkhassa ca ayameva anto ayaṃ paricchedo parivaṭumabhāvoti ayameva hi ettha attho . Ye pana ‘‘ubhayamantarenā’’ti padaṃ gahetvā antarābhavaṃ nāma icchanti, tesaṃ taṃ micchā. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ parato antarābhavakathāyaṃ (kathā. 505 ādayo ) āvi bhavissati.

    เอเตสนฺติ อติหรณวีติหรณานํฯ

    Etesanti atiharaṇavītiharaṇānaṃ.

    ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทินา ปญฺจวิญฺญาณวีถิยํ ปุเรตรํ ปวตฺตอโยนิโสมนสิการวเสน อาวชฺชนาทีนํ อโยนิโส อาวชฺชนาทินา อิฎฺฐาทิอารมฺมเณ โลภาทิปฺปวตฺติมตฺตํ โหติ, น ปน อิตฺถิปุริสาทิวิกปฺปคาโห, มโนทฺวาเรเยว ปน โส โหตีติ ทเสฺสติฯ ตสฺสาติ ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิกสฺสฯ ภวงฺคาทีติ ภวงฺคอาวชฺชนทสฺสนานิ, สมฺปฎิจฺฉนสนฺตีรณโวฎฺฐพฺพนปญฺจทฺวาริกชวนญฺจฯ อปุพฺพติตฺตรตาวเสนาติ อปุพฺพตาอิตฺตรภาวานํ วเสนฯ

    ‘‘Tattha hī’’tiādinā pañcaviññāṇavīthiyaṃ puretaraṃ pavattaayonisomanasikāravasena āvajjanādīnaṃ ayoniso āvajjanādinā iṭṭhādiārammaṇe lobhādippavattimattaṃ hoti, na pana itthipurisādivikappagāho, manodvāreyeva pana so hotīti dasseti. Tassāti ‘‘itthī, puriso’’ti rajjanādikassa. Bhavaṅgādīti bhavaṅgaāvajjanadassanāni, sampaṭicchanasantīraṇavoṭṭhabbanapañcadvārikajavanañca. Apubbatittaratāvasenāti apubbatāittarabhāvānaṃ vasena.

    อติหรตีติ มุขทฺวารํ อติกฺกมิตฺวา หรติฯ ตํตํวิชานนนิปฺผาทโกติ ตสฺส ตสฺส ปริเยสนาทิวิสยสฺส, วิชานนสฺส จ นิปฺผาทโกฯ เยน หิ ปโยเคน ปริเยสนาทิ นิปฺผชฺชติ, โส ตพฺพิสยํ วิชานนมฺปิ นิปฺผาเทติ นาม โหติฯ สมฺมาปฎิปตฺตินฺติ ธเมฺมสุ อวิปรีตปฎิปตฺติํ ยถาภูตาวโพธํฯ

    Atiharatīti mukhadvāraṃ atikkamitvā harati. Taṃtaṃvijānananipphādakoti tassa tassa pariyesanādivisayassa, vijānanassa ca nipphādako. Yena hi payogena pariyesanādi nipphajjati, so tabbisayaṃ vijānanampi nipphādeti nāma hoti. Sammāpaṭipattinti dhammesu aviparītapaṭipattiṃ yathābhūtāvabodhaṃ.

    คมเนปีติ คมนปโยเคปิฯ อติหรณํ ยถาฐิตเสฺสว กายสฺส อิจฺฉิตเทสาภิมุขกรณํฯ คมนํ เทสนฺตรุปฺปตฺติฯ วกฺขมาโนติ ‘‘อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺตติ…เป.… อทฺธาคมนวเสน กถิโตฯ คเต ฐิเต นิสิเนฺนติ เอตฺถ วิหาเร จุณฺณิกปาทุทฺธารอิริยาปถวเสน กถิโต’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๕๒๓) วกฺขมาโน วิเสโสฯ

    Gamanepīti gamanapayogepi. Atiharaṇaṃ yathāṭhitasseva kāyassa icchitadesābhimukhakaraṇaṃ. Gamanaṃ desantaruppatti. Vakkhamānoti ‘‘abhikkante paṭikkanteti…pe… addhāgamanavasena kathito. Gate ṭhite nisinneti ettha vihāre cuṇṇikapāduddhārairiyāpathavasena kathito’’ti (vibha. aṭṭha. 523) vakkhamāno viseso.

    ปวเตฺตติ จงฺกมาทีสุ ปวเตฺต รูปารูปธเมฺมฯ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อนิจฺจาทิโตฯ

    Pavatteti caṅkamādīsu pavatte rūpārūpadhamme. Pariggaṇhantassa aniccādito.

