Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. ชิณฺณสุตฺตวณฺณนา
5. Jiṇṇasuttavaṇṇanā
๑๔๘. ปญฺจเม ชิโณฺณติ เถโร มหลฺลโกฯ ครุกานีติ ตํ สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธกาลโต ปฎฺฐาย ฉินฺนภินฺนฎฺฐาเน สุตฺตสํสิพฺพเนน เจว อคฺคฬทาเนน จ อเนกานิ ปฎลานิ หุตฺวา ครุกานิ ชาตานิฯ นิพฺพสนานีติ ปุเพฺพ ภควตา นิวาเสตฺวา อปนีตตาย เอวํลทฺธนามานิฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ตฺวํ ชิโณฺณ เจว ครุปํสุกูโล จฯ คหปตานีติ ปํสุกูลิกงฺคํ วิสฺสเชฺชตฺวา คหปตีหิ ทินฺนจีวรานิ ธาเรหีติ วทติฯ นิมนฺตนานีติ ปิณฺฑปาติกงฺคํ วิสฺสเชฺชตฺวา สลากภตฺตาทีนิ นิมนฺตนานิ ภุญฺชาหีติ วทติฯ มม จ สนฺติเกติ อารญฺญิกงฺคํ วิสฺสเชฺชตฺวา คามนฺตเสนาสเนเยว วสาหีติ วทติฯ
148. Pañcame jiṇṇoti thero mahallako. Garukānīti taṃ satthu santikā laddhakālato paṭṭhāya chinnabhinnaṭṭhāne suttasaṃsibbanena ceva aggaḷadānena ca anekāni paṭalāni hutvā garukāni jātāni. Nibbasanānīti pubbe bhagavatā nivāsetvā apanītatāya evaṃladdhanāmāni. Tasmāti yasmā tvaṃ jiṇṇo ceva garupaṃsukūlo ca. Gahapatānīti paṃsukūlikaṅgaṃ vissajjetvā gahapatīhi dinnacīvarāni dhārehīti vadati. Nimantanānīti piṇḍapātikaṅgaṃ vissajjetvā salākabhattādīni nimantanāni bhuñjāhīti vadati. Mama ca santiketi āraññikaṅgaṃ vissajjetvā gāmantasenāsaneyeva vasāhīti vadati.
นนุ จ ยถา ราชา เสนาปติํ เสนาปติฎฺฐาเน ฐเปตฺวา ตสฺส ราชูปฎฺฐานาทินา อตฺตโน กเมฺมน อาราเธนฺตเสฺสว ตํ ฐานนฺตรํ คเหตฺวา อญฺญสฺส ททมาโน อยุตฺตํ นาม กโรติ, เอวํ สตฺถา มหากสฺสปเตฺถรสฺส ปจฺจุคฺคมนตฺถาย ติคาวุตํ มคฺคํ คนฺตฺวา ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ อนฺตเร พหุปุตฺตกรุกฺขมูเล นิสิโนฺน ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปาเทตฺวา เตน สทฺธิํ อตฺตโน จีวรํ ปริวเตฺตตฺวา เถรํ ชาติอารญฺญิกงฺคเญฺจว ชาติปํสุกูลิกงฺคญฺจ อกาสิ, โส ตสฺมิํ กตฺตุกมฺยตาฉเนฺทน สตฺถุ จิตฺตํ อาราเธนฺตเสฺสว ปํสุกูลาทีนิ วิสฺสชฺชาเปตฺวา คหปติจีวรปฎิคฺคหณาทีสุ นิโยเชโนฺต อยุตฺตํ นาม กโรตีติฯ น กโรติฯ กสฺมา? อตฺตชฺฌาสยตฺตาฯ น หิ สตฺถา ธุตงฺคานิ วิสฺสชฺชาเปตุกาโม, ยถา ปน อฆฎฺฎิตา เภริอาทโย สทฺทํ น วิสฺสเชฺชนฺติ, เอวํ อฆฎฺฎิตา เอวรูปา ปุคฺคลา น สีหนาทํ นทนฺตีติ นทาเปตุกาโม สีหนาทชฺฌาสเยน เอวมาหฯ เถโรปิ สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูเปเนว ‘‘อหํ โข, ภเนฺต, ทีฆรตฺตํ อารญฺญิโก เจวา’’ติอาทินา นเยน สีหนาทํ นทติฯ