    กายิกกิริยาทินิพฺพตฺตกชวนํ ผลูปจาเรน ‘‘กายาทิกิริยามย’’นฺติ วุตฺตํฯ กิริยาสมุฎฺฐิตตฺตาติ ปน การณูปจาเรนฯ

    Kāyikakiriyādinibbattakajavanaṃ phalūpacārena ‘‘kāyādikiriyāmaya’’nti vuttaṃ. Kiriyāsamuṭṭhitattāti pana kāraṇūpacārena.

    ๕๒๖. กมฺมฎฺฐานอุปาสนสฺสาติ กมฺมฎฺฐานภาวนายฯ โยคปถนฺติ ภาวนาโยคฺคกิริยาย ปวตฺตนมคฺคํฯ

    526. Kammaṭṭhānaupāsanassāti kammaṭṭhānabhāvanāya. Yogapathanti bhāvanāyoggakiriyāya pavattanamaggaṃ.

    ๕๓๗. กายาทีสูติ กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุฯ สุฎฺฐุ ปวตฺติยาติ อสุภานุปสฺสนาทิวเสน ปวตฺติยาฯ นิยฺยานสภาโว สมฺมาสติตา เอว ฯ อุปฎฺฐานนฺติ สติํ กิจฺจโต ทเสฺสติฯ เอตฺถ จ ยถาวุโตฺต ปริคฺคโห ชาโต เอติสฺสาติ ปริคฺคหิตา, ตํ ปริคฺคหิตํ นิยฺยานภูตํ สติํ กตฺวาติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    537. Kāyādīsūti kāyavedanācittadhammesu. Suṭṭhu pavattiyāti asubhānupassanādivasena pavattiyā. Niyyānasabhāvo sammāsatitā eva . Upaṭṭhānanti satiṃ kiccato dasseti. Ettha ca yathāvutto pariggaho jāto etissāti pariggahitā, taṃ pariggahitaṃ niyyānabhūtaṃ satiṃ katvāti attho veditabbo.

    ๕๔๒-๓. ปกุปฺปนํ อิธ วิการาปตฺติภาโว

    542-3. Pakuppanaṃ idha vikārāpattibhāvo.

    ๕๕๐. ตปฺปฎิปกฺขสญฺญาติ ถินมิทฺธปฎิปกฺขสญฺญาฯ สา อตฺถโต ตทงฺคาทิวเสน ถินมิทฺธวิโนทนาการปฺปวตฺตา กุสลวิตกฺกสมฺปยุตฺตสญฺญา, ตถาภูโต วา จิตฺตุปฺปาโท สญฺญาสีเสน วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    550. Tappaṭipakkhasaññāti thinamiddhapaṭipakkhasaññā. Sā atthato tadaṅgādivasena thinamiddhavinodanākārappavattā kusalavitakkasampayuttasaññā, tathābhūto vā cittuppādo saññāsīsena vuttoti veditabbo.

    ๕๕๓. สารมฺภนฺติ อารมฺภวนฺตํ, สหารมฺภนฺติ อโตฺถฯ นิราวรณาโภคา ถินมิทฺธนฺธการวิคเมน นิราวรณสมนฺนาหารสญฺญาฯ วิวฎา อปฺปฎิจฺฉาทนาฯ

    553. Sārambhanti ārambhavantaṃ, sahārambhanti attho. Nirāvaraṇābhogā thinamiddhandhakāravigamena nirāvaraṇasamannāhārasaññā. Vivaṭā appaṭicchādanā.

    ๕๖๔. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหตี’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๑๑)ฯ

    564. Tattha tatthāti ‘‘iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hotī’’tiādīsu (vibha. 511).

    ๕๘๘. ยถา เกนจิ นิกฺกุชฺชิตํ ‘‘อิทํ นาเมต’’นฺติ ปกติญาเณน น ญายติ, เอวํ สพฺพปฺปกาเรน อวิทิตํ นิกฺกุชฺชิตํ วิย โหตีติ อาห ‘‘สพฺพถา อญฺญาตตา นิกฺกุชฺชิตภาโว’’ติฯ นิรวเสสปริจฺฉินฺทนาภาโวติ ทุวิเญฺญยฺยตาย นิรวเสสโต ปริจฺฉินฺทิตพฺพตาภาโว, ปริจฺฉินฺทิกาภาโว วาฯ เอกเทเสเนว หิ คมฺภีรํ ญายติฯ

    588. Yathā kenaci nikkujjitaṃ ‘‘idaṃ nāmeta’’nti pakatiñāṇena na ñāyati, evaṃ sabbappakārena aviditaṃ nikkujjitaṃ viya hotīti āha ‘‘sabbathā aññātatā nikkujjitabhāvo’’ti. Niravasesaparicchindanābhāvoti duviññeyyatāya niravasesato paricchinditabbatābhāvo, paricchindikābhāvo vā. Ekadeseneva hi gambhīraṃ ñāyati.

    อาจิกฺขนฺตีติอาทิโต ปริพฺยตฺตํ กเถนฺติฯ เทเสนฺตีติ อุปทิสนวเสน วทนฺติ, ปโพเธนฺติ วาฯ ปญฺญาเปนฺตีติ ปชานาเปนฺติ, สํปกาเสนฺตีติ อโตฺถฯ ปฎฺฐเปนฺตีติ ปกาเรหิ อสงฺกรโต ฐเปนฺติฯ วิวรนฺตีติ วิวฎํ กโรนฺติฯ วิภชนฺตีติ วิภตฺตํ กโรนฺติฯ อุตฺตานีกโรนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฎํ กโรนฺติฯ เอตฺถ จ ‘‘ปญฺญาเปนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิฯ ‘‘อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺตี’’ติ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ พฺยญฺชนปทานีติ เอวํ อตฺถพฺยญฺชนปทสมฺปนฺนาย อุฬาราย ปสํสาย ปสํสนํ ทเสฺสติฯ ยํ ปเนเตสุ อตฺถพฺยญฺชนปเทสุ วตฺตพฺพํ, ตํ เนตฺติอฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๓ อาทโย) วิตฺถารโต วุตฺตเมว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Ācikkhantītiādito paribyattaṃ kathenti. Desentīti upadisanavasena vadanti, pabodhenti vā. Paññāpentīti pajānāpenti, saṃpakāsentīti attho. Paṭṭhapentīti pakārehi asaṅkarato ṭhapenti. Vivarantīti vivaṭaṃ karonti. Vibhajantīti vibhattaṃ karonti. Uttānīkarontīti anuttānaṃ gambhīraṃ uttānaṃ pākaṭaṃ karonti. Ettha ca ‘‘paññāpentī’’tiādīhi chahi padehi atthapadāni dassitāni. ‘‘Ācikkhanti desentī’’ti pana dvīhi padehi byañjanapadānīti evaṃ atthabyañjanapadasampannāya uḷārāya pasaṃsāya pasaṃsanaṃ dasseti. Yaṃ panetesu atthabyañjanapadesu vattabbaṃ, taṃ nettiaṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 23 ādayo) vitthārato vuttameva, tasmā tattha vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ๖๐๒. เอเตฺถว โยเชตพฺพํ ตสฺส เหฎฺฐาภูมิสมติกฺกมนมุเขน ภูมิวิเสสาธิคมุปายทีปนโตฯ สพฺพตฺถาปีติ ‘‘รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา, อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ สเพฺพสุปิ สมติกฺกมวจเนสุฯ

    602. Etthevayojetabbaṃ tassa heṭṭhābhūmisamatikkamanamukhena bhūmivisesādhigamupāyadīpanato. Sabbatthāpīti ‘‘rūpasaññānaṃ samatikkamā, ākāsānañcāyatanaṃ samatikkammā’’ti sabbesupi samatikkamavacanesu.

    ๖๑๐. ตํเยว อากาสํ ผุฎํ วิญฺญาณนฺติ ตํเยว กสิณุคฺฆาฎิมากาสํ ‘‘อนนฺต’’นฺติ มนสิกาเรน ผุฎํ ผริตฺวา ฐิตํ ปฐมารุปฺปวิญฺญาณํ ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ มนสิ กโรตีติ อโตฺถฯ ทุติยวิกเปฺป ปน สามญฺญโชตนา วิเสเส ติฎฺฐตีติ ‘‘ผุฎ’’นฺติ อิมินา วิญฺญาณเมว วุตฺตนฺติ ผุฎํ วิญฺญาณนฺติ ปฐมารุปฺปวิญฺญาณมาหฯ ตญฺหิ อากาสสฺส สผรณกวิญฺญาณํฯ วิญฺญาเณนาติ จ กรณเตฺถ กรณวจนํ, ตญฺจ ทุติยารุปฺปวิญฺญาณํ วทตีติ อาห ‘‘วิญฺญาณญฺจายตนวิญฺญาเณน มนสิ กโรตี’’ติฯ เตนาติ ปฐมารุปฺปวิญฺญาเณนฯ คหิตาการนฺติ อนนฺตผรณวเสน คหิตาการํฯ มนสิ กโรตีติ ทุติยารุปฺปปริกมฺมมนสิกาเรน มนสิ กโรติฯ เอวนฺติ ยถาวุตฺตาการํ กสิณุคฺฆาฎิมากาเส ปฐมารุปฺปวิญฺญาเณน อนนฺตผรณวเสน โย คหิตากาโร, ตํ มนสิ กโรนฺตํเยวฯ ตํ วิญฺญาณนฺติ ตํ ทุติยารุปฺปวิญฺญาณํฯ อนนฺตํ ผรตีติ ‘‘อนนฺต’’นฺติ ผรติ, ตสฺมา ทุติโยเยวโตฺถ ยุโตฺตติฯ ‘‘ยญฺหี’’ติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ ปากฎํ กโรติฯ ตํผรณาการสหิตนฺติ ตสฺมิํ อากาเส ผรณาการสหิตํฯ วิญฺญาณนฺติ ปฐมารุปฺปวิญฺญาณํฯ