Nanu ca yathā rājā senāpatiṃ senāpatiṭṭhāne ṭhapetvā tassa rājūpaṭṭhānādinā attano kammena ārādhentasseva taṃ ṭhānantaraṃ gahetvā aññassa dadamāno ayuttaṃ nāma karoti, evaṃ satthā mahākassapattherassa paccuggamanatthāya tigāvutaṃ maggaṃ gantvā rājagahassa ca nāḷandāya ca antare bahuputtakarukkhamūle nisinno tīhi ovādehi upasampādetvā tena saddhiṃ attano cīvaraṃ parivattetvā theraṃ jātiāraññikaṅgañceva jātipaṃsukūlikaṅgañca akāsi, so tasmiṃ kattukamyatāchandena satthu cittaṃ ārādhentasseva paṃsukūlādīni vissajjāpetvā gahapaticīvarapaṭiggahaṇādīsu niyojento ayuttaṃ nāma karotīti. Na karoti. Kasmā? Attajjhāsayattā. Na hi satthā dhutaṅgāni vissajjāpetukāmo, yathā pana aghaṭṭitā bheriādayo saddaṃ na vissajjenti, evaṃ aghaṭṭitā evarūpā puggalā na sīhanādaṃ nadantīti nadāpetukāmo sīhanādajjhāsayena evamāha. Theropi satthu ajjhāsayānurūpeneva ‘‘ahaṃ kho, bhante, dīgharattaṃ āraññiko cevā’’tiādinā nayena sīhanādaṃ nadati.
ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารนฺติ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร นาม อารญฺญิกเสฺสว ลพฺภติ, โน คามนฺตวาสิโนฯ คามนฺตสฺมิญฺหิ วสโนฺต ทารกสทฺทํ สุณาติ, อสปฺปายรูปานิ ปสฺสติ, อสปฺปาเย สเทฺท สุณาติ, เตนสฺส อนภิรติ อุปฺปชฺชติฯ อารญฺญิโก ปน คาวุตํ วา อฑฺฒโยชนํ วา อติกฺกมิตฺวา อรญฺญํ อโชฺฌคาเหตฺวา วสโนฺต ทีปิพฺยคฺฆสีหาทีนํ สเทฺท สุณาติ, เยสํ สวนปจฺจยา อมานุสิกาสวนรติ อุปฺปชฺชติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
Diṭṭhadhammasukhavihāranti diṭṭhadhammasukhavihāro nāma āraññikasseva labbhati, no gāmantavāsino. Gāmantasmiñhi vasanto dārakasaddaṃ suṇāti, asappāyarūpāni passati, asappāye sadde suṇāti, tenassa anabhirati uppajjati. Āraññiko pana gāvutaṃ vā aḍḍhayojanaṃ vā atikkamitvā araññaṃ ajjhogāhetvā vasanto dīpibyagghasīhādīnaṃ sadde suṇāti, yesaṃ savanapaccayā amānusikāsavanarati uppajjati. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –
‘‘สุญฺญาคารํ ปวิฎฺฐสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
‘‘Suññāgāraṃ paviṭṭhassa, santacittassa bhikkhuno;
อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตฯ
Amānusī ratī hoti, sammā dhammaṃ vipassato.
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํฯ (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔);
Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānataṃ. (dha. pa. 373-374);
‘‘ปุรโต ปจฺฉโต วาปิ, อปโร เจ น วิชฺชติ;
‘‘Purato pacchato vāpi, aparo ce na vijjati;
ตเตฺถว ผาสุ ภวติ, เอกสฺส รมโต วเน’’ติฯ
Tattheva phāsu bhavati, ekassa ramato vane’’ti.
ตถา ปิณฺฑปาติกเสฺสว ลพฺภติ, โน อปิณฺฑปาติกสฺสฯ อปิณฺฑปาติโก หิ อกาลจารี โหติ, ตุริตจารํ คจฺฉติ, ปริวเตฺตติ, ปลิพุโทฺธว คจฺฉติ, ตตฺถ จ พหุสํสโย โหติฯ ปิณฺฑปาติโก ปน น อกาลจารี โหติ, น ตุริตจารํ คจฺฉติ, น ปริวเตฺตติ, อปลิพุโทฺธว คจฺฉติ, ตตฺถ จ น พหุสํสโย โหติฯ
Tathā piṇḍapātikasseva labbhati, no apiṇḍapātikassa. Apiṇḍapātiko hi akālacārī hoti, turitacāraṃ gacchati, parivatteti, palibuddhova gacchati, tattha ca bahusaṃsayo hoti. Piṇḍapātiko pana na akālacārī hoti, na turitacāraṃ gacchati, na parivatteti, apalibuddhova gacchati, tattha ca na bahusaṃsayo hoti.
กถํ? อปิณฺฑปาติโก หิ คามโต ทูรวิหาเร วสมาโน กาลเสฺสว ‘‘ยาคุํ วา ปาริวาสิกภตฺตํ วา ลจฺฉามิ, อาสนสาลาย วา ปน อุเทฺทสภตฺตาทีสุ กิญฺจิเทว มยฺหํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ มกฺกฎกสุตฺตานิ ฉินฺทโนฺต สยิตโครูปานิ อุฎฺฐาเปโนฺต ปาโตว คจฺฉโนฺต อกาลจารี โหติฯ มนุเสฺส เขตฺตกมฺมาทีนํ อตฺถาย เคหา นิกฺขเนฺตเยว สมฺปาปุณิตุํ มิคํ อนุพนฺธโนฺต วิย เวเคน คจฺฉโนฺต ตุริตจารี โหติฯ อนฺตรา กิญฺจิเทว ทิสฺวา ‘‘อสุกอุปาสโก วา อสุกอุปาสิกา วา เคเห, โน เคเห’’ติ ปุจฺฉติ, ‘‘โน เคเห’’ติ สุตฺวา ‘‘อิทานิ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ? อคฺคิทโฑฺฒ วิย ปเวธติ, สยํ ปจฺฉิมทิสํ คนฺตุกาโม ปาจีนทิสาย สลากํ ลภิตฺวา อญฺญํ ปจฺฉิมทิสาย ลทฺธสลากํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภเนฺต, อหํ ปจฺฉิมทิสํ คมิสฺสามิ, มม สลากํ ตุเมฺห คณฺหถ, ตุมฺหากํ สลากํ มยฺหํ เทถา’’ติ สลากํ ปริวเตฺตติฯ เอกํ วา ปน สลากภตฺตํ อาหริตฺวา ปริภุญฺชโนฺต ‘‘อปรสฺสาปิ สลากภตฺตสฺส ปตฺตํ เทถา’’ติ มนุเสฺสหิ วุเตฺต, ‘‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ เทถ, อหํ มยฺหํ ปเตฺต ภตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา ตุมฺหากํ ปตฺตํ ทสฺสามี’’ติ อญฺญสฺส ปตฺตํ ทาเปตฺวา ภเตฺต อาหเฎ อตฺตโน ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา ปตฺตํ ปฎิเทโนฺต ปตฺตํ ปริวเตฺตติ นามฯ วิหาเร ราชราชมหามตฺตาทโย มหาทานํ เทนฺติ, อิมินา จ ภิโยฺย ทูรคาเม สลากา ลทฺธา, ตตฺถ อคจฺฉโนฺต ปุน สตฺตาหํ สลากํ น ลภตีติ อลาภภเยน คจฺฉติ, เอวํ คจฺฉโนฺต ปลิพุโทฺธ หุตฺวา คจฺฉติ นามฯ ยสฺส เจส สลากภตฺตาทิโน อตฺถาย คจฺฉติ, ‘‘ตํ ทสฺสนฺติ นุ โข เม, อุทาหุ น ทสฺสนฺติ, ปณีตํ นุ โข ทสฺสนฺติ, อุทาหุ ลูขํ, โถกํ นุ โข, อุทาหุ พหุกํ, สีตลํ นุ โข, อุทาหุ อุณฺห’’นฺติ เอวํ ตตฺถ จ พหุสํสโย โหติฯ
Kathaṃ? Apiṇḍapātiko hi gāmato dūravihāre vasamāno kālasseva ‘‘yāguṃ vā pārivāsikabhattaṃ vā lacchāmi, āsanasālāya vā pana uddesabhattādīsu kiñcideva mayhaṃ pāpuṇissatī’’ti makkaṭakasuttāni chindanto sayitagorūpāni uṭṭhāpento pātova gacchanto akālacārī hoti. Manusse khettakammādīnaṃ atthāya gehā nikkhanteyeva sampāpuṇituṃ migaṃ anubandhanto viya vegena gacchanto turitacārī hoti. Antarā kiñcideva disvā ‘‘asukaupāsako vā asukaupāsikā vā gehe, no gehe’’ti pucchati, ‘‘no gehe’’ti sutvā ‘‘idāni kuto labhissāmī’’ti? Aggidaḍḍho viya pavedhati, sayaṃ pacchimadisaṃ gantukāmo pācīnadisāya salākaṃ labhitvā aññaṃ pacchimadisāya laddhasalākaṃ upasaṅkamitvā, ‘‘bhante, ahaṃ pacchimadisaṃ gamissāmi, mama salākaṃ tumhe gaṇhatha, tumhākaṃ salākaṃ mayhaṃ dethā’’ti salākaṃ parivatteti. Ekaṃ vā pana salākabhattaṃ āharitvā paribhuñjanto ‘‘aparassāpi salākabhattassa pattaṃ dethā’’ti manussehi vutte, ‘‘bhante, tumhākaṃ pattaṃ detha, ahaṃ mayhaṃ patte bhattaṃ pakkhipitvā tumhākaṃ pattaṃ dassāmī’’ti aññassa pattaṃ dāpetvā bhatte āhaṭe attano patte pakkhipitvā pattaṃ paṭidento pattaṃ parivatteti nāma. Vihāre rājarājamahāmattādayo mahādānaṃ denti, iminā ca bhiyyo dūragāme salākā laddhā, tattha agacchanto puna sattāhaṃ salākaṃ na labhatīti alābhabhayena gacchati, evaṃ gacchanto palibuddho hutvā gacchati nāma. Yassa cesa salākabhattādino atthāya gacchati, ‘‘taṃ dassanti nu kho me, udāhu na dassanti, paṇītaṃ nu kho dassanti, udāhu lūkhaṃ, thokaṃ nu kho, udāhu bahukaṃ, sītalaṃ nu kho, udāhu uṇha’’nti evaṃ tattha ca bahusaṃsayo hoti.
ปิณฺฑปาติโก ปน กาลเสฺสว วุฎฺฐาย วตฺตปฎิวตฺตํ กตฺวา สรีรํ ปฎิชคฺคิตฺวา วสนฎฺฐานํ ปวิสิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ มนสิกตฺวา กาลํ สลฺลเกฺขตฺวา มหาชนสฺส อุฬุงฺกภิกฺขาทีนิ ทาตุํ ปโหนกกาเล คจฺฉตีติ น อกาลจารี โหติ, เอเกกํ ปทวารํ ฉ โกฎฺฐาเส กตฺวา วิปสฺสโนฺต คจฺฉตีติ น ตุริตจารี โหติ, อตฺตโน ครุภาเวน ‘‘อสุโก เคเห, น เคเห’’ติ น ปุจฺฉติ, สลากภตฺตาทีนิเยว น คณฺหาติฯ อคณฺหโนฺต กิํ ปริวเตฺตสฺสติ? น อญฺญสฺส วเสน ปลิพุโทฺธว โหติ , กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรโนฺต ยถารุจิ คจฺฉติ, อิตโร วิย น พหุสํสโย โหติฯ เอกสฺมิํ คาเม วา วีถิยา วา อลภิตฺวา อญฺญตฺถ จรติฯ ตสฺมิมฺปิ อลภิตฺวา อญฺญตฺถ จรโนฺต มิสฺสโกทนํ สงฺกฑฺฒิตฺวา อมตํ วิย ปริภุญฺชิตฺวา คจฺฉติฯ
Piṇḍapātiko pana kālasseva vuṭṭhāya vattapaṭivattaṃ katvā sarīraṃ paṭijaggitvā vasanaṭṭhānaṃ pavisitvā kammaṭṭhānaṃ manasikatvā kālaṃ sallakkhetvā mahājanassa uḷuṅkabhikkhādīni dātuṃ pahonakakāle gacchatīti na akālacārī hoti, ekekaṃ padavāraṃ cha koṭṭhāse katvā vipassanto gacchatīti na turitacārī hoti, attano garubhāvena ‘‘asuko gehe, na gehe’’ti na pucchati, salākabhattādīniyeva na gaṇhāti. Agaṇhanto kiṃ parivattessati? Na aññassa vasena palibuddhova hoti , kammaṭṭhānaṃ manasikaronto yathāruci gacchati, itaro viya na bahusaṃsayo hoti. Ekasmiṃ gāme vā vīthiyā vā alabhitvā aññattha carati. Tasmimpi alabhitvā aññattha caranto missakodanaṃ saṅkaḍḍhitvā amataṃ viya paribhuñjitvā gacchati.
ปํสุกูลิกเสฺสว ลพฺภติ, โน อปํสุกูลิกสฺสฯ อปํสุกูลิโก หิ วสฺสาวาสิกํ ปริเยสโนฺต จรติ, น เสนาสนสปฺปายํ ปริเยสติฯ ปํสุกูลิโก ปน น วสฺสาวาสิกํ ปริเยสโนฺต จรติ, เสนาสนสปฺปายเมว ปริเยสติฯ เตจีวริกเสฺสว ลพฺภติ, น อิตรสฺสฯ อเตจีวริโก หิ พหุภโณฺฑ พหุปริกฺขาโร โหติ, เตนสฺส ผาสุวิหาโร นตฺถิฯ อปฺปิจฺฉาทีนเญฺจว ลพฺภติ, น อิตเรสนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตโน จ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ สมฺปสฺสมาโน’’ติฯ ปญฺจมํฯ
Paṃsukūlikasseva labbhati, no apaṃsukūlikassa. Apaṃsukūliko hi vassāvāsikaṃ pariyesanto carati, na senāsanasappāyaṃ pariyesati. Paṃsukūliko pana na vassāvāsikaṃ pariyesanto carati, senāsanasappāyameva pariyesati. Tecīvarikasseva labbhati, na itarassa. Atecīvariko hi bahubhaṇḍo bahuparikkhāro hoti, tenassa phāsuvihāro natthi. Appicchādīnañceva labbhati, na itaresanti. Tena vuttaṃ – ‘‘attano ca diṭṭhadhammasukhavihāraṃ sampassamāno’’ti. Pañcamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. ชิณฺณสุตฺตํ • 5. Jiṇṇasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. ชิณฺณสุตฺตวณฺณนา • 5. Jiṇṇasuttavaṇṇanā