    610. Taṃyeva ākāsaṃ phuṭaṃ viññāṇanti taṃyeva kasiṇugghāṭimākāsaṃ ‘‘ananta’’nti manasikārena phuṭaṃ pharitvā ṭhitaṃ paṭhamāruppaviññāṇaṃ ‘‘anantaṃ viññāṇa’’nti manasi karotīti attho. Dutiyavikappe pana sāmaññajotanā visese tiṭṭhatīti ‘‘phuṭa’’nti iminā viññāṇameva vuttanti phuṭaṃ viññāṇanti paṭhamāruppaviññāṇamāha. Tañhi ākāsassa sapharaṇakaviññāṇaṃ. Viññāṇenāti ca karaṇatthe karaṇavacanaṃ, tañca dutiyāruppaviññāṇaṃ vadatīti āha ‘‘viññāṇañcāyatanaviññāṇena manasi karotī’’ti. Tenāti paṭhamāruppaviññāṇena. Gahitākāranti anantapharaṇavasena gahitākāraṃ. Manasi karotīti dutiyāruppaparikammamanasikārena manasi karoti. Evanti yathāvuttākāraṃ kasiṇugghāṭimākāse paṭhamāruppaviññāṇena anantapharaṇavasena yo gahitākāro, taṃ manasi karontaṃyeva. Taṃ viññāṇanti taṃ dutiyāruppaviññāṇaṃ. Anantaṃ pharatīti ‘‘ananta’’nti pharati, tasmā dutiyoyevattho yuttoti. ‘‘Yañhī’’tiādinā yathāvuttamatthaṃ pākaṭaṃ karoti. Taṃpharaṇākārasahitanti tasmiṃ ākāse pharaṇākārasahitaṃ. Viññāṇanti paṭhamāruppaviññāṇaṃ.

    ๖๑๕. ปุเพฺพติ ทุติยารุปฺปปริกมฺมกาเลฯ ยํ ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ มนสิ กตํ, ตํเยว ปฐมารุปฺปวิญฺญาณเมวฯ ตํเยว หิ อภาเวติฯ อารมฺมณาติกฺกมวเสน หิ เอตา สมาปตฺติโย ลทฺธพฺพาติฯ

    615. Pubbeti dutiyāruppaparikammakāle. Yaṃ ‘‘anantaṃ viññāṇa’’nti manasi kataṃ, taṃyeva paṭhamāruppaviññāṇameva. Taṃyeva hi abhāveti. Ārammaṇātikkamavasena hi etā samāpattiyo laddhabbāti.

    นิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Niddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา

    2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ๖๒๓. จตุกฺกนเย ทุติยชฺฌานเมว เยสํ วิจาโร โอฬาริกโต น อุปฎฺฐาติ, เยสญฺจ อุปฎฺฐาติ, เตสํ วเสน ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา เทสิตนฺติ จตุกฺกนยโต ปญฺจกนโย นีหโตติ อาห ‘‘อุทฺธฎานํเยว จตุนฺนํ…เป.… ทสฺสนโต จา’’ติฯ

    623. Catukkanaye dutiyajjhānameva yesaṃ vicāro oḷārikato na upaṭṭhāti, yesañca upaṭṭhāti, tesaṃ vasena dvidhā bhinditvā desitanti catukkanayato pañcakanayo nīhatoti āha ‘‘uddhaṭānaṃyeva catunnaṃ…pe… dassanato cā’’ti.

    อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา

    3. Pañhapucchakavaṇṇanā

    ๖๔๐. ตีสูติ ปฐมาทีสุ ตีสุฯ จตุกฺกนเยน หิ ตํ วุตฺตํฯ เอวํโกฎฺฐาสิกาติ อปฺปมาณาติ วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘โลกุตฺตรภูตา เอวาติ อธิปฺปาโย’’ติฯ ปริจฺฉินฺนากาส…เป.… จตุตฺถานํ วฎฺฎวิปสฺสนาปาทกตฺตา ‘‘สพฺพตฺถปาทกจตุเตฺถ สงฺคหิตานี’’ติ วุตฺตํฯ

    640. Tīsūti paṭhamādīsu tīsu. Catukkanayena hi taṃ vuttaṃ. Evaṃkoṭṭhāsikāti appamāṇāti vuttā. Tenāha ‘‘lokuttarabhūtā evāti adhippāyo’’ti. Paricchinnākāsa…pe… catutthānaṃ vaṭṭavipassanāpādakattā ‘‘sabbatthapādakacatutthe saṅgahitānī’’ti vuttaṃ.

    อยํ กถาติ ปริตฺตารมฺมณาทิกถาฯ เหฎฺฐิโม อริโย อุปริมสฺส อริยสฺส โลกุตฺตรจิตฺตานิ ปฎิวิชฺฌิตุํ น สโกฺกตีติ วุตฺตํ ‘‘น จ…เป.… สโกฺกตี’’ติฯ

    Ayaṃ kathāti parittārammaṇādikathā. Heṭṭhimo ariyo uparimassa ariyassa lokuttaracittāni paṭivijjhituṃ na sakkotīti vuttaṃ ‘‘na ca…pe… sakkotī’’ti.

    ‘‘กิริยโต ทฺวาทสนฺน’’นฺติ จ ปาโฐ อตฺถิฯ สห วทติ โลกุตฺตรผลจตุตฺถตาสามเญฺญนาติ อธิปฺปาโยฯ อิธ สพฺพสทฺทสฺส ปเทสสพฺพวาจิภาวโต เอกเทสสฺส อสมฺภเวปิ สพฺพตฺถปาทกตา เอว เวทิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สพฺพตฺถ…เป.… ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ อาหฯ ปริจฺฉินฺนากาสกสิณจตุตฺถาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน อานาปานจตุตฺถาทโย สงฺคหิตาฯ นวตฺตพฺพตายาติ นวตฺตพฺพารมฺมณตายฯ

    ‘‘Kiriyato dvādasanna’’nti ca pāṭho atthi. Saha vadati lokuttaraphalacatutthatāsāmaññenāti adhippāyo. Idha sabbasaddassa padesasabbavācibhāvato ekadesassa asambhavepi sabbatthapādakatā eva veditabbāti dassetuṃ ‘‘sabbattha…pe… daṭṭhabba’’nti āha. Paricchinnākāsakasiṇacatutthādīnīti ādi-saddena ānāpānacatutthādayo saṅgahitā. Navattabbatāyāti navattabbārammaṇatāya.

    นิพฺพานญฺจาติ วตฺตพฺพํ ตทารมฺมณสฺสาปิ พหิทฺธารมฺมณภาวโตฯ

    Nibbānañcāti vattabbaṃ tadārammaṇassāpi bahiddhārammaṇabhāvato.

    ‘‘สสนฺตานคตมฺปี’’ติ อิทํ รูป-สเทฺทน, กมฺม-สเทฺทน จ สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘สสนฺตานคตมฺปิ อปากฎํ รูปํ ทิพฺพจกฺขุ วิย สสนฺตานคตมฺปิ อปากฎํ กมฺมํ วิภาเวตี’’ติฯ ปากเฎ ปน สสนฺตานคเต รูเป, กเมฺม จ อภิญฺญาญาเณน ปโยชนํ นตฺถีติ ‘‘อปากฎ’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ

    ‘‘Sasantānagatampī’’ti idaṃ rūpa-saddena, kamma-saddena ca sambandhitabbaṃ ‘‘sasantānagatampi apākaṭaṃ rūpaṃ dibbacakkhu viya sasantānagatampi apākaṭaṃ kammaṃ vibhāvetī’’ti. Pākaṭe pana sasantānagate rūpe, kamme ca abhiññāñāṇena payojanaṃ natthīti ‘‘apākaṭa’’nti visesetvā vuttaṃ.

    ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ฌานวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Jhānavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๒. ฌานวิภโงฺค • 12. Jhānavibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ • 1. Suttantabhājanīyaṃ
    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๒. ฌานวิภโงฺค • 12. Jhānavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